ซูชิลาบ
- 3. อุปสงค์ก็ คือ ความต้องการซื้อของลูกค้า เพราะว่า ผลิตภัณฑ์เราเป็นผลิตภัณฑ์ที่แปลใหม่ และดูน่ากว่าจะเป็นลาบหรือหมูน้ำตกที่กินกับข้าวเหนี่ยวธรรมดา เราทำให้พอดีคำกับ คนที่ชอบกินเป็นคำ ทำให้ดูมีคุณค่าทำให้น่าซื้อน่าสนใจมากขึ้น และเพียงแค่ไม่กี่คำก็สามารถอิ่มได้โดยเสียเงินไม่เยอะ เพราะเราขายเพียงแค่คำละ6บาท
- 4. อุปทาน คือ ความต้องการขาย ปกติแล้วคนที่กินอาหารอีสานมักจะชอบรสชาติของอาหารที่ค่อนข้างจัด อาหารของเราก็รสชาติจัดแต่ สิ่งที่เราเสนอคือสาหร่าย เพราะสาหร่ายมีกลิ่มหอมและกลิ่มไอของความเป็นญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงทำให้เพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์เรามากขึ้นไปอีก
- 5. วิเคราะห์ต้นทุน ต้นทุน ของซูชิลาบน้ำตกประมาณคำละ 3 บาท แต่ที่เราต้องขายในราคา6 บาท เป็นเพราะว่า สาหร่ายของเรามีราคาค่อนข้างสูงกว่าวัตถุดิบอย่างอื่น รายรับ : เรายังสรุปไม่ได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะติดตลาดรึเปล่า ช่วงแรก สิ่งค้าของเราอาจจะไม่เป็นที่นิยม เพราะ มันแปลกใหม่จนคำอาจจะกลัวที่จะลองชิม กำไร : ถ้าสินค้าของเราติดตลาดกำไรของเราจะเยอะมาก เพราะว่า ราตัดต้นทุนออกไปเราได้กำไรชิ้นนึงเท่ากับครึ่งต่อครึ่งและอีกอย่างที่ทำให้กำไรเราดีเพราะ คนนึงคงไม่ซื้อชิ้นเดียวแน่นอนอย่างต่ำก็ 2 ชิ้น
- 6. นำเสนอแผนการตลาด swot คือ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส ภัยคุกคาม :จุดแข็งของเราคือความแปลกใหม่และความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ :จุดอ่อนของเราคือสาหร่าย เพราะเวลาสาหร่ายโดนน้ำจะทำให้เหี่ยวเร็วแล้วจะเหนี่ยวแต่ถ้าลาบไม่มีน้ำก็ไม่อร่อยอยู่ดี :โอกาสของเราที่จะติดตลาดก็คงต้องมีคนที่กล้าลองอะไรใหม่ๆและจะเป็นการตลาดแบบปากต่อปาก :ภัยคุกคามคือ คนส่วนมากมักคิดว่าราคาราคาของเราค่อนข้างสูงเพราะถ้าซื้อลาบถุงนึงกับข้าวเหนี่ยวห่อนึงก็จะคุ้มกว่าเพราะคนส่วนใหญ่คิดความคุ้นค่าแต่ไม่คิดถึงรสชาติ
- 7. สรุปจากอาทิตที่2ที่เราคิดผลิตภัณฑ์ เราต้องปรับปรุงสาหร่ายของเราต้องพยายามหาวิธีที่จะทำให้สาหร่ายไม่เหี่ยวหรืออาจจะต้องหาวัตถุดิบที่ดีกว่านี้และ อีกอย่างคือข้าวเหนี่ยวส่วนข้าวเหนี่ยวเวลาโดนลมจะแข็ง เราต้องหาวิธีแก้เช่นเดียวกัน อาจจะต้องปั้นตอนที่ลูกค้าสั่ง น่าจะดีกว่า
