SlideShare a Scribd company logo
1 of 25
Download to read offline
แนะนําโรงเรียน High School 6 ประเทศ ยอดฮิต สําหรับเด็กไทย
1. โรงเรียนมัธยม High School สิงคโปร์
โรงเรียนมัธยมที่สิงคโปร์มีหลายรูปแบบ โรงเรียนมัธยมหลักสูตรภาษาจีน โรงเรียนคริสต์โรงเรียนหลักสูตรญี่ปุ่น วิชาบังคับของโรงเรียน
ไม่ว่ารูปแบบใด ต้องเรียนภาษาอังกฤษในทุกระดับชั้น วิชา คณิตศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ เป็นต้น โรงเรียนมัธยมในสิงคโปร์ส่วนใหญ่
จะต้องแต่งยูนิฟอร์มเหมือนบ้านเรา แต่ละโรงเรียนนั้นจะเน้นกิจกรรมต่างกันออกไป โรงเรียนที่ผมจะแนะนํามี 5 โรงเรียน ทั้ง 5 โรงเรียน
ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพในด้านวิชาการ ด้านการทํางานเพื่อสังคม นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพโดยให้เด็กแสดงผลงาน ศิลปะ ดนตรี
และ กีฬา โรงเรียนทั้ง 5 แห่ง เป็นโรงเรียนสห โรงเรียนมัธยมจะมีสอนทั้งภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษ คนที่จะไปเรียนสิงคโปร์ต้องสอบ
AEIS วัดผลภาษาอังกฤษ และ คณิตศาสตร์ ถ้าเราคิดสอบเข้าแล้วคิดว่าทําไม่ได้ไม่ต้องห่วงครับ เขามี preparatory courses for admission
รองรับไว้อยู่แล้ว
1. Nanyang Girls High School
2. Dunman High School
3. Catholic High School
4. River Valley High School
5. Nan Hua High School
2. โรงเรียนมัธยม High School ออสเตรเลีย
โรงเรียนมัธยมระดับต้นๆ ของ ออสเตรเลีย อยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ทั้งหมดส่วนมากจะเป็นโรงเรียนชายล้วน และ หญิงล้วน แต่ละโรงเรียน
มีประวิติศาสตร์อันยางนาน 4 จากทั้งหมด 6 โรงเรียน เปิดมานานตั้งแต่สมัยสงครามโลก มันเป็นโรงเรียนมัธยมที่เก่าแก่โดยอาคาร
บางส่วนยังคงอนุรักษ์ไว้ 6 โรงเรียนที่ผมจะแนะนําเป็นโรงเรียนของรัฐ และมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน James Ruse Agricultural
High School กับ Baulkham Hills High School คือ 2 จาก ทั้งหมด 6 โรงเรียน ที่ไม่อยู่ในเมือง ซิดนีย์และ ต้องขับรถไปทางตะวันตก แต่มี
สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากกว่า ทั้ง 2 โรงเรียนนี้ จะอยู่ในแถบชนบทเพราะมันเหมือนกับเราไปเที่ยวนิวซีแลนด์เลย มีทั้งฟาร์ม
แกะ ฟาร์มเลี้ยงวัว ค่าเล่าเรียนนั้นจะต่างกันไม่มาก
1. James Ruse Agricultural High School
2. North Sydney Girls High School
3. Sydney Girls High School
4. North Sydney Boys High School
5. Sydney Boys High School
6. Baulkham Hills High School
3. High School อังกฤษ
โรงเรียนมัธยมในอังกฤษนั้นที่ติดอันดับ top 6 จะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนทั้งหมด และไม่ได้ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน การจะเข้าเรียนมัธยม
นักเรียนทุกคนต้องสอบ ภาษาอังกฤษ ( English) กับ คณิตศาสตร์ ( Mathematic) เพื่อวัดระดับทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และ การ
คํานวณเลขที่เป็นพีชคณิต ถ้านักเรียนได้ผลคะแนนดีจากการสอบ Entrance Examination โรงเรียนจะเรียกเราไปสัมภาษณ์ในการวัด
ความสามารถในการพูดว่าเรามี Background ที่เหมาะสมกับการเข้าโรงเรียนหรือไม่ ในวันสัมภาษณ์ จะเป็นวันที่โรงเรียนพานักเรียนเดิน
ชมโรงเรียนให้เด็กรู้จักแผนกของโรงเรียน High School ที่อังกฤษนั้นจะสอนตั้งแต่ประถมต้น ถึง มอปลาย Year 1 – Year 6 และ Year 7-
12 นักเรียนจะอยู่หอพักที่โรงเรียนจัดเตรียม
1. Guildford High School for girls
2. St. Albuns High School for girls
3. Manchester High School for girls
4. Oxford High School GDST
5. South Hampstead High School
6. Putney High School
4. โรงเรียนมัธยม High School นิวซีแลนด์
โรงเรียนมัธยมที่อยู่ต้นๆ ของนิวซีแลนด์นั้นไม่มีการจัดลับดับว่าโรงเรียนใครดีกว่ากัน แต่จะวัดจากคะแนนการสอบ NCEA ของแต่ละ
โรงเรียน บวกจํานวนทุนของนักเรียน Scholarship ในแต่ละปี มากไปกว่านั้นเขายังวัดอัตรานักเรียนที่เรียนจบแล้วเข้ามหาลัยอีกด้วย
ฉะนั้นแล้วมันขึ้นอยู่ว่าเราชอบโรงเรียนที่มีวิชาการแข็งหรือไม่ 5 โรงเรียนที่ผมจะแนะนํา ทั้ง 5 โรงอยู่ใน Auckland จะเป็นโรงเรียนสห
ทั้งหมด มันเหมาะสําหรับคนที่ไม่ต้องเสียเวลาต่อจากเมือง Auckland เพื่อไปเรียนเมืองอี่น คุณภาพของการเรียนนั้นถือว่ายอดเยี่ยม
โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านวิชาการค่อนข่างสูง โรงเรียนที่เด่นทางด้านวิชาการจากอยู่ในเกาะเหนือ
1. Birkenhead College
2. Edgewater College
3. Liston College
4. Macellin College
5. One Tree Hill College
5. โรงเรียนมัธยม High School สกอตแลนด์
โรงเรียนมัธยมของสกอดแลนด์จะต่างกับอังกฤษเล็กน้อย คือ มีเรียน year 13 ด้วย โรงเรียนมัธยมนั้นจะควบคุมโดยรัฐบาล Scotland
ระบบสอบจะคล้ายๆ อังกฤษตรงที่มีการสอบ GCSE ในปีสุดท้ายของการเรียน Senior School โรงเรียนมัธยมของสกอดแลนด์บังคับให้
นักเรียนวิชาพละ ( Physical education) 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในระดับชั้นมัธยม นักเรียนจะต้องเรียน 8 วิชา แต่จะมี 4 วิชาที่เป็นวิชาบังคับ
คือ วิชา ภาษาอังกฤษ วิชา คณิตศาสตร์ อีกสองวิชา คือ วิชาวิทยาศาสตร์ ในสาย Science เราสามารถเลือกว่าเราจะเรียน biology,
chemistry หรือ physic และ วิชาสังคมศาสตร์ ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกว่าจะเรียน ภูมิศาสตร์ (Geography) ประวัติศาสตร์ (History) หรือ
การศึกษาโลกยุคใหม่ (Modern Studies) โรงเรียนที่ผมจะแนะนํามี 5 โรงเรียน 3 โรงนั้นอยู่ในย่าน East Renfrewshire ซึ่งอยู่ทางตะวันตก
เฉียงใต้ของเมือง “กลาสโกว์” (Glasgow) มีหนึ่งโรงอยู่ในเมือง “เอดินเบอระ” (Edinburgh ) และอีกโรงนั้นอยู่ค่อนไปทางเหนือของ อยู่ใน
เมืองที่มีชี่อว่า “สเตอร์ลิง” (Stiring) 5 โรงเรียนทั้งหมดนี้เป็นโรงเรียนสห
1. St. Ninians’s High School
2. Williamwood High School
3. Mearns Castle High School
4. Dunblane High School
5. Boroughmuir High School
6. โรงเรียนมัธยม High School สวิตเซอร์แลนด์
โรงเรียนมัธยมเด่นๆ ของสวิตเซอร์แลนด์นั้นจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ หลักสูตร อเมริกัน และ หลักสูตรอังกฤษ ทั้งหมดจะเป็นโรงเรียน
กินนอน ( Boarding School) ที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนมากโรงเรียนจะมีสอนตั้งแต่ชั้นประถม ถึง มอปลายเลย บางโรงเรียนอาจจะมี
กิจกรรมให้เด็กได้ไปท่องเที่ยวในเมืองในช่วงปิดเทอม โรงเรียนทั้งหมดเป็นโรงเรียนสห นักเรียนจะต้องใส่ยูนิฟอร์ม แต่ข้อดี คือ ไม่ต้อง
ตื่นเช้ามากเพราะเขามีหออยู่ไม่ไกลจากห้องเรียน นอกจากนี้มีระบบ (Tutor System) เพื่อติวบทเรียนให้เด็ก วิชาหลักก็จะมี ภาษาอังกฤษ
ภาษาฝรั่งเศส คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น เด็กต่างชาตินั้นมาจะทั่วมุมโลก โรงเรียนที่ผมแนะนําอยู่ทางตะวันตกของสวิต และมี
สภาพแวดล้อมที่เป็นหุบเขา
1. St. George’s International School
2. Ecole D’ Humanite
3. Algion College
4. Le Regent College
5. Tasis American School
ที่สุดของ 2 มหาลัย University of Otago และ University of Auckland 
University of Otago 
(1) เก่าแก่ที่สุด 
เก่าที่สุดเพราะก่อตั้งเมื่อปีคริสต์สักราช 1860 ใช่ครับมันเก่ากว่าใครเพื่อนเลย ตอนเริ่มแรก มหาลัย Otago นั้นเปิดสอน
แค่วิชาภาษาอังกฤษเท่านั้น 4 ปีต่อมา มหาลัย Otago ก็เริ่มเปิดสอนวิชาของยาทางการแพทย์ จากนั้นในปี 1875 ก็มี
สอนวิชาทันตกรรม หรือ การรักษาฟันที่เราคุ้นเคย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเริ่มที่สอนวิชาทางวิทยาศาสตร์
ทางการแพทย์รวมถึงการสร้างห้อง lab เพิ่มไว้การทดลอง วิชามนุษย์ศาสตร์กับวิชาชีวภาพ ดึงดูดให้คนมาเรียนที่มหาลัย
นี้มากขึ้น มากกว่าก็นี้ยังมีวิชาชีวะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต การรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายรังสี นอกเหนือจากนี้ยังมีการสอน
วิทยาศาสตร์ทางเคมี ในปี 1972‐1977 มหาลัยได้ขยายสาขาไปยังเมือง Christchurch กับเมือง Wellington เพื่อเพิ่ม
สาขาวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น
(2) คณะเยอะที่สุด 
คณะมากที่สุดเพราะมีคณะตั้งแต่ตัวอักษร A‐Z ตามลําดับ เช่น Archeology ธรณีวิทยา Biochemistry ชีวะวิทยา
ทางด้านเคมี Cardiology การศึกษาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ Food Science วิชาวิทยาศาสตร์ทางด้านอาหาร
International business วิชาธุรกิจต่างประเทศ Language and Culture วิชาภาษาและวัฒนธรรม Pathology วิชา
เรื่องการควบคุมเชื้อโรค Sport and exercise medicine วิชาการกีฬาและยาออกกําลังกาย Surgical Science 
วิชาการผ่าตัดโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ Tourism การท่องเที่ยว Health วิชาสุขอนามัย Sociology: Gender Social 
work การศึกษาเรื่องเพศและงานช่วยเหลือสังคม Children’s health วิชาด้านการรักษาสุขภาพของเด็กเล็ก Zoology 
วิชาชีวะทางด้านสัตว์ป่า 
(3) อยู่ในเมืองที่หนาวเย็นที่สุด 
ใช่ครับมันอยู่ทางใต้สุดของนิวซีแลนด์ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทําไมมันถึงหนาวมาก อากาศหน้าหนาวจะเต็มไปด้วย
หิมะ แต่สําหรับคนที่ไม่เคยเห็น อาจจะรู้สึกตื่นเต้น และติดใจที่จะอยู่ที่นั่นต่อก็ได้ ถ้าไปเรียนที่ University of Otago 
ต้องเตรียมเครื่องนุ่งห่มไปมากหน่อย หน้าหนาวอุณหภูมิอาจติดลบทั้งสัปดาห์ ความหนาวเย็นนั้นเหมือนเราไป
สกอตแลนด์ทีเดียว นอกจากอากาศทีคล้าย Scotland ยังมีทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยแกะบนเดินเขาสวยตระการตา หน้า
หนาวจะยาวนานมากเราจะไม่ค่อยเจอแดดเท่าไร ในมหาลัยนั้นมี heather อยู่แล้ว
(4) มหาลัยสวยที่สุด  
มหาลัย Otago นั้นสวยเหมือนในเรื่อง Harry Potter เลยเพราะเขาออกแบบสไตล์อังกฤษ เช่น มีหอนาฬิกาอยู่บนยอด
อาคาร ตัวภายนอกดูเก่าแก่แต่ภายในนั้นมีเครื่องมือการเรียนที่ทันสมัยมาก รูปแบบโครงสร้างอาคารมหาลัยมีเอกลักษณ์
เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนมหาลัยไหนของนิวซีแลนด์ จุดที่ทําให้เราจําได้คือยอดแหลมด้านบน มันบอกเราว่านี่คือมหาวิทยาลัย
Otago มันมีกลิ่นอายความเป็นยุโรปอยู่ ดูไปดูมาเหมือนโบสถ์ในเมือง Christchurch ด้วย สภาพแวดล้อมก็ดึงดูด
นักเรียนเช่นกัน อิฐที่ใช้ก็สร้างทําด้วยความประณีต มหาลัย Otago ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในอาคารเรียนที่สวยที่สุด
ของโลกโดยหนังสือพิมพ์ Huffington Post ถ้ามองวิวจากด้านบนจะเห็นว่าเขาจัดอาคารเรียนน่ารักมาก ดูสบายตากว่า
University of Auckland ตรงที่เขามีสนามหญ้าล้อมรอบมหาลัย มันทําให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
University of Auckland 
(1) ใหญ่ที่สุด 
มันใหญ่เพราะมีหลายอาคารสําหรับให้นักศึกษาเลือกเรียนได้เยอะ มี Campus หลักๆรอบเมืองได้แก่ City Campus 
Epson Campus Graton Campus และ New Market Campus แต่ละ Campus นั้นจะมุ่งเน้นไปทางด้าน
วิทยาศาสตร์การแพทย์ ชีวะวิทยา โรคมะเร็ง วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ การจัดการ สถาปนิก แต่ละอาคารมีห้องทดลองที่
ได้มาตรฐานที่ดีเยี่ยม ดูเหมือนมันคล้ายกับ Otago แต่มีกว่าในคณะการเงินกับคณะบัญชีที่เด่น ถ้าใครจะเรียนด้านธุรกิจ
น่าจะเหมาะ อาคารทั้งใหญ่และเก่าแก่แบบศิลปะโบราณเหมือนเราไปเรียนอังกฤษ ต้องยอมรับเลยว่า University of 
Auckland มีความพร้อมในการจัดเตรียมที่พักให้นักศึกษาเท่ากับ Otago การ Support ภาษาอังกฤษในการพูด อ่าน
เขียนด้วยหลักสูตร Diagnostic English Language Needs Assessment (DELNA) ไม่มีค่าใช้จ่าย 
 
(2) อยู่ในย่านใจกลางความเจริญมากที่สุด 
แน่นอนครับเพราะมหาลัยอยู่ในย่านธุรกิจใจกลาง Auckland และมีแหล่งของกิน Shopping เพียบ อยู่ไม่ห่างจาก
Auckland Art Gallery และสามารถเดินไปถนน Queens Street ได้เลยไม่ต้องนั่งรถ bus ทันสมัยโดยมีร้านขายเสื้อผ้า
fashion สถานบันเทิงสําหรับคนที่ชอบนั่ง drink ตอนกลางคืน เด็กนักเรียนสามารถหางานทําได้แบบ Part time เป็น
ที่ตั้งของบริษัทชั้นนํา มี transportation ที่ครบวงจร เช่น เรือโดยสาร รถประจําทาง และ สนามบิน มีความหลากหลาย
ทางเชื้อชาติเหมือน Sydney เลย มีสถานที่ให้ดูและศึกษางานมาก เป็นแหล่งการค้าที่สําคัญของชาวเอเชีย มีนักธุรกิจมา
จากทั่วโลก มหาลัยอยู่ใกล้สํานักข่าว Sky news อยู่ในเมืองที่มีสีสันทางวัตถุนิยม ที่ตั้งของมหาลัยนั้นสามารถเดินไปอีก
Campus ถึงกันได้ มหาลัยนั้นอยู่ในละแวกย่าน Casino แถว Sky Tower สนุกกว่านี้เพราะมันที่ตั้งของมหาลัยอยู่ไม่ห่าง
จากโรงภาพยนตร์ Bridgeway Cinema 
(3) จํานวนนักศึกษาเยอะที่สุด 
University of Auckland มีนักศึกษามากที่สุดในนิวซีแลนด์ มีนักเรียนทั้งหมดรวมกัน 41,953 คน ในปี 2014 มีเด็ก
ต่างชาติเยอะสุดในนิวซีแลนด์โดยเฉพาะนักเรียนแถบเอเชีย ยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ถ้าเปรียบเทียบกับ Otago เด็กมีแค่
20,000 คน ต้นๆ ส่วนมากนั้นเด็กที่ไปเรียนจะเลือกเรียนปริญญาตรีมาก จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เรียนปริญญาโทกับเอก
แต่ละคณะมีนักเรียนไม่เท่ากัน อย่างคณะศิลปะศาสตร์ นักเรียนปาเข้าไป 4,000 ถึง 5,000 กว่าคน ป.ตรี แต่ ป.โท ก็
ประมาณ 700 กว่าคน เราได้มีโอกาสพูดหลายภาษาด้วยเพราะ university of Auckland ได้ฉายาว่าเป็นมหาลัยเด็ก
ต่างชาติ 
(4) World University ranking ที่ดีทีสุดของนิวซีแลนด์ 
ไม่หน้าเชื่อครับว่า University of Auckland ถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 81 ของ world ranking  และ ถือว่าเป็นมหาลัยที่ได้
ดาว 5+ จากคะแนนสูงสุด 8 คะแนนในเรื่องของการทําวิจัย การสอน สิ่งอํานวยความสะดวก เป็นมหาลัยเดียวที่ติด Top 
100 University ด้วย มากไปกว่านั้น ยังได้ชนะเลิศรางวัล National Tertiary Teaching Excellence Awards 25 
ครั้งตั้งแต่ปี 2002 บวกกับได้คะแนนทางด้านวิชา หรือ Academic Reputation 90.1 คะแนน แซงหน้ามหาลัย Otago 
ที่ตามมาอันดับ 2 ซึ่ง ranking อยู่ประมาณ 100 กว่าๆ 15 สาขาวิชาของมหาลัย University of Auckland ติดอัน top 
50 world university by subjects ในวิชาพวกนั้นก็จะมีวิชาครุศาสตร์ กฎหมาย ภูมิศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์ เป็นต้น
เมื่อดูจากสถิติแล้วเหนือกว่าทุกมหาลัย และทําให้นักเรียนอยากเข้าที่นี่มากขึ้น
 
งบประมาณสําหรับคนไปเรียน High School ที่นิวซีแลนด์ 
ค่าเรียน High School 
ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียแล้ว งบที่ต้องใช้จ่ายค่าเรียนของ High School ที่นิวซีแลนด์นั้นถูกกว่าก็จริงแต่
มันขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่เราเลือกไป นอกจากนี้นักเรียนควรต้องดูอัตราค่าแลกเปลี่ยนก่อนเพื่อนักเรียนจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเล่า
เรียนในอัตราที่สูง แต่ละครั้งเราอาจจะคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 25 บาทเสมอ ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป แนะนําว่าควรเช็ค
ที่หน้าเว็บไซด์ธนาคารแห่งประเทศไทย ค่าเล่าเรียนของมัธยมในนิวซีแลนด์ก็จะประมาณ 11,500 ดอลล่า NZ หรือ ประมาณ
276,000 บาท ‐> ( ราคานี้ยังไม่รวมตัวเครื่องบิน ค่าโฮมสเตย์นะครับ และต้องรวมค่าซื้ออาหารอีก) ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องรู้ว่าจะ
ไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์กี่ปี ถ้าเราจะไปเรียน 2 ปี Year 11 กับ 12 รวมๆ ทั้งสองปี จะอยู่ประมาณ 500,000 กว่า รวมค่า
โฮมสเตย์ประมาณ 190‐250 ดอลล่าต่อสัปดาห์ งบประมาณที่เราต้องใช้รวมกันทั้งสองปี ก็คือ 1,000,000 กว่าบาท ปิดเทอม
ใหญ่ในเดือนธันวาคม และ เดือน มกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กนักเรียนกลับบ้านจากการเรียน high school ที่นิวซีแลนด์ นักเรียน
ยังคงต้องจ่ายค่าโฮมสเตย์แม้ว่านักเรียนไม่ได้อยู่ที่นั้นก็ตาม เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายให้โฮมสเตย์ดูแลเสื้อผ้าที่เราไม่ได้เอากลับ  
 คํานวณง่ายๆ โดยประมาณให้ดูครับ  
ค่าเล่าเรียนมัธยม ต่อ / ปี 276,000  
+ 
ค่าโฮมสเตย์ ต่อ/ สัปดาห์   190  x  24= 4,500 บาทต่อ / สัปดาห์  
 
4,500 x 4 สัปดาห์ = 18,000 บาทต่อ/ เดือน 
 
18,000 x 12 เดือน= 216,000 บาทต่อ/ ปี 
 
ค่าเล่าเรียนมัธยมต่อปี 276,000 + ค่าโฮมสเตย์ต่อปี 216,000 = 492,000 บาท 
ค่ากิน 
ส่วนค่ากินอาหารนั้นถ้าเป็นข้างนอกก็จะแพงอยู่ แต่รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าเป็นร้านอาหารไทยที่นิวซีแลนด์ ราคาจะอยู่
ประมาณ 10‐15 ดอลล่า ต่อจาน ส่วนมากร้านอาหารไทยจะอยู่ตามหัวเมืองดังๆ หลายคนที่เราทราบกันดี ไม่แนะนํา
ร้านอาหารญี่ปุ่น กับ ร้านอาหารเกาหลีที่นั่นเพราะจะแพงกว่าอาหารไทยมาก ค่ากินในโรงเรียนมัธยมราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย
โดยราคาอยู่ที่ 8 ดอลล่า ถึง 10 ดอลล่า ตอนที่ผมไปเรียนนิวซีแลนด์อาหารกลางวันก็จะมี ขนมปังไส้กรอก เบอร์เกอร์ไก่ทอด
และ นมสด ปรกติแล้วโฮสของเราจะทําอาหารกลางวันให้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่อยากเสียตัง ของกินที่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มี เช่น
New World, Pak n Save, Countdown เป็นต้น ราคาอาหารในซุปเปอร์จะไม่หนีกันมาก มันเหมือนห้างโลตัสที่อยู่ในไทย
และ ห้างแม็กโคบ้านเราเลย ของกินก็จะมีไอครีม อาหารแช่แข็ง ขนมขบเคี้ยว และอื่นๆ  
 
ค่ารถเมล์ 
ตั๋วโดยสารรถประจําทางนั้นไม่แพงมากสําหรับนักเรียน ราคาจะอยู่ประมาณ 1 ดอลล่า ถึง 5 ดอลล่า ขึ้นอยู่กับระยะทางที่
นักเรียนพักอาศัย ถ้านักเรียนอยู่เมืองใหญ่ก็จะได้ใช่บัตรตั๋วรถบัสเป็นแบบสแกนอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเราไม่ต้องหยิบเหรียญมาจ่าย
เพราะมันเป็นระบบเติมเงิน ขอดีของการอยู่เมืองใหญ่ คือ รถบัสจะมีเกือบทุกชั่วโมงและถี่ด้วย เปรียบเทียบกับเป็นเมืองเล็ก รถ
บัสจะไม่ค่อยถี่ซึ่งถ้าเราตกรถบัส เราต้องรอประมาณ 2 ชั่วโมง เลยละครับ ไม่ว่าเราจะอยู่เมืองไหน ค่าโดยสารรถประจําทางไม่
ต่างกันมาก ผมไม่แนะนําให้ขึ้นแท็กซี่หากไม่จําเป็น ควรไปก่อนรถบัสจะมาสัก 5 ถึง 10 นาทีเพราะเขาออกตรงเวลา  
 
 
มาดูกัน ข้อดี และ ข้อเสีย ของ High School ใน 6 ประเทศ ยอดฮิต 
1. ข้อดีการไปเรียน high school ที่นิวซีแลนด์ 
ค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า บวกกับใช่เวลาน้อยกว่าในการพิจารณารับนักเรียนเข้า เพราะไม่ต้องสอบ entrance 
examination ไม่จําเป็นต้องเรียนลดชั้นเพื่อให้ภาษาอังกฤษเราดีเท่ากับเด็กเจ้าของภาษา  สังคมของการเรียนมี
ความเป็นมิตรใกล้ชิดกับโฮมสเตย์ มีการ support นักเรียนต่างชาติโดยการจัดกิจกรรมในช่วงปิดเทอมทุกปี ไม่มี
night pub ซึ่งเหมาะกับคนเป็นเรียนจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ มีความปลอดภัยสูงในเรื่องของการก่อการร้าย และ การ
ก่ออาชญากรรม อากาศเย็นไม่ต้องใช่แอร์ให้เปลือง ดีสําหรับคนทีเป็นโรคภูมิแพ้
ข้อเสียการไปเรียน high school ที่นิวซีแลนด์ 
เดินทางค่อนข้างนานเพราะต้องนั่งเครื่องบิน 11 ชั่วโมงกว่า นอกจากนี้ยังมี flight เที่ยวบินน้อย ถ้าเราอยู่เมืองเล็ก
จะหาของกินยากกว่ามาก ค่าของชีพสูง อาหารที่โฮมสเตย์ให้ทานนั้นค่อนข้างน้อย และ จําเป็นต้องทานอาหารว่าง
เสริมก่อนรับประทานอาหารเย็น  
2. ข้อดีของการไปเรียน high school ที่ออสเตรเลีย 
มีระบบการสอบภาษาอังกฤษมาตรฐานสูงโดยให้เด็กเรียนภาษาก่อนจะมาเข้าชั้นเรียน ระยะทางนั้นไม่ไกลจาก
ประเทศไทยมากโดยใช้เวลา 7‐9 ชั่วโมง มีสังคมหลากหลายเชื้อชาติและเปิดโอกาสให้นักเรียนทํางาน 40 ชั่วโมง ต่อ
สัปดาห์ ได้ด้วย Student Visa ซึ่งทําได้มากกว่าอยู่นิวซีแลนด์ นักเรียนจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะมีกิจกรรมให้ทํา
มากมาย วิชาการที่เป็นเลิศ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีวะทางทะแล เด่นเรื่องของการวิจัยและพัฒนา มีการ
รับรองเด็กนานาชาติโดยใช้กฎหมาย Education Services for Overseas Students Act เพื่อคลุ้มคลองสิทธิคนที่
ศึกษาอยู่ใน Australia นอกจากนี้อากาศยังไม่หนาวมากสําหรับคนไทยที่ไปอยู่ 
ข้อเสียของการไปเรียน high school ที่ออสเตรเลีย 
ค่าเล่าเรียนสูงกว่านิวซีแลนด์ บวกกับค่าคลองชีพที่แพงอยู่แล้ว อาจจะใช้เวลาเรียนหลายปีในกรณีที่นักเรียน
ภาษาอังกฤษยังไม่แข็ง มีเด็กต่างชาติเยอะเกินซึ่งมันอาจจะทําให้นักเรียนพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเท่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามาเรียนเมืองใหญ่ หาอาหารกินง่าย แต่ร้านในห้างสรรพสินค้าปิดเร็วถ้าเราจําเป็นต้องซื้อ
ของกินของใช้  
3. ข้อดีของการไปเรียน high school ที่อังกฤษ 
เป็นประเทศแม่แบบในการเรียนภาษาอังกฤษที่เป็นเอกลักษณ์ สําเนียง และธุรกิจการเงิน มีการคัดคุณภาพเด็กก่อน
เข้าเรียนว่าเราเหมาะกับสถาบันนั้นหรือไม่ มีสาขาวิชาหลากหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิลปกรรม แฟชั่นเสื้อผ้า การ
ออกแบบตกแต่งกราฟิก วิสวะ เป็นต้น เด็กต่างชาติน้อยซึ่งจะทําให้เราได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น สามารถ
เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปได้หลายประเทศ นักเรียนจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีทันสมัย หาของกินง่าย
มีแหล่งช็อบปิ้งที่ดึงดูดใจ มีสวัสดิการรักษาพยาบาลสําหรับนักเรียนที่เจ็บป่วย สําหรับเด็กที่จบ high school จะ
ได้รับการยอมรับที่สูง
ข้อเสียการไปเรียน high school ที่อังกฤษ 
มิจฉาชีพ และ การก่อการร้ายซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงที่นักเรียนต้องระวัง สอบเข้ายากเพราะเขามีขั้นตอนการ
พิจารณาในการรับนักเรียนเข้าที่ละเอียด และ ยาวนาน เราต้องถูกสัมภาษณ์เพื่อจะดูว่าเรามีความเหมาะสมกับ
โรงเรียนลักษณะนี้ไหม ส่วนใหญ่นักเรียนจะเลือกไม่ได้ว่าจะอยู่หอในโรงเรียน หรือ อยู่กับโฮมสเตย์เนื่องจากมีจํากัด
ไม่มีการ support ให้กับเด็กนานาชาติเท่าที่ควรในการปรูพื้นฐานภาษา ต้องไปทําวิซ่าด้วยตนเอง 
4. ข้อดีการไปเรียน high school ที่สิงคโปร์ 
ใกล้ประเทศไทยและอากาศพอๆกับอยู่ที่ไทย มีการเรียนวิชาการที่แข็ง สามารถเรียนได้ทั้งภาษาอังกฤษ กับ ภาษาจีน
ไปพร้อมกันได้ นักเรียนมีวินัย ใฝ่รู้ในการค้นคว้า มีประชากรน้อย บ้านเมืองสะอาด การเรียนการสอนทันสมัยโดยใช้
คอมพิวเตอร์ tablet อาหารการกินหลากหลาย มีชมรมออกกําลังกายกลางแจ้งที่ดีเยี่ยม การคมนาคมที่ดีที่สุดใน
อาเซียน มีความปลอดภัยสูงเพราะกฎหมายที่สิงคโปร์ค่อนข้างแรง บุคลากรที่มีคุณภาพโดยเฉพาะอาจารย์ผู้สอน
นอกจากนี้ยังการสอนดนตรีหลายประเพศ เช่น กีตาร์ เปียโน เป็นต้น  
ข้อเสียการไปเรียน high school ที่สิงคโปร์ 
ค่าเรียนและค่าคลองชีพสูงโดยเฉพาะเด็กที่เช่า apartment ส่วนเด็กที่ไปเรียนจะต้องอยู่หอเท่านั้นไม่มีโฮมสเตย์
เหมือนอย่างกับออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ มีกิจกรรมให้เด็กทําก็จริง แต่ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเอกลักษณ์ให้ชม ความ
เป็นอยู่แอร์อัด  
5. ข้อดีการไปเรียน high school สวิตเซอร์แลนด์ 
มีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ประชากรน้อย ความเป็นอยู่ที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหอพักนักเรียนที่จัดเตรียมไว้ให้
เด็กจะได้เรียนรู้หลายภาษานอกเหนือจาก อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส นักเรียนจะได้มีโอกาสไปดูงานที่สหประชาชาติ หรือ
UN มีกิจกรรมให้ทําตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็น กีฬาฤดูร้อน กีฬาฤดูหนาว มีระบบการดูแลเด็กที่เยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการกิน
การทบทวนบทเรียน เด็กยังสามารถเดินทางไปทั่วยุโรปได้ด้วย การ support เด็กต่างชาติดีมากหากว่าเราจะไปเรียน
โรงเรียน international school  
ข้อเสียการไปเรียน high school สวิตเซอร์แลนด์ 
ค่าเล่าเรียนและค่าคลองชีพสูงมากถ้าเราจะไปเรียนเป็นปีๆ หางานกับหาที่ฝึกงานยากเพราะไม่ค่อยมีงานที่
หลากหลาย ร้านค้ากับร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ การหาของกินจึงยากขึ้นตามไป มีแหล่งช็อปปิ้งน้อยจึง
ทําให้มันดูน่าเบื่อ  
6. ข้อดีการไปเรียน high school สกอตแลนด์ 
มีการศึกษาในด้านกฎหมายที่โด่งดัง บวกกับมีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้างที่
หน้าค้นหา เป็นเมืองที่สงบกว่าในอังกฤษเพราะคนน้อยไม่วุ่นวาย ระบบการวัดผลสอบไม่ต่างกับอังกฤษ แต่เน้นทํา
กิจกรรมเยอะ ไม่ไกลจาก Northern Ireland ถ้าหากเราจะไปเที่ยวข้ามเกาะไป  
ข้อเสียการไปเรียน high school สกอตแลนด์ 
นักเรียนจะต้องนั่งเครื่องบินต่อภายในประเทศจาก London ทําให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม การคมนาคมที่จํากัด
อากาศที่ค่อนข้างหนาวจัดตลอดทั้งปี หาของกินยากโดยเฉพาะถ้านักเรียนอยู่หากจากเมือง ไม่มีการ support เด็ก
ต่างชาติสําหรับคนที่จะไปเรียนในการปรูพื้นฐานภาษาอังกฤษ
 
 
 
 
 
 
เรียน high school ที่นิวซีแลนด์
เรียน High School ที่นิวซีแลนด์ดีอย่างไร?
การเรียน High School ดีกับนักเรียนไทยที่ยังไม่เคยใช้ชีวิดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปเรียนภาษา
เพราะค่าเล่าเรียนถูกกว่าประเทศอื่นที่ใช้ภาษาอังกฤษ อากาศที่นิวซีแลนด์บริสุทธิ์และไม่เป็นมลพิษเลย
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย มัธยมที่นิวซีแลนด์มีคอร์สเรียนปรับพื้นฐาน
ภาษาอังกฤษ เช่น ESOL ที่ดีเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องเรียนลดชั้นเหมือนกับโรงเรียนมัธยมออสเตรเลีย high school ของ
นิวซีแลนด์เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ไปเที่ยวและศึกษาดูงานของวัฒนธรรมของเมารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเต้น
“ฮากา” ซึ่งข่มขวัญคู่ต่อสู่ในงานแข่งขันกีฬาได้เป็นอย่างดี คนชาวนิวซีแลนด์ยังเป็นมิตร อัธยาศัยดี และ
ช่วยเหลือหากเราหลงทาง โรงเรียนมัธยมเรียนไม่เครียดโดยให้ทํากิจกรรมเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีก็คือ ถ้านักเรียนอยู่
โรงเรียนกินนอน นักเรียนยังสามารถอยู่หอได้แม้ว่ามันจะเป็นช่วงปิดเทอม
การไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ต่างกับการเรียนที่ไทยอย่างไร?
การศึกษาในระดับมัธยมที่ประเทศนิวซีแลนด์จะเน้นให้เด็กทํากิจกรรมไปทัศนะศึกษาเชิงนิเวศเพื่อที่ให้เด็ก
เข้าใจลึกซึ้งกับบทเรียน ไม่ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ หรือ วิชาท่องเที่ยว การศึกษาของนิวซีแลนด์ให้เปิด
โอกาสทุกคนให้ออกความคิดเห็นในชั้นเรียน ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง อาทิ การให้เด็กกล้าแสดงออก วิเคราะห์
เนื้อหา และ ทํางานเป็นกลุ่ม เพื่อให้เด็กมีความสัมพันธ์กัน มัธยมจะเรียนวิชาการน้อยกว่าที่ไทยมากเพราะ
ต้องการให้เด็กเรียนมุ่งไปเรียนในสายอาชีพที่ตัวเองอย่างทํางาน มัธยมที่นิวซีแลนด์ เรียกว่า year 11 ถึง
year 13 senior high school หรือ ม4 ถึง ม6 นั้นเอง ระบบของมัธยมจะเข้มงวดในการเข้าเรียน
ยูนิฟอร์มของมัธยมจะแตกต่างไปในแต่ละโรงเรียน กฎการลงวิชาไม่ต่างกันมาก มัธยมที่นิวซีแลนด์จะไม่เน้น
ท่องจํามาก แต่จะเน้นการเข้าชมรม ออกกําลังกาย และ เล่นดนตรี ไม่เหมือนอย่างที่ไทยที่นักเรียนต้องไปเรียน
พิเศษเสริม ค่าเล่าเรียนของมัธยมจะไม่เหมือนกัน มัธยมของโรงเรียนรัฐบาลจะถูกกว่าโรงเรียนเอกชน หรือ
โรงเรียนกินนอนมาก เพราะไม่รวมค่าใช้จ่ายหอพัก นักเรียนไทยที่จะเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ต้องลงวิชาปรับ
พื้นฐานภาษาก่อนจนกว่านักเรียนจะพูดคล่อง การเดินทางไปโรงเรียนนั้นไม่ยาก เพราะสามารถเดินไปได้เอง
โดยไม่ต้องใช่รถ
การให้คะแนนของโรงเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์?
การให้คะแนนนั้นต่างกับที่ไทยมาก จะแบ่งเป็นสามเกรด Achievement ( A) , Merit ( M), และ
Excellence (E) หลายคนที่ยังเข้าใจว่า A คือเกรด A นั้นผิด เพราะว่า A เป็นเกรดที่ผ่านแบบฉิว
เฉียด ไม่ใช่ว่าเราจะได้ A คะแนนสูง ส่วน Merit เป็นคะแนนที่เราได้ระดับกลางที่สูงกว่า
Achievement และ ส่วนคะแนนสูงที่สุด คือ Excellence นั้นหมายถึงเรามีความพยายามมากในการ
ทํางานข้อสอบในห้อง เด็กไทยส่วนใหญ่นั้นจะได้คะแนนแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวิชาถนัดของตัวเอง
คะแนนของมัธยมจะวัดจากการทําข้อสอบเขียนกลางเทอม กับ ปลายเทอม หรือ NCEA ตัว NCEA มี
สอบในสามชั้นปีศึกษา NCEA Level 1 กําหนดให้เด็กนักเรียนทําให้ได้ 80 credits เพื่อการศึกษา
ต่อในระดับชั้นปีอื่นต่อไป ส่วน NCEA level 2 นักเรียนจะต้องได้ 60 credit เป็นอย่างน้อย บวกกับ
ตัว อีก 20 credits จาก level 1 และ NCEA level 3 ใช้กฎเหมือนกับ level 2 ทุกประการ ถ้า
นักเรียนไทยต้องการจะเรียนต่อถึงมหาลัยควรทํา NCEA level 3 เพี่อเป็นหลักในการเข้ามหาลัย
ไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ให้ประสบการณ์อะไรกับนักเรียนไทย?
นักเรียนไทยจะได้รับความรู้ในการพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และ ภาษาเมารี มีประสบการณ์
ในการพูดคุยกับเจ้าของภาษา นักจะได้เห็นการใช้ชีวิตเด็กนิวซีแลนด์ นอกจากนี้นักเรียนจะมีความรู้วัฒนธรรม
แบบสไตล์ชาวกีวี่ที่มีเอกลักษณ์ นักเรียนไทยจะเรียนรู้ในการช่วยเหลือโฮมสเตย์ ทํางานบ้าน และดูแลงานที่
โฮสมอบหมาย นักเรียนจะมีความอดทนในการอยู่ด้วยตัวเองในการชีวิตแบบอิสระที่ประเทศอื่นๆ รู้คุณค่าใน
การอยู่แบบพอเพียงที่บ้านนั้นจะไม่เริดหรูแบบบ้านเราอยู่ที่ไทย ชาวนิวซีแลนด์นั้นจะไม่ใช้ของที่ฟุ่มเฟือยโดย
ไม่จําเป็น การพัฒนาทางด้านจิตใจจะเป็นสิ่งที่นักเรียนไทยจะมีติดตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีระเบียบวินัย ความ
สุภาพ การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่เด็กไทยฝันที่จะไปเพื่อดูความสวยงามของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทําลาย
ส่วนมากนักเรียนไปเรียนมัธยมช่วงไหน?
ช่วงเดือนมกราคมจะเป็นเดือนเปิดภาคเรียนแรกที่เด็กไทยไปเริ่มเรียนช่วงนี้มากเพราะจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ในชั้น
เรียน และ ทําความคุ้นเคยกับสถานที่ไหม การไปเรียนตอนมกราคมไม่เป็นอุปสรรคกับนักเรียนไทยมากนัก
เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน บวกกับ ช่วงกลางวันที่ยาวนาน daylight saving ซึ่งนักเรียนจะได้เล่นกีฬา
กลางแจ้ง เช่น สนามบอล กับ สนามบาสได้ด้วย เดือนมกราคมจะเป็นช่วงที่นักเรียนเลือกวิชาอิสระได้อย่างน้อย
สองตัว วิชาที่เรียนจะสลับวันเว้นวัน แต่ละวิชาจะเรียนประมาณชั่วโมงครึ่ง จะมีพักช่วงเช้ากับกลางวัน 2 ชั่ง
เวลา ซึ่งต่างกับของไทยที่มีพักก่อนเลิกเรียน 4 วิชาบังคับที่ต้องเรียน คือวิชา English (วิชาภาษาอังกฤษ),
Mathematics (วิชาคณิตศาสตร์), science (วิชาวิทยาศาสตร์), and physical education
(วิชาพละ) ที่เด็กไทยทุกคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว  ส่วนในเดือนอื่นนั้นจะเหมาะกับนักเรียนที่มาเรียนมาสั้นๆ
เพื่อมาหาประสบการณ์
ประสบการณ์ส่วนตัวที่ประเทศนิวซีแลนด์
แม้การเดินทางไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นจะไกล มันส่งผลดีที่ให้เรากล้าสื่อสารหลากหลายภาษา กับ
นักเรียนนานาชาติเวลาโรงเรียนจัดทัวร์ในเดือนปิดภาคเรียน การไป camping เป็นตัวอย่างนึ่งที่เด็กทุกคน
สามารถแชร์ประสบการณ์ในประเทศบ้านเกิด กับนักเรียนต่างถิ่นได้ดี มากไปกว่านั้น โรงเรียนมัธยมยังเปิด
โอกาสให้เด็กไทยได้แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยการเต้นโชว์รําไทย กับ แต่งชุดไทยเดินในงาน
international culture week การดูศิลปะยังสนุกไม่พอ ต้องต่อด้วยการชิมอาหารนานาชาติที่แต่ละ
โรงเรียนจัดงานเพื่อให้เด็กทุกคนได้มีกิจกรรมร่วมในช่วงที่เด็กอาศัยที่นิวซีแลนด์ การไปเที่ยวแนวผจญภัยเป็น
ความใฝ่ฝันของเด็กไทยที่อยากเรียนรู้โลกภายนอก เพราะเนื่องจากการมาเรียนเป็นส่วนของการโปรโมทการ
ท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ และผมก็ประทับใจในการที่คนนิวซีแลนด์ยังดูแลสภาพบ้านได้ดี อากาศที่เย็นตลอดทั้งปี
นั้นช่วยให้เราสนุกกับการไปเล่นสกี ที่พักโฮมสเตย์จําเป็นต้องติดต่อโรงเรียนหรือ agency ให้จัดหาโฮสให้
นักเรียนที่อยู่ในนิวซีแลนด์การเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นไม่นาน และ ยากเลยสําหรับเด็กไทย เพียงแค่
เด็กไทยมีความตั้งใจในการส่งงานครบ มาเขาเรียนตรงเวลาก็พอ มาเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นไม่สูญเปล่าเลย
แต่จะได้สิ่งใหม่ อาทิ มีทักษะในการต่อรองเวลาที่เราไปอยู่ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ คุยกับฝรั่งโดยไม่ต้อง
กังวล เพื่อนๆคนไทยที่ผมรู้จักก็เรียนเลือกเรียนที่นิวซีแลนด์เพราะติดใจกับบรรยากาศที่โน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ป่าไม้เขียวขจี พูดถึงขนาดนี้จะลืมแกะไปได้อย่างไงกัน แกะที่นิวซีแลนด์ขนสีขาวปุยที่เด็กไทยหลายคนอยาก
สัมผัสตัวจริง
รายได้หลักของนิวซีแลนด์มาจากอะไร
รายได้ต่อหัวของชาวนิวซีแลนด์นั้นอยู่ที่ 35,152 USDในปี 2016ซึ่งมากกว่ารายได้คนไทยหลายเท่าตัว มูลค่าของ Gross
domestic product (GDP)ในปี 2016 อยู่ที่ 186 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ประชากรนิวซีแลนด์มีน้อยกว่าไทยมากจึงทําให้รายได้ต่อ
หัวนั้นสูงกว่า แต่รายได้ของเขาต้องพึ่งนักศึกษาและนักท่องจากต่างประเทศด้วย เขาใช้แทคติก Local brand / global market คือ
การใช้การตลาดในการโปรโมท brand ของตัวเอง เพื่อให้ทั่วโลกได้รู้จักนิวซีแลนด์ โดยการส่งออกวัฒนธรรมไปออกบูทงานทั่ว
โลก เขาใช้เอกลักษณ์ Maori ซึ่งเป็นคนพื้นเมือง กับ รูปใบเฟิร์นในการดึงดูดคนที่สนใจไปเยือนนิวซีแลนด์ไม่ว่าการค้าหรือ
การศึกษาข้ามแดน นิวซีแลนด์ใช้แผนโดยเด็กที่เรียนสามารถมาเรียนได้เร็วขึ้น เช่น การสมัครง่ายโดยไม่ต้องทําข้อสอบ นี่จึงเป็น
สาเหตุที่เด็กมาเรียนเป็นจํานวนมาก
รายได้จากเด็กต่างชาติมาอยู่บ้านโฮมสเตย์
ชาวนิวซีแลนด์ได้รับเงินทุกเดือนโดยเฉพาะเด็กที่มาเรียนระยะสั้นๆ และ ระยะยาว รายได้อันนี้เป็นรายได้ของครอบครัวที่ได้มา
ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก การที่โรงเรียนของนิวซีแลนด์เปิดรับนักเรียนต่างชาติมากขึ้น มันส่งผลต่อสถานะของชาวกีวี่
รายได้ต่อสัปดาห์ขั้นตํ่าในการเป็นโฮมสเตย์จะอยู่ที่190 NZDหรือประมาณ 4,816บาท สูงสุดจะอยู่ที่ 250 NZDหรือประมาณ
6,337 บาท รายได้ส่วนนี้ค่อนข้างมั่นคงเพราะแต่ละปีจะมีเด็กเข้าเรียนที่นิวซีแลนด์ประจํา เงินที่ได้เป็นเงินที่โฮมสเตย์ไว้ใช้ใน
ครัวเรือนกับจ่ายเพื่อจุนเจือลูกชาวนิวซีแลนด์ แต่ละโฮมสเตย์จะมี contact กับโรงเรียนที่นักเรียนไป ถ้าคํานวณเป็นต่อเดือนแล้ว
โฮมสเตย์จะได้รับ 19,264 ถึง 25,348 บาท เป็นรายได้ที่ดีจริงๆสําหรับคนกีวี่ โรงเรียนกินนอน หรือ ที่เรารู้จัก boarding school
นั้นไม่ค่อยนิยมมากนักเหมือนในประเทศอังกฤษ ต้องยอมรับอย่างนึงว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของนิวซีแลนด์ไม่เยอะมาก เขาต้อง
พึ่งพาจากการค้ากับต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทําไมเขาจึงพยายามรับเด็กต่างชาติมากในระดับ high school
เพี่อที่จะดึงรายได้จากเด็กที่มาเรียน ชาวนิวซีแลนด์เห็นตรงนี้เป็นโอกาสในการเพิ่มรายรับ เมื่อเด็กต่างชาติมาเรียนมากขึ้น
จํานวนโฮมสเตย์ก็มากขึ้นตาม ตอนแรกนั้นอาจจะคิดว่ามันเป็นรายได้ทางอ้อม แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเขาคิดว่ามัน
เป็นรายได้หลักไปแล้ว
รายได้จากการโปรโมทการศึกษานิวซีแลนด์ 
เขาใช้การตลาดแบบพื้นๆ ในการเปิดงาน NZ education fair
ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นมัธยม หรือ ระดับมหาวิทยาลัย Event
marketing นั้นเป็นกลยุทธ์ที่เขาจะทําทุกปี เขาต้องการมา
promote ตลาดการศึกษาในทวีปเอเชียเพราะเขารู้ว่าไม่ใช่ว่า
เป็นตลาดที่ใหญ่แต่เพราะมีเด็กที่ต้องการไปเรียนภาษาอังกฤษ
มากโดยเฉพาะประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เช่น
ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น NZ education fair มี
จัดงานตอนกลางปีเป็นประจํา กับต้นปี เขาจะใช้เด็กที่เรียนอยู่
นิวซีแลนด์ และ เด็กศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์มาอธิบายว่าโรงเรียนเป็นอย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ ผมต้องถือว่านิวซีแลนด์ได้
รายได้จากสิ่งนี้โดยตรง และ ถ้าเขาได้เด็กต่างชาติไปเรียนเพิ่มขึ้น เขาจะเอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาการศึกษาของเขา รายได้ของการ
โปรโมทการศึกษาของนิวซีแลนด์ก็ส่งผลถึงจํานวนของนักท่องเที่ยวด้วย จากสถิติจากปี 2012 ถึง 2016 ของเว็บไซต์
Ministry of Tourism ของนิวซีแลนด์ พบว่าการโปรโมทการศึกษาส่งผลให้เพื่อนๆ และญาติพี่น้องนั้นเดินทางเพื่อมา
ท่องเที่ยวมากขึ้น การ promote การศึกษานั้นทําให้คนอยากมาอยู่นิวซีแลนด์นานขึ้น ส่งผลดีในการเที่ยวระยะสั้นของเด็กที่
เรียนนิวซีแลนด์ แน่นอนที่สุดจุดแข็ง คือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (eco-tourism) จึงทําให้ NZ tourism นั้นน่าสนใจ แค่ปี
2013 รายได้การศึกษามัธยมของนิวซีแลนด์รวมเป็นเงิน 111,714,804 NZD หรือ 2,843,188,202 บาท รายได้นี้สามารถ
นําไปพัฒนาประเทศของเขาได้อย่างมหาสารทีเดียว การโปรโมทการศึกษาเป็นการค้าขายอย่างหนึ่งไม่ได้เอาผลกําไรเป็นที่ตั้ง
ข้อได้เปรียบนิวซีแลนด์ คือ มีงบประมาณการศึกษาค่อนข้างมาก จาก chart ด้านล่างของ ปี 2007 ถึง 2013 เราจะเห็นว่า
จํานวนเด็กไทยที่สมัครเรียน high school นั้นเพิ่มขึ้นทุกๆปี นี่จึงแสดงให้เห็นว่าการศึกษานิวซีแลนด์กําลัง boom มันเป็น
ตัวชี้วัดถึงความสําเร็จในการส่งเด็กมาเรียนที่นิวซีแลนด์ ผลระยะยาวนั้นถือว่าเป็นเม็ดเงินที่คุ้มค่า
รายได้จากเกษตรกรรมและปศุสัตว์
เกษตรกรรมเป็นรายได้ลองลงมาจากรายได้การศึกษา และ เกษตรมีความสําคัญ
ต่อภาคการผลิตมากเพราะทําให้เศรษฐกิจดี ผลิตภัณฑ์นํ้าส้มเป็นตัวอย่างหนึ่งของ
นิวซีแลนด์ที่ทุกคนต้องประทับใจอย่างยี่ห้อ Simply Squeezed นั้นสดมาก
เพราะเขาจะไม่ใส่นํ้าตาลเหมือนอย่างกับที่ไทย นอกจากนี้ยังมีการทําปศุสัตว์ไว้
เป็นรายได้นายการขายทั้งในกับนอกประเทศ ปศุสัตว์นั้นทําตั้งแต่การผลิตนมวัว
ทําเนื้อวัวขาย ลืมเนื้อแกะไปได้ยังไง…ไม่ได้ครับ เนื้อแกะนั้นเหมือนยิงปืนนัด
เดียวได้นกสองตัว เพราะเขาสามารถมาทําเสื้อนุ่งห่มและทําเนื้อได้อีกด้วย ทั้งเนื้อ
วัวและแกะจะส่งออกไปขายหลายประเทศ แต่ราคาจะสูงนะครับ แนะนําว่าไปกิน
ที่นิวซีแลนด์จะถูกกว่า สําหรับเครื่องนุ่งห่มที่ทําจากขนแกะนั้นช่วงหลังๆก็ยังคงตอบรับจากผู้ซื้ออยู่ต้องบอกเลยว่า ถุงมือ
หมวก hood เสื้อกันหนาว ครีมแกะ นั้นเป็นรายได้ที่ขาดไม่ได้เพราะเป็นอาชีพหลักของชาวนิวซีแลนด์ หลักๆแล้วนิวซีแลนด์
จะส่งออกไปประเทศจีนเยอะเพราะมีความต้องการสูง การที่นิวซีแลนด์มีค่าเงินอ่อนส่งผลดีมากกับผู้ซื้อในประเทศที่นิวซีแลนด์
ส่งออกสินค้า
 
ความประทับใจที่ได้ไปนิวซีแลนด์ 
ตอนแรกที่ไปนิวซีแลนด์
การไปนิวซีแลนด์นั้นเป็นประสบการณ์แรกที่ผมนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ มันเป็นโลกที่มีความสวยงามในด้านธรรมชาติ ภูมิ
ประเทศที่เป็นเกาะ และ มีนํ้าทะเลล้อมรอบ ตอนแรกผมไม่ได้ไปเรียน High School เลย ทันที แต่ผมไปกลับ agent NZ 
study ตอนชั่งปิดเทอมภาคฤดูร้อนปี 2007 สิ่งที่แปรกไปจากคนอื่นๆ คือ ผมฟังภาษาอังกฤษคล่องเพราะผมเรียนที่โรงเรียน
นานาชาติมาก่อน ตอนนั้นผมเดินทางไปเมือง ‘ ไครสต์เชิร์ช ’ ( Christchurch) ที่อยู่ตอนกลางของเกาะใต้ เมืองนี้อากาศ
หนาวเย็นมากในช่วงหน้าหนาว และมีหิมะด้วยบางปี วันแรกนั้น agent พาผมไปเดินดูโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่ง ทางเข้าสวย
มาก วันนั้นผมได้พบกับอธิการ และนัดโฮสมารับที่โรงเรียนไปบ้านพัก ตอนที่ผมพักกับโฮสบ้านแรกผมรู้สึกอยากจะเปลี่ยน
โฮมสเตย์เพราะบ้านเขาเลี้ยงหมา แต่ผมบอก agent ว่าผมเป็นโรคภูมแพ้  agent เขาก็เปลี่ยนให้ทันที โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
ผมไปอยู่ที่นั้น 1 เดือนเต็มได้เที่ยวสนุกสนานกับน้องๆที่ไป อาทิตย์แรก agent ให้พักผ่อนก่อน และ สัปดาห์ที่ 2 agent พาเด็ก
ไป เมือง ควีนส์ ทาวน์ ( Queenstown) ระหว่างทางเราแวะที่ ร้านขายสําหรับท่องเที่ยว ละวันนั้นผมซื้อ การ์ด มาไว้เก็บเป็นที่
ระลึก หลังผมทานอาหารเสร็จ ตอนเย็นเราก็ไปแวะ Puzzling World ซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเทียวเพราะมันมีห้องลวงตาที่เรา
มองเข้าไปแล้วจะเหมือน 3 มิติ Puzzling World อยู่ใน ‘ วานากา ’ ( Wanaka) ซึ่งอยู่ก่อนถึงเมือง Queenstown ตอนก่อน
คํ่าเราได้เขาพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตอนเช้ารุ่งขึ้น ผมออกเดินทางแต่เช้า เล่น ลูท บนยอดเขาในเมือง สัปดาห์ที่ 3 agent ของผม
พาไปเล่นสกีนอกเมือง Christchurch ตอนนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะผมยังเล่นกีฬาบนหิมะไม่เก่ง ตอนนั้นมีครูผู้ฝึกสอนก็เลย
ง่ายหน่อย สัปดาห์ที่ 4 agent พาไปเล่น paintball ในเมือง Christchurch เราเล่นกันคลายเครียดก่อนบินกลับไทย จากนั้น
agent ก็พาผมไปเดินในเมือง Christchurch ที่มีแหล่งชอปปิงมากมาย และ ไปโบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ข้างบนมีที่ดูวิว
เมือง Christchurch วันที่จะกลับไทย โฮสพามาส่ง และ เขาอยากให้ผมกลับมาเที่ยวอีก
ถ้าจะไปเที่ยวนิวซีแลนด์ควรไปหน้าไหน 
มันมีทั้งข้อดีและเสีย ผมว่าถ้าไปหน้าหนาวเราจะได้เล่นกีฬาหลายประเภท แต่ถ้าไปหน้าร้อนเราจะเล่นได้แค่กีฬาพวกฟุตบอล
หรือไม่ก็บาสเกตบอล ไปหน้าร้อนก็ดีอีกแบบ เราจะได้เที่ยวยาวหน่อยเพราะกลางวันจะยาวนานมาก และดวงอาทิตย์จะตก
ประมาณ 3 ทุ่ม มันเหมาะสําหรับคนที่ขับรถเที่ยวยาวไปเมืองที่อยู่ไกลออกไป หน้าหนาวอย่างที่เรารู้ๆกัน ว่ามึดเร็วมาก  
โอกาสที่เราจะออกไปเที่ยวข้างนอกนั้นแทบไม่มีเลย ผมแนะนําว่าถ้าอยากสัมผัสความหนาว ต้องไปเดือนมิถุนายน หรือ
กรกฎาคม ช่วงที่ผมไปมันประมาณ 2 องศา ซึ่งผมกับช็อกแต่มันสนุกดี ผมต้องใส่เสื้อ 3 ชั้น สําหรับคนที่ต้องการไปหน้าร้อน
ไม่มีปัญหาเพราะเราแค่เอาเสื้อคลุมธรรมดาก็พอ ควรมีแว่นกันแดด บวกกับครีม lotion ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของ
แต่ละคน ส่วนใหญ่ถ้าไปกับ agent จะไปในช่วงหน้าหนาวเพราะเป็นเวลาที่เด็กโรงเรียนนานาชาติในไทยปิดเทอม เด็กส่วน
ใหญ่จะนิยมไปช่วงนั้นกัน หน้าร้อนไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะอากาศนั้นมันอบอุ่นเหมือนอยู่ประเทศไทย หน้าหนาวถ้าเป็น
เกาะใต้จะหนาวจัดกว่าเกาะเหนือ
 
 
หลังจากการทัวร์ที่นิวซีแลนด์ 
ตอนหลังผมเริ่มรู้แล้วระบบการเรียนนิวซีแลนด์ว่าเป็นยังไง ผมเลยไปงานการศึกษาโรงเรียนในนิวซีแลนด์และเอาโบรชัวร์มา
เปรียบเทียบว่าทีไหนดีกว่ากัน แต่ละโรงเรียนไม่ต่างกันมาก ตอนแรกผมยังงงๆ กับ ESOL ว่าคืออะไร ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็น
วิชาภาษาอังกฤษ มันใช่วิชาภาษาอังกฤษจริงๆ แต่ในเป็นวิชาภาษาอังกฤษสําหรับคนต่างชาติ ที่นั้นเขาจะใช้คําว่า English 
speaker of other languages แทน English as second language พูดง่ายๆ คือ มันเป็นภาษาอังกฤษสําหรับเด็กที่ไม่ได้
ใช้ภาษาแม่ ส่วนโรงเรียนมัธยม ตอนที่ผมไปใหม่ๆ ผมยังไม่ค่อยชินกับการเรียนแบบสไตล์เด็กกีวี่ สิ่งที่ไม่เหมือนที่ไทย คือ
นิวซีแลนด์ไม่ได้นั่งกินในโรงอาหาร แต่จะนั่งกินตามอัธยาศัย การเรียนการสอนของมัธยมที่นั่นสนุกกว่าที่ไทยเพราะเขาเรียน
และปฏิบัติจริงๆ เรียนครั้งแรกผมก็ยังตามเพื่อนไม่ทันแต่เขายังมีคน support ในเรื่องวิชาการในตอนที่เราไม่เข้าใจบทเรียน
ตอนที่ผมเรียน High school ผมยังไม่เข้าใจว่าเข้าเก็บหน่วยกิจกันอย่างไง ผมก็รู้เลยว่าที่นั่นไม่ได้ใช่ผลคะแนน GPA เหมือน
อย่างกับที่ไทย ที่นั่นเขามีเกณฑ์ว่าผ่านหรือผ่านเท่านั้น Achieved หรือ Not Achieved ถ้าผมได้ Achieved หมายถึง ผม
สอบผ่าน และ ได้หน่วยกิจ ต้องยอมรับว่าสังคมค่อนข่างเสรี และกฎระเบียบน้อยกว่าของไทย ถ้าเราเรียนมัธยมที่ไทยเราต้อง
ตัดผมเกรียน ของนิวซีแลนด์เขาให้นักเรียนไว้ทรงผมอะไรก็ได้ แค่ใส่ยูนิฟอร์มกับรองเท้าบูทฮะๆ ตอนไปอยู่นิวซีแลนด์ผมเห็น
คนไว้ทรงผม Bob Malay ด้วย สิ่งนี้ทําให้ผมมีแรงบัลดาลใจในเริ่มคิดสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเรืองการออกแบบ artwork 
บนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ก็เหมือนกับที่ไทย คือ มาเรียนตรงต่อเวลา ถ้ามาสายต้องบอกสาเหตุว่ามาช้า
เพราะอะไร รถติด…ฟังไม่ขึ้น นิวซีแลนด์ไม่ค่อยมีรถติดมาก
แล้วถ้าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องแล้วจะพูดกับชาวนิวซีแลนด์ถูกหรอ? 
สําหรับคนที่ไปทัวร์กับ agent นิวซีแลนด์ แค่ช่วง summer นั้นไม่มีปัญหาเพราะโฮสจะเข้าใจดีว่าเราต้องการอะไร อย่างเช่น
เราถือขวดนํ้า แล้วบอก Excuse me, water please… เขาก็รู้แล้ว แต่ถ้าไปเรียนมัธยมที่โน่น เราต้องเรียนในการพูดที่สุภาพ
มากขึ้น โดยเรียนรู้คําศัพท์ใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นที่นิวซีแลนด์ Tea time ไม่ได้หมายถึงว่า กินนํ้าชา แต่ หมายถึงว่า ได้เวลารับทาน
อาหารเย็นแล้ว คนที่นิวซีแลนด์จะไม่ใช่คําว่า Dinner  ต้องพยายามพูดให้ได้มากที่สุดเพราะว่านั้นเป็นประสบการณ์ของเรา
สําเนียงตอนแรกมันค่อยดี แต่ไม่เป็นไร เดียวพอเรียนไปมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง การพูดสําคัญตอนเราเดินในช่วงปิดเทอมที่
นิวซีแลนด์ ภาษาอังกฤษที่นั้นจะคล้ายๆ สําเนียงประเทศอังกฤษ ถ้าเราไม่เข้าใจคําศัพท์ไหนสามารถโฮสชาวกีวี่ของเราได้ เรา
ต้องลองหัดฟังเวลาที่เพื่อน present งานเป็นกลุ่ม และ กล้าพูดกับชาวกีวี่ไม่ว่าจะเป็นโฮส หรือ กับ เพื่อนๆ  
โรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์ที่ผมศึกษา
Westlake Boys High School  
เวสต์เลค บอยส์ ไฮ สคูลร์ เป็นโรงเรียนชายล้วนที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอ๊คแลนด์โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที โรงเรียนตั้งอยู่
ทางเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ และ มีสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมเรื่องเครื่องมือในการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน เช่น ห้อง
แลป ห้องสอนทําอาหาร ห้องศิลปะ ห้องประชุมนักศึกษา ห้องทํางานวิจัย ห้องสมุดที่เป็นส่วนตัว นอกเหนือจากนี้ยังมีสนาม
กว้างใหญ่เพื่อใช้ในการจัดงานกีฬาสีของแต่ละห้อง งานกีฬาสีที่นี่จะพิเศษกว่าที่อื่นคือเราจะเดินไปทํากิจกรรมในส่วน
สาธารณะ สนามแบดมินตันในร่ม สนามเทนนิสที่เหนือกว่าโรงเรียนอื่นในละแวกนั้นมาก ถ้าใครอยากเข้าไปชมโรงเรียนนี้ก็จะ
เห็นว่าเรากําลังเดินอยู่บนเนินเขาแล้วเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส แม้โรงเรียนนี้อยู่จะอยู่ไกลจากท่าอากาศยานเมืองโอ๊คแลนด์
บรรยากาศค่อนข่างสงบไม่วุ่นวายมากนักเหมาะสําหรับนักเรียนที่ไม่ชอบมาช็อปปิ่ง และ ยังคงเป็นธรรมชาติ ถ้าคนไหนไม่ชอบ
อากาศเย็นมาก ผมแนะนําให้มาโรงเรียนนี้เพราะอากาศนั้นอมอุ่นมาก อาหารการกินที่นี้แพงก็จริงแต่หาของกินสะดวก แม้มัน
จะอยู่นอกเมือง อาหารซีฟูดที่นี่ก็หาไม่ยากแค่นั่งรถบัสจากบ้านไปในทาวน์ใกล้ๆ เราก็จะเห็นร้านอาหารทะเลอยู่ในทาวน์ที่มีชื่อ
ว่า “ทาคาปูน่า” ซึ่งเป็นย่านเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงเรียน ในย่านนี้ไม่ได้มีแค่แหล่งช็อปปิ่ง แต่ยังมีฟิตเนสที่อยู่ในห้างอีกด้วย 
ทําไมถึงเรียนที่ เวสต์เลค บอยส์ ไฮ สคูลร์ ? 
โรงเรียน เวสต์เลค บอยส์ นั้นมีการเรียนสองระบบ หนึ่ง การเรียนแบบระบบนิวซีแลนด์ สอง คือ การเรียนแบบระบบแคมบริดที่
จะเรียนนักกว่า โรงเรียนนี้มีการดูแลเด็กต่างประเทศที่ดีมากไม่ว่าจะเป็น เรื่องการประพฤติของเด็กที่เรียนว่าตั้งใจเรียนหรือไม่
มีการอบรมเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน และ รายงานผู้ปกครองทุกเดือน ถ้าเด็กไม่ตั้งใจเรียนทางโรงเรียนจะให้เอเจนส่งกลับทันที ดูแล
เด็กที่เรียนตามเพื่อนในห้องโดยเฉพาะเด็กที่พึ่งมาเรียนใหม่ และเปิดโอกาสให้เด็กไปเรียนรู้งานจริงในเมืองเพื่อเพิ่มความรู้
อย่างเช่น การไปสํานักงานการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ได้ให้คุณค่ากับนักเรียนในด้านนี้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ใน
ด้านการว่างแผนธุรกิจ ที่โรงเรียนมีคอนเน็คชั่นกับบริษัทของประเทศนิวซีแลนด์ ส่งเสริมการเรียนนอกห้องเรียนเพื่อนําไปใช้ใน
ชีวิตประจําวัน สิ่งที่ได้จากที่นี้คือ ทางโรงเรียนจะรายงานผลการสอบของนักเรียนสําหรับคนที่ทําไม่ดีให้นักเรียนปรับปรุง
การเดินทางจากโรงเรียนไปในเมืองโอ๊คแลนด์ยากไหม? 
ต้องบอกเลยว่าไม่ยากครับที่นี้มีรถบัสเข้าเมืองถี่มากทั้งวันธรรมดา และ วันหยุด ถ้าเราเดินทางจากโรงเรียนเวสต์เลค เรา
จะต้องเดินไปขึ้นที่ท่ารถบัสประมาณ 10 นาที สําหรับคนที่อยากไปเมืองโอ๊คแลนด์ ผมแนะนําให้ไปพิพิธพันธ์เมืองโอ๊คแลนด์ที่
แสดงเรื่องราวของชนพื้นเมืองเมารีไม่ว่าจะเป็นเรือโบราณ ของเก่าของชาวเมารีที่หลงเหลือ เมืองโอ๊คแลนด์นั้นจะคล้ายๆ เมือง
ซิดนีย์ที่ประเทศออสเตรเลียแต่ก็มันจุดเด่นของมันคือ มี หอคอยสูงที่เราสามารถขึ้นไปชมได้ นอกจากนี้ถ้าเราเบื่ออาหารที่โน่น
เรายังสามารถหาอาหารไทยทานหลายร้านเลยทีเดียว เดินซื้อของชําร่วยในที่ร้านในเมือง ในเมืองโอ๊คแลนด์มีสถาบันสอน
ภาษาที่ได้รับการยอมรับ สะดวกกว่านั้น เรายังสามารถนั่งรถไฟจากโอ๊คแลนด์ถึงเมือง เวลด์ ลิง ตั้น ถ้าเกิดว่าเราอยากจะ
เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเมือง ระหว่างทางกลับจะเห็นวิวสวยของสะพาน ฮาเบอร์ บริด ข้ามไปฝั่งโอ๊คแลนด์
 
Educatepark
Educatepark
Educatepark
Educatepark

More Related Content

Similar to Educatepark

งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..NooCake Prommali
 
การประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพการประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพPisamai Phanthulawan
 
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57คมสัน คงเอี่ยม
 
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557Arunvithaya
 
ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57Vattana Lapanich
 
โครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอมโครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอมNichaphat Sanguthai
 
พอทฟอริโอ้
พอทฟอริโอ้พอทฟอริโอ้
พอทฟอริโอ้Pin Tansiri
 
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์Moll Kim
 
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9pluem0201
 
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา  จันทร์สังข์  เลขที่ 9 ม.5/9ประภาดา  จันทร์สังข์  เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9pluem0201
 
Portfolio
PortfolioPortfolio
Portfolio_nrtnp
 
workbook นร. 66 - รอบ3.pdf
workbook นร. 66 - รอบ3.pdfworkbook นร. 66 - รอบ3.pdf
workbook นร. 66 - รอบ3.pdfSiraphop Ratanasuban
 
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)yosita tewapitak
 

Similar to Educatepark (20)

งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..งานกลุ่ม+..
งานกลุ่ม+..
 
naphopittayakhom
naphopittayakhomnaphopittayakhom
naphopittayakhom
 
จุดเน้นที่ 3
จุดเน้นที่ 3จุดเน้นที่ 3
จุดเน้นที่ 3
 
การประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพการประกันคุณภาพ
การประกันคุณภาพ
 
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57
วารสารโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม 06/57
 
Portfolio 35-5-7
Portfolio 35-5-7Portfolio 35-5-7
Portfolio 35-5-7
 
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557
ระเบียบการสมัครรับนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2557
 
ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57ระเบียบการรับนักเรียน57
ระเบียบการรับนักเรียน57
 
52101496 1 20130903-135102
52101496 1 20130903-13510252101496 1 20130903-135102
52101496 1 20130903-135102
 
Ict english
Ict englishIct english
Ict english
 
Portfolio 01
Portfolio 01Portfolio 01
Portfolio 01
 
Protfolio.pdf
Protfolio.pdfProtfolio.pdf
Protfolio.pdf
 
โครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอมโครงร่างโครงงานคอม
โครงร่างโครงงานคอม
 
พอทฟอริโอ้
พอทฟอริโอ้พอทฟอริโอ้
พอทฟอริโอ้
 
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ภูมิภาคของโลกกับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์
 
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
 
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา  จันทร์สังข์  เลขที่ 9 ม.5/9ประภาดา  จันทร์สังข์  เลขที่ 9 ม.5/9
ประภาดา จันทร์สังข์ เลขที่ 9 ม.5/9
 
Portfolio
PortfolioPortfolio
Portfolio
 
workbook นร. 66 - รอบ3.pdf
workbook นร. 66 - รอบ3.pdfworkbook นร. 66 - รอบ3.pdf
workbook นร. 66 - รอบ3.pdf
 
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)
แฟ้มสะสมผลงานนักเรียน(แพรว)
 

Educatepark

  • 1. แนะนําโรงเรียน High School 6 ประเทศ ยอดฮิต สําหรับเด็กไทย 1. โรงเรียนมัธยม High School สิงคโปร์ โรงเรียนมัธยมที่สิงคโปร์มีหลายรูปแบบ โรงเรียนมัธยมหลักสูตรภาษาจีน โรงเรียนคริสต์โรงเรียนหลักสูตรญี่ปุ่น วิชาบังคับของโรงเรียน ไม่ว่ารูปแบบใด ต้องเรียนภาษาอังกฤษในทุกระดับชั้น วิชา คณิตศาสตร์ วิชา วิทยาศาสตร์ เป็นต้น โรงเรียนมัธยมในสิงคโปร์ส่วนใหญ่ จะต้องแต่งยูนิฟอร์มเหมือนบ้านเรา แต่ละโรงเรียนนั้นจะเน้นกิจกรรมต่างกันออกไป โรงเรียนที่ผมจะแนะนํามี 5 โรงเรียน ทั้ง 5 โรงเรียน ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพในด้านวิชาการ ด้านการทํางานเพื่อสังคม นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพโดยให้เด็กแสดงผลงาน ศิลปะ ดนตรี และ กีฬา โรงเรียนทั้ง 5 แห่ง เป็นโรงเรียนสห โรงเรียนมัธยมจะมีสอนทั้งภาษาจีน และ ภาษาอังกฤษ คนที่จะไปเรียนสิงคโปร์ต้องสอบ AEIS วัดผลภาษาอังกฤษ และ คณิตศาสตร์ ถ้าเราคิดสอบเข้าแล้วคิดว่าทําไม่ได้ไม่ต้องห่วงครับ เขามี preparatory courses for admission รองรับไว้อยู่แล้ว 1. Nanyang Girls High School 2. Dunman High School 3. Catholic High School 4. River Valley High School 5. Nan Hua High School 2. โรงเรียนมัธยม High School ออสเตรเลีย โรงเรียนมัธยมระดับต้นๆ ของ ออสเตรเลีย อยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ทั้งหมดส่วนมากจะเป็นโรงเรียนชายล้วน และ หญิงล้วน แต่ละโรงเรียน มีประวิติศาสตร์อันยางนาน 4 จากทั้งหมด 6 โรงเรียน เปิดมานานตั้งแต่สมัยสงครามโลก มันเป็นโรงเรียนมัธยมที่เก่าแก่โดยอาคาร บางส่วนยังคงอนุรักษ์ไว้ 6 โรงเรียนที่ผมจะแนะนําเป็นโรงเรียนของรัฐ และมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน James Ruse Agricultural High School กับ Baulkham Hills High School คือ 2 จาก ทั้งหมด 6 โรงเรียน ที่ไม่อยู่ในเมือง ซิดนีย์และ ต้องขับรถไปทางตะวันตก แต่มี สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติมากกว่า ทั้ง 2 โรงเรียนนี้ จะอยู่ในแถบชนบทเพราะมันเหมือนกับเราไปเที่ยวนิวซีแลนด์เลย มีทั้งฟาร์ม แกะ ฟาร์มเลี้ยงวัว ค่าเล่าเรียนนั้นจะต่างกันไม่มาก 1. James Ruse Agricultural High School 2. North Sydney Girls High School 3. Sydney Girls High School 4. North Sydney Boys High School 5. Sydney Boys High School 6. Baulkham Hills High School 3. High School อังกฤษ โรงเรียนมัธยมในอังกฤษนั้นที่ติดอันดับ top 6 จะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนทั้งหมด และไม่ได้ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน การจะเข้าเรียนมัธยม นักเรียนทุกคนต้องสอบ ภาษาอังกฤษ ( English) กับ คณิตศาสตร์ ( Mathematic) เพื่อวัดระดับทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และ การ คํานวณเลขที่เป็นพีชคณิต ถ้านักเรียนได้ผลคะแนนดีจากการสอบ Entrance Examination โรงเรียนจะเรียกเราไปสัมภาษณ์ในการวัด ความสามารถในการพูดว่าเรามี Background ที่เหมาะสมกับการเข้าโรงเรียนหรือไม่ ในวันสัมภาษณ์ จะเป็นวันที่โรงเรียนพานักเรียนเดิน ชมโรงเรียนให้เด็กรู้จักแผนกของโรงเรียน High School ที่อังกฤษนั้นจะสอนตั้งแต่ประถมต้น ถึง มอปลาย Year 1 – Year 6 และ Year 7- 12 นักเรียนจะอยู่หอพักที่โรงเรียนจัดเตรียม
  • 2. 1. Guildford High School for girls 2. St. Albuns High School for girls 3. Manchester High School for girls 4. Oxford High School GDST 5. South Hampstead High School 6. Putney High School 4. โรงเรียนมัธยม High School นิวซีแลนด์ โรงเรียนมัธยมที่อยู่ต้นๆ ของนิวซีแลนด์นั้นไม่มีการจัดลับดับว่าโรงเรียนใครดีกว่ากัน แต่จะวัดจากคะแนนการสอบ NCEA ของแต่ละ โรงเรียน บวกจํานวนทุนของนักเรียน Scholarship ในแต่ละปี มากไปกว่านั้นเขายังวัดอัตรานักเรียนที่เรียนจบแล้วเข้ามหาลัยอีกด้วย ฉะนั้นแล้วมันขึ้นอยู่ว่าเราชอบโรงเรียนที่มีวิชาการแข็งหรือไม่ 5 โรงเรียนที่ผมจะแนะนํา ทั้ง 5 โรงอยู่ใน Auckland จะเป็นโรงเรียนสห ทั้งหมด มันเหมาะสําหรับคนที่ไม่ต้องเสียเวลาต่อจากเมือง Auckland เพื่อไปเรียนเมืองอี่น คุณภาพของการเรียนนั้นถือว่ายอดเยี่ยม โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านวิชาการค่อนข่างสูง โรงเรียนที่เด่นทางด้านวิชาการจากอยู่ในเกาะเหนือ 1. Birkenhead College 2. Edgewater College 3. Liston College 4. Macellin College 5. One Tree Hill College 5. โรงเรียนมัธยม High School สกอตแลนด์ โรงเรียนมัธยมของสกอดแลนด์จะต่างกับอังกฤษเล็กน้อย คือ มีเรียน year 13 ด้วย โรงเรียนมัธยมนั้นจะควบคุมโดยรัฐบาล Scotland ระบบสอบจะคล้ายๆ อังกฤษตรงที่มีการสอบ GCSE ในปีสุดท้ายของการเรียน Senior School โรงเรียนมัธยมของสกอดแลนด์บังคับให้ นักเรียนวิชาพละ ( Physical education) 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในระดับชั้นมัธยม นักเรียนจะต้องเรียน 8 วิชา แต่จะมี 4 วิชาที่เป็นวิชาบังคับ คือ วิชา ภาษาอังกฤษ วิชา คณิตศาสตร์ อีกสองวิชา คือ วิชาวิทยาศาสตร์ ในสาย Science เราสามารถเลือกว่าเราจะเรียน biology, chemistry หรือ physic และ วิชาสังคมศาสตร์ ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกว่าจะเรียน ภูมิศาสตร์ (Geography) ประวัติศาสตร์ (History) หรือ การศึกษาโลกยุคใหม่ (Modern Studies) โรงเรียนที่ผมจะแนะนํามี 5 โรงเรียน 3 โรงนั้นอยู่ในย่าน East Renfrewshire ซึ่งอยู่ทางตะวันตก เฉียงใต้ของเมือง “กลาสโกว์” (Glasgow) มีหนึ่งโรงอยู่ในเมือง “เอดินเบอระ” (Edinburgh ) และอีกโรงนั้นอยู่ค่อนไปทางเหนือของ อยู่ใน เมืองที่มีชี่อว่า “สเตอร์ลิง” (Stiring) 5 โรงเรียนทั้งหมดนี้เป็นโรงเรียนสห 1. St. Ninians’s High School 2. Williamwood High School 3. Mearns Castle High School 4. Dunblane High School 5. Boroughmuir High School 6. โรงเรียนมัธยม High School สวิตเซอร์แลนด์ โรงเรียนมัธยมเด่นๆ ของสวิตเซอร์แลนด์นั้นจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ หลักสูตร อเมริกัน และ หลักสูตรอังกฤษ ทั้งหมดจะเป็นโรงเรียน กินนอน ( Boarding School) ที่มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนมากโรงเรียนจะมีสอนตั้งแต่ชั้นประถม ถึง มอปลายเลย บางโรงเรียนอาจจะมี
  • 3. กิจกรรมให้เด็กได้ไปท่องเที่ยวในเมืองในช่วงปิดเทอม โรงเรียนทั้งหมดเป็นโรงเรียนสห นักเรียนจะต้องใส่ยูนิฟอร์ม แต่ข้อดี คือ ไม่ต้อง ตื่นเช้ามากเพราะเขามีหออยู่ไม่ไกลจากห้องเรียน นอกจากนี้มีระบบ (Tutor System) เพื่อติวบทเรียนให้เด็ก วิชาหลักก็จะมี ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส คณิตศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น เด็กต่างชาตินั้นมาจะทั่วมุมโลก โรงเรียนที่ผมแนะนําอยู่ทางตะวันตกของสวิต และมี สภาพแวดล้อมที่เป็นหุบเขา 1. St. George’s International School 2. Ecole D’ Humanite 3. Algion College 4. Le Regent College 5. Tasis American School
  • 4. ที่สุดของ 2 มหาลัย University of Otago และ University of Auckland  University of Otago  (1) เก่าแก่ที่สุด  เก่าที่สุดเพราะก่อตั้งเมื่อปีคริสต์สักราช 1860 ใช่ครับมันเก่ากว่าใครเพื่อนเลย ตอนเริ่มแรก มหาลัย Otago นั้นเปิดสอน แค่วิชาภาษาอังกฤษเท่านั้น 4 ปีต่อมา มหาลัย Otago ก็เริ่มเปิดสอนวิชาของยาทางการแพทย์ จากนั้นในปี 1875 ก็มี สอนวิชาทันตกรรม หรือ การรักษาฟันที่เราคุ้นเคย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเริ่มที่สอนวิชาทางวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์รวมถึงการสร้างห้อง lab เพิ่มไว้การทดลอง วิชามนุษย์ศาสตร์กับวิชาชีวภาพ ดึงดูดให้คนมาเรียนที่มหาลัย นี้มากขึ้น มากกว่าก็นี้ยังมีวิชาชีวะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต การรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายรังสี นอกเหนือจากนี้ยังมีการสอน วิทยาศาสตร์ทางเคมี ในปี 1972‐1977 มหาลัยได้ขยายสาขาไปยังเมือง Christchurch กับเมือง Wellington เพื่อเพิ่ม สาขาวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้น (2) คณะเยอะที่สุด  คณะมากที่สุดเพราะมีคณะตั้งแต่ตัวอักษร A‐Z ตามลําดับ เช่น Archeology ธรณีวิทยา Biochemistry ชีวะวิทยา ทางด้านเคมี Cardiology การศึกษาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ Food Science วิชาวิทยาศาสตร์ทางด้านอาหาร International business วิชาธุรกิจต่างประเทศ Language and Culture วิชาภาษาและวัฒนธรรม Pathology วิชา เรื่องการควบคุมเชื้อโรค Sport and exercise medicine วิชาการกีฬาและยาออกกําลังกาย Surgical Science  วิชาการผ่าตัดโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ Tourism การท่องเที่ยว Health วิชาสุขอนามัย Sociology: Gender Social  work การศึกษาเรื่องเพศและงานช่วยเหลือสังคม Children’s health วิชาด้านการรักษาสุขภาพของเด็กเล็ก Zoology  วิชาชีวะทางด้านสัตว์ป่า  (3) อยู่ในเมืองที่หนาวเย็นที่สุด  ใช่ครับมันอยู่ทางใต้สุดของนิวซีแลนด์ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทําไมมันถึงหนาวมาก อากาศหน้าหนาวจะเต็มไปด้วย หิมะ แต่สําหรับคนที่ไม่เคยเห็น อาจจะรู้สึกตื่นเต้น และติดใจที่จะอยู่ที่นั่นต่อก็ได้ ถ้าไปเรียนที่ University of Otago  ต้องเตรียมเครื่องนุ่งห่มไปมากหน่อย หน้าหนาวอุณหภูมิอาจติดลบทั้งสัปดาห์ ความหนาวเย็นนั้นเหมือนเราไป สกอตแลนด์ทีเดียว นอกจากอากาศทีคล้าย Scotland ยังมีทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยแกะบนเดินเขาสวยตระการตา หน้า หนาวจะยาวนานมากเราจะไม่ค่อยเจอแดดเท่าไร ในมหาลัยนั้นมี heather อยู่แล้ว (4) มหาลัยสวยที่สุด   มหาลัย Otago นั้นสวยเหมือนในเรื่อง Harry Potter เลยเพราะเขาออกแบบสไตล์อังกฤษ เช่น มีหอนาฬิกาอยู่บนยอด อาคาร ตัวภายนอกดูเก่าแก่แต่ภายในนั้นมีเครื่องมือการเรียนที่ทันสมัยมาก รูปแบบโครงสร้างอาคารมหาลัยมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนมหาลัยไหนของนิวซีแลนด์ จุดที่ทําให้เราจําได้คือยอดแหลมด้านบน มันบอกเราว่านี่คือมหาวิทยาลัย
  • 5. Otago มันมีกลิ่นอายความเป็นยุโรปอยู่ ดูไปดูมาเหมือนโบสถ์ในเมือง Christchurch ด้วย สภาพแวดล้อมก็ดึงดูด นักเรียนเช่นกัน อิฐที่ใช้ก็สร้างทําด้วยความประณีต มหาลัย Otago ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในอาคารเรียนที่สวยที่สุด ของโลกโดยหนังสือพิมพ์ Huffington Post ถ้ามองวิวจากด้านบนจะเห็นว่าเขาจัดอาคารเรียนน่ารักมาก ดูสบายตากว่า University of Auckland ตรงที่เขามีสนามหญ้าล้อมรอบมหาลัย มันทําให้เรารู้สึกผ่อนคลาย University of Auckland  (1) ใหญ่ที่สุด  มันใหญ่เพราะมีหลายอาคารสําหรับให้นักศึกษาเลือกเรียนได้เยอะ มี Campus หลักๆรอบเมืองได้แก่ City Campus  Epson Campus Graton Campus และ New Market Campus แต่ละ Campus นั้นจะมุ่งเน้นไปทางด้าน วิทยาศาสตร์การแพทย์ ชีวะวิทยา โรคมะเร็ง วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ การจัดการ สถาปนิก แต่ละอาคารมีห้องทดลองที่ ได้มาตรฐานที่ดีเยี่ยม ดูเหมือนมันคล้ายกับ Otago แต่มีกว่าในคณะการเงินกับคณะบัญชีที่เด่น ถ้าใครจะเรียนด้านธุรกิจ น่าจะเหมาะ อาคารทั้งใหญ่และเก่าแก่แบบศิลปะโบราณเหมือนเราไปเรียนอังกฤษ ต้องยอมรับเลยว่า University of  Auckland มีความพร้อมในการจัดเตรียมที่พักให้นักศึกษาเท่ากับ Otago การ Support ภาษาอังกฤษในการพูด อ่าน เขียนด้วยหลักสูตร Diagnostic English Language Needs Assessment (DELNA) ไม่มีค่าใช้จ่าย    (2) อยู่ในย่านใจกลางความเจริญมากที่สุด  แน่นอนครับเพราะมหาลัยอยู่ในย่านธุรกิจใจกลาง Auckland และมีแหล่งของกิน Shopping เพียบ อยู่ไม่ห่างจาก Auckland Art Gallery และสามารถเดินไปถนน Queens Street ได้เลยไม่ต้องนั่งรถ bus ทันสมัยโดยมีร้านขายเสื้อผ้า fashion สถานบันเทิงสําหรับคนที่ชอบนั่ง drink ตอนกลางคืน เด็กนักเรียนสามารถหางานทําได้แบบ Part time เป็น ที่ตั้งของบริษัทชั้นนํา มี transportation ที่ครบวงจร เช่น เรือโดยสาร รถประจําทาง และ สนามบิน มีความหลากหลาย ทางเชื้อชาติเหมือน Sydney เลย มีสถานที่ให้ดูและศึกษางานมาก เป็นแหล่งการค้าที่สําคัญของชาวเอเชีย มีนักธุรกิจมา จากทั่วโลก มหาลัยอยู่ใกล้สํานักข่าว Sky news อยู่ในเมืองที่มีสีสันทางวัตถุนิยม ที่ตั้งของมหาลัยนั้นสามารถเดินไปอีก Campus ถึงกันได้ มหาลัยนั้นอยู่ในละแวกย่าน Casino แถว Sky Tower สนุกกว่านี้เพราะมันที่ตั้งของมหาลัยอยู่ไม่ห่าง จากโรงภาพยนตร์ Bridgeway Cinema  (3) จํานวนนักศึกษาเยอะที่สุด  University of Auckland มีนักศึกษามากที่สุดในนิวซีแลนด์ มีนักเรียนทั้งหมดรวมกัน 41,953 คน ในปี 2014 มีเด็ก ต่างชาติเยอะสุดในนิวซีแลนด์โดยเฉพาะนักเรียนแถบเอเชีย ยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ถ้าเปรียบเทียบกับ Otago เด็กมีแค่ 20,000 คน ต้นๆ ส่วนมากนั้นเด็กที่ไปเรียนจะเลือกเรียนปริญญาตรีมาก จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เรียนปริญญาโทกับเอก แต่ละคณะมีนักเรียนไม่เท่ากัน อย่างคณะศิลปะศาสตร์ นักเรียนปาเข้าไป 4,000 ถึง 5,000 กว่าคน ป.ตรี แต่ ป.โท ก็
  • 6. ประมาณ 700 กว่าคน เราได้มีโอกาสพูดหลายภาษาด้วยเพราะ university of Auckland ได้ฉายาว่าเป็นมหาลัยเด็ก ต่างชาติ  (4) World University ranking ที่ดีทีสุดของนิวซีแลนด์  ไม่หน้าเชื่อครับว่า University of Auckland ถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 81 ของ world ranking  และ ถือว่าเป็นมหาลัยที่ได้ ดาว 5+ จากคะแนนสูงสุด 8 คะแนนในเรื่องของการทําวิจัย การสอน สิ่งอํานวยความสะดวก เป็นมหาลัยเดียวที่ติด Top  100 University ด้วย มากไปกว่านั้น ยังได้ชนะเลิศรางวัล National Tertiary Teaching Excellence Awards 25  ครั้งตั้งแต่ปี 2002 บวกกับได้คะแนนทางด้านวิชา หรือ Academic Reputation 90.1 คะแนน แซงหน้ามหาลัย Otago  ที่ตามมาอันดับ 2 ซึ่ง ranking อยู่ประมาณ 100 กว่าๆ 15 สาขาวิชาของมหาลัย University of Auckland ติดอัน top  50 world university by subjects ในวิชาพวกนั้นก็จะมีวิชาครุศาสตร์ กฎหมาย ภูมิศาสตร์ และ ภาษาศาสตร์ เป็นต้น เมื่อดูจากสถิติแล้วเหนือกว่าทุกมหาลัย และทําให้นักเรียนอยากเข้าที่นี่มากขึ้น  
  • 7. งบประมาณสําหรับคนไปเรียน High School ที่นิวซีแลนด์  ค่าเรียน High School  ถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียแล้ว งบที่ต้องใช้จ่ายค่าเรียนของ High School ที่นิวซีแลนด์นั้นถูกกว่าก็จริงแต่ มันขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่เราเลือกไป นอกจากนี้นักเรียนควรต้องดูอัตราค่าแลกเปลี่ยนก่อนเพื่อนักเรียนจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเล่า เรียนในอัตราที่สูง แต่ละครั้งเราอาจจะคิดว่าอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 25 บาทเสมอ ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป แนะนําว่าควรเช็ค ที่หน้าเว็บไซด์ธนาคารแห่งประเทศไทย ค่าเล่าเรียนของมัธยมในนิวซีแลนด์ก็จะประมาณ 11,500 ดอลล่า NZ หรือ ประมาณ 276,000 บาท ‐> ( ราคานี้ยังไม่รวมตัวเครื่องบิน ค่าโฮมสเตย์นะครับ และต้องรวมค่าซื้ออาหารอีก) ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องรู้ว่าจะ ไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์กี่ปี ถ้าเราจะไปเรียน 2 ปี Year 11 กับ 12 รวมๆ ทั้งสองปี จะอยู่ประมาณ 500,000 กว่า รวมค่า โฮมสเตย์ประมาณ 190‐250 ดอลล่าต่อสัปดาห์ งบประมาณที่เราต้องใช้รวมกันทั้งสองปี ก็คือ 1,000,000 กว่าบาท ปิดเทอม ใหญ่ในเดือนธันวาคม และ เดือน มกราคม ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กนักเรียนกลับบ้านจากการเรียน high school ที่นิวซีแลนด์ นักเรียน ยังคงต้องจ่ายค่าโฮมสเตย์แม้ว่านักเรียนไม่ได้อยู่ที่นั้นก็ตาม เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายให้โฮมสเตย์ดูแลเสื้อผ้าที่เราไม่ได้เอากลับ    คํานวณง่ายๆ โดยประมาณให้ดูครับ   ค่าเล่าเรียนมัธยม ต่อ / ปี 276,000   +  ค่าโฮมสเตย์ ต่อ/ สัปดาห์   190  x  24= 4,500 บาทต่อ / สัปดาห์     4,500 x 4 สัปดาห์ = 18,000 บาทต่อ/ เดือน    18,000 x 12 เดือน= 216,000 บาทต่อ/ ปี    ค่าเล่าเรียนมัธยมต่อปี 276,000 + ค่าโฮมสเตย์ต่อปี 216,000 = 492,000 บาท  ค่ากิน  ส่วนค่ากินอาหารนั้นถ้าเป็นข้างนอกก็จะแพงอยู่ แต่รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าเป็นร้านอาหารไทยที่นิวซีแลนด์ ราคาจะอยู่ ประมาณ 10‐15 ดอลล่า ต่อจาน ส่วนมากร้านอาหารไทยจะอยู่ตามหัวเมืองดังๆ หลายคนที่เราทราบกันดี ไม่แนะนํา ร้านอาหารญี่ปุ่น กับ ร้านอาหารเกาหลีที่นั่นเพราะจะแพงกว่าอาหารไทยมาก ค่ากินในโรงเรียนมัธยมราคาจะถูกกว่าเล็กน้อย โดยราคาอยู่ที่ 8 ดอลล่า ถึง 10 ดอลล่า ตอนที่ผมไปเรียนนิวซีแลนด์อาหารกลางวันก็จะมี ขนมปังไส้กรอก เบอร์เกอร์ไก่ทอด และ นมสด ปรกติแล้วโฮสของเราจะทําอาหารกลางวันให้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่อยากเสียตัง ของกินที่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มี เช่น New World, Pak n Save, Countdown เป็นต้น ราคาอาหารในซุปเปอร์จะไม่หนีกันมาก มันเหมือนห้างโลตัสที่อยู่ในไทย และ ห้างแม็กโคบ้านเราเลย ของกินก็จะมีไอครีม อาหารแช่แข็ง ขนมขบเคี้ยว และอื่นๆ    
  • 8. ค่ารถเมล์  ตั๋วโดยสารรถประจําทางนั้นไม่แพงมากสําหรับนักเรียน ราคาจะอยู่ประมาณ 1 ดอลล่า ถึง 5 ดอลล่า ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ นักเรียนพักอาศัย ถ้านักเรียนอยู่เมืองใหญ่ก็จะได้ใช่บัตรตั๋วรถบัสเป็นแบบสแกนอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเราไม่ต้องหยิบเหรียญมาจ่าย เพราะมันเป็นระบบเติมเงิน ขอดีของการอยู่เมืองใหญ่ คือ รถบัสจะมีเกือบทุกชั่วโมงและถี่ด้วย เปรียบเทียบกับเป็นเมืองเล็ก รถ บัสจะไม่ค่อยถี่ซึ่งถ้าเราตกรถบัส เราต้องรอประมาณ 2 ชั่วโมง เลยละครับ ไม่ว่าเราจะอยู่เมืองไหน ค่าโดยสารรถประจําทางไม่ ต่างกันมาก ผมไม่แนะนําให้ขึ้นแท็กซี่หากไม่จําเป็น ควรไปก่อนรถบัสจะมาสัก 5 ถึง 10 นาทีเพราะเขาออกตรงเวลา      
  • 9. มาดูกัน ข้อดี และ ข้อเสีย ของ High School ใน 6 ประเทศ ยอดฮิต  1. ข้อดีการไปเรียน high school ที่นิวซีแลนด์  ค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า บวกกับใช่เวลาน้อยกว่าในการพิจารณารับนักเรียนเข้า เพราะไม่ต้องสอบ entrance  examination ไม่จําเป็นต้องเรียนลดชั้นเพื่อให้ภาษาอังกฤษเราดีเท่ากับเด็กเจ้าของภาษา  สังคมของการเรียนมี ความเป็นมิตรใกล้ชิดกับโฮมสเตย์ มีการ support นักเรียนต่างชาติโดยการจัดกิจกรรมในช่วงปิดเทอมทุกปี ไม่มี night pub ซึ่งเหมาะกับคนเป็นเรียนจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ มีความปลอดภัยสูงในเรื่องของการก่อการร้าย และ การ ก่ออาชญากรรม อากาศเย็นไม่ต้องใช่แอร์ให้เปลือง ดีสําหรับคนทีเป็นโรคภูมิแพ้ ข้อเสียการไปเรียน high school ที่นิวซีแลนด์  เดินทางค่อนข้างนานเพราะต้องนั่งเครื่องบิน 11 ชั่วโมงกว่า นอกจากนี้ยังมี flight เที่ยวบินน้อย ถ้าเราอยู่เมืองเล็ก จะหาของกินยากกว่ามาก ค่าของชีพสูง อาหารที่โฮมสเตย์ให้ทานนั้นค่อนข้างน้อย และ จําเป็นต้องทานอาหารว่าง เสริมก่อนรับประทานอาหารเย็น   2. ข้อดีของการไปเรียน high school ที่ออสเตรเลีย  มีระบบการสอบภาษาอังกฤษมาตรฐานสูงโดยให้เด็กเรียนภาษาก่อนจะมาเข้าชั้นเรียน ระยะทางนั้นไม่ไกลจาก ประเทศไทยมากโดยใช้เวลา 7‐9 ชั่วโมง มีสังคมหลากหลายเชื้อชาติและเปิดโอกาสให้นักเรียนทํางาน 40 ชั่วโมง ต่อ สัปดาห์ ได้ด้วย Student Visa ซึ่งทําได้มากกว่าอยู่นิวซีแลนด์ นักเรียนจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะมีกิจกรรมให้ทํา มากมาย วิชาการที่เป็นเลิศ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีวะทางทะแล เด่นเรื่องของการวิจัยและพัฒนา มีการ รับรองเด็กนานาชาติโดยใช้กฎหมาย Education Services for Overseas Students Act เพื่อคลุ้มคลองสิทธิคนที่ ศึกษาอยู่ใน Australia นอกจากนี้อากาศยังไม่หนาวมากสําหรับคนไทยที่ไปอยู่  ข้อเสียของการไปเรียน high school ที่ออสเตรเลีย  ค่าเล่าเรียนสูงกว่านิวซีแลนด์ บวกกับค่าคลองชีพที่แพงอยู่แล้ว อาจจะใช้เวลาเรียนหลายปีในกรณีที่นักเรียน ภาษาอังกฤษยังไม่แข็ง มีเด็กต่างชาติเยอะเกินซึ่งมันอาจจะทําให้นักเรียนพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรามาเรียนเมืองใหญ่ หาอาหารกินง่าย แต่ร้านในห้างสรรพสินค้าปิดเร็วถ้าเราจําเป็นต้องซื้อ ของกินของใช้   3. ข้อดีของการไปเรียน high school ที่อังกฤษ  เป็นประเทศแม่แบบในการเรียนภาษาอังกฤษที่เป็นเอกลักษณ์ สําเนียง และธุรกิจการเงิน มีการคัดคุณภาพเด็กก่อน เข้าเรียนว่าเราเหมาะกับสถาบันนั้นหรือไม่ มีสาขาวิชาหลากหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิลปกรรม แฟชั่นเสื้อผ้า การ ออกแบบตกแต่งกราฟิก วิสวะ เป็นต้น เด็กต่างชาติน้อยซึ่งจะทําให้เราได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษได้มากขึ้น สามารถ เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปได้หลายประเทศ นักเรียนจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีทันสมัย หาของกินง่าย มีแหล่งช็อบปิ้งที่ดึงดูดใจ มีสวัสดิการรักษาพยาบาลสําหรับนักเรียนที่เจ็บป่วย สําหรับเด็กที่จบ high school จะ ได้รับการยอมรับที่สูง ข้อเสียการไปเรียน high school ที่อังกฤษ 
  • 10. มิจฉาชีพ และ การก่อการร้ายซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงที่นักเรียนต้องระวัง สอบเข้ายากเพราะเขามีขั้นตอนการ พิจารณาในการรับนักเรียนเข้าที่ละเอียด และ ยาวนาน เราต้องถูกสัมภาษณ์เพื่อจะดูว่าเรามีความเหมาะสมกับ โรงเรียนลักษณะนี้ไหม ส่วนใหญ่นักเรียนจะเลือกไม่ได้ว่าจะอยู่หอในโรงเรียน หรือ อยู่กับโฮมสเตย์เนื่องจากมีจํากัด ไม่มีการ support ให้กับเด็กนานาชาติเท่าที่ควรในการปรูพื้นฐานภาษา ต้องไปทําวิซ่าด้วยตนเอง  4. ข้อดีการไปเรียน high school ที่สิงคโปร์  ใกล้ประเทศไทยและอากาศพอๆกับอยู่ที่ไทย มีการเรียนวิชาการที่แข็ง สามารถเรียนได้ทั้งภาษาอังกฤษ กับ ภาษาจีน ไปพร้อมกันได้ นักเรียนมีวินัย ใฝ่รู้ในการค้นคว้า มีประชากรน้อย บ้านเมืองสะอาด การเรียนการสอนทันสมัยโดยใช้ คอมพิวเตอร์ tablet อาหารการกินหลากหลาย มีชมรมออกกําลังกายกลางแจ้งที่ดีเยี่ยม การคมนาคมที่ดีที่สุดใน อาเซียน มีความปลอดภัยสูงเพราะกฎหมายที่สิงคโปร์ค่อนข้างแรง บุคลากรที่มีคุณภาพโดยเฉพาะอาจารย์ผู้สอน นอกจากนี้ยังการสอนดนตรีหลายประเพศ เช่น กีตาร์ เปียโน เป็นต้น   ข้อเสียการไปเรียน high school ที่สิงคโปร์  ค่าเรียนและค่าคลองชีพสูงโดยเฉพาะเด็กที่เช่า apartment ส่วนเด็กที่ไปเรียนจะต้องอยู่หอเท่านั้นไม่มีโฮมสเตย์ เหมือนอย่างกับออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ มีกิจกรรมให้เด็กทําก็จริง แต่ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเอกลักษณ์ให้ชม ความ เป็นอยู่แอร์อัด   5. ข้อดีการไปเรียน high school สวิตเซอร์แลนด์  มีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ประชากรน้อย ความเป็นอยู่ที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งหอพักนักเรียนที่จัดเตรียมไว้ให้ เด็กจะได้เรียนรู้หลายภาษานอกเหนือจาก อังกฤษ กับ ฝรั่งเศส นักเรียนจะได้มีโอกาสไปดูงานที่สหประชาชาติ หรือ UN มีกิจกรรมให้ทําตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็น กีฬาฤดูร้อน กีฬาฤดูหนาว มีระบบการดูแลเด็กที่เยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการกิน การทบทวนบทเรียน เด็กยังสามารถเดินทางไปทั่วยุโรปได้ด้วย การ support เด็กต่างชาติดีมากหากว่าเราจะไปเรียน โรงเรียน international school   ข้อเสียการไปเรียน high school สวิตเซอร์แลนด์  ค่าเล่าเรียนและค่าคลองชีพสูงมากถ้าเราจะไปเรียนเป็นปีๆ หางานกับหาที่ฝึกงานยากเพราะไม่ค่อยมีงานที่ หลากหลาย ร้านค้ากับร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ การหาของกินจึงยากขึ้นตามไป มีแหล่งช็อปปิ้งน้อยจึง ทําให้มันดูน่าเบื่อ   6. ข้อดีการไปเรียน high school สกอตแลนด์  มีการศึกษาในด้านกฎหมายที่โด่งดัง บวกกับมีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้างที่ หน้าค้นหา เป็นเมืองที่สงบกว่าในอังกฤษเพราะคนน้อยไม่วุ่นวาย ระบบการวัดผลสอบไม่ต่างกับอังกฤษ แต่เน้นทํา กิจกรรมเยอะ ไม่ไกลจาก Northern Ireland ถ้าหากเราจะไปเที่ยวข้ามเกาะไป   ข้อเสียการไปเรียน high school สกอตแลนด์ 
  • 11. นักเรียนจะต้องนั่งเครื่องบินต่อภายในประเทศจาก London ทําให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม การคมนาคมที่จํากัด อากาศที่ค่อนข้างหนาวจัดตลอดทั้งปี หาของกินยากโดยเฉพาะถ้านักเรียนอยู่หากจากเมือง ไม่มีการ support เด็ก ต่างชาติสําหรับคนที่จะไปเรียนในการปรูพื้นฐานภาษาอังกฤษ            
  • 12. เรียน high school ที่นิวซีแลนด์ เรียน High School ที่นิวซีแลนด์ดีอย่างไร? การเรียน High School ดีกับนักเรียนไทยที่ยังไม่เคยใช้ชีวิดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปเรียนภาษา เพราะค่าเล่าเรียนถูกกว่าประเทศอื่นที่ใช้ภาษาอังกฤษ อากาศที่นิวซีแลนด์บริสุทธิ์และไม่เป็นมลพิษเลย นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย มัธยมที่นิวซีแลนด์มีคอร์สเรียนปรับพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ เช่น ESOL ที่ดีเยี่ยมโดยที่ไม่ต้องเรียนลดชั้นเหมือนกับโรงเรียนมัธยมออสเตรเลีย high school ของ นิวซีแลนด์เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ไปเที่ยวและศึกษาดูงานของวัฒนธรรมของเมารี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเต้น “ฮากา” ซึ่งข่มขวัญคู่ต่อสู่ในงานแข่งขันกีฬาได้เป็นอย่างดี คนชาวนิวซีแลนด์ยังเป็นมิตร อัธยาศัยดี และ ช่วยเหลือหากเราหลงทาง โรงเรียนมัธยมเรียนไม่เครียดโดยให้ทํากิจกรรมเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีก็คือ ถ้านักเรียนอยู่ โรงเรียนกินนอน นักเรียนยังสามารถอยู่หอได้แม้ว่ามันจะเป็นช่วงปิดเทอม การไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ต่างกับการเรียนที่ไทยอย่างไร? การศึกษาในระดับมัธยมที่ประเทศนิวซีแลนด์จะเน้นให้เด็กทํากิจกรรมไปทัศนะศึกษาเชิงนิเวศเพื่อที่ให้เด็ก เข้าใจลึกซึ้งกับบทเรียน ไม่ว่าจะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ หรือ วิชาท่องเที่ยว การศึกษาของนิวซีแลนด์ให้เปิด โอกาสทุกคนให้ออกความคิดเห็นในชั้นเรียน ซึ่งมีข้อดีหลายอย่าง อาทิ การให้เด็กกล้าแสดงออก วิเคราะห์ เนื้อหา และ ทํางานเป็นกลุ่ม เพื่อให้เด็กมีความสัมพันธ์กัน มัธยมจะเรียนวิชาการน้อยกว่าที่ไทยมากเพราะ ต้องการให้เด็กเรียนมุ่งไปเรียนในสายอาชีพที่ตัวเองอย่างทํางาน มัธยมที่นิวซีแลนด์ เรียกว่า year 11 ถึง year 13 senior high school หรือ ม4 ถึง ม6 นั้นเอง ระบบของมัธยมจะเข้มงวดในการเข้าเรียน ยูนิฟอร์มของมัธยมจะแตกต่างไปในแต่ละโรงเรียน กฎการลงวิชาไม่ต่างกันมาก มัธยมที่นิวซีแลนด์จะไม่เน้น ท่องจํามาก แต่จะเน้นการเข้าชมรม ออกกําลังกาย และ เล่นดนตรี ไม่เหมือนอย่างที่ไทยที่นักเรียนต้องไปเรียน พิเศษเสริม ค่าเล่าเรียนของมัธยมจะไม่เหมือนกัน มัธยมของโรงเรียนรัฐบาลจะถูกกว่าโรงเรียนเอกชน หรือ โรงเรียนกินนอนมาก เพราะไม่รวมค่าใช้จ่ายหอพัก นักเรียนไทยที่จะเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ต้องลงวิชาปรับ พื้นฐานภาษาก่อนจนกว่านักเรียนจะพูดคล่อง การเดินทางไปโรงเรียนนั้นไม่ยาก เพราะสามารถเดินไปได้เอง โดยไม่ต้องใช่รถ การให้คะแนนของโรงเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์?
  • 13. การให้คะแนนนั้นต่างกับที่ไทยมาก จะแบ่งเป็นสามเกรด Achievement ( A) , Merit ( M), และ Excellence (E) หลายคนที่ยังเข้าใจว่า A คือเกรด A นั้นผิด เพราะว่า A เป็นเกรดที่ผ่านแบบฉิว เฉียด ไม่ใช่ว่าเราจะได้ A คะแนนสูง ส่วน Merit เป็นคะแนนที่เราได้ระดับกลางที่สูงกว่า Achievement และ ส่วนคะแนนสูงที่สุด คือ Excellence นั้นหมายถึงเรามีความพยายามมากในการ ทํางานข้อสอบในห้อง เด็กไทยส่วนใหญ่นั้นจะได้คะแนนแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับวิชาถนัดของตัวเอง คะแนนของมัธยมจะวัดจากการทําข้อสอบเขียนกลางเทอม กับ ปลายเทอม หรือ NCEA ตัว NCEA มี สอบในสามชั้นปีศึกษา NCEA Level 1 กําหนดให้เด็กนักเรียนทําให้ได้ 80 credits เพื่อการศึกษา ต่อในระดับชั้นปีอื่นต่อไป ส่วน NCEA level 2 นักเรียนจะต้องได้ 60 credit เป็นอย่างน้อย บวกกับ ตัว อีก 20 credits จาก level 1 และ NCEA level 3 ใช้กฎเหมือนกับ level 2 ทุกประการ ถ้า นักเรียนไทยต้องการจะเรียนต่อถึงมหาลัยควรทํา NCEA level 3 เพี่อเป็นหลักในการเข้ามหาลัย ไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ให้ประสบการณ์อะไรกับนักเรียนไทย? นักเรียนไทยจะได้รับความรู้ในการพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และ ภาษาเมารี มีประสบการณ์ ในการพูดคุยกับเจ้าของภาษา นักจะได้เห็นการใช้ชีวิตเด็กนิวซีแลนด์ นอกจากนี้นักเรียนจะมีความรู้วัฒนธรรม แบบสไตล์ชาวกีวี่ที่มีเอกลักษณ์ นักเรียนไทยจะเรียนรู้ในการช่วยเหลือโฮมสเตย์ ทํางานบ้าน และดูแลงานที่ โฮสมอบหมาย นักเรียนจะมีความอดทนในการอยู่ด้วยตัวเองในการชีวิตแบบอิสระที่ประเทศอื่นๆ รู้คุณค่าใน การอยู่แบบพอเพียงที่บ้านนั้นจะไม่เริดหรูแบบบ้านเราอยู่ที่ไทย ชาวนิวซีแลนด์นั้นจะไม่ใช้ของที่ฟุ่มเฟือยโดย ไม่จําเป็น การพัฒนาทางด้านจิตใจจะเป็นสิ่งที่นักเรียนไทยจะมีติดตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีระเบียบวินัย ความ สุภาพ การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่เด็กไทยฝันที่จะไปเพื่อดูความสวยงามของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทําลาย ส่วนมากนักเรียนไปเรียนมัธยมช่วงไหน? ช่วงเดือนมกราคมจะเป็นเดือนเปิดภาคเรียนแรกที่เด็กไทยไปเริ่มเรียนช่วงนี้มากเพราะจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ในชั้น เรียน และ ทําความคุ้นเคยกับสถานที่ไหม การไปเรียนตอนมกราคมไม่เป็นอุปสรรคกับนักเรียนไทยมากนัก เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน บวกกับ ช่วงกลางวันที่ยาวนาน daylight saving ซึ่งนักเรียนจะได้เล่นกีฬา กลางแจ้ง เช่น สนามบอล กับ สนามบาสได้ด้วย เดือนมกราคมจะเป็นช่วงที่นักเรียนเลือกวิชาอิสระได้อย่างน้อย สองตัว วิชาที่เรียนจะสลับวันเว้นวัน แต่ละวิชาจะเรียนประมาณชั่วโมงครึ่ง จะมีพักช่วงเช้ากับกลางวัน 2 ชั่ง เวลา ซึ่งต่างกับของไทยที่มีพักก่อนเลิกเรียน 4 วิชาบังคับที่ต้องเรียน คือวิชา English (วิชาภาษาอังกฤษ),
  • 14. Mathematics (วิชาคณิตศาสตร์), science (วิชาวิทยาศาสตร์), and physical education (วิชาพละ) ที่เด็กไทยทุกคนคุ้นเคยกันอยู่แล้ว  ส่วนในเดือนอื่นนั้นจะเหมาะกับนักเรียนที่มาเรียนมาสั้นๆ เพื่อมาหาประสบการณ์ ประสบการณ์ส่วนตัวที่ประเทศนิวซีแลนด์ แม้การเดินทางไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นจะไกล มันส่งผลดีที่ให้เรากล้าสื่อสารหลากหลายภาษา กับ นักเรียนนานาชาติเวลาโรงเรียนจัดทัวร์ในเดือนปิดภาคเรียน การไป camping เป็นตัวอย่างนึ่งที่เด็กทุกคน สามารถแชร์ประสบการณ์ในประเทศบ้านเกิด กับนักเรียนต่างถิ่นได้ดี มากไปกว่านั้น โรงเรียนมัธยมยังเปิด โอกาสให้เด็กไทยได้แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยการเต้นโชว์รําไทย กับ แต่งชุดไทยเดินในงาน international culture week การดูศิลปะยังสนุกไม่พอ ต้องต่อด้วยการชิมอาหารนานาชาติที่แต่ละ โรงเรียนจัดงานเพื่อให้เด็กทุกคนได้มีกิจกรรมร่วมในช่วงที่เด็กอาศัยที่นิวซีแลนด์ การไปเที่ยวแนวผจญภัยเป็น ความใฝ่ฝันของเด็กไทยที่อยากเรียนรู้โลกภายนอก เพราะเนื่องจากการมาเรียนเป็นส่วนของการโปรโมทการ ท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ และผมก็ประทับใจในการที่คนนิวซีแลนด์ยังดูแลสภาพบ้านได้ดี อากาศที่เย็นตลอดทั้งปี นั้นช่วยให้เราสนุกกับการไปเล่นสกี ที่พักโฮมสเตย์จําเป็นต้องติดต่อโรงเรียนหรือ agency ให้จัดหาโฮสให้ นักเรียนที่อยู่ในนิวซีแลนด์การเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นไม่นาน และ ยากเลยสําหรับเด็กไทย เพียงแค่ เด็กไทยมีความตั้งใจในการส่งงานครบ มาเขาเรียนตรงเวลาก็พอ มาเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นไม่สูญเปล่าเลย แต่จะได้สิ่งใหม่ อาทิ มีทักษะในการต่อรองเวลาที่เราไปอยู่ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ คุยกับฝรั่งโดยไม่ต้อง กังวล เพื่อนๆคนไทยที่ผมรู้จักก็เรียนเลือกเรียนที่นิวซีแลนด์เพราะติดใจกับบรรยากาศที่โน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป่าไม้เขียวขจี พูดถึงขนาดนี้จะลืมแกะไปได้อย่างไงกัน แกะที่นิวซีแลนด์ขนสีขาวปุยที่เด็กไทยหลายคนอยาก สัมผัสตัวจริง
  • 15.
  • 16. รายได้หลักของนิวซีแลนด์มาจากอะไร รายได้ต่อหัวของชาวนิวซีแลนด์นั้นอยู่ที่ 35,152 USDในปี 2016ซึ่งมากกว่ารายได้คนไทยหลายเท่าตัว มูลค่าของ Gross domestic product (GDP)ในปี 2016 อยู่ที่ 186 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ประชากรนิวซีแลนด์มีน้อยกว่าไทยมากจึงทําให้รายได้ต่อ หัวนั้นสูงกว่า แต่รายได้ของเขาต้องพึ่งนักศึกษาและนักท่องจากต่างประเทศด้วย เขาใช้แทคติก Local brand / global market คือ การใช้การตลาดในการโปรโมท brand ของตัวเอง เพื่อให้ทั่วโลกได้รู้จักนิวซีแลนด์ โดยการส่งออกวัฒนธรรมไปออกบูทงานทั่ว โลก เขาใช้เอกลักษณ์ Maori ซึ่งเป็นคนพื้นเมือง กับ รูปใบเฟิร์นในการดึงดูดคนที่สนใจไปเยือนนิวซีแลนด์ไม่ว่าการค้าหรือ การศึกษาข้ามแดน นิวซีแลนด์ใช้แผนโดยเด็กที่เรียนสามารถมาเรียนได้เร็วขึ้น เช่น การสมัครง่ายโดยไม่ต้องทําข้อสอบ นี่จึงเป็น สาเหตุที่เด็กมาเรียนเป็นจํานวนมาก รายได้จากเด็กต่างชาติมาอยู่บ้านโฮมสเตย์ ชาวนิวซีแลนด์ได้รับเงินทุกเดือนโดยเฉพาะเด็กที่มาเรียนระยะสั้นๆ และ ระยะยาว รายได้อันนี้เป็นรายได้ของครอบครัวที่ได้มา ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก การที่โรงเรียนของนิวซีแลนด์เปิดรับนักเรียนต่างชาติมากขึ้น มันส่งผลต่อสถานะของชาวกีวี่ รายได้ต่อสัปดาห์ขั้นตํ่าในการเป็นโฮมสเตย์จะอยู่ที่190 NZDหรือประมาณ 4,816บาท สูงสุดจะอยู่ที่ 250 NZDหรือประมาณ 6,337 บาท รายได้ส่วนนี้ค่อนข้างมั่นคงเพราะแต่ละปีจะมีเด็กเข้าเรียนที่นิวซีแลนด์ประจํา เงินที่ได้เป็นเงินที่โฮมสเตย์ไว้ใช้ใน ครัวเรือนกับจ่ายเพื่อจุนเจือลูกชาวนิวซีแลนด์ แต่ละโฮมสเตย์จะมี contact กับโรงเรียนที่นักเรียนไป ถ้าคํานวณเป็นต่อเดือนแล้ว โฮมสเตย์จะได้รับ 19,264 ถึง 25,348 บาท เป็นรายได้ที่ดีจริงๆสําหรับคนกีวี่ โรงเรียนกินนอน หรือ ที่เรารู้จัก boarding school นั้นไม่ค่อยนิยมมากนักเหมือนในประเทศอังกฤษ ต้องยอมรับอย่างนึงว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของนิวซีแลนด์ไม่เยอะมาก เขาต้อง พึ่งพาจากการค้ากับต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทําไมเขาจึงพยายามรับเด็กต่างชาติมากในระดับ high school เพี่อที่จะดึงรายได้จากเด็กที่มาเรียน ชาวนิวซีแลนด์เห็นตรงนี้เป็นโอกาสในการเพิ่มรายรับ เมื่อเด็กต่างชาติมาเรียนมากขึ้น จํานวนโฮมสเตย์ก็มากขึ้นตาม ตอนแรกนั้นอาจจะคิดว่ามันเป็นรายได้ทางอ้อม แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเขาคิดว่ามัน เป็นรายได้หลักไปแล้ว รายได้จากการโปรโมทการศึกษานิวซีแลนด์  เขาใช้การตลาดแบบพื้นๆ ในการเปิดงาน NZ education fair ไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นมัธยม หรือ ระดับมหาวิทยาลัย Event marketing นั้นเป็นกลยุทธ์ที่เขาจะทําทุกปี เขาต้องการมา promote ตลาดการศึกษาในทวีปเอเชียเพราะเขารู้ว่าไม่ใช่ว่า เป็นตลาดที่ใหญ่แต่เพราะมีเด็กที่ต้องการไปเรียนภาษาอังกฤษ มากโดยเฉพาะประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เช่น ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น NZ education fair มี จัดงานตอนกลางปีเป็นประจํา กับต้นปี เขาจะใช้เด็กที่เรียนอยู่
  • 17. นิวซีแลนด์ และ เด็กศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์มาอธิบายว่าโรงเรียนเป็นอย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ ผมต้องถือว่านิวซีแลนด์ได้ รายได้จากสิ่งนี้โดยตรง และ ถ้าเขาได้เด็กต่างชาติไปเรียนเพิ่มขึ้น เขาจะเอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนาการศึกษาของเขา รายได้ของการ โปรโมทการศึกษาของนิวซีแลนด์ก็ส่งผลถึงจํานวนของนักท่องเที่ยวด้วย จากสถิติจากปี 2012 ถึง 2016 ของเว็บไซต์ Ministry of Tourism ของนิวซีแลนด์ พบว่าการโปรโมทการศึกษาส่งผลให้เพื่อนๆ และญาติพี่น้องนั้นเดินทางเพื่อมา ท่องเที่ยวมากขึ้น การ promote การศึกษานั้นทําให้คนอยากมาอยู่นิวซีแลนด์นานขึ้น ส่งผลดีในการเที่ยวระยะสั้นของเด็กที่ เรียนนิวซีแลนด์ แน่นอนที่สุดจุดแข็ง คือ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (eco-tourism) จึงทําให้ NZ tourism นั้นน่าสนใจ แค่ปี 2013 รายได้การศึกษามัธยมของนิวซีแลนด์รวมเป็นเงิน 111,714,804 NZD หรือ 2,843,188,202 บาท รายได้นี้สามารถ นําไปพัฒนาประเทศของเขาได้อย่างมหาสารทีเดียว การโปรโมทการศึกษาเป็นการค้าขายอย่างหนึ่งไม่ได้เอาผลกําไรเป็นที่ตั้ง ข้อได้เปรียบนิวซีแลนด์ คือ มีงบประมาณการศึกษาค่อนข้างมาก จาก chart ด้านล่างของ ปี 2007 ถึง 2013 เราจะเห็นว่า จํานวนเด็กไทยที่สมัครเรียน high school นั้นเพิ่มขึ้นทุกๆปี นี่จึงแสดงให้เห็นว่าการศึกษานิวซีแลนด์กําลัง boom มันเป็น ตัวชี้วัดถึงความสําเร็จในการส่งเด็กมาเรียนที่นิวซีแลนด์ ผลระยะยาวนั้นถือว่าเป็นเม็ดเงินที่คุ้มค่า รายได้จากเกษตรกรรมและปศุสัตว์ เกษตรกรรมเป็นรายได้ลองลงมาจากรายได้การศึกษา และ เกษตรมีความสําคัญ ต่อภาคการผลิตมากเพราะทําให้เศรษฐกิจดี ผลิตภัณฑ์นํ้าส้มเป็นตัวอย่างหนึ่งของ นิวซีแลนด์ที่ทุกคนต้องประทับใจอย่างยี่ห้อ Simply Squeezed นั้นสดมาก เพราะเขาจะไม่ใส่นํ้าตาลเหมือนอย่างกับที่ไทย นอกจากนี้ยังมีการทําปศุสัตว์ไว้ เป็นรายได้นายการขายทั้งในกับนอกประเทศ ปศุสัตว์นั้นทําตั้งแต่การผลิตนมวัว ทําเนื้อวัวขาย ลืมเนื้อแกะไปได้ยังไง…ไม่ได้ครับ เนื้อแกะนั้นเหมือนยิงปืนนัด เดียวได้นกสองตัว เพราะเขาสามารถมาทําเสื้อนุ่งห่มและทําเนื้อได้อีกด้วย ทั้งเนื้อ วัวและแกะจะส่งออกไปขายหลายประเทศ แต่ราคาจะสูงนะครับ แนะนําว่าไปกิน ที่นิวซีแลนด์จะถูกกว่า สําหรับเครื่องนุ่งห่มที่ทําจากขนแกะนั้นช่วงหลังๆก็ยังคงตอบรับจากผู้ซื้ออยู่ต้องบอกเลยว่า ถุงมือ หมวก hood เสื้อกันหนาว ครีมแกะ นั้นเป็นรายได้ที่ขาดไม่ได้เพราะเป็นอาชีพหลักของชาวนิวซีแลนด์ หลักๆแล้วนิวซีแลนด์
  • 19. ความประทับใจที่ได้ไปนิวซีแลนด์  ตอนแรกที่ไปนิวซีแลนด์ การไปนิวซีแลนด์นั้นเป็นประสบการณ์แรกที่ผมนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศ มันเป็นโลกที่มีความสวยงามในด้านธรรมชาติ ภูมิ ประเทศที่เป็นเกาะ และ มีนํ้าทะเลล้อมรอบ ตอนแรกผมไม่ได้ไปเรียน High School เลย ทันที แต่ผมไปกลับ agent NZ  study ตอนชั่งปิดเทอมภาคฤดูร้อนปี 2007 สิ่งที่แปรกไปจากคนอื่นๆ คือ ผมฟังภาษาอังกฤษคล่องเพราะผมเรียนที่โรงเรียน นานาชาติมาก่อน ตอนนั้นผมเดินทางไปเมือง ‘ ไครสต์เชิร์ช ’ ( Christchurch) ที่อยู่ตอนกลางของเกาะใต้ เมืองนี้อากาศ หนาวเย็นมากในช่วงหน้าหนาว และมีหิมะด้วยบางปี วันแรกนั้น agent พาผมไปเดินดูโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่ง ทางเข้าสวย มาก วันนั้นผมได้พบกับอธิการ และนัดโฮสมารับที่โรงเรียนไปบ้านพัก ตอนที่ผมพักกับโฮสบ้านแรกผมรู้สึกอยากจะเปลี่ยน โฮมสเตย์เพราะบ้านเขาเลี้ยงหมา แต่ผมบอก agent ว่าผมเป็นโรคภูมแพ้  agent เขาก็เปลี่ยนให้ทันที โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ผมไปอยู่ที่นั้น 1 เดือนเต็มได้เที่ยวสนุกสนานกับน้องๆที่ไป อาทิตย์แรก agent ให้พักผ่อนก่อน และ สัปดาห์ที่ 2 agent พาเด็ก ไป เมือง ควีนส์ ทาวน์ ( Queenstown) ระหว่างทางเราแวะที่ ร้านขายสําหรับท่องเที่ยว ละวันนั้นผมซื้อ การ์ด มาไว้เก็บเป็นที่ ระลึก หลังผมทานอาหารเสร็จ ตอนเย็นเราก็ไปแวะ Puzzling World ซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเทียวเพราะมันมีห้องลวงตาที่เรา มองเข้าไปแล้วจะเหมือน 3 มิติ Puzzling World อยู่ใน ‘ วานากา ’ ( Wanaka) ซึ่งอยู่ก่อนถึงเมือง Queenstown ตอนก่อน คํ่าเราได้เขาพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตอนเช้ารุ่งขึ้น ผมออกเดินทางแต่เช้า เล่น ลูท บนยอดเขาในเมือง สัปดาห์ที่ 3 agent ของผม พาไปเล่นสกีนอกเมือง Christchurch ตอนนั้นผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะผมยังเล่นกีฬาบนหิมะไม่เก่ง ตอนนั้นมีครูผู้ฝึกสอนก็เลย ง่ายหน่อย สัปดาห์ที่ 4 agent พาไปเล่น paintball ในเมือง Christchurch เราเล่นกันคลายเครียดก่อนบินกลับไทย จากนั้น agent ก็พาผมไปเดินในเมือง Christchurch ที่มีแหล่งชอปปิงมากมาย และ ไปโบสถ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ข้างบนมีที่ดูวิว เมือง Christchurch วันที่จะกลับไทย โฮสพามาส่ง และ เขาอยากให้ผมกลับมาเที่ยวอีก ถ้าจะไปเที่ยวนิวซีแลนด์ควรไปหน้าไหน  มันมีทั้งข้อดีและเสีย ผมว่าถ้าไปหน้าหนาวเราจะได้เล่นกีฬาหลายประเภท แต่ถ้าไปหน้าร้อนเราจะเล่นได้แค่กีฬาพวกฟุตบอล หรือไม่ก็บาสเกตบอล ไปหน้าร้อนก็ดีอีกแบบ เราจะได้เที่ยวยาวหน่อยเพราะกลางวันจะยาวนานมาก และดวงอาทิตย์จะตก ประมาณ 3 ทุ่ม มันเหมาะสําหรับคนที่ขับรถเที่ยวยาวไปเมืองที่อยู่ไกลออกไป หน้าหนาวอย่างที่เรารู้ๆกัน ว่ามึดเร็วมาก   โอกาสที่เราจะออกไปเที่ยวข้างนอกนั้นแทบไม่มีเลย ผมแนะนําว่าถ้าอยากสัมผัสความหนาว ต้องไปเดือนมิถุนายน หรือ กรกฎาคม ช่วงที่ผมไปมันประมาณ 2 องศา ซึ่งผมกับช็อกแต่มันสนุกดี ผมต้องใส่เสื้อ 3 ชั้น สําหรับคนที่ต้องการไปหน้าร้อน ไม่มีปัญหาเพราะเราแค่เอาเสื้อคลุมธรรมดาก็พอ ควรมีแว่นกันแดด บวกกับครีม lotion ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของ แต่ละคน ส่วนใหญ่ถ้าไปกับ agent จะไปในช่วงหน้าหนาวเพราะเป็นเวลาที่เด็กโรงเรียนนานาชาติในไทยปิดเทอม เด็กส่วน ใหญ่จะนิยมไปช่วงนั้นกัน หน้าร้อนไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะอากาศนั้นมันอบอุ่นเหมือนอยู่ประเทศไทย หน้าหนาวถ้าเป็น เกาะใต้จะหนาวจัดกว่าเกาะเหนือ  
  • 20.   หลังจากการทัวร์ที่นิวซีแลนด์  ตอนหลังผมเริ่มรู้แล้วระบบการเรียนนิวซีแลนด์ว่าเป็นยังไง ผมเลยไปงานการศึกษาโรงเรียนในนิวซีแลนด์และเอาโบรชัวร์มา เปรียบเทียบว่าทีไหนดีกว่ากัน แต่ละโรงเรียนไม่ต่างกันมาก ตอนแรกผมยังงงๆ กับ ESOL ว่าคืออะไร ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็น วิชาภาษาอังกฤษ มันใช่วิชาภาษาอังกฤษจริงๆ แต่ในเป็นวิชาภาษาอังกฤษสําหรับคนต่างชาติ ที่นั้นเขาจะใช้คําว่า English  speaker of other languages แทน English as second language พูดง่ายๆ คือ มันเป็นภาษาอังกฤษสําหรับเด็กที่ไม่ได้ ใช้ภาษาแม่ ส่วนโรงเรียนมัธยม ตอนที่ผมไปใหม่ๆ ผมยังไม่ค่อยชินกับการเรียนแบบสไตล์เด็กกีวี่ สิ่งที่ไม่เหมือนที่ไทย คือ นิวซีแลนด์ไม่ได้นั่งกินในโรงอาหาร แต่จะนั่งกินตามอัธยาศัย การเรียนการสอนของมัธยมที่นั่นสนุกกว่าที่ไทยเพราะเขาเรียน และปฏิบัติจริงๆ เรียนครั้งแรกผมก็ยังตามเพื่อนไม่ทันแต่เขายังมีคน support ในเรื่องวิชาการในตอนที่เราไม่เข้าใจบทเรียน ตอนที่ผมเรียน High school ผมยังไม่เข้าใจว่าเข้าเก็บหน่วยกิจกันอย่างไง ผมก็รู้เลยว่าที่นั่นไม่ได้ใช่ผลคะแนน GPA เหมือน อย่างกับที่ไทย ที่นั่นเขามีเกณฑ์ว่าผ่านหรือผ่านเท่านั้น Achieved หรือ Not Achieved ถ้าผมได้ Achieved หมายถึง ผม สอบผ่าน และ ได้หน่วยกิจ ต้องยอมรับว่าสังคมค่อนข่างเสรี และกฎระเบียบน้อยกว่าของไทย ถ้าเราเรียนมัธยมที่ไทยเราต้อง ตัดผมเกรียน ของนิวซีแลนด์เขาให้นักเรียนไว้ทรงผมอะไรก็ได้ แค่ใส่ยูนิฟอร์มกับรองเท้าบูทฮะๆ ตอนไปอยู่นิวซีแลนด์ผมเห็น คนไว้ทรงผม Bob Malay ด้วย สิ่งนี้ทําให้ผมมีแรงบัลดาลใจในเริ่มคิดสร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเรืองการออกแบบ artwork  บนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์ก็เหมือนกับที่ไทย คือ มาเรียนตรงต่อเวลา ถ้ามาสายต้องบอกสาเหตุว่ามาช้า เพราะอะไร รถติด…ฟังไม่ขึ้น นิวซีแลนด์ไม่ค่อยมีรถติดมาก แล้วถ้าเราพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่องแล้วจะพูดกับชาวนิวซีแลนด์ถูกหรอ?  สําหรับคนที่ไปทัวร์กับ agent นิวซีแลนด์ แค่ช่วง summer นั้นไม่มีปัญหาเพราะโฮสจะเข้าใจดีว่าเราต้องการอะไร อย่างเช่น เราถือขวดนํ้า แล้วบอก Excuse me, water please… เขาก็รู้แล้ว แต่ถ้าไปเรียนมัธยมที่โน่น เราต้องเรียนในการพูดที่สุภาพ มากขึ้น โดยเรียนรู้คําศัพท์ใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นที่นิวซีแลนด์ Tea time ไม่ได้หมายถึงว่า กินนํ้าชา แต่ หมายถึงว่า ได้เวลารับทาน อาหารเย็นแล้ว คนที่นิวซีแลนด์จะไม่ใช่คําว่า Dinner  ต้องพยายามพูดให้ได้มากที่สุดเพราะว่านั้นเป็นประสบการณ์ของเรา สําเนียงตอนแรกมันค่อยดี แต่ไม่เป็นไร เดียวพอเรียนไปมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง การพูดสําคัญตอนเราเดินในช่วงปิดเทอมที่ นิวซีแลนด์ ภาษาอังกฤษที่นั้นจะคล้ายๆ สําเนียงประเทศอังกฤษ ถ้าเราไม่เข้าใจคําศัพท์ไหนสามารถโฮสชาวกีวี่ของเราได้ เรา ต้องลองหัดฟังเวลาที่เพื่อน present งานเป็นกลุ่ม และ กล้าพูดกับชาวกีวี่ไม่ว่าจะเป็นโฮส หรือ กับ เพื่อนๆ  
  • 21. โรงเรียนมัธยมนิวซีแลนด์ที่ผมศึกษา Westlake Boys High School   เวสต์เลค บอยส์ ไฮ สคูลร์ เป็นโรงเรียนชายล้วนที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอ๊คแลนด์โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที โรงเรียนตั้งอยู่ ทางเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ และ มีสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมเรื่องเครื่องมือในการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน เช่น ห้อง แลป ห้องสอนทําอาหาร ห้องศิลปะ ห้องประชุมนักศึกษา ห้องทํางานวิจัย ห้องสมุดที่เป็นส่วนตัว นอกเหนือจากนี้ยังมีสนาม กว้างใหญ่เพื่อใช้ในการจัดงานกีฬาสีของแต่ละห้อง งานกีฬาสีที่นี่จะพิเศษกว่าที่อื่นคือเราจะเดินไปทํากิจกรรมในส่วน สาธารณะ สนามแบดมินตันในร่ม สนามเทนนิสที่เหนือกว่าโรงเรียนอื่นในละแวกนั้นมาก ถ้าใครอยากเข้าไปชมโรงเรียนนี้ก็จะ เห็นว่าเรากําลังเดินอยู่บนเนินเขาแล้วเห็นท้องฟ้าสีฟ้าสดใส แม้โรงเรียนนี้อยู่จะอยู่ไกลจากท่าอากาศยานเมืองโอ๊คแลนด์ บรรยากาศค่อนข่างสงบไม่วุ่นวายมากนักเหมาะสําหรับนักเรียนที่ไม่ชอบมาช็อปปิ่ง และ ยังคงเป็นธรรมชาติ ถ้าคนไหนไม่ชอบ อากาศเย็นมาก ผมแนะนําให้มาโรงเรียนนี้เพราะอากาศนั้นอมอุ่นมาก อาหารการกินที่นี้แพงก็จริงแต่หาของกินสะดวก แม้มัน จะอยู่นอกเมือง อาหารซีฟูดที่นี่ก็หาไม่ยากแค่นั่งรถบัสจากบ้านไปในทาวน์ใกล้ๆ เราก็จะเห็นร้านอาหารทะเลอยู่ในทาวน์ที่มีชื่อ ว่า “ทาคาปูน่า” ซึ่งเป็นย่านเล็กๆ ไม่ไกลจากโรงเรียน ในย่านนี้ไม่ได้มีแค่แหล่งช็อปปิ่ง แต่ยังมีฟิตเนสที่อยู่ในห้างอีกด้วย  ทําไมถึงเรียนที่ เวสต์เลค บอยส์ ไฮ สคูลร์ ?  โรงเรียน เวสต์เลค บอยส์ นั้นมีการเรียนสองระบบ หนึ่ง การเรียนแบบระบบนิวซีแลนด์ สอง คือ การเรียนแบบระบบแคมบริดที่ จะเรียนนักกว่า โรงเรียนนี้มีการดูแลเด็กต่างประเทศที่ดีมากไม่ว่าจะเป็น เรื่องการประพฤติของเด็กที่เรียนว่าตั้งใจเรียนหรือไม่ มีการอบรมเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน และ รายงานผู้ปกครองทุกเดือน ถ้าเด็กไม่ตั้งใจเรียนทางโรงเรียนจะให้เอเจนส่งกลับทันที ดูแล เด็กที่เรียนตามเพื่อนในห้องโดยเฉพาะเด็กที่พึ่งมาเรียนใหม่ และเปิดโอกาสให้เด็กไปเรียนรู้งานจริงในเมืองเพื่อเพิ่มความรู้ อย่างเช่น การไปสํานักงานการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ได้ให้คุณค่ากับนักเรียนในด้านนี้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ใน ด้านการว่างแผนธุรกิจ ที่โรงเรียนมีคอนเน็คชั่นกับบริษัทของประเทศนิวซีแลนด์ ส่งเสริมการเรียนนอกห้องเรียนเพื่อนําไปใช้ใน ชีวิตประจําวัน สิ่งที่ได้จากที่นี้คือ ทางโรงเรียนจะรายงานผลการสอบของนักเรียนสําหรับคนที่ทําไม่ดีให้นักเรียนปรับปรุง การเดินทางจากโรงเรียนไปในเมืองโอ๊คแลนด์ยากไหม?  ต้องบอกเลยว่าไม่ยากครับที่นี้มีรถบัสเข้าเมืองถี่มากทั้งวันธรรมดา และ วันหยุด ถ้าเราเดินทางจากโรงเรียนเวสต์เลค เรา จะต้องเดินไปขึ้นที่ท่ารถบัสประมาณ 10 นาที สําหรับคนที่อยากไปเมืองโอ๊คแลนด์ ผมแนะนําให้ไปพิพิธพันธ์เมืองโอ๊คแลนด์ที่ แสดงเรื่องราวของชนพื้นเมืองเมารีไม่ว่าจะเป็นเรือโบราณ ของเก่าของชาวเมารีที่หลงเหลือ เมืองโอ๊คแลนด์นั้นจะคล้ายๆ เมือง ซิดนีย์ที่ประเทศออสเตรเลียแต่ก็มันจุดเด่นของมันคือ มี หอคอยสูงที่เราสามารถขึ้นไปชมได้ นอกจากนี้ถ้าเราเบื่ออาหารที่โน่น เรายังสามารถหาอาหารไทยทานหลายร้านเลยทีเดียว เดินซื้อของชําร่วยในที่ร้านในเมือง ในเมืองโอ๊คแลนด์มีสถาบันสอน ภาษาที่ได้รับการยอมรับ สะดวกกว่านั้น เรายังสามารถนั่งรถไฟจากโอ๊คแลนด์ถึงเมือง เวลด์ ลิง ตั้น ถ้าเกิดว่าเราอยากจะ เดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนต่างเมือง ระหว่างทางกลับจะเห็นวิวสวยของสะพาน ฮาเบอร์ บริด ข้ามไปฝั่งโอ๊คแลนด์