More Related Content
Similar to เผชิญหตุโรงพยาบาลบ้านกรวด.pptx (10)
เผชิญหตุโรงพยาบาลบ้านกรวด.pptx
- 2. ระดับของแผน: แผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินมี3 ระดับ
ระดับยุทธศาสตร์ (Strategic)
เน้นที่เป
้ าหมาย วัตถุประสงค์ของนโยบายและแนวทาง
โดยรวมขององค์กร
เป
้ าหมาย
ระดับปฏิบัติการ(Operational)
บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบ ภารกิจ
การบูราณการ และการดาเนินการ
ภาระกิจ
ระดับยุทธวิธี(Tactical)
บุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์การ
บริหารจัดการทรัพยากร และพันธกิจ
กิจกรรม
Strategic Plan
Business
Continuity
Plan (BCP)
All-Hazards Plan
(AHP)
Incidence
Action Plan
(IAP)
- 5. SMART Objective
S : Specific มีความจาเพาะ ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่
M : Measurable สามารถวัดได ้
A : Achievable สามารถทาให ้สาเร็จได ้
R : Relevant มีความเชื่อมโยงกับสภาพปัญหา และภารกิจขององค์กร
T : Time-bound เสร็จได ้ภายในกรอบเวลาที่กาหนดไว ้อย่างชัดเจน
- 6. SMART Objective
S : Specific ผู้บาดเจ็บจากเหตุวัยรุ่นตีกันทั้งในและนอก
โรงพยาบาลบ ้านกรวด ปีงบประมาณ2566
M : Measurable มีจานวนลดน้อยลงกว่าร้อยละ 10
A : Achievable และทุกรายได ้รับการดูแลตามมาตรฐานวิชาชีพอย่าง
R : Relevant มีลดการสูญเสียทรัพย์สินและผลกระทบที่เกิดกับ
โรงพยาบาลบ้านกรวด เจ้าหน้าที่ และผู้รับบริการ
T : Time-bound สามารถควบคุมรายงานสถานการณ์ผู้บาดเจ็บจากเหตุวัยรุ่น
ตีกันในโรงพยาบาลให ้แก่ผู้บริหารทราบ ภายในเวลา
และป
้ องกันเหตุที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ
โรงพยาบาลบ้านกรวด
- 10. สถานการณ์จาลอง
สถานการณ์ 19.30 น. วัยรุ่นยกพวกทะเลาะวิวาทและทาร้ายร่างกายในเทศกาลประจาปี
เครื่องเคลือบบ้านกรวด มีผู้บาดเจ็บเข ้ารับการรักษาที่ห ้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน 3 ราย กลุ่มเพื่อนทั้ง 2 ฝ่ ายจับ
กลุ่มรวมตัวกันที่หน้าห ้องฉุกเฉิน เกิดการทะเลาะวิวาทและต่อสู้กันในห ้องฉุกเฉิน ทาให ้ของเครื่องใช ้ใน
แผนกอุบัติเหตุเสียหาย
มีผู้บาดเจ็บเข ้ารับการรักษาที่ห ้อง
อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน 3 ราย
กลุ่มเพื่อนทั้ง 2 ฝ่ ายจับกลุ่มรวมตัวกัน
เกิดการทะเลาะวิวาทและต่อสู้กันในห ้องฉุกเฉิน
ทาให ้ของเครื่องใช ้ในแผนกอุบัติเหตุเสียหาย
- 11. แผนเผชิญเหตุวัยรุ่นตีกันในโรงพยาบาล
•ด้านการแจ้งเหตุฉุกเฉิน (Alert Notification)
1. มีการแจ ้งเหตุผ่านกริ่งที่จัดเตรียมไว ้ในห ้องฉุกเฉินซึ่งจะต่อตรงไปที่ป้อมยามเลย โดยบุคลากรที่อยู่หน้า
ห ้องฉุกเฉิน หรือศูนย์สั่งการไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในห ้อง
2. เมื่อกดกริ่งแล ้ว เสียงที่ดังเป็นเสียงเดียวกับเสียงสัญญานประชาสัมพันธ์ปกติ อาจทาให ้ไม่เกิดการตื่นตัว
ไม่มีเจ้าหน้าที่มาปลดล็อคกริ่ง /เหตุการณ์มักเกิดนอกเวลาราชการ
•ด้านการสื่อสาร (Communication)ศูนย์สั่งการโทรสายตรง แจ้งตารวจ สภ.บ้านกรวด
•ด้านการประสานงานการสั่งการและการควบคุม (Coordination Command and Control)
บุคลากรตัดสินใจไม่ได้ว่าจะต้องแจ้ง รปภ.หรือตารวจเมื่อเกิดความรุนแรงระดับใด
- 12. แผนเผชิญเหตุวัยรุ่นตีกันในโรงพยาบาล
•ด้านความปลอดภัย
1) การปิด-เปิดประตูห ้องฉุกเฉิน รปภ./จนท.ตารวจ ยืนกากับการเข ้าออกป้องกันไม่ให ้สามารถเข ้าไป
ต่อสู้กันในห ้องฉุกเฉินได ้ (check sensor)
2) มีกล ้องวงจรปิดหน้า ER ที่ใช ้การไม่ได ้ หรือชารุดไหม ? (เรียกดึงดูข ้อมูลย ้อนหลังได ้กี่วัน สิทธิ์ใน
การร้องขอข ้อมูล =เอกสารกากับทางกฏหมาย)
3) ตารวจ/สห. มาถึงจุดเกิดเหตุก่อน รปภ.x2
4) รปภ.และพยาบาลไม่สามารถเข ้าไปห ้ามขณะที่เหตุการณ์มีการต่อสู้และใช ้อาวุธ
- 13. แผนเผชิญเหตุวัยรุ่นตีกันในโรงพยาบาล
•ด้านความปลอดภัย
1. การป้องกันเหตุรุนแรง กู้ภัย/ผู้นาส่ง ควรแจ้งตั้งแต่จุดเกิดเหตุว่าเป
็ นกรณีวิวาท พิจารณาส่ง
ผู้ป่ วยไปรักษาแยกตามคู่กรณีหากจาเป็นจริงๆ อาจจะต ้องแยก รพ.และแจ ้งรพ.ทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียม
ความพร้อม
2. มีป้ายประชาสัมพันธ์ที่ ER เพื่อแจ ้งให ้ทราบว่า หากมีการทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล จะมีกฎหมาย
ลงโทษ (จนท.ตารวจ)
3. ประเมินเมื่อผู้ป่ วยมาถึงจุดคัดกรอง และซักประวัติได ้ว่าบาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาท ให ้เฝ้าระวังและมี
สัญลักษณ์แจ ้งให ้บุคลากรทราบ
3 การจัดการเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน
3.1 จัดทา SOP เตรียมความพร้อมกรณีเกิดเหตุ โดยกาหนดระดับความรุนแรงของเหตุการณ์และ
แนวทางจัดการในแต่ละระดับ
3.2จัดระบบการแจ ้งเหตุด ้วยการใช ้กริ่งให ้ชัดเจน ว่าควรดังที่ไหนบ ้าง เมื่อกริ่งดังแล ้ว ผู้เกี่ยวข ้องควร
ดาเนินการอย่างไร
3.3 จัดระบบกล ้องวงจรปิดให ้สามารถใช ้การได ้ พร้อมทั้งมีการเช็คอย่างสม่าเสมอ
- 14. แผนเผชิญเหตุวัยรุ่นตีกันในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่
•เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจาหน้าห ้องฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล
•เจ้าหน้าที่ด ้านการรักษาพยาบาลอยู่ประจาจุดคัดกรองเพื่อให ้คาอธิบายผู้ป่ วย
•จัดเจ้าหน้าที่ตารวจตรวจการณ์เป็นระยะ ๆ เวลา........ใดบ ้าง
กายภาพ/สิ่งแวดล้อม
•จัดให ้มีป้ายประชาสัมพันธ์การให ้บริการ ณ ห ้องฉุกเฉิน ESI ที่ให้บริการ
•มีการรายงานความคืบหน้าการตรวจรักษาผ่านทางหน้าจอที่หน้าห ้องฉุกเฉิน
•จักให ้มีกริ่งสัญญาณเตือนภัย เผื่อจาเป็นต ้องร้องขอความช่วยเหลือจากภายนอก
•มีการตรวจสอบความพร้อมของกล ้องวงจรปิดหรือ CCTV
ระบบการจัดการ
•จากัดญาติที่เข ้ามาในห ้องฉุกเฉิน (พื้นที่ตรวจรักษา)
- 15. เหตุความรุนแรงในโรงพยาบาล
มาตรการเตรียมพร้อมกรณีเกิดเหตุ
รุนแรงเล็กน้อย–ด่าว่า ดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม ข่มขู่ คุกคาม หรือการกระทาที่ทาให ้บุคลากร/กลุ่มงาน/
รพ.เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง-ทาร ้ายร่างกายบุคลากร/ผู้ป่ วย/ญาติ โดยไม่มีท่าทีจะก่อความรุนแรง
มีแนวโน้มรุนแรงมาก–กลุ่มคนทะเลาะวิวาท-ผู้ป่ วยจิตเวชอาละวาด พกพาอาวุธ-จาเป็นต ้องระงับเหตุโดย
ตารวจเข ้าควบคุมสถานการณ์-แพทย์/พยาบาล-รปภ.ประจาห ้องฉุกเฉิน-จนท.เวรเปล ควบคุมสถานการณ์
ไม่ได ้
ควบคุมสถานการณ์ได้
-เจ ้าหน้าที่กดกริ่งขอความช่วยเหลือบุคลากรในห ้องฉุกเฉิน
-ปิดล๊อคประตูทางเข ้า
-หลีกเลี่ยงการปะทะ แยกโซนให ้การดูแลคู่กรณี (รวมถึงคาพูดที่ใช้ในการบริการ)
-แยกผู้ป่ วยคู่กรณี
-ประสานนาส่งแยกรพ.อพยพบุคลากร/ผู้ป่ วยถ ้าจาเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุ
-วิทยุ/โทรแจ้งศูนย์เครือข่าย ขอตารวจควบคุมสถานการณ์ ศูนย์รปภ.
-ตามกาลังเสริมเพิ่มที่ห้องฉุกเฉิน
มาตรการหลังเกิดเหตุ
- 16. บทบาทในสถานการณ์จริง
กู้ชีพที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ
1.เข ้าสังเกตการณ์ อยู่หน้าสภ.บ ้านกรวด เพื่อให ้รู้ว่ามีคนคอยช่วยเหลือผู้เสียหายอยู่หรือไม่, มีการใช ้อาวุธ
ทาร้ายร่างกายหรือไม่
2. หากรับแจ้งว่ามีการทะเลาะวิวาทด ้านใน เข ้าไปเตือนผู้รวมงานคนอื่นไม่ให ้ได ้รับผลจากการทะเลาะวิวาท
ทั้งนี้ต ้องดูความปลอดภัยของผู้ช่วยเหลือด ้วย
3. หากมีความเสี่ยง ไม่สามารถรับมือได ้ ควรเรียกเจ ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่บริเวณนั้น เข ้าให ้
ความช่วยเหลือร่วมด ้วย
4. รับแจ้งประสานขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตารวจ ผ่านคลื่นวิทยุ 155.650 mHz ให ้การเข ้าช่วยเหลือ
ไม่ให ้เกิดความรุนแรงอันตรายต่อชีวิต หรือร่างกาย
5.รอเจ้าหน้าที่ควบคุมจนเหตุการณ์สงบ เข ้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น แยกคู่กรณีและแจ้งโรงพยาบาลที่
นาส่งโดยสารรถAmbulance คนละคัน
5.โทรประสานร.พ.ว่าจะมีการนาส่ง พร้อมขอ ว.7 ผู้บาดเจ็บจากการทะเลาะวิวาท เพื่อรอรับสถานการณ์
- 17. บทบาทในสถานการณ์จริง
พยาบาล Incharge
1.หลังรับแจ ้งจากทีมกู้ภัยว่าจะมีการนาส่งผู้บาดเจ็บเหตุทาร้ายร่างกาย ให ้รีบเคลียร์ผู้ป่ วยใน Zone Resusc
/และห ้องหัตถการ โดยการแจ ้งผ่าน Member2. พร้อมเตรียมทีมแยก2 ทีมตามความเหมาะสม
2.โทรแจ้งป้อมยาม ให ้มาเฝ้าระวัง หน้าจุด ER
-ปิดล๊อคประตูทางเข ้า พร้อมทั้งแจ ้ง ญาติผู้ป่ วยอื่นๆเพื่อป้องกันความไม่ปลอดภัยในการรับบริการ
-หลีกเลี่ยงการปะทะ แยกโซนให ้การดูแลคู่กรณี (รวมถึงแจ้งคาพูดที่ใช้ในการบริการ)
-แยกผู้ป่ วยคู่กรณี Resusc/ห ้องทาหัตถการ
พยาบาล Incharge
3.หลังจากประเมิณแล ้วว่าเสี่ยงต่อการเกิดเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลโทรประสาน สภ.บ ้านกรวด
(สายตรวจลาดตระเวร )
4.โทรรายงานสถานการณ์ แก่หัวหน้าตึก 3 ระยะ 4.1ก่อนรับเหตุว่าทาไร ไปบ ้างแล ้ว ยังต ้องการความ
ช่วยเหลือ อะไร หากผู้ป่ วยมาถึง
4.2 ขณะปฏิบัติงาน หากเหตุบานปลายเกินควบคุม หรือต ้องการร้องขอความช่วยเหลือ ใดๆเร่งด่วน
4.3 เมื่อเสร็จสิ้นพาระกิจ พร้อมทั้งสรุปผลรายงานผู้บาดเจ็บ รวมทั้ง ทรัพย์สินที่อาจเสียหาย
5.ประสาน Admit/Refer พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียดที่ชัดเจน เน้นกากับการเข ้าเยี่ยมผู้ป่ วยที่เข ้มงวด
- 18. บทบาทในสถานการณ์จริง
พยาบาล member พร้อมทีม
1.เข ้าร่วมทีมกับแพทย์เวร พร้อมแจ ้งรายละเอียดการร้องขอความช่วยเหลือ เป็นช่วงๆ ประสานเจ ้าหน้าที่
ตารวจ เข ้ามากากับเหตุให ้ห ้องฉุกเฉิน 1-2 นาย ตามความเหมาะสม
2.ในการดูแลผู้ป่ วยที่ทาร้ายร่างกาย พยายามลงรายละเอียดข ้อมูลที่ชัดเจน ถูกต ้องครบถ ้วนและ Scan
ข ้อมูลเก็บใว ้เพื่อใช ้ในการประกอบการดาเนินคดี
3. ดู สถานการณ์ที่เหมาะสม ถามเรื่องอาวุธที่ยังเหลือพกติดตัวมาทุกครั้ง ก่อนให ้การพยาบาล
- 19. บทบาทในสถานการณ์จริง
รปภ.
1.หลังรับแจ้งให ้ปิดทางเข ้าออกของ รพ. พร้อมมาประจาหน้าห ้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินคอยเฝ้าระวังญาติ และ
ผู้รับบริการอื่นๆที่อาจจะได ้รับผลกระทบ
2.ปิดกั้นประตูเข ้า-ออก พร้อมทั้งรอฟังการประสานขอความช่วยเหลือจากด ้านใน
สายตรวจประจาวัน
1.หลังรับแจ้งให ้รีบมาประจายังจุดหน้าห ้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ความรุนแรง พร้อม
ทั้งร้องขอ กาลังเสริม และทีมระงับเหตุหากจาเป็น
2.รายงานสถานการณ์เป็นระยะ ทางวิทยุสื่อสาร อย่างน้อย 3 ช่วง 1.หลังรับแจ้งเหตุ / 2.สถานการณ์เมื่อ
เกิดเหตุ/3.สรุปผลหลังระงับเหตุ แจ ้งแก่ร้อยเวร
ร้อยเวร
1. กล่าวตักเตือนให้สติ การทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล ผิดกฎหมาย มีโทษสูงสุด จาคุกไม่เกิน
5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ โดยไม่รอลงอาญา และทางโรงพยาบาล
เองไม่มีนโยบายยอมความหรือไกล่เกลี่ยใดๆทั้งสิ้น
2. แจ้งทีมประสานเข้าควบคุมสถานการณ์เพื่อระงับเหตุ