More Related Content
Similar to กลุ่ม5 305 (20)
กลุ่ม5 305
- 3. หลอดไฟ หลอดไฟถือเป็นอุปกรณ์หลักในการให้แสงสว่าง หลอดไฟจะมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน 1. หลอดอินแคนเดสเซนต์ หรือเรียกอีกอย่างว่าหลอดแบบมีไส้ หลอดชนิดนี้จะกินไฟมาก มีอายุการใช้งานที่สั้น โดยเฉลี่ยประมาณ 750 ชมต่อ 1 หลอด มีทำงานโดยการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ขดลวด ( ที่เป็นไส้หลอด ) เพื่อให้เกิดความร้อน แล้วเปล่งแสงสีเหลืองออกมา
- 4. 2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ มีโดยมีอายุการใช้งานประมาณ 8,000 ชม . ซึ่งสูงกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์ แต่มีราคาที่แพงกว่า มีอายุการใช้งานเฉลี่ยยาวกว่า และให้แสงสว่างมากกว่าหลอดแบบไส้อีกด้วย 1. หลอดฟลูออเรสเซนต์ 20 W 2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ 18 W 3. รูปเปรียบเทียบหลอดฟลูออเรสเซนต์ 18 W และ 20 W
- 5. 3. หลอดฮาโลเจน เหมาะกับการใช้ไฟส่องที่โต๊ะทำงาน ปฏิมากรรมหรือภาพเขียนประดับผนังเพื่อทำให้งานดูโดดเด่นขึ้น ซึ่งให้ความสว่างมากกว่าหลอดแบบอินแคนเดสเซนต์เมื่อแทบในกำลังวัตต์ที่เท่ากัน ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่าแต่ก็มีราคาสูงกว่า มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่มีความสวยงามกว่าเพราะจะให้แสงที่มีสีขาวนวล
- 7. 2. ฟิวส์หลอด มีลักษณะเป็นหลอดกระจกใส จะทำงานเมื่อเกิดการช็อตขึ้น จะทำให้เกิดประกายไฟ ภายในหลอดจะบรรจุสารเคมี เพื่อป้องกันการสปาร์ค ฟิวส์หลอดจะดีกว่าฟิวส์เส้น
- 8. 3. ปลั๊กฟิวส์ มีลักษณะคล้ายหลอดไส้แบบเกลียว ติดตั้งโดยหมุนเกลียวเข้าไปในสะพานไฟ มีลักษณะการทำงานเหมือนฟิวส์หลอด แต่จะไม่เกิดประกายไฟเวลาเกิดไฟชอตขึ้น
- 9. สะพานไฟหรือ คัทเอาท์ อุปกรณ์ชนิดนี้เหมือนกับเป็นสวิตช์ใหญ่ประจำบ้าน เพราะเป็นตัวควบคุมการเปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน เราสามารถใช้สะพานไฟควบคุมวงจรไฟฟ้าในแต่ละส่วนของบ้านได้ ปัจจุบันสะพานไฟจะเป็นตัวตัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจรไฟฟ้า ในกรณีที่เกิดการใช้งานเกินกำลัง เพราภายในจะมีฟิวส์เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในพื้นที่ควบคุมของมันไม่ชำรุดเสียหายอีกด้วย
- 10. เต้ารับและเต้าเสียบ อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด จะมีเต้าเสียบอยู่กับตัวเพื่อเวลาที่เราจะใช้งานจะต้องนำไปเสียบเข้ากับเต้ารับ ที่อยู่ตามผนังภายในบ้านของเรา อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด มีทั้งเต้าเสียบและสวิตช์ไฟเพื่อควบคุมการใช้งาน เช่น พัดลม โคมไฟ โทรทัศน์ ทำให้เราสามารถเปิดปิดการใช้งานได้ง่าย แต่ที่สำคัญคือควรจะดึงเต้าเสียบออกเมื่อเลิกใช้งานแล้ว เพื่อไม่ให้กระแสไฟไหลเข้ามาและยัง เป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วยข้อสำคัญอีกข้อก็คือ เราไม่ควรจะเสียบเต้าเสียบหลาย ๆ อันเข้ากับเต้ารับอันเดียวกัน เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูง ทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต จากการใช้ไฟเกินได้ ดังนั้นในบ้านของเราจะต้องมีเต้ารับหลาย ๆ จุด ตามตำแหน่งที่เราจะต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้ใช้งาน และควรติดให้อยู่สูงจากพื้นเพื่อกันน้ำท่วม และ ให้พ้นจากมือเด็กด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านท่านนั่นเอง
- 11. วงจรไฟฟ้าในบ้าน วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบขนาน ซึ่งเป็นการต่อวงจรทำให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอยู่คนละวงจร ซึ่งถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเกิดขัดข้องเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดียวกัน ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับมีความต่างศักย์ 220 โวลต์ การส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าบ้านจะใช้สายไฟ 2 เส้น คือ 1 . สายกลาง หรือสาย N มีศักย์ไฟฟ้าเป็นศูนย์ 2 . สายไฟ หรือสาย L มีศักย์ไฟฟ้าเป็น 220 โวลต์
- 12. โดยปกติสาย L และสาย N ที่ต่อเข้าบ้านจะต่อเข้ากับแผงควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นทีควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านอย่างมีระบบ บนแผงควบคุมไฟฟ้ามักจะประกอบด้วย ฟิวส์รวม สะพานไฟรวม และสะพานไฟย่อย โดยสะพานไฟย่อยมีไว้เพื่อแยกและควบคุมการส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังวงจรไฟฟ้าย่อยตามส่วนต่างๆ ของบ้านเรือน เช่น วงจรชั้งล่าง วงจรชั้นบน วงจรในครัว เป็นต้น รูปแสดงตัวอย่างวงจรไฟฟ้าในบ้าน
- 14. 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน .......... วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ .......... การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ 1 รูปแบบของวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดินของกระแสไฟฟ้าที่จะไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรที่เป็นตัวนำ การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ
- 15. 1.1 การต่อความต้านทานแบบอันดับ หรือแบบอนุกรม เป็นการต่อความต้านทานเรียงกันไปตามลำดับ โดยที่ปลายสายของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ( หลอด ) ของตัวที่หนึ่งต่อกับต้นสายของ ความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ( หลอด ) ของตัวที่สอง และอีกปลายหนึ่งของความต้านทานหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าตัวที่สองต่อกับต้นสายของความต้านทาน หรือ อุปกรณ์ตัวที่สามเรียงต่อกันไปอย่างนี้จนครบวงจร คุณสมบัติของวงจรแบบอันดับหรืออนุกรม 1 . กระแสไฟฟ้าไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน 2 . แรงดันกระแสไฟฟ้าของวงจรทั้งหมดเท่ากัน แรงดันกระแสไฟฟ้าตกคร่อมของแต่ละความต้านทานรวมกัน
- 16. 1.2 การต่อความต้านทานแบบขนาน การต่อความต้านทานแบบขนาน เป็นการต่อสายของความต้านทานแต่ละตัวไว้ที่เดียวกัน และปลายสายอีกด้านหนึ่งต่อร่วมกันไว้ที่เดียวกัน คุณสมบัติของการต่อวงจรแบบขนาน 1 . ความต้านทานแต่ละตัวได้รับแรงดันกระแสไฟฟ้าเท่ากัน 2 . กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านความต้านทานแต่ละตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้านทานนั้น ๆ คือ ถ้ามีความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้น้อย ถ้ามีความต้านทานน้อยกระแสไฟฟ้าจะไหลได้มาก 3 . ผลรวมของกระแสไฟฟ้าที่แยกไหลผ่านแต่ละความต้าน เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับกระแสไฟฟ้าของวงจร 4 . ความต่างศักย์ไฟฟ้าบนความต้านทานแต่ละเส้น จะมีค่าเท่ากัน และเท่ากับความต่างศักย์ไฟฟ้ารวมทั้งว งจร
- 17. 1.3 การต่อความต้านทานแบบผสม เป็นการต่อความต้านทานที่มีทั้ง 2 แบบในวงจรเดียวกัน