More Related Content
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ
- 3. หลวงวิจิตรวาทการ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคมพุทธศักราช
2441 เจ้าของประวัติบันทึกไว้ว่า "ข้าพเจ้าเกิดบนแพ ริมแม่น้าสะแกกรัง
จังหวัดอุทัยธานี เมื่อรู้ความ เห็นบิดามารดาของข้าพเจ้ามีเรือพายม้าลา
หนึ่งแม่แจวหัว และพ่อแจวท้าย พวกข้าพเจ้าเป็นพวกมีลูกมาก แม่ของ
ข้าพเจ้ามีลูกถึง 8 คน"
- 4. แม่ของข้าพเจ้าถึงแก่กรรมตั้งแต่ตัวข้าพเจ้ายังเล็กข้าพเจ้าเริ่มลาดับความ
ต่างๆ ได้ตั้งแต่อายุ5 ขวบ จาได้ว่าพ่อเคยเขียนก. ข. ใส่กระดานชนวนไว้
ให้ในเวลากลางคืนและพอ 4 นาฬิกาก็ต้องแจวเรือไปค้าขายสองคนกับ
แม่ เวลานอนก็นอนกับย่าซึ่งเป็นคนจดจานิยายต่างๆไว้ได้มาก และเล่า
ให้ฟังเสมอจนกระทั่งเรื่องสังข์ทองเรื่องรามเกียรติ์ เรื่องอิเหนาเรื่อง
พระอภัยมณี และเรื่องขุนช้างขุนแผนเหล่านี้ อยู่ในสมองของข้าพเจ้า
หมดก่อนที่จะลงมืออ่านได้เองเมื่ออายุ 8 ขวบ ได้เข้าโรงเรียนวัดขวิด
ตาบลสะแกกรัง
- 5. มีคนพูดกันแต่เดิมว่า หลวงวิจิตรวาทการ มีเชื้อสายเป็นจีนเพราะชื่อ
"กิมเหลียง"ซึ่งเป็นชื่อเดิม ข้อนี้ตามเอกสารของหลวงวิจิตรวาทการ
ยืนยันไว้เองว่า"มีประเพณีพิเศษอยู่อย่างหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานีเวลานั้น
คือ บิดามารดามีชื่อเป็นไทยแท้ๆ แต่ลูกต้องมีชื่อเป็นจีน บิดาของข้าพเจ้า
ชื่ออิน มารดาชื่อคล้ายซึ่งเป็นเชื่อไทยแม้ๆ ข้าพเจ้าเห็นบิดาของข้าพเจ้า
บวชในบวรพุทธศาสนา ไม่เคยเห็นไหว้เจ้า และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไทย
แต่ตัวข้าพเจ้ากลับได้ชื่อเป็นจีน
- 6. ภายหลังที่ได้ทางานในกองการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศเป็นเวลา
2 ปี หลวงวิจิตรวาทการได้มีโอกาสออกไปยุโรปในตาแหน่ง
ผู้ช่วยเลขานุการสถานทูตไทยประจากรุงปารีสท่านมีส่วนได้เปรียบคน
อื่นๆ โดยที่เป็นคนรู้ภาษาไทยดีกว่าคนอื่นในสถานทูตทาให้ท่านได้
ทางานอย่างกว้างขวางจึงได้รับหน้าที่ตามเสด็จท่านราชทูตไปในการ
ประชุมหรือในงานเจรจาทุกแห่งและที่สาคัญต้องทารายงานส่งเข้ามาใน
กรุงเทพฯเป็นภาษาไทย
- 7. หลวงวิจิตรวาทการรับราชการอยู่ในสถานทูตปารีส6 ปีเต็ม กระทรวง
การต่างประเทศจึงได้สั่งย้ายท่านไปรับราชการในสถานทูตไทยที่กรุง
ลอนดอนท่านอยู่ลอนดอนได้ไม่นานก็ได้ถูกเรียกกลับมารับราชการใน
กรุงเทพฯและตาแน่งที่หลวงวิจิตรวาทการได้รับในกรุงเทพฯต่อจากนั้น
มา ได้ช่วยให้ท่านเรียนรู้งานของกระทรวงการต่างประเทศอย่างทั่วถึง
เพราะถูกโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่ไม่หยุดหย่อนในปี พ.ศ. 2475 ท่านได้
เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมการเมืองกระทรวงการต่างประเทศ
- 8. เมื่อปี พ.ศ. 2477 หลวงวิจิตรวาทการ ได้ย้ายมาเป็นอธิบดีกรมศิลปากร
เป็นคนแรกเมื่อเข้ารับตาแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรท่านได้รับความ
ยากลาบากเป็นที่สุด เพราะท่านไม่ได้เกิดมาเป็นนักศิลปะท่านเกิดใน
กระทรวงการต่างประเทศโดยไม่เคยเกี่ยวข้องกับงานศิลปากรมูลเหตุที่
ให้ท่านเข้าไปเป็นอธิบดีกรมศิลปากรนั้นก็ดูเหมือนจะมีอย่างเดียวคือใน
บรรดางานศิลปากรในเวลานั้นงานที่สาคัญที่สุดคืองานหอสมุดแห่งชาติ
ท่านชอบหนังสือชอบการค้นคว้า และแต่งหนังสืออยู่มากแล้ว
- 10. เว้นแต่งานอันหนึ่งซึ่งได้ออกกฎหมายไว้แต่ยังมิได้ลงมือทาคืองาน
ละคร และดนตรี หลวงวิจิตรวาทการจะต้องทาในฐานะงานใหม่ของท่าน
ซึ่งท่านเองก็ไม่มีวิชาความรู้ในเรื่องนี้มาก่อนเคยสนใจในเรื่องละครและ
ดนตรีมาบ้างเมื่ออยู่ยุโรปแต่ก็สนใจแต่เพียงดูเพื่อความสนุกบันเทิง
เท่านั้น เมื่อจาต้องทาด้วยตัวเอง ก็ต้องค้นคว้าเล่าเรียนเอาเองเป็นการ
เปลี่ยนชีวิตของท่านท่านถูกความจาเป็นบังคับให้กลายเป็นนักศิลปะ ซึ่ง
ไม่เคยนึกฝันมาแต่ก่อนว่าจะต้องเป็นฯลฯ
- 12. ชำตินิยม
ในระหว่างดารงตาแหน่งอธิบดีกรมศิลปากรรัฐบาลจอมพล ป. พิบูล
สงครามเริ่มปลูกฝังลัทธิชาตินิยมให้ฟุ้งเฟื่องอยู่ในหมู่ประชาชนด้วยการ
คิดคานึงกันขึ้นในบรรดาผู้เป็นคนชั้นหัวหน้าปกครองว่าลัทธิชาตินิยม
หรือลัทธิรักชาติลัทธิเว้นแต่งานอันหนึ่งซึ่งได้ออกกฎหมายไว้แต่ยังมิได้
ลงมือทาคืองานละครและดนตรี หลวงวิจิตรวาทการจะต้องทาในฐานะ
งานใหม่ของท่าน
- 14. หลวงวิจิตรวาทการได้รับมอบหมายให้มาทางาน "ปลูกต้นรักชำติ" ขึ้น
ในหัวใจประชาชน โดยการแต่งละครประวัติศาสตร์ และเพลงที่เป็นบท
ปลุกใจให้รักชาติขึ้นในระยะเวลาติดต่อกันอาทิ เช่น ละครอิง
ประวัติศาสตร์เรื่อง น่านเจ้า เลือดสุพรรณราชมนู พระเจ้ากรุง
ธน อานุภาพแห่งความรักศึกกลางเจ้าหญิงแสนหวี และอื่นๆ อีกมาก
เรื่องปลูกต้นรักชาตินี้ หลวงวิจิตรวาทการทามาไม่ลดละ ตั้งแต่ก่อน
สงครามมหาเอเชียบูรพาจนกระทั่งเสร็จสงครามและทามาจนใกล้
สิ้นชีวิต