SlideShare a Scribd company logo
1 of 45
Download to read offline
1
﴿‫نار‬‫ل‬‫إ‬ ‫يف‬ ‫ابك‬‫أ‬‫و‬ ‫يب‬‫أ‬ ‫ن‬‫إ‬﴾
«‫ندية‬‫ال‬‫تاي‬‫ل‬‫إ‬ ‫للغة‬‫اب‬»
‫يف‬‫ل‬‫تأ‬
‫إىس‬‫و‬‫إله‬ ‫هللا‬ ‫بد‬‫ع‬ ‫بن‬ ‫محمود‬
٩٢٤١‫هــ‬-٤٠٠٢‫م‬
2
วิเคราะห์ปัญหา
บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็ นชาวนรกหรือ?
หะดีษเกี่ยวกับเรื่องนี้มีดังนี้
(1) มีรายงาน จากหัมมาด บินสะละมะฮ์, จากษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก
เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า
‫ن‬َ‫أ‬َ‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:َ‫ي‬َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬‫ه‬‫هللا‬!َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬‫؟‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:‫ه‬‫ف‬،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬‫ا‬‫م‬َ‫ل‬َ‫ف‬‫ى‬‫ف‬َ‫ق‬ُ‫ه‬‫ا‬َ‫ع‬َ‫د‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬:‫ن‬
ِ
‫إ‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ك‬ َ‫اب‬َ‫أ‬َ‫و‬‫ه‬‫ف‬
‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫إلن‬
“ชายผู้หนึ่งกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์ บิดาของฉันอยู่ที่ไหน?, ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ใน
นรก, แล้วเมื่อเขาผินหลังให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขาแล้วกล่าวว่า แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดา
ของท่านอยู่ในนรก”1
(2) มีรายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า
َ‫أ‬َ‫و‬ ، َ‫َك‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬ُ‫أ‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ُّ ‫ه‬‫ِب‬‫إلن‬َ‫إر‬َ‫ز‬، َُ‫َل‬ ْ‫و‬َ‫ح‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫َك‬ْ‫ب‬ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬ َ‫ر‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬
ِ
‫إ‬ : َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬
!َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ب‬ُ‫ق‬ْ‫ل‬‫وإإ‬ُ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫ف‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ َ‫ن‬‫ه‬‫ذ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ه‬ُ‫ت‬ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫إس‬َ‫و‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫ؤ‬ُ‫ي‬ َْ‫َّل‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ‫ل‬َ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ْ‫غ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬َ‫أ‬َ‫ت‬ْ‫و‬َ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ُ‫ر‬‫ه‬‫ك‬َ‫ُذ‬‫ت‬ ‫ا‬َ‫َّن‬
ِ
‫ا‬َ‫ف‬
“ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ไปเยี่ยมกุบูรมารดาของท่าน แล้วท่านก็ร้องไห้
ทาให้คนที่อยู่รอบตัวท่านร้องไห้ด้วย แล้วท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขออนุญาตต่อพระผู้อภิบาลของ
ฉันในการขออภัยโทษให้ท่าน (คุณแม่) แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาต, ฉันจึงขออนุญาตต่อพระองค์
1
บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 347/203; อะบูอะวานะฮ์ เล่ม 1 หน้า 99; อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 4718;
อะห์มัด เล่ม 3 หน้า 268; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 7 หน้า 190; อัลญูซะกอนีย์ ใน “อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” เล่ม 1 หน้า 233;
อะบูยะอ์ลา 6/229/3516
3
ในการไปเยี่ยมกุบูรของท่าน พระองค์ก็อนุญาตแก่ฉัน ดังนั้นพวกท่านจงซิยาเราะฮ์กุบูรเถิด เพราะ
มันจะช่วยเตือนราลึกพวกท่านเรื่องความตาย”2
ถามว่า ได้อ่านหะดีษทั้งสองบทข้างต้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง?
แน่นอนคาตอบก็คือ มุสลิมที่มีอีมานทุกคนย่อม “ทาใจรับ” ลาบากต่อเหตุการณ์ข้างต้น
หากเป็นความจริง
อย่าว่าให้ทาใจรับเลย แค่ “คิด” ก็ยังไม่อยากจะคิดเสียด้วยซ้า
กรณีนี้จึงไม่แตกต่างอันใดกับสาวกของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งซึ่งมีความศรัทธาอย่าง
สุดจิตสุดใจในตัวท่าน จนทาใจรับไม่ได้กับข้อกล่าวหาของสังคมว่า ท่านมีพฤติการณ์ทุจริต
คอร์รัปชั่น
ขนาดศาลสถิตยุติธรรมตัดสินแล้วว่า ท่านทุจริตคอร์รัปชั่นจริง ก็ยังยอมรับไม่ได้ แถม
กลับกล่าวว่า ท่านถูกกลั่นแกล้งหรือศาลตัดสินลาเอียงไปโน่น
สรุปแล้วก็คือหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เชื่อว่าท่านทุจริตคอร์รัปชั่นจริง ดังการตัดสินของศาล
นี่คือเรื่องของความศรัทธา ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ใครจะไปคัดค้านหรือลบล้างได้
ผู้เขียนเองยอมรับว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่ “ทาใจรับไม่ได้” เช่นเดียวกันกับคากล่าวที่ว่า บิดา
มารดาของท่านนะบีย์ ต้องเข้านรก
แต่ผู้เขียนก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า “สมมุติ” ถ้าพิสูจน์ได้ว่าหะดีษทั้งสองบทข้างต้นเป็นหะ
ดีษที่ถูกต้อง (‫ح‬ْ‫ي‬‫ه‬ َ‫)َص‬ และไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน? เราจะว่าอย่างไร?
จะเอา “ความรู้สึก” ส่วนตัวมาตัดสิน เพื่อจะเอาชนะคะคานหรือบิดเบือน “หลักฐานที่
ถูกต้อง” ของหะดีษเศาะหี้ห์อย่างนั้นหรือ?
ถ้ายังยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับหลักฐานที่ถูกต้อง มันก็ไม่แตกต่างอันใดกับสาวกของอดีต
นายกรัฐมนตรีท่านนั้นที่ไม่ยอมรับการตัดสินของศาลสถิตยุติธรรม เพราะยึดถือเอา “ความรู้สึก
ส่วนตัว” มาเป็นเครื่องการันตีว่า ผู้ที่ตนศรัทธานั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม และ
ปราศจากความด่างพร้อยใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าเราไม่ปฏิเสธข้อเปรียบเทียบข้างต้น และยังยืนหยัดที่จะใช้อารมณ์มาหักล้างหลักฐานที่
ถูกต้องของศาสนา ก็เท่ากับเรากาลังนาตัวเองเข้าสู่หุบเหวแห่งการ “ตะอัศศุบ” ที่ท่านนะบีย์ได้
ตรัสตาหนิและประณามไว้อย่างรุนแรง
2
บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 108/976; อันนะสาอีย์ หะดีษเลขที่ 2033; อิบนุมาญะฮ์ หะดีษเลขที่
1572; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 4 หน้า 76; และอะห์มัด เล่ม 2 หน้า 441
4
ดังข้อความในหะดีษที่มีข้อความตอนหนึ่งว่า
‫ه‬‫ة‬‫ي‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ص‬َ‫ع‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫َّل‬َ‫ع‬ َ‫ات‬َ‫م‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ ‫ا‬‫ن‬‫ه‬‫م‬ َ‫س‬ْ‫ي‬َ‫ل‬
“มิใช่อยู่บนแนวทางของเรา (หรือมิใช่เป็นประชาชาติของเราหรอก) สาหรับผู้ซึ่งตายใน
สภาพตะอัศศุบ (ถือพรรคถือพวกหรือคลั่งไคล้สิ่งใดจนเกินขอบเขต)”3
แม้ “สายรายงาน” ของหะดีษบทนี้จะเฎาะอีฟ แต่ “ความหมาย” ของมันถือว่าถูกต้อง
เพราะได้รับการสนับสนุนจากหะดีษของอะบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ4
เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงอยากเตือนสติทุกท่านว่า จง “เชื่อ” เถิดถ้าท่านอยากจะเชื่อ แต่อย่า
เชื่อให้เกินเลยถึงขั้น “ตะอัศศุบ” จนกลายเป็นคนขาดเหตุผลก็แล้วกัน
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เรื่องความขัดแย้งในสถานภาพของบิดามารดาของท่านนะบีย์ในวัน
อาคิเราะฮ์ เป็นความขัดแย้งด้านมุมมองของนักวิชาการที่ยากต่อการตัดสินชี้ขาด จึงไม่บังควร
อย่างยิ่งที่ระดับชาวบ้านธรรมดาอย่างเราจะมา “ยึดติด” ทัศนะใดทัศนะหนึ่งจนเลยเถิด ถึงขั้น
ประณามผู้ที่มีทัศนะขัดแย้งกับตนเอง
สาหรับผู้เขียนเองขอเรียนว่า ก่อนที่ผู้เขียนจะได้รับทราบข้อมูลจากทัศนะของชัยค์
อัชชันกีฏีย์ เจ้าของตัฟสีร “‫ه‬‫ان‬َ‫ي‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ء‬‫إ‬َ‫و‬ ْ‫ض‬َ‫أ‬” จาก website เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผู้เขียนเคยได้รับแผ่นซีดี
การโต้แย้งปัญหานี้ระหว่าง อ.ฟารีด เฟ็นดี้ กับ อ.กอเซ็ม มูฮัมหมัดอาลี5
มานานร่วม 5 เดือนแล้ว
แต่ผู้เขียนก็วางเฉยไม่อยากวิเคราะห์ เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อันใดในด้านอะกีดะฮ์ของ
ตัวเองแล้ว ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ตอนต้น นั่นคือแม้แต่คิดก็ยังไม่อยากคิดถึงเรื่องการลง
นรกของบิดามารดาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยซ้าไป
ดังนั้นการที่ผู้เขียนตัดสินใจออกมาวิเคราะห์ปัญหานี้ (ตามการขอร้องของหลายท่าน) จึง
มิใช่มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะชี้นาผู้ใดให้คล้อยตามการวิเคราะห์ของผู้เขียน แต่เพราะหวังว่า บางทีมัน
อาจจะช่วยเหนี่ยวรั้งและเตือนสติผู้ที่มีทัศนะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องนี้ให้ “เปิดใจกว้าง”
พอที่จะรับฟังทัศนะที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตนเองได้บ้าง
3
บันทึกโดย อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 5121
4
บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 53/1848
5
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=11&sid=4bd4b6e81694015
798de0f3bf519bd84 (ตอนแรก) หรือ https://www.youtube.com/watch?v=9eyBJZtjYLw (ตอนแรก); และ
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=12&sid=4bd4b6e81694015798de0f
3bf519bd84 (ตอนท้าย) หรือ https://www.youtube.com/watch?v=Czx28Hmiuns (ตอนท้าย)
5
และเท่าที่ได้รับฟังจากวีดิโอการโต้แย้ง (หรือจะพูดให้มันฟังดูไพเราะว่า การอภิปรายก็
ได้) รวมทั้งการได้พูดคุยและสอบถาม อ.ฟารีด ด้วยตนเอง ผู้เขียนจึงเชื่อว่า อ.ฟารีด เฟ็นดี้ คงไม่
มีจุดประสงค์ที่จะเปิดประเด็นพูดเรื่องบิดามารดาท่านนะบีย์ต้องลงนรกหรือไม่? ขึ้นมาหรอก และ
เชื่อว่าท่านเองคงไม่สบายใจเหมือนกันที่ต้องพูดเรื่องนี้
แต่เมื่อมีผู้ถามท่านในการบรรยายครั้งหนึ่งถึงเรื่องการขออภัยโทษ (‫ار‬َ‫ف‬ْ‫غ‬‫ه‬‫ت‬ ْ‫س‬
ِ
‫)إ‬ ให้คนมุชริก
ต่อพระองค์อัลลอฮ์ ว่าเป็นที่อนุญาตตามหลักการศาสนาหรือไม่? ท่านจึงได้อ้างหลักฐานหะดีษทั้ง
สองบทข้างต้นจากการบันทึกโดยมุสลิมซึ่งถือว่าเป็นหะดีษเศาะหี้ห์ในทัศนะของท่านนั้นมาเป็น
หลักฐานในการตอบ จนนาไปสู่การโต้แย้งกับ อ.กอเซ็ม ในที่สุด
จากจุดนี้ผู้เขียนถือว่า หากจะมองกันด้วยสายตานักวิชาการที่มีใจเป็นธรรมแล้ว อ.ฟารีด
ไม่มีความผิดในกรณีนี้ จนถึงกับต้องมาประณามท่าน
เพราะการที่ อ.ฟารีด เข้าใจและอธิบายหะดีษทั้งสองบทนั้นในลักษณะนี้ ก็ใช่ว่าท่านเป็นคน
แรกที่เข้าใจอย่างนี้ และอธิบายอย่างนี้
อย่างน้อยที่สุดนักวิชาการหะดีษระดับแนวหน้าของโลกอิสลามจานวนมากทั้งในอดีตและ
ปัจจุบันก็มีความเข้าใจเหมือนที่ อ.ฟารีด เข้าใจมาก่อนแล้ว
เช่น มุสลิม, อันนะวะวีย์, อัลบัยฮะกีย์, อัลญูซะกอนีย์, อิบรอฮีม อัลหะละบีย์, อะลีย์
อัลกอรีย์ ฯลฯ โดยเฉพาะสองท่านหลังถึงกับได้เขียนหนังสือขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อชี้แจง
หลักฐานและข้อมูลที่สนับสนุนความเข้าใจที่ว่า บิดามารดาท่านนะบีย์ เป็นชาวนรก
ส่วนอัลญูซะกอนีย์ ได้รวบรวมหะดีษไว้หลายบทเพื่อยืนยันเรื่องนี้6
อะบูอัฏฏ็อยยิบ อัลอาบาดีย์ ผู้เขียนหนังสือ “เอานุลมะอ์บูด” อันเป็นหนังสืออธิบายหะดีษ
ที่บันทึกโดยอะบูดาวูด ก็มีความเชื่ออย่างนี้เช่นเดียวกัน7
และมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ ก็ได้เขียนวิเคราะห์ไว้อย่างเดียวกันนี้8
แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการในอดีตบางท่าน เช่น อิมามอัสสะยูฏีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 911)
ก็ได้เขียน “‫ى‬َ‫ف‬َ‫ط‬ ْ‫ص‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ ‫ىه‬َ ‫ه‬‫إِل‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬َ‫ف‬َ‫ن‬ُ‫ح‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ ‫ه‬‫اِل‬ َ‫س‬َ‫م‬” ซึ่งรวมเล่มอยู่ใน “ ْ‫ى‬‫ه‬‫و‬‫ا‬َ‫ت‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫ه‬‫ل‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫و‬‫ا‬َ‫ح‬ْ‫ل‬َ‫إ‬” ของท่าน9
โดยท่าน
ได้โต้แย้งผู้ที่มีทัศนะว่าบิดามารดาของท่านนะบีย์เป็นชาวนรก ด้วยการอ้างข้อมูลหลักฐานต่างๆ
มายืนยันว่า ทั้งบิดามารดาของท่านนะบีย์ จะไม่ถูกลงโทษในนรกแต่ประการใด
6
“อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” โดย อัลญูซะกอนีย์ เล่ม 1 หน้า 229-235
7
ดู “เอานุลมะอ์บูด” เล่มที่ 12 หน้า 494-495
8
“อัศเศาะหี้หะฮ์” โดย อัลบานีย์ เล่ม 1 หน้า 25 หะดีษเลขที่ 18 และเล่ม 6 หน้า 177-182 หะดีษเลขที่ 2592
9
เล่ม 2 หน้า 353-396
6
สรุปข้อมูลของท่านอัสสะยูฏีย์ที่นามาใช้โต้แย้งทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่ดังที่ระบุใน
หนังสือดังกล่าว มีอยู่สี่แนวทางหลักๆ ด้วยกันคือ
1. ข้อความในหะดีษที่บันทึกโดยมุสลิม ที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” มิใช่เป็นคากล่าว
ของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่อาจเป็นข้อความซึ่งผู้รายงานบางท่านได้ใช้คาพูด
ของตนเองที่เข้าใจหะดีษอีกบทหนึ่งอย่างนี้ มาอธิบายหะดีษนี้
2. ข้อความข้างต้นเป็นข้อความเพิ่มเติมที่ผิดเพี้ยน (‫ة‬‫اذ‬ َ‫ش‬ ‫َة‬‫د‬ َ‫ي‬‫ه‬‫)ز‬ เพราะหัมมาด บินสะละ
มะฮ์ ผู้รายงานหะดีษข้างต้นได้รายงานข้อความนี้ให้เกินเลยจากมะอ์มัร บินรอชิด ซึ่งได้รายงาน
หะดีษนี้มาจากษาบิต อัลบุนานีย์ เช่นเดียวกัน แต่ในรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด ไม่มีข้อความ
ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” เหมือนในรายงานงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์
อัสสะยูฏีย์ (รวมทั้ง อ.กอเซ็ม ด้วย) กล่าวว่า มะอ์มัร บินรอชิด นั้นมีความน่าเชื่อถือ
มากกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์ เพราะหัมมาดถูกวิจารณ์ในด้านความทรงจา และในหะดีษหลาย
บทที่ท่านรายงาน ก็มีข้อความที่มุงกัร คือขัดแย้งกับการรายงานของผู้ที่น่าเชื่อถือท่านอื่นๆ
3. สมมุติถ้าข้อความดังกล่าวนั้นเป็นคากล่าวของท่านนะบีย์จริง แต่ความหมายของคาว่า
“บิดาของฉัน” หมายถึง “อะบูฏอลิบ” ผู้เป็นลุง มิใช่หมายถึงท่านอับดุลลอฮ์ผู้เป็นบิดาของท่าน
นะบีย์จริงๆ
ส่วน อ.กอเซ็ม มีความเห็นเพิ่มเติมมาอีกประเด็นหนึ่งในหะดีษเรื่องมารดาของท่านนะบีย์
ก็คือ การที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ ดังข้อความที่ปรากฏในหะดีษบทที่สอง มิใช่เพราะท่านสงสารที่
มารดาของท่านต้องอยู่ในนรก แต่เป็นเพราะท่านเสียใจที่มารดาของท่านไม่มีโอกาสได้รับอิสลาม
จากท่าน
นี่คือทัศนะส่วนตัวของ อ.กอเซ็ม ที่มิได้ชี้แจงหลักฐานอ้างอิงใดๆ
4. บิดามารดาท่านนะบีย์ เป็นอะฮ์ลุลฟัตเราะฮ์ (ผู้อยู่ในช่วงว่างเว้นนะบีย์) จึงไม่ต้องถูก
ลงโทษ ดังอัลกุรอานที่ว่า
﴿۞ ‫ا‬‫وًل‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ث‬َ‫ع‬ۡ‫ب‬َ‫ن‬ ٰ‫َّت‬َ‫ح‬ َ‫هني‬‫ب‬‫ه‬‫ذ‬َ‫ع‬ُ‫م‬ ‫ا‬‫ن‬ُ‫ك‬ ‫ا‬َ‫م‬َ‫و‬﴾
“และเรามิได้ลงโทษ (ผู้ใด) จนกว่าเราจะแต่งตั้งเราะสูลมา”10
10
สูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15
7
ถ้าจะกล่าวกันตรงๆ และไม่อ้อมค้อมแล้วนั้นเท่าที่ได้รับฟังการอภิปรายระหว่าง อ.กอเซ็ม
และ อ.ฟารีด ในวันนั้นผู้เขียนมั่นใจว่า “ข้อมูล” จากหนังสือที่ อ.กอเซ็ม นามาใช้โต้แย้งกับ
อ.ฟารีด เป็นข้อมูลที่เจ้าของหนังสือเล่มนั้นได้ “คัดลอก” มาจากหนังสือของอัสสะยูฏีย์ข้างต้น
แทบทั้งดุ้น
ส่วนแนวทางของชัยค์อัชชันกีฏีย์ เจ้าของตัฟสีร “‫ه‬‫ان‬َ‫ي‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ء‬‫إ‬َ‫و‬ ْ‫ض‬َ‫أ‬” นั้นนอกจากจะสอดคล้องกับ
แนวทางของอัสสะยูฏีย์ในประเด็นที่สามและประเด็นที่สี่แล้ว ท่านยังมีเพิ่มมาอีกประเด็นหนึ่ง
นั่นคือ
แม้หะดีษที่กล่าวว่า บิดามารดาของท่านนะบีย์เป็นชาวนรก จะเป็นหะดีษที่ถูกต้อง แต่
หะดีษดังกล่าวก็เป็นเพียง “หะดีษอาหาด” ซึ่งเป็นหลักฐานซ็อนนีย์ (คาดคะเน) จึงไม่สามารถไป
หักล้างข้อความของอัลกุรอานจากสูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15 ซึ่งเป็นหลักฐานก็อฏอีย์
(เด็ดขาด) ได้
นี่คือห้าแนวทางที่นักวิชาการซึ่งมีทัศนะว่า บิดามารดาของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ
วะสัลลัม มิใช่เป็นชาวนรกตามนัยของหะดีษสองบทข้างต้น ใช้เป็นข้อโต้แย้งทัศนะของนักวิชาการ
ส่วนใหญ่
ผู้เขียนก็ขอชี้แจงในแต่ละประเด็นดังต่อไปนี้
(1) ข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ในหนังสือที่ผู้เขียนอ้างถึงข้างต้น11
ที่ว่า . . . ข้อความของ
หะดีษบทแรกที่ว่า “บิดาของฉันเป็ นชาวนรก” มิใช่เป็นคากล่าวของท่านนะบีย์ แต่เป็นคากล่าว
ของผู้รายงานบางท่าน . . .
1.1 อยากจะขอถามว่า มีหลักฐานชัดเจนตามหลักวิชาการหรือไม่ ว่าเป็น ผู้รายงานท่าน
ใด ในสายรายงานหะดีษนี้ที่กล่าวข้อความข้างต้นนี้จากความเข้าใจของตนเองแล้ว “แทรก” มัน
เข้ามาในตัวบทหะดีษ ดังการกล่าวหาของอัสสะยูฏีย์?
หัมมาด บินสะละมะอ์, หรือษาบิต อัลบุนานีย์?
แน่นอนคาตอบ (ที่คาดว่าจะได้รับ) ก็คือ ผู้รายงานท่านนั้น (ตามความเข้าใจของท่าน
อัสสะยูฏีย์) มิใช่ใครอื่นนอกจาก หัมมาด บินสะละมะฮ์! ผู้ซึ่งอัสสะยูฏีย์กล่าวว่า ถูกวิจารณ์ด้าน
ความทรงจา
อัสสะยูฏีย์วินิจฉัยว่า ข้อความที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” นั้น หัมมาดได้กล่าวจาก
ความเข้าใจเอาเองจากหะดีษอีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นคากล่าวของท่านนะบีย์แต่อย่างใด
11
คือ “อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” เล่ม 2 หน้า 394
8
เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ก็ขอให้ได้พิจารณาด้วยใจเป็นธรรมเถิดว่า “หะดีษบทนี้” และ
“หะดีษอีกบทหนึ่ง” ที่จะกล่าวถึงต่อไปนั้นเป็น “หะดีษคนละบท” ที่ถูกรายงานมา ในคนละ
เหตุการณ์กัน หรือเป็น “หะดีษเดียวกัน” แต่ถูกหัมมาดใช้คากล่าวตัวเองรายงานให้แตกต่างกับ
มะอ์มัร ดังข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์?
หะดีษที่หนึ่ง
หัมมาด บินสะละมะฮ์ ได้รายงานมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ จากอะนัส บินมาลิก
เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า
‫ن‬َ‫أ‬َ‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:َ‫ي‬َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬‫ه‬‫هللا‬!َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬‫؟‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:‫ه‬‫ف‬،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬‫ا‬‫م‬َ‫ل‬َ‫ف‬‫ى‬‫ف‬َ‫ق‬ُ‫ه‬‫ا‬َ‫ع‬َ‫د‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬:‫ن‬
ِ
‫إ‬َ‫أ‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫ك‬ َ‫اب‬َ‫أ‬َ‫و‬‫ه‬‫ف‬
‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫إلن‬
“ชายผู้หนึ่งกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์ บิดาของฉันอยู่ที่ไหน?, ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ใน
นรก, แล้วเมื่อเขาผินหลังให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขาแล้วกล่าวว่า แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดา
ของท่านอยู่ในนรก”12
หะดีษที่สอง
อิบรอฮีม บินสะอัด ได้รายงานจากซุฮ์รีย์, จากอามิร บินสะอัด, จากบิดาของอามิร คือ
สะอัด บินอะบูย์วักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า
‫إ‬ ‫ه‬‫ف‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬ ‫؟‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬ !‫ه‬‫هللا‬ َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬‫ا‬‫ف‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ‫ه‬‫ِب‬‫إلن‬ َ‫َت‬َ‫أ‬ ‫ا‬ًّ‫ي‬‫ه‬‫ب‬‫إ‬َ‫ْر‬‫ع‬َ‫أ‬ ‫ن‬َ‫أ‬:َ‫ال‬َ‫ق‬ ،‫ه‬‫ار‬‫لن‬
:َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬ ‫؟‬َ‫ك‬ْ‫و‬ُ‫ب‬َ‫أ‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ف‬‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫لن‬ ‫ه‬‫اب‬ ُ‫ه‬ْ ‫ه‬‫ّش‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ٍ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ َ‫َك‬‫ه‬ ْ‫ْب‬َ‫ق‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ت‬ ْ‫ر‬َ‫ر‬َ‫م‬ ‫ا‬َ‫م‬ُ‫ث‬ْ‫ي‬َ‫ح‬
“ชาวอาหรับชนบทผู้หนึ่งได้มาหาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมแล้วกล่าวว่า โอ้
ท่านเราะสูลุลลอฮ์! บิดาของฉันอยู่ที่ไหน? ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ในนรก, เขากล่าวถามต่อไปว่า
12
บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 347/203; อะบูอะวานะฮ์ เล่ม 1 หน้า 99; อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 4718; อะห์มัด
เล่ม 3 หน้า 268; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 7 หน้า 190; อัลญูซะกอนีย์ ใน “อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” เล่ม 1 หน้า 233; อะบูยะอ์
ลา 6/229/3516
9
แล้วบิดาของท่านเองอยู่ที่ไหน? ท่านนะบีย์จึงกล่าวว่า “ณ ที่ใดก็ตามที่ท่านเดินผ่านกุบูรของคน
กาฟิร ก็ให้ท่านแจ้งเรื่องนรกแก่เขาเถิด”13
สายรายงานบทที่สองเป็นคนละสายรายงานกับบทที่หนึ่ง และเป็นสายรายงานที่ถูกต้อง
เช่นเดียวกัน ดังคากล่าวของอัลฮัยษะมีย์14
และอัลอัลบานีย์15
ส่วนข้ออ้างของอัสสะยูฎีย์ที่ว่า มีหะดีษด้วยสานวนและข้อความ “เหมือนหะดีษที่สอง” ซึ่ง
รายงานโดยมะอ์มัร บินรอชิด, จากษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ
นั้นขอสารภาพตามตรงว่า แม้ผู้เขียนจะได้ตรวจสอบจนสุดความสามารถแล้วจากตาราหะดีษทุก
เล่มที่อยู่ในมือผู้เขียนจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แต่ผู้เขียนก็ยังไม่เจอเลยว่า หะดีษด้วยสายรายงานดังการ
อ้างของอัสสะยูฏีย์นั้น ถูกบันทึกอยู่ในตาราหะดีษเล่มใด! และบรรดานักวิชาการที่วิเคราะห์หะ
ดีษเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงหะดีษนี้จากการรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด, จากษาบิต อัล
บุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์เลยแม้แต่คนเดียว
จึงเป็นไปได้ว่า หะดีษนี้จากกระแสรายงานนี้ดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์ อาจถูกบันทึกอยู่ใน
ตาราหะดีษบางเล่มที่ผู้เขียนหรือแม้แต่ท่านนักวิชาการเหล่านั้นยังไม่เคยเจอก็เป็นได้
แต่ที่เจอก็คือหะดีษเดียวกันนี้ซึ่งถูกบันทึกโดยอิบนุมาญะฮ์16
โดยรายงานมาจากอิบนุอุมัร
เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา
1.2 ในกรณีการตั้งสมมุติฐานว่า มะอ์มัร บินรอชิด ได้รายงานหะดีษบทที่สองมาจาก
ษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จริงดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์
แต่เมื่อพิจารณาดูข้อความหะดีษทั้งสองบทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจะเห็นได้ว่า แม้จะมี
ส่วนคล้ายคลึงกัน แต่ก็น่าจะเป็นคนละเหตุการณ์กัน
ข้อความของหะดีษบทหนึ่งซึ่งท่านนะบีย์กล่าวว่า “แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดาของท่าน
อยู่ในนรก” มิใช่เป็ นการตอบคาถามของผู้ถาม เหมือนหะดีษบทที่สอง แต่เป็น “ประเด็นใหม่”
ที่ท่านนะบีย์ได้กล่าวขึ้นมาเองหลังจากตอบคาถามแล้ว และหลังจากชายผู้นั้นผินหลังให้แล้ว
กรณีนี้แตกต่างกับหะดีษบทที่สองซึ่งท่านนะบีย์ต้องตอบคาถามถึงสองครั้ง และคาตอบ
ครั้งที่สองของท่านก็เป็นการตอบ “เลี่ยงๆ” ไม่ตรงประเด็นอย่างที่เห็นซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ
13
บันทึกโดย อัฏฏ็อบรอนีย์ ใน “อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร” 1/19/1; อัลบัยฮะกีย์ ใน “ดะลาอิลุนนุบูวะฮ์” เล่ม 1 หน้า
139-140; และอัฎฎิยาอ์ อัลมุก็อดดิซีย์ ใน “อัลอะหาดีษ อัลมุคตาเราะฮ์” เล่ม 1 หน้า 333
14
“มัจญ์มะอ์ อัสสะวาอิด” เล่ม 1 หน้า 315
15
“อัศเศาะหี้หะฮ์” เล่ม 1 หน้า 25
16
หะดีษเลขที่ 1573
10
“ประเด็นใหม่” เรื่องบิดาของท่านอยู่ในนรกที่ท่านกล่าวออกมาเองอย่าง “ชัดเจน” ในหะดีษบท
ที่หนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาถัดมาก็คือ สมมุติถ้าหะดีษทั้งสองบทเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และ
ข้อความที่ว่า “บิดาของฉันและบิดาของท่านอยู่ในนรก” ก็มิใช่คากล่าวของท่านนะบีย์ แต่เป็นคา
กล่าวของผู้รายงานบางท่าน คือ หัมมาด บินสะละมะฮ์ ที่ประดิษฐ์คากล่าวเอาเอง จากความเข้าใจ
ของตัวเอง จากเนื้อหาใน “คาตอบครั้งที่สอง” ของท่านนะบีย์ ใน หะดีษบทที่สองอันได้แก่
คาตอบเลี่ยงๆ ของท่านที่ว่า ณ ที่ใดที่ท่านเดินผ่านกุบูรของคนกาฟิร ก็ให้ท่านแจ้งเรื่องนรกแก่
เขาเถิด
ผู้เขียนก็อยากถามว่า แล้วคากล่าวของผู้รายงานในหะดีษบทที่หนึ่งที่ว่า “เมื่อเขาผินหลัง
ให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขา แล้วกล่าวว่า แท้จริง บิดาของฉัน . . .” นั้นผู้รายงานท่านนั้น (ซึ่งก็คง
จะเป็นหัมมาด บินสะละมะฮ์) เอาความเข้าใจนี้มาจากตอนไหนของหะดีษบทที่สอง จึงได้กล่าว
เป็นตุเป็นตะออกมาเช่นนี้?
เพราะคากล่าวลักษณะนี้ มองอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจมาจากเนื้อหาตอนใดของหะดีษบทที่
สองได้เลย
สรุปแล้วข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ที่ว่า . . . ข้อความจากคากล่าวท่านนะบีย์ในหะดีษบทที่หนึ่ง
ที่ว่า “บิดาของฉันเป็นชาวนรก” . . . เป็นเพียงคากล่าวของผู้รายงานบางท่าน จึงเท่ากับเป็นการ
ปฏิเสธความถูกต้องของหะดีษมัรฟูอ์ จากการคาดคะเนของตนเองโดยปราศจากหลักฐานใดๆ
ตามหลักวิชาการ
นอกจากนี้ยังมีหะดีษบางบทที่ท่านนะบีย์กล่าวว่า ปู่ ของท่านคืออับดุลมุฏฏอลิบ ก็เป็ นชาว
นรกด้วย ดังจะได้กล่าวต่อไปในภายหลัง สิ่งนี้จึงเป็นหลักฐานยืนยันทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่
เรื่องสถานภาพของบิดามารดาของท่านนะบีย์ในวันอาคิเราะฮ์ได้เป็นอย่างดี
อะบูอัฏฏ็อยยิบ อัลอาบาดีย์ ได้กล่าวว่า17
َ‫م‬‫ال‬َ‫ع‬ْ‫ل‬َ‫إ‬ : ُ‫ت‬ْ‫ل‬ُ‫ق‬‫إ‬َ‫َذ‬‫ه‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬َ َ‫لَك‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ة‬َ ْ‫ْب‬‫ه‬‫ع‬ َ‫ًل‬ ‫إ‬ًّ‫د‬‫ه‬‫ج‬ ‫ل‬‫ه‬‫ه‬‫ا‬ َ‫س‬َ‫ت‬ُ‫م‬ ُّ‫ى‬‫ه‬‫ط‬ْ‫و‬ُ‫ي‬‫إلس‬ ُ‫ة‬‫ه‬‫ة‬‫م‬‫ه‬‫ئ‬َ‫أل‬ْ‫إ‬ ُ‫م‬َ َ‫لَك‬ ُ‫ه‬ْ‫ق‬‫ه‬‫ف‬‫إ‬َ‫و‬ُ‫ي‬ ْ‫م‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫م‬ ‫ه‬‫اب‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬
‫ه‬‫د‬‫ا‬‫ق‬‫إلن‬
“ฉันขอกล่าวว่า อัลลามะฮ์ อัสสะยูฏีย์ เป็นผู้ที่มีความสะเพร่าเป็นอย่างมาก ซึ่งจะถือเอาคา
กล่าวของท่านมาเป็นบรรทัดฐานในเรื่องนี้ไม่ได้ ตราบใดที่มันไม่สอดคล้องกับคากล่าวของบรรดา
นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หะดีษ”
17
“เอานุลมะอ์บูด” เล่ม 12 หน้า 494
11
(2) คากล่าวของอัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม ที่ว่า หัมมาด บินสะละมะฮ์ เป็นผู้รายงานที่มี
ความบกพร่องด้านความทรงจา, และรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด ที่รายงานมาจากษาบิต อัลบุ
นานีย์ น่าเชื่อถือกว่ารายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์ ที่รายงานมาจากษาบิต อัลบุนานีย์
ด้วยกัน
ผู้เขียนขอชี้แจงดังนี้
2.1 มะอ์มัร บินรอชิด (เสียชีวิต ฮ.ศ. 153 หรือ 154) เป็นศิษย์ตาบิอีนระดับอาวุโส,
ส่วนหัมมาด บินสะละมะฮ์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 167) ก็เป็นศิษย์ตาบิอีนระดับอาวุโสรองลงมาจาก
มะอ์มัร
ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้รายงานที่ได้รับความเชื่อถือ (‫ق‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ث‬ْ‫َو‬‫ت‬) ในระดับสูงไล่เลี่ยกันจาก
นักวิชาการหะดีษ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลนี้ได้จากตาราที่เกี่ยวกับ ‫ه‬‫ث‬ْ‫ي‬‫ه‬‫د‬َ‫ح‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ال‬َ‫ج‬‫ه‬‫ر‬ แทบทุกเล่ม
ส่วนข้ออ้างที่ว่า หัมมาด บินสะละมะฮ์ ถูกวิจารณ์ด้านความทรงจา ก็เป็นเหตุการณ์ในช่วง
ปลายของชีวิตขณะที่ท่านชราภาพแล้ว18
จึงไม่มีนักวิชาการหะดีษท่านใดกล่าวว่าข้อบกพร่องด้าน
ความทรงจาดังกล่าวของหัมมาด จะส่งผลเสียต่อหะดีษบทนี้ที่ท่านรายงานดังข้างต้น
นอกจากในด้านความน่าเชื่อถือที่ไล่เลี่ยกันแล้ว ทั้งสองท่านนี้ยังถูกวิจารณ์ความบกพร่อง
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน ในข้อหาเดียวกันอีกด้วย คือเป็นผู้ชอบพลั้งเผลอ (‫َام‬‫ه‬ْ‫و‬َ‫أ‬) พอกัน19
ทั้งมะอ์มัร บินรอชิด และหัมมาด บินสะละมะฮ์ จึงเป็นผู้รายงานที่มีทั้งจุดดีจุดด้อยไล่เลี่ย
กันในกรณีที่รายงานหะดีษมาจากผู้อื่นจากษาบิต อัลบุนานีย์
แต่กรณีที่ทั้งสองท่านนั้นรายงานหะดีษมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ ด้วยกันแล้วอัสสะยูฏีย์
และ อ.กอเซ็ม อ้างว่า รายงานของมะอ์มัร บินรอชิด จะได้รับความเชื่อถือมากกว่ารายงานของ
หัมมาด บินสะละมะฮ์
ข้ออ้างดังกล่าวนี้ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงชนิด “หน้ามือเป็ นหลังมือ” กับคากล่าวของนักวิชาการ
ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ประวัติผู้รายงานหะดีษจริงๆ หลายท่าน
เพราะนักวิชาการเหล่านั้นต่างกล่าวว่า การรายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์ จากษาบิต
อัลบุนานีย์ น่าเชื่อถือกว่าการรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด!
18
“ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 1 หน้า 197
19
ดูข้อมูลการวิจารณ์ความบกพร่องดังกล่าวจากประวัติหัมมาด บินสะละมะฮ์ ใน “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 1 หน้า
590, และประวัติมะอ์มัร บินรอชิด ในหนังสือเล่มดังกล่าว เล่ม 4 หน้า 154
12
อะลีย์ บินอัลมะดีนีย์ กล่าวว่า
َ‫ل‬َ‫ة‬َ‫م‬َ‫ل‬ َ‫س‬ ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫د‬‫ا‬ َ‫َح‬ ْ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ ٍ‫هت‬‫ب‬َ‫َث‬ ‫ه‬‫اب‬َ ْ‫َص‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ‫ن‬ُ‫ك‬َ‫ي‬ ْ‫م‬
“ไม่เคยมีผู้ใดจากสหายของษาบิต (อัลบุนานีย์) ที่จะแน่นอน (คือเชื่อถือได้ในสิ่งที่รายงาน
มาจากษาบิต) ยิ่งไปกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์”20
อิมามอะห์มัด อิบนุหัมบัล และยะห์ยา บินมะอีน ต่างกล่าวสอดคล้องกันว่า
ٍ‫هت‬‫ب‬َ‫َث‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫اس‬‫إلن‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ َ‫ُو‬‫ه‬
“เขา (หัมมาด บินสะละมะฮ์) คือ ผู้ที่เชื่อถือได้ที่สุด ในสิ่งที่เขารายงานมาจากษาบิต
(อัลบุนานีย์)”21
อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวในการสรุปประวัติของมะอ์มัร บินรอชิด ว่า
ِ
‫إ‬ ،‫ل‬ ‫ه‬‫اض‬َ‫ف‬ ،‫ت‬ْ‫ب‬َ‫ث‬ ،‫ة‬َ‫ق‬‫ه‬‫ث‬ )َ‫ُو‬‫ه‬(‫ا‬‫ا‬‫ْئ‬‫ي‬ َ‫ش‬ َ‫ة‬َ‫و‬ْ‫ر‬ُ‫ع‬ ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫م‬‫ا‬ َ‫ش‬‫ه‬‫ه‬َ‫و‬ ، ‫ه‬‫ش‬َ ْ‫ْع‬َ‫أل‬ْ‫إ‬َ‫و‬ ، ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ت‬َ‫ي‬‫إ‬َ‫و‬‫ه‬‫ر‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ن‬َ‫أ‬ ‫ًل‬
“เขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้, แน่นอนมาก, และเป็นประเสริฐบุคคล เว้นแต่สิ่งที่เขารายงานมา
จากษาบิต (อัลบุนานีย์), อะอ์มัช และฮิชาม บินอุรวะฮ์ มีบางอย่าง (ที่จะต้องพิจารณา หรือไม่
น่าเชื่อถือ)”22
อิมามอะห์มัด อิบนุหัมบัล ยังกล่าวอีกว่า
ٍ‫ر‬َ‫م‬ْ‫ع‬َ‫م‬ ْ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ َ‫ة‬َ‫م‬َ‫ل‬ َ‫س‬ ُ‫ن‬ْ‫ب‬ ُ‫د‬‫ا‬ َ‫َح‬
“หัมมาด บินสะละมะฮ์ มีความแน่นอน (คือน่าเชื่อถือ) ในการรายงานมาจากษาบิต
ยิ่งกว่ามะอ์มัร (บินรอชิด)”23
และยะห์ยา บินมะอีน ยังกล่าวไว้อีกเช่นกันว่า
‫ف‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ع‬َ‫ض‬ ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ‫ر‬َ‫م‬ْ‫ع‬َ‫م‬
“(รายงานของ) มะอ์มัรจากษาบิต ถือว่าเฎาะอีฟ (คือไม่น่าเชื่อถือ)”24
20
“ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 3 หน้า 12
21
“ตัสกิเราะฮ์ อัลหุฟฟาศ” เล่ม 1 หน้า 200; “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 1 หน้า 590; “ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 1
หน้า 197; “ซิยัร อะอ์ลามินนุบะลาอ์” เล่ม 7 หน้า 337
22
“ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 2 หน้า 266
23
“ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” โดย อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ เล่ม 3 หน้า 11
24
“ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 10 หน้า 219; “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 4 หน้า 154
13
จากข้อมูลที่ได้อธิบายมานี้ย่อมจะรับทราบทันทีว่า ข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม
ที่ว่า มะอ์มัร บินรอชิด น่าเชื่อถือกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์ ในการรายงานหะดีษมาจากษาบิต
อัลบุนานีย์ นั้น
ข้ออ้างดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่มีหลักฐานยืนยันหรือเป็นข้อมูลลอยๆ ประเภท “มั่วนิ่ม” กัน
แน่?
ดังนั้นข้อความจากคากล่าวของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมที่ว่า “แท้จริง ทั้ง
บิดาของฉันและบิดาของท่านอยู่ในนรก” จากการรายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์, จากษาบิต
อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จึงถือเป็ นหะดีษมัรฟูอ์ที่เศาะหี้ห์และเชื่อถือ
ได้ตามหลักวิชาการหะดีษ
(3) อัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม กล่าวว่า สมมุติถ้าหะดีษบทนั้นถูกต้อง คากล่าวของท่าน
นะบีย์ที่ว่า “บิดาของฉัน” น่าจะหมายถึง “อะบูฏอลิบ” ผู้เป็นลุงซึ่งไม่มีความขัดแย้งใดๆ ในกลุ่ม
ชาวสุนนีย์ว่าท่านเป็นชาวนรก
แต่มิได้หมายถึง “บิดาจริงๆ” ของท่านนะบีย์ คือ ท่านอับดุลลอฮ์
ส่วนอัชชันกีฏีย์ ได้อ้างสูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 133 และสูเราะฮ์ อัล อันอาม
อายะฮ์ที่ 84-86 มายืนยันว่า มีบางครั้งที่คาว่า “บิดา” ในอัลกุรอาน ไม่ได้หมายถึงบิดาจริงๆ!
แต่จะหมายถึงปู่หรือบรรพบิดาชั้นสูงขึ้นไป ดังนั้น “บิดาของท่าน นะบีย์” จากข้อความของหะ
ดีษบทนี้จึงน่าจะมีความหมายนัยเดียวกันกับความหมาย “บิดา” ในอัลกุรอาน คือหมายถึงญาติ
ลาดับสูงอย่างอะบูฏอลิบ
ชี้แจง
3.1 ในกรณีข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ที่ว่า “บิดาของฉัน” ในหะดีษบทนั้นหมายถึง
“อะบูฏอลิบ” โดยอัสสะยูฏีย์ได้อธิบายเหตุผลซึ่งพอจะสรุปได้ว่า25
หลักฐานการตะอ์วีลหรือเบี่ยงเบนความหมายดังกล่าวเป็นบันทึกจากประวัติศาสตร์ นั่น
คือการที่อะบูฏอลิบเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูกของข้า” เป็นที่รับรู้กันอย่างแพร่หลายสาหรับชาว
อาหรับในสมัยนั้น อันจะสังเกตเห็นได้จากบันทึกในประวัติศาสตร์หลายต่อหลายตอน
ตัวอย่างเช่น เมื่อชาวอาหรับกุร็อยช์มาขอร้องอะบูฏอลิบให้ห้ามปรามท่านนะบีย์จากการ
ประณามรูปเคารพของพวกเขา ในหนังสือประวัติศาสตร์ (บางเล่ม)จะมีการบันทึกคาพูดชาว
กุร็อยช์เอาไว้ว่า
25
“อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” เล่ม 2 หน้า 395
14
‫ه‬‫ًل‬ ْ‫ل‬ُ‫ق‬‫ا‬َ‫ن‬‫ه‬‫ت‬َ‫ه‬‫ه‬‫ل‬‫أ‬ ‫ه‬ ْْ َ‫ش‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ْْ‫ه‬ِْ‫ر‬َ‫ي‬ ََ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬
“บอก “ลูกของท่าน” ซิว่า ให้เขาเลิกประณามพระเจ้าของเราเสียที”
หรือเมื่อตอนที่พวกกุร็อยช์มาเสนอตัวอุมาเราะฮ์ บินอัลวะลีด ให้อะบูฏอลิบรับไว้ แล้วขอ
แลกเปลี่ยนตัวท่านนะบีย์มาให้พวกเขา อะบูฏอลิบก็ได้กล่าวตอบว่า
ُ ‫ه‬‫ًل‬ ْ ُ‫ُك‬َ‫ن‬ْ‫ب‬‫إ‬ ْ ‫ه‬‫ِن‬ْ‫و‬ُ‫ط‬ْ‫ع‬ُ‫ت‬َ‫أ‬ !َ‫ن‬ْ‫و‬ُ‫ب‬ُ‫ل‬ ْ‫َط‬‫ت‬ ‫ا‬َ‫م‬ َ‫س‬ْ‫ئ‬‫ه‬‫ب‬‫؟‬ُ‫ه‬ْ‫و‬ُ‫ل‬ُ‫ت‬ْ‫ق‬َ‫ت‬‫ه‬‫ل‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ب‬‫إ‬ ْ ُ‫ُك‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ْط‬‫ع‬ُ‫أ‬َ‫و‬ ُ‫ه‬َ‫ي‬‫ه‬‫ب‬َ‫ر‬
“ข้อเสนอของพวกเจ้าช่างบัดซบแท้ๆ พวกเจ้าจะเอาลูกของพวกเจ้ามาให้ข้าเลี้ยง แล้วจะ
ให้ข้ามอบ “ลูกของข้า” ไปให้พวกเจ้าสังหารกระนั้นหรือ?”
หรือเมื่อครั้งที่อะบูฏอลิบนาท่านนะบีย์ไปค้าขายที่เมืองชามครั้งแรก ตอนท่าน
นะบีย์อายุได้เก้าขวบ (บางรายงานว่าสิบสองขวบ) แล้วไปเจอนักบวชยิวท่านหนึ่งที่ใกล้เมืองบุศรอ
เมื่อนักบวชยิวผู้นั้นถามอะบูฏอลิบว่า “เด็กคนนี้เป็นอะไรกับท่านหรือ” อะบูฏอลิบตอบว่า
ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ب‬‫إ‬َ‫ُو‬‫ه‬
เขาคือ “บุตรชายของข้า”
หลักฐานจากประวัติศาสตร์เหล่านี้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างท่านนะบีย์
และอะบูฏอลิบซึ่งแม้จะเป็นลุงกับหลาน แต่อันเนื่องมาจากอะบูฏอลิบได้เลี้ยงดูท่านนะบีย์มา
ตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้นความรู้สึกระหว่างทั้งสองจึงแนบแน่นเหมือนพ่อกับลูกแท้ๆ จนกระทั่งใช้คา
กล่าวเรียกกันและกันว่า “พ่อ” และ “ลูก”
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ข้างต้น ผนวกกับบิดามารดาของท่านนะบีย์ เป็นอะฮ์
ลุลฟัตเราะฮ์ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวไว้ในสูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15 แล้วว่า พระองค์ไม่
เคยลงโทษใครจนกว่าพระองค์จะส่งเราะสูลมายังพวกเขาเสียก่อน จึงเป็นไปได้ว่า คากล่าวของ
ท่านนะบีย์ในหะดีษบทข้างต้นที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” น่าจะหมายถึงอะบูฏอลิบ
ผู้เขียนขอเรียนชี้แจงว่า แม้คาอธิบายนี้จะ “เข้าท่า” ที่สุดยิ่งกว่าคาอธิบายหรือการ ตะอ์วีล
อื่นใดในเรื่องนี้ (และผู้เขียนเองก็อยากจะให้เป็นอย่างนี้ใจจะขาด) แต่ก็ยังมีข้อกังขาที่จะต้องตอบ
ให้ได้อีกสามประเด็นคือ
ก. บันทึกจากประวัติศาสตร์ข้างต้นที่พวกกุร็อยช์กล่าวกับอะบูฏอลิบเกี่ยวกับตัวท่านนะบีย์
โดยใช้คาว่า “ลูกของท่าน” หรืออะบูฏอลิบเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูกของข้า” นั้น เป็ นบันทึกที่
เชื่อถือได้หรือไม่ในแง่ของวิชาการ? หมายถึงว่าบันทึกดังกล่าวมี “สายรายงานที่ถูกต้อง”
ยืนยันหรือไม่ว่า มีการใช้คากล่าวกันอย่างนี้จริงๆ ในการสนทนาในแต่ละเหตุการณ์เหล่านั้น?
15
เพราะข้อความจากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆ บางเล่ม26
พวกกุร็อยช์จะกล่าวถึงท่าน
นะบีย์ต่ออะบูฏอลิบในเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า ََْ‫ي‬‫ه‬‫خ‬َ‫أ‬ ُ‫ن‬ْ‫ب‬
ِ
‫إ‬ (ลูกของน้องชายท่าน) ไม่ใช่กล่าวว่า
ََُ‫ن‬ْ‫ب‬
ِ
‫إ‬ (ลูกของท่าน)
ข. แม้จะเป็นไปได้ว่า อะบูฏอลิบจะเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูก” เพราะความผูกพันใกล้ชิด
ดังการบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์บางเล่มดังที่อ้างมา
แต่ในมุมกลับกัน ไม่ว่าขณะอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว มีหลักฐานหรือไม่ว่า
ท่านนะบีย์จะเคยเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ”
เพราะประเด็นนี้ คือข้อเฉลยหรือคาตอบที่ถูกต้องที่สุดในกรณีนี้
ถ้าไม่มีหลักฐานว่าท่านนะบีย์จะเคยเรียกอย่างนั้น แล้วเราจะไปบิดเบือนคากล่าวของ
ท่านนะบีย์ที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” ในหะดีษบทนั้นว่าหมายถึง “อะบูฏอลิบ” ได้
อย่างไร?
เท่าที่ผู้เขียนตรวจสอบดู ไม่ว่าจากตาราประวัติศาสตร์หรือตาราหะดีษ, ไม่ว่าสายรายงานจะ
ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง และไม่ว่าขณะอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ก็ไม่เคยปรากฏแม้
สักครั้งเดียวที่ท่านนะบีย์ จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ”
แต่ท่านนะบีย์จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “ลุง” ทุกครั้งไป
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการบันทึกจากตาราประวัติศาสตร์บางเล่มและตาราหะดีษบางเล่ม ซึ่ง
ผู้เขียนจะไม่เน้นในเรื่องความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องของสายรายงาน แต่เพื่อต้องการให้รู้ว่า มีการ
บันทึกการเรียกของท่านนะบีย์ต่ออะบูฏอลิบอย่างไรเท่านั้น
1. เมื่อตอนท่านนะบีย์อายุเก้าขวบ และอะบูฏอลิบจะเดินทางไปค้าขายที่เมืองชามโดย
ตั้งใจจะละท่านนะบีย์ไว้ที่มักกะฮ์ ท่านนะบีย์ได้จับสายเชือกอูฐไว้แล้วอ้อนว่า
. ٌّ‫م‬ُ‫أ‬ َ‫ًل‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ِل‬ ‫ب‬َ‫أ‬ َ‫ًل‬ ، ْ ‫ه‬‫ْى‬ُ ‫ه‬‫ِك‬َ‫ت‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫ِل‬
ِ
‫إ‬ !‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬..
“ลุงจ๋า! ท่านจะฝากฝังฉันไว้กับใครหรือ? ฉันไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่นะ . . .”27
2. เมื่ออะบูฏอลิบขอร้องให้ท่านนะบีย์ยุติการประกาศเผยแผ่ศาสนาอิสลาม เพราะเกรงจะ
ได้รับอันตรายจากการปองร้ายของพวกกุร็อยช์ ท่านนะบีย์ก็กล่าวแก่อะบูฏอลิบว่า
26
เช่น “นูรุลยะกีน” หน้า 37
27
“ซีเราะฮ์” โดย มุหัมมัด บินอิสหาก หน้า 53
16
‫إ‬ْ‫و‬ُ‫ع‬َ‫ض‬َ‫و‬ْ‫و‬َ‫ل‬ !‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬ ‫ه‬‫هللا‬َ‫و‬‫إ‬َ‫ذ‬َ‫ه‬ َ‫ك‬ُ‫ر‬ْ‫ت‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ َ‫َّل‬َ‫ع‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫ار‬ َ‫َس‬‫ي‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َ‫ر‬َ‫م‬َ‫ق‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ي‬‫ه‬‫م‬َ‫ي‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َ‫س‬ْ‫م‬‫إلش‬ُ‫ت‬ْ‫ل‬َ‫ع‬َ‫ف‬ ‫ا‬َ‫م‬ َ‫ر‬ْ‫م‬َ‫أل‬ْ‫إ‬
“ขอสาบานต่ออัลลอฮ์, ลุงจ๋า! ต่อให้พวกเขานาเอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวาของฉัน
และนาดวงจันทร์มาวางไว้ในมือซ้ายของฉัน เพื่อให้ฉันยุติกิจการนี้ ฉันก็ทาไม่ได้”28
3. เมื่อตอนที่อะบูฏอลิบใกล้จะสิ้นใจ ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าว
แก่อะบูฏอลิบว่า
!‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬ْ‫ش‬َ‫أ‬ ‫ة‬َ‫م‬‫ه‬َ‫َك‬ ،ُ‫هللا‬ ‫ًل‬
ِ
‫إ‬ ََ‫َل‬
ِ
‫إ‬ َ‫ًل‬ ْ‫ل‬ُ‫ق‬. ‫ه‬‫هللا‬َ‫د‬ْ‫ن‬‫ه‬‫ع‬ ‫ا‬َ ‫ِبه‬ َ َ‫ِل‬ ُ‫َد‬‫ه‬..
“ลุงจ๋า! จงกล่าวเถิดว่า ُ‫هللا‬ ‫ًل‬
ِ
‫إ‬ ََ‫َل‬
ِ
‫إ‬َ‫ًل‬ คาเดียวเท่านั้นที่ฉันจะใช้มันเป็นพยานให้ท่านได้ ณ
ที่อัลลอฮ์ . . .”29
4. หลังจากอะบูฏอลิบเสียชีวิตไปแล้ว มีรายงานว่าท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
เคยกล่าวว่า
‫إ‬َ‫ز‬ ‫ا‬َ‫م‬ْ‫ى‬‫ه‬ َ‫ْع‬ َ‫ات‬َ‫م‬ ‫َّت‬َ‫ح‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ع‬ ‫ا‬‫ة‬َ‫ع‬ َ‫َك‬ ‫ْش‬‫ي‬َ‫ر‬ُ‫ق‬ ْ‫ت‬َ‫ل‬
“พวกกุร็อยช์ไม่เคยกล้าระรานฉัน จนกระทั่ง “คุณลุง” ของฉันตายไป”30
5. อัฏฏ็อบรอนีย์ ได้รายงานหะดีษบทหนึ่งมาจากอุมมุสะละมะฮ์ว่า อัลหาริษ บินฮิชาม
เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้มาหาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะวัลลัม แล้วถามบางอย่างต่อท่าน ซึ่ง
ท่านนะบีย์ก็ตอบว่า
28
“นูรุลยะกีน” (ซึ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์) หน้า 38; “ซีเราะฮ์” โดย อิบนุอิสหาก หน้า 135; “มุหัมมัด เราะสู
ลุลลอฮ์” โดย ชัยค์มุหัมมัด ริฎอ หน้า 108
29
“เศาะหี้ห์ มุสลิม” หะดีษเลขที่ 39/24; “ซีเราะฮ์” โดย มุหัมมัด บินอิสหาก หน้า 222 บรรทัดที่ 4; และยังมี
ข้อความที่คล้ายคลึงกันนี้ในหนังสือเล่มและหน้าเดียวกัน บรรทัดที่ 21, และในหน้า 221 บรรทัดที่ 9; และ “อัซซีเราะฮ์
อันนะบะวียะฮ์” โดย อิบนุฮิชาม หน้า 223 ก็มีข้อความที่คล้ายคลึงกับข้อความข้างต้นเช่นเดียวกัน
30
“มุหัมมัด เราะสูลุลลอฮ์” โดย ชัยค์มุหัมมัด ริฎอ หน้า 138
17
َ‫اب‬َ‫أ‬ ْ‫ى‬‫ه‬ َ‫ْع‬ ُ‫ت‬ْ‫د‬َ‫ج‬َ‫و‬ ْ‫د‬َ‫ق‬َ‫و‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ‫ة‬َ‫و‬ْ‫ذ‬َ‫ج‬ َ‫ُو‬‫ه‬َ‫ف‬ ُ‫هللا‬ ‫ًل‬
ِ
‫إ‬ ََ‫َل‬
ِ
‫إ‬ َ‫ًل‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ُ‫ه‬ُ‫ب‬‫ه‬‫ح‬‫ا‬ َ‫ص‬ ُ‫َد‬‫ه‬ ْ‫َش‬‫ي‬ َ‫ًل‬ ٍ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ ُّ ُ‫ُك‬ْ ‫ه‬‫ف‬ ٍ‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ا‬َ‫ط‬
ْ‫ح‬
ِ
‫إ‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬‫ه‬‫م‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ن‬ َ‫َك‬َ‫م‬‫ه‬‫ل‬ ُ‫هللا‬ ُ‫ه‬َ‫ج‬َ‫ْر‬‫خ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫م‬‫ا‬َ‫ط‬ْ‫م‬َ‫ط‬‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫ح‬‫ا‬ َ‫ض‬ْ َ‫َض‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َُ‫َل‬َ‫ع‬َ‫ج‬َ‫ف‬ ،‫ِل‬
ِ
‫إ‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ن‬‫ا‬ َ‫س‬
“ทุกหลุมฝังศพซึ่งเจ้าของมันมิได้กล่าวปฏิญาณว่า ُ‫هللا‬ ‫ًل‬
ِ
‫إ‬ ََ‫َل‬
ِ
‫إ‬ َ‫ًل‬ มันก็คือคบเพลิงจากนรก,
ฉันรู้ว่าคุณลุงของฉัน คืออะบูฏอลิบอยู่ในนรกขุมใหญ่ แต่พระองค์อัลลอฮ์ก็นาท่านออกมาเพราะ
ท่านคือญาติของฉันและท่านทาดีต่อฉัน แล้วพระองค์ก็นาท่านใส่ในนรกขุมเล็กแทน”31
จากข้อมูลที่กล่าวมานี้แสดงว่า แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าตอนอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตาย
ไปแล้ว ไม่มีหลักฐานว่าท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะได้เคยเรียกอะบูฏอลิบว่า
“พ่อ” เลย
แต่จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “ลุง” มาโดยตลอด แม้กระทั่งในหะดีษที่ห้าซึ่งกล่าวถึงการเป็น
ชาวนรกของอะบูฏอลิบ ท่านนะบีย์ก็ยังใช้คาว่า “ลุง”
แล้ว อ.กอเซ็ม พอจะให้คาตอบได้หรือไม่ว่า มาคราวนี้ในหะดีษที่กาลังขัดแย้งกันนี้ เหตุใด
ท่านนะบีย์จึงเปลี่ยนไปเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ”
หรือจะให้เข้าใจว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เปลี่ยนมา
เรียกอะบูฏอลิบว่าพ่อ ก็เพราะนึกอยากจะให้เกียรติอะบูฏอลิบ หลังจากปรากฏแน่ชัดว่า
อะบูฏอลิบเป็ นชาวนรก?
ค. แต่ถ้าหากผู้ใดยังยืนกรานที่จะตะอ์วีลคาว่า “บิดาของฉัน” ในหะดีษบทนั้นว่าหมายถึง
“อะบูฏอลิบ” ผู้เขียนก็อยากจะให้ลอง “ตะอ์วีล” คาว่า “อับดุลมุฏฏอลิบ” และคาว่า “แม่ของ
ฉัน” ในหะดีษที่จะถึงต่อไปนี้ดูบ้างว่า หมายถึงใคร?
1. อะบูดาวูดได้บันทึกด้วยข้อความย่อๆ32
และอิบนุสะอัดได้บันทึกด้วยข้อความที่ยืดยาว
กว่าดังนี้33
َ‫ى‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ر‬‫ه‬ِ‫َا‬‫ه‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ‫ا‬‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬ ‫ن‬َ‫أ‬‫ه‬‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬ َ‫اس‬‫ب‬َ‫ع‬ْ‫ل‬‫إ‬‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ت‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ر‬َ‫أ‬ ‫ه‬‫ل‬ ْ‫ض‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫اب‬َ‫أ‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬
‫ا‬َ‫م‬ُ‫ه‬َ‫ع‬َ َ‫َج‬ ٍ‫م‬ْ‫ه‬ َ‫س‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ب‬ َ‫ة‬َ‫ن‬‫ه‬‫ه‬َ‫َك‬ َ َ‫َل‬َ‫ط‬ْ‫ي‬َ‫غ‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ٍ ‫ه‬‫َاِش‬‫ه‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬‫؟‬‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬‫ا‬‫ع‬ْ‫ي‬‫ه‬َ‫َج‬ ُ‫هللا‬َُ‫َل‬ َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ‫ا‬‫ة‬َ‫ي‬‫ه‬‫ن‬ َ‫َث‬ ُ‫ه‬َ‫ي‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬ ُ‫ُث‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ َ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬
َ ‫ه‬‫ِل‬َ‫ذ‬ َ‫ل‬ْ‫ث‬‫ه‬‫م‬ُ‫ه‬‫ن‬‫ه‬‫ك‬َ‫ل‬َ‫و‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ ‫ن‬َ‫أ‬ ُ‫ت‬ْ‫م‬‫ه‬‫ل‬َ‫ع‬ ْ‫د‬َ‫ق‬َ‫ل‬ ! ‫ه‬‫هللا‬ َ‫و‬ ‫ه‬‫هللا‬ َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ َ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬
31
“อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” โดย อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 396
32
“อัลมะรอซีล” หะดีษเลขที่ 508
33
“อัฏเฏาะบะกอต อัลกุบรอ” เล่ม 4 หน้า 331
18
َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ت‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ر‬َ‫أ‬ ‫ه‬‫ل‬ ْ‫ض‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫اب‬َ‫أ‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ي‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫م‬ُ‫ه‬َ‫ع‬َ َ‫َج‬ ٍ‫م‬ْ‫ه‬ َ‫س‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ب‬ َ‫ة‬َ‫ن‬‫ه‬‫ه‬ َ‫َك‬ َ َ‫َل‬َ‫ط‬ْ‫ي‬َ‫غ‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ٍ ‫ه‬‫َاِش‬‫ه‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ُ‫هللا‬
ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ‫ه‬‫هللا‬ ُ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِس‬ْ‫ف‬َ‫ن‬ ُ‫ت‬ْ‫ك‬َ‫ل‬َ‫م‬ ‫ا‬َ‫م‬ ! ‫ه‬‫هللا‬ َ‫و‬ ُ‫ُث‬ ،‫إ‬‫ا‬‫إر‬َ‫ر‬‫ه‬‫م‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ ُ‫ت‬ْ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬ ‫؟‬ ‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬‫ا‬‫ع‬ْ‫ي‬‫ه‬َ‫َج‬
:َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬-“‫ه‬‫ر‬ْ‫م‬َ‫أل‬ْ‫إ‬ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ه‬‫َا‬‫خ‬َ‫أ‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫ذ‬ْ‫ؤ‬ُ‫ي‬ ُْ‫ُك‬‫ه‬‫د‬َ‫ح‬َ‫أ‬ ُ‫ل‬ َ‫اب‬ ‫ا‬َ‫م‬‫ا‬ًّ‫ق‬َ‫ح‬ َ‫ن‬َ‫َك‬ ْ‫ن‬
ِ
‫إ‬َ‫و‬‫؟‬”
ชายชาวมุฮาญิรีนผู้หนึ่งได้เจออับบาส บินอับดุลมุฏฏอลิบ เขาจึงกล่าวว่า นี่แน่ะ บิดา
ของอัลฟัฎล์ (เป็นชื่อรองของอับบาส) ท่านรู้มิใช่หรือว่า อับดุลมุฏฏอลิบ บุตรของฮาชิม
และฆ็อยฏอละฮ์ นักทานายโชคชะตาแห่งตระกูลซะฮัมนั้น อัลลอฮ์จะรวมทั้งสองคนนี้เข้า
ด้วยกันในนรก? อับบาสจึงเดินเลี่ยงไปเสียจากเขา (ชายผู้นั้นได้กล่าวอย่างนี้ถึงสามครั้งที่เจออับ
บาส ทาให้อับบาสไม่พอใจจนเรื่องนี้รู้ไปถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้เรียกอับ
บาสมาสอบถาม) ท่าน (อับบาส) จึงกล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์, ขอสาบานด้วยอัลลอฮ์
แน่นอนฉันรู้ดีว่า อับดุลมุฏฏอลิบ (บิดาของฉัน) ต้องเข้านรก แต่เจ้าหมอนี่เจอฉัน มันก็กล่าวว่า
นี่แน่ะ บิดาของอัลฟัฎล์ ท่านรู้มิใช่หรือว่า อับดุลมุฏฏอลิบและฆ็อยฏอละฮ์ นักทานายแห่งตระกูล
ซะฮัมนั้น อัลลอฮ์จะรวมทั้งสองคนนี้เข้าด้วยกันในนรก? ฉันเดินเลี่ยงมันหลายครั้ง จนฉันควบคุม
อารมณ์ (แทบ) ไม่ได้แล้ว ท่านนะบีย์จึงกล่าวแก่ชายผู้นั้นว่า “จิตใจพวกท่านบางคนเป็นอะไรไป
หรือจึงชอบสร้างความเจ็บช้าให้พี่น้องของเขาในเรื่องอย่างนั้น แม้ว่ามันจะเป็ นความจริงก็
ตาม”34
หลายคนคงจะทราบ แต่บางคนอาจจะไม่ทราบว่า “อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม” ในหะดีษ
บทนี้คือใคร? มีความเกี่ยวพันกับท่านนะบีย์อย่างไร?
ก็ขอบอกว่า อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม ผู้นี้เป็นบิดาของอะบูฏอลิบและอับดุลลอฮ์ผู้เป็ น
บิดาของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
หรืออีกนัยหนึ่งอับดุลมุฏฏอลิบผู้นี้ก็คือ ปู่ ของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
นั่นเอง
เมื่อท่านนะบีย์ยอมรับว่า คากล่าวของชายชาวอันศ็อรที่ว่า “อับดุลมุฏฏอลิบเป็ นชาว
นรก” เป็นความจริง ก็อยากให้ อ.กอเซ็ม ลอง “ตะอ์วีล” ดูซิว่า
“อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม” คนนี้หมายถึงผู้ใดอีกที่ไม่ใช่อับดุลมุฏฏอลิบผู้เป็นปู่ของท่าน
นะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม?
34
สานวนในที่นี้เป็นสานวนจากการบันทึกโดยอิบนุสะอัด แต่ผู้เขียนได้ตัดข้อความบางตอนออกแล้วอธิบายแทนเพื่อ
ความกระชับ
19
2. มุสลิมและผู้บันทึกท่านอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้วในหน้า 1 ได้รายงานมาจากอะบูฮุร็อย
เราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า
َ‫إر‬َ‫ز‬ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬ َ‫ر‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬
ِ
‫إ‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ،َُ‫َل‬ ْ‫و‬َ‫ح‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫َك‬ْ‫ب‬َ‫أ‬َ‫و‬ ، َ‫َك‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬ُ‫أ‬ َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ُّ ‫ه‬‫ِب‬َ‫ن‬‫إل‬ْ‫ن‬َ‫أ‬
َ‫ت‬ ْ‫س‬َ‫أ‬. ْ ‫ه‬‫ِل‬ َ‫ن‬‫ه‬‫ذ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫إس‬َ‫و‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ي‬ َْ‫َّل‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ‫ل‬ َ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ْ‫غ‬..
ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ไปซิยาเราะฮ์กุบูร “มารดาของท่าน” แล้วท่าน
ก็ร้องไห้ ทาให้คนที่อยู่รอบตัวท่านพลอยร้องไห้ไปด้วย แล้วท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขออนุญาตต่อ
พระผู้อภิบาลของฉันในการขออภัยโทษให้ท่าน (คุณแม่) แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาต, ฉันจึงขอ
อนุญาตต่อพระองค์ในการไปซิยาเราะฮ์กุบูรของท่าน พระองค์ก็อนุญาตแก่ฉัน . . .”
หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะหี้ห์โดยปราศจากความขัดแย้งใดๆ จากนักวิชาการ แม้กระทั่ง
อัสสะยูฏีย์เองก็ตาม
ตามหลักการอิสลาม ผู้ที่มุสลิมขออภัยโทษให้ไม่ได้ ได้แก่ ผู้เป็น “มุชริก” หรือ “กาฟิร”
เท่านั้น ดังหลักฐานจากสูเราะฮ์ อัตเตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ 113
ดังนั้นการที่พระองค์อัลลอฮ์ไม่อนุญาตให้ท่านนะบีย์ขออภัยโทษให้มารดาของท่าน แสดง
ว่า มารดาของท่านต้องเป็นหนึ่งจากสองประเภทข้างต้น
จึงอยากให้ อ.กอเซ็ม ลอง “ตะอ์วีล” ดูอีกสักครั้งว่า คากล่าวท่านนะบีย์ที่ว่า “มารดาของ
ฉัน” ในหะดีษบทนี้หมายถึงมารดาคนไหนของท่านนะบีย์อีก?
อนึ่งคากล่าวของ อ.กอเซ็ม มูฮัมหมัดอาลี ที่ว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ มิใช่เพราะ
สงสารที่มารดาของท่านเป็นชาวนรก แต่เป็นเพราะท่านเสียใจที่มารดาของท่านไม่ทันได้รับอิสลาม
จากท่านนั้น
ทัศนะของ อ.กอเซ็ม ข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ขัดแย้งกับหะดีษที่ถูกต้องบทนี้อีก
สานวนหนึ่งที่บันทึกโดยอัลบัยฮะกีย์35
โดยรายงานมาจากบุร็อยดะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่ง
ข้อความของหะดีษบทนั้นระบุอย่างชัดเจนว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ก็เพราะสงสารที่มารดาของ
ท่านเป็นชาวนรกโดยที่ข้อความของหะดีษตอนนั้นมีว่า
35
“อัสสุนัน อัลกุบรอ” เล่ม 4 หน้า 76
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)
วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)

More Related Content

What's hot (7)

Cyber Security Material.pdf
Cyber Security Material.pdfCyber Security Material.pdf
Cyber Security Material.pdf
 
275 skroviste vo ha-ma-to
275  skroviste vo ha-ma-to275  skroviste vo ha-ma-to
275 skroviste vo ha-ma-to
 
Hb018 elias e-profetas-baal
Hb018 elias e-profetas-baalHb018 elias e-profetas-baal
Hb018 elias e-profetas-baal
 
KNPC Experience Certificate 2010
KNPC Experience Certificate 2010KNPC Experience Certificate 2010
KNPC Experience Certificate 2010
 
Certificat de travail intermediare
Certificat de travail intermediareCertificat de travail intermediare
Certificat de travail intermediare
 
04. Mother Theresa High School Bonafide
04. Mother Theresa High School Bonafide04. Mother Theresa High School Bonafide
04. Mother Theresa High School Bonafide
 
Valve Employee Handbook
Valve Employee HandbookValve Employee Handbook
Valve Employee Handbook
 

Viewers also liked

ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقدابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
Om Muktar
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้างคำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
Om Muktar
 
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشليالرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
Om Muktar
 
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
Om Muktar
 
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
Om Muktar
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆคำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
Om Muktar
 

Viewers also liked (20)

ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقدابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
ابن خلدون وآراؤه الاعتقادية عرض ونقد
 
Where is Allah?
Where is Allah?Where is Allah?
Where is Allah?
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้างคำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : กาแฟขี้ช้าง
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การค้างแรม (มะบีต) ที่มินา อัล ญะดีดะฮ์และข...
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การค้างแรม (มะบีต) ที่มินา อัล ญะดีดะฮ์และข...คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การค้างแรม (มะบีต) ที่มินา อัล ญะดีดะฮ์และข...
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การค้างแรม (มะบีต) ที่มินา อัล ญะดีดะฮ์และข...
 
(الرد على علي حسن الحلبي (رفع اللائمة عن فتوى اللجنة الدائمة
(الرد على علي حسن الحلبي (رفع اللائمة عن فتوى اللجنة الدائمة(الرد على علي حسن الحلبي (رفع اللائمة عن فتوى اللجنة الدائمة
(الرد على علي حسن الحلبي (رفع اللائمة عن فتوى اللجنة الدائمة
 
الرد على الجهمية - الدارمي
الرد على الجهمية - الدارميالرد على الجهمية - الدارمي
الرد على الجهمية - الدارمي
 
The Killing of Alan Henning – Refutation of Mizanur Rahman Abu Baraa
The Killing of Alan Henning – Refutation of Mizanur Rahman Abu BaraaThe Killing of Alan Henning – Refutation of Mizanur Rahman Abu Baraa
The Killing of Alan Henning – Refutation of Mizanur Rahman Abu Baraa
 
السيوف الباترة لإلحاد الشيوعية الكافرة
السيوف الباترة لإلحاد الشيوعية الكافرةالسيوف الباترة لإلحاد الشيوعية الكافرة
السيوف الباترة لإلحاد الشيوعية الكافرة
 
(تكحيل العين بجواز السؤال عن الله بـ (أين
(تكحيل العين بجواز السؤال عن الله بـ (أين (تكحيل العين بجواز السؤال عن الله بـ (أين
(تكحيل العين بجواز السؤال عن الله بـ (أين
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การจัดทำโครงการส่งเสริมพิธีละศีลอดในเดือนรอ...
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การจัดทำโครงการส่งเสริมพิธีละศีลอดในเดือนรอ...คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การจัดทำโครงการส่งเสริมพิธีละศีลอดในเดือนรอ...
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การจัดทำโครงการส่งเสริมพิธีละศีลอดในเดือนรอ...
 
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشليالرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
الرد على القرضاوي والجديع والثقفي والمرعشلي
 
الإبانة عن أصول الديانة للإمام أبي الحسن الأشعري
الإبانة عن أصول الديانة للإمام أبي الحسن الأشعريالإبانة عن أصول الديانة للإمام أبي الحسن الأشعري
الإبانة عن أصول الديانة للإمام أبي الحسن الأشعري
 
الإمام الأشعري حياته وأطواره العقدية
الإمام الأشعري حياته وأطواره العقديةالإمام الأشعري حياته وأطواره العقدية
الإمام الأشعري حياته وأطواره العقدية
 
الأجوبة المفيدة عن أسئلة المناهج الجديدة
الأجوبة المفيدة عن أسئلة المناهج الجديدةالأجوبة المفيدة عن أسئلة المناهج الجديدة
الأجوبة المفيدة عن أسئلة المناهج الجديدة
 
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
The Creed of The Imaam of Hadeeth (al-Bukhari)
 
Who Owns the Universal Rights to the Terms “Moderation” or “Moderate Muslim”?
Who Owns the Universal Rights to the Terms “Moderation” or “Moderate Muslim”?Who Owns the Universal Rights to the Terms “Moderation” or “Moderate Muslim”?
Who Owns the Universal Rights to the Terms “Moderation” or “Moderate Muslim”?
 
الإمام الخطابي ومنهجه في العقيدة
الإمام الخطابي ومنهجه في العقيدةالإمام الخطابي ومنهجه في العقيدة
الإمام الخطابي ومنهجه في العقيدة
 
أشراط الساعة
أشراط الساعةأشراط الساعة
أشراط الساعة
 
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
The relationship between the ulama and the government in the contemporary Sau...
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆคำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : การให้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอและโรคอื่นๆ
 

More from Om Muktar

พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
Om Muktar
 
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
Om Muktar
 
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
Om Muktar
 

More from Om Muktar (20)

الردود والتعقبات على النووي في شرح صحيح مسلم
الردود والتعقبات على النووي في شرح صحيح مسلمالردود والتعقبات على النووي في شرح صحيح مسلم
الردود والتعقبات على النووي في شرح صحيح مسلم
 
بلوغ المنى في حكم الاستمنى
بلوغ المنى في حكم الاستمنىبلوغ المنى في حكم الاستمنى
بلوغ المنى في حكم الاستمنى
 
الدلائل الوفية في تحقيق عقيدة (النووي)؛ أسلفية أم خلفية
الدلائل الوفية في تحقيق عقيدة (النووي)؛ أسلفية أم خلفيةالدلائل الوفية في تحقيق عقيدة (النووي)؛ أسلفية أم خلفية
الدلائل الوفية في تحقيق عقيدة (النووي)؛ أسلفية أم خلفية
 
التاريخ الأسود للجماعة بين يهودية حسن البنا وماسونية الإخوان
التاريخ الأسود للجماعة بين يهودية حسن البنا وماسونية الإخوانالتاريخ الأسود للجماعة بين يهودية حسن البنا وماسونية الإخوان
التاريخ الأسود للجماعة بين يهودية حسن البنا وماسونية الإخوان
 
Acts of Terrorism Done in the Name of Islam Do Not Equate to Acts Condoned by...
Acts of Terrorism Done in the Name of Islam Do Not Equate to Acts Condoned by...Acts of Terrorism Done in the Name of Islam Do Not Equate to Acts Condoned by...
Acts of Terrorism Done in the Name of Islam Do Not Equate to Acts Condoned by...
 
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : บุหรี่
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : บุหรี่คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : บุหรี่
คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี : บุหรี่
 
Jihad in Two Faces of Shari’ah: Sufism and Islamic Jurisprudence (FIQH) and t...
Jihad in Two Faces of Shari’ah: Sufism and Islamic Jurisprudence (FIQH) and t...Jihad in Two Faces of Shari’ah: Sufism and Islamic Jurisprudence (FIQH) and t...
Jihad in Two Faces of Shari’ah: Sufism and Islamic Jurisprudence (FIQH) and t...
 
พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
พัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์อิสลามในสังคมไทย (ยุครัฐจารีต-พ.ศ.2511)
 
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
Diseases of the Hearts & their Cures (Ibn Taymiyyah)
 
أمراض القلوب وشفاؤها ويليها التحفة العراقية في الأعمال القلبية
أمراض القلوب وشفاؤها ويليها التحفة العراقية في الأعمال القلبيةأمراض القلوب وشفاؤها ويليها التحفة العراقية في الأعمال القلبية
أمراض القلوب وشفاؤها ويليها التحفة العراقية في الأعمال القلبية
 
(مسألة السماع حكم ما يسمى : (أناشيد إسلامية
(مسألة السماع حكم ما يسمى : (أناشيد إسلامية(مسألة السماع حكم ما يسمى : (أناشيد إسلامية
(مسألة السماع حكم ما يسمى : (أناشيد إسلامية
 
عقيدة أهل السنة والجماعة للإمام الترمذي
عقيدة أهل السنة والجماعة للإمام الترمذيعقيدة أهل السنة والجماعة للإمام الترمذي
عقيدة أهل السنة والجماعة للإمام الترمذي
 
الأمر بالإتباع والنهي عن الإبتداع للإمام السيوطي
الأمر بالإتباع والنهي عن الإبتداع للإمام السيوطيالأمر بالإتباع والنهي عن الإبتداع للإمام السيوطي
الأمر بالإتباع والنهي عن الإبتداع للإمام السيوطي
 
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกฎหมายอิสลามกับประมวลกฎหมาย...
 
منهج إمام الحرمين في دراسة العقيدة : عرض ونقد
منهج إمام الحرمين في دراسة العقيدة : عرض ونقدمنهج إمام الحرمين في دراسة العقيدة : عرض ونقد
منهج إمام الحرمين في دراسة العقيدة : عرض ونقد
 
منهج الشهرستاني في كتابه الملل والنحل عرض وتقويم
منهج الشهرستاني في كتابه الملل والنحل عرض وتقويممنهج الشهرستاني في كتابه الملل والنحل عرض وتقويم
منهج الشهرستاني في كتابه الملل والنحل عرض وتقويم
 
منهج الحافظ ابن حجر العسقلاني في العقيدة من خلال كتابه - فتح الباري
منهج الحافظ ابن حجر العسقلاني في العقيدة من خلال كتابه - فتح الباريمنهج الحافظ ابن حجر العسقلاني في العقيدة من خلال كتابه - فتح الباري
منهج الحافظ ابن حجر العسقلاني في العقيدة من خلال كتابه - فتح الباري
 
موقف الأزهر الشريف من الشيعة الاثنى عشرية
موقف الأزهر الشريف من الشيعة الاثنى عشريةموقف الأزهر الشريف من الشيعة الاثنى عشرية
موقف الأزهر الشريف من الشيعة الاثنى عشرية
 
موقف الشيعة الاثني عشرية من الأئمة الأربعة
موقف الشيعة الاثني عشرية من الأئمة الأربعةموقف الشيعة الاثني عشرية من الأئمة الأربعة
موقف الشيعة الاثني عشرية من الأئمة الأربعة
 
منازل الأئمة الأربعة أبي حنيفة ومالك والشافعي وأحمد
منازل الأئمة الأربعة أبي حنيفة ومالك والشافعي وأحمدمنازل الأئمة الأربعة أبي حنيفة ومالك والشافعي وأحمد
منازل الأئمة الأربعة أبي حنيفة ومالك والشافعي وأحمد
 

วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็นชาวนรกหรือ? (ภาษาไทย)

  • 1. 1 ﴿‫نار‬‫ل‬‫إ‬ ‫يف‬ ‫ابك‬‫أ‬‫و‬ ‫يب‬‫أ‬ ‫ن‬‫إ‬﴾ «‫ندية‬‫ال‬‫تاي‬‫ل‬‫إ‬ ‫للغة‬‫اب‬» ‫يف‬‫ل‬‫تأ‬ ‫إىس‬‫و‬‫إله‬ ‫هللا‬ ‫بد‬‫ع‬ ‫بن‬ ‫محمود‬ ٩٢٤١‫هــ‬-٤٠٠٢‫م‬
  • 2. 2 วิเคราะห์ปัญหา บิดา-มารดาท่านนะบีย์เป็ นชาวนรกหรือ? หะดีษเกี่ยวกับเรื่องนี้มีดังนี้ (1) มีรายงาน จากหัมมาด บินสะละมะฮ์, จากษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ‫ن‬َ‫أ‬َ‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:َ‫ي‬َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬‫ه‬‫هللا‬!َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬‫؟‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:‫ه‬‫ف‬،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬‫ا‬‫م‬َ‫ل‬َ‫ف‬‫ى‬‫ف‬َ‫ق‬ُ‫ه‬‫ا‬َ‫ع‬َ‫د‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬:‫ن‬ ِ ‫إ‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ك‬ َ‫اب‬َ‫أ‬َ‫و‬‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫إلن‬ “ชายผู้หนึ่งกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์ บิดาของฉันอยู่ที่ไหน?, ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ใน นรก, แล้วเมื่อเขาผินหลังให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขาแล้วกล่าวว่า แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดา ของท่านอยู่ในนรก”1 (2) มีรายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า َ‫أ‬َ‫و‬ ، َ‫َك‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬ُ‫أ‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ُّ ‫ه‬‫ِب‬‫إلن‬َ‫إر‬َ‫ز‬، َُ‫َل‬ ْ‫و‬َ‫ح‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫َك‬ْ‫ب‬ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬ َ‫ر‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬ ِ ‫إ‬ : َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ !َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ب‬ُ‫ق‬ْ‫ل‬‫وإإ‬ُ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫ف‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ َ‫ن‬‫ه‬‫ذ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ه‬ُ‫ت‬ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫إس‬َ‫و‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫ؤ‬ُ‫ي‬ َْ‫َّل‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ‫ل‬َ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ْ‫غ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬َ‫أ‬َ‫ت‬ْ‫و‬َ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ُ‫ر‬‫ه‬‫ك‬َ‫ُذ‬‫ت‬ ‫ا‬َ‫َّن‬ ِ ‫ا‬َ‫ف‬ “ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ไปเยี่ยมกุบูรมารดาของท่าน แล้วท่านก็ร้องไห้ ทาให้คนที่อยู่รอบตัวท่านร้องไห้ด้วย แล้วท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขออนุญาตต่อพระผู้อภิบาลของ ฉันในการขออภัยโทษให้ท่าน (คุณแม่) แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาต, ฉันจึงขออนุญาตต่อพระองค์ 1 บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 347/203; อะบูอะวานะฮ์ เล่ม 1 หน้า 99; อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 4718; อะห์มัด เล่ม 3 หน้า 268; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 7 หน้า 190; อัลญูซะกอนีย์ ใน “อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” เล่ม 1 หน้า 233; อะบูยะอ์ลา 6/229/3516
  • 3. 3 ในการไปเยี่ยมกุบูรของท่าน พระองค์ก็อนุญาตแก่ฉัน ดังนั้นพวกท่านจงซิยาเราะฮ์กุบูรเถิด เพราะ มันจะช่วยเตือนราลึกพวกท่านเรื่องความตาย”2 ถามว่า ได้อ่านหะดีษทั้งสองบทข้างต้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง? แน่นอนคาตอบก็คือ มุสลิมที่มีอีมานทุกคนย่อม “ทาใจรับ” ลาบากต่อเหตุการณ์ข้างต้น หากเป็นความจริง อย่าว่าให้ทาใจรับเลย แค่ “คิด” ก็ยังไม่อยากจะคิดเสียด้วยซ้า กรณีนี้จึงไม่แตกต่างอันใดกับสาวกของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งซึ่งมีความศรัทธาอย่าง สุดจิตสุดใจในตัวท่าน จนทาใจรับไม่ได้กับข้อกล่าวหาของสังคมว่า ท่านมีพฤติการณ์ทุจริต คอร์รัปชั่น ขนาดศาลสถิตยุติธรรมตัดสินแล้วว่า ท่านทุจริตคอร์รัปชั่นจริง ก็ยังยอมรับไม่ได้ แถม กลับกล่าวว่า ท่านถูกกลั่นแกล้งหรือศาลตัดสินลาเอียงไปโน่น สรุปแล้วก็คือหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เชื่อว่าท่านทุจริตคอร์รัปชั่นจริง ดังการตัดสินของศาล นี่คือเรื่องของความศรัทธา ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ใครจะไปคัดค้านหรือลบล้างได้ ผู้เขียนเองยอมรับว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่ “ทาใจรับไม่ได้” เช่นเดียวกันกับคากล่าวที่ว่า บิดา มารดาของท่านนะบีย์ ต้องเข้านรก แต่ผู้เขียนก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า “สมมุติ” ถ้าพิสูจน์ได้ว่าหะดีษทั้งสองบทข้างต้นเป็นหะ ดีษที่ถูกต้อง (‫ح‬ْ‫ي‬‫ه‬ َ‫)َص‬ และไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน? เราจะว่าอย่างไร? จะเอา “ความรู้สึก” ส่วนตัวมาตัดสิน เพื่อจะเอาชนะคะคานหรือบิดเบือน “หลักฐานที่ ถูกต้อง” ของหะดีษเศาะหี้ห์อย่างนั้นหรือ? ถ้ายังยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับหลักฐานที่ถูกต้อง มันก็ไม่แตกต่างอันใดกับสาวกของอดีต นายกรัฐมนตรีท่านนั้นที่ไม่ยอมรับการตัดสินของศาลสถิตยุติธรรม เพราะยึดถือเอา “ความรู้สึก ส่วนตัว” มาเป็นเครื่องการันตีว่า ผู้ที่ตนศรัทธานั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม และ ปราศจากความด่างพร้อยใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเราไม่ปฏิเสธข้อเปรียบเทียบข้างต้น และยังยืนหยัดที่จะใช้อารมณ์มาหักล้างหลักฐานที่ ถูกต้องของศาสนา ก็เท่ากับเรากาลังนาตัวเองเข้าสู่หุบเหวแห่งการ “ตะอัศศุบ” ที่ท่านนะบีย์ได้ ตรัสตาหนิและประณามไว้อย่างรุนแรง 2 บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 108/976; อันนะสาอีย์ หะดีษเลขที่ 2033; อิบนุมาญะฮ์ หะดีษเลขที่ 1572; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 4 หน้า 76; และอะห์มัด เล่ม 2 หน้า 441
  • 4. 4 ดังข้อความในหะดีษที่มีข้อความตอนหนึ่งว่า ‫ه‬‫ة‬‫ي‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ص‬َ‫ع‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫َّل‬َ‫ع‬ َ‫ات‬َ‫م‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ ‫ا‬‫ن‬‫ه‬‫م‬ َ‫س‬ْ‫ي‬َ‫ل‬ “มิใช่อยู่บนแนวทางของเรา (หรือมิใช่เป็นประชาชาติของเราหรอก) สาหรับผู้ซึ่งตายใน สภาพตะอัศศุบ (ถือพรรคถือพวกหรือคลั่งไคล้สิ่งใดจนเกินขอบเขต)”3 แม้ “สายรายงาน” ของหะดีษบทนี้จะเฎาะอีฟ แต่ “ความหมาย” ของมันถือว่าถูกต้อง เพราะได้รับการสนับสนุนจากหะดีษของอะบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ4 เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงอยากเตือนสติทุกท่านว่า จง “เชื่อ” เถิดถ้าท่านอยากจะเชื่อ แต่อย่า เชื่อให้เกินเลยถึงขั้น “ตะอัศศุบ” จนกลายเป็นคนขาดเหตุผลก็แล้วกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เรื่องความขัดแย้งในสถานภาพของบิดามารดาของท่านนะบีย์ในวัน อาคิเราะฮ์ เป็นความขัดแย้งด้านมุมมองของนักวิชาการที่ยากต่อการตัดสินชี้ขาด จึงไม่บังควร อย่างยิ่งที่ระดับชาวบ้านธรรมดาอย่างเราจะมา “ยึดติด” ทัศนะใดทัศนะหนึ่งจนเลยเถิด ถึงขั้น ประณามผู้ที่มีทัศนะขัดแย้งกับตนเอง สาหรับผู้เขียนเองขอเรียนว่า ก่อนที่ผู้เขียนจะได้รับทราบข้อมูลจากทัศนะของชัยค์ อัชชันกีฏีย์ เจ้าของตัฟสีร “‫ه‬‫ان‬َ‫ي‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ء‬‫إ‬َ‫و‬ ْ‫ض‬َ‫أ‬” จาก website เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผู้เขียนเคยได้รับแผ่นซีดี การโต้แย้งปัญหานี้ระหว่าง อ.ฟารีด เฟ็นดี้ กับ อ.กอเซ็ม มูฮัมหมัดอาลี5 มานานร่วม 5 เดือนแล้ว แต่ผู้เขียนก็วางเฉยไม่อยากวิเคราะห์ เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อันใดในด้านอะกีดะฮ์ของ ตัวเองแล้ว ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วตั้งแต่ตอนต้น นั่นคือแม้แต่คิดก็ยังไม่อยากคิดถึงเรื่องการลง นรกของบิดามารดาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยซ้าไป ดังนั้นการที่ผู้เขียนตัดสินใจออกมาวิเคราะห์ปัญหานี้ (ตามการขอร้องของหลายท่าน) จึง มิใช่มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะชี้นาผู้ใดให้คล้อยตามการวิเคราะห์ของผู้เขียน แต่เพราะหวังว่า บางทีมัน อาจจะช่วยเหนี่ยวรั้งและเตือนสติผู้ที่มีทัศนะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในเรื่องนี้ให้ “เปิดใจกว้าง” พอที่จะรับฟังทัศนะที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตนเองได้บ้าง 3 บันทึกโดย อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 5121 4 บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 53/1848 5 http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=11&sid=4bd4b6e81694015 798de0f3bf519bd84 (ตอนแรก) หรือ https://www.youtube.com/watch?v=9eyBJZtjYLw (ตอนแรก); และ http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=12&sid=4bd4b6e81694015798de0f 3bf519bd84 (ตอนท้าย) หรือ https://www.youtube.com/watch?v=Czx28Hmiuns (ตอนท้าย)
  • 5. 5 และเท่าที่ได้รับฟังจากวีดิโอการโต้แย้ง (หรือจะพูดให้มันฟังดูไพเราะว่า การอภิปรายก็ ได้) รวมทั้งการได้พูดคุยและสอบถาม อ.ฟารีด ด้วยตนเอง ผู้เขียนจึงเชื่อว่า อ.ฟารีด เฟ็นดี้ คงไม่ มีจุดประสงค์ที่จะเปิดประเด็นพูดเรื่องบิดามารดาท่านนะบีย์ต้องลงนรกหรือไม่? ขึ้นมาหรอก และ เชื่อว่าท่านเองคงไม่สบายใจเหมือนกันที่ต้องพูดเรื่องนี้ แต่เมื่อมีผู้ถามท่านในการบรรยายครั้งหนึ่งถึงเรื่องการขออภัยโทษ (‫ار‬َ‫ف‬ْ‫غ‬‫ه‬‫ت‬ ْ‫س‬ ِ ‫)إ‬ ให้คนมุชริก ต่อพระองค์อัลลอฮ์ ว่าเป็นที่อนุญาตตามหลักการศาสนาหรือไม่? ท่านจึงได้อ้างหลักฐานหะดีษทั้ง สองบทข้างต้นจากการบันทึกโดยมุสลิมซึ่งถือว่าเป็นหะดีษเศาะหี้ห์ในทัศนะของท่านนั้นมาเป็น หลักฐานในการตอบ จนนาไปสู่การโต้แย้งกับ อ.กอเซ็ม ในที่สุด จากจุดนี้ผู้เขียนถือว่า หากจะมองกันด้วยสายตานักวิชาการที่มีใจเป็นธรรมแล้ว อ.ฟารีด ไม่มีความผิดในกรณีนี้ จนถึงกับต้องมาประณามท่าน เพราะการที่ อ.ฟารีด เข้าใจและอธิบายหะดีษทั้งสองบทนั้นในลักษณะนี้ ก็ใช่ว่าท่านเป็นคน แรกที่เข้าใจอย่างนี้ และอธิบายอย่างนี้ อย่างน้อยที่สุดนักวิชาการหะดีษระดับแนวหน้าของโลกอิสลามจานวนมากทั้งในอดีตและ ปัจจุบันก็มีความเข้าใจเหมือนที่ อ.ฟารีด เข้าใจมาก่อนแล้ว เช่น มุสลิม, อันนะวะวีย์, อัลบัยฮะกีย์, อัลญูซะกอนีย์, อิบรอฮีม อัลหะละบีย์, อะลีย์ อัลกอรีย์ ฯลฯ โดยเฉพาะสองท่านหลังถึงกับได้เขียนหนังสือขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อชี้แจง หลักฐานและข้อมูลที่สนับสนุนความเข้าใจที่ว่า บิดามารดาท่านนะบีย์ เป็นชาวนรก ส่วนอัลญูซะกอนีย์ ได้รวบรวมหะดีษไว้หลายบทเพื่อยืนยันเรื่องนี้6 อะบูอัฏฏ็อยยิบ อัลอาบาดีย์ ผู้เขียนหนังสือ “เอานุลมะอ์บูด” อันเป็นหนังสืออธิบายหะดีษ ที่บันทึกโดยอะบูดาวูด ก็มีความเชื่ออย่างนี้เช่นเดียวกัน7 และมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลอัลบานีย์ ก็ได้เขียนวิเคราะห์ไว้อย่างเดียวกันนี้8 แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิชาการในอดีตบางท่าน เช่น อิมามอัสสะยูฏีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 911) ก็ได้เขียน “‫ى‬َ‫ف‬َ‫ط‬ ْ‫ص‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ ‫ىه‬َ ‫ه‬‫إِل‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬َ‫ف‬َ‫ن‬ُ‫ح‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ ‫ه‬‫اِل‬ َ‫س‬َ‫م‬” ซึ่งรวมเล่มอยู่ใน “ ْ‫ى‬‫ه‬‫و‬‫ا‬َ‫ت‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫ه‬‫ل‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫و‬‫ا‬َ‫ح‬ْ‫ل‬َ‫إ‬” ของท่าน9 โดยท่าน ได้โต้แย้งผู้ที่มีทัศนะว่าบิดามารดาของท่านนะบีย์เป็นชาวนรก ด้วยการอ้างข้อมูลหลักฐานต่างๆ มายืนยันว่า ทั้งบิดามารดาของท่านนะบีย์ จะไม่ถูกลงโทษในนรกแต่ประการใด 6 “อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” โดย อัลญูซะกอนีย์ เล่ม 1 หน้า 229-235 7 ดู “เอานุลมะอ์บูด” เล่มที่ 12 หน้า 494-495 8 “อัศเศาะหี้หะฮ์” โดย อัลบานีย์ เล่ม 1 หน้า 25 หะดีษเลขที่ 18 และเล่ม 6 หน้า 177-182 หะดีษเลขที่ 2592 9 เล่ม 2 หน้า 353-396
  • 6. 6 สรุปข้อมูลของท่านอัสสะยูฏีย์ที่นามาใช้โต้แย้งทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่ดังที่ระบุใน หนังสือดังกล่าว มีอยู่สี่แนวทางหลักๆ ด้วยกันคือ 1. ข้อความในหะดีษที่บันทึกโดยมุสลิม ที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” มิใช่เป็นคากล่าว ของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แต่อาจเป็นข้อความซึ่งผู้รายงานบางท่านได้ใช้คาพูด ของตนเองที่เข้าใจหะดีษอีกบทหนึ่งอย่างนี้ มาอธิบายหะดีษนี้ 2. ข้อความข้างต้นเป็นข้อความเพิ่มเติมที่ผิดเพี้ยน (‫ة‬‫اذ‬ َ‫ش‬ ‫َة‬‫د‬ َ‫ي‬‫ه‬‫)ز‬ เพราะหัมมาด บินสะละ มะฮ์ ผู้รายงานหะดีษข้างต้นได้รายงานข้อความนี้ให้เกินเลยจากมะอ์มัร บินรอชิด ซึ่งได้รายงาน หะดีษนี้มาจากษาบิต อัลบุนานีย์ เช่นเดียวกัน แต่ในรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด ไม่มีข้อความ ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” เหมือนในรายงานงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์ อัสสะยูฏีย์ (รวมทั้ง อ.กอเซ็ม ด้วย) กล่าวว่า มะอ์มัร บินรอชิด นั้นมีความน่าเชื่อถือ มากกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์ เพราะหัมมาดถูกวิจารณ์ในด้านความทรงจา และในหะดีษหลาย บทที่ท่านรายงาน ก็มีข้อความที่มุงกัร คือขัดแย้งกับการรายงานของผู้ที่น่าเชื่อถือท่านอื่นๆ 3. สมมุติถ้าข้อความดังกล่าวนั้นเป็นคากล่าวของท่านนะบีย์จริง แต่ความหมายของคาว่า “บิดาของฉัน” หมายถึง “อะบูฏอลิบ” ผู้เป็นลุง มิใช่หมายถึงท่านอับดุลลอฮ์ผู้เป็นบิดาของท่าน นะบีย์จริงๆ ส่วน อ.กอเซ็ม มีความเห็นเพิ่มเติมมาอีกประเด็นหนึ่งในหะดีษเรื่องมารดาของท่านนะบีย์ ก็คือ การที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ ดังข้อความที่ปรากฏในหะดีษบทที่สอง มิใช่เพราะท่านสงสารที่ มารดาของท่านต้องอยู่ในนรก แต่เป็นเพราะท่านเสียใจที่มารดาของท่านไม่มีโอกาสได้รับอิสลาม จากท่าน นี่คือทัศนะส่วนตัวของ อ.กอเซ็ม ที่มิได้ชี้แจงหลักฐานอ้างอิงใดๆ 4. บิดามารดาท่านนะบีย์ เป็นอะฮ์ลุลฟัตเราะฮ์ (ผู้อยู่ในช่วงว่างเว้นนะบีย์) จึงไม่ต้องถูก ลงโทษ ดังอัลกุรอานที่ว่า ﴿۞ ‫ا‬‫وًل‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ث‬َ‫ع‬ۡ‫ب‬َ‫ن‬ ٰ‫َّت‬َ‫ح‬ َ‫هني‬‫ب‬‫ه‬‫ذ‬َ‫ع‬ُ‫م‬ ‫ا‬‫ن‬ُ‫ك‬ ‫ا‬َ‫م‬َ‫و‬﴾ “และเรามิได้ลงโทษ (ผู้ใด) จนกว่าเราจะแต่งตั้งเราะสูลมา”10 10 สูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15
  • 7. 7 ถ้าจะกล่าวกันตรงๆ และไม่อ้อมค้อมแล้วนั้นเท่าที่ได้รับฟังการอภิปรายระหว่าง อ.กอเซ็ม และ อ.ฟารีด ในวันนั้นผู้เขียนมั่นใจว่า “ข้อมูล” จากหนังสือที่ อ.กอเซ็ม นามาใช้โต้แย้งกับ อ.ฟารีด เป็นข้อมูลที่เจ้าของหนังสือเล่มนั้นได้ “คัดลอก” มาจากหนังสือของอัสสะยูฏีย์ข้างต้น แทบทั้งดุ้น ส่วนแนวทางของชัยค์อัชชันกีฏีย์ เจ้าของตัฟสีร “‫ه‬‫ان‬َ‫ي‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ء‬‫إ‬َ‫و‬ ْ‫ض‬َ‫أ‬” นั้นนอกจากจะสอดคล้องกับ แนวทางของอัสสะยูฏีย์ในประเด็นที่สามและประเด็นที่สี่แล้ว ท่านยังมีเพิ่มมาอีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือ แม้หะดีษที่กล่าวว่า บิดามารดาของท่านนะบีย์เป็นชาวนรก จะเป็นหะดีษที่ถูกต้อง แต่ หะดีษดังกล่าวก็เป็นเพียง “หะดีษอาหาด” ซึ่งเป็นหลักฐานซ็อนนีย์ (คาดคะเน) จึงไม่สามารถไป หักล้างข้อความของอัลกุรอานจากสูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15 ซึ่งเป็นหลักฐานก็อฏอีย์ (เด็ดขาด) ได้ นี่คือห้าแนวทางที่นักวิชาการซึ่งมีทัศนะว่า บิดามารดาของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม มิใช่เป็นชาวนรกตามนัยของหะดีษสองบทข้างต้น ใช้เป็นข้อโต้แย้งทัศนะของนักวิชาการ ส่วนใหญ่ ผู้เขียนก็ขอชี้แจงในแต่ละประเด็นดังต่อไปนี้ (1) ข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ในหนังสือที่ผู้เขียนอ้างถึงข้างต้น11 ที่ว่า . . . ข้อความของ หะดีษบทแรกที่ว่า “บิดาของฉันเป็ นชาวนรก” มิใช่เป็นคากล่าวของท่านนะบีย์ แต่เป็นคากล่าว ของผู้รายงานบางท่าน . . . 1.1 อยากจะขอถามว่า มีหลักฐานชัดเจนตามหลักวิชาการหรือไม่ ว่าเป็น ผู้รายงานท่าน ใด ในสายรายงานหะดีษนี้ที่กล่าวข้อความข้างต้นนี้จากความเข้าใจของตนเองแล้ว “แทรก” มัน เข้ามาในตัวบทหะดีษ ดังการกล่าวหาของอัสสะยูฏีย์? หัมมาด บินสะละมะอ์, หรือษาบิต อัลบุนานีย์? แน่นอนคาตอบ (ที่คาดว่าจะได้รับ) ก็คือ ผู้รายงานท่านนั้น (ตามความเข้าใจของท่าน อัสสะยูฏีย์) มิใช่ใครอื่นนอกจาก หัมมาด บินสะละมะฮ์! ผู้ซึ่งอัสสะยูฏีย์กล่าวว่า ถูกวิจารณ์ด้าน ความทรงจา อัสสะยูฏีย์วินิจฉัยว่า ข้อความที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” นั้น หัมมาดได้กล่าวจาก ความเข้าใจเอาเองจากหะดีษอีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นคากล่าวของท่านนะบีย์แต่อย่างใด 11 คือ “อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” เล่ม 2 หน้า 394
  • 8. 8 เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ก็ขอให้ได้พิจารณาด้วยใจเป็นธรรมเถิดว่า “หะดีษบทนี้” และ “หะดีษอีกบทหนึ่ง” ที่จะกล่าวถึงต่อไปนั้นเป็น “หะดีษคนละบท” ที่ถูกรายงานมา ในคนละ เหตุการณ์กัน หรือเป็น “หะดีษเดียวกัน” แต่ถูกหัมมาดใช้คากล่าวตัวเองรายงานให้แตกต่างกับ มะอ์มัร ดังข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์? หะดีษที่หนึ่ง หัมมาด บินสะละมะฮ์ ได้รายงานมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ‫ن‬َ‫أ‬َ‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:َ‫ي‬َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬‫ه‬‫هللا‬!َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬‫؟‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬:‫ه‬‫ف‬،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬‫ا‬‫م‬َ‫ل‬َ‫ف‬‫ى‬‫ف‬َ‫ق‬ُ‫ه‬‫ا‬َ‫ع‬َ‫د‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬:‫ن‬ ِ ‫إ‬َ‫أ‬ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫ك‬ َ‫اب‬َ‫أ‬َ‫و‬‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫إلن‬ “ชายผู้หนึ่งกล่าวว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์ บิดาของฉันอยู่ที่ไหน?, ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ใน นรก, แล้วเมื่อเขาผินหลังให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขาแล้วกล่าวว่า แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดา ของท่านอยู่ในนรก”12 หะดีษที่สอง อิบรอฮีม บินสะอัด ได้รายงานจากซุฮ์รีย์, จากอามิร บินสะอัด, จากบิดาของอามิร คือ สะอัด บินอะบูย์วักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า ‫إ‬ ‫ه‬‫ف‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬ ‫؟‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬َ‫أ‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬ !‫ه‬‫هللا‬ َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬‫ا‬‫ف‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ‫ه‬‫ِب‬‫إلن‬ َ‫َت‬َ‫أ‬ ‫ا‬ًّ‫ي‬‫ه‬‫ب‬‫إ‬َ‫ْر‬‫ع‬َ‫أ‬ ‫ن‬َ‫أ‬:َ‫ال‬َ‫ق‬ ،‫ه‬‫ار‬‫لن‬ :َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬ ‫؟‬َ‫ك‬ْ‫و‬ُ‫ب‬َ‫أ‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ف‬‫ه‬‫ر‬‫ا‬‫لن‬ ‫ه‬‫اب‬ ُ‫ه‬ْ ‫ه‬‫ّش‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ٍ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ َ‫َك‬‫ه‬ ْ‫ْب‬َ‫ق‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ت‬ ْ‫ر‬َ‫ر‬َ‫م‬ ‫ا‬َ‫م‬ُ‫ث‬ْ‫ي‬َ‫ح‬ “ชาวอาหรับชนบทผู้หนึ่งได้มาหาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมแล้วกล่าวว่า โอ้ ท่านเราะสูลุลลอฮ์! บิดาของฉันอยู่ที่ไหน? ท่านนะบีย์ตอบว่า อยู่ในนรก, เขากล่าวถามต่อไปว่า 12 บันทึกโดย มุสลิม หะดีษเลขที่ 347/203; อะบูอะวานะฮ์ เล่ม 1 หน้า 99; อะบูดาวูด หะดีษเลขที่ 4718; อะห์มัด เล่ม 3 หน้า 268; อัลบัยฮะกีย์ เล่ม 7 หน้า 190; อัลญูซะกอนีย์ ใน “อัลอะบาฏิล วัลมะนากีร” เล่ม 1 หน้า 233; อะบูยะอ์ ลา 6/229/3516
  • 9. 9 แล้วบิดาของท่านเองอยู่ที่ไหน? ท่านนะบีย์จึงกล่าวว่า “ณ ที่ใดก็ตามที่ท่านเดินผ่านกุบูรของคน กาฟิร ก็ให้ท่านแจ้งเรื่องนรกแก่เขาเถิด”13 สายรายงานบทที่สองเป็นคนละสายรายงานกับบทที่หนึ่ง และเป็นสายรายงานที่ถูกต้อง เช่นเดียวกัน ดังคากล่าวของอัลฮัยษะมีย์14 และอัลอัลบานีย์15 ส่วนข้ออ้างของอัสสะยูฎีย์ที่ว่า มีหะดีษด้วยสานวนและข้อความ “เหมือนหะดีษที่สอง” ซึ่ง รายงานโดยมะอ์มัร บินรอชิด, จากษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ นั้นขอสารภาพตามตรงว่า แม้ผู้เขียนจะได้ตรวจสอบจนสุดความสามารถแล้วจากตาราหะดีษทุก เล่มที่อยู่ในมือผู้เขียนจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ แต่ผู้เขียนก็ยังไม่เจอเลยว่า หะดีษด้วยสายรายงานดังการ อ้างของอัสสะยูฏีย์นั้น ถูกบันทึกอยู่ในตาราหะดีษเล่มใด! และบรรดานักวิชาการที่วิเคราะห์หะ ดีษเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงหะดีษนี้จากการรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด, จากษาบิต อัล บุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์เลยแม้แต่คนเดียว จึงเป็นไปได้ว่า หะดีษนี้จากกระแสรายงานนี้ดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์ อาจถูกบันทึกอยู่ใน ตาราหะดีษบางเล่มที่ผู้เขียนหรือแม้แต่ท่านนักวิชาการเหล่านั้นยังไม่เคยเจอก็เป็นได้ แต่ที่เจอก็คือหะดีษเดียวกันนี้ซึ่งถูกบันทึกโดยอิบนุมาญะฮ์16 โดยรายงานมาจากอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา 1.2 ในกรณีการตั้งสมมุติฐานว่า มะอ์มัร บินรอชิด ได้รายงานหะดีษบทที่สองมาจาก ษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จริงดังการอ้างของอัสสะยูฏีย์ แต่เมื่อพิจารณาดูข้อความหะดีษทั้งสองบทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วจะเห็นได้ว่า แม้จะมี ส่วนคล้ายคลึงกัน แต่ก็น่าจะเป็นคนละเหตุการณ์กัน ข้อความของหะดีษบทหนึ่งซึ่งท่านนะบีย์กล่าวว่า “แท้จริงทั้งบิดาของฉันและบิดาของท่าน อยู่ในนรก” มิใช่เป็ นการตอบคาถามของผู้ถาม เหมือนหะดีษบทที่สอง แต่เป็น “ประเด็นใหม่” ที่ท่านนะบีย์ได้กล่าวขึ้นมาเองหลังจากตอบคาถามแล้ว และหลังจากชายผู้นั้นผินหลังให้แล้ว กรณีนี้แตกต่างกับหะดีษบทที่สองซึ่งท่านนะบีย์ต้องตอบคาถามถึงสองครั้ง และคาตอบ ครั้งที่สองของท่านก็เป็นการตอบ “เลี่ยงๆ” ไม่ตรงประเด็นอย่างที่เห็นซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ 13 บันทึกโดย อัฏฏ็อบรอนีย์ ใน “อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร” 1/19/1; อัลบัยฮะกีย์ ใน “ดะลาอิลุนนุบูวะฮ์” เล่ม 1 หน้า 139-140; และอัฎฎิยาอ์ อัลมุก็อดดิซีย์ ใน “อัลอะหาดีษ อัลมุคตาเราะฮ์” เล่ม 1 หน้า 333 14 “มัจญ์มะอ์ อัสสะวาอิด” เล่ม 1 หน้า 315 15 “อัศเศาะหี้หะฮ์” เล่ม 1 หน้า 25 16 หะดีษเลขที่ 1573
  • 10. 10 “ประเด็นใหม่” เรื่องบิดาของท่านอยู่ในนรกที่ท่านกล่าวออกมาเองอย่าง “ชัดเจน” ในหะดีษบท ที่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาถัดมาก็คือ สมมุติถ้าหะดีษทั้งสองบทเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และ ข้อความที่ว่า “บิดาของฉันและบิดาของท่านอยู่ในนรก” ก็มิใช่คากล่าวของท่านนะบีย์ แต่เป็นคา กล่าวของผู้รายงานบางท่าน คือ หัมมาด บินสะละมะฮ์ ที่ประดิษฐ์คากล่าวเอาเอง จากความเข้าใจ ของตัวเอง จากเนื้อหาใน “คาตอบครั้งที่สอง” ของท่านนะบีย์ ใน หะดีษบทที่สองอันได้แก่ คาตอบเลี่ยงๆ ของท่านที่ว่า ณ ที่ใดที่ท่านเดินผ่านกุบูรของคนกาฟิร ก็ให้ท่านแจ้งเรื่องนรกแก่ เขาเถิด ผู้เขียนก็อยากถามว่า แล้วคากล่าวของผู้รายงานในหะดีษบทที่หนึ่งที่ว่า “เมื่อเขาผินหลัง ให้ ท่านนะบีย์ก็เรียกเขา แล้วกล่าวว่า แท้จริง บิดาของฉัน . . .” นั้นผู้รายงานท่านนั้น (ซึ่งก็คง จะเป็นหัมมาด บินสะละมะฮ์) เอาความเข้าใจนี้มาจากตอนไหนของหะดีษบทที่สอง จึงได้กล่าว เป็นตุเป็นตะออกมาเช่นนี้? เพราะคากล่าวลักษณะนี้ มองอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจมาจากเนื้อหาตอนใดของหะดีษบทที่ สองได้เลย สรุปแล้วข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ที่ว่า . . . ข้อความจากคากล่าวท่านนะบีย์ในหะดีษบทที่หนึ่ง ที่ว่า “บิดาของฉันเป็นชาวนรก” . . . เป็นเพียงคากล่าวของผู้รายงานบางท่าน จึงเท่ากับเป็นการ ปฏิเสธความถูกต้องของหะดีษมัรฟูอ์ จากการคาดคะเนของตนเองโดยปราศจากหลักฐานใดๆ ตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ยังมีหะดีษบางบทที่ท่านนะบีย์กล่าวว่า ปู่ ของท่านคืออับดุลมุฏฏอลิบ ก็เป็ นชาว นรกด้วย ดังจะได้กล่าวต่อไปในภายหลัง สิ่งนี้จึงเป็นหลักฐานยืนยันทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่ เรื่องสถานภาพของบิดามารดาของท่านนะบีย์ในวันอาคิเราะฮ์ได้เป็นอย่างดี อะบูอัฏฏ็อยยิบ อัลอาบาดีย์ ได้กล่าวว่า17 َ‫م‬‫ال‬َ‫ع‬ْ‫ل‬َ‫إ‬ : ُ‫ت‬ْ‫ل‬ُ‫ق‬‫إ‬َ‫َذ‬‫ه‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬َ َ‫لَك‬‫ه‬‫ب‬ َ‫ة‬َ ْ‫ْب‬‫ه‬‫ع‬ َ‫ًل‬ ‫إ‬ًّ‫د‬‫ه‬‫ج‬ ‫ل‬‫ه‬‫ه‬‫ا‬ َ‫س‬َ‫ت‬ُ‫م‬ ُّ‫ى‬‫ه‬‫ط‬ْ‫و‬ُ‫ي‬‫إلس‬ ُ‫ة‬‫ه‬‫ة‬‫م‬‫ه‬‫ئ‬َ‫أل‬ْ‫إ‬ ُ‫م‬َ َ‫لَك‬ ُ‫ه‬ْ‫ق‬‫ه‬‫ف‬‫إ‬َ‫و‬ُ‫ي‬ ْ‫م‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫م‬ ‫ه‬‫اب‬َ‫ب‬ْ‫ل‬‫إ‬ ‫ه‬‫د‬‫ا‬‫ق‬‫إلن‬ “ฉันขอกล่าวว่า อัลลามะฮ์ อัสสะยูฏีย์ เป็นผู้ที่มีความสะเพร่าเป็นอย่างมาก ซึ่งจะถือเอาคา กล่าวของท่านมาเป็นบรรทัดฐานในเรื่องนี้ไม่ได้ ตราบใดที่มันไม่สอดคล้องกับคากล่าวของบรรดา นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หะดีษ” 17 “เอานุลมะอ์บูด” เล่ม 12 หน้า 494
  • 11. 11 (2) คากล่าวของอัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม ที่ว่า หัมมาด บินสะละมะฮ์ เป็นผู้รายงานที่มี ความบกพร่องด้านความทรงจา, และรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด ที่รายงานมาจากษาบิต อัลบุ นานีย์ น่าเชื่อถือกว่ารายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์ ที่รายงานมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ ด้วยกัน ผู้เขียนขอชี้แจงดังนี้ 2.1 มะอ์มัร บินรอชิด (เสียชีวิต ฮ.ศ. 153 หรือ 154) เป็นศิษย์ตาบิอีนระดับอาวุโส, ส่วนหัมมาด บินสะละมะฮ์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 167) ก็เป็นศิษย์ตาบิอีนระดับอาวุโสรองลงมาจาก มะอ์มัร ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้รายงานที่ได้รับความเชื่อถือ (‫ق‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ث‬ْ‫َو‬‫ت‬) ในระดับสูงไล่เลี่ยกันจาก นักวิชาการหะดีษ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลนี้ได้จากตาราที่เกี่ยวกับ ‫ه‬‫ث‬ْ‫ي‬‫ه‬‫د‬َ‫ح‬ْ‫ل‬‫إ‬ ُ‫ال‬َ‫ج‬‫ه‬‫ر‬ แทบทุกเล่ม ส่วนข้ออ้างที่ว่า หัมมาด บินสะละมะฮ์ ถูกวิจารณ์ด้านความทรงจา ก็เป็นเหตุการณ์ในช่วง ปลายของชีวิตขณะที่ท่านชราภาพแล้ว18 จึงไม่มีนักวิชาการหะดีษท่านใดกล่าวว่าข้อบกพร่องด้าน ความทรงจาดังกล่าวของหัมมาด จะส่งผลเสียต่อหะดีษบทนี้ที่ท่านรายงานดังข้างต้น นอกจากในด้านความน่าเชื่อถือที่ไล่เลี่ยกันแล้ว ทั้งสองท่านนี้ยังถูกวิจารณ์ความบกพร่อง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน ในข้อหาเดียวกันอีกด้วย คือเป็นผู้ชอบพลั้งเผลอ (‫َام‬‫ه‬ْ‫و‬َ‫أ‬) พอกัน19 ทั้งมะอ์มัร บินรอชิด และหัมมาด บินสะละมะฮ์ จึงเป็นผู้รายงานที่มีทั้งจุดดีจุดด้อยไล่เลี่ย กันในกรณีที่รายงานหะดีษมาจากผู้อื่นจากษาบิต อัลบุนานีย์ แต่กรณีที่ทั้งสองท่านนั้นรายงานหะดีษมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ ด้วยกันแล้วอัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม อ้างว่า รายงานของมะอ์มัร บินรอชิด จะได้รับความเชื่อถือมากกว่ารายงานของ หัมมาด บินสะละมะฮ์ ข้ออ้างดังกล่าวนี้ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงชนิด “หน้ามือเป็ นหลังมือ” กับคากล่าวของนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ประวัติผู้รายงานหะดีษจริงๆ หลายท่าน เพราะนักวิชาการเหล่านั้นต่างกล่าวว่า การรายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์ จากษาบิต อัลบุนานีย์ น่าเชื่อถือกว่าการรายงานของมะอ์มัร บินรอชิด! 18 “ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 1 หน้า 197 19 ดูข้อมูลการวิจารณ์ความบกพร่องดังกล่าวจากประวัติหัมมาด บินสะละมะฮ์ ใน “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 1 หน้า 590, และประวัติมะอ์มัร บินรอชิด ในหนังสือเล่มดังกล่าว เล่ม 4 หน้า 154
  • 12. 12 อะลีย์ บินอัลมะดีนีย์ กล่าวว่า َ‫ل‬َ‫ة‬َ‫م‬َ‫ل‬ َ‫س‬ ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫د‬‫ا‬ َ‫َح‬ ْ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ ٍ‫هت‬‫ب‬َ‫َث‬ ‫ه‬‫اب‬َ ْ‫َص‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ‫ن‬ُ‫ك‬َ‫ي‬ ْ‫م‬ “ไม่เคยมีผู้ใดจากสหายของษาบิต (อัลบุนานีย์) ที่จะแน่นอน (คือเชื่อถือได้ในสิ่งที่รายงาน มาจากษาบิต) ยิ่งไปกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์”20 อิมามอะห์มัด อิบนุหัมบัล และยะห์ยา บินมะอีน ต่างกล่าวสอดคล้องกันว่า ٍ‫هت‬‫ب‬َ‫َث‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫اس‬‫إلن‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ َ‫ُو‬‫ه‬ “เขา (หัมมาด บินสะละมะฮ์) คือ ผู้ที่เชื่อถือได้ที่สุด ในสิ่งที่เขารายงานมาจากษาบิต (อัลบุนานีย์)”21 อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวในการสรุปประวัติของมะอ์มัร บินรอชิด ว่า ِ ‫إ‬ ،‫ل‬ ‫ه‬‫اض‬َ‫ف‬ ،‫ت‬ْ‫ب‬َ‫ث‬ ،‫ة‬َ‫ق‬‫ه‬‫ث‬ )َ‫ُو‬‫ه‬(‫ا‬‫ا‬‫ْئ‬‫ي‬ َ‫ش‬ َ‫ة‬َ‫و‬ْ‫ر‬ُ‫ع‬ ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫م‬‫ا‬ َ‫ش‬‫ه‬‫ه‬َ‫و‬ ، ‫ه‬‫ش‬َ ْ‫ْع‬َ‫أل‬ْ‫إ‬َ‫و‬ ، ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ت‬َ‫ي‬‫إ‬َ‫و‬‫ه‬‫ر‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ‫ن‬َ‫أ‬ ‫ًل‬ “เขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้, แน่นอนมาก, และเป็นประเสริฐบุคคล เว้นแต่สิ่งที่เขารายงานมา จากษาบิต (อัลบุนานีย์), อะอ์มัช และฮิชาม บินอุรวะฮ์ มีบางอย่าง (ที่จะต้องพิจารณา หรือไม่ น่าเชื่อถือ)”22 อิมามอะห์มัด อิบนุหัมบัล ยังกล่าวอีกว่า ٍ‫ر‬َ‫م‬ْ‫ع‬َ‫م‬ ْ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ت‬َ‫ب‬ْ‫ث‬َ‫أ‬ َ‫ة‬َ‫م‬َ‫ل‬ َ‫س‬ ُ‫ن‬ْ‫ب‬ ُ‫د‬‫ا‬ َ‫َح‬ “หัมมาด บินสะละมะฮ์ มีความแน่นอน (คือน่าเชื่อถือ) ในการรายงานมาจากษาบิต ยิ่งกว่ามะอ์มัร (บินรอชิด)”23 และยะห์ยา บินมะอีน ยังกล่าวไว้อีกเช่นกันว่า ‫ف‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ع‬َ‫ض‬ ٍ‫هت‬‫ب‬ َ‫َث‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ‫ر‬َ‫م‬ْ‫ع‬َ‫م‬ “(รายงานของ) มะอ์มัรจากษาบิต ถือว่าเฎาะอีฟ (คือไม่น่าเชื่อถือ)”24 20 “ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 3 หน้า 12 21 “ตัสกิเราะฮ์ อัลหุฟฟาศ” เล่ม 1 หน้า 200; “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 1 หน้า 590; “ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 1 หน้า 197; “ซิยัร อะอ์ลามินนุบะลาอ์” เล่ม 7 หน้า 337 22 “ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 2 หน้า 266 23 “ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” โดย อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ เล่ม 3 หน้า 11 24 “ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ” เล่ม 10 หน้า 219; “มีซาน อัลอิอ์ติดาล” เล่ม 4 หน้า 154
  • 13. 13 จากข้อมูลที่ได้อธิบายมานี้ย่อมจะรับทราบทันทีว่า ข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม ที่ว่า มะอ์มัร บินรอชิด น่าเชื่อถือกว่าหัมมาด บินสะละมะฮ์ ในการรายงานหะดีษมาจากษาบิต อัลบุนานีย์ นั้น ข้ออ้างดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่มีหลักฐานยืนยันหรือเป็นข้อมูลลอยๆ ประเภท “มั่วนิ่ม” กัน แน่? ดังนั้นข้อความจากคากล่าวของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมที่ว่า “แท้จริง ทั้ง บิดาของฉันและบิดาของท่านอยู่ในนรก” จากการรายงานของหัมมาด บินสะละมะฮ์, จากษาบิต อัลบุนานีย์, จากอะนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จึงถือเป็ นหะดีษมัรฟูอ์ที่เศาะหี้ห์และเชื่อถือ ได้ตามหลักวิชาการหะดีษ (3) อัสสะยูฏีย์ และ อ.กอเซ็ม กล่าวว่า สมมุติถ้าหะดีษบทนั้นถูกต้อง คากล่าวของท่าน นะบีย์ที่ว่า “บิดาของฉัน” น่าจะหมายถึง “อะบูฏอลิบ” ผู้เป็นลุงซึ่งไม่มีความขัดแย้งใดๆ ในกลุ่ม ชาวสุนนีย์ว่าท่านเป็นชาวนรก แต่มิได้หมายถึง “บิดาจริงๆ” ของท่านนะบีย์ คือ ท่านอับดุลลอฮ์ ส่วนอัชชันกีฏีย์ ได้อ้างสูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 133 และสูเราะฮ์ อัล อันอาม อายะฮ์ที่ 84-86 มายืนยันว่า มีบางครั้งที่คาว่า “บิดา” ในอัลกุรอาน ไม่ได้หมายถึงบิดาจริงๆ! แต่จะหมายถึงปู่หรือบรรพบิดาชั้นสูงขึ้นไป ดังนั้น “บิดาของท่าน นะบีย์” จากข้อความของหะ ดีษบทนี้จึงน่าจะมีความหมายนัยเดียวกันกับความหมาย “บิดา” ในอัลกุรอาน คือหมายถึงญาติ ลาดับสูงอย่างอะบูฏอลิบ ชี้แจง 3.1 ในกรณีข้ออ้างของอัสสะยูฏีย์ที่ว่า “บิดาของฉัน” ในหะดีษบทนั้นหมายถึง “อะบูฏอลิบ” โดยอัสสะยูฏีย์ได้อธิบายเหตุผลซึ่งพอจะสรุปได้ว่า25 หลักฐานการตะอ์วีลหรือเบี่ยงเบนความหมายดังกล่าวเป็นบันทึกจากประวัติศาสตร์ นั่น คือการที่อะบูฏอลิบเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูกของข้า” เป็นที่รับรู้กันอย่างแพร่หลายสาหรับชาว อาหรับในสมัยนั้น อันจะสังเกตเห็นได้จากบันทึกในประวัติศาสตร์หลายต่อหลายตอน ตัวอย่างเช่น เมื่อชาวอาหรับกุร็อยช์มาขอร้องอะบูฏอลิบให้ห้ามปรามท่านนะบีย์จากการ ประณามรูปเคารพของพวกเขา ในหนังสือประวัติศาสตร์ (บางเล่ม)จะมีการบันทึกคาพูดชาว กุร็อยช์เอาไว้ว่า 25 “อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” เล่ม 2 หน้า 395
  • 14. 14 ‫ه‬‫ًل‬ ْ‫ل‬ُ‫ق‬‫ا‬َ‫ن‬‫ه‬‫ت‬َ‫ه‬‫ه‬‫ل‬‫أ‬ ‫ه‬ ْْ َ‫ش‬ ْ‫ن‬َ‫ع‬ ْْ‫ه‬ِْ‫ر‬َ‫ي‬ ََ‫ه‬‫ن‬ْ‫ب‬ “บอก “ลูกของท่าน” ซิว่า ให้เขาเลิกประณามพระเจ้าของเราเสียที” หรือเมื่อตอนที่พวกกุร็อยช์มาเสนอตัวอุมาเราะฮ์ บินอัลวะลีด ให้อะบูฏอลิบรับไว้ แล้วขอ แลกเปลี่ยนตัวท่านนะบีย์มาให้พวกเขา อะบูฏอลิบก็ได้กล่าวตอบว่า ُ ‫ه‬‫ًل‬ ْ ُ‫ُك‬َ‫ن‬ْ‫ب‬‫إ‬ ْ ‫ه‬‫ِن‬ْ‫و‬ُ‫ط‬ْ‫ع‬ُ‫ت‬َ‫أ‬ !َ‫ن‬ْ‫و‬ُ‫ب‬ُ‫ل‬ ْ‫َط‬‫ت‬ ‫ا‬َ‫م‬ َ‫س‬ْ‫ئ‬‫ه‬‫ب‬‫؟‬ُ‫ه‬ْ‫و‬ُ‫ل‬ُ‫ت‬ْ‫ق‬َ‫ت‬‫ه‬‫ل‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ب‬‫إ‬ ْ ُ‫ُك‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ْط‬‫ع‬ُ‫أ‬َ‫و‬ ُ‫ه‬َ‫ي‬‫ه‬‫ب‬َ‫ر‬ “ข้อเสนอของพวกเจ้าช่างบัดซบแท้ๆ พวกเจ้าจะเอาลูกของพวกเจ้ามาให้ข้าเลี้ยง แล้วจะ ให้ข้ามอบ “ลูกของข้า” ไปให้พวกเจ้าสังหารกระนั้นหรือ?” หรือเมื่อครั้งที่อะบูฏอลิบนาท่านนะบีย์ไปค้าขายที่เมืองชามครั้งแรก ตอนท่าน นะบีย์อายุได้เก้าขวบ (บางรายงานว่าสิบสองขวบ) แล้วไปเจอนักบวชยิวท่านหนึ่งที่ใกล้เมืองบุศรอ เมื่อนักบวชยิวผู้นั้นถามอะบูฏอลิบว่า “เด็กคนนี้เป็นอะไรกับท่านหรือ” อะบูฏอลิบตอบว่า ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ب‬‫إ‬َ‫ُو‬‫ه‬ เขาคือ “บุตรชายของข้า” หลักฐานจากประวัติศาสตร์เหล่านี้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างท่านนะบีย์ และอะบูฏอลิบซึ่งแม้จะเป็นลุงกับหลาน แต่อันเนื่องมาจากอะบูฏอลิบได้เลี้ยงดูท่านนะบีย์มา ตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้นความรู้สึกระหว่างทั้งสองจึงแนบแน่นเหมือนพ่อกับลูกแท้ๆ จนกระทั่งใช้คา กล่าวเรียกกันและกันว่า “พ่อ” และ “ลูก” ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ข้างต้น ผนวกกับบิดามารดาของท่านนะบีย์ เป็นอะฮ์ ลุลฟัตเราะฮ์ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวไว้ในสูเราะฮ์ อัลอิสรออ์ อายะฮ์ที่ 15 แล้วว่า พระองค์ไม่ เคยลงโทษใครจนกว่าพระองค์จะส่งเราะสูลมายังพวกเขาเสียก่อน จึงเป็นไปได้ว่า คากล่าวของ ท่านนะบีย์ในหะดีษบทข้างต้นที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” น่าจะหมายถึงอะบูฏอลิบ ผู้เขียนขอเรียนชี้แจงว่า แม้คาอธิบายนี้จะ “เข้าท่า” ที่สุดยิ่งกว่าคาอธิบายหรือการ ตะอ์วีล อื่นใดในเรื่องนี้ (และผู้เขียนเองก็อยากจะให้เป็นอย่างนี้ใจจะขาด) แต่ก็ยังมีข้อกังขาที่จะต้องตอบ ให้ได้อีกสามประเด็นคือ ก. บันทึกจากประวัติศาสตร์ข้างต้นที่พวกกุร็อยช์กล่าวกับอะบูฏอลิบเกี่ยวกับตัวท่านนะบีย์ โดยใช้คาว่า “ลูกของท่าน” หรืออะบูฏอลิบเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูกของข้า” นั้น เป็ นบันทึกที่ เชื่อถือได้หรือไม่ในแง่ของวิชาการ? หมายถึงว่าบันทึกดังกล่าวมี “สายรายงานที่ถูกต้อง” ยืนยันหรือไม่ว่า มีการใช้คากล่าวกันอย่างนี้จริงๆ ในการสนทนาในแต่ละเหตุการณ์เหล่านั้น?
  • 15. 15 เพราะข้อความจากหนังสือประวัติศาสตร์เล่มอื่นๆ บางเล่ม26 พวกกุร็อยช์จะกล่าวถึงท่าน นะบีย์ต่ออะบูฏอลิบในเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่า ََْ‫ي‬‫ه‬‫خ‬َ‫أ‬ ُ‫ن‬ْ‫ب‬ ِ ‫إ‬ (ลูกของน้องชายท่าน) ไม่ใช่กล่าวว่า ََُ‫ن‬ْ‫ب‬ ِ ‫إ‬ (ลูกของท่าน) ข. แม้จะเป็นไปได้ว่า อะบูฏอลิบจะเรียกท่านนะบีย์ว่า “ลูก” เพราะความผูกพันใกล้ชิด ดังการบันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์บางเล่มดังที่อ้างมา แต่ในมุมกลับกัน ไม่ว่าขณะอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว มีหลักฐานหรือไม่ว่า ท่านนะบีย์จะเคยเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ” เพราะประเด็นนี้ คือข้อเฉลยหรือคาตอบที่ถูกต้องที่สุดในกรณีนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานว่าท่านนะบีย์จะเคยเรียกอย่างนั้น แล้วเราจะไปบิดเบือนคากล่าวของ ท่านนะบีย์ที่ว่า “บิดาของฉันอยู่ในนรก” ในหะดีษบทนั้นว่าหมายถึง “อะบูฏอลิบ” ได้ อย่างไร? เท่าที่ผู้เขียนตรวจสอบดู ไม่ว่าจากตาราประวัติศาสตร์หรือตาราหะดีษ, ไม่ว่าสายรายงานจะ ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง และไม่ว่าขณะอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ก็ไม่เคยปรากฏแม้ สักครั้งเดียวที่ท่านนะบีย์ จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ” แต่ท่านนะบีย์จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “ลุง” ทุกครั้งไป ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการบันทึกจากตาราประวัติศาสตร์บางเล่มและตาราหะดีษบางเล่ม ซึ่ง ผู้เขียนจะไม่เน้นในเรื่องความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องของสายรายงาน แต่เพื่อต้องการให้รู้ว่า มีการ บันทึกการเรียกของท่านนะบีย์ต่ออะบูฏอลิบอย่างไรเท่านั้น 1. เมื่อตอนท่านนะบีย์อายุเก้าขวบ และอะบูฏอลิบจะเดินทางไปค้าขายที่เมืองชามโดย ตั้งใจจะละท่านนะบีย์ไว้ที่มักกะฮ์ ท่านนะบีย์ได้จับสายเชือกอูฐไว้แล้วอ้อนว่า . ٌّ‫م‬ُ‫أ‬ َ‫ًل‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ِل‬ ‫ب‬َ‫أ‬ َ‫ًل‬ ، ْ ‫ه‬‫ْى‬ُ ‫ه‬‫ِك‬َ‫ت‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫ِل‬ ِ ‫إ‬ !‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬.. “ลุงจ๋า! ท่านจะฝากฝังฉันไว้กับใครหรือ? ฉันไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่นะ . . .”27 2. เมื่ออะบูฏอลิบขอร้องให้ท่านนะบีย์ยุติการประกาศเผยแผ่ศาสนาอิสลาม เพราะเกรงจะ ได้รับอันตรายจากการปองร้ายของพวกกุร็อยช์ ท่านนะบีย์ก็กล่าวแก่อะบูฏอลิบว่า 26 เช่น “นูรุลยะกีน” หน้า 37 27 “ซีเราะฮ์” โดย มุหัมมัด บินอิสหาก หน้า 53
  • 16. 16 ‫إ‬ْ‫و‬ُ‫ع‬َ‫ض‬َ‫و‬ْ‫و‬َ‫ل‬ !‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬ ‫ه‬‫هللا‬َ‫و‬‫إ‬َ‫ذ‬َ‫ه‬ َ‫ك‬ُ‫ر‬ْ‫ت‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ َ‫َّل‬َ‫ع‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫ار‬ َ‫َس‬‫ي‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َ‫ر‬َ‫م‬َ‫ق‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬ْ‫ي‬‫ه‬‫م‬َ‫ي‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َ‫س‬ْ‫م‬‫إلش‬ُ‫ت‬ْ‫ل‬َ‫ع‬َ‫ف‬ ‫ا‬َ‫م‬ َ‫ر‬ْ‫م‬َ‫أل‬ْ‫إ‬ “ขอสาบานต่ออัลลอฮ์, ลุงจ๋า! ต่อให้พวกเขานาเอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวาของฉัน และนาดวงจันทร์มาวางไว้ในมือซ้ายของฉัน เพื่อให้ฉันยุติกิจการนี้ ฉันก็ทาไม่ได้”28 3. เมื่อตอนที่อะบูฏอลิบใกล้จะสิ้นใจ ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าว แก่อะบูฏอลิบว่า !‫ه‬ َ‫ع‬ َ‫ي‬ْ‫ش‬َ‫أ‬ ‫ة‬َ‫م‬‫ه‬َ‫َك‬ ،ُ‫هللا‬ ‫ًل‬ ِ ‫إ‬ ََ‫َل‬ ِ ‫إ‬ َ‫ًل‬ ْ‫ل‬ُ‫ق‬. ‫ه‬‫هللا‬َ‫د‬ْ‫ن‬‫ه‬‫ع‬ ‫ا‬َ ‫ِبه‬ َ َ‫ِل‬ ُ‫َد‬‫ه‬.. “ลุงจ๋า! จงกล่าวเถิดว่า ُ‫هللا‬ ‫ًل‬ ِ ‫إ‬ ََ‫َل‬ ِ ‫إ‬َ‫ًل‬ คาเดียวเท่านั้นที่ฉันจะใช้มันเป็นพยานให้ท่านได้ ณ ที่อัลลอฮ์ . . .”29 4. หลังจากอะบูฏอลิบเสียชีวิตไปแล้ว มีรายงานว่าท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยกล่าวว่า ‫إ‬َ‫ز‬ ‫ا‬َ‫م‬ْ‫ى‬‫ه‬ َ‫ْع‬ َ‫ات‬َ‫م‬ ‫َّت‬َ‫ح‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ع‬ ‫ا‬‫ة‬َ‫ع‬ َ‫َك‬ ‫ْش‬‫ي‬َ‫ر‬ُ‫ق‬ ْ‫ت‬َ‫ل‬ “พวกกุร็อยช์ไม่เคยกล้าระรานฉัน จนกระทั่ง “คุณลุง” ของฉันตายไป”30 5. อัฏฏ็อบรอนีย์ ได้รายงานหะดีษบทหนึ่งมาจากอุมมุสะละมะฮ์ว่า อัลหาริษ บินฮิชาม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้มาหาท่านนะบีย์ ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะวัลลัม แล้วถามบางอย่างต่อท่าน ซึ่ง ท่านนะบีย์ก็ตอบว่า 28 “นูรุลยะกีน” (ซึ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์) หน้า 38; “ซีเราะฮ์” โดย อิบนุอิสหาก หน้า 135; “มุหัมมัด เราะสู ลุลลอฮ์” โดย ชัยค์มุหัมมัด ริฎอ หน้า 108 29 “เศาะหี้ห์ มุสลิม” หะดีษเลขที่ 39/24; “ซีเราะฮ์” โดย มุหัมมัด บินอิสหาก หน้า 222 บรรทัดที่ 4; และยังมี ข้อความที่คล้ายคลึงกันนี้ในหนังสือเล่มและหน้าเดียวกัน บรรทัดที่ 21, และในหน้า 221 บรรทัดที่ 9; และ “อัซซีเราะฮ์ อันนะบะวียะฮ์” โดย อิบนุฮิชาม หน้า 223 ก็มีข้อความที่คล้ายคลึงกับข้อความข้างต้นเช่นเดียวกัน 30 “มุหัมมัด เราะสูลุลลอฮ์” โดย ชัยค์มุหัมมัด ริฎอ หน้า 138
  • 17. 17 َ‫اب‬َ‫أ‬ ْ‫ى‬‫ه‬ َ‫ْع‬ ُ‫ت‬ْ‫د‬َ‫ج‬َ‫و‬ ْ‫د‬َ‫ق‬َ‫و‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ‫ة‬َ‫و‬ْ‫ذ‬َ‫ج‬ َ‫ُو‬‫ه‬َ‫ف‬ ُ‫هللا‬ ‫ًل‬ ِ ‫إ‬ ََ‫َل‬ ِ ‫إ‬ َ‫ًل‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ُ‫ه‬ُ‫ب‬‫ه‬‫ح‬‫ا‬ َ‫ص‬ ُ‫َد‬‫ه‬ ْ‫َش‬‫ي‬ َ‫ًل‬ ٍ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ ُّ ُ‫ُك‬ْ ‫ه‬‫ف‬ ٍ‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ا‬َ‫ط‬ ْ‫ح‬ ِ ‫إ‬َ‫و‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬‫ه‬‫م‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ن‬ َ‫َك‬َ‫م‬‫ه‬‫ل‬ ُ‫هللا‬ ُ‫ه‬َ‫ج‬َ‫ْر‬‫خ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫م‬‫ا‬َ‫ط‬ْ‫م‬َ‫ط‬‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ٍ‫ح‬‫ا‬ َ‫ض‬ْ َ‫َض‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ َُ‫َل‬َ‫ع‬َ‫ج‬َ‫ف‬ ،‫ِل‬ ِ ‫إ‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫ن‬‫ا‬ َ‫س‬ “ทุกหลุมฝังศพซึ่งเจ้าของมันมิได้กล่าวปฏิญาณว่า ُ‫هللا‬ ‫ًل‬ ِ ‫إ‬ ََ‫َل‬ ِ ‫إ‬ َ‫ًل‬ มันก็คือคบเพลิงจากนรก, ฉันรู้ว่าคุณลุงของฉัน คืออะบูฏอลิบอยู่ในนรกขุมใหญ่ แต่พระองค์อัลลอฮ์ก็นาท่านออกมาเพราะ ท่านคือญาติของฉันและท่านทาดีต่อฉัน แล้วพระองค์ก็นาท่านใส่ในนรกขุมเล็กแทน”31 จากข้อมูลที่กล่าวมานี้แสดงว่า แต่ไหนแต่ไรมา ไม่ว่าตอนอะบูฏอลิบยังมีชีวิตอยู่หรือตาย ไปแล้ว ไม่มีหลักฐานว่าท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะได้เคยเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ” เลย แต่จะเรียกอะบูฏอลิบว่า “ลุง” มาโดยตลอด แม้กระทั่งในหะดีษที่ห้าซึ่งกล่าวถึงการเป็น ชาวนรกของอะบูฏอลิบ ท่านนะบีย์ก็ยังใช้คาว่า “ลุง” แล้ว อ.กอเซ็ม พอจะให้คาตอบได้หรือไม่ว่า มาคราวนี้ในหะดีษที่กาลังขัดแย้งกันนี้ เหตุใด ท่านนะบีย์จึงเปลี่ยนไปเรียกอะบูฏอลิบว่า “พ่อ” หรือจะให้เข้าใจว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เปลี่ยนมา เรียกอะบูฏอลิบว่าพ่อ ก็เพราะนึกอยากจะให้เกียรติอะบูฏอลิบ หลังจากปรากฏแน่ชัดว่า อะบูฏอลิบเป็ นชาวนรก? ค. แต่ถ้าหากผู้ใดยังยืนกรานที่จะตะอ์วีลคาว่า “บิดาของฉัน” ในหะดีษบทนั้นว่าหมายถึง “อะบูฏอลิบ” ผู้เขียนก็อยากจะให้ลอง “ตะอ์วีล” คาว่า “อับดุลมุฏฏอลิบ” และคาว่า “แม่ของ ฉัน” ในหะดีษที่จะถึงต่อไปนี้ดูบ้างว่า หมายถึงใคร? 1. อะบูดาวูดได้บันทึกด้วยข้อความย่อๆ32 และอิบนุสะอัดได้บันทึกด้วยข้อความที่ยืดยาว กว่าดังนี้33 َ‫ى‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬ َ‫ن‬ْ‫ي‬‫ه‬‫ر‬‫ه‬ِ‫َا‬‫ه‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫ن‬‫ه‬‫م‬ ‫ا‬‫ال‬ُ‫ج‬َ‫ر‬ ‫ن‬َ‫أ‬‫ه‬‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬ َ‫اس‬‫ب‬َ‫ع‬ْ‫ل‬‫إ‬‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ت‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ر‬َ‫أ‬ ‫ه‬‫ل‬ ْ‫ض‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫اب‬َ‫أ‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ ‫ا‬َ‫م‬ُ‫ه‬َ‫ع‬َ َ‫َج‬ ٍ‫م‬ْ‫ه‬ َ‫س‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ب‬ َ‫ة‬َ‫ن‬‫ه‬‫ه‬َ‫َك‬ َ َ‫َل‬َ‫ط‬ْ‫ي‬َ‫غ‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ٍ ‫ه‬‫َاِش‬‫ه‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬‫؟‬‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬‫ا‬‫ع‬ْ‫ي‬‫ه‬َ‫َج‬ ُ‫هللا‬َُ‫َل‬ َ‫ل‬‫ا‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ‫ا‬‫ة‬َ‫ي‬‫ه‬‫ن‬ َ‫َث‬ ُ‫ه‬َ‫ي‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬ ُ‫ُث‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ َ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬ َ ‫ه‬‫ِل‬َ‫ذ‬ َ‫ل‬ْ‫ث‬‫ه‬‫م‬ُ‫ه‬‫ن‬‫ه‬‫ك‬َ‫ل‬َ‫و‬ ،‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ ‫ن‬َ‫أ‬ ُ‫ت‬ْ‫م‬‫ه‬‫ل‬َ‫ع‬ ْ‫د‬َ‫ق‬َ‫ل‬ ! ‫ه‬‫هللا‬ َ‫و‬ ‫ه‬‫هللا‬ َ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ َ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬ 31 “อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวีย์” โดย อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 396 32 “อัลมะรอซีล” หะดีษเลขที่ 508 33 “อัฏเฏาะบะกอต อัลกุบรอ” เล่ม 4 หน้า 331
  • 18. 18 َ‫د‬ْ‫ب‬َ‫ع‬ َ‫ت‬ْ‫ي‬َ‫أ‬َ‫ر‬َ‫أ‬ ‫ه‬‫ل‬ ْ‫ض‬َ‫ف‬ْ‫ل‬‫إ‬ َ‫اب‬َ‫أ‬ َ‫ي‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ي‬‫ه‬‫ق‬َ‫ل‬‫ا‬َ‫م‬ُ‫ه‬َ‫ع‬َ َ‫َج‬ ٍ‫م‬ْ‫ه‬ َ‫س‬ ْ ‫ه‬‫ْى‬َ‫ب‬ َ‫ة‬َ‫ن‬‫ه‬‫ه‬ َ‫َك‬ َ َ‫َل‬َ‫ط‬ْ‫ي‬َ‫غ‬ْ‫ل‬‫إ‬َ‫و‬ ٍ ‫ه‬‫َاِش‬‫ه‬ َ‫ن‬ْ‫ب‬ ‫ه‬‫ب‬‫ه‬‫ل‬‫ط‬ُ‫م‬ْ‫ل‬‫إ‬ُ‫هللا‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ‫ه‬‫هللا‬ ُ‫ل‬ْ‫و‬ ُ‫س‬َ‫ر‬ َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِس‬ْ‫ف‬َ‫ن‬ ُ‫ت‬ْ‫ك‬َ‫ل‬َ‫م‬ ‫ا‬َ‫م‬ ! ‫ه‬‫هللا‬ َ‫و‬ ُ‫ُث‬ ،‫إ‬‫ا‬‫إر‬َ‫ر‬‫ه‬‫م‬ ُ‫ه‬ْ‫ن‬َ‫ع‬ ُ‫ت‬ْ‫ح‬َ‫ف‬ َ‫ص‬َ‫ف‬ ‫؟‬ ‫ه‬‫ار‬‫إلن‬ ‫ه‬‫ف‬ ‫ا‬‫ا‬‫ع‬ْ‫ي‬‫ه‬َ‫َج‬ :َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬-“‫ه‬‫ر‬ْ‫م‬َ‫أل‬ْ‫إ‬ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ه‬‫َا‬‫خ‬َ‫أ‬ ْ‫ى‬‫ه‬‫ذ‬ْ‫ؤ‬ُ‫ي‬ ُْ‫ُك‬‫ه‬‫د‬َ‫ح‬َ‫أ‬ ُ‫ل‬ َ‫اب‬ ‫ا‬َ‫م‬‫ا‬ًّ‫ق‬َ‫ح‬ َ‫ن‬َ‫َك‬ ْ‫ن‬ ِ ‫إ‬َ‫و‬‫؟‬” ชายชาวมุฮาญิรีนผู้หนึ่งได้เจออับบาส บินอับดุลมุฏฏอลิบ เขาจึงกล่าวว่า นี่แน่ะ บิดา ของอัลฟัฎล์ (เป็นชื่อรองของอับบาส) ท่านรู้มิใช่หรือว่า อับดุลมุฏฏอลิบ บุตรของฮาชิม และฆ็อยฏอละฮ์ นักทานายโชคชะตาแห่งตระกูลซะฮัมนั้น อัลลอฮ์จะรวมทั้งสองคนนี้เข้า ด้วยกันในนรก? อับบาสจึงเดินเลี่ยงไปเสียจากเขา (ชายผู้นั้นได้กล่าวอย่างนี้ถึงสามครั้งที่เจออับ บาส ทาให้อับบาสไม่พอใจจนเรื่องนี้รู้ไปถึงท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้เรียกอับ บาสมาสอบถาม) ท่าน (อับบาส) จึงกล่าวว่า “โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮ์, ขอสาบานด้วยอัลลอฮ์ แน่นอนฉันรู้ดีว่า อับดุลมุฏฏอลิบ (บิดาของฉัน) ต้องเข้านรก แต่เจ้าหมอนี่เจอฉัน มันก็กล่าวว่า นี่แน่ะ บิดาของอัลฟัฎล์ ท่านรู้มิใช่หรือว่า อับดุลมุฏฏอลิบและฆ็อยฏอละฮ์ นักทานายแห่งตระกูล ซะฮัมนั้น อัลลอฮ์จะรวมทั้งสองคนนี้เข้าด้วยกันในนรก? ฉันเดินเลี่ยงมันหลายครั้ง จนฉันควบคุม อารมณ์ (แทบ) ไม่ได้แล้ว ท่านนะบีย์จึงกล่าวแก่ชายผู้นั้นว่า “จิตใจพวกท่านบางคนเป็นอะไรไป หรือจึงชอบสร้างความเจ็บช้าให้พี่น้องของเขาในเรื่องอย่างนั้น แม้ว่ามันจะเป็ นความจริงก็ ตาม”34 หลายคนคงจะทราบ แต่บางคนอาจจะไม่ทราบว่า “อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม” ในหะดีษ บทนี้คือใคร? มีความเกี่ยวพันกับท่านนะบีย์อย่างไร? ก็ขอบอกว่า อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม ผู้นี้เป็นบิดาของอะบูฏอลิบและอับดุลลอฮ์ผู้เป็ น บิดาของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หรืออีกนัยหนึ่งอับดุลมุฏฏอลิบผู้นี้ก็คือ ปู่ ของท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั่นเอง เมื่อท่านนะบีย์ยอมรับว่า คากล่าวของชายชาวอันศ็อรที่ว่า “อับดุลมุฏฏอลิบเป็ นชาว นรก” เป็นความจริง ก็อยากให้ อ.กอเซ็ม ลอง “ตะอ์วีล” ดูซิว่า “อับดุลมุฏฏอลิบ บินฮาชิม” คนนี้หมายถึงผู้ใดอีกที่ไม่ใช่อับดุลมุฏฏอลิบผู้เป็นปู่ของท่าน นะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม? 34 สานวนในที่นี้เป็นสานวนจากการบันทึกโดยอิบนุสะอัด แต่ผู้เขียนได้ตัดข้อความบางตอนออกแล้วอธิบายแทนเพื่อ ความกระชับ
  • 19. 19 2. มุสลิมและผู้บันทึกท่านอื่นๆ ดังที่กล่าวมาแล้วในหน้า 1 ได้รายงานมาจากอะบูฮุร็อย เราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า َ‫إر‬َ‫ز‬ْ ‫ه‬‫ف‬ ْ ‫ه‬‫ِب‬ َ‫ر‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫س‬ ِ ‫إ‬ :َ‫ال‬َ‫ق‬َ‫ف‬ ،َُ‫َل‬ ْ‫و‬َ‫ح‬ ْ‫ن‬َ‫م‬ َ‫َك‬ْ‫ب‬َ‫أ‬َ‫و‬ ، َ‫َك‬َ‫ب‬َ‫ف‬ ‫ه‬‫ه‬‫ه‬‫م‬ُ‫أ‬ َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫َّل‬ َ‫س‬َ‫و‬ ‫ه‬‫ه‬ْ‫ي‬َ‫ل‬َ‫ع‬ ُ‫هللا‬ ‫َّل‬ َ‫ص‬ ُّ ‫ه‬‫ِب‬َ‫ن‬‫إل‬ْ‫ن‬َ‫أ‬ َ‫ت‬ ْ‫س‬َ‫أ‬. ْ ‫ه‬‫ِل‬ َ‫ن‬‫ه‬‫ذ‬َ‫أ‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ ْ‫ْب‬َ‫ق‬ َ‫ر‬ْ‫و‬ُ‫ز‬َ‫أ‬ ْ‫ن‬َ‫أ‬ ْ ‫ه‬‫ف‬ ُ‫ْت‬‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ت‬ ْ‫إس‬َ‫و‬ ، ْ ‫ه‬‫ِل‬ ْ‫ن‬َ‫ذ‬ْ‫أ‬َ‫ي‬ َْ‫َّل‬َ‫ف‬ ‫َا‬‫ه‬َ‫ل‬ َ‫ر‬‫ه‬‫ف‬ْ‫غ‬.. ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ไปซิยาเราะฮ์กุบูร “มารดาของท่าน” แล้วท่าน ก็ร้องไห้ ทาให้คนที่อยู่รอบตัวท่านพลอยร้องไห้ไปด้วย แล้วท่านจึงกล่าวว่า “ฉันขออนุญาตต่อ พระผู้อภิบาลของฉันในการขออภัยโทษให้ท่าน (คุณแม่) แต่ฉันไม่ได้รับอนุญาต, ฉันจึงขอ อนุญาตต่อพระองค์ในการไปซิยาเราะฮ์กุบูรของท่าน พระองค์ก็อนุญาตแก่ฉัน . . .” หะดีษบทนี้เป็นหะดีษเศาะหี้ห์โดยปราศจากความขัดแย้งใดๆ จากนักวิชาการ แม้กระทั่ง อัสสะยูฏีย์เองก็ตาม ตามหลักการอิสลาม ผู้ที่มุสลิมขออภัยโทษให้ไม่ได้ ได้แก่ ผู้เป็น “มุชริก” หรือ “กาฟิร” เท่านั้น ดังหลักฐานจากสูเราะฮ์ อัตเตาบะฮ์ อายะฮ์ที่ 113 ดังนั้นการที่พระองค์อัลลอฮ์ไม่อนุญาตให้ท่านนะบีย์ขออภัยโทษให้มารดาของท่าน แสดง ว่า มารดาของท่านต้องเป็นหนึ่งจากสองประเภทข้างต้น จึงอยากให้ อ.กอเซ็ม ลอง “ตะอ์วีล” ดูอีกสักครั้งว่า คากล่าวท่านนะบีย์ที่ว่า “มารดาของ ฉัน” ในหะดีษบทนี้หมายถึงมารดาคนไหนของท่านนะบีย์อีก? อนึ่งคากล่าวของ อ.กอเซ็ม มูฮัมหมัดอาลี ที่ว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ มิใช่เพราะ สงสารที่มารดาของท่านเป็นชาวนรก แต่เป็นเพราะท่านเสียใจที่มารดาของท่านไม่ทันได้รับอิสลาม จากท่านนั้น ทัศนะของ อ.กอเซ็ม ข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ขัดแย้งกับหะดีษที่ถูกต้องบทนี้อีก สานวนหนึ่งที่บันทึกโดยอัลบัยฮะกีย์35 โดยรายงานมาจากบุร็อยดะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ซึ่ง ข้อความของหะดีษบทนั้นระบุอย่างชัดเจนว่า สาเหตุที่ท่านนะบีย์ร้องไห้ก็เพราะสงสารที่มารดาของ ท่านเป็นชาวนรกโดยที่ข้อความของหะดีษตอนนั้นมีว่า 35 “อัสสุนัน อัลกุบรอ” เล่ม 4 หน้า 76