1. 1
โครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร 6
่
ปีการศึกษา 2556
ชื่อโครงงาน amazing rain coat
ชื่อผู้ทาโครงงาน
1 น.ส.ชนารัญช์ ไชยวงค์ศรี เลขที่ 16 ชั้น 6 ห้อง 12
2 นาย พงศธร จูเรือน เลขที่ 25 ชั้น 6 ห้อง 12
ชื่ออาจารย์ทปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ี่
ชื่ออาจารย์ทปรึกษาโครงงานร่วม (ถ้ามี) ครูจินตนา ธิปัน
ี่
ระยะเวลาดาเนิ นงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้ นที่การศึ กษามัธยมศึ กษาเขต 34

2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 น.ส. ชนารัญช์ เลขที่ 16
2 นาย พงศธร จูเรื อน เลขที่ 25
คาชี้แจง ให้ ผู้เรีย นแต่ละกลุ่ม เขียนข้อ เสนอโครงงานตามหัวข้อ ต่อ ไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) เสื้ อกัน ฝนมหัศจรรย์
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) amazing rain coat
ประเภทโครงงาน โครงงานประดิ ษฐ์
ชื่อผู้ท าโครงงาน น.ส. ชนารั ญช์ ไชยวงค์ ศรี นาย พงศธร จูเรือ น
ชื่อที่ปรึก ษา ครู เขื่อ นทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึก ษาร่วม ครู จิน ตนา ธิปัน
ระยะเวลาดาเนิ นงาน ภาคเรีย นที่ 2
ที่มาและความสาคั ญของโครงงาน (อธิบายถึ งที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
เนื่องจากสภาพอากาศภายในประเทศไทยที่ค่ อนข้างแปรปรวนละมีฤ ดูฝนยาวนานถึง 6 เดือน และเป็นฤดูกาลที่
ตรงกับการเปิ ดภาคเรียนของโรงเรียนทั่วประเทศ รวมทั้ง คนทางานที่ต้อ งทางานอย่างต่อ เนื่อง ในฤดู ฝนนั้นการ
เดินทางนอกอาคารเป็นเรื่องยากลาบาก เปียกชื้นและอาจจะทาให้ไ ม่สบายด้วย
ดังนั้นจึงมีความจาเป็นที่จ ะต้อ งมีร่ ม หรืออุปกรณ์ที่ใช้ป้อ งกันฝนที่สามารถพกพาได้ส ะดวกจั ดเก็บ ง่าย ตามท้องถนน
ทั่วไปในประเทศไทยนั้น คนไทยไม่ค่อยนิย มการใช้เสื้ อกันฝนเพราะเป็นสิ่งที่จัด เก็บยาก สวมใส่ลาบาก แต่ความจริง
แล้วเสื้อกันฝนทาให้ผู้สวมใส่ทากิจกรรมต่างๆได้อย่างคล่องตั วเนื่องจากเมื่ อสวมใส่ เสื้อกัน ฝนแล้วสามารถป้อ งกันฝนได้
ตั้งแต่ศีร ษะจนถึงหั วเข่า ไม่ต้ องถือ เหมื อนร่มที่ใช้ กันทั่วไป แต่ปั ญหาของเสื้ อกันฝนทั่ว ไปก็คื อการจัดเก็บหรื อการ
พกพา จึงทาให้เ กิดการคิดริ เริ่มการจัดทาเสื้อกันฝนที่สามารถพับเป็น กระเป๋าได้เ พื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน
และการจัดเก็ บ
วัตถุประสงค์ (สิ่ง ที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้ อ)
1. เพื่อจัดทำกระเป๋ ำเสื้ อกันฝนตำมกระบวนกำรเทคโนโลยี 7 ขั้นตอนของ สสวท.
2. เพื่อกำรศึ กษำบูรนำกำรณ์ศ ำตร์ เกี่ยวกับโครงงำน
3. เพื่อพัฒนำทักษะกำรคิ ดสร้ำงสรรค์ที่ได้จำกกำรทำโครงงำนกระเป๋ ำเสื้ อ กัน

3. 3
ขอบเขตโครงงาน (คุ ณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
1 เพื่อเพิ่มประโยชน์การใช้สอยเสื้ อกัน ฝนให้มากขึ้น
2 เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพาเสื้อ กัน ฝน
3 ลดปั ญหำกำรใช้เสื้ อกันฝนนั้นเกิดจำกกำรพกพำและกำรเก็บรัก ษำที่ ยำก
หลัก การและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่ สนับสนุนการทาโครงงาน)
หน้ า ที่ใ ช้ ส อย FUNCTIO N ควรออกแบผลิ ตภัณ ฑ์ ใ ห้ มีห น้ ำ ที่ ใ ช้ส อยถู ก ต้อ งตำมเ ป้ ำห มำย เพื่ อ
สนองควำมต้อ ง กำรของผู ้อุ ปโภ คและบริ โ ภค
ความปลอดภั ย SAFETY กำรออกแบบควรคำนึ ง ถึ ง ควำมปลอดภัย ของผู ้ อุ ป โภคและ บริ โ ภ ค
ความแข็ ง แรง CONSTRUCTIO N หมำยถึ ง ควำมแข็ ง แรงของ ตัว ผลิ ตภัณ ฑ์ ควรจะเลื อ กใช้
โครงสร้ ำ งให้ เ หมำะสม ให้ มี ควำมแข็ ง แรงทน ทำน นอกจำกนี้ ต้ อ งคำนึ ง ถึ ง กำรประหยัด ด้วย
ความสะดวกสบายในการใช้ ERGONO MICS ควรคำนึ ง ถึ ง สั ดส่ วนที่ เ ห มำะสมกับ กำรใช้ง ำน
ขนำด และขี ดจำกัด ของผู ้ อุ ป โภคและ บริ โ ภ ค
ความสวยงาม AESTHETIES ควรออกแบบผลิ ตภัณ ฑ์ มี รู ป ร่ำ ง ขนำด สี สั น สวยงำมน่ำ ใช้
ชวนให้ ซื้ อ
ราคาพอสมควร COST ควรรู ้ จัก เลื อ กใช้วส ดุ ใ ห้ ถู ก ต้ อ ง กรรมวิธี ก ำรผลิ ต ที่ เ หมำะสม จะ ทำให้
ั
ได้ผ ลิ ตภัณ ฑ์ ที่ มี ร ำคำพอสมควย
การซ่ อ มแซมง่ า ย EASE OF MAINTENANCE ควรออกแบบให้ ส ำมำรถแก้ไ ขและซ่อ มแซม
ง่ำ ย ไมยุ ง ยำกเมื่ อ มีก ำรชำรุ ดเสี ย ห ำยเกิด ขึ้ น
่่
วั ส ดุ และวิ ธี ก ารผลิ ต MATERIALS AND PRODUCTION ควรเลื อ กใช้วส ดุ ใ ห้ ถู ก ต้ อ ง
ั
เหมำะสมกับงำน ปริ มำณของวัส ดุ และคุ ณ สมบัติ ด้ำ นต่ำ งๆ และเมื่ อ ทำกำรออกแบบผลิ ตภัณ ฑ์
แล้ว สำมำรถผลิ ตได้ส ะ ดวกรวดเร็ ว
การขนส่ ง TRANSPORTATION ควรคำนึ ง ถึ ง กำรประหยัด ค่ำ ขนส่ง กำรขนส่ง สะ ดวก
หรื อ ไม ่ ระยะใกล้ห รื อระยะไกล กำรขน ส่ง ทำงบก ทำงน้ ำ หรื อ ทำงอำกำศต้อ งทำกำรบรรจุ หี บ
ห่อ อย่ำ งไร

4. 4
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
ขั้นที่ 1 การกาหนดปั ญหาและความต้ องการ
สภำพอำกำศและฤดูกำลของประเทศไทยที่ ประกอบไปด้วยฤดูฝนถึง 6 เดือนซึ่งกำรทำกิจกรรมนอกอำคำร
เป็ นไปได้ลำบำก กำรกำงร่มหรื อใช้เสื้ อกันฝนทัวไปมัก มีปัญหำเรื่ องกำรพกพำหรื อ กำรเก็บรัก ษำหลัง จำกใช้งำน
่
ดังนั้นกลุ มผู ้จดทำจึง ได้คิดริ เริ่ มสร้ำงสรรค์ กำรทำกระเป๋ ำเสื้ อกันฝนนี้ ขึ้นเพื่อสนองควำมต้องกำรและกำรแก้ปัญหำ
่ ั
เกียวกับกำรพกพำอุปกรณ์ ป้องกัน ฝน
่
ขั้นที่ 2 รวบรวมข้ อ มูล เพือแสวงหาข้ อมูล วิธีการแก้ ปัญหาหรื อสนองความต้ องการ
่
กำรทำกิจกรรมนอกอำคำรในฤดูฝน ส่วนใหญ่ในประเทศไทยมัก จะเห็ นกำรใช้รมมำกกวำ่ เสื้ อกัน ฝน
่
สังเกตง่ำยๆได้จำกเพื่อนร่วมชันเรี ยนหรอว ่ำคนเดินถนนทัวไป ซึ่งเสื้ อกันฝนนั้นสำมำรถสวมใส่เพื่อป้ องกันฝนและ
้
่
ชวยให้ทำกิจกรรมต่ำงๆได้สะดวกมำกกว ่ำร่ม
่
ขั้นที่ 3 เลื อกวิธีการแก้ ปั ญหาหรือสนองความต้ องการ
ปั ญหำกำรใช้เสื้ อกันฝนนั้นเกิดจำกกำรพกพำและกำรเก็บรัก ษำที่ยำก กำรพับเก็บของเสื้ อกัน ฝนให้เป็ น
กระเป๋ ำนั้นสำมำรถแก้ปัญหำเรื่ องกำรพกพำได้คอนข้ำงดี รวมทั้งเพิ่ มประโยชน์ ใช้สอยอีก ด้วย
่

5. 5
ขันที่ 4 กำรปฏิบัติงำน
้
วิธีทา
ตัดเศษผ้ าทีมีอยู่ให้ ได้ ขนาดตวามต้ องการ(ประมาณ4x24นิ้ว)จานวนสองผืนเพือให้ ทาสายกระเป๋ า
่
่
จัดการเย็บตะเข็บด้ วยการด้ นถอยหลั ง

6. 6
หลั งจากการเย็บตะเข็บเสร็จเรียบร้ อย พลิ กกลั บด้ านเพือความเรียบร้ อยของสายกระเป๋ า
่
เมื่อสาเร็จแล้ วจะได้ สายกระเป๋ าดังภาพ
หลั งจากการเตรียมสายกระเป๋ าแล้ ว ต้ องลองพับเสื้ อกันฝนให้ ได้ รูปร่ าง เริ่มจากพักหมวกเข้ าหาส่ วนทีเ่ ป็ นตัวเสื้ อ

7. 7
และพับส่ วนข้ างล าตัวของเสื้ อกันฝนเข้ าหากันดังภาพ
จากนั้นพับทั้งสองด้ านยาวลงมาด้ านละครึ่งของความยาวทั้งหมดและประกบให้ เข้ ากัน นาส่ ยกระเป๋ ามาทาบเพือ
่
คาดคะเนส่ วนทีจะเป็ นส่ วนต่ อของสายกะเป๋ า
่

8. 8
ทาเครื่องหมายบริเวณทีจ ะประกอบสายกระเป๋ าและจัดการตัด
่
เมื่อตัดให้ เป็ นรูเรียบร้ อยแล้ วยัดสายกระเป๋ าทีเ่ ตรียมไว้ เข้ าไปแล้ วเย็บติดให้ แน่ นหนา

9. 9
เย็บให้ สายกระเป๋ าแข็งแรงแน่ นหนาเพือรองรับน้าหนักสิ่ งของทีจ ะใส่ ล งไปในกระเป๋ า
่
่
ทาให้ ครบทั้งสองฝั่ง หรือสี่ ด้านทีจ ะเป็ นสายกระเป๋ า
่

10. 10
เมื่อเย็บทั้งหมดเสร็จจะได้ สายกระเป๋ าดังภาพ

11. 11
เครื่องมื อและอุ ปกรณ์ ที่ใช้
เสื้ อกัน ฝนสำเร็ จรู ป
ตีนตุ๊ กแก
เศษผ้ำ
เข็ ม
ด้ำย
กรรไกร
ขั้นตอนและแผนดาเนิ นงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน
สัปดาห์ ที่
1
1
2
คิดหัวข้อโครงงาน
ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3
จัดทาโครงร่างงาน
4
ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5
6
ปรับปรุงทดสอบ
การทาเอกสารรายงาน
7
8
ประเมินผลงาน
นาเสนอโครงงาน
2
3
4
5
6
7
8
9
1
0
ผู้รับผิ ดชอบ
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16
/ /
/ / /
/ / /
/ / / / / /
/ / / /
/
/
/
/
/
/
/
17
ชนารัญช์
ชนารัญช์
พงศธร
ชนารัญช์
พงศธร
ชนารัญช์
พงศธร
พงศธร
ชนารัญช์
พงศธร
ชนารัญช์
ชนารัญช์
พงศธร

12. 12
ผลที่คาดว่า จะได้รั บ (ผลลัพธ์ ที่ต้อ งการให้เกิ ดขึ้นเมื่ อสิ้นสุด การทาโครงงาน)
1.สามารถนาความรู้ที่ได้จากการทาโครงงานเทคโนโลยี ไปปรับใช้ในการเรียนระดับสู งได้
2.สามารถพัฒนาทัก ษะการคิดสร้างสรรค์ นาไปสู่การพั ฒนาการสร้างสิ่งของเครื่องใช้ในเชิ งพาณิ ชย์ได้
3.ได้ทัก ษะใหม่ๆ ช่วยเพิ่ มกระบวนการคิดให้แก่ส มาชิกในกลุ่ ม เช่น ทักษะการออกแบบ ทักษะการจักการปัญหา
4. เป็นการใช้เวลาว่างให้เ กิดประโยชน์ และนาทัก ษะที่ได้ไปประยุก ต์ใช้ในการประกอบอาชี พในอนาคต
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียน ยุพ ราชวิทยาลัย
169/171 ถ. ราชดาเนิน ต. พระสิงห์ อ.เมื อง จ. เชียงใหม่
215/88 ถ.สันนาลุง ต.วั ดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อ ง
-คณิตศำสตร์ คำนวณควำมกว้ำง-ยำว เสื้ อ กันฝนและควำมกว้ำงยำวของกระเป๋ ำ
-วิศวกรรม คำนวณหำควำมไดสั ดส่วนของกระเป๋ ำและเสื้ อกันฝนเพื่อควำมสะดวกในกำรใช้งำน
-สำธำรณสุ ข ทำเสื้ อกันฝนออกมำให้คุณภำพดี มีสุขอนำมัย ใช้วสดุ ที่ไ ม ่เป็ นอัน ตรำยแก ่ผูใช้
ั
้
-วัสดุ เลือ กวัสดุ ที่ถู กต้องตำมกำรใช้งำน ไม ่เลื อกวัส ดุที่ผิดประเภท เพื่อ ป้ องกัน กำรชำรุ ดเสี ยหำย และเป็ น
อันตรำยแก ่ผูใช้ หรื อผู ้ประดิ ษฐ์
้
-สังคมศำสตร์ ในสังคมสมัยใหม ่นี้ นิ ย มแบบไหน วัสดุแ บบไหน มีฟังชันแบบไหนที่ จะต้องสนองควำม
่
ต้องกำรของคนในสังคมได้ เพื่อควำมสะดวกและทันสมัยนิ ย ม
แหล่งอ้ างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้ อมูล ต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
http://thai.alibaba.com/goods/clear-plastic-raincoat.html
http://writer.dek-d.com/jantana59/story/viewlongc.php?id=689654&chapter=16
หนังสือ การออกแบบและเทคโนโลยี ตามการศึ ก ษาขั้นพื้น ฐาน