More Related Content
Similar to การสื่อสาร (20)
การสื่อสาร
- 1. การสื่อสารและโทรคมนาคม
หัวข้อเรื่อง
9.1 การสื่อสาร
9.2 คลื่นเสียงและคลื่นวิทยุ
9.3 สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
9.4 หน่วยงานสื่อสารโทรคมนาคมภายในประเทศ
9.5 โทรศัพท์
9.6 การสื่อสารทางวิทยุ
9.7 โทรศัพท์เคลื่อนที่
9.8 สื่อสารไมโครเวฟ
9.9 สื่อสารดาวเทียม
9.10 สื่อสารเส้นใยแสง
9.11 สื่อสารข้อมูล
- 2. การสื่อสารและโทรคมนาคม (Communication and Telecommunication)
ในสมัยโบราณการสื่อสารทางไกลนิยมใช้
-สัญญาณควัน
-ใช้กระจกสะท้อนแสงอาทิตย์
-ใช้การเป่าเขาสัตว์
-ใช้การตีเกาะหรือตีกลอง
-ใช้นกพิราบส่งสาร
-ใช้ม้าส่งสาร
- 3. 9.1 การสื่อสาร
ผู้ติดต่อสื่อสารระหว่างกันทั้งสองฝ่ายต้องมีการตกลงในรูปแบบของ
สัญญาณและความหมายที่ใช้ การกาหนดรูปแบบของสัญญาณแทน
ข้อมูลต่างๆ เมื่อพิจารณาแล้วพบว่านั่นคือ รหัสข้อมูลที่ใช้ในการส่ง
ข่าวสารนั่นเอง
การใช้รหัส (Code) ในการส่งข่าวสารข้อมูลเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธ
ภาพของการสื่อสาร นอกจากนั้นการใช้รหัสในการส่งข่าวยังช่วยป้องกัน
การรั่วไหลของข่าวสารได้ การแปลงรหัสออกมาเป็นข่าวสารข้อมูล
จะต้องเป็นพวกที่เข้าใจรหัสเท่านั้น
- 4. 9.1.1 ลักษณะและชนิดของระบบสื่อสาร
-ระบบทางเดียว(Simplex System)
-ระบบสองทางเต็มรูปแบบ(Full Duplex System)
-ระบบสองทางครึ่งรูปแบบ (Half Duplex System)
ระบบทางเดียว
เป็นการส่งข้อมูลได้ในทิศทางเดียวจากปลายด้านหนึ่งไปยังที่อื่น โครงสร้าง
ประกอบด้วย เครื่องส่งหนึ่งเครื่อง เครื่องรับหนึ่งเครื่อง
ตัวอย่าง : ระบบเคเบิลทีวี(TV Cable System) โดยการส่งภาพไปยังจอโทรทัศน์ซึ่ง
ถูกส่งมาจากห้องส่งของระบบ ส่งไปยังแต่ละบ้านผู้เช่าด้วยสายเคเบิล
ตัวอย่าง : ระบบเสียงตามสาย (Public Address System)
- 7. 9.1.2 โครงสร้างพื้นฐานของระบบสื่อสาร
ผู้ส่งข่าวสาร(Sender) เป็นแหล่งกา เนิดข่าวสารต่างๆ เช่น สัญญาณภาพ
สัญญาณเสียง และข้อมูลข่าวสาร ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้ส่งข่าวสารออกไป
ผู้รับข่าวสาร(Receiver) เป็นจุดหมายปลายทางของข่าวสารที่ส่ง
การเข้ารหัส(Encoding) เป็นการแปลงข้อมูลข่าวสารที่จะส่งไปยังปลายทางให้อยู่
ในรูปของรหัสสัญญาณทางไฟฟ้าที่บรรจุข้อมูลข่าวสารทั้งหมดไว้เพื่อช่วยให้ผู้ส่ง
ข่าวสารและผู้รับข่าวสารมีความเข้าใจตรงกันและสามารถสื่อสารถึงกันได้
- 8. การถอดรหัส(Decoding) เป็นการแปลงรหัสสัญญาณทางไฟฟ้าให้กลับมาเป็น
ข้อมูลข่าวสารทางด้านผู้รับข่าวสาร การถอดรหัสสัญญาณจะต้องตรงกับการ
เข้ารหัสสัญญาณจึงสามารถสื่อสารกันได้
ตัวกลางในการส่ง (Transmission Medium) เป็นสื่อกลางที่ข่าวสารใช้ในการเดิน
ทางผ่านไปจากต้นทางถึงปลายทาง สื่อกลางนี้มีหลายชนิด เช่น อากาศ สายนา
สัญญาณ ตลอดไปจนถึงสื่อตัวนาต่างๆ เช่น โลหะ น้า และพื้นดินที่มีความชื้น เป็น
ต้น ระยะในการสื่อสารขึ้นอยู่กับชนิดของตัวกลางในการส่ง
สัญญาณรบกวน(Noise) เป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป มักจะ
รบกวนและลดทอนสัญญาณทางไฟฟ้าทสี่่งออกไป อาจเกิดขึ้นได้ทั้งทางด้านผู้ส่ง
ข่าวสาร ผู้รับข่าวสารและตัวกลางในการส่งข่าวสาร
- 10. 9.2 คลื่นเสียงและคลื่นวิทยุ
คลื่นเสียง
คลื่นเสียง เป็นคลื่นที่มีความถี่ต่า อยู่ในย่านความถี่20 ถึง 20,000 Hz คลนื่เสียงนี้
เป็นคลื่นที่มนุษย์ทุกคนรับฟังได้ ใช้ในการสื่อสารข่าวสารและข้อมูลซึ่งกันและกัน
คลื่นเสียงเนื่องจากมีความถี่ต่าจึงไม่สามารถเดินทางไปได้ไกล
คลื่นวิทยุ
คลื่นวิทยุเป็นคลื่นที่มีความถี่สูงมากอยู่ในย่านความถี่ประมาณ 10 kHz(10,000
Hz) ถึง 300 GHz (300,000,000,000 Hz) ความถี่ในย่านนี้หูมนุษย์ไม่สามารถรับฟัง
ได้คลื่นวิทยุสามารถเดินทางไปได้ไกลมาก ด้วยความเร็วเท่ากับคลื่นแสงเดินทาง มี
ความเร็วประมาณ 3x108 เมตรต่อวินาที(m/s) เพราะว่าคลื่นวิทยุเดินทางผ่านไปได้
ในทุกหนทุกแห่งโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลางพาคลื่นวิทยุไป ในสุญญากาศคลื่นวิทยุก็
สามารถเดินทางไปได้
- 11. 9.3 สถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
9.3.1 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศหรือ ITU (International
Telecommunication Union) เป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ มี
หน้าที่หลักเกี่ยวกับการกาหนดมาตรฐานการสื่อสารโทรคมนาคม จัดสรรความถี่ทา
ให้การสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด สานักงานใหญ่
ของ ITU ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
คลื่นความถี่วิทยุถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติ มีประโยชน์มหาศาลต่อการใช้
งานในระบบสื่อสารโทรคมนาคม ในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ITU ได้แบ่ง
จาพวกของงานที่จะต้องมีการกาหนดย่านความถี่ของคลื่นในการใช้งานไว 4 พวก
ใหญ่ๆ แบ่งออกได้ดังนี้
- 12. 1. งานส่งกระจายเสียงทั่วไป (General Broadcasting) เป็นระบบวิทยุกระจายเสียง
ภายในประเทศ
2. งานวิทยุสมัครเล่น (Amateur Radio) เป็นระบบวิทยุสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับด้าน
วิชาการเกี่ยวกับการทดลองเครื่องรับส่งวิทยุสื่อสาร
3. งานบอกทางนาร่อง(Navigational Beacons) เป็นระบบวิทยุเพื่อการนาทาง ใช้
เพื่อความมุ่งหมายสาหรับการเดินเรือหรือการเดินอากาศ
4. งานติดต่อสื่อสาร (Commercial Transportation Communication) เป็น
ระบบสื่อสารใช้ติดต่อระหว่างรถยนต์ ระหว่างเรือ ระหว่างเครื่องบิน รวมถึงวิทยุ
โทรศัพท์ด้วย
- 13. 9.3.2 องค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ
องค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ (International
Telecommunication Satellite Organization) หรือ INTELSAT เป็นองค์กร
ระหว่างประเทศที่บริหารงานด้านดาวเทียมสื่อสารเพื่อการพาณิชย์ โดยให้ประเทศ
ต่างๆ ที่เป็นสมาชิกเข้าถือหุ้นร่วมกัน โดยองค์กรมีวัตถุประสงค์สาคัญทจี่ะทา ให้
ประเทศสมาชิกได้ร่วมกันวางแผน พัฒนา สร้างและดาเนินงานของดาวเทียม
สื่อสาร สถานีภาคพื้นดินติดต่อผ่านดาวเทียมอินเทลแซตตั้งอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.
ชลบุรี
- 14. 9.4 หน่วยงานสื่อสารโทรคมนาคมภายในประเทศ
9.4.1 กรมไปรษณีย์โทรเลข ทาหน้าที่ต่างๆ ดังนี้
- เป็นเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตและควบคุมการใช้คลื่นวิทยุคมนาคม ในการมี
การติดตั้งและการใช้งาน คลื่นความถี่วิทยุคมนาคม จะต้องได้รับอนุญาตจาก
กรมไปรษณีย์โทรเลขก่อน
- เป็นตัวแทนประสานงานการจดทะเบียน การมีการติดตั้ง และการใช้สถานี
ดาวเทียมต่อหน่วยงานในต่างประเทศ
- เป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารคมนาคมทางดาวเทียมในประเทศแก่หน่วย
ราชการและหน่วยงานสาคัญของรัฐ
- 15. 9.4.2 บริษัท กสท. โทรคมนาคม จากัด (มหาชน)
- ดาเนินการเกี่ยวกับเครื่องใช้บริการให้ความสะดวกของกิจการไปรษณีย์และ
โทรคมนาคม
- กาหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าดาเนินธุรกิจ และค่าบริการของกิจการ
ไปรษณีย์และโทรคมนาคม และจัดระเบียบเกี่ยวกับวิธีชาระค่าบริการต่างๆ
- จัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้บริการไปรษณีย์และโทรคมนาคม
และความสะดวกต่างๆ ของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม
- ให้บริการไปรษณีย์ในประเทศและระหว่างประเทศ
- ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น โทรเลข เทเล็กซ์
โทรศัพท์ โทรคมนาคมผ่านดาวเทียม ผ่านเคเบิลใต้น้า และวิทยุ
- 16. 9.4.3 บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จากัด (มหาชน)
มีหน้าที่ให้บริการการสื่อสารโทรคมนาคมทางด้านโทรศัพท์ ทั้งโทรศัพท์มีสาย
และวิทยุโทรศัพท์ โดยมีโครงการพัฒนาขยายข่ายสายบริการโทรศัพท์เพิ่มขึ้น
ทั่วประเทศ และขยายชุมสายโทรศัพท์ระบบ SPC แบบดิจิตอล
- 17. 9.5 โทรศัพท์
9.5.1 หลักการทางานของโทรศัพท์
โทรศัพท์เป็นระบบสื่อสารที่ใช้สัญญาณเสียงส่งออกไปจากด้านส่ง แปลง
สัญญาณเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า เดินทางไปตามสายส่งสัญญาณ ถึงด้านรับทาการ
แปลงกลับจากสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นสัญญาณเสียงตามเดิม
รูปที่ 9 วงจรโทรศัพท์เบื้องต้น
- 20. 9.5.5 ชุมสายโทรศัพท์ชนิดอัตโนมัติ
เป็นชุมสายโทรศัพท์ที่การติดต่อถึงกันสามารถทา ได้โดยอัตโนมัติการต่อเลข
หมายปลายทางทา ได้โดยผู้ใช้โทรศัพท์ยกหูโทรศัพท์ขึ้นจะมีแรงดันไฟจ่ายเลี้ยง
วงจรจากชุมสายโทรศัพท์ส่งมาพร้อมกับส่งสัญญาณเสียงพร้อมทา งาน(Dial Tone)
กลับมาให้ผู้โทรบอกให้ทราบว่าโทรศัพท์พร้อมใช้งานแล้ว ผู้โทรสามารถกดปุ่ม
เลขหมายโทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อจนครบทุกตัว หากต่อเชื่อมเลขหมายปลายทาง
ได้ ชุมสายโทรศัพท์จะส่งสัญญาณเสียงเรียกกลับ(Ringback Tone) กลับไปให้ผู้
โทร และจ่ายกระแสสัญญาณเรียก(Ringing Current) ไปทา ให้กระดิ่งผู้รับปลายทาง
ดังขึ้น เมื่อผู้รับปลายทางยกหูโทรศัพท์ขึ้น ผู้โทรและผู้รับสามารถสนทนากันได้
หากเสร็จสิ้นการสนทนาวางหูโทรศัพท์ลงที่เครื่องโทรศัพท์ เป็นการตัดวงจร
ทั้งหมดจากระบบโทรศัพท์
- 21. 9.5.6 โทรศัพท์ระบบ SPC : Store Program Control
เป็นระบบโทรศัพท์อัตโนมัติระบบหนึ่ง ที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน โดยใช้
คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการควบคุมระบบ ทาให้สามารถออกแบบระบบควบคุม
ได้ตามต้องการ และยังให้บริการพิเศษต่างๆ ได้อีกด้วย เช่นบริการเลขหมายด่วน
บริการเรียกซ้า บริการโอนเลขหมาย บริการประชุมทางโทรศัพท์ บริการรอสายว่าง
และบริการแจ้งเลขหมายผู้โทรต้นทาง เป็นต้น
- 22. 9.6 การสื่อสารทางวิทยุ
หลักการส่งข่าวสารข้อมูลทางคลื่นวิทยุ โดยการนาข่าวสารข้อมูลต่างๆ เช่น เสียง
ภาพ ข้อมูล
และสัญญาณไฟฟ้าต่างๆ ไปเข้าขบวนการผสมคลื่น(Modulation) กับสัญญาณ
คลื่นวิทยุ ส่งต่อไป
ให้กับเครื่องส่งวิทยุส่งออกสายอากาศแพร่กระจายคลื่นออกไปในอากาศในรูปคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้า
ทางด้านรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าส่งผ่านเข้าสายอากาศ ส่งต่อไปให้เครื่องรับวิทยุรับ
คลื่นสัญญาณเหล่านี้เข้ามา ผ่านไปเข้าขบวนการแยกคลื่น(Demodulation) แยกเอา
เสียง ภาพ ข้อมูล และสัญญาณไฟฟ้าต่างๆ ส่งต่อไปปลายทางเพื่อใช้งาน
- 24. 9.6.1 การผสมคลื่นทางความสูง (AM)
คือ การนาสัญญาณข่าวสารข้อมูลไปผสมกับคลื่นพาหะ โดยสัญญาณข่าวสาร
ข้อมูลจะไปควบคุมให้คลื่นพาหะมีระดับความสูงเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือ
ลดลงตามระดับของสัญญาณข่าวสารข้อมูล โดยที่ความถี่ของคลื่นพาหะยังคง
เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
- 25. 9.6.2 การผสมคลื่นทางความถี่ (FM) การผสมคลื่นทางความถี่หรือFM
คือ การนาสัญญาณข่าวสารข้อมูลไปผสมกับคลื่นพาหะ โดยสัญญาณข่าวสาร
ข้อมูลจะไปควบคุมให้คลื่นพาหะมีความถี่พาหะเปลี่ยนแปลงไปเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ตามระดับของสัญญาณข่าวสารข้อมูล โดยที่ระดับความสูงของคลื่นพาหะยังคงที่
ไม่เปลี่ยนแปลง
- 26. 9.7 โทรศัพท์เคลื่อนที่
วิทยุโทรศัพท์เคลื่อนที่(Mobile Radiotelephone) เป็นวิทยุโทรศัพท์แบบหนึ่งที่ใช้
คลื่นวิทยุช่วยนาข่าวสารข้อมูลจากต้นทางไปยังที่ไกลๆ ปลายทางพร้อมกับสามารถ
พกพาเครื่องวิทยุโทรศัพท์นาติดตัวไปด้วย ในขอบเขตพื้นที่ทาการที่คลื่นวิทยุ
เดินทางไปได้ถึง
ในปีพ.ศ. 2526 ระบบโทรศัพท์เซลลูลาร์ได้ถูกติดตั้งขึ้นและเปิดให้บริการ โดยพื้นที่
ให้บริการทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนเล็กๆ เรียกว่า เซลล์(Cell) แต่ละเซลล์จะมี
รัศมีและจัดสรรความถี่ใช้งานเฉพาะเซลล์ แต่ละเซลล์จะมีขนาดเล็กพ่วงต่อกันเป็น
แบบรวงผึ้ง เนื่องจากพื้นที่ให้บริการมีขนาดเล็กจึงไม่จาเป็นต้องใช้เครื่องส่งที่กาลัง
ส่งสูงๆ สามารถนาความถี่ซ้าๆ ไปใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น
- 27. 9.8 สื่อสารไมโครเวฟ
ไมโครเวฟ (Microwave) เป็นคลื่นความถี่วิทยุชนิดหนึ่งที่มีความยาวคลนื่สั้นมาก
มีความถี่ใช้งานอยู่ในช่วงระหว่าง 300 MHz ถึง 300 GHz ในการนาความถี่
ไมโครเวฟไปใช้งานในระบบสื่อสารนิยมใช้งานในช่วงความถี่ประมาณ 1 GHz ถึง
40 GHz เพราะเป็นย่านความถี่ที่สามารถผลิตขึ้นมาใช้งานได้ด้วยอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ การใช้คลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารนับว่ามีความสาคัญ และจาเป็น
ต่อการใช้งาน เพราะคลื่นไมโครเวฟมีข้อดีต่อการใช้งานในการสื่อสารหลายข้อดังนี้
- 28. ระบบดาวเทียม (Statellite System) เป็นระบบสื่อสารไมโครเวฟที่ใช้สถานีทวน
สัญญาณลอยอยู่ในอวกาศสูงเหนือพื้นโลกกว่า 30,000 กิโลเมตร โดยใช้ดาวเทียมทา
หน้าที่เป็นสถานีทวนสัญญาณ ทาให้สามารถสื่อสารด้วยคลื่นไมโครเวฟได้ระยะ
ทางไกลมากๆ นิยมใช้งานในระบบสื่อสารข้ามประเทศข้ามทวีป
- 29. ระบบเรดาร์(Radar System) เป็นการใช้คลื่นความถี่ไมโครเวฟช่วยในการ
ตรวจจับและวัดระยะทางของวัตถุต่างๆ ที่อยู่ห่างไกล หลักการของเรดาร์คือ การ
ส่งคลื่นไมโครเวฟออกไปจากสายอากาศในมุมแคบๆ เมื่อคลื่นไมโครเวฟกระทบ
วัตถุจะสะท้อนกลับมาเข้าสายอากาศอีกครั้ง นาสัญญาณที่รับเทียบกับสัญญาณเดิม
และแปรค่าออกมาเป็นข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการ
- 30. 9.9 สื่อสารดาวเทียม
การสื่อสารไมโครเวฟเป็นการสื่อสารที่ได้ระยะทางในการเชื่อมต่อระบบถึงกันสั้น
มากอยู่ในช่วงไม่เกิน 50-80 กิโลเมตรเท่านั้น การสื่อสารที่มรีะยะทางไกลกว่านั้น
จะต้องต่อเพิ่มสถานีทวนสัญญาณเข้าไปทุกๆ ระยะทาง 50-80 กิโลเมตรเสมอ ซึ่ง
ถ้าการสื่อสารมีระยะทางไกลมาก ๆ ก็ต้องสิ้นเปลืองสถานีทวนสัญญาณเป็นจานวน
มาก การต่อสถานีทวนสัญญาณยิ่งมากขึ้น ความผิดเพี้ยนของสัญญาณสื่อสารก็ยิ่ง
มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้นในบางช่วงอาจเกิดปัญหาในการตดิตั้งสถานีทวน
สัญญาณ เช่น เป็นพื้นน้า เป็นป่ารกทึบ หรือเป็นภูเขาสูงชัน เป็นต้น ปัญหาต่างๆ
เหล่านี้ทา ให้เกิดแนวความคิดทจี่ะติดตั้งสถานีทวนสัญญาณไว้ในที่สูงๆ เพอื่ให้
สามารถเพิ่มระยะทางการติดต่อสื่อสารได้ไกลเพิ่มขึ้น ใช้สถานีทวนสัญญาณ
น้อยลง
- 31. ดาวเทียมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าโลกหมุน
เป็นดาวเทียมที่โคจรรอบโลกในแนวเส้นศูนย์สูตร ด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่
เท่ากับโลกหมุนรอบตัวเอง ทาให้เสมือนว่าดาวเทียมลอยนิ่งอยู่กับที่ ดาวเทียม
ชนิดนี้จึงเหมาะสมสาหรับเป็นสถานีทวนสัญญาณสาหรับการสื่อสาร
โทรคมนาคมและถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ได้เป็นอย่างดี ระยะความสูงของ
ตัวดาวเทียมจากพื้นโลกมีค่าประมาณ 38,000 กิโลเมตร ในระยะความสูงของ
ดาวเทียมขนาดนี้สามารถถ่ายทอดสัญญาณลงสู่พื้นโลกครอบคลุมพื้นที่บนโลก
ได้ประมาณ 1 ใน 3 ส่วน ดังนั้นหากต้องการให้สามารถสื่อสารกันได้รอบโลก
จะต้องใช้ดาวเทียม 3 ดวง
ดาวเทียมโคจรรอบโลกในลักษณะนี้อาจเรียกว่า ดาวเทียมค้างฟ้า
(Geostationary Satellite)
- 33. 9.9.2 การใช้งานดาวเทียม
การใช้งานดาวเทียมแบ่งออกได้เป็นลักษณะงานที่สาคัญ 3 ประเภท คือ ดาวเทียม
สื่อสาร ดาวเทียมสารวจ และดาวเทียมยุทธวิธี
ดาวเทียมสื่อสาร เป็นดาวเทียมใช้ในการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งในประเทศและข้าม
ประเทศ และใช้ในกถ่ายทอดโทรทัศน์ข้ามทวีป มีดาวเทียมที่สาคัญคือดาวเทียมอิน
เทลแซต ใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ แต่ละรุ่นมี 3ดวงเชื่อมโยงติดต่อกันได้
รอบโลก โดยส่งดาวเทียมขึ้นโคจรอยู่เหนือมหาสมุทรอินเดีย เหนือมหาสมุทร
แปซิฟิก และเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ในประเทศไทยมีดาวเทียมใช้สาหรับ
สื่อสารภายในประเทศชื่อว่า ไทยคม(Thaicom)
- 35. ดาวเทียมสารวจ เป็นดาวเทียมใช้ในการสารวจทรัพยากรทางธรรมชาติ เช่นพื้นที่
เพาะปลูก แหล่งพันธ์ุไม้ บริเวณที่เกิดอุทกภัย บริเวณที่แห้งแล้ง บริเวณทเี่กิดไฟป่า
เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยา เช่น เกิดพายุฟ้าคะนอง ติดตาม
การเคลื่อนตัวและความแรงของพายุ หาอุณหภูมิแต่ละระดับความสูง และหาข้อมูล
อุตุนิยมวิทยาในบริเวณที่ไม่มีสถานีตรวจอากาศ เป็นต้น ได้แก่ ดาวเทียม GMS
ของญี่ปุ่น และดาวเทียม NOAA ของสหรัฐอเมริกา
- 36. ดาวเทียมยุทธวิธี เป็นดาวเทียมที่มีหลายรูปแบบ แล้วแต่ความต้องการทางด้าน
กิจการทหาร การโคจรของดาวเทียมมทีั้งประเภทเคลอื่นที่ด้วยความเร็วเท่ากับโลก
หมุนรอบตัวเองและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เท่าโลกหมุนรอบตัวเอง แต่ส่วนมาก
เป็นแบบเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เท่ากับโลกหมุนรอบตัวเองเพื่อให้ดาวเทียมโคจร
เข้าใกล้โลก สามารถถ่ายภาพและส่งข้อมูลกลับมายังสถานีภาคพื้นดินได้ เช่น ใน
สงครามอิรักกับสหประชาชาติ
- 37. 9.9.3 พื้นฐานของระบบการสื่อสารดาวเทียม
การใช้งานดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร เป็นการใช้ดาวเทียมทาหน้าที่เป็นสถานีทวน
สัญญาณ โดยการส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรรอบโลกลอยอยู่ในอวกาศ ติดตั้งอุปกรณ์
รับส่งคลื่นวิทยุไว้เพื่อใช้รับและถ่ายทอดสัญญาณวิทยุลงมายังพื้นโลก พลังงาน
ไฟฟ้าใช้ในตัวดาวเทียมได้มาจากเซลล์แสงอาทิตย์(Solar Cell) ที่รับพลังงาน
แสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า
- 38. 9.10 สื่อสารเส้นใยแสง
9.10.1 ย่านความถี่ที่ใช้ในการสื่อสาร
คลื่นแสงถือเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ แต่มีความถี่และความ
ยาวคลื่นแตกต่างกัน โดยมีความเร็วในการเคลื่อนที่เท่ากัน ความเร็วในการเคลื่อนที่
ในอากาศหรือสุญญากาศประมาณ 3x108 เมตร/วินาที (m/s)
แสงถูกกาเนิดขึ้นมาใช้งานจากแหล่งกาเนิดแสงหลายชนิดด้วยกัน เช่น
หลอดไฟมีใส้ หลอดนีออน หลอดฟลูออเรสเซนต์ จากดวงอาทิตย์ จากปฏิกิริยาเคมี
และอุปกรณ์สารกึ่งตัวนา เป็นต้น
แสงที่กาเนิดขึ้นมาแยกออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือแสงธรรมดา(Light) และแสง
เลเซอร์(LAZER)
- 39. ธรรมดาไปผ่านแท่งปริซึมจะเกิดการกระจายออกเป็นสีต่างๆ ที่ตามนุษย์มองเห็น
ได้แก่ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว, น้าเงิน, คราม, และม่วง แสงธรรมดาเป็นแสงที่เกิด
จากความร้อนในสสาร ทา ให้อะตอมของสสารนั้นสั่นไม่เป็นระเบียบ จึงไม่สามารถ
นาไปใช้งานในระบบสื่อสารได้
แสงเลเซอร์ แสงที่กาเนิดขึ้นมามีความยาวคลื่นค่าเดียวคงที่ มีเฟสสัญญาณที่
แน่นอน ลักษณะลา แสงพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน แหล่งกา เนิดแสงไม่ต้องอาศัย
ความร้อน สามารถใช้งานได้ในระบบสื่อสาร
- 40. เส้นใยแสง(Optical Fiber Or Fiber Optics) หรือเส้นใยแก้ว คือ เส้นใยขนาดเล็กที่
ผลิตขึ้นมาจากแก้วหรือไฟเบอร์ ทาให้ได้เส้นใยแสงที่มีขนาดเล็กและมีความยาวมากๆ
เช่นเดียวกับสายไฟฟ้า ประโยชน์ของเส้นใยแสงใช้เป็นสายนาแสงให้เดินทางไปได้
ไกลๆ ในทิศทางที่ต้องการใช้งานในระบบสื่อสารและโทรคมนาคมทางแสง มี
ความสาคัญไม่น้อยไปกว่าสื่อสารไมโครเวฟ และการสื่อสารดาวเทียม เหตุที่เส้นใยแสง
เริ่มเข้ามามีบทบาทในการสื่อสาร เพราะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการ
สื่อสารด้วยสายไฟ หรือด้วยคลื่นวิทยุได้เป็นอย่างดี
- 41. 9.11 สื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล(Data Communication) คือการรับส่งข่าวสารต่างๆ ที่จาเป็นจาก
ที่ห่างไกลได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ถือเป็นส่วนสาคัญในการดารงชีวิตของมนุษย์
ผลจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ทาให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในวิธีและระบบการสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้
คอมพิวเตอร์เข้ามาร่วมในการสื่อสารข้อมูล ส่วนมากมักจะต้องการผลการประมวล
ทันทีหลังจากป้อนข้อมูลเข้าไปแล้ว และส่งกลับไปให้ผู้ใช้
- 43. ระบบเครือข่าย LAN คือระบบที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเป็นข่ายงาน โดย
จากัดงานในวงพื้นที่ส่วนหนึ่งเช่นภายในสถานที่ทางาน และภายในโรงงาน
อุตสาหกรรมเดียวกัน เป็นต้น เพื่อใช้งานทรัพยากรบางส่วนร่วมกัน เรียกข้อมูล
บางอย่างมาใช้งานร่วมกัน ตลอดจนเก็บข้อมูลรวมกันไว้ในแหล่งข้อมูลเดียวกัน
สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ได้ เช่น ใช้ฮาร์ดดิสค์ร่วมกัน ใช้
เครื่องพิมพ์ร่วมกัน