SlideShare a Scribd company logo
1 of 15
Download to read offline
นำเสนอ
    อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร
    นำย พิศลย์ ลือสมบูรณ์
นำย ภิญญ์พิสิฐ สันติเลขะกุล
   หน้ำปก
   เนื้อหำ (ไม่ตำกว่ำ7สไลด์)
   รองสุดท้ำย (คำถำม+เฉลย)
   หน้ำสุดท้ำย อ้ำงอิง
   ลักษณะกำรทำงำน
   คุณสมบัติ
   ข้อดี-ข้อเสีย
   รูปภำพประกอบ
   กำรทำภำพเคลือนไหว
   อืนๆทีเกียวข้อง
     สำย Fiber Optic คือเส้นใยแก้วนำแสง กล่ำวคือ สำยนำสัญญำณทีใช้แสงเป็น
    ตัวกลำงในกำร
    สือสำรข้อมูลจำกจุดหนีงไปยังอีกจุดหนึง โดยทำจำกแก้วทีมีควำมบริสุทธิ์มำก
    เส้นใยแก้วนำแสงทีดี
    ต้องสำมำรถนำสัญญำณแสงจำกจุดหนึงไปอีกจุดหนึงโดยมีกำรสูญเสียของ
    สัญญำณแสงน้อยทีสุด
   โครงสร้ำงของสำย Fiber Optic
     1. เส้นแก้ว (Core) เป็นตัวทีนำสัญญำณแสง จะมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 62.5/125 um, 50/125
      um, 9/125 um
   2. ฉนวนเคลือบ (Cladding) เป็นสำรทีใช้ในกำรเคลือบแก้ว (Core) เพือให้นำสัญญำณได้
    กล่ำวคือแสงทีถูกส่งไปในแกนแก้วจะถูกขังหรือเคลือนทีไปตำมสำยไฟเบอร์ด้วยขบวนกำร
    สะท้อนกลับของแสง นิยมเคลือบจนมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 125 um
    3. ฉนวนป้องกัน (Coating) เป็นเสมือนผนังของเส้นแก้วเป็นชั้นทีต่อจำก Cladding เพือให้
    ปลอดภัยขึ้น และใช้ป้องกันแสงจำกภำยนอกไม่ให้เข้ำมำภำยในเส้นไฟเบอร์ มีเส้นผ่ำศูนย์กลำง
      250 um
   4. ปลอกสำย (Buffer) เป็นเสมือนปลอกของสำยหรือเสื้อชั้นในทีหุ้มป้องกันสำย และ
    ยังช่วยให้กำรโค้งงอของสำยไฟเบอร์มีควำมยืดหยุ่นมำกขึ้น มีเส้นผ่ำศูนย์กลำง
    ประมำณ 900 um(Buffer Tube)
    5. ปลอกหุ้ม (Jacket) เป็นเสมือนเสื้อชั้นนอกสุดของสำยไฟเบอร์ทีให้เกิดควำม
    เรียบร้อย และทำหน้ำทีป้องกันสำยไฟเบอร์เป็นชั้นนอกสุดชนิดของ Jacket จะมี
    หลำยชนิด ขึ้นอยู่กับกำรใช้งำนว่ำเป็นสำยทีเดินภำยในอำคำร (Indoor) หรือเดิน
    ภำยนอกอำคำร (Outdoor)
   สำย Fiber Optic แบ่งออกเป็น 2 แบบ
     1. Single Mode (SM) มีเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ Cladding 9/125
    um ตำมลำดับ ซึงส่วนของแกนแก้วจะมีขนำดเล็กมำกและจะให้แสงออกมำเพียง
    Mode เดียว แสงทีใช้จะต้องเป็นเส้นตรง ข้อดีทำให้ส่งสัญญำณได้ไกล
     2. Multi Mode (MM) จะมีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ Cladding
    62/125 um และ50/125 um ตำมลำดับ เนืองจำกขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ
    แกนมีขนำดใหญ่ ทำให้แนวแสงเกิดขึ้นหลำยโหมด โดยแต่ละ Mode จะมี
    ระยะเวลำในกำรเดินทำงทีแตกต่ำงกัน อันเป็นสำเหตุทีทำให้เกิดกำรกระจำยของ
    แสง (Mode Dispersion)
   สำย Fiber Optic แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำน
    1. Tight Buffer เป็นสำยไฟเบอร์แบบเดินภำยในอำคำร (Indoor) โดยมีกำรหุ้ม
    ฉนวนอีกชั้นหนึงให้มีควำมหนำ 900 um เพือสะดวกในกำรใช้งำนและป้องกัน
    สำยไฟเบอร์ในกำรติดตั้ง ปริมำณของเส้นใยแก้วบรรจุอยู่ไม่มำกนัก เช่น 4,6,8
    Core ส่วนสำยทีใช้เชือมต่อระหว่ำงอุปกรณ์จะมีขนำด 1 Core ซึงเรียกว่ำ Simplex
    ขนำด 2 Core เรียกว่ำ Zip Core
   2. Loose Tube เป็นสำยไฟเบอร์ทีออกแบบมำใช้เดินภำยนอกอำคำร (Outdoor)
    โดยกำรนำสำยไฟเบอร์มำไว้ในแท่งพลำสติก และใส่เยลกันน้ำเข้ำไป เพือป้องกัน
    ไม่ให้สัมผัสกับแรงต่ำงๆ อีกทั้งยังกันน้ำซึมเข้ำภำยในสำย สำยแบบ Outdoor ยัง
    แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำนได้อีกดังนี้
      2.1 Duct Cable เป็นสำย Fiber Optic แบบร้อยท่อ โครงสร้ำงของสำยไม่มี
    ส่วนใดเป็นตัวนำไฟฟ้ำ ซึงจะไม่มีปัญหำเรืองฟ้ำผ่ำ แต่จะมีควำมแข้งแรงทนทำน
    น้อย ในกำรติดตังจึงควรร้อยไปในท่อ Conduit หรือ HDPE (High-Density-
                    ้
    Polyethylene)
     2.2 Direct Burial เป็นสำย Fiber Optic ทีออกแบบมำให้สำมำรถใช้ฝังดินได้
    โดยไม่ต้องร้อยท่อ โดยโครงสร้ำงของสำยจะมีส่วนของ Steel Armored เกรำะ
    ช่วยป้องกัน และเพิมควำมแข็งแรงให้สำย
   2.3 Figure - 8 เป็นสำยไฟเบอร์ทีใช้แขวนโยงระหว่ำงเสำ โดยมีส่วนทีเป็น
    ลวดสลิงทำหน้ำทีรับ
                      แรงดึงและประคองสำย จึงทำให้สำยมีรูปร่ำงหน้ำตัดแบบเลข 8
    จึงเรียกว่ำ Figure - 8
                 2.4 ADSS (All Dielectric Self Support) เป็นสำยไฟเบอร์ ที
    สำมำรถโยงระหว่ำงเสำได้ โดย
                      ไม่ต้องมีลวดสลิงเพือประคองสำย เนืองจำกโครงสร้ำงของสำย
    ประเภทนี้ ได้ถูกออกแบบให้
                      เป็น Double Jacket จึงทำให้มีควำมแข็งแรงสูง
    3. สำยแบบ Indoor/Outdoor เป็นสำยเคเบิลใยแก้วทีสำมำรถเดินได้ทั้ง
    ภำยนอกและภำยในอำคำร เป็น
              สำยทีมีคุณสมบัติพิเศษทีเรียกว่ำ Low Smoke Zero Halogen (LSZH)
    ซึงเมือเกิดอัคคีภัย จะเกิด
              ควันน้อยและควันไม่เป็นพิษ เมือเทียบกับ Jacket ของสำยชนิดอืน ทีจะ
    ลำมไฟง่ำยและเกิดควันพิษ
              เนืองจำกกำรเดินสำยในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินภำยนอกอำคำร ด้วย
    สำย Outdoor แล้วเข้ำ
              อำคำร ซึงผิดมำตรฐำนสำกล ดังนั้นจึงควรใช้สำยประเภทนี้เมือมีกำรเดิน
    จำกภำยนอกเข้ำสู่ภำยใน
   ข้อดีและข้อเสียของสำยประเภทต่ำงๆ
   ข้อดีและข้อเสียของสำยคู่ตเกลียว
                              ี
   ข้อดี
    1. รำคำถูก
    2. มีควำมยืดหยุ่นในกำรใช้งำน
    3. ติดตั้งง่ำย และมีน้ำหนักเบำ
    ข้อเสีย
    1. ถูกรบกวนจำกสัญญำณภำยนอกได้ง่ำย
    2. ระยะทำงจำกัด
   ข้อดีข้อเสียของสำยใยแก้วนำแสง
   ข้อดี
    1. ส่งข้อมูลด้วยควำมเร็วสูง
    2. ไม่มีกำรรบกวนทำงแม่เหล็กไฟฟ้ำ
    3. ส่งข้อมูลได้ในปริมำณมำก
    ข้อเสีย
    1. มีรำคำแพงกว่ำสำยส่งข้อมูลแบบสำยคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
    2. ต้องใช้ควำมชำนำญในกำรติดตั้ง
    3. มีค่ำใช้จ่ำยในกำรติดตั้งสูงกว่ำ สำยคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล
สายไฟเบอร์ออพติก(พิศลย์+ภิญญ์พิสิฐ)404

More Related Content

Similar to สายไฟเบอร์ออพติก(พิศลย์+ภิญญ์พิสิฐ)404

สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403Piyawan
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404ณัชชา เอื้อนฤมลสุข
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403Pharist Kulpradit
 
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402Pibi Densiriaksorn
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407Woraya Ampornpisit
 
ประวัติกล้อง
ประวัติกล้องประวัติกล้อง
ประวัติกล้องKru_sawang
 
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Noppanut Bany
 
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Noppanut Bany
 

Similar to สายไฟเบอร์ออพติก(พิศลย์+ภิญญ์พิสิฐ)404 (9)

สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403
สายไฟเบอร์ออฟติก(เจตณัฐ+พริษฐ์)403
 
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407
สายไฟเบอร์ออฟติก(ปรียานุช วรญา)407
 
ประวัติกล้อง
ประวัติกล้องประวัติกล้อง
ประวัติกล้อง
 
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
 
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
Fiber optic(นพณัฐ เจตนันท์)407
 
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
 

สายไฟเบอร์ออพติก(พิศลย์+ภิญญ์พิสิฐ)404

  • 1. นำเสนอ อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร นำย พิศลย์ ลือสมบูรณ์ นำย ภิญญ์พิสิฐ สันติเลขะกุล
  • 2. หน้ำปก  เนื้อหำ (ไม่ตำกว่ำ7สไลด์)  รองสุดท้ำย (คำถำม+เฉลย)  หน้ำสุดท้ำย อ้ำงอิง
  • 3. ลักษณะกำรทำงำน  คุณสมบัติ  ข้อดี-ข้อเสีย  รูปภำพประกอบ  กำรทำภำพเคลือนไหว  อืนๆทีเกียวข้อง
  • 4. สำย Fiber Optic คือเส้นใยแก้วนำแสง กล่ำวคือ สำยนำสัญญำณทีใช้แสงเป็น ตัวกลำงในกำร สือสำรข้อมูลจำกจุดหนีงไปยังอีกจุดหนึง โดยทำจำกแก้วทีมีควำมบริสุทธิ์มำก เส้นใยแก้วนำแสงทีดี ต้องสำมำรถนำสัญญำณแสงจำกจุดหนึงไปอีกจุดหนึงโดยมีกำรสูญเสียของ สัญญำณแสงน้อยทีสุด
  • 5. โครงสร้ำงของสำย Fiber Optic 1. เส้นแก้ว (Core) เป็นตัวทีนำสัญญำณแสง จะมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 62.5/125 um, 50/125 um, 9/125 um  2. ฉนวนเคลือบ (Cladding) เป็นสำรทีใช้ในกำรเคลือบแก้ว (Core) เพือให้นำสัญญำณได้ กล่ำวคือแสงทีถูกส่งไปในแกนแก้วจะถูกขังหรือเคลือนทีไปตำมสำยไฟเบอร์ด้วยขบวนกำร สะท้อนกลับของแสง นิยมเคลือบจนมีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 125 um 3. ฉนวนป้องกัน (Coating) เป็นเสมือนผนังของเส้นแก้วเป็นชั้นทีต่อจำก Cladding เพือให้ ปลอดภัยขึ้น และใช้ป้องกันแสงจำกภำยนอกไม่ให้เข้ำมำภำยในเส้นไฟเบอร์ มีเส้นผ่ำศูนย์กลำง 250 um
  • 6. 4. ปลอกสำย (Buffer) เป็นเสมือนปลอกของสำยหรือเสื้อชั้นในทีหุ้มป้องกันสำย และ ยังช่วยให้กำรโค้งงอของสำยไฟเบอร์มีควำมยืดหยุ่นมำกขึ้น มีเส้นผ่ำศูนย์กลำง ประมำณ 900 um(Buffer Tube) 5. ปลอกหุ้ม (Jacket) เป็นเสมือนเสื้อชั้นนอกสุดของสำยไฟเบอร์ทีให้เกิดควำม เรียบร้อย และทำหน้ำทีป้องกันสำยไฟเบอร์เป็นชั้นนอกสุดชนิดของ Jacket จะมี หลำยชนิด ขึ้นอยู่กับกำรใช้งำนว่ำเป็นสำยทีเดินภำยในอำคำร (Indoor) หรือเดิน ภำยนอกอำคำร (Outdoor)
  • 7. สำย Fiber Optic แบ่งออกเป็น 2 แบบ 1. Single Mode (SM) มีเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ Cladding 9/125 um ตำมลำดับ ซึงส่วนของแกนแก้วจะมีขนำดเล็กมำกและจะให้แสงออกมำเพียง Mode เดียว แสงทีใช้จะต้องเป็นเส้นตรง ข้อดีทำให้ส่งสัญญำณได้ไกล 2. Multi Mode (MM) จะมีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ Core และ Cladding 62/125 um และ50/125 um ตำมลำดับ เนืองจำกขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงของ แกนมีขนำดใหญ่ ทำให้แนวแสงเกิดขึ้นหลำยโหมด โดยแต่ละ Mode จะมี ระยะเวลำในกำรเดินทำงทีแตกต่ำงกัน อันเป็นสำเหตุทีทำให้เกิดกำรกระจำยของ แสง (Mode Dispersion)
  • 8. สำย Fiber Optic แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำน 1. Tight Buffer เป็นสำยไฟเบอร์แบบเดินภำยในอำคำร (Indoor) โดยมีกำรหุ้ม ฉนวนอีกชั้นหนึงให้มีควำมหนำ 900 um เพือสะดวกในกำรใช้งำนและป้องกัน สำยไฟเบอร์ในกำรติดตั้ง ปริมำณของเส้นใยแก้วบรรจุอยู่ไม่มำกนัก เช่น 4,6,8 Core ส่วนสำยทีใช้เชือมต่อระหว่ำงอุปกรณ์จะมีขนำด 1 Core ซึงเรียกว่ำ Simplex ขนำด 2 Core เรียกว่ำ Zip Core
  • 9. 2. Loose Tube เป็นสำยไฟเบอร์ทีออกแบบมำใช้เดินภำยนอกอำคำร (Outdoor) โดยกำรนำสำยไฟเบอร์มำไว้ในแท่งพลำสติก และใส่เยลกันน้ำเข้ำไป เพือป้องกัน ไม่ให้สัมผัสกับแรงต่ำงๆ อีกทั้งยังกันน้ำซึมเข้ำภำยในสำย สำยแบบ Outdoor ยัง แบ่งตำมลักษณะกำรใช้งำนได้อีกดังนี้
  • 10. 2.1 Duct Cable เป็นสำย Fiber Optic แบบร้อยท่อ โครงสร้ำงของสำยไม่มี ส่วนใดเป็นตัวนำไฟฟ้ำ ซึงจะไม่มีปัญหำเรืองฟ้ำผ่ำ แต่จะมีควำมแข้งแรงทนทำน น้อย ในกำรติดตังจึงควรร้อยไปในท่อ Conduit หรือ HDPE (High-Density- ้ Polyethylene) 2.2 Direct Burial เป็นสำย Fiber Optic ทีออกแบบมำให้สำมำรถใช้ฝังดินได้ โดยไม่ต้องร้อยท่อ โดยโครงสร้ำงของสำยจะมีส่วนของ Steel Armored เกรำะ ช่วยป้องกัน และเพิมควำมแข็งแรงให้สำย
  • 11. 2.3 Figure - 8 เป็นสำยไฟเบอร์ทีใช้แขวนโยงระหว่ำงเสำ โดยมีส่วนทีเป็น ลวดสลิงทำหน้ำทีรับ แรงดึงและประคองสำย จึงทำให้สำยมีรูปร่ำงหน้ำตัดแบบเลข 8 จึงเรียกว่ำ Figure - 8 2.4 ADSS (All Dielectric Self Support) เป็นสำยไฟเบอร์ ที สำมำรถโยงระหว่ำงเสำได้ โดย ไม่ต้องมีลวดสลิงเพือประคองสำย เนืองจำกโครงสร้ำงของสำย ประเภทนี้ ได้ถูกออกแบบให้ เป็น Double Jacket จึงทำให้มีควำมแข็งแรงสูง
  • 12. 3. สำยแบบ Indoor/Outdoor เป็นสำยเคเบิลใยแก้วทีสำมำรถเดินได้ทั้ง ภำยนอกและภำยในอำคำร เป็น สำยทีมีคุณสมบัติพิเศษทีเรียกว่ำ Low Smoke Zero Halogen (LSZH) ซึงเมือเกิดอัคคีภัย จะเกิด ควันน้อยและควันไม่เป็นพิษ เมือเทียบกับ Jacket ของสำยชนิดอืน ทีจะ ลำมไฟง่ำยและเกิดควันพิษ เนืองจำกกำรเดินสำยในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเดินภำยนอกอำคำร ด้วย สำย Outdoor แล้วเข้ำ อำคำร ซึงผิดมำตรฐำนสำกล ดังนั้นจึงควรใช้สำยประเภทนี้เมือมีกำรเดิน จำกภำยนอกเข้ำสู่ภำยใน
  • 13. ข้อดีและข้อเสียของสำยประเภทต่ำงๆ  ข้อดีและข้อเสียของสำยคู่ตเกลียว ี  ข้อดี 1. รำคำถูก 2. มีควำมยืดหยุ่นในกำรใช้งำน 3. ติดตั้งง่ำย และมีน้ำหนักเบำ ข้อเสีย 1. ถูกรบกวนจำกสัญญำณภำยนอกได้ง่ำย 2. ระยะทำงจำกัด
  • 14. ข้อดีข้อเสียของสำยใยแก้วนำแสง  ข้อดี 1. ส่งข้อมูลด้วยควำมเร็วสูง 2. ไม่มีกำรรบกวนทำงแม่เหล็กไฟฟ้ำ 3. ส่งข้อมูลได้ในปริมำณมำก ข้อเสีย 1. มีรำคำแพงกว่ำสำยส่งข้อมูลแบบสำยคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล 2. ต้องใช้ควำมชำนำญในกำรติดตั้ง 3. มีค่ำใช้จ่ำยในกำรติดตั้งสูงกว่ำ สำยคู่ตีเกลียวและโคแอกเชียล