SlideShare a Scribd company logo
1 of 18
หลักการใช้ Tense ทัง้ 12 
18/01/2011 View: 1,529,400 
Tense 
Tense คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา ที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทาหรือเหตุการ นัน้ๆเกิดขึน้เมื่อใด ซึ่งเรื่อง 
tense นีเ้ป็นเรื่องสาคัญ ถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้ 
เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนัน้จะอยู่ในรูปของ tense เสมอ 
ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าาเกิดขึน้เมื่อใดมาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense 
นีม้าเป็นตัวบอก ดังนีก้ารศึกษาเรื่อง tense จึงเป็นเรื่องจา เป็น. 
Tense ในภาษาอังกฤษนีจ้ะแบ่ง ออกเป็น 3 tense ใหญ่ๆคือ 
1. Present tense ปัจจุบัน 
2. Past tense อดีตกาล 
3. Future tense อนาคตกาล 
ในแต่ละ tense ยังแยกย่อยได้ tense ละ 4 คือ 
1 . Simple tense ธรรมดา(ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน). 
2. Continuous tense กาลังกระทาอย(ู่กาลังเกิดอยู่) 
3. Perfect tense สมบูรณ์(ทาเรียบร้อยแล้ว).
4. Perfect continuous tense สมบูรณ์กาลังกระทา(ทาเรียบร้อยแล้วและกาลัง ดาเนินอยู่ด้วย). 
โครงสร้างของ Tense ทัง้ 12 มีดังนี้ 
Present Tense 
[1.1] S + Verb 1 + ……(บอกความจริงที่เกิดขึน้ง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน). 
[Present] [1.2] S + is, am, are + Verb 1 ing + …(บอกว่าเดี๋ยวนีก้าลังเกิดอะไร อยู่). 
[1.3] S + has, have + Verb 3 + ….(บอกว่าได้ทามาแล้วจนถึง ปัจจุบัน). 
[1.4] S + has, have + been + Verb 1 ing + …(บอกว่าได้ทามาแล้วและกาลังทา ต่อไปอีก). 
Past Tense 
[2.1] S + Verb 2 + …..(บอกเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วใน อดีต). 
[Past] [2.2] S + was, were + Verb 1 +…(บอกเรื่องที่กาลังทาอยู่ในอดีต).
[2.3] S + had + verb 3 + …(บอกเรื่อที่ทามาแล้วในอดีตใน ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง). 
[2.4] S + had + been + verb 1 ing + …(บอกเรื่องที่ทามาแล้วอย่างต่อ เนื่องไม่หยุด). 
Future Tense 
[3.1] S + will, shall + verb 1 +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึน้ในอนาคต). 
[Feature] [3.2] S + will, shall + be + Verb 1 ing + ….(บอกว่าอนาคตนัน้ๆกาลังทาอะไร อยู่). 
[3.3] S + will,s hall + have + Verb 3 +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสาเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง). 
[3.4] S + will,shall + have + been + verb 1 ing +.. ..(บอกเรื่องที่จะทาอย่างต่อเนื่องในเวลาใด 
- เวลาหนึ่งในอนาคตและ จะทาต่อไปเรื่อยข้างหน้า). 
หลักการใช้แต่ละ tense มีดังนี้ 
[1.1] Present simple tense เช่น He walks. เขาเดิน, 
1. ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึน้ตามความจริงของธรรมชาติ และคาสุภาษิตคา พังเพย. 
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม).
3. ใช้กับกริยาที่ทานานไม่ได้ เช่น รัก, เข้าใจ, รู้ เป็นต้น. 
4. ใช้กับการกระทาที่คิดว่าจะเกหิดขึน้ในอนาคตอันใกล้(จะมีคาวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย). 
5. ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต เช่นนิยาย นิทาน. 
6. ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต ที่ต้นประโยคจะขึน้ต้น ด้วยคาว่า If (ถ้า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), as 
soon as (เมื่อ,ขณะที่), till (จนกระทั่ง) , whenever (เมื่อไรก็ ตาม), while (ขณะที่) เป็นต้น. 
7. ใช้กับเรื่องที่กระทาอย่างสม่าเสมอ และมีคาวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่าเสมอร่วมอยู่ด้วย เช่น always (เสมอๆ), 
often (บ่อยๆ), every day (ทุกๆวัน) เป็นต้น. 
8. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [1.1] ประโยคตามต้องใช้ [1.1] ด้วยเสมอ. 
[1.2] Present continuous tense เช่น He is walking. เขากาลังเดิน. 
1. ใช้ในเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในขณะที่พูด(ใช้ now ร่วมด้วยก็ได้ โดยใส่ไว้ต้น ประโยค, หลังกริยา 
หรือสุดประโยคก็ ได้). 
2. ใช้ในเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน เช่น ในวันนี้,ในปีนี้.
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึน้ในอนาคตอันใกล้ เช่น เร็วๆนี้, พรุ่งนี.้ 
*หมายเหตุ กริยาที่ทานานไม่ได้ เช่น รัก ,เข้าใจ, รู้, ชอบ จะนามาแต่งใน Tense นีไ้ม่ได้. 
[1.3] Present perfect tense เช่น He has walk เขาได้เดินแล้ว. 
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้แล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน และจะมีคาว่า Since (ตัง้แต่) และ for 
(เป็นเวลา) มาใช้ร่วมด้วยเสมอ. 
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยทามาแล้วในอดีต (จะกี่ครั้งก็ได้ หรือจะทาอีกใน ปัจจุบัน หรือจะทาในอนาคต 
ก็ได้)และจะมีคา ว่า ever (เคย) , never (ไม่เคย) มาใช้ร่วมด้วย. 
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่จบลงแล้วแต่ผู้พูดยังประทับใจอยู่ (ถ้าไม่ประทับใจก็ใช้ Tense 
4. ใช้กับ เหตุการที่เพิ่งจบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู่) ซึ่งจะมีคาเหล่านีม้าใช้ร่วมด้วยเสมอ คือ Just (เพิ่งจะ), 
already (เรียบร้อยแล้ว), yet (ยัง), finally (ในที่สุด) เป็นต้น. 
[1.4] Present perfect continuous tense เช่น He has been walking . เขาได้กาลังเดินแล้ว.
* มีหลักการใช้เหมือน [1.3] ทุกประการ เพียงแต่ว่าเน้นว่าจะทาต่อไปในอนาคตด้วย ซึ่ง [1.3] 
นัน้ไม่เน้นว่าได้กระทาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วน [1.4] 
นีเ้น้นว่ากระทามาอย่างต่อเนื่องและจะกระทาต่อไปในอนาคตอีกด้วย. 
[2.1] Past simple tense เช่น He walked. เขาเดิน แล้ว. 
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้และจบลงแล้วในอดีต มิได้ต่อเนื่องมาถึงขณะ ที่พูด 
และมักมีคาต่อไปนีม้าร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น Yesterday, year เป็นต้น. 
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ทาเป็นประจาในอดีตที่ผ่านมาในครัง้นัน้ๆ ซึ่งต้องมีคาวิเศษณ์บอกความถี่ (เช่น Always, every 
day ) กับคาวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น yesterday, last month ) 2 อย่างมาร่วมอยู่ด้วยเสมอ. 
3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดขึน้มาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้เกิด อยู่ หรือไม่ได้เป็นดั่งในอดีตนัน้แล้ว ซึ่งจะมีคาว่า 
ago นีร้่วมอยู่ด้วย. 
4. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [2.1] ประโยคคล้อยตามก็ต้อง เป็น [2.1] ด้วย. 
[2.2] Past continuous tense เช่น He was walking . เขากาลังเดินแล้ว 
1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึน้ไม่พร้อมกัน { 2.2 นีไ้ม่นิยมใช้ตามลาพัง - ถ้าเกิดก่อนใช้ 2.2 - 
ถ้าเกิดทีหลังใช้ 2.1}.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ ไดกระทาติดต่อกันตลอดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประโยค ซึ่งจะมีคาบอกเวลาร่วมอยดู่้วยในประโยค 
เช่น all day yesterday etc. 
3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่กาลังทาในเวลาเดียวกัน(ใช้เฉพาะกริยาที่ทาได้นานเท่านัน้ 
หากเป็นกริยาที่ทานานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1 กับ 2.2 จะดูจืดชืดเช่น He was cleaning the 
house while I was cooking breakfast. 
[2.3] Past perfect tense เช่น He had walk. เขาได้เดินแล้ว. 
1. ใช้กับ เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอดีต มีหลักการใช้ดังนี.้ 
เกิดก่อนใช้ 2.3 เกิดทีหลังใช้ 2.1. 
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาอันเดียวก็ได้ในอดีต แต่ต้องระบุชั่วโมงและวันให้แน่ชัดไว้ในทุกประโยคด้วยทุกครัง้ 
เช่น She had breakfast at eight o’ clock yesterday. 
[2.4] past perfect continuous tense เช่น He had been walking. 
มีหลักการใช้เหมือนกับ 2.3 ทุกกรณี เพียงแต่ tense นี้ ต้องการยา้ถึงความต่อเนื่องของการกระทาที่ 1 
ว่าได้กระทาต่อเนื่องไปจนถึงการกระทาที่ 2 โดยมิได้หยุด เช่น When we arrive at the meeting , the
lecturer had been speaking for an hour . เมื่อพวกเราไปถึงที่ ประชุม ผู้บรรยายได้พูดมาแล้ว เป็นเวลา 1 
ชั่วโมง. 
[3.1] Future simple tense เช่น He will walk. เขาจะเดิน. 
ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึน้ในอนาคต ซึ่งจะมีคาว่า tomorrow, to night, next week, next month 
เป็นต้น มาร่วมอยู่ด้วย. 
* Shall ใช้กับ I we. 
Will ใช้กับบุรุษที่ 2 และนามทั่วๆไป. 
Will, shall จะใช้สลับกันในกรณีที่จะให้คามั่นสัญญา, ข่มขู่บังคับ, ตกลงใจแน่วแน่. 
Will, shall ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้โดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้. 
Be going to (จะ) ใช้กับความจงใจของมนุษย์ เท่านัน้ ห้ามใช้กับเหตุการณ์ของธรรมชาติและนิยมใช้ใน 
ประโยคเงื่อนไข.
[3.2] Future continuous tense เช่น He will be walking. เขากาลังจะ เดิน. 
1. ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนัน้กาลังทาอะไรอยู่ (ต้องกาหนดเวลาแน่นอน ด้วยเสมอ). 
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอนาคต มีกลักการใช้ดังนี.้ 
- เกิดก่อนใช้ 3.2 S + will be, shall be + Verb 1 ing. 
- เกิดทีหลังใช้ 1.1 S + Verb 1 . 
[3.3] Future prefect tens เช่น He will walked. เขาจะได้เดินแล้ว. 
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึน้หรือสาเร็จลงในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต โดยจะมีคาว่า by นาหน้ากลุ่มคาที่บอกเวลา 
ด้วย เช่น by tomorrow , by next week เป็น ต้น. 
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี.้ 
- เกิดก่อนใช้ 3.3 S + will, shall + have + Verb 3. 
- เกิด ที่หลังใช้ 1.1 S + Verb 1 .
[3.4] Future prefect continuous tense เช่น He will have been walking. เขาจะได้กาลัง เดินแล้ว. 
ใช้เหมือน 3.3 ต่างกันเพียงแต่ว่า 3.4 นีเ้น้นถึงการกระทาที่ 1 ได้ทาต่อเนื่องมาจนถึงการกระทาที่ 2 
และจะกระทาต่อไปในอนาคต อีกด้วย. 
* Tense นีไ้ม่ค่อยนิยมใช้บ่อย นัก โดยเฉพาะกริยาที่ทานาน ไม่ได้ อย่านามาแต่งใน Tense นีเ้ด็ดขาด. 
Tense Structure 
Present Simple Tense S + V1 [ s , es ] 
Continuous Tense S + is , am , are + V.ing 
Perfect Tense S + has , have + V3 
Perfect Continuous Tense S + has , have + been + V.ing 
Past Simple Tense S + V2 
Continuous Tense S + was , were + V.ing 
Perfect Tense S + had + V3 
Perfect Continuous Tense S + had been + V.ing 
Future Simple Tense S + will , shall + V1 
Continuous Tense S + will , shall + be + V.ing 
Perfect Tense S + will , shall + have + V3 
Perfect Continuous Tense S + will , shall + have been + V.ing 
ตัวอย่างวิธีการใช้
การใชแ้ผนภาพสรุปเนื้อหา ไวยากรณ์เรื่อง verb tenses จะช่วยให้เขา้ใจและจดจารูปแบบและวิธีใช้ tenses ต่าง ๆ ได้ดีข้นึ 
ขา้งล่างนี้เป็นตวัอย่างแผนภาพสรุปเรื่อง present perfect simple ครับ
Tense ใหญ่ มี 3 Tense 
1. Present Tense เป็นเรื่องที่เกิดขึน้ในปัจจุบัน 
2. Past Tense เป็นเรื่องราวในอดีต 
3. Future Tense เป็นเรื่องราวในอนาคต 
Tense ใหญ่ แยกออกเป็น 4 Tense ย่อย รวมเป็น 12 Tense ดังนี้ 
1. Present Tense เป็นเรื่องที่เกิดขึน้ในปัจจุบัน 
1.1 Presenst Simple บอกข้อเท็จจริงทั่วไป 
I eat rice everyday. ฉันกินข้าวทุกวัน 
1.2 Present Continuous บอกเหตุการณ์ที่กาลังกระทาขณะนี้ 
I am eating rice. ฉันกาลังกินข้าว 
1.3 Present Perfect บอกเหุตการณ์ที่ได้ทาเสร็จแล้วขณะพูด หรือ เหตุการณ์ที่กระทาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินอิ่มมาแล้ว) 
I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวแล้วเป็นเวลา 20 นาที (ตอนนีก้็กินอยู่) 
1.4 Present Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คล้ายกับ Present Perfect 
แต่ตัวนีเ้ป็นการเน้นว่าทาแบบไม่หยุดเลย 
I have been eating rice for 1 hour. ผมกินข้าว (แบบไม่พูดคุยหรือลุกไปไหนเลย)เป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว 
2. Past Tense เป็นเรื่องราวในอดีต 
2.1 Past Simple บอกว่าได้ทาอะไร เมื่อไหร่ในอดีต 
I ate rice yesterday. ฉันกินข้าวเมื่อวาน 
2.2 Past Continuous บอกเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในอดีต 
I was eating rice when my dad came. ฉันกาลังกินข้าวอยู่ เมื่อพ่อมาถึง 
2.3 Past Perfect บอกเหุตการณ์ที่ได้ทาเสร็จแล้วในอดีต 
I had eaten rice when my dad came. ผมกินข้าวเสร็จแล้ว เมื่อพ่อมาถึง 
2.4 Past Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลาหนึ่งในอดีต 
I had been eating rice for 1 hour when my dad came. ผมกินข้าวเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว เมื่อพ่อมาถึง 
3. Future Tense เป็นเรื่องราวในอนาคต 
3.1 Future Simple บอกว่าจะทาอะไร ในอนาคต
I will eat rice tomorrow. ฉันจะกินข้าวพรุ่งนี้ 
3.2 Future Continuous บอกเหตุการณ์ที่จะกระทาอยู่ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต 
At nine o’clock tomorrow, I will be eating rice. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ฉันจะกาลังกินข้าวอยู่นะ (ห้ามโทรมา 
ห้ามมาเรียก) 
3.3 Future Perfect บอกเหุตการณ์ที่จะทาเสร็จแล้วในอนาคต 
At nine o’clock tomorrow, I will have eaten rice. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ผมกินข้าวเสร็จแล้วนะ (โทรมาได้ 
เพราะว่างแล้ว) 
3.4 Future Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลาหนึ่งในอนาคต 
At nine o’clock tommorrow, I will have been eating rice for 1 hour. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ 
ผมจะกินข้าวแล้วเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว (บอกให้รู้เฉยๆว่าฉันจะกินข้าวนานแค่ไหน) 
ถึงแม้จะมี 12 Tense ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใช้ ทุกตัวหรอกครับ ที่ใช้บ่อยได้แก่ 
Present Continuous 
Present Simple 
Present Perfect 
Past simple 
Future Simple 
นอกนัน้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอกครับ แต่เราต้องเรียนรู้ทัง้หมดเพื่อประดับเป็นความรู้ และเพื่อให้สอบผ่านครับ
esent Simple Tense 
เมื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทาที่เกิดขึน้อยู่เป็นประจา โดยมี adverb of frequency อยู่ในประโยคด้วย เช่น 
(always, sometimes) ให้ใช้ Present Simple Tense 
• Janes sometimes drops in to see her parents. 
เจนส์แวะไปเยี่ยมพ่อแม่ของหล่อนเป็นบางครั้ง 
• She always cooks dinner at home. 
หล่อนทาอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจา 
• In the summer, Tom usually plays tennis twice a week. 
ในฤดูร้อน ทอมมักจะเล่นเทนนิสสัปดาห์ละสองครั้ง 
เมื่อต้องการแสดงว่าเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ หรือในทางวิทยาศาสตร์ ให้ใช้ Present 
Simple Tense 
• The sun rises in the east and sets in the west. 
ดวงอาทิตย์ขึน้ทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก 
• The Nile is the longest river in the world. 
แม่นา้ไนล์คือแม่นา้ที่ยาวที่สุดในโลก 
• At sea level water boils at 212 degrees Fahrenheit . 
ณ ความสูงระดับนา้ทะเล นา้เดือดที่อุณหภูมิ 212 องศาฟาเรนไฮท์ 
เมื่อพูดถึงการกระทาที่เป็นนิสัยหรือเกิดขึน้เป็นประจาในปัจจุบัน ให้ใช้ Present Simple Tense 
• Jack often comes to work late. 
แจ็คมาทางานสายบ่อยๆ 
• I watch television every night. 
ฉันดูโทรทัศน์ทุกคืน 
ระวัง 
การกระทาที่ไม่ได้เกิดขึน้อย่างเป็นนิสัย เราไม่ควรใช้ Present Simple Tense เช่น
• Normally Sally drives to work but today she is taking a bus because she has her car serviced. 
ตามปกติแล้ว ซาลลี่ขับรถไปทางาน แต่วันนีเ้ธอขึน้รถเมล์ เพราะว่าเธอได้นารถไปเข้ารับบริการ 
จากประโยคดังกล่าว drives อยู่ในรูป Present Simple Tense เพราะแสดงถึงว่าเป็นการกระทาที่เป็นนิสัยของ Sally แต่ 
is taking ใช้เป็น Present Continuous Tense เพราะว่า การที่ Sally ขึน้รถเมล์นัน้ไม่ได้เป็นเรื่องปกติ 
และไม่ได้เกิดขึน้อย่างเป็นนิสัย แต่เป็นการกระทาที่เกิดขึน้เฉพาะครั้งนีเ้ท่านัน้ 
การทากริยาให้อยู่ในรูป Present Simple Tense 
ในหน้านีค้รูสอนการทากริยาให้อยู่ในรูป Present Simple Tense ทัง้เมื่อเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม 
ประโยคปฎิเสธ 
ประโยคบอกเล่า 
ให้นักเรียนสังเกตว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม (เช่น he, she, it) กริยาจะเติม -s หรือ -es โดยกฎการเติม -s 
หรือ -es จะกล่าวถึงในตารางถัดไป 
ในตารางแรกนี้ครูจะยกตัวอย่างการเปลี่ยนรูปกริยา sing (แปลว่า ร้องเพลง) ไปตามประธานต่างๆ 
ประธาน การเปลี่ยนรูปกริยา ตัวอย่าง 
I รูปกริยาเดิม I sing 
You รูปกริยาเดิม You sing 
He รูปกริยาเดิม + S He sings 
She รูปกริยาเดิม + S She sings 
It รูปกริยาเดิม + S It sings 
We รูปกริยาเดิม We sing 
They รูปกริยาเดิม They sing 
การเติม -s และ -es 
ประธาน การเติม -s หรือ -es ตัวอย่าง 
s เติม -ES He passes
z เติม -ES She dozes 
sh เติม -ES She wishes 
ch เติม -ES He watches 
y และมีพยัญชนะ 
อยู่หน้า Y เปลี่ยน Y เป็น I (ไอ), 
จากนัน้ เติม -ES It flies 
[อื่นๆ] เติม -S He sings 
2.

More Related Content

What's hot

คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3
คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3
คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3Kansinee Kosirojhiran
 
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้นสรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้นTook Took Rachataporn
 
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยแบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยpeter dontoom
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tbl
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tblแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tbl
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ TblWanida Keawprompakdee
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถาม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถาม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถามSunflower Smile
 
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์Wichai Likitponrak
 
สื่อการสอนเรื่อง If-clause
สื่อการสอนเรื่อง If-clauseสื่อการสอนเรื่อง If-clause
สื่อการสอนเรื่อง If-clauseComputer ITSWKJ
 
ข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัยข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัยNU
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tenseRatty Krutae
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดWanida Keawprompakdee
 
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่Watermalon Singha
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานpacharawalee
 

What's hot (20)

ใบความรู้เรื่อง past simple
ใบความรู้เรื่อง past simple ใบความรู้เรื่อง past simple
ใบความรู้เรื่อง past simple
 
ปริพันธ์
ปริพันธ์ปริพันธ์
ปริพันธ์
 
คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3
คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3
คำที่มีพยัญชนะต้น ฑ + การอ่านคำที่มี ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ป.3
 
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้นสรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
สรุปเนื้อหาภาษาไทย..ม.ต้น
 
แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense แบบฝึกหัด Past simple tense
แบบฝึกหัด Past simple tense
 
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลยแบบทดสอบ เรื่อง Tens   present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
แบบทดสอบ เรื่อง Tens present simple tense ภาษาอังกฤษ อ่าน เขียนเฉลย
 
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tbl
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tblแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tbl
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ Tbl
 
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Homeแบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
แบบฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เรื่อง At Home
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถาม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถาม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6ประโยคคำถาม
 
ใบความรู้ อังกฤษ ม.1
ใบความรู้ อังกฤษ ม.1ใบความรู้ อังกฤษ ม.1
ใบความรู้ อังกฤษ ม.1
 
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แผนการจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์
 
สื่อการสอนเรื่อง If-clause
สื่อการสอนเรื่อง If-clauseสื่อการสอนเรื่อง If-clause
สื่อการสอนเรื่อง If-clause
 
คำบุพบท
คำบุพบทคำบุพบท
คำบุพบท
 
If Clause
If ClauseIf Clause
If Clause
 
ข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัยข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัย
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 
Present perfect tense
Present  perfect  tensePresent  perfect  tense
Present perfect tense
 
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูดแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
แผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
 
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่
สื่อดั้งเดิม สื่อใหม่ ความแตกต่างระหว่างสื่อดั้งเดิมและสื่อใหม่
 
แบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงานแบบประเมินผลชิ้นงาน
แบบประเมินผลชิ้นงาน
 

Viewers also liked

ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ing
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ingภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ing
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ingอภิญญา คำเหลือ
 
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissueตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissueNattakorn Sunkdon
 
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อย
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อยภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อย
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อยอภิญญา คำเหลือ
 

Viewers also liked (6)

Present Perfect Tense
Present  Perfect  TensePresent  Perfect  Tense
Present Perfect Tense
 
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ing
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ingภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ing
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยา+Ing
 
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissueตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
ตัวอย่างแผนธุรกิจPocket tissue
 
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อย
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อยภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อย
ภาษาอังกฤษพื้นฐาน คำกริยาที่ใช้บ่อย
 
คำนำ
คำนำคำนำ
คำนำ
 
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
2ตัวอย่างนำเสนอโครงการ
 

Similar to หลักการใช้ Tense ทั้ง 12

Similar to หลักการใช้ Tense ทั้ง 12 (20)

Tense
TenseTense
Tense
 
12tenses
12tenses12tenses
12tenses
 
กลุ่มสาม
กลุ่มสามกลุ่มสาม
กลุ่มสาม
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
Present tense
Present tensePresent tense
Present tense
 
Present tense
Present tensePresent tense
Present tense
 
Tense
TenseTense
Tense
 
12tenses
12tenses12tenses
12tenses
 
Tenses
TensesTenses
Tenses
 
Project english
Project englishProject english
Project english
 
Project english
Project englishProject english
Project english
 
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษสื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
สื่อเพื่อการศึกษาเรื่อง รู้ทัน Tense ภาษาอังกฤษ
 
Unit 6
Unit 6Unit 6
Unit 6
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
Tenses มีทั้งหมด-12-หลัก-แบ่งตามชนิดได้ดังนี้
 
Present tenses
Present tensesPresent tenses
Present tenses
 
Present continuous tense
Present continuous tensePresent continuous tense
Present continuous tense
 
Present perfect tense
Present perfect tensePresent perfect tense
Present perfect tense
 

หลักการใช้ Tense ทั้ง 12

  • 1. หลักการใช้ Tense ทัง้ 12 18/01/2011 View: 1,529,400 Tense Tense คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา ที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทาหรือเหตุการ นัน้ๆเกิดขึน้เมื่อใด ซึ่งเรื่อง tense นีเ้ป็นเรื่องสาคัญ ถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนัน้จะอยู่ในรูปของ tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าาเกิดขึน้เมื่อใดมาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense นีม้าเป็นตัวบอก ดังนีก้ารศึกษาเรื่อง tense จึงเป็นเรื่องจา เป็น. Tense ในภาษาอังกฤษนีจ้ะแบ่ง ออกเป็น 3 tense ใหญ่ๆคือ 1. Present tense ปัจจุบัน 2. Past tense อดีตกาล 3. Future tense อนาคตกาล ในแต่ละ tense ยังแยกย่อยได้ tense ละ 4 คือ 1 . Simple tense ธรรมดา(ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน). 2. Continuous tense กาลังกระทาอย(ู่กาลังเกิดอยู่) 3. Perfect tense สมบูรณ์(ทาเรียบร้อยแล้ว).
  • 2. 4. Perfect continuous tense สมบูรณ์กาลังกระทา(ทาเรียบร้อยแล้วและกาลัง ดาเนินอยู่ด้วย). โครงสร้างของ Tense ทัง้ 12 มีดังนี้ Present Tense [1.1] S + Verb 1 + ……(บอกความจริงที่เกิดขึน้ง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน). [Present] [1.2] S + is, am, are + Verb 1 ing + …(บอกว่าเดี๋ยวนีก้าลังเกิดอะไร อยู่). [1.3] S + has, have + Verb 3 + ….(บอกว่าได้ทามาแล้วจนถึง ปัจจุบัน). [1.4] S + has, have + been + Verb 1 ing + …(บอกว่าได้ทามาแล้วและกาลังทา ต่อไปอีก). Past Tense [2.1] S + Verb 2 + …..(บอกเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วใน อดีต). [Past] [2.2] S + was, were + Verb 1 +…(บอกเรื่องที่กาลังทาอยู่ในอดีต).
  • 3. [2.3] S + had + verb 3 + …(บอกเรื่อที่ทามาแล้วในอดีตใน ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง). [2.4] S + had + been + verb 1 ing + …(บอกเรื่องที่ทามาแล้วอย่างต่อ เนื่องไม่หยุด). Future Tense [3.1] S + will, shall + verb 1 +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึน้ในอนาคต). [Feature] [3.2] S + will, shall + be + Verb 1 ing + ….(บอกว่าอนาคตนัน้ๆกาลังทาอะไร อยู่). [3.3] S + will,s hall + have + Verb 3 +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสาเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง). [3.4] S + will,shall + have + been + verb 1 ing +.. ..(บอกเรื่องที่จะทาอย่างต่อเนื่องในเวลาใด - เวลาหนึ่งในอนาคตและ จะทาต่อไปเรื่อยข้างหน้า). หลักการใช้แต่ละ tense มีดังนี้ [1.1] Present simple tense เช่น He walks. เขาเดิน, 1. ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึน้ตามความจริงของธรรมชาติ และคาสุภาษิตคา พังเพย. 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม).
  • 4. 3. ใช้กับกริยาที่ทานานไม่ได้ เช่น รัก, เข้าใจ, รู้ เป็นต้น. 4. ใช้กับการกระทาที่คิดว่าจะเกหิดขึน้ในอนาคตอันใกล้(จะมีคาวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย). 5. ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต เช่นนิยาย นิทาน. 6. ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต ที่ต้นประโยคจะขึน้ต้น ด้วยคาว่า If (ถ้า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), as soon as (เมื่อ,ขณะที่), till (จนกระทั่ง) , whenever (เมื่อไรก็ ตาม), while (ขณะที่) เป็นต้น. 7. ใช้กับเรื่องที่กระทาอย่างสม่าเสมอ และมีคาวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่าเสมอร่วมอยู่ด้วย เช่น always (เสมอๆ), often (บ่อยๆ), every day (ทุกๆวัน) เป็นต้น. 8. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [1.1] ประโยคตามต้องใช้ [1.1] ด้วยเสมอ. [1.2] Present continuous tense เช่น He is walking. เขากาลังเดิน. 1. ใช้ในเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในขณะที่พูด(ใช้ now ร่วมด้วยก็ได้ โดยใส่ไว้ต้น ประโยค, หลังกริยา หรือสุดประโยคก็ ได้). 2. ใช้ในเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน เช่น ในวันนี้,ในปีนี้.
  • 5. 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึน้ในอนาคตอันใกล้ เช่น เร็วๆนี้, พรุ่งนี.้ *หมายเหตุ กริยาที่ทานานไม่ได้ เช่น รัก ,เข้าใจ, รู้, ชอบ จะนามาแต่งใน Tense นีไ้ม่ได้. [1.3] Present perfect tense เช่น He has walk เขาได้เดินแล้ว. 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้แล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน และจะมีคาว่า Since (ตัง้แต่) และ for (เป็นเวลา) มาใช้ร่วมด้วยเสมอ. 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยทามาแล้วในอดีต (จะกี่ครั้งก็ได้ หรือจะทาอีกใน ปัจจุบัน หรือจะทาในอนาคต ก็ได้)และจะมีคา ว่า ever (เคย) , never (ไม่เคย) มาใช้ร่วมด้วย. 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่จบลงแล้วแต่ผู้พูดยังประทับใจอยู่ (ถ้าไม่ประทับใจก็ใช้ Tense 4. ใช้กับ เหตุการที่เพิ่งจบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู่) ซึ่งจะมีคาเหล่านีม้าใช้ร่วมด้วยเสมอ คือ Just (เพิ่งจะ), already (เรียบร้อยแล้ว), yet (ยัง), finally (ในที่สุด) เป็นต้น. [1.4] Present perfect continuous tense เช่น He has been walking . เขาได้กาลังเดินแล้ว.
  • 6. * มีหลักการใช้เหมือน [1.3] ทุกประการ เพียงแต่ว่าเน้นว่าจะทาต่อไปในอนาคตด้วย ซึ่ง [1.3] นัน้ไม่เน้นว่าได้กระทาอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วน [1.4] นีเ้น้นว่ากระทามาอย่างต่อเนื่องและจะกระทาต่อไปในอนาคตอีกด้วย. [2.1] Past simple tense เช่น He walked. เขาเดิน แล้ว. 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้และจบลงแล้วในอดีต มิได้ต่อเนื่องมาถึงขณะ ที่พูด และมักมีคาต่อไปนีม้าร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น Yesterday, year เป็นต้น. 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ทาเป็นประจาในอดีตที่ผ่านมาในครัง้นัน้ๆ ซึ่งต้องมีคาวิเศษณ์บอกความถี่ (เช่น Always, every day ) กับคาวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น yesterday, last month ) 2 อย่างมาร่วมอยู่ด้วยเสมอ. 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดขึน้มาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้เกิด อยู่ หรือไม่ได้เป็นดั่งในอดีตนัน้แล้ว ซึ่งจะมีคาว่า ago นีร้่วมอยู่ด้วย. 4. ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [2.1] ประโยคคล้อยตามก็ต้อง เป็น [2.1] ด้วย. [2.2] Past continuous tense เช่น He was walking . เขากาลังเดินแล้ว 1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึน้ไม่พร้อมกัน { 2.2 นีไ้ม่นิยมใช้ตามลาพัง - ถ้าเกิดก่อนใช้ 2.2 - ถ้าเกิดทีหลังใช้ 2.1}.
  • 7. 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่ ไดกระทาติดต่อกันตลอดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประโยค ซึ่งจะมีคาบอกเวลาร่วมอยดู่้วยในประโยค เช่น all day yesterday etc. 3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่กาลังทาในเวลาเดียวกัน(ใช้เฉพาะกริยาที่ทาได้นานเท่านัน้ หากเป็นกริยาที่ทานานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1 กับ 2.2 จะดูจืดชืดเช่น He was cleaning the house while I was cooking breakfast. [2.3] Past perfect tense เช่น He had walk. เขาได้เดินแล้ว. 1. ใช้กับ เหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอดีต มีหลักการใช้ดังนี.้ เกิดก่อนใช้ 2.3 เกิดทีหลังใช้ 2.1. 2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทาอันเดียวก็ได้ในอดีต แต่ต้องระบุชั่วโมงและวันให้แน่ชัดไว้ในทุกประโยคด้วยทุกครัง้ เช่น She had breakfast at eight o’ clock yesterday. [2.4] past perfect continuous tense เช่น He had been walking. มีหลักการใช้เหมือนกับ 2.3 ทุกกรณี เพียงแต่ tense นี้ ต้องการยา้ถึงความต่อเนื่องของการกระทาที่ 1 ว่าได้กระทาต่อเนื่องไปจนถึงการกระทาที่ 2 โดยมิได้หยุด เช่น When we arrive at the meeting , the
  • 8. lecturer had been speaking for an hour . เมื่อพวกเราไปถึงที่ ประชุม ผู้บรรยายได้พูดมาแล้ว เป็นเวลา 1 ชั่วโมง. [3.1] Future simple tense เช่น He will walk. เขาจะเดิน. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึน้ในอนาคต ซึ่งจะมีคาว่า tomorrow, to night, next week, next month เป็นต้น มาร่วมอยู่ด้วย. * Shall ใช้กับ I we. Will ใช้กับบุรุษที่ 2 และนามทั่วๆไป. Will, shall จะใช้สลับกันในกรณีที่จะให้คามั่นสัญญา, ข่มขู่บังคับ, ตกลงใจแน่วแน่. Will, shall ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึน้โดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้. Be going to (จะ) ใช้กับความจงใจของมนุษย์ เท่านัน้ ห้ามใช้กับเหตุการณ์ของธรรมชาติและนิยมใช้ใน ประโยคเงื่อนไข.
  • 9. [3.2] Future continuous tense เช่น He will be walking. เขากาลังจะ เดิน. 1. ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนัน้กาลังทาอะไรอยู่ (ต้องกาหนดเวลาแน่นอน ด้วยเสมอ). 2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอนาคต มีกลักการใช้ดังนี.้ - เกิดก่อนใช้ 3.2 S + will be, shall be + Verb 1 ing. - เกิดทีหลังใช้ 1.1 S + Verb 1 . [3.3] Future prefect tens เช่น He will walked. เขาจะได้เดินแล้ว. 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึน้หรือสาเร็จลงในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต โดยจะมีคาว่า by นาหน้ากลุ่มคาที่บอกเวลา ด้วย เช่น by tomorrow , by next week เป็น ต้น. 2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึน้ไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี.้ - เกิดก่อนใช้ 3.3 S + will, shall + have + Verb 3. - เกิด ที่หลังใช้ 1.1 S + Verb 1 .
  • 10. [3.4] Future prefect continuous tense เช่น He will have been walking. เขาจะได้กาลัง เดินแล้ว. ใช้เหมือน 3.3 ต่างกันเพียงแต่ว่า 3.4 นีเ้น้นถึงการกระทาที่ 1 ได้ทาต่อเนื่องมาจนถึงการกระทาที่ 2 และจะกระทาต่อไปในอนาคต อีกด้วย. * Tense นีไ้ม่ค่อยนิยมใช้บ่อย นัก โดยเฉพาะกริยาที่ทานาน ไม่ได้ อย่านามาแต่งใน Tense นีเ้ด็ดขาด. Tense Structure Present Simple Tense S + V1 [ s , es ] Continuous Tense S + is , am , are + V.ing Perfect Tense S + has , have + V3 Perfect Continuous Tense S + has , have + been + V.ing Past Simple Tense S + V2 Continuous Tense S + was , were + V.ing Perfect Tense S + had + V3 Perfect Continuous Tense S + had been + V.ing Future Simple Tense S + will , shall + V1 Continuous Tense S + will , shall + be + V.ing Perfect Tense S + will , shall + have + V3 Perfect Continuous Tense S + will , shall + have been + V.ing ตัวอย่างวิธีการใช้
  • 11. การใชแ้ผนภาพสรุปเนื้อหา ไวยากรณ์เรื่อง verb tenses จะช่วยให้เขา้ใจและจดจารูปแบบและวิธีใช้ tenses ต่าง ๆ ได้ดีข้นึ ขา้งล่างนี้เป็นตวัอย่างแผนภาพสรุปเรื่อง present perfect simple ครับ
  • 12.
  • 13. Tense ใหญ่ มี 3 Tense 1. Present Tense เป็นเรื่องที่เกิดขึน้ในปัจจุบัน 2. Past Tense เป็นเรื่องราวในอดีต 3. Future Tense เป็นเรื่องราวในอนาคต Tense ใหญ่ แยกออกเป็น 4 Tense ย่อย รวมเป็น 12 Tense ดังนี้ 1. Present Tense เป็นเรื่องที่เกิดขึน้ในปัจจุบัน 1.1 Presenst Simple บอกข้อเท็จจริงทั่วไป I eat rice everyday. ฉันกินข้าวทุกวัน 1.2 Present Continuous บอกเหตุการณ์ที่กาลังกระทาขณะนี้ I am eating rice. ฉันกาลังกินข้าว 1.3 Present Perfect บอกเหุตการณ์ที่ได้ทาเสร็จแล้วขณะพูด หรือ เหตุการณ์ที่กระทาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
  • 14. I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินอิ่มมาแล้ว) I have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวแล้วเป็นเวลา 20 นาที (ตอนนีก้็กินอยู่) 1.4 Present Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คล้ายกับ Present Perfect แต่ตัวนีเ้ป็นการเน้นว่าทาแบบไม่หยุดเลย I have been eating rice for 1 hour. ผมกินข้าว (แบบไม่พูดคุยหรือลุกไปไหนเลย)เป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว 2. Past Tense เป็นเรื่องราวในอดีต 2.1 Past Simple บอกว่าได้ทาอะไร เมื่อไหร่ในอดีต I ate rice yesterday. ฉันกินข้าวเมื่อวาน 2.2 Past Continuous บอกเหตุการณ์ที่กาลังกระทาอยู่ในอดีต I was eating rice when my dad came. ฉันกาลังกินข้าวอยู่ เมื่อพ่อมาถึง 2.3 Past Perfect บอกเหุตการณ์ที่ได้ทาเสร็จแล้วในอดีต I had eaten rice when my dad came. ผมกินข้าวเสร็จแล้ว เมื่อพ่อมาถึง 2.4 Past Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลาหนึ่งในอดีต I had been eating rice for 1 hour when my dad came. ผมกินข้าวเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว เมื่อพ่อมาถึง 3. Future Tense เป็นเรื่องราวในอนาคต 3.1 Future Simple บอกว่าจะทาอะไร ในอนาคต
  • 15. I will eat rice tomorrow. ฉันจะกินข้าวพรุ่งนี้ 3.2 Future Continuous บอกเหตุการณ์ที่จะกระทาอยู่ ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต At nine o’clock tomorrow, I will be eating rice. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ฉันจะกาลังกินข้าวอยู่นะ (ห้ามโทรมา ห้ามมาเรียก) 3.3 Future Perfect บอกเหุตการณ์ที่จะทาเสร็จแล้วในอนาคต At nine o’clock tomorrow, I will have eaten rice. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ผมกินข้าวเสร็จแล้วนะ (โทรมาได้ เพราะว่างแล้ว) 3.4 Future Perfect Continuous บอกเหตุการณ์ที่ทาต่อเนื่องมาจนถึง ณ เวลาหนึ่งในอนาคต At nine o’clock tommorrow, I will have been eating rice for 1 hour. เก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ ผมจะกินข้าวแล้วเป็นเวลา 1 ชั่วโมงแล้ว (บอกให้รู้เฉยๆว่าฉันจะกินข้าวนานแค่ไหน) ถึงแม้จะมี 12 Tense ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใช้ ทุกตัวหรอกครับ ที่ใช้บ่อยได้แก่ Present Continuous Present Simple Present Perfect Past simple Future Simple นอกนัน้ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอกครับ แต่เราต้องเรียนรู้ทัง้หมดเพื่อประดับเป็นความรู้ และเพื่อให้สอบผ่านครับ
  • 16. esent Simple Tense เมื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทาที่เกิดขึน้อยู่เป็นประจา โดยมี adverb of frequency อยู่ในประโยคด้วย เช่น (always, sometimes) ให้ใช้ Present Simple Tense • Janes sometimes drops in to see her parents. เจนส์แวะไปเยี่ยมพ่อแม่ของหล่อนเป็นบางครั้ง • She always cooks dinner at home. หล่อนทาอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจา • In the summer, Tom usually plays tennis twice a week. ในฤดูร้อน ทอมมักจะเล่นเทนนิสสัปดาห์ละสองครั้ง เมื่อต้องการแสดงว่าเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เป็นความจริงตามธรรมชาติ หรือในทางวิทยาศาสตร์ ให้ใช้ Present Simple Tense • The sun rises in the east and sets in the west. ดวงอาทิตย์ขึน้ทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก • The Nile is the longest river in the world. แม่นา้ไนล์คือแม่นา้ที่ยาวที่สุดในโลก • At sea level water boils at 212 degrees Fahrenheit . ณ ความสูงระดับนา้ทะเล นา้เดือดที่อุณหภูมิ 212 องศาฟาเรนไฮท์ เมื่อพูดถึงการกระทาที่เป็นนิสัยหรือเกิดขึน้เป็นประจาในปัจจุบัน ให้ใช้ Present Simple Tense • Jack often comes to work late. แจ็คมาทางานสายบ่อยๆ • I watch television every night. ฉันดูโทรทัศน์ทุกคืน ระวัง การกระทาที่ไม่ได้เกิดขึน้อย่างเป็นนิสัย เราไม่ควรใช้ Present Simple Tense เช่น
  • 17. • Normally Sally drives to work but today she is taking a bus because she has her car serviced. ตามปกติแล้ว ซาลลี่ขับรถไปทางาน แต่วันนีเ้ธอขึน้รถเมล์ เพราะว่าเธอได้นารถไปเข้ารับบริการ จากประโยคดังกล่าว drives อยู่ในรูป Present Simple Tense เพราะแสดงถึงว่าเป็นการกระทาที่เป็นนิสัยของ Sally แต่ is taking ใช้เป็น Present Continuous Tense เพราะว่า การที่ Sally ขึน้รถเมล์นัน้ไม่ได้เป็นเรื่องปกติ และไม่ได้เกิดขึน้อย่างเป็นนิสัย แต่เป็นการกระทาที่เกิดขึน้เฉพาะครั้งนีเ้ท่านัน้ การทากริยาให้อยู่ในรูป Present Simple Tense ในหน้านีค้รูสอนการทากริยาให้อยู่ในรูป Present Simple Tense ทัง้เมื่อเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคคาถาม ประโยคปฎิเสธ ประโยคบอกเล่า ให้นักเรียนสังเกตว่า เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่สาม (เช่น he, she, it) กริยาจะเติม -s หรือ -es โดยกฎการเติม -s หรือ -es จะกล่าวถึงในตารางถัดไป ในตารางแรกนี้ครูจะยกตัวอย่างการเปลี่ยนรูปกริยา sing (แปลว่า ร้องเพลง) ไปตามประธานต่างๆ ประธาน การเปลี่ยนรูปกริยา ตัวอย่าง I รูปกริยาเดิม I sing You รูปกริยาเดิม You sing He รูปกริยาเดิม + S He sings She รูปกริยาเดิม + S She sings It รูปกริยาเดิม + S It sings We รูปกริยาเดิม We sing They รูปกริยาเดิม They sing การเติม -s และ -es ประธาน การเติม -s หรือ -es ตัวอย่าง s เติม -ES He passes
  • 18. z เติม -ES She dozes sh เติม -ES She wishes ch เติม -ES He watches y และมีพยัญชนะ อยู่หน้า Y เปลี่ยน Y เป็น I (ไอ), จากนัน้ เติม -ES It flies [อื่นๆ] เติม -S He sings 2.