More Related Content
Similar to ทันตกรรมจัดฟัน
Similar to ทันตกรรมจัดฟัน (20)
More from OporfunJubJub (15)
ทันตกรรมจัดฟัน
- 5. เป็นวิธีการจัดฟันแบบติดโลหะด้านนอก ที่เรียกชื่อเต็ม
ว่า Metal Bracket Orthodontic (Braces) นับได้ว่า
เป็นวิธีที่มีความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนมี
เครื่องมือที่มีความหลากหลายในการจัดฟันเเละเป็นวิธีที่มีการใช้
งานมากที่สุด โดยมีโลหะที่แข็งแรงที่เรียกว่า Bracket ใน
การติดกับผิวฟันด้านนอก ผ่านลวดที่ยึดติดกับเครื่องมือ
Bracket เเล้วเเพทย์จะทาการใส่ยาง เพื่อที่จะยึดในส่วนของ
ฟันเเต่ละซี่ ให้มีการเคลื่อนที่ไปตามทิศทางเเละตาเเหน่งที่
ต้องการอย่างต่อเนื่อง
- 8. วิธีการจัดฟันแบบ DAMON
เป็นรูปแบบการจัดฟันแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ในการ
จัดฟันแบบโลหะกึ่งใส ส่วนประกอบของ Damon Bracket
Othodontic (Braces) คือ เครื่องมือการจัดฟันที่มีความ
พิเศษกว่าวิธีการแบบธรรมดาทั่วไป เนื่องจากการที่จัดฟันด้วยวิธีนี้
มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าปกติ เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ทาให้
ฟันมีการเคลื่อนสู่ตาเเหน่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้ง
ในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือ DAMON ที่
สามารถใช้ได้ยาวนาน ทาให้ผู้ที่จัดฟันไม่ต้องเปลี่ยนยางทุกๆ
เดือน อันเนื่องจากข้อเสียของการเสื่อมสภาพของยางที่ใช้ดึงฟันใน
วิธีการปกติ โดยวิธี DAMON มีการพัฒนาการผลิตอย่าง
ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดฟัน
- 13. วิธีการจัดฟันแบบ Lingual Orthodontic (Braces)
• เป็นการจัดฟันแบบมีอุปกรณ์ติดอยู่ด้านใน เป็นการจัดฟันที่ผู้อื่นนั้น
ไม่สามารถที่จะมองเห็นรูปแบบการจัดฟันได้เลย จึงทาให้ไม่เป็นที่
สังเกตได้อย่างเด่นชัด แต่วิธีการจัดฟันแบบ Lingual
Orthodontic นับเป็นวิธีที่ยาก เนื่องจากต้องมีการใช้อุปกรณ์ที่
พิเศษ เพื่อทาการยึดติดที่บริเวณด้านในของฟันที่เป็นบริเวณที่แคบ
และยุ่งยาก เพื่อช่วยให้เครื่องมือเกิดความคงทนเเละสามรถที่จะ
จัดฟันได้ประสบผลสาเร็จ กระบวนการในการติดเครื่องมือในการ
จัดฟันนั้นยากกว่าทาให้การจัดฟันเมื่อเทียบกับวิธีการปกติ เเละการ
จัดฟันวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า รวมทั้งใช้ระยะเวลานานกว่า ต้อง
อาศัยความเชี่ยวชาญทันตแพทย์ที่ได้รับอนุญาตด้านการจัดฟัน
เฉพาะทาง
- 15. เครื่องมือจัดฟันแบบติดถาวร
• เหล็กดัดฟัน — เป็นวิธีการที่พบมากที่สุด ประกอบด้วยยาง ลวด
หรือเหล็ก โดยยางจะติดรอบฟันโดยใช้เป็นตัวยึดของอุปกรณ์
ส่วนเหล็กจะถูกเชื่อมติดกับด้านหน้าของฟัน เส้นลวดจะถูกร้อย
ผ่านแต่ละเหล็กและยึดติดกับยาง การดึงลวดให้ตึงขึ้นจะเป็นการ
เพิ่มแรงดึงที่ตัวฟัน และค่อย ๆ เคลื่อนฟันไปยังตาแหน่งที่
เหมาะสม เหล็กดัดฟันจะมีการปรับทุก ๆ เดือนเพื่อให้เกิดผลที่
ต้องการ ซึ่งเวลาที่ใช้ในการจัดฟันอาจเริ่มตั้งแต่ 2-3 เดือน จนถึง
2-3 ปี ปัจจุบันนี้ เหล็กจัดฟันมีขนาดเล็กลง เบาลง และดูไม่เป็น
โลหะเหมือนในอดีต นอกจากนี้ยังมีสีสันสดใสสาหรับเด็ก และ
แบบใสที่ผู้ใหญ่นิยมใช้อีกด้วย
- 16. • อุปกรณ์ติดถาวรแบบพิเศษ — สาหรับใช้ควบคุมการดูดนิ้ว หรือ
การใช้ลิ้นดัน โดยอุปกรณ์ชนิดนี้จะถูกติดกับฟันด้วยยาง
เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่สะดวกสบาย จึงมักจะใช้เป็นทางเลือก
สุดท้าย
• อุปกรณ์รักษาช่องว่างของฟันแบบถาวร — กรณีที่ฟันน้านม
หลุดป็นการถาวร อุปกรณ์รักษาช่องว่างจะถูกใช้จนกว่าฟันแท้จะ
ขึ้น โดนจะใส่ยางติดกับฟันซี่ถัดจากช่องว่างด้านหนึ่ง และลวดจะ
ต่อเข้ากับฟันซี่ถัดจากช่องว่างอีกด้านหนึ่ง
- 17. เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้
• เครื่องจัดฟันแบบใส — เป็นทางเลือกสาหรับผู้ใหญ่ที่ไม่อยากใส่
เหล็กจัดฟันแบบถาวร โดยเครื่องมือนี้มีการใช้กันอย่าง
แพร่หลายมากขึ้น โดยสามารถดัดฟันได้เช่นเดียวกับเหล็กจัดฟัน
แบบถาวร เพียงแต่ไม่มีลวดและเหล็ก โดยอุปกรณ์นี้จะมองไม่
เห็นเวลาใส่ และสามารถถอดออกได้เวลารับประทานอาหาร
แปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟัน
- 18. • อุปกรณ์รักษาช่องว่างของฟันแบบถอดได้ — อุปกรณ์นี้ทางาน
เช่นเดียวกับอุปกรณ์รักษาช่องว่างของฟันแบบถาวรโดยทาจาก
อะคริลิคที่ขนาดพอดีกับขากรรไกร และมีพลาสติกหรือลวด
ระหว่างฟันที่ต้องการรักษาช่องว่างไว้
- 19. • อุปกรณ์จัดตาแหน่งของขากรรไกร — อุปกรณ์นี้สามารถใส่จาก
ขากรรไกรบนหรือล่างก็ได้ เพื่อที่จะจัดตาแหน่งของขากรรไกรให้
อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อใช้แก้ไขอาการข้อต่อขากรรไกรผิดปกติ
- 20. • อุปกรณ์ป้ องกันริมฝีปากและแก้ม — อุปกรณ์นี้ไว้ใช้สาหรับกัน
ริมฝีปากและแก้มออกจากฟัน เนื่องจากริมฝีปากและแก้ม
สามารถสร้างแรงกดทับที่ฟัน ซึ่งอุปกรณ์นี้จะช่วยลดแรงกดทับ
- 21. • เครื่องมือขยายขากรรไกร — อุปกรณ์นี้จะช่วยขยายขากรรไกร
บน โดยมีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกที่ติดพอดีกับเพดานปาก
และใช้แรงดันจากภายนอกด้วยการขันสกรูจะบังคับให้ข้อต่อ
ขากรรไกรเปิดกว้างขึ้น
- 22. • รีเทนเนอร์ (Removable retainers) — เครื่องมือนี้จะถูก
ใส่ที่เพดานปากเพื่อป้ องกันการเคลื่อนที่ของฟันกลับไปยังจุดเดิม
โดยอาจถูกดัดแปลงเพื่อป้ องกันการดูดนิ้วได้ด้วย
- 23. • เครื่องมือจัดฟันภายนอก — เครื่องมือนี้จะมีสายรัดรอบศรีษะ
และต่อเข้ากับลวดด้านหน้า โดยเครื่องมือนี้จะช่วยชะลอการ
เติบโตของขากรรไกรบน และรักษาฟันด้านในในอยู่ในตาแหน่ง
เดิมในขณะที่ฟันด้านหน้าจะถูกดึงเข้ามา
- 26. • ฟันบนยื่น — ฟันบนยื่นออกมาข้างหน้ามาก
• ฟันล่างยื่น —ฟันล่างยื่นออกมาข้างหน้ามาก
• ฟันกัดคร่อม — ฟันบนไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง มีลักษณะขบ
แบบไขว้
• ฟันสบเปิด — เมื่อขบฟันและแล้วมีช่องว่างเปิดระหว่างฟันบนกับฟัน
ล่าง
• ฟันกัดเบี้ยว— จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง
• ฟันห่าง — มีช่องว่างระหว่างฟันอันเกิดจากฟันหลุดหรือฟันที่ขึ้นไม่
เต็ม
• ฟันซ้อน — ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน
- 31. นอกจากนี้สิ่งที่เป็นปัญหาในการจัดฟันในปัจจุบันนั้น คือ การ
หลีกเลี่ยงการจัดฟันแฟชั่น การจัดฟันแฟชั่นนั้นเป็นการใช้
เครื่องมือการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน การจัดฟันที่ใช้อุปกรณ์ใน
การจัดฟันที่ไม่มีคุณภาพ รวมทั้งมีการปนเปื้อนสารเคมีที่มีการ
หลุดลอกเมื่อมีการสัมผัสกับอาหรที่มีความเป็นกรดด่าง ความ
ร้อนความเย็น โลหะหนักต่างๆที่ทาอันตรายต่อ
ร่างกาย เช่น ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู เป็นต้น รวมทั้ง
การเกิดสนิมที่ลวดยึดฟัน ผลเสียจึงเกิดในส่วนที่ประกอบเป็น
อุปกรณ์ในการเลียนแบบ
- 32. ส่งผลเสียให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก เกิดปัญหาสุขภาพและ
ฟันเรื้อรังได้ เช่น การเกิดแผล ฟันผุ การที่ฟันล้ม การจัดเรียงของ
ฟันนั้นมีความผิดปกติเกิดขึ้น ทาให้เกิดอาการเสียวฟัน เลือดออก
ตามไรฟัน เหงือกบวม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดฟันที่ไม่ได้
คุณภาพ การจัดฟันอาจเกิดผลเสียทาให้ฟันนั้นล้มได้ง่าย เเต่ทั้งนี้
ขึ้นกับการดูแลและการใส่ Retener อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการ
ดูแลสุขภาพในช่องปากเเละฟันให้ดีอยู่อย่างสม่าเสมอ ควร
หลีกเลี่ยงการกัดอาหารที่แข็งและเหนียวที่อาจส่งผลให้อุปกรณ์ที่ติด
เครื่องมือเสียหายได้
- 33. ค่าใช้จ่ายต่างๆของการจัดฟัน
• โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบการจัดฟันก่อนการทาศัลยกรรม
ใบหน้า เพื่อเป็นการทาให้รูปหน้านั้นมีความเข้าที่ เช่นก่อนการเสริม
จมูก หรือการปรับรูปหน้าคางให้เรียว โดยผลส่วนใหญ่ของการจัด
ฟันที่อาจเป็นได้ คือ การทาให้น้าหนักลดในระยะแรกเนื่องจากการ
รับประทานอาหารลาบาก การมีรูปหน้าที่เรียวขึ้น แต่ในบางราย
อาจมีปัญหาเรื่องของอาการเสียวฟันได้หลังการจัดฟัน นอกจากนี้
ในส่วนของราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันจะขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ที่
ใช้ วิธีการ และการเตรียมความพร้อมภายในช่องปาก โดยการจัด
ฟันโดยใช้เครื่องมือแบบถอดได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-10,000
บาท การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือติดแน่นแบบโลหะราคาจะอยู่ที่
ประมาณ 40,000-50,000 บาท ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความ
เหมาะสม
- 35. การเริ่มต้นติดเครื่องมือจัดฟันในครั้งแรกทั้งฟันบน และฟันล่าง ราคา
อยู่ที่ 13,000 บาท และจะมีการติดตามอาการเพื่อเปลี่ยนยางและลวด
ยึดที่ฟัน ชาระค่ารักษาเดือนละ 1 ครั้งๆ ละประมาณ 1,000
บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใส่รีเทนเนอร์ (Retainer)ซึ่งเป็น
เครื่องมือที่ใส่หลังจัดฟันเสร็จเพื่อเป็นการคงรูปแบบการจัดเรียงตัว
ฟัน 2 ชิ้น ฟันบน, ล่าง รวมประมาณ 3,000- 4,000 บาท โดยราคา
ที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ที่การกาหนดของสถานพยาบาลแต่ละแห่งอาจมี
ความแตกต่างกันเล็กน้อย และระยะเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการจัด
ฟันอยู่ที่ 3-5 ปี ตามแต่สภาพปัญหาฟันของแต่ละบุคคลว่ามีความ
ยากง่ายเพียงใด
- 37. ได้ปกติจะเริ่มในคนไข้อายุประมาณ 10 - 11 ปี ใช้เวลาใส่เครื่องมือ
ติดแน่นประมาณ 2 - 3ปี เครื่องมือมีทั้งติดแน่น
ใช้ยางและลวดดึงฟัน และเครื่องมือถอดได้
กรณีคนไข้อายุมากขึ้น ตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปอาจต้องใส่
เครื่องมือนานกว่าปกติ และใส่ retainer (พลาสติกยึดฟันหลังการ
รักษา) นานกว่าปกติ
อย่างไรก็ตามมักมีคาถามว่ามีการจัดฟันที่ไม่เห็นลวด หรือ
โลหะ ยางได้หรือไม่ ตอบว่า ได้ค่ะวิธีนี้จะใส่เครื่องมือซ่อนไว้ด้านหลัง
ฟัน ทาให้มองไม่เห็นเครื่องมือ ระหว่างการรักษา แน่นอน การรักษา
วิธีนี้ย่อมยากและราคาแพงกว่าปกติ
- 40. ที่มาและสาเหตุของ การจัดฟัน
• เนื่องจากการเรียงตัวของฟันแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นกับ
กรรมพันธุ์เป็นตัวกาหนดซึ่งมีผลต่อขนาด รูปร่าง และ
ความสัมพันธ์ระหว่างขากรรไกร และปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อการ
เรียงตัวของฟัน ได้แก่ขนาดของฟัน ใหญ่หรือเล็ก
• จานวนฟันที่มี อาจมีฟันขาดหายไป หรือมีฟันเกิน
• นิสัยบางอย่างที่มีผลต่อฟัน เช่น การดูดนิ้ว กัดเล็บ การกลืนโดย
เอาลิ้นดุนฟัน การหายใจ ทางปาก
• การถอนฟันน้านมก่อนเวลาที่สมควร
- 42. ข้อดีของการจัดฟัน
1. การบดเคี้ยวอาหาร การจัดฟันจะทาให้บดเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้น และย่อย
อาหารได้ดียิ่งขึ้น กระเพาะอาหารไม่ต้องทางานหนักจนเกินไป เนื่องจากการ
บดเคี้ยวเป็นขั้นแรกในการย่อยอาหาร
2. ทาให้ปัญหาต่างๆทางทันตกรรมลดลง
- ฟันซ้อนเกจะทาให้เราทาความสะอาดหรือแปรงฟันได้ยากและไม่
ทั่วถึง ส่งผลให้มีคราบอาหารและคราบจุลินทรีย์รวมทั้งหินปูนมาเกาะจับที่ตัว
ฟันอยู่ เยอะ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆก็จะเป็นสาเหตุทาให้เกิดฟันผุและโรค
เหงือกได้
- ฟันซ้อนเกจะทาให้เมื่อเราใช้ฟันในการบดเคี้ยวอาหารประจาวัน จะ
เกิดการสึกของฟันในตาแหน่งที่ไม่ควรจะเกิด ทาให้การสบฟันผิดจาก
ตาแหน่งปกติที่ควรจะเป็น จึงส่งผลให้ยิ่งนานไปยิ่งจะทาให้เกิดปัญหาต่อตัว
ฟัน เหงือกและข้อต่อขากรรไกร
3. ความสวยงาม การจัดฟันจะทาให้ฟันเรียงตัวสวยงาม เป็นการ
เสริมสร้างบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเองอีกด้วย
- 43. ข้อเสียของการจัดฟัน
• 1. ฟันผุ เหงือกอักเสบ เนื่องจากการที่เรามีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในช่องปาก จะ
ทาให้การทาความสะอาดเป็นไปได้ยาก ส่งผลให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ
ได้ง่าย ผู้ที่จัดฟันจึงควรแปรงฟันอย่างสะอาดทั่วถึงหลังจากมื้ออาหารทุกมื้อ
2. อาการแพ้สารที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือจัดฟัน บางคนแพ้สาร
พวกนิเกิลที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องมือจัดฟัน แต่พบได้น้อยมาก
3. อาการเจ็บ พบได้เกือบทุกคนที่จัดฟัน อาการเจ็บนี้มักเกิดจากการ
เคลื่อนตัวของฟัน หรือเกิดจากเครื่องมือจัดฟันไปทิ่มกับเนื้อเยื่อภายในช่อง
ปาก อาการเจ็บจะเป็นในบางช่วงของการจัดฟันเท่านั้น
4. อาการปวดข้อต่อขากรรไกร อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการจัดฟัน
เนื่องจากฟันเคลื่อนตัวไปในตาแหน่งที่ไม่เหมาะสมต่อการบดเคี้ยว
5. ฟันตายหรือรากฟันมีการละลายตัว พบได้ไม่บ่อยนักในผู้ที่มีการจัด
ฟัน อย่างไรก็ตามเราพบว่าในระหว่างการจัดฟันนั้น ฟันที่ตายไปแล้วอาจจะ
ย้อนกลับมามีชีวิตดังเดิมได้ และในคนปกติที่ไม่ได้จัดฟันรากฟันก็มีการ
ละลายตัวได้เองอยู่แล้ว
- 53. ระยะเวลาในการจัดฟัน
• ระยะเวลาของการจัดฟันจะแตกต่างกันไป ซึ้งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่าง
เช่น ลักษณะ
ของการสบของฟันเนื้อที่ของขากรรไกรว่ามากน้อยเพียงใด ชนิดของเครื่องมือที่ใช้
และการไป
ปรับเครื่องมือแต่ละเดือนตามแผนการรักษาและยังขึ้นอยู่กับอายุที่เริ่มจัดฟันด้วย
การจัดฟันใน
ผู้ใหญ่นั้นจะใช้เวลามากกว่าการจัดฟันในเด็ก และหลังการจัดเรียงฟันให้อยู่ในตาแห่ง
ที่ถูกต้องแล้ว ยังคงต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ เพื่อบังคับให้ฟันไม่
เคลื่อนที่เพื่อบังคับฟันไว้ในตาแหน่งที่ต้องการ ไปอีกระยะหนึ่ง โดยรอให้อวัยวะที่
รองรับฟัน คือ
กระดูก เหงือก และกล้ามเนื้อปรับตัวเข้ากับตาแหน่งของฟัน เพื่อช่วยป้ องกันการกลับ
คือ
ตาแหน่งเดิมของฟัน การจัดฟันจึงใช้เวลานั้น โดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี จึงแล้วเสร็จ
การจัดฟันให้ได้ผลดีนั้น ผู้จัดฟันควรให้ความร่วมมือกับคุณหมอ พยายามไปตามนัด
ให้ได้
หรือไม่ก็ เดือนละครั้งอย่าผิดนัดบ่อย เดี๋ยวการรักษาจะใช้เวลานานกว่ากาหนด
- 54. ลวดจัดฟันที่นิยมใช้ในการจัดฟันมี 2 ชนิด คือ
• 1. ลวดสแตนเลส
มีความแข็งแรง ไม่บิดงอได้ง่าย สามารถดัดขึ้นรูปได้ และมีความฝืด
ต่าในการเคลื่อนผ่าน
ช่องของเครื่องมือ(แบร็กเก็ตนั่นเอง)
2.ลวดโลหะผสม
เช่น ลวดนิเกิ้ลไทเทเนียม (Nickle Titanium NiTi) มีความนิ่ม
โค้งงอได้ และกลับคือรูป
ได้เหมือนเดิมจึงนิยมใช้ในช่วงแรกๆของการจัดฟัน ที่ฟันยังเกอยู่
มาก
- 56. • ยางจัดฟัน คือ ยางห่วงเล็กๆที่ใช้รัดแบร็กเก็ตกันลวดให้อยู่กับทีการมัดลวดเข้า
กับ
Bracket ด้วย O Ring หรือ Ligature Wire ทาให้เกิดความฝืดและการติด
(Binding) ระหว่างการเคลื่อนที่ของฟัน การใช้แรงที่เหมาะสม(Optimum
Force)
ในการเคลื่อนฟันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะแรงเสียดทานเหล่านั้นมักจะมีค่า
มากกว่าแรงที่
เหมาะสม (Optimum Force) อีกทั้งพบว่า O Ring จะสูญเสียความยืดหยุ่น
ภายใน
เวลาไม่นานหลังจากนาไปใช้ในช่องปาก การควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างลวด
และฟัน
จึงทาได้ไม่ดีนัก และโดยธรรมชาติของวัสดุที่นามาใช้ผลิต ทาให้ O Ring เป็น
แหล่ง
สะสม Plaque และแบคทีเรียจานวนมาก
- 57. รีเทนเนอร์คืออะไร
• การคงความสวยของฟันทาได้ด้วยใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ รีเทนเนอร์ (Retainer)
ฟันที่เคลื่อนไปสู่ตาแหน่งใหม่จะเลื่อนคืนได้ง่าย เมื่อถอดเครื่องมือจัดฟันใหม่ๆเพราะสภาพ
กระดูกและเหงือกหุ้มฟันต้องใช้เวลาในการปรับสภาพเข้ากับตาแหน่งใหม่ ดังนั้นหลังถอด
เครื่องมือจัดฟันใหม่ ๆควรใส่ รีเทนเนอร์ (Ratainer) ตลอดเวลา ยกเว้นเวลาทานอาหาร
หรือแปรงฟัน หรือตามทันตแพทย์แนะนา หลังจากที่เหงือกปรับสภาพกับตาแหน่งฟันใหม่
แล้ว ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันในแต่ละคน ทันตแพทย์จะแนานะวิธีค่อยๆ ลดเวลาใส่
รีเทนเนอร์ (Retainer) อย่าลดเวลาใส่เองเป็นอันขาด การใส่ รีเทนเนอร์ (Retainer) ไม่
สม่าเสมอ จะทาให้ฟันเลื่อนกลับและ รีเทนเนอร์ (Retainer) แน่นเมื่อใส่ หากฟันเลื่อนกลับ
ไปมาก จะใส่ รีเทนเนอร์ (Retainer) ไม่ลงที่ ต้องทา รีเทนเนอร์ (Retainer) ใหม่ หรือ
จัดฟันใหม่เลยก็ได้น่ะครับเมื่อใส่แรกๆ จะมีน้าลายออกมา และพูดไม่ถนัด เป็นอาการปกติ
และจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อใส่สม่าเสอม ไม่เล่น รีเทนเนอร์ (Retainer) ในปาก หรือ ดัน
รีเทนเนอร์ (Retainer) ให้หลุดด้วยลิ้นเพราะจะทาให้ รีเทนเนอร์ (Retainer) หลวม
เมื่อถอด รีเทนเนอร์ (Retainer) ออกต้องใส่ในกล่องที่เตรียมไว้ทันที ห้ามห่อด้วยกระดาษ
โดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทาหายก็ได้
- 58. • การทาความสะอาด รีเทนเนอร์ (Retainer) ใช้แปรงสีฟัน
ธรรมดาแปรงด้วยยาสีฟันเบา ๆ
หรือใช้ยาเม็ดฟู่ สาหรับทาความสะอาดฟันปลอมแช่ไว้ขณะกิน
อาหารที่บ้าน ไม่ว่าง
รีเทนเนอร์ (Retainer)ไว้ในที่ ที่มีสัตว์เลี้ยง หรือเด็กเล็กหยิบ
ถึง ถ้ารีเทนเนอร์ (Retainer)
หายหรือขารุด ต้องรีบแจ้งทันตแพทย์ทันที
- 59. ทาไมต้องใส่ รีเทนเนอร์ (Retainer) ?
• เนื่องจากภายหลังการจัดฟัน จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจนกว่า
ฟันจะปรับตัวอยู่ในตาแหน่ง
ใหม่หลังการจัดฟันซึ่ง รีเทนเนอร์ (Retainer) จะช่วยประคอง
ฟันไว้ ไม่ให้เคลื่อนจากตาแหน่ง
ที่ได้จัดฟันไว้เรียบร้อยแล้ว
- 61. • การใส่ รีเทนเนอร์ (Retainer) เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สาคัญมาก
ในการจัดฟัน เนื่องจากต้องอาศัย
ความร่วมมือจากคนไข้ในการใส่ ดังนั้น การจัดฟันถ้าจะให้ได้
ผลสาเร็จนั้น จาเป็นต้องอาศัย
ความร่วมมือจากผู้จัดฟันด้วย