SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
การอดออม
เงินออมหมายถึง ส่วนของรายได้ที่เหลืออยู่ หรือที่กันเอาไว้ไม่นามาใช้จ่ายในการบริโภคและอุปโภคในปัจจุบัน
โดยมีจุดประสงค์เพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในอนาคต เช่น ในยามป่วยไข้ เมื่อแก่ชราหรือลงทุน เป็นต้น
แต่หาทางทาให้เงินออมนั้นเกิดประโยชน์ อาจจะด้วยการนาไปฝากไว้กับสถาบันการเงิน
ผู้ฝากเงินจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและสถาบันการเงินที่รับฝากเงินจะนาเงินนั้นไปให้ผู้ลงทุนหรือผู้บริโ
ภคกู้ต่อไป บางครั้งจึงเรียกการนาเงินออมไปฝากสถาบันการเงินว่า เป็นการลงทุนทางอ้อม
ในบางกรณีผู้มีเงินออมอาจจะทาการลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจเองก็ได้ ในกรณีนี้ถือเป็นการลงทุนทางตรง
วัตถุประสงค์ของการออม
1. สร้างหลักประกันชีวิตในระหว่างยังทางานและความมั่นคงทางด้านการเงิน
2. เพื่อให้มีเงินไว้ใช้ในวัยชราไม่เป็นภาระต่อลูกหลานและสังคม
3. เพื่อไว้ใช้ทางด้านการศึกษาในการนามาสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและสร้างเงินในอนาคต
4.. เพื่อไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานและสังคม
5. เพื่อเป็นเงินทุนในการประกอบอาชีพหรือเปลี่ยนอาชีพ
6. เพื่อไว้ใช้จ่ายนอกเหนือจากรายจ่ายประจา
7. เพื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินและยามเจ็บป่วย
หลักการออม
ผู้บริโภคส่วนมากมีความคิดที่จะออมทรัพย์เพื่อไว้ใช้จ่ายในอนาคตแต่มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่สามารถจะ
ทาการออมทรัพย์ดังที่ตนปรารถนาได้ ฉะนั้นผู้บริโภคควรจะต้องรู้จักวิธีการออมทรัพย์ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์
ต่อตนเอง และต่อระบบเศรษฐกิจส่วนรวม ซึ่งผู้บริโภคจะต้องปฏิบัติตามหลักการออมทรัพย์ 3 ประการ ดังนี้
1. รู้จักเพิ่มพูนรายได้ ผู้บริโภคต้องมีความกระตือรือร้น ขยันขันแข็ง มานะอดทนในการประกอบอาชีพ
รู้จักหาทางเพิ่มพูนรายได้ตลอดเวลา เพราะโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว
ผู้ที่มีรายได้มากย่อมมีโอกาสออมทรัพย์ได้มากกว่าผู้ที่มีรายได้น้อย
2. รู้จักใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดและฉลาด ผู้บริโภคควรจะได้มีการวางแผนการใช้เงินและปฏิบัติตามแผนอย่า
งมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังจะต้องฝึกให้สมาชิกในครอบครัวรู้จักการใช้เงิน และประหยัดจนเป็นนิสัยและมีค
วามตั้งใจแน่วแน่ที่จะทาการออมทรัพย์ หากทาได้เช่นนี้แล้วครอบครัวก็จะมีเงินออมไว้ใช้จ่ายในอนาคตตามต้อ
งการ
3. รู้จักสงเคราะห์ผู้อื่น
หรือสังคมเท่าทีจาเป็นทั้งนี้เพราะผู้บริโภคทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนก็ควรจะมีรายได้เพื่อสังคม
บ้างตามความจาเป็น เช่น เพื่อการกุศล ได้แก่ งานศพ งานบวชนาค ช่วยผู้ประสบอุทกภัย เป็นต้น
หรือเพื่อสาธารณประโยชน์ ได้แก่ออมเงินซ่อมถนนหรือ ซอยเข้าหมู่บ้าน ออกเงินซื้อเครื่องดับเพลิง เป็นต้น
ปัจจัยที่มีผลต่อการออม
1. รายได้
เป็นปัจจัยสาคัญที่จะกาหนดขีดความสามารถในการออมทรัพย์ของผู้บริโภคโดยปกติผู้มีรายได้ย่อมมีเงินเหลือแ
ละออมได้มากกว่า ผู้ที่มีรายได้น้อย
2. ค่าใช้จ่าย
เป็นปัจจัยสาคัญอีกอันหนึ่งในการกาหนดขีดความสามารถในการออมทรัพย์ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคแต่ละคน
หรือแต่ละครอบครัวขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงิน จานวนสมาชิกในครอบครัว
สุขภาพของคนในครอบครัวโดยทั่วไปแล้ว ถ้าบุคคลหรือครอบครัวใดมีค่าใช้จ่ายมาก จะทาให้มีเงินเหลือน้อย
และออมทรัพย์ได้น้อย
3. สถาบันการลงทุน สถาบันอานวยความสะดวกแก่ผู้ออมทรัพย์มากน้อยเพียงใด หากให้บริการดี
มีความมั่นคงสูง ก็จะเป็นแรงจูงใจให้มีผู้ออมทรัพย์มากขึ้น
4. อัตราดอกเบี้ยถ้าหากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูง ก็จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง
และนาเงินมาออมทรัพย์มากขึ้น
5. โอกาสในการลงทุน ถ้ามีโอกาสมากในการลงทุนและมีผลตอบแทนดี ก็จะเป็นการจูงใจให้มีการออมมากขึ้น
6. ขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างมีอิทธิพลต่อการใช้จ่ายและการออมทรัพย์ได้มากเช่นกันขนบธรรมเนียมป
ระเพณีบางอย่างทาให้มีการใช้จ่ายเงินกันมา เช่นงานบวชนาค งานศพ
งานแต่งงานในบางท้องที่มีการแข่งขันกันมาก ต้องจัดงานเลี้ยงหลายวัน มีมหรสพ
เลี้ยงกันทั้งหมู่บ้านใช้จ่ายเงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีจนหมด บางรายถึงกับต้องเป็นหนี้เป็นสินไปอีกนาน
ประโยชน์ของการออม
1. ประโยชน์ต่อตนเอง
1.1 มีความอบอุ่นใจและไม่มีความกังวลใจเรื่องต่างๆ สามารถเตรียมพร้อมมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ทาให้มีสุขภาพจิตดี
1.2 ผู้บริโภคอาจใช้เงินซื้อสิ่งของที่มีมูลค่าสูง และมีคุณภาพดี มาใช้ตามความพอใจได้
1.3 เป็นการสร้างความมั่นคงในการดาเนินชีวิตและครอบครัว
1.4 สามารถนาเงินไปลงทุนในกิจการ เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมขึ้นได้
2. ประโยชน์ส่วนรวม
2.1 เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะสถาบันการเงินที่ผู้บริโภคเอาเงินไปฝากนั้น
จะนาไปให้พ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจกู้เพื่อเอาไปลงทุนอีกต่อหนึ่ง เมื่อผู้บริโภคออมทรัพย์มาก
ปริมาณการลงทุนก็มากด้วย
2.2 เมื่อมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ประชาชนก็มีงานทา มีรายได้มากขึ้น
มาตรฐานการดารงชีพของประชาชนจะดีขึ้น
2.3 เมื่อประชาชนมีความกินดีอยู่ดีแล้ว เศรษฐกิจและสังคมของประเทศจะดีขึ้น
2.4 ทาให้เกิดความสมดุลทางการค้า และการชาระเงินกับต่างประเทศ
เพราะสามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายต่างประเทศได้มากขึ้น และมีความจาเป็นต้อง ซื้อจากต่างประเทศน้อยลง
สถาบันการเงินเพื่อการออม
สถาบันการเงิน หมายถึง สถาบันที่ทาธุรกิจในรูปของการกู้ยืมและให้กู้ยืม
หรือเป็นสถาบันที่ทาหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้กู้และผู้ขอกู้
โดยอาศัยเครื่องมือหรือตราสารทางการเงินและรับภาระการเสี่ยงจากการให้กู้ยืมแทน
ส่วนรายได้จากสถาบันการเงินมาจากความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากผู้ขอกู้
และอัตราดอกเบี้ยซึ่งต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้กู้
สถาบันการเงินสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
1. สถาบันการเงินในระบบ เป็นสถาบันการเงินที่ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ
โดยมีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับควบคุมการดาเนินงานของสถาบันการเงินในแต่ละประเภท
2. สถาบันการเงินนอกระบบ เป็นสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
ไม่มีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับควบคุมการดาเนินงาน เช่น การกู้ยืมกันโดยตรง การเล่นแชร์
สินเชื่อทางการค้า การซื้อขายลดเช็ค เป็นต้น
สถานบันการเงินนอกระบบมีลักษณะที่แตกต่างกันไปหลายรูปแบบและยากต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล
ซึ่งในทางข้อเท็จจริงแล้วอาจไม่เรียกว่าเป็นสถาบันการเงินก็ได้ เพราะกฎหมายมิได้รับรอง
สถาบันการเงินจะแบ่งออกเป็น 2ประเภทใหญ่ดังนี้
1. ประเภทของสถาบันการเงินที่พิจารณาตามอายุของหลักทรัพย์ที่สถาบันการเงินนั้นได้ออกหรือทาการซื้อขาย
แบ่งได้เป็น 2ประเภท คือ
1.1 สถาบันการเงินในตลาดเงิน
เป็นสถาบันการเงินที่ออกหลักทรัพย์และซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอายุครบกาหนดไม่เกิน 1 ปี
ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมเงินในระยะสั้น ได้แก่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และบริษัทเงินทุนบางบริษัทที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุครบกาหนดไม่เกิน 1ปี
หรือบริษัทเงินทุนบางบริษัทที่รับซื้อลดตราสารพาณิชย์หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ ที่มีอายุครบกาหนดไม่เกิน
1 ปี เช่นตราสารพาณิชย์และตราสารของบริษัทเงินทุน การกู้เงินโดยการเบิกบัญชี บัตรเงินฝาก และตั๋วเงินคลัง
1.2 สถาบันการเงินในตลาดหุ้น เป็นสถาบันที่ออกหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอายุกาหนดมากกว่า
1 ปี ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมในระยะยาว โดยใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอายุครบกาหนดเกิน 1 ปี เป็นต้น
2.ประเภทของสถาบันการเงินที่พิจารณาตามหน้าที่และลักษณะการดาเนินกิจกรรมหลักของสถาบันการเงินภาย
ใต้กรอบของกฎหมาย แบ่งเป็น 4ประเภท
2.1 สถาบันการเงินเกี่ยวกับการรับฝากเงิน เป็นสถาบันที่ทาหน้าที่หลักในการระดมทุนส่วนใหญ่
โดยวิธีการรับฝากเงินจากประชาชนประเภทต่างๆ เช่นเงินฝากเผื่อเรียก เงินฝากสะสมทรัพย์ และเงินฝากประจา
เงินทุนที่ระดมได้อาจจะนาไปใช้ลงทุนหรือให้กู้ยืมใบขอบเขตที่กฎหมายกาหนดให้หรืออาจจะเป็นการให้กู้เพื่อ
การลงทุนในธุรกิจ ให้กู้เพื่อการบริโภค เพื่อการเคหะ หรืออาจนาไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ได้แก่
ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สหกรณ์ออมทรัพย์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
2.2 สถาบันการเงินที่มีสัญญาผูกพันกับแหล่งเงินทุน
เป็นสถาบันที่สร้างเครื่องมือทางเครดิตที่มีลักษณะเป็นสัญญาผูกพันกับเจ้าของเงินทุนหรือผู้ออม เช่น
บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันภัยอื่นๆ กองทุนบานาญ กองทุนสะสม
เงินทุนที่ระดมได้จะนาไปให้กู้หรือนาไปลงทุนในโครงการต่างๆ
ที่มีระยะเวลายาวเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงขึ้น
2.3 สถาบันการเงินที่ระดมทุนโดยการออกเครื่องมือทางการเงิน เช่นการออกหุ้นกู้ตั๋วสัญญาใช้เงิน
หรือตราสารที่มีลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนได้นาเงินมาซื้อเครื่องมือดังกล่าวเพื่อการออมทรัพย์ ได้แก่
บริษัทเงินทุนต่างๆ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ กองทุนรวม
โดยสถาบันการเงินเหล่านี้จะนาเงินไปให้กู้ยืมเพื่อการบริโภค การผลิต และนาไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ
ตามที่กฎหมายกาหนด
2.4 สถาบันการเงินที่มีหน้าที่หลักในการให้กู้
เป็นสถาบันที่ให้กู้ยืมโดยใช้เงินทุนส่วนใหญ่มาจากการเงินทุนของเจ้าของ จากการขายหุ้น
และจากการกู้ยืมทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
โรงรับจานา
สถาบันการเงินในประเทศไทย
1. ธนาคารพาณิชย์
2. บริษัทเงินทุน
3. บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
4. ธนาคารออมสิน
5. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์
7. บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
8. บรรษัทธนกิจอุตสาหกรรมขนาดย่อม
9. สหกรณ์การเกษตร
10. สหกรณ์ออมทรัพย์
11. บริษัทประกันภัย
12. โรงรับจานา
ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทสาคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
โดยมีเจ้าหน้าที่จัดการดูแลระบบการเงินของประเทศให้มีความมั่นคง
สถาบันการเงินเป็นองค์กรที่ทาทางด้านการเงินโดยส่วนใหญ่จะทาหน้าที่เป็นตัวกลางการระดมเงินออมจากกลุ่ม
หนึ่งแล้วมาปล่อยกู้ให้แก่คนอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อการบริโภค การลงทุน หรือประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรม
ปัจจัยในการเลือกสถานบันการเงินเพื่อการออม
- เป็นสถาบันการที่มีความมั่นคงและปลอดภัย
- ให้ผลตอบแทนมากและแน่นอน
- เป็นสถาบันการเงินที่มีสภาพคล่องสูง
( การหมุนเวียนของเงินที่จะนามาจ่ายคืนเงินออมรวดเร็ว )
- เกิดภาระภาษีจากผลตอบแทนของเงินออมไม่สูงเกินไป

More Related Content

More from ChalantornSatayachiti

บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้าบทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
ChalantornSatayachiti
 
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้าบทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
ChalantornSatayachiti
 
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้าโครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
ChalantornSatayachiti
 
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้าโครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
ChalantornSatayachiti
 
การลักขโมย
การลักขโมยการลักขโมย
การลักขโมย
ChalantornSatayachiti
 

More from ChalantornSatayachiti (13)

นำเสนอกิจกกรม ก#1
นำเสนอกิจกกรม ก#1นำเสนอกิจกกรม ก#1
นำเสนอกิจกกรม ก#1
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้าโครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
 
บทที่ 5-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 5-ออมวันนี้มีวันหน้าบทที่ 5-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 5-ออมวันนี้มีวันหน้า
 
บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้าบทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 4-ออมวันนี้มีวันหน้า
 
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้าบทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
บทที่ 3 ออมวันนี้มีวันหน้า
 
ออมวันนี้มีวันหน้า
ออมวันนี้มีวันหน้าออมวันนี้มีวันหน้า
ออมวันนี้มีวันหน้า
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้าโครงการออมวันนี้มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้มีวันหน้า
 
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้าโครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
โครงการออมวันนี้ มีวันหน้า
 
การลักขโมย
การลักขโมยการลักขโมย
การลักขโมย
 
It news
It newsIt news
It news
 

บทที่ 2 ออมวันนนี้มีวันหน้า

  • 1. บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง การอดออม เงินออมหมายถึง ส่วนของรายได้ที่เหลืออยู่ หรือที่กันเอาไว้ไม่นามาใช้จ่ายในการบริโภคและอุปโภคในปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในอนาคต เช่น ในยามป่วยไข้ เมื่อแก่ชราหรือลงทุน เป็นต้น แต่หาทางทาให้เงินออมนั้นเกิดประโยชน์ อาจจะด้วยการนาไปฝากไว้กับสถาบันการเงิน ผู้ฝากเงินจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและสถาบันการเงินที่รับฝากเงินจะนาเงินนั้นไปให้ผู้ลงทุนหรือผู้บริโ ภคกู้ต่อไป บางครั้งจึงเรียกการนาเงินออมไปฝากสถาบันการเงินว่า เป็นการลงทุนทางอ้อม ในบางกรณีผู้มีเงินออมอาจจะทาการลงทุนเพื่อประกอบธุรกิจเองก็ได้ ในกรณีนี้ถือเป็นการลงทุนทางตรง วัตถุประสงค์ของการออม 1. สร้างหลักประกันชีวิตในระหว่างยังทางานและความมั่นคงทางด้านการเงิน
  • 2. 2. เพื่อให้มีเงินไว้ใช้ในวัยชราไม่เป็นภาระต่อลูกหลานและสังคม 3. เพื่อไว้ใช้ทางด้านการศึกษาในการนามาสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและสร้างเงินในอนาคต 4.. เพื่อไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานและสังคม 5. เพื่อเป็นเงินทุนในการประกอบอาชีพหรือเปลี่ยนอาชีพ 6. เพื่อไว้ใช้จ่ายนอกเหนือจากรายจ่ายประจา 7. เพื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินและยามเจ็บป่วย หลักการออม ผู้บริโภคส่วนมากมีความคิดที่จะออมทรัพย์เพื่อไว้ใช้จ่ายในอนาคตแต่มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่สามารถจะ ทาการออมทรัพย์ดังที่ตนปรารถนาได้ ฉะนั้นผู้บริโภคควรจะต้องรู้จักวิธีการออมทรัพย์ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเอง และต่อระบบเศรษฐกิจส่วนรวม ซึ่งผู้บริโภคจะต้องปฏิบัติตามหลักการออมทรัพย์ 3 ประการ ดังนี้ 1. รู้จักเพิ่มพูนรายได้ ผู้บริโภคต้องมีความกระตือรือร้น ขยันขันแข็ง มานะอดทนในการประกอบอาชีพ รู้จักหาทางเพิ่มพูนรายได้ตลอดเวลา เพราะโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ผู้ที่มีรายได้มากย่อมมีโอกาสออมทรัพย์ได้มากกว่าผู้ที่มีรายได้น้อย 2. รู้จักใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดและฉลาด ผู้บริโภคควรจะได้มีการวางแผนการใช้เงินและปฏิบัติตามแผนอย่า งมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังจะต้องฝึกให้สมาชิกในครอบครัวรู้จักการใช้เงิน และประหยัดจนเป็นนิสัยและมีค วามตั้งใจแน่วแน่ที่จะทาการออมทรัพย์ หากทาได้เช่นนี้แล้วครอบครัวก็จะมีเงินออมไว้ใช้จ่ายในอนาคตตามต้อ งการ 3. รู้จักสงเคราะห์ผู้อื่น หรือสังคมเท่าทีจาเป็นทั้งนี้เพราะผู้บริโภคทุกคนต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนก็ควรจะมีรายได้เพื่อสังคม บ้างตามความจาเป็น เช่น เพื่อการกุศล ได้แก่ งานศพ งานบวชนาค ช่วยผู้ประสบอุทกภัย เป็นต้น หรือเพื่อสาธารณประโยชน์ ได้แก่ออมเงินซ่อมถนนหรือ ซอยเข้าหมู่บ้าน ออกเงินซื้อเครื่องดับเพลิง เป็นต้น ปัจจัยที่มีผลต่อการออม
  • 3. 1. รายได้ เป็นปัจจัยสาคัญที่จะกาหนดขีดความสามารถในการออมทรัพย์ของผู้บริโภคโดยปกติผู้มีรายได้ย่อมมีเงินเหลือแ ละออมได้มากกว่า ผู้ที่มีรายได้น้อย 2. ค่าใช้จ่าย เป็นปัจจัยสาคัญอีกอันหนึ่งในการกาหนดขีดความสามารถในการออมทรัพย์ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคแต่ละคน หรือแต่ละครอบครัวขึ้นอยู่กับนิสัยการใช้เงิน จานวนสมาชิกในครอบครัว สุขภาพของคนในครอบครัวโดยทั่วไปแล้ว ถ้าบุคคลหรือครอบครัวใดมีค่าใช้จ่ายมาก จะทาให้มีเงินเหลือน้อย และออมทรัพย์ได้น้อย 3. สถาบันการลงทุน สถาบันอานวยความสะดวกแก่ผู้ออมทรัพย์มากน้อยเพียงใด หากให้บริการดี มีความมั่นคงสูง ก็จะเป็นแรงจูงใจให้มีผู้ออมทรัพย์มากขึ้น 4. อัตราดอกเบี้ยถ้าหากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูง ก็จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง และนาเงินมาออมทรัพย์มากขึ้น 5. โอกาสในการลงทุน ถ้ามีโอกาสมากในการลงทุนและมีผลตอบแทนดี ก็จะเป็นการจูงใจให้มีการออมมากขึ้น 6. ขนบธรรมเนียมประเพณีบางอย่างมีอิทธิพลต่อการใช้จ่ายและการออมทรัพย์ได้มากเช่นกันขนบธรรมเนียมป ระเพณีบางอย่างทาให้มีการใช้จ่ายเงินกันมา เช่นงานบวชนาค งานศพ งานแต่งงานในบางท้องที่มีการแข่งขันกันมาก ต้องจัดงานเลี้ยงหลายวัน มีมหรสพ เลี้ยงกันทั้งหมู่บ้านใช้จ่ายเงินที่เก็บหอมรอมริบมาหลายปีจนหมด บางรายถึงกับต้องเป็นหนี้เป็นสินไปอีกนาน ประโยชน์ของการออม 1. ประโยชน์ต่อตนเอง 1.1 มีความอบอุ่นใจและไม่มีความกังวลใจเรื่องต่างๆ สามารถเตรียมพร้อมมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทาให้มีสุขภาพจิตดี 1.2 ผู้บริโภคอาจใช้เงินซื้อสิ่งของที่มีมูลค่าสูง และมีคุณภาพดี มาใช้ตามความพอใจได้ 1.3 เป็นการสร้างความมั่นคงในการดาเนินชีวิตและครอบครัว
  • 4. 1.4 สามารถนาเงินไปลงทุนในกิจการ เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมขึ้นได้ 2. ประโยชน์ส่วนรวม 2.1 เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะสถาบันการเงินที่ผู้บริโภคเอาเงินไปฝากนั้น จะนาไปให้พ่อค้าแม่ค้าและนักธุรกิจกู้เพื่อเอาไปลงทุนอีกต่อหนึ่ง เมื่อผู้บริโภคออมทรัพย์มาก ปริมาณการลงทุนก็มากด้วย 2.2 เมื่อมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ประชาชนก็มีงานทา มีรายได้มากขึ้น มาตรฐานการดารงชีพของประชาชนจะดีขึ้น 2.3 เมื่อประชาชนมีความกินดีอยู่ดีแล้ว เศรษฐกิจและสังคมของประเทศจะดีขึ้น 2.4 ทาให้เกิดความสมดุลทางการค้า และการชาระเงินกับต่างประเทศ เพราะสามารถผลิตสินค้าเพื่อส่งไปขายต่างประเทศได้มากขึ้น และมีความจาเป็นต้อง ซื้อจากต่างประเทศน้อยลง สถาบันการเงินเพื่อการออม สถาบันการเงิน หมายถึง สถาบันที่ทาธุรกิจในรูปของการกู้ยืมและให้กู้ยืม หรือเป็นสถาบันที่ทาหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้กู้และผู้ขอกู้ โดยอาศัยเครื่องมือหรือตราสารทางการเงินและรับภาระการเสี่ยงจากการให้กู้ยืมแทน ส่วนรายได้จากสถาบันการเงินมาจากความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากผู้ขอกู้ และอัตราดอกเบี้ยซึ่งต้องจ่ายให้แก่ผู้ให้กู้ สถาบันการเงินสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1. สถาบันการเงินในระบบ เป็นสถาบันการเงินที่ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับควบคุมการดาเนินงานของสถาบันการเงินในแต่ละประเภท 2. สถาบันการเงินนอกระบบ เป็นสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ไม่มีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับควบคุมการดาเนินงาน เช่น การกู้ยืมกันโดยตรง การเล่นแชร์ สินเชื่อทางการค้า การซื้อขายลดเช็ค เป็นต้น สถานบันการเงินนอกระบบมีลักษณะที่แตกต่างกันไปหลายรูปแบบและยากต่อการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งในทางข้อเท็จจริงแล้วอาจไม่เรียกว่าเป็นสถาบันการเงินก็ได้ เพราะกฎหมายมิได้รับรอง
  • 5. สถาบันการเงินจะแบ่งออกเป็น 2ประเภทใหญ่ดังนี้ 1. ประเภทของสถาบันการเงินที่พิจารณาตามอายุของหลักทรัพย์ที่สถาบันการเงินนั้นได้ออกหรือทาการซื้อขาย แบ่งได้เป็น 2ประเภท คือ 1.1 สถาบันการเงินในตลาดเงิน เป็นสถาบันการเงินที่ออกหลักทรัพย์และซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอายุครบกาหนดไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมเงินในระยะสั้น ได้แก่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทเงินทุนบางบริษัทที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุครบกาหนดไม่เกิน 1ปี หรือบริษัทเงินทุนบางบริษัทที่รับซื้อลดตราสารพาณิชย์หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ ที่มีอายุครบกาหนดไม่เกิน 1 ปี เช่นตราสารพาณิชย์และตราสารของบริษัทเงินทุน การกู้เงินโดยการเบิกบัญชี บัตรเงินฝาก และตั๋วเงินคลัง 1.2 สถาบันการเงินในตลาดหุ้น เป็นสถาบันที่ออกหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอายุกาหนดมากกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมในระยะยาว โดยใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีอายุครบกาหนดเกิน 1 ปี เป็นต้น 2.ประเภทของสถาบันการเงินที่พิจารณาตามหน้าที่และลักษณะการดาเนินกิจกรรมหลักของสถาบันการเงินภาย ใต้กรอบของกฎหมาย แบ่งเป็น 4ประเภท 2.1 สถาบันการเงินเกี่ยวกับการรับฝากเงิน เป็นสถาบันที่ทาหน้าที่หลักในการระดมทุนส่วนใหญ่ โดยวิธีการรับฝากเงินจากประชาชนประเภทต่างๆ เช่นเงินฝากเผื่อเรียก เงินฝากสะสมทรัพย์ และเงินฝากประจา เงินทุนที่ระดมได้อาจจะนาไปใช้ลงทุนหรือให้กู้ยืมใบขอบเขตที่กฎหมายกาหนดให้หรืออาจจะเป็นการให้กู้เพื่อ การลงทุนในธุรกิจ ให้กู้เพื่อการบริโภค เพื่อการเคหะ หรืออาจนาไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สหกรณ์ออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 2.2 สถาบันการเงินที่มีสัญญาผูกพันกับแหล่งเงินทุน เป็นสถาบันที่สร้างเครื่องมือทางเครดิตที่มีลักษณะเป็นสัญญาผูกพันกับเจ้าของเงินทุนหรือผู้ออม เช่น บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันภัยอื่นๆ กองทุนบานาญ กองทุนสะสม เงินทุนที่ระดมได้จะนาไปให้กู้หรือนาไปลงทุนในโครงการต่างๆ ที่มีระยะเวลายาวเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนสูงขึ้น 2.3 สถาบันการเงินที่ระดมทุนโดยการออกเครื่องมือทางการเงิน เช่นการออกหุ้นกู้ตั๋วสัญญาใช้เงิน
  • 6. หรือตราสารที่มีลักษณะเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนได้นาเงินมาซื้อเครื่องมือดังกล่าวเพื่อการออมทรัพย์ ได้แก่ บริษัทเงินทุนต่างๆ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ กองทุนรวม โดยสถาบันการเงินเหล่านี้จะนาเงินไปให้กู้ยืมเพื่อการบริโภค การผลิต และนาไปลงทุนในหลักทรัพย์อื่นๆ ตามที่กฎหมายกาหนด 2.4 สถาบันการเงินที่มีหน้าที่หลักในการให้กู้ เป็นสถาบันที่ให้กู้ยืมโดยใช้เงินทุนส่วนใหญ่มาจากการเงินทุนของเจ้าของ จากการขายหุ้น และจากการกู้ยืมทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ได้แก่บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โรงรับจานา สถาบันการเงินในประเทศไทย 1. ธนาคารพาณิชย์ 2. บริษัทเงินทุน 3. บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 6. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 7. บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 8. บรรษัทธนกิจอุตสาหกรรมขนาดย่อม 9. สหกรณ์การเกษตร 10. สหกรณ์ออมทรัพย์ 11. บริษัทประกันภัย 12. โรงรับจานา ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทสาคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่จัดการดูแลระบบการเงินของประเทศให้มีความมั่นคง สถาบันการเงินเป็นองค์กรที่ทาทางด้านการเงินโดยส่วนใหญ่จะทาหน้าที่เป็นตัวกลางการระดมเงินออมจากกลุ่ม หนึ่งแล้วมาปล่อยกู้ให้แก่คนอีกกลุ่มหนึ่งเพื่อการบริโภค การลงทุน หรือประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรม
  • 7. ปัจจัยในการเลือกสถานบันการเงินเพื่อการออม - เป็นสถาบันการที่มีความมั่นคงและปลอดภัย - ให้ผลตอบแทนมากและแน่นอน - เป็นสถาบันการเงินที่มีสภาพคล่องสูง ( การหมุนเวียนของเงินที่จะนามาจ่ายคืนเงินออมรวดเร็ว ) - เกิดภาระภาษีจากผลตอบแทนของเงินออมไม่สูงเกินไป