2. กลไกของ Creative Common License ก็คือการแบ่งสิทธิออกเป็นข้อๆ และให้เจ้าของงานเลือกได้ว่าจะคุ้มครองสิทธิ์แต่ละข้ออย่างไร ช่วยให้เจ้าของงานสามารถเผยแพร่งานได้สะดวกขึ้น เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการมากขึ้น .. Creative Common License ระบุเงื่อนไขได้ทั้งหมดสี่อย่าง ประกอบด้วย
3. Attribution : ผู้ใช้จะต้องระบุที่มาของงานว่าต้นฉบับเป็นของใคร Noncommercial : ห้ามใช้ทางการค้า No Derivative works : ห้ามแก้ไขต้นฉบับ Share Alike : ถ้ามีการแก้ไขต้นฉบับ ( a . k . a สร้าง derivative works ) ต้องเผยแพร่ด้วยสัญญาอนุญาตเดิม เงื่อนไข สี่ข้อนี้ผสมสัญญาอนุญาตที่สมเหตุสมผลได้ทั้งหมด 11 แบบ เพราะเจ้าของงานเลือกการคุ้มครองได้นี่เอง Creative Common License จึงมักจะใช้คำว่า " Some rights reserved " ซึ่งหมายถึงสิทธิบางอย่างได้รับการคุ้มครองด้วยสัญญาอนุญาตนี้ แทนที่จะเป็น All rights reserved เหมือนการระบุลิขสิทธิ์ทั่วไปที่สิทธิ์ทุกอย่างอยู่ที่เจ้าของงานเป็นหลัก
4. ที่เจ๋งก็คือสัญญาอนุญาตของ Creative Common License เขียนออกมาได้สามแบบที่มีความหมายเทียบเท่ากันกัน คือ Human - Readable Common Deed ภาษาสำหรับคนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าให้และห้ามอะไร Lawyer - Readable Legal Code ภาษาสำหรับนักกฏหมายอ่านแล้วเข้าใจข้อตกลง มีผลและนำไปใช้ทางกฏหมายได้ Machine - Readable Digital Code รหัสสำหรับคอมพิวเตอร์ i . e . , search engin
5. ทีนี้เวลาเผยแพร่งานบนเว็บ search engine ก็จะรู้จาก digital code ได้ว่าเราเผยแพร่งานแบบไหน ผู้ใช้ก็ค้นหาได้ง่ายขึ้น เมื่อเห็นตัวงานแล้วก็สามารถดูจาก common deeds ได้ว่าเราให้และห้ามอะไร และในทางกฏหมายก็สามารถนำ legal code ไปใช้งานได้ด้วย .. ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง digital code หลังจากเลือกสัญญาอนุญาตแล้ว