More Related Content More from วาสนา ใจสุยะ (7) Lan 014. การสื่อสารข้อมูล (Data Communication)
• คือ การรับ-ส่ง โดยการย้าย หรือ แลกเปลี่ยนข้อมูล และสารสนเทศ
ระหว่างอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ผ่านสื่อนาข้อมูล
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network)
คือ การนาเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่อง
ขึ้นไปมาเชื่อมต่อ เพื่อใช้ในการสื่อสารข้อมูล
5. องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
• ผู้ส่งข้อมูล (Sender)
• ผู้รับข้อมูล (Receiver)
• ข้อมูล (Data)
• สื่อนาข้อมูล (Media) คือ ตัวกลางในการนาส่งข้อมูล เช่น สาย, อากาศ
• โปรโตคอล (Protocol) คือ กฎหรือวิธีที่กาหนดขึ้นเพื่อการสื่อสารข้อมูล
7. ชนิดของสัญญาณข้อมูล
• สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal) เป็น
สัญญาณแบบต่อเนื่อง ที่มีลักษณะเป็นคลื่น
ไซน์(Sine Wave) โดยหน่วยวัดสัญญาณแบบ
นี้คือ เฮิรตซ์(Hertz)
• สัญญาณดิจิตอล (Digital Signal) คือ
สัญญาณที่ไม่ต่อเนื่อง โดยรูปแบบของสัญญาณ
มีความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ปะติดปะต่อกัน อัตรา
การส่งข้อมูลมีหน่วยเป็น bps หรือ Bit Per
Second
8. ชนิดของสัญญาณข้อมูล
• มาจากคาว่า Modulation Demodulation
• เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก เรียกว่า
Modulation
• และ แปลงสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล โดยเรียกขั้นตอนนี้ว่า
Demodulation
• เนื่องจากสายโทรศัพท์ออกแบบมาเพื่อส่งสัญญาณอนาล็อก แต่คอมพิวเตอร์ส่ง
ข้อมูลออกเป็นดิจิตอล จึงต้องอาศัย MODEM ในการแปลงข้อมูล
• อัตราความเร็วในการส่งข้อมูลของ MODEM วัดเป็น บิตต่อวินาที(Bit Per
Second : bps)
10. ประเภทของ Modem
• โมเด็มแบบภายนอก(External Modem) ถูกติดตั้งภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยเชื่อมต่อผ่านทางพอร์ตอนุกรม (Serial Port)
• โมเด็มแบบภายใน (Internal Modem) มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบอยู่ภายใน
เครื่องคอมพิวเตอร์
• โมเด็มแบบไร้สาย (Wireless Modem) ใช้ความถี่เป็นพาหะในการนาส่งข้อมูล
โดยไม่ใช้สายโทรศัพท์
11. การเชือมต่อสายสื่อสาร
่
• การเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด (Point-
to-Point) จะเป็นการเชื่อมต่อกัน
ระหว่างอุปกรณ์สื่อสาร 2 ตัวเท่านั้น
• การเชื่อมต่อแบบหลายจุด
(Multipoint) เป็นการเชื่อมต่อที่มี
อุปกรณ์สื่อสารมากกว่า 2 ตัว แบ่ง
กันใช้สื่อส่งข้อมูลเดียวกัน
12. วิธีการส่งผ่านข้อมูล (Data Transmission )
• การสื่อสารแบบอนุกรม (Serial Data
Transmission) เป็นการส่งข้อมูลครั้งละ
1 บิตไปบนสายสื่อสาร
• การสื่อสารแบบขนาน (Parallel Data
Transmission) เป็นการส่งข้อมูลครั้งละ
หลาย ๆ บิตขนานกันไปบนสื่อนา
สัญญาณที่มีอยู่กลายช่องสัญญาณ
13. ทิศทางการส่งข้อมูล ( Transmission Mode)
• การส่งข้อมูลแบบทิศทางเดียว (Simplex Transmission)
• การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางสลับกัน (Half-Duplex Transmission)
• การส่งข้อมูลแบบสองทิศทางพร้อมกัน (Full-Duplex Transmission)
14. ตัวกลางการสื่อสาร ( Communication Media
• แบบมีสาย (Wired Media)
– สายคู่บิดเกลียว (Twisted-Pair Cable)
– สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
– สายใยแก้วนาแสง (Optical Fiber Cable)
• แบบไร้สาย (Wireless Media)
– สัญญาณวิทยุ (Radio Wave)
– ไมโครเวฟภาคพื้นดิน (Terrestrial Microwave)
– การสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite Communication)
18. ตัวกลางการสื่อสาร (Communication Media )
• สัญญาณวิทยุ (Radio Wave) เป็นสื่อนาข้อมูลแบบไร้สาย ที่มีการส่งข้อมูลเป็น
สัญญาณคลื่นวิทยุไปในอากาศ ไปยังตัวรับสัญญาณ จึงทาให้ถูกสภาพแวดล้อม
รบกวนข้อมูลได้ในช่วงที่สภาพอากาศไม่ดี แต่การส่งข้อมูลด้วยวิธีนี้จะช่วยส่งข้อมูล
ระยะไกล หรือ ในสภาพภูมิประเทศที่ไม่อานวยในการใช้สายส่งข้อมูล
21. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร
– การเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในการโอนถ่ายข้อมูลและสามารถสื่อสารระหว่างกัน
ได้
อินเตอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลในด้าน
ต่างๆ และมีการให้บริการในหลายรูปแบบ เช่น ไปรษณีย์อิเล็คโทรนิค (E-
mail), การสนทนาทางเครือข่าย (MSN, ICQ), เว็บ, การโอนถ่ายแฟ้มข้อมูล
(FTP), การเล่นเกมส์ออนไลน์ (Ragnarok) , การเข้าชมเว็บไซต์ (Web)
26. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• ความแตกต่างระหว่าง Hub และ Switch
– Hub จะส่งข้อมูลที่เข้ามาไปยังทุกๆ พอร์ตของ Hub ยกเว้นพอร์ตที่ข้อมูลดังกล่าว
เข้ามายัง Hub ในขณะที่ Switch จะทาการเรียนรู้อุปกรณ์ที่ต่อกับพอร์ตต่างๆ ทา
ให้ Switch ส่งข้อมูลไปยังพอร์ตที่มีเครื่องปลายทางอยู่เท่านั้น ไม่ส่งไปทุกๆ
พอร์ตเหมือนกับ Hub ซึ่งส่งผลให้ปริมาณข้อมูลภายในระบบเครือข่ายไม่มากเกิน
ความจาเป็น
– Hub เป็นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมูล (Repeater) เท่านั้น ในขณะที่ Switch
จะมีการทางานที่ซบซ้อนกว่า, มีการเรียนรู้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การตัดสินใจส่ง
ั
ข้อมูลออกไปพอร์ตใด
29. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• ไฟสถานะของEthernet Card
– LINK ถ้าสว่างแสดงว่า มีการเสียบ
สายแลนเข้ากับการ์ด และสามารถใช้
งานได้
10 ถ้าสว่างแสดงว่า อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อด้วยความเร็ว 10 MB/s เช่นเดียวกับไฟ 100
ถ้าสว่างแสดงว่าเชื่อมด้วยความเร็ว 100 MB/s
ACT (Activity) ถ้ากระพริบแสดงว่ามีการส่งข้อมูลเข้า-ออกการ์ด (เนื่องมาจาก
กิจกรรมการใช้เครือข่ายต่างๆ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ต, การแชร์ไฟล์ ฯลฯ ถ้ามีการส่ง
ข้อมูลจานวนมากจะเปลี่ยนจากกระพริบมาเป็นสว่างค้างตลอดเวลา
33. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• สาย UTP (Unshielded Twisted Pair)
• ใช้ในการเชื่อมระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์
และ Ethernet Switch หรือ Hub
• Bandwidth 10/100/1000 Mbps
• ความเร็วในการเชื่อมต่อขึ้นอยู่กับการเข้า
หัวสาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ
•ระยะทางในการเชื่อมต่อ < 100m
37. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• สาย UTP มี 2 แบบ ตามการเข้าหัว RJ-45 ดังนี้
– สายตรง (UTP Straight Cable) เป็นสายที่ใช้ทั่วไป และพบมาก โดยใช้ในการเชื่อม
เครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับอุปกรณ์เครือข่ายจาพวก Hub และ Switch โดยการเข้าหัวทั้ง
2 ปลายจะเป็นแบบเดียวกัน (A หรือ B ก็ได้)
– สายครอส (UTP Cross-over Cable) ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2
เครื่องโดยตรง ไม่ผ่านอุปกรณ์ประเภท Hub และ Switch นอกจากนียังใช้เชื่อมระหว่าง
้
เครื่องคอมพิวเตอร์ และ Router (ซึ่งถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์อีกรูปแบบหนึ่ง) โดยการ
เข้าหัวที่ปลายทั้ง 2 จะไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ปลายข้างหนึ่งเข้าหัวแบบ A อีกปลาย
จะเข้าหัวแบบ B
47. ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์
• รูปแบบการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย
Duplex หมายความถึง ความสามารถรับและส่งข้อมูลด้วยอุปกรณ์ชิ้นเดียวกัน
ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ
– Half Duplex จะรับและส่งข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถทาพร้อมกันได้ กล่าวคือ ถ้าฝ่ายหนึ่งส่ง
ข้อมูล อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายรับ ไม่สามารถส่งได้จนกว่าอีกฝ่ายจะเลิกส่งข้อมูล และ
เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรับ เหมือนการใช้วิทยุสื่อสาร ได้แก่ Ethernet ประเภท 10BaseT
(10Mbps) เป็นต้น
– Full Duplex สามารถรับและส่งข้อมูลไปพร้อมๆ กันได้ เหมือนกันการพูดคุยผ่านโทรศัพท์
ได้แก่ Fast Ethernet (100Mbps) หรือ Gigabit Ethernet (1000Mbps) เป็นต้น
50. ประเภทของระบบเครือข่าย
LAN (Local Area Network)
• การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายที่เครืองคอมพิวเตอร์อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน เช่น การ
่
เชื่อมต่อในตึกเดียวกัน การเชื่อมต่อในมหาวิทยาลัย การเชื่อมต่อในหน่วยงาน
ต่างๆ โดยการเชือมต่อสามารถผ่านระบบ Ethernet, Fast Ethernet, FDDI,
่
Token Ring
51. ประเภทของระบบเครือข่าย
WAN (Wide Area Network)
• การเชื่อมต่อ Lan เข้าด้วยกันในกรณีทระยะทางในการเชื่อมต่อระหว่างวง Lan ทั้ง
ี่
สองห่างกันมาก โดยการเชื่อมต่อสามารถทาได้โดยการใช้ ATM, DSL, ISDN
อื่นๆ แต่การเชื่อมต่อจะมีความเร็วในการเชื่อมต่อต่ากว่าการเชื่อมต่อแบบ Lan
55. เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อเครือข่าย
• รูปแบบการเชือมต่อแบบ Ethernet
่
ชนิด ระยะทางสู งสุ ด ชนิดของสาย ความเร็ว
10BaseT 100 m UTP 10 Mbps
100BaseTX 100 m UTP 100 Mbps
100BaseFX 400 m (half duplex) Fiber Optic 100 Mbps
2000 m (full duplex)
1000BaseSX 220 m Fiber Optic 1000 Mbps
(MMF)
1000BaseLX 3-10 Km Fiber Optic 1000 Mbps
(SMF)
59. เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อเครือข่าย
• วิธการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย
ี
– การเชื่อมต่อแบบแอดฮอค (Ad-Hoc) คือ การเชื่อมต่อระหว่าง
อุปกรณ์สองตัวขึ้นไปโดยไม่จาเป็นต้องใช้ Access Point
64. ระบบเครือข่ายรูปแบบ Mesh
– ข้อดี
• ในกรณีสายเคเบิ้ลบางสายชารุด เครือข่ายทั้งหมดยังสามารถใช้ได้ ทาให้
ระบบมีเสถียรภาพสูง นิยมใช้กับเครือข่ายที่ต้องการเสถียรภาพสูง และ
เครือข่ายที่มีความสาคัญ
– ข้อเสีย
• สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบอื่นๆ
• ยากต่อการติดตั้ง เดินสาย เคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน และบารุงรักษาระบบ
เครือข่าย
66. ระบบเครือข่ายรูปแบบ Bus
– ข้อดี
• ง่ายต่อการนาอุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครือข่าย
• ใช้สายเคเบิลน้อยกว่าการต่อแบบ Star
– ข้อเสีย
• ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถใช้การได้ ถ้าสายหลักชารุด
• จาเป็นต้องมี Terminator ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของสายหลัก เพื่อป้องกัน
สัญญาณสะท้อนกลับไปมาภายในสาย
• ค้นหาจุดที่เกิดปัญหาได้ยาก ถ้าระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้
68. ระบบเครือข่ายรูปแบบ Mesh
– ข้อดี
• ง่ายต่อการต่ออุปกรณ์และการเดินสาย
• สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ หรือถอดอุปกรณ์ออกได้ง่าย และไม่รบกวนส่วนอื่น
• ง่ายต่อการตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา และการแยกอุปกรณ์บางส่วนออกจากระบบ
– ข้อเสีย
• เปลืองสายเคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบ Bus
• ถ้า hub หรือ switch ที่เชื่อมอยู่ตรงกลางมีปัญหา จะทาให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดมี
ปัญหาไปด้วย
• ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการต่อแบบ Bus เนื่องจากจาเป็นต้องมี Hub หรือ Switch เชื่อมตรง
กลาง
70. ระบบเครือข่ายรูปแบบ Star
– ข้อดี
• ในแต่ละส่วนย่อยๆ จะต่อถึงกันแบบ Star ทาได้รับข้อดีของการต่อแบบ
Star มาด้วย
– ข้อเสีย
• ระยะทางในแต่ละส่วนย่อยๆ จะถูกจากัดโดยชนิดของสาย
• ถ้าสายหลักหรือ Hub ตัวกลางหลักเสีย ระบบเครือข่ายทั้งหมดจะไม่สามารถ
ใช้การได้
• ยากต่อการติดตั้งและเดินสาย
72. ระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
– ข้อดีของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
• การเพิ่มเติมขนาดของระบบเครือข่าย ส่งผลต่อประสิทธิภาพไม่มาก
• ลดจานวนตัวรับและส่งสัญญาณลงครึ่งนึง (ในกรณี Ring ทางเดียว)
• ทุกๆ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อจะช่วยขยายสัญญาณ ทาให้สามารถต่อเป็นวงใหญ่ได้
– ข้อเสียของระบบเครือข่ายรูปแบบ Ring
• ประสิทธิภาพต่ากว่าแบบอื่น เนืองจากต้องผ่านอุปกรณ์หลายตัว
่
• ถ้าอุปกรณ์บางตัวหรือสายเคเบิ้ลชารุด จะทาให้เครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถใช้
การได้ (ในกรณี Ring ทางเดียว)