More Related Content
Similar to สามทศวรรษห้องสมุดเคลื่อนที่
Similar to สามทศวรรษห้องสมุดเคลื่อนที่ (20)
สามทศวรรษห้องสมุดเคลื่อนที่
- 2. การจัดงาน “สามทศวรรษ”
ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
26 สิงหาคม 2554
ณ ห้องประชุม 3 อาคาร HS05
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเล็งเห็นความสาคัญของ
การอ่าน อันเป็นรากฐานสาคัญของการศึกษาที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและได้ให้
ความสนใจในการจัดบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ในชุมชนมาโดยตลอด ซึ่งการ
ดาเนินงานจะครบรอบ 30 ปี ในปี พ.ศ. 2554 ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายผลการ
บริการวิชาการและสนองนโยบายวาระแห่งชาติ โครงการฯ จึงเห็นควรจัดกิจกรรม
ที่จะขับเคลื่อนนโยบายแห่งชาติในการพัฒนาคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริม
สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเป็นภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน โดย
แสวงหาภาคีเครือข่ายในการเสริมสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริม
การอ่าน พัฒนา และเพิ่มจานวนแหล่งการเรียนรู้ให้สามารถจัดบริการได้
ครอบคลุมทุกตาบล/ชุมชน อย่างทั่วถึง ทันสมัย และมีคุณภาพ เพื่อทาให้การอ่าน
เป็นที่สนใจมากขึ้น และเพื่อหารูปแบบและกระบวนการสร้างนิสัยรักการอ่าน
สร้างเป็นชุมชนต้นแบบในการสร้างนิสัยรักการอ่าน และเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้เกิด
กระบวนการที่จะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและชุมชนให้เข้มแข็ง
ผู้ร่วมโครงการประกอบด้วย คณะกรรมการห้องสมุดเคลื่อนที่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คณาจารย์กลุ่มวิชาการจัดการสารสนเทศและการสื่อสาร)
นักศึกษาสาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยขอนแก่น ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ สานักงาน
การศึกษาขั้นพื้นฐานจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และศูนย์การศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดขอนแก่น
กิจกรรมประกอบด้วย
1. นิทรรศการ 3 ทศวรรษ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น”
(แสดงพัฒนาการ สะท้อนผลงานในรอบ 30 ปี ถ่ายทอดนวัตกรรม)
2. สัมนาความร่วมมือเครือข่ายรักการอ่าน (สร้างต้นแบบการดาเนินงาน
ห้องสมุดเคลื่อนที่)
การจั ด งาน นี้ มุ่ งให้ เกิด 1)เค รือ ข่ายรัก การอ่ าน ใน ภ าค
ตะวันออกเฉียงเหนือ มีต้นแบบการดาเนินงานห้องสมุดเคลื่อนที่ดี ทาให้เกิดการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยใช้จุดแข็งหรือศักยภาพด้านความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วม
ของชุมชนเป็นประเด็นในการขับเคลื่อนเพื่อลดความเหลื่อมล้าในการเข้าถึง
ทรัพยากรการอ่าน และสื่อการเรียนรู้ 2) ร่วมสังเคราะห์สิ่งที่ดีที่สามารถนาไปเป็น
ต้นแบบในการสร้างนิสัยรักการอ่าน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เป็นเครือข่าย
เชื่อมโยงในชุมชนให้สามารถดูแลตนเอง ช่วยเหลือกันในชุมชนได้ ซึ่งจะเป็นแนว
ทางการสร้างนิสัยรักอ่านที่มีความต่อเนื่องและมีความยั่งยืนตลอดไป 3) นักศึกษา
สาขาสารสนเทศศาสตร์ได้ประสบการณ์จากการร่วมดาเนินกิจกรรมเป็นการบูรณา
การการเรียนการสอนจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ 4) คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ ศูนย์บริการวิชาการ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นที่รู้จักต่อ
บุคคลภายนอก
- 3. กาหนดการ
“สามทศวรรษ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น”
วันที่ 26 สิงหาคม 2554
ณ ห้องประชุม 3 อาคาร HS05 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
08.30-09.00 น. ลงทะเบียน
09.00-09.15 น. พิธีเปิด
09.15-10.30 น. บรรยายพิเศษ “การรณรงค์ให้รักการอ่าน สานฝันอย่างไร
ให้เป็นจริง” โดย คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กรรมการ
ผู้จัดการ มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
10.15-10.30 น. พักรับประทานอาหารว่าง
10.30-12.00 น. บรรยายพิเศษ “การรณรงค์ให้รักการอ่าน สานฝันอย่างไร
ให้เป็นจริง” โดย คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป (ต่อ)
12.00-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00-14.30 น. วีดิทัศน์ “สามทศวรรษ ห้องสมุดเคลื่อนที่
มหาวิทยาลัยขอนแก่นกับงานรณรงค์รักการอ่านให้ยั่งยืน”
และสาธิตกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
14.30-16.00 น. เสวนาสะท้อนผลการดาเนินงานห้องสมุดเคลื่อนที่
มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.ดร.สมาน ลอยฟ้า
ประธานโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ปี 2553 และ รศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข ประธานกลุ่ม
วิชาการจัดการสารสนเทศและการสื่อสาร
16.00-16.30 น. พิธีปิด
- 4. นิทรรศการ
“สามทศวรรษ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น”
ตลอดงาน
สามทศวรรษ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โครงการห้องสมุดเคลื่อนสาหรับเด็กในชนบท ของภาควิชาบรรณารักษศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เริ่มดาเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.
2524 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันปี พ.ศ. 2554 เป็นระยะเวลายาวนานถึง 30 ปี มี
กิจกรรมหลากหลายที่พัฒนาไปตามสภาพแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ
ของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้เด็กใน
ชนบทได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่เหมาะสมกับวัยและความสนใจ โดยจัดบริการด้านการ
อ่านและจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเพื่อส่งเสริมและปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่เด็ก
ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ผู้บริหารและครูมีความรู้ความเข้าใจเห็นความสาคัญของ
ห้องสมุดในฐานะที่เป็นแหล่งเรียนรู้และเห็นความจาเป็นในการจัดบริการห้องสมุด
เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างครูอาจารย์ ในโรงเรียนและชุมชน ช่วยพัฒนาครูที่ทา
หน้าที่บรรณารักษ์ให้มีความรู้ความสามารถในการจัดดาเนินการบริการห้องสมุดสาหรับ
โรงเรียนได้อย่างเหมาะสม โดยจัดฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการในด้านต่างๆ ทั้งการจัด
ดาเนินงานและการให้บริการของห้องสมุด ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการ
ดาเนินงานตามความต้องการ และขยายกลุ่มเป้าหมายออกไปยังชุมชนต่างๆ ด้วย
1. ทศวรรษแรก “จับจุด” (พ.ศ. 2524-2534)
ทศวรรษแรกเป็นช่วงของการจับจุด หรือแสวงหาแนวทาง คือ เริ่มทดลอง
ให้บริการ และมีการปรับวิธีการ รูปแบบกิจกรรม ลักษณะการให้บริการให้เหมาะสม
และสอดคล้องตามความสามารถและความต้องการของผู้รับบ ริการ โครงการห้องสมุด
เคลื่อนที่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2524 โดยภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการให้บริการ
วิชาการสู่ชุมชน ดังนั้นเพื่อช่วยส่งเสริมการศึกษาของชาวชนบทโดยช่วยพัฒนาโอกาส
และความสามารถในการอ่านและการเรียนรู้ของนักเรียน ในภูมิภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ รองศาสตราจารย์ศรีทอง สีหาพงศ์ หัวหน้าภาควิชาในขณะนั้น จึง
ได้ริเริ่มโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ไปสู่ชนบท โดยรองศาสตราจารย์จินดา โพธิ์เมือง
คณบดี ได้นาโครงการไปเสนอขอรับการสนับสนุนจากองค์การ UNICEF ประเทศไทย
และแหล่งเงินทุนอื่นๆ ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทโตโยต้ามอเตอร์จากัด (ประเทศ
ญี่ปุ่น) บริจาครถโตโยต้าไฮเอซให้ 1 คัน ติดตั้งชั้นหนังสือ พร้อมโต๊ะเก้าอี้ในรถ 1 ชุด
มูลค่า สองแสนห้าหมื่นบาท โดยส่งมอบเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2524 เพื่อใช้ในโครงการ
ในระยะแรกได้รับเงินทุนช่วยเหลือจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆเช่น มูลนิธิเอเชีย หน่วย
อาสาสมัครแคนาดา องค์การ JSRC (Japan Sotoshu Relief Committee) มูลนิธิ
พุทธสงเคราะห์ BAC (Buddhist Aid Center)และผู้มีจิตศรัทธา บริจาคมาเป็นครั้ง
คราว นอกจากนี้โครงการยังได้จัดหาทุนสาหรับดาเนินการโดยจาหน่ายเสื้อผ้า สิ่งของ
เครื่องใช้ที่ได้รับบริจาค ส่วนใหญ่ได้รับความสนับสนุนและร่วมมือจากคณะแม่บ้าน
ญี่ปุ่นในจังหวัดขอนแก่นเป็นประจาทุกปี ต่อมาจึงเริ่มได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก
มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2529 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
- 5. 1.1 การดาเนินงาน ได้เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2524 โดยเริ่มสารวจและ
ออกทดลองให้บริการในหมู่บ้าน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ออกไปประกอบอาชีพ ดังนั้น
โครงการฯเห็นว่าการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านควรเริ่มที่เด็ก จึงเปลี่ยนมาใช้โรงเรียนระดับ
ประถมศึกษาเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ โดยมีอาจารย์ในภาควิชาทุกคนเป็น
ผู้รับผิดชอบการปฎิบัติงานให้บริการ โดยมิได้รับค่าตอบแทน มีบุคลากรประจาทางาน
เต็มเวลา 2 คน และพนักงานขับรถ 1 คน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินสาหรับ
บุคลากรจาก Ohanashi Caravan Center และจาก Buddhist Aid Center (BAC)
ประเทศญี่ปุ่นเป็นรายปี ในบางช่วงจะมีนักศึกษาของสาขาวิชาอาสาสมัครออกไปช่วย
ให้บริการด้วย
1.2. บริการและกิจกรรม ในทศวรรษแรกมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจานวน 5
รุ่น ระยะเวลารุ่นละ 2 ปี จานวนรวม 42 โรงเรียน จัดตั้งห้องสมุดโรงเรียน จานวน 35
แห่ง รูปแบบการดาเนินกิจกรรมแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 6 เดือนแรก ฝ่ายโครงการเป็นผู้จัดบริการด้านการอ่าน จัด
กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน รวมทั้งจัดบริการตู้หนังสือไว้ประจาแต่ละ โรงเรียนโดยแยก
หนังสือตามระดับชั้นเป็น 3 กลุ่ม คือ ป.1 – 2, ป.3 – 4 และ ป.5 – 6 มีครูของโรงเรียน
ช่วยควบคุมนักเรียน และสังเกตการจัดกิจกรรม
ขั้นตอนที่ 2 6 เดือนต่อมา ครูของโรงเรียนเข้ามาร่วมจัดกิจกรรมต่างๆกับ
ฝ่ายโครงการ
ขั้นตอนที่ 3 6 เดือนต่อมา ครูของโรงเรียนเป็นผู้จัดกิจกรรมโดยฝ่าย
โครงการเป็นผู้ช่วยเหลือจัดเตรียมกิจกรรมและสังเกตการณ์การจัดกิจกรรมของครู
ขั้นตอนที่ 4 6 เดือนสุดท้าย ฝ่ายโครงการฯให้คาแนะนาช่วยเหลือ
สนับสนุนการจัดตั้งห้องสมุด หรือมุมหนังสือของโรงเรียนตามศักยภาพหรือความพร้อม
ของโรงเรียน
สาหรับกิจกรรมหลัก คือ บริการด้านการอ่านและกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
เช่น การเล่านิทาน การวาดภาพระบายสี การพับกระดาษ การเขียนเรื่องจากภาพ การ
แสดงหุ่น การร้องเพลงและกิจกรรมเข้าจังหวะ จัดตามความเหมาะสมของเด็กในแต่ละ
ช่วงชั้นด้วย
นอกจากนี้โครงการยังมีกิจกรรมให้บริการวิชาการในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย
เช่น จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อต่างๆ อบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อ
การดาเนินงานของครู เช่น ห้องสมุดในบ้าน การจัดทาและแสดงหุ่น ตลอดจนถวาย
ความรู้แด่พระสงฆ์ เรื่องการดาเนินงานห้องสมุด จากโครงการจัดตั้งห้องสมุดในวัดเนื่อง
ในโอกาสฉลองครบรอบพระชนมายุ 60 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นต้น
- 6. 2. ทศวรรษที่สอง “จ่อไฟ ใส่เชื้อ” (พ.ศ. 2535-2543)
ในทศวรรษที่สองนี้เรียกได้ว่าเป็น ช่วงจ่อไฟ ใส่เชื้อ เนื่องจากเป็นระยะที่รูปแบบ
กิจกรรมและลักษณะการให้บริการมีการปรับขยายตัวมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความ
ต้องการของชุมชนประกอบกับแนวคิดของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.
2542 เน้นการเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตและให้มีการจัดแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับชุมชน
กิจกรรมที่ขยายเพิ่มจากกิจกรรมหลักส่วนใหญ่เน้นหนักไปในด้านการพัฒนาส่งเสริมการ
จัดตั้งห้องสมุด การจัดตั้งศูนย์หนังสือ ตลอดจนจัดอบรมเชิงปฎิบัติการด้านการจัด
ดาเนินงานและบริการห้องสมุดให้กับครูผู้ทาหน้าที่บรรณารักษ์ของสานักงานการ
ประถมศึกษาอาเภอ และสานักงานการประถมศึกษาจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ
2.1 การดาเนินงาน อยู่ในรูปของคณะกรรมการ มีคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์เป็นที่ปรึกษา หัวหน้าภาควิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์เป็น
ประธานคณะกรรมการ และอาจารย์ในภาควิชาทุกคนเป็นกรรมการ ในช่วงนี้โครงการ
มีบุคลากรประจาทางานเต็มเวลาในตาแหน่งลูกจ้างชั่วคราวจานวน 3 คนและพนักงาน
ขับรถ 2 คนโดยได้รับความช่วยเหลือด้านเงินเดือนจาก Ohanashi Caravan Center,
Buddhist Aid Center (BAC) และจากกระทรวงไปรษณีย์ประเทศญี่ปุ่นเป็นรายปี มี
รถสาหรับออกให้บริการ 2 คันคือ รถตู้โตโยต้าไฮเอซ และรถตู้นิสสันซึ่งได้รับบริจาคเพิ่ม
2.2 บริการและกิจกรรม ในทศวรรษนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการอีก 5 รุ่น
ระยะเวลารุ่นละ 2 ปี จานวนรวม 54 โรงเรียน มี 3 กิจกรรมหลักคือ
1. การให้บริการการอ่านหนังสือ แบ่งออกเป็น
- การให้บริการการอ่านที่โรงเรียนตามตารางนัดหมาย
- การให้บริการหมุนเวียนตู้หนังสือที่ประจาอยู่แต่ละ
โรงเรียนทุกเดือน
- การให้บริการการอ่านภาคฤดูร้อนโดยจัดตู้หนังสือไป
ให้บริการที่บ้านอาสาสมัครในหมู่บ้าน
2. การให้บริการกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ประกอบด้วย การเล่านิทาน การ
แสดงละครหุ่น การวาดภาพระบายสี การเล่นเกม การร้องเพลง และกิจกรรมอื่นๆ
จานวนนักเรียนที่ได้รับบริการกว่าห้าพันคนในแต่ละปี การดาเนินงานของโครงการได้มุ่ง
ให้ครูมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โดยให้ครูเป็นผู้คิด และออกแบบกิจกรรมส่งเสริมการ
ใช้ห้องสมุดและกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในแต่ละเดือน ส่วนโครงการเป็นผู้จัดเตรียม
วัสดุอุปกรณ์ให้
3. การสนับสนุนให้จัดตั้งหรือพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและพัฒนาความรู้
ความสามารถของครู โดยจัดฝึกอบรมการจัดดาเนินงานและบริการห้องสมุด
4. กิจกรรมและบริการอื่นๆ
4.1 การจัดโครงการยอดนักอ่าน เป็นกิจกรรมที่กระตุ้นให้นักเรียน
อ่านหนังสือของโครงการตลอดปีการศึกษาของแต่ละปี โดยโครงการฯ คัดเลือกนักเรียน
จากสมุดบันทึกการอ่านของนักเรียนเป็นยอดนักอ่านของแต่ละโรงเรียน โดยแยกเป็น
ระดับชั้น และจัดพิธีมอบรางวัลให้แก่นักเรียน งบประมาณการจัดหารางวัลสาหรับ
นักเรียนยอดนักอ่านประจาแต่ละปีการศึกษาได้รับการสนับสนุนทั้งจากจากงบประมาณ
แผ่นดิน และบริษัทห้างร้านต่างๆ ในเมืองขอนแก่น
4.2 กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โครงการได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่
โรงเรียนในเครือข่ายซึ่งจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและได้รับรางวัลในด้านกิจกกรรม
ส่งเสริมการอ่าน ทาให้ครูได้แลกเปลี่ยนความรู้และเป็นแรงจูงใจในการดาเนินงานใน
การส่งเสริมการอ่านต่อไป
- 7. 4.3 จัดการฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการให้ครูผู้ทาหน้าที่บรรณารักษ์ห้องสมุด
โรงเรียนประถมศึกษา ในช่วงปี พ.ศ. 2535-2539 มีโรงเรียนสังกัดสานักงานการ
ประถมศึกษาอาเภอและสานักงานการประถมศึกษาจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ของภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ จานวน 10 จังหวัด ได้แก่ นครพนม ศรีสะเกษ มุกดาหาร
หนองคาย อุบลราชธานี ชัยภูมิ สุรินทร์ เลย บุรีรัมย์ และยโสธร เข้ารับการอบรมรวม
14 รุ่น รุ่นละประมาณ 80-120 คน
3. ทศวรรษที่สาม “เกื้อกูล” (พ.ศ. 2544-2553)
ในช่วงทศวรรษนี้ โครงการได้ปรับลักษณะการให้บริการทั้งระยะเวลาและ
รูปแบบของกิจกรรม คือ นอกจากเน้นการพัฒนาโอกาสและความสามารถในการอ่าน
และการเรียนรู้ของนักเรียน การกระตุ้นผู้บริหารและครูให้มีความรู้ความเข้าใจและเห็น
ความสาคัญของห้องสมุดในฐานะที่เป็นแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนช่วยพัฒนาครูบรรณารักษ์
ให้มีความรู้ความสามารถในการจัดบริการห้องสมุดสาหรับโรงเรียนแล้ว ยังขยายในด้าน
การจัดกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนการเรียนการสอน ให้เกิดประโยชน์กับ
นักเรียนทั้งในแง่ของการพัฒนาการอ่าน การขยายโลกทัศน์การเรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่ง
- 8. จะส่งผลต่อการเรียนรู้วิชาต่างๆได้ดีขึ้น ส่งเสริมนิสัยรักการอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอด
ชีวิต และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยด้านการบริการวิชาการที่เน้น
ให้มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาและการพัฒนาสังคมภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ
(Impact on Community) และผลงานการบริการวิชาการที่เกิดจากความร่วมมือของ
ชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน (Community Participation) โครงการฯจึงเห็นควรจัด
ขยายผลการบริการจากสถานศึกษาออกสู่ชุมชน ในโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่สู่ชุมชน
รณรงค์ให้รักการอ่านอย่างยั่งยืน เพื่อแสวงหารูปแบบและกระบวนการสร้างนิสัยรักการ
อ่าน ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นชุมชนต้นแบบในการสร้างนิสัยรักการอ่าน
และเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้เกิดกระบวนการที่จะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและ
ชุมชนให้ยั่งยืนต่อไป
3.1 การดาเนินงาน ยังอยู่ในรูปของคณะกรรมการเช่นเดิมแต่มีบุคลากร
ประจาทางานเต็มเวลาในตาแหน่งลูกจ้างชั่วคราวลดลงเหลือ 1 คนและพนักงานขับรถ
1 คนโดยองค์กรที่เคยให้การสนับสนุนด้านการเงินได้งดความช่วยเหลือ เนื่องจากในช่วง
ระยะเวลานี้ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2548
เป็นต้นมา (รุ่นที่ 12) โครงการจึงปรับเปลี่ยนทั้งรูปแบบและลดจานวนโรงเรียนและ
ระยะเวลาในการให้บริการลงเหลือรุ่นละ 1 ปีงบประมาณ เพื่อให้สอดคล้องกับแนว
ทางการจัดการงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไป
3.2 บริการและกิจกรรม ที่จัดในช่วงนี้ยังคงประกอบด้วยกิจกรรมหลักและ
บริการต่างๆเช่นเดิม แต่เน้นให้ครูเป็นผู้ดาเนินการและโครงการเป็นฝ่ายสนับสนุนให้
คาแนะนาและช่วยแก้ปัญหาในการดาเนินงาน สาหรับกิจกรรมหลักนี้ ยังคงมี
ความสาคัญเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์หลักของโครงการเนื่องจากการอ่านเป็นพื้นฐาน
และจุดเริ่มต้นที่ดีของการพัฒนาประเทศทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ และโครงการได้
ขยายผลการบริการจากสถานศึกษาออกสู่ชุมชน โดยมุ่งสร้างโอกาสในการอ่านให้กับ
เด็กในชนบท ด้วยการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและสร้างทักษะในการอ่านให้แก่ชุมชน
และการพัฒนาห้องสมุดชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพเพื่อช่วยส่งเสริมทักษะการ
เรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ชุมชน โดยในการนี้มีวัตถุประสงค์สาคัญในการบูรณาการการ
เรียนการสอนกับการบริการวิชาการโดยเน้นให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการให้บริการ
วิชาการ ทั้งนี้นักศึกษาจะได้ใช้ความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการทากิจกรรม
ร่วมกับชุมชนในโครงการ “ห้องสมุดเคลื่อนที่สู่ชุมชนรณรงค์ให้รักการอ่านอย่างยั่งยืน
ประกอบด้วยโครงการต่างๆ ได้แก่
1. อบรมต้นกล้ารักการอ่าน ซึ่งมุ่งให้ความรู้พื้นฐานแก่เยาวชนซึ่งจะทาหน้าที่
เป็นแกนนาอายุระหว่าง 10-15 ปี ในการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้เยาวชนและ
ประชาชนในชุมชนสนใจและเข้าร่วมกิจกรรม ส่งเสริมการอ่านอันจะช่วยพัฒนา
ศักยภาพในการเรียนรู้ของคนชุมชนให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
2. การประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการอ่าน (นักประชาสัมพันธ์น้อย)
เป็นโครงการย่อย ที่มุ่งให้เยาวชน มีความรู้ ความเข้าใจหลักการประชาสัมพันธ์และ
สามารถสร้างสรรค์กิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัยรักการอ่านให้
เกิดขึ้นภายในชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
- 9. 3. ไอทีเพื่อการอ่าน การจัดทาเว็บไซต์เพื่อการประชาสัมพันธ์ โดยมี
จุดมุ่งหมายให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถสร้างเว็บไซต์ของหมู่บ้าน เพื่อเป็นแหล่งข้อมูล
และประชาสัมพันธ์หมู่บ้านให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้วยังได้นาแนวความคิด
ของเทคโนโลยีเว็บ 2.0 มาประยุกต์ใช้กับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลหมู่บ้าน เพื่อความ
ทันสมัย สามารถเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่สนใจได้อย่าง
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. โครงการรักษ์ใบลานสานความรู้ เพื่อให้ความรู้แก่ชุมชน และปฏิบัติการ
อนุรักษและฟนฟูใบลานที่มีอยูในชุมชนใหคงอยู ตลอดจนบันทึกรายละเอียดรายการ
ความรูในใบลาน และสวนตางๆ ที่เกี่ยวของ โดยใช้ทั้งระบบมือ และเทคโนโลยี
ในอนาคตฐานข้อมูลใบลานที่รวบรวมนี้ สามารถใช้เป็นแหล่งสนับสนุนการ
เรียนการสอนวิชาท้องถิ่นของโรงเรียนและแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เป็นการกระตุ้นให้
ประชาชนในชุมชน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ได้เข้าใจคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน ตระหนักถึงความสาคัญใน
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมในท้องถิ่นของตนเอง ตลอดจนเกิดความรัก ความหวงแหน
และเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในฐานะที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ ส่งผล
ให้เกิดการส่งเสริมการอนุรักษ์ที่เป็นวิชาการที่เหมาะสมต่อไป
3. ย่างเข้าสู่ทศวรรษที่สี่ (พ.ศ. 2554 -2555)
พ.ศ. 2554
โครงการที่ดาเนินการ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น การรณรงค์ให้รัก
การอ่านอย่างยั่งยืน
หลักการและเหตุผล
โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเล็งเห็นความสาคัญของ
การอ่านอันเป็นรากฐานสาคัญของการศึกษาที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และได้
ให้ความสนใจในการจัดบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ในชุมชนมาโดยตลอด ซึ่งการ
ดาเนินงานมากว่า 30 ปีแล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายผลการบริการวิชาการ
และสนองนโยบายส่งเสริมการอ่าน โครงการฯจึงเห็นควรจัดกิจกรรมที่จะ
ขับเคลื่อนนโยบายแห่งชาติในการพัฒนาคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริม
สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเป็นภาคีเครือข่ายส่งเสริมการ
อ่าน รวมทั้ง โดยแสวงหาภาคีเครือข่ายในการเสริมสร้างบรรยากาศและ
สิ่งแวดล้อมในการส่งเสริมการอ่าน พัฒนาและเพิ่มจานวนแหล่งการเรียนรู้ให้
สามารถจัดบริการได้อย่างทั่วถึง ทันสมัย และมีคุณภาพ เพื่อทาให้การอ่าน
เป็นที่สนใจมากขึ้น สร้างเป็นชุมชนต้นแบบในการสร้างนิสัยรักการอ่าน และ
เป็นศูนย์การเรียนรู้ให้เกิดกระบวนการที่จะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและ
ชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและสร้างทักษะในการอ่านให้แก่ชุมชน
ส่งเสริมให้คนไทยรักการ
อ่านมากขึ้น ให้วัฒนธรรมการอ่านสู่วิถีชีวิตประจาวันของคนไทย ทุกเพศ ทุกวัย
2. เพื่อพัฒนาห้องสมุดชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะช่วยส่งเสริมทักษะการ
เรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ชุมชน
- 10. 3. เพื่อบูรณาการการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการโดยเน้นให้นักศึกษา
ได้มีส่วนร่วมในการ
ให้บริการวิชาการ ทั้งนี้นักศึกษาจะได้ใช้ความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์
จากการทากิจกรรมร่วมกับชุมชน
ผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบไปด้วยโรงเรียนบ้านขามป้อม ศูนย์การเรียนรู้
ชุมชนอ.พระยืน นักศึกษาสาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ คณะกรรมการห้องสมุดเคลื่อนที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คณาจารย์
กลุ่มวิชาการจัดการสารสนเทศและการสื่อสาร)
วัน เวลา และสถานที่
ครั้งที่ 1 วันที่ 9 สิงหาคม 2555 เวลา 13.30 –17.30 น. ณ โรงเรียน
บ้านขามป้อม ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน อ.พระยืน
ครั้งที่ 2 วันที่ 30-31 สิงหาคม 2555 เวลา 08.30-12.30 น. ณ ห้องราช
พฤกษ์ 4 โรงแรมเซนทารา คอนเวนชั่น ขอนแก่น
วิธีดาเนินการ/กิจกรรม
1. จัดซื้อหนังสือและสื่อที่ใช้ในการรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน ให้เหมาะสม
กับกลุ่มเป้าหมาย
2. เตรียมหนังสือและจัดทารายชื่อหนังสือมอบให้ห้องสมุดโรงเรียนและ
ชุมชน
3. จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้สาหรับดาเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริม
การอ่าน ตามแผนการจัดกิจกรรมที่กาหนดไว้
4. จัดกิจกรรม และให้บริการตามแผนการจัดกิจกรรม
5. จัดทาแบบบันทึกการอ่านสาหรับนักเรียนและชุมชนที่เข้าร่วมใน
โครงการ
6. จัดอบรมไอทีเพื่อการอ่าน และวิธีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์กิจกรรม
ส่งเสริมให้รักการอ่าน
7. สรุปประเมินผลการจัดกิจกรรมและการให้บริการ สะท้อนผลและถอด
บทเรียน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1) เกิดเครือข่ายรักการอ่านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีต้นแบบการ
ดาเนินงานห้องสมุดเคลื่อนที่ที่ดี ทาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยใช้จุดแข็งหรือ
ศักยภาพด้านความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นประเด็นในการ
ขับเคลื่อนเพื่อลดความเหลื่อมล้าในการเข้าถึงทรัพยากรการอ่าน และสื่อการ
เรียนรู้
2) ร่วมสังเคราะห์สิ่งที่ดีที่สามารถนาไปเป็นต้นแบบในการสร้างนิสัยรัก
การอ่าน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงในชุมชนให้สามารถดูแล
ตนเอง ช่วยเหลือกันในชุมชนได้ ซึ่งจะเป็นแนวทางการสร้างนิสัยรักอ่านที่มีความ
ต่อเนื่องและมีความยั่งยืนตลอดไป
3) นักศึกษาสาขาสารสนเทศศาสตร์ได้ประสบการณ์จากการร่วมดาเนิน
กิจกรรมเป็นการบูรณาการการเรียนการสอนจากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ
4) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ศูนย์บริการวิชาการ แล
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นที่รู้จักต่อบุคคลภายนอก
พ.ศ. 2555
ชื่อโครงการ ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น :บริการชุมชนคนรักอ่าน
หลักการและเหตุผล
โครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเล็งเห็นความสาคัญขอ
การอ่านอันเป็นรากฐานสาคัญของการศึกษาที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต และได้ให้
ความสนใจในการจัดบริการห้องสมุดเคลื่อนที่ในชุมชนมาโดยตลอด ซึ่งการ
- 11. ดาเนินงานมากว่า 30 ปีแล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการขยายผลการบริการวิชาการ และ
สนองนโยบายส่งเสริมการอ่าน โครงการฯจึงเห็นควรจัดกิจกรรมที่จะขับเคลื่อน
นโยบายแห่งชาติในการพัฒนาคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุก
ภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเป็นภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน รวมทั้ง โดย
แสวงหาภาคีเครือข่ายในการเสริมสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการส่งเสริม
การอ่าน พัฒนาและเพิ่มจานวนแหล่งการเรียนรู้ให้สามารถจัดบริการได้อย่าง
ทั่วถึง ทันสมัย และมีคุณภาพ เพื่อทาให้การอ่านเป็นที่สนใจมากขึ้น สร้างเป็น
ชุมชนต้นแบบในการสร้างนิสัยรักการอ่าน และเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้เกิด
กระบวนการที่จะนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและชุมชนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน
วัตถุประสงค์
1.เพื่อส่งเสริมปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและสร้างทักษะในการอ่านให้แก่ชุมชน
โดยเฉพาะนักเรียน ส่งเสริมให้เด็กไทยให้รักการอ่านมากขึ้น ให้วัฒนธรรมการอ่าน
สู่วิถีชีวิตประจาวันของคนไทย ทุกเพศ ทุกวัย
2. เพื่อบูรณาการการเรียนการสอนกับการบริการวิชาการโดยเน้นให้นักศึกษาได้มี
ส่วนร่วมในการ
ให้บริการวิชาการ ทั้งนี้นักศึกษาจะได้ใช้ความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์
จากการทากิจกรรมร่วมกับชุมชน
ผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบไปด้วยโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น 3
แห่ง นักศึกษาสาขาสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
คณะกรรมการห้องสมุดเคลื่อนที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (คณาจารย์กลุ่มวิชาการ
จัดการสารสนเทศและการสื่อสาร)
วัน เวลา และสถานที่
วันที่ 28 มกราคม 2556 เวลา 13.00-16.00 โรงเรียนเทศบาลบ้านสีฐาน
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 13.00-16.00 โรงเรียนเทศบาลบ้าน
สามเหลี่ยม
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 13.00-16.00 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนอง
แวง
วิธีดาเนินการ/กิจกรรม
1. จัดซื้อหนังสือและสื่อที่ใช้ในการรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน ให้เหมาะสม
กับกลุ่มเป้าหมาย
2. เตรียมหนังสือและจัดทารายชื่อหนังสือมอบให้ห้องสมุดโรงเรียนและ
ชุมชน
3. จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้สาหรับดาเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริม
การอ่าน ตามแผนการจัดกิจกรรมที่กาหนดไว้
4. จัดกิจกรรม และให้บริการตามแผนการจัดกิจกรรม
7.5 จัดทาแบบบันทึกการอ่านสาหรับนักเรียนและชุมชนที่เข้าร่วมใน
โครงการ
งบประมาณ
ใช้งบประมาณแผ่นดิน แผนงานบริการวิชาการแก่ชุมชน โครงการ
ห้องสมุดเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น 60,000.- บาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้
(ถัวเฉลี่ยทุกรายการ)
1. ค่าวัสดุประกอบการจัดกิจกรรม (หนังสือและสื่อต่าง ๆ)
50,000.- บาท
2. ค่าวัสดุสานักงาน ค่าวัสดุน้ามันเชื้อเพลิง
10,000.- บาท ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ ฯลฯ