ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มาพร้อมกับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
น.ส.วาสนา แก้วผนึกรังษี
ผู้ปฏิบัติงานประจารองประธาน กสทช.
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและ
เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสาคัญ ได้นาโลกไปสู่ยุคไซเบอร์ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตและ
ระบบเครือข่าย เป็นตัวขับเคลื่อนการดาเนินการต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น การ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การทาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ระบบควบคุมบังคับบัญชาทางทหาร
การสื่อสารโทรคมนาคม หรือแม้กระทั่งการดาเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น
กุญแจสาคัญต่อการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศชาติ
ประเทศไทยมีการใช้งานเครือข่าย 3G บนความถี่ย่าน 2.1 GHz เมื่อประมาณกลางปี
2555 ซึ่งถือว่าช้ากว่าหลายๆประเทศ แต่กลับเป็นประเทศที่ประชาชนมีการโอนย้ายเครือข่ายจาก
2G ไปยังเครือข่าย 3G เร็วที่สุดในโลก อีกทั้งยังพบว่า ในปี 2558 มีผู้ใช้งาน Facebook ใน
ประเทศไทยทั้งหมด 35 ล้านราย เพิ่มขึ้น 34.6% [ข้อมูล ณ 17 เมษายน 2558, Zocialinc.com]
ส่วนการใช้งานแอพพลิเคชันไลน์ (Line) มีจานวน 33 ล้านราย ในปี 2557 มากเป็นอันดับสองรอง
จากประเทศญี่ปุ่น และมีการดู Youtube มากเป็นอันดับสองของทวีปเอเซียรองจากญี่ปุ่น
[Yozzo, 2014 ] รวมทั้งการใช้งาน Twitter 3.4 ล้านราย และการใช้งาน Instragram 2 ล้านราย
[Zocialinc.com, 2015] นับว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในช่วงปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร สามารถผลักดันประเทศให้เข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยยึดหลักการ
สร้างชาติ สร้างคน มีปัญญาเป็นทุนในการสร้างงานและสร้างรายได้ต่อไป
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีไร้สายมีอานาจด้านข้อมูลข่าวสารแก่ผู้บริโภคในทุกด้าน
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นตัวผลักดันทาให้
เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและธุรกิจตามมาอย่างมากมาย เช่น การสร้างแอพพลิเคชั่นบนมือถือ
เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ (M-Commerce) เป็นต้น จนเกิดผลกระทบอย่าง
มากในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เนื่องจากเทคโนโลยีได้เปลี่ยนสภาวะทางเศรษฐกิจ
ของประเทศและของโลกให้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด
แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นบนเครือข่าย การบุกรุกทางอิเล็กทรอนิกส์ก็จะ
เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งในมิติความมั่นคงของชาตินั้น การบุกรุกทางอิเล็กทรอนิกส์จะทาให้
เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมได้เพิ่มพลังอานาจให้แก่
ผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและต่อโลกเช่นกัน และยิ่งแอพลิเคชั่นและซอฟแวร์ได้ถูกพัฒนาจนมี
ความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นเท่าใด เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีใช้อยู่ในท้องตลาด
ทั่วไปก็ยิ่งมีขีดความสามารถเท่าเทียมกับเทคโนโลยีของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐมากขึ้น
เท่านั้น เนื่องจากผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น จนทาให้ผู้ที่คิดจะทาการก่อ
การร้ายมีทางเลือกในการปฏิบัติมากขึ้นและซับซ้อนขึ้น ยากแก่การตรวจจับ ประกอบกับการโจมตี
ที่สามารถทาได้จากที่ใดก็ได้ในโลกโดยผ่านระบบ Cyberspace ซึ่งสงครามไซเบอร์เป็นภัยคุกคาม
ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กรภาคเอกชน องค์กรภาครัฐ และระดับประเทศ
ในปัจจุบันคาว่า “Cyber security” ได้ถูกกล่าวอย่างกว้างขวาง จนถึงระดับนานาชาติที่ให้
ความสาคัญมากขึ้น บริษัทนอร์ตัน รายงานตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีผ่านไซเบอร์ ในปี
2012 ว่ามีมูลค่าสูงถึง 113 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีเหยื่อรายใหม่เกิดขึ้น 378 ล้านรายต่อปี หรือ 1
ล้านรายต่อวัน หรือประมาณ 12 รายต่อวินาที ซึ่งมากกว่าอัตราการเกิดของประชากรโลกเสียอีก
สาหรับประเทศไทย นโยบาย Digital Economy จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ
มากมายในประเทศ ขณะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกันไปด้วย ข้อมูลจากสานักงาน
พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) รายงานว่าประเทศไทยเป็นอันดับ 3 ใน 10 ประเทศใน
ภูมิภาคอาเซียน ที่มีความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และการคาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ภัยคุกคามไซเบอร์
ส่วนใหญ่จะมาจากการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ และ Internet of Thing
Security ในปัจจุบัน พอหรือยัง
ปัจจุบัน คนทั้งโลกได้เริ่มให้ความสนใจกับอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต โดยมี
ข้อกาหนดและผลิตภัณฑ์มากมายที่พัฒนามาเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตนี้ ทั้งการ
ป้องกันโครงข่าย การตรวจจับ อุดช่องโหว่ รวมถึงการติดตามเมื่อเกิดอาชญากรรมขึ้น แต่เป็นที่
ชัดเจนว่า แม้ว่าผู้ให้บริการจะพยายามพัฒนาวิธีการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลผ่านทาง
อินเทอร์เน็ตเป็นอย่างดีเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้ไม่หวังดีสามารถมาขโมยรหัสผ่าน หรือมาดักขโมย
ข้อมูลได้อยู่ดี และได้มีการพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ แม้แต่ประเทศที่ให้
ความสาคัญแก่ระบบ Cyber security สูง ก็ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันที่สมบูรณ์ได้ จึงได้แต่
ประกาศเตือนผู้ใช้มิให้เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ที่ไม่รู้จัก ไม่ให้คลิกเชื่อมต่อเว็บไซต์ที่
แปลกปลอม และให้ระมัดระวังการหลอกลวงทางอีเมล เป็นต้น
ในประเทศไทย มีแนวโน้มของอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติที่ทวีความรุนแรง
มากขึ้น มีอาชญากรจากต่างประเทศเข้ามาก่ออาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศ หากไม่มีการ
ป้องกันที่ดีพอ ประเทศไทยก็มีความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นศูนย์กลางในการก่ออาชญากรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์ได้ เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ นับวันก็จะมีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจาก
ผู้โจมตีจะสามารถคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ที่แวดวง Cyber security ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน และมี
การใช้เทคนิคต่างๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทาให้รูปแบบภัยคุกคามมีความก้าวล้ามากขึ้น ทุกวันนี้
ภัยคุกคามมีลักษณะล่องหนมากขึ้น สามารถเล็ดลอดการตรวจจับเบื้องต้นได้ และการใช้ช่องโหว่ที่
แทบจะตรวจไม่พบเพื่อเจาะเข้าสู่เป้าหมาย ทาให้ในบางครั้งระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่าย
ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีใหม่ๆ นี้ได้
ดังนั้นจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้าน
ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการทาธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วย
การสร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงนานา
ประเทศ ในการสร้างความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือ กระบวนการในการรับมือการโจมตีทาง
โลกไซเบอร์ การมีกฎหมายและนโยบายจากภาครัฐที่ชัดเจน การให้ความรู้แก่ประชาชน ตลอดจน
การตระหนักอยู่เสมอว่าอาจถูกคุกคามทางไซเบอร์ได้ทุกเมื่อ สิ่งสาคัญประการหนึ่งในการผลักดัน
ประเทศไปสู่ Digital Economy คือโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต
ความเร็วสูง เปิดช่องทางการให้บริการในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง
บริการ และใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งจะ
ทาให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัยข้อมูลและความมั่นคงไซเบอร์ สร้าง
บรรยากาศที่ดีในการใช้งาน สุดท้ายจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติได้

ภัยคุกคามทางไซเบอร์

  • 1.
    ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มาพร้อมกับยุคเศรษฐกิจดิจิทัล น.ส.วาสนา แก้วผนึกรังษี ผู้ปฏิบัติงานประจารองประธาน กสทช. อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันพัฒนาการทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและ เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสาคัญได้นาโลกไปสู่ยุคไซเบอร์ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตและ ระบบเครือข่าย เป็นตัวขับเคลื่อนการดาเนินการต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น การ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การทาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ระบบควบคุมบังคับบัญชาทางทหาร การสื่อสารโทรคมนาคม หรือแม้กระทั่งการดาเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น กุญแจสาคัญต่อการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศชาติ ประเทศไทยมีการใช้งานเครือข่าย 3G บนความถี่ย่าน 2.1 GHz เมื่อประมาณกลางปี 2555 ซึ่งถือว่าช้ากว่าหลายๆประเทศ แต่กลับเป็นประเทศที่ประชาชนมีการโอนย้ายเครือข่ายจาก 2G ไปยังเครือข่าย 3G เร็วที่สุดในโลก อีกทั้งยังพบว่า ในปี 2558 มีผู้ใช้งาน Facebook ใน ประเทศไทยทั้งหมด 35 ล้านราย เพิ่มขึ้น 34.6% [ข้อมูล ณ 17 เมษายน 2558, Zocialinc.com] ส่วนการใช้งานแอพพลิเคชันไลน์ (Line) มีจานวน 33 ล้านราย ในปี 2557 มากเป็นอันดับสองรอง จากประเทศญี่ปุ่น และมีการดู Youtube มากเป็นอันดับสองของทวีปเอเซียรองจากญี่ปุ่น [Yozzo, 2014 ] รวมทั้งการใช้งาน Twitter 3.4 ล้านราย และการใช้งาน Instragram 2 ล้านราย [Zocialinc.com, 2015] นับว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในช่วงปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร สามารถผลักดันประเทศให้เข้าสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ โดยยึดหลักการ สร้างชาติ สร้างคน มีปัญญาเป็นทุนในการสร้างงานและสร้างรายได้ต่อไป จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีไร้สายมีอานาจด้านข้อมูลข่าวสารแก่ผู้บริโภคในทุกด้าน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นตัวผลักดันทาให้ เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและธุรกิจตามมาอย่างมากมาย เช่น การสร้างแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ (M-Commerce) เป็นต้น จนเกิดผลกระทบอย่าง มากในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เนื่องจากเทคโนโลยีได้เปลี่ยนสภาวะทางเศรษฐกิจ ของประเทศและของโลกให้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด
  • 2.
    แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นบนเครือข่าย การบุกรุกทางอิเล็กทรอนิกส์ก็จะ เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งในมิติความมั่นคงของชาตินั้นการบุกรุกทางอิเล็กทรอนิกส์จะทาให้ เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงทั่วโลก เนื่องจากเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมได้เพิ่มพลังอานาจให้แก่ ผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติและต่อโลกเช่นกัน และยิ่งแอพลิเคชั่นและซอฟแวร์ได้ถูกพัฒนาจนมี ความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นเท่าใด เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีใช้อยู่ในท้องตลาด ทั่วไปก็ยิ่งมีขีดความสามารถเท่าเทียมกับเทคโนโลยีของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐมากขึ้น เท่านั้น เนื่องจากผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น จนทาให้ผู้ที่คิดจะทาการก่อ การร้ายมีทางเลือกในการปฏิบัติมากขึ้นและซับซ้อนขึ้น ยากแก่การตรวจจับ ประกอบกับการโจมตี ที่สามารถทาได้จากที่ใดก็ได้ในโลกโดยผ่านระบบ Cyberspace ซึ่งสงครามไซเบอร์เป็นภัยคุกคาม ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กรภาคเอกชน องค์กรภาครัฐ และระดับประเทศ ในปัจจุบันคาว่า “Cyber security” ได้ถูกกล่าวอย่างกว้างขวาง จนถึงระดับนานาชาติที่ให้ ความสาคัญมากขึ้น บริษัทนอร์ตัน รายงานตัวเลขความเสียหายจากการโจมตีผ่านไซเบอร์ ในปี 2012 ว่ามีมูลค่าสูงถึง 113 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีเหยื่อรายใหม่เกิดขึ้น 378 ล้านรายต่อปี หรือ 1 ล้านรายต่อวัน หรือประมาณ 12 รายต่อวินาที ซึ่งมากกว่าอัตราการเกิดของประชากรโลกเสียอีก สาหรับประเทศไทย นโยบาย Digital Economy จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ มากมายในประเทศ ขณะที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกันไปด้วย ข้อมูลจากสานักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) รายงานว่าประเทศไทยเป็นอันดับ 3 ใน 10 ประเทศใน ภูมิภาคอาเซียน ที่มีความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และการคาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ภัยคุกคามไซเบอร์ ส่วนใหญ่จะมาจากการใช้งานอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ และ Internet of Thing Security ในปัจจุบัน พอหรือยัง ปัจจุบัน คนทั้งโลกได้เริ่มให้ความสนใจกับอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต โดยมี ข้อกาหนดและผลิตภัณฑ์มากมายที่พัฒนามาเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตนี้ ทั้งการ ป้องกันโครงข่าย การตรวจจับ อุดช่องโหว่ รวมถึงการติดตามเมื่อเกิดอาชญากรรมขึ้น แต่เป็นที่ ชัดเจนว่า แม้ว่าผู้ให้บริการจะพยายามพัฒนาวิธีการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลผ่านทาง อินเทอร์เน็ตเป็นอย่างดีเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้ไม่หวังดีสามารถมาขโมยรหัสผ่าน หรือมาดักขโมย ข้อมูลได้อยู่ดี และได้มีการพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ แม้แต่ประเทศที่ให้ ความสาคัญแก่ระบบ Cyber security สูง ก็ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันที่สมบูรณ์ได้ จึงได้แต่
  • 3.
    ประกาศเตือนผู้ใช้มิให้เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ที่ไม่รู้จักไม่ให้คลิกเชื่อมต่อเว็บไซต์ที่ แปลกปลอม และให้ระมัดระวังการหลอกลวงทางอีเมล เป็นต้น ในประเทศไทย มีแนวโน้มของอาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติที่ทวีความรุนแรง มากขึ้น มีอาชญากรจากต่างประเทศเข้ามาก่ออาชญากรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศ หากไม่มีการ ป้องกันที่ดีพอ ประเทศไทยก็มีความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นศูนย์กลางในการก่ออาชญากรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ได้ เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ นับวันก็จะมีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจาก ผู้โจมตีจะสามารถคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ที่แวดวง Cyber security ยังไม่เคยพบเจอมาก่อน และมี การใช้เทคนิคต่างๆที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ทาให้รูปแบบภัยคุกคามมีความก้าวล้ามากขึ้น ทุกวันนี้ ภัยคุกคามมีลักษณะล่องหนมากขึ้น สามารถเล็ดลอดการตรวจจับเบื้องต้นได้ และการใช้ช่องโหว่ที่ แทบจะตรวจไม่พบเพื่อเจาะเข้าสู่เป้าหมาย ทาให้ในบางครั้งระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่าย ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีใหม่ๆ นี้ได้ ดังนั้นจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้าน ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการทาธุรกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วย การสร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงนานา ประเทศ ในการสร้างความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือ กระบวนการในการรับมือการโจมตีทาง โลกไซเบอร์ การมีกฎหมายและนโยบายจากภาครัฐที่ชัดเจน การให้ความรู้แก่ประชาชน ตลอดจน การตระหนักอยู่เสมอว่าอาจถูกคุกคามทางไซเบอร์ได้ทุกเมื่อ สิ่งสาคัญประการหนึ่งในการผลักดัน ประเทศไปสู่ Digital Economy คือโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูง เปิดช่องทางการให้บริการในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึง บริการ และใช้ประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งจะ ทาให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นทางด้านความปลอดภัยข้อมูลและความมั่นคงไซเบอร์ สร้าง บรรยากาศที่ดีในการใช้งาน สุดท้ายจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติได้