ความรู้ด้าน Fiber optic หลักการทำงานและชนิดของ ไฟเบอร์ออฟติค
- 1. ความรู้ด้าน FIBER OPTIC หลักการทางานและชนิดของ ไฟเบอร์ออฟติค
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม 2013 เวลา 15:53 น.
FIBER OPTIC เสน้ใยแกว้นำแสง คอื
เสน้ใยขนาดเล็กทที่าหนา้ทเี่ป็นตัวนาแสง โครงสรา้งของเสน้ใยแสงประกอบดว้ยส่วนทแี่สงเดนิทางผ่านเรียกว่า CORE และส่วนทหี่มุ้CORE CLAD ทัง้ CORE และ CLAD เป็นDIELECTRIC ใส 2 ชนดิ (DIELECTRIC หมายถงึสารทไี่ม่เป็นตัวนาไฟฟ้า เช่น แกว้ พลาสตกิ)
โดยการทาใหค้่าดัชนกีารหกัเหของ CLAD มคี่านอ้ยกว่าค่าดัชนกีารหกัเหของCOER เล็กนอ้ยประมาณ 0.2 ~3%
และอาศัยปรากฎการณส์ะทอ้นกลับหมดของแสง สามารถทาใหแ้สงทปี่้อนเขา้ไปใน CORE
เดนิทางไปไดน้อกจากนัน้เนอื่งกล่าวกันว่าเสน้ใยแสงมขีนาดเล็กมากขนาดเท่าเสน้ผมนัน้หมายถงึ ขนาดของเสน้ผ่าศูนย์กลางดา้นนอกซงึ่มขีนาดประมาณ 0.1 ม.ม. ส่วน CORE ทแี่สงเดนิทางผ่าน นัน้มขีนาดเล็กลงไปอกีคอืประมาณหลาย um ~ หลายสบิ um (1 um=ซงึ่มคี่าหลายเท่าของความยาวคลนื่ของแสงทใี่ชง้าน ค่าต่างๆ เหล่านเี้ป็นค่าทกี่าหนดขนึ้จากคุณสมบัตกิารส่งและคุณสมบัติทางเมคานเสน้ใยแสงนอกจากมคีุณสมบัตกิารส่งดเียี่ยมแลว้ยังมลีักษณะเด่นอย่างอนื่อกีเช่น ขนาดเล็กน้าหนักเบาอกีดว้ย
Optical Fiber ประกอบขนึ้มำจำกวสัดุทเี่ป็น
1. แกว้ (Glass Optical Fiber)
2. พลาสตกิ (Plastic Optical Fiber)
3. พลาสตกิผสมแกว้ (Plastic Clad Silica ,PCS)
- 2. ควำมรูด้ำ้น FIBER OPTIC
ความตอ้งการในการขนส่งขอ้มูลทคี่วามเร็วสูงขนึ้และระยะทางทไี่กลขนึ้ นาไปสู่การ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การใช้photons สาหรับการรับส่งสัญญาณ ผ่านเคเบลิ้ ทาใหไ้ดแ้บนดว์ดิธท์สีู่งขนึ้แต่ราคาต่าลงอย่าง ไรก็ตาม แนวคดิในการส่ง ข่าวสาโดยใชแ้สงไม่ใช่ของใหม่ เพยีงแต่ในทศวรรษหลังสุดนี้สามารถทจี่ะนาวัสดุ และอุปกรณ ์ทางแสงทไี่ดส้รา้งและพัฒนามาใหใ้ชขอ้ดีของ fiber optic cables ที่สรา้งจากแกว้ซงึ่เป็นฉนวน คอื
สนามพลังงานทถีู่ก ปล่อยออกมาจะไม่ถูกรบกวนและถูกดูดซับ แกว้เป็นวัสดุทมี่ผีลต่อการลดทอนนอ้ยมาก และเป็นอสิระจาถี่ เมอื่เปรียบเทยีบกับเคเบลิชนดิทองแดงแลว้ จะมคีวามสามารถในการรับส่งเหมอืนกัน แต่ไฟเบอร์ออฟตกิมขีนาดเล็กและน้าหนักและสุดยอดของออฟตกิก็คอืมรีาคาถูกแมว้่าจะพจิารณารวมถึงตน้ทุนในการตดิตงั้อุปกรณต์่างๆ
แลว้ดว้ยการพัฒนาต่อไปในอนาคตจะสามารถลดตน้ทุนเครือข่ายไฟเบอร์ออฟตกิไดม้ากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นดา้นการผลติ การตดิตัง้ กาก็คอืการใชง้านเครือข่าย การส่งขอ้มูลไปบนไฟเบอร์ออฟตกิ คุณจะตอ้งมอีุปกรณก์าเนดิแสงทถีู่กมอดูเลต
โดยทั่วไปแลว้จะใชเ้ลเซอร์ไดโอดที่ทาหนา้ที่ปล่อยพัลสแ์สง (light pulse) เขา้ไปยังไฟเบอร์ และทดี่า้นตรงปลายทาง คุณก็ตอ้งมอีุป(photo detector) ซงึ่มักจะเป็นอุปกรณส์ารกงึ่ตัวนาที่ทางานคลา้ยกับโซลาร์เซลดว้ยการแปลงแสง
ไปเป็นกระแสไฟฟ้าปัจจุบันไฟเบอร์ออฟตกิทางานกับแสงทมี่คีวามยาวคลื่น ประมาณ 1μm ซงึ่ตรงกับความถี่3·1014 Hz หรือ 300.000 สาหรับเหตุผลทางเทคนคิ อุปกรณส์่วนใหญ่ทางานกับการการผสมของสัญญาณทอี่าศัยความแรงของสัญญาณ (AM) ซงึ่จะส่งผลใหม้แีGHz เมอื่เปรียบเทยีบกับความถพี่าหะ (carrier frequency) แลว้ จะเหน็ว่านอ้ยมาก มันจะถูกจากัดโดยเทคโนโลยีทใี่ชง้านได้การลดfiber ขนึ้อยู่กับความยาวคลนื่ มคี่าลดทอนต่าสุดใน attenuation curve อยู่ในช่วง 1310 nm และ 1550 nm ระยะความกวา้ง 100 nm ประมาณบริเวณค่าดังกล่าวนถีู้กเรียกว่า วนิโดวส ์ ซงึ่ความถบี่ริเวณในวนิโดวสน์ี้จะใชส้ากรับการส่งขอ้มูล ไฟเบอร์ในปัจจุบันนคี้รวบคลุ(1300/1400/1500/1600mm)
คุณ สามารถป้อนสัญญาณทคี่วามยาวคลนื่ต่างกันในวนิโดวเดยีวกันเขา้ไปในหนงึ่ไฟ เบอร์
และทดี่า้นปลายทางสัญญาณแสงจะถูกแยกออกได้ รูปแบบดังกล่าวนจี้ะเป็นหลายช่องสัญญาณต่อวนิโดว์โดยใชไ้ฟเบอร์อันเดยีวซึ่ง wavelength-division multiplexing (WDM)
เทคนคิ อกีวธิหีนงึ่คอืการส่งสัญญาณทมี่คีวามยาวคลื่นต่างกันในลักษณะสองทศิทางโดย ผ่านไฟเบอร์อันเดยีว วธิกีารแบบนเี้รียกว่า transmission ซงึ่สามารถจะลดจานวนเคเบลิทตี่อ้งใชล้ง 50 % ชนดิของไฟเบอร์ปัจจุบัน
นเี้คเบลิไฟเบอร์ทาจากซลิกิาเป็นส่วนใหญ่ ซลิกิาเป็นวัสดุบริสุทธแิ์ละยืดหยุ่นได้ และเป็นทรัพยากรทคี่งจะไม่มวีันหมดไปง่าย ๆ
เมอื่เปรียบเทยีบกับทองแดงแลว้ ไฟเบอร์บางแบบทาจากโพลีเมอร์หรือวัสดุสังเคราะหอ์นื่ ๆ
แต่ก็จะใชง้านสาหรับระยะทางสัน้เท่านั้นเพราะมกีารลดทอนสูงอันเนอื่งมากจากการมขีนาดของเสน้ผ่าศูนย์กลางใหญ่จะทาใหข้นาดขอออกไปมจีานวนมาก ส่วนประกอบของไฟเบอร์ประกอบดว้ย core , cladding (ทาหนา้ทเี่ป็นส่วนหมุ้หอ่ คอืเป็น insulation ของแต่ละไฟ(เป็นตัวป้องกันทางกล หรือ mechanical protection) เคเบลิจะมกีารตดิฉลากเป็นค่าเสา้ผ่าศูนย์ของ core และ cladding ตัวอย่างเช่จะเป็น 9/125 μm ซงึ่ 9 ก็เป็นเสน้ผ่านศูนย์กลางของ core ส่วน 125 ก็เป็นเสน้ผ่าศูนย์กลางของ cladding
ในส่วนของบัฟเฟอร์ก็จะหมุ้รอบไฟเบอร์ทมี่ขีนาด 9/125 μm ซงึ่โดยทั่วไปจะมขีนาดประมาณ 250 μm โดยพนื้ฐานแลว้ ชนดิของไฟเบ Step index fiber (singlemode)
Single-Mode Fiber
ชนดิ step index fiber ส่วน core และ cladding มดีัชนกีารหกัเหทตี่่างกัน ไฟเบอร์ชนดิ single-mode มขีนาดของ core เล็กมาก ( 10 จงึไม่เกดิการกวา้งขนึ้ของพัลส ์(pulse broadening) และไม่เกดิ transit time differences
ขอ้ดคีอืใชเ้ดนิทางไดร้ะยะไกล
Step index fiber (multimode)
- 3. ขนาดทใี่ชง้านกันจะเป็น 9/125 μm fibers ทคี่วามยาวคลนื่ 1300 nm สาหรับ long distance
Multimode Fiber
ไฟเบอร์แบบมัลตโิหมดมขีนาดเสน้ผ่าศูนย์กลางใหญ่ (> 100 μm) ไฟเบอร์แบบนจี้ะยอมใหก้ารแพร่ของแสงแบบ multiple mode
ผ่านไปได้ ทาใหม้กีารลดทอนทสีู่งและมแีบนดว์ดิธท์ตี่่ากว่า (< 100 MHz·km) ส่งผลใหเ้กดิการกวา้งขนึ้ของพัลสแ์ละเกิด transit time ซงึ่จะเหมาะสมสาหรับการใชง้านกับระบบ LAN (>300 m)
Graded index fiber (multimode)
Graded Index Fiber
ไฟเบอร์แบบ graded index fiber ดัชนกีารหกัเหจะเปลยี่นแปลงแบบค่อย ๆ เป็นจาก core ไปยัง cladding ไฟเบอร์ชนดินจี้งึมีtransit นอ้ย และการกวา้งขนึ้ของพัลส ์(pulse broadening) นอ้ย ทาใหม้คี่าลดทอนต่า แบนดว์ดิธ ์< 1 GHz·km
ขนาดทใี่ชกั้นก็เป็น 50/125 μm หรือ 62.5/125 μm ใชส้าหรับระยะทางสัน้ ๆ (< 500 m).
หลกัการของสายไฟเบอร์ออพตกิ
อธิบายโดยใชห้ลักการของแสง (geomerrical optic) ได้ดังนี้
- 4. ให้จุดกาเนิดแสงอยู่ที่ S จะมแีสงออกจากจุด S นี้ไปยังจุดต่าง ๆ ของผวิแก้ว ดังรูป ที่จุด A แสงจะพุ่งออกจากแก้วไปยังอากาศโดยไม่มกีารหักเห ที่จุด B จะมกีารหักเหเล็กน้อย และมบีางส่วนสะท้อนจะมกีารหักเหมากข้นึเล็กน้อย และมบีางส่วนสะท้อนกลับมาในแก้ว ที่จุด D จะไม่มกีารหักเห แสงจากจุด S ทั้งหมดจะสะท้อนกลับมาในแก้ว ณ. จุดนี้จะเรียกมุม ว่า มุมวิกฤต (Critical angle) การสะท้อนกลับหมด (Total reflection) หาค่ามุม ได้จากสมการ
เสน้ทำงของแสงในสำยไฟเบอรอ์อพตกิ
เมอื่แสงผ่านเขา้มาในสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง)ที่ทาจากแก้ว จะเกิดการสะท้อนกลับหมดที่ผวิแก้ว (บริเวณที่เป็นรอยต่อของแก้วกับอากาศ) แสงที่สะท้อนนี้จะกลับเขา้มาในสายไฟเบอร์ออและเกิดการสะท้อนที่ผวิแก้วอีกด้านหนึ่ง การสะท้อนนี้จะเกิดภายในแก้ว โดยไม่มกีารทะลุผ่านผวิแก้วออกไปยังอากาศ ทาให้สายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) สามารถนาแสงจากจุด A ไปยังจุเป็นเส้นโคง้ จากสมบัตขิอ้นี้จึงได้มกีารสร้างเครื่องมอืตรวจดูอวัยวะภายในร่างกายมนุษย์โดยกา รนาแสงจากภายนอกผ่านสายไฟเบอร์ออพติก(เส้นใยแก้วนาแสง) ไปยังกระเพาะอาหาร
และนาภาพกระเพาะอาหารกลับมายังภายนอกให้ผูท้าการตรวจได้มองเห็น
การใชง้านสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) จะมี2 ลักษณะ คอื
1 นาภาพของวัตถุผ่านสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) เช่น กล้องตรวจอวัยวะภายในของมนุษย์
2 นาสัญญาณแสงผ่านสายไฟเบอร์ออพติก(เส้นใยแก้วนาแสง)
สาหรับชุดทดลองนี้ จะศึกษาเฉพาะลักษณะบางประการของการส่งสัญญาณแสงผ่านสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง)
เมื่อจบการทดลองนแี้ล้ว จะเข้าใจเรื่อง
1 Multiplex
- 5. 2 การตอบสนองต่อแสงสี
3 การเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง
4 การเปลี่ยนสัญญาณแสงเป็นสัญญาณไฟฟ้า
5 การลดทอนของสัญญาณ
การเตรียมก่อนการทดลอง
1 ต่อแผ่นทดลองกับกระบะถ่านไฟฉาย 6 โวลต ์ตอ้งต่อให้ถูกข้วั เมอื่ต่อถูกตอ้งจะเห็นหลอดไฟของ Logic Probe สว่าง
2 ทดสอบการทางาน โดยต่อสายไฟจาก Input ของชุดส่งสัญญาณ มาแตะที่ +6 โวลตห์ลอด LED ของชุดส่งจะสว่างจ้า
เริ่มการทดลองเรื่อง Multiplex
Multiplex เป็นการส่งสัญญาณจากสถานีส่งหลายชุดไปยังสถานีรับหลายสถานี โดยใชส้ายส่งเพียงชุดเดียว วิธีหนึ่งคอืใชส้วิตช ์S และ S ที่ทางานพร้อมกัน (synchronise) ทาให้สัญญาณไฟB ไปยัง O
C ไปยัง R
D ไปยัง S
ถ้าความเร็วของการเลื่อนสวิตช ์S 1 และ S 2 มากพอ สัญญาณทั้ง 4 ชุดที่รับได้จะเกือบเหมอืนสัญญาณตน้แบบ
Multiplex
ครั้งแรกให้ทดลองการส่งสัญญาณไฟฟ้าด้วยสายทองแดง โดยเริ่มต่อ input ของ multiplex กับแหล่งจ่ายไฟคงที่ 0 กับ 5 โวลต ์(Logic 0 และ 1) ดูผลที่เกิดข้นึที่ output ของ demultiplex ที่มคีวามถี่ต่า จากนั้นจึงใช้clock ที่มคีวามถี่สูงข้นึ
ต่อไปให้ทดลองเช่นเดียวกัน แต่เปลี่ยนมาใช้สาย fiber optic แทนสายทองแดง โดยเริ่มต่อ input ของ multiplex กับ แหล่งจ่ายไฟฟ้าคงที่ 0 กับ 5 โวลต ์จากนั้นนาสัญญาณไฟฟ้า
ไปเขา้วงจรแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสง แล้วจึงใชส้าย fiber optic นาสัญญาณดังกล่าว ส่งไปที่ตวัรับสัญญาณแสง เมอื่รับสัญญาณแสงได้แล้ว นา output ที่ได้ไปเขา้ที่ input ของ demultiplex
ดูผลที่เกิดข้นึจากวงจร demultiplex เมอื่ใช้clock ที่มคีวามถี่ต่า จากนั้นจึงใช้clock ที่มคีวามถี่สูงข้นึ
เมอื่เขา้ใจการส่งสัญญาณที่มคีวามต่างศักย์ไฟฟ้าคงที่ ต่อไปให้ทดลองส่งสัญญาณที่มกีารเปลี่ยนแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้า แบบ digital ซงึ่เป็นสัญญาณไฟฟ้าแบบ clock ทดลองทั้งการส่งด้วยสายทการตอบสนองต่อแสงสี
เนื่องจากสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) สร้างจากแก้วหรือวัสดุใสชนิดอื่น ดังนั้นการตอบสนองต่อแสงสีที่มคีวามยาวคลื่นต่างกัน จึงไม่เท่ากัน ข้นึอยู่กับผู้สร้างสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนา
- 6. ว่าตอ้งการให้สายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง)ทางานที่แสงสีความยาวคลื่นเท่าไร
การทดลอง
เลือกส่งสัญญาณด้วยแสงสีส้ม (ความยาวคลื่นประมาณ 620 นาโนเมตร) และด้วยแสงสีเขยีว(ความยาวคลื่นประมาณ 550 นาโนเมตร) เปรียบเทียบผลที่ได้รับ
light frequency response (Red, Green)
สายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) ที่ใชใ้นการทดลองนี้ทางานได้ดีที่ความถี่ประมาณ 680 นาโนเมตร ดังนั้นในการทดลองที่ใช้LED ที่ให้แสงความถี่ประมาณ 620 และ 550 นาโนเมตร
จึงมผีลต่อการรับสัญญาณดังนั้นผลการทดลองจึงออกมาว่าการส่งสัญญาณแสงด้วยความถี่ที่ใกล้กับ 680 นาโนเมตรจะให้ผลดีกว่า ซงึ่จุดนี้ก็เป็นจุดสาคญัของการส่งสัญญาณด้วยไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยcarrier signal ให้เหมาะกับไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง)นั้น เพื่อให้การส่งสัญญาณเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
ส่วนสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) ที่ออกแบบให้ใชง้านส่งสัญญาณจริง (Commercial) เป็นสายที่ออกแบบให้ทางานที่แสง infrared และการตอบสนองต่อความถี่ของสัญญาณนั้นมคี่าจุดนี้เป็นจุดสาคญัที่ครูและนักเรียนควรเขา้ใจ
การเปลยี่นสญัญาณไฟฟ้าเป็นสญัญาณแสง
เพื่อให้การเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสงเป็นไปอย่างมปีระสิทธิภาพ จึงใชท้รานซสิเตอร์มาประกอบในวงจร ดังรูป
สัญญาณไฟฟ้าที่เขา้มาทาง INPUT จะทาให้ Transistor นากระแสไฟฟ้าได้แตกต่างกันตามศักย์ไฟฟ้าของสัญญาณที่เขา้มา เป็นผลให้ LED หรืออาจจะเป็น LASER Diode ส่งแสงที่มการทดลอง
ต่อสายไฟจาก +6V 0 V clock2 เขา้กับ INPUT ของชุดส่งสัญญาณแสง สังเกตดูความสว่างของหลอด LED
การเปลยี่นสญัญาณแสงเป็นสญัญาณไฟฟ้า
เพื่อให้การเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณแสงเป็นไปอย่างมปีระสิทธิภาพ จึงใช้Photodiode มาเป็นตวัรับแสง ดังรูป
- 7. แสงที่ตกกระทบลงบนตวั Photodiode จะทาให้ศักย์ไฟฟ้าที่คร่อมตวั Photodiode เปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มคี่าน้อยมาก ระดับมลิลิโวลต ์จึงตอ้งใช้Opamp เขา้มาทาหน้าที่ขยายแล้วส่งออกมาที่ OUTPUT
การทดลอง
ต่อสายไฟจาก +6 V 0 V clock2 เขา้กับ INPUT ของชุดส่งสัญญาณแสง สังเกตดูความสว่างของหลอด LED จากนั้นใชส้ายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) นาสัญญาณแสงไปที่ Photodiode ต่อสายไฟจาก OUTPUT ของชุดรับสัญญาณ ไปที่ INPUT ของ Logic Probe สังเกตความสว่างของหลอด LED
การลดทอนของสญัญาณ attenuation (Long, Short)
การทดลองเกี่ยวกับความยาวของสายนั้นเป็นส่วนสาคญัของการส่งสัญญาณด้วยสายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) ที่ดีจะมกีารดูดกลืนดังกล่าวน้อยมาก โดยทั่วไปสายที่ยาว 10 กิโลเมตรจะลด (attenuation)
สัญญาณแสงลงครึ่งหนึ่ง แต่สาย fiber optic ที่ใชใ้นการทดลองนี้ไม่ได้มคีุณภาพดีถึงเพียงนั้น
การทดลอง
ใชส้ายไฟเบอร์ออพตกิ(เส้นใยแก้วนาแสง) ที่มคีวามยาว 25 เซนตเิมตร และ 5 เมตร ทาการทดลองส่งและรับสัญญาณแสง สังเกตผลที่เกิดข้นึ
ส่วนเสริมที่จะทาต่อไปคอื การส่งสัญญาณเสียงด้วยแสง แทนที่จะเป็นการส่งสัญญาณ digital ด้วยสาย fiber optic ก็จะกลายเป็นการส่งสัญญาณเสียง (คา พูด เสียงร้องเพลง) ทางสาย fiber optic
เมอื่ตวัรับสัญญาณทางานจะส่งสัญญาณนี้ไปแปลงกลับมาเป็นเสียงเช่นเดิม นิยมเรียกการส่งในลักษณะนี้ว่า การส่งแบบ analog
Infrared Transmission
สาย fiber optic ที่ซอื้มาจากร้าน RS นั้น สามารถส่งสัญญาณแสงในช่วงของ Infrared ได้ น่าจะทาการทดลองเพิ่ม ทั้งการส่งและการรับในช่วงนี้
maximum of multiplex frequency
ในการทดลองนี้ สาหรับสายทองแดงนั้น ไม่ปัญหาเรื่องความถี่สูงสุดของการส่งสัญญาณไฟฟ้าแบบ multiplex ส่วนการส่งสัญญาณด้วยแสงทาง fiber optic นั้นมขีอ้จากัด เพราะเมอื่ความถี่สูงมาhigh จะมชี่วงสั้นมาก photodiode และ วงจรเปรียบเทียบไม่อาจทางานได้ถูกตอ้งนัก (การแก้ไขสามารถต้งั Theshold ใหม่) นอกจากนี้ยังข้นึอยู่กับการออกแบบสาย fiber optic ด้วย เพที่ใชใ้นการทดลองนั้น เป็นสายที่ถูกออกแบบมาให้ทางานกับแสงที่มคีวามถี่ประมาณ 680 นาโนเมตร และเป็นการใชง้านที่ความถี่ปานกลางเท่านั้น
ส่วนสาย fiber optic ที่ออกแบบให้ใชง้านส่งสัญญาณจริง (Commercial utilization) เป็นสายที่ออกแบบให้ทางานที่แสง infrared และการตอบสนองต่อความถี่ของสัญญาณนั้นมคี่าสูจุดนี้เป็นจุดสาคญัที่ทุกท่านควรเขา้ใจ
การนาไปใชง้านของ Fiber Optic
- 8. ตกึสูงๆ ทตี่อ้งการเชอื่มต่อระบบเครือข่าย ทาเป็น Backbone (สายรับส่งสัญญาณขอ้มูลหลัก)
ระบบการรับส่งสัญญาณภาพ วดีโีอ ตามพนื้ทตี่่างๆ
การเชอื่มต่อสัญญาณระยะไกล
การใชแ้ทนสายสัญญา RG 6 ในระบบกลอ้งวงจรปิด ในการเดนิสายในระยะไกล
ตวัอย่างการนาไปใชง้าน
เครื่อข่ายเคเบิ้ลใยแก้วในกรุงเทพ ยกตวัอย่างเช่น การสื่อสาร การประปา องคก์ารโทรศัพท์ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การรถไฟ ธนาคาร บริษัทผูใ้ห้บริการโทรศัพท์
เครื่อข่ายเคเบี้ลใยแก้วระหว่างประเทศ
เครื่อข่ายเชอื่มโยงระหว่างจังหวัด