Recommended
More Related Content
Featured
Featured (20)
แนวคิด
- 2. กำาเนิดระบบราชการกำาเนิดระบบราชการ -- การบริหารงานภาครัฐมีนานกว่าการบริหารงานภาครัฐมีนานกว่า 9,0009,000 ปี เท่าสังคมมนุษย์ เกิดมาปี เท่าสังคมมนุษย์ เกิดมา พร้อมๆกับการเกษตรพร้อมๆกับการเกษตร -- มีมี 22 แบบแบบ 1.1. ระบบราชการแบบชั่วคราวระบบราชการแบบชั่วคราว 2.2. ระบบราชการแบบถาวรระบบราชการแบบถาวร
- 3. 1.1. ระบบราชการสมัยแรกระบบราชการสมัยแรก สังคมตะวันตก ในอียิปต์ จำาเป็นต้องใช้นักจัดสังคมตะวันตก ในอียิปต์ จำาเป็นต้องใช้นักจัด องค์กร เพราะสร้างปิรามิดองค์กร เพราะสร้างปิรามิด เมืองเอเธนส์ ของกรีก ต้นแบบ ประชาธิปไตย ไม่ต้องการระบบ ราชการแบบถาวร พลเมือง 50,000 คน สภา 3 ชุด 1. สภา 500 2. สภา 50 3. คณะสิบนาย พล
- 4. 2.2. ระบบราชการสมัยกลางระบบราชการสมัยกลาง มีลักษณะเป็นมีลักษณะเป็น ““ราชราช สำานักสำานัก”” มอบการบริหารให้มอบการบริหารให้ อัศวินอัศวิน 1หาสินค้า 2การคลัง ภาษี 3เอกสาร / หลัก ฐาน 4เกณฑ์ สงคราม
- 5. 3.3. ระบบราชการสมัยใหม่ระบบราชการสมัยใหม่ K หลุดจากอำานาจ ของขุนนาง K รวมอำานาจ - เกิดได้เพราะ K ต้องการพัฒนาชาติ -- แบบ - ได้เฉพาะคลัง - centralization - K มีอำานาจมากขึ้นกว่าเด - ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำาคัญ 1. K ได้ อำานาจอธิปไตย 2. มีการสร้างความมั่นคงในการจัดหาทรัพยากร ที่แน่นอน เพื่อสนับสนุน K
- 6. ลำาดับแห่งพัฒนาการลำาดับแห่งพัฒนาการ 1.1. ยุคดั้งเดิมยุคดั้งเดิม 2.2. feudalismfeudalism 3.3. Absolute MonachyAbsolute Monachy ระบอบระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ 4.4. Nation-stateNation-state รัฐชาติรัฐชาติ K จึงต้องหาทางปกป้องคุ้มครองกิจการ โดยการหาคนที่ชำานาญ การด้านการบริหาร และนี่คือ “จุดเริ่มต้นของการบริหารแบบราชการ” (Bureaucratic Administration)
- 7. แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับแนวคิดและหลักการเกี่ยวกับ การบริหารราชการการบริหารราชการ การบริหารการบริหาร AdministrationAdministration มีความหมายในมีความหมายใน ลักษณะที่เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการจัดระบบลักษณะที่เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการจัดระบบ บริหาร ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้และทักษะบริหาร ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้และทักษะ เรียกว่า สหวิทยาการ ผู้บริหารจะต้องมีลักษณะของการนำา ศิลปะ(Arts) มาเพิ่มศักยภาพของการ บริหารเพื่อบรรลุเป้าหมายของการ บริหารให้มากที่สุด การบริหารราชการ เท่านั้น แต่แท้ที่ จริงแล้ว การบริหารนั้นสามารถอธิบาย ได้ทั้งส่วนของภาครัฐ และเอกชน
- 8. ““ ”ระบบราชการ”ระบบราชการ ((BureaucracyBureaucracy)) ระบบราชการที่จริงไม่ได้มีความระบบราชการที่จริงไม่ได้มีความ หมายใหม่ มีความหมายเพียงว่าหมายใหม่ มีความหมายเพียงว่า ไม่ใช่เป็นการปกครองแบบไม่ใช่เป็นการปกครองแบบ กษัตริย์กษัตริย์(mo(monarchynarchy)) ไม่ใช่อภิชนาไม่ใช่อภิชนา ธิปไตยธิปไตย (aristocracy)(aristocracy) หรือหรือ ประชาธิปไตยประชาธิปไตย (democracy)(democracy)
- 9. ผู้ที่ให้คำานิยามไว้อย่างมากมายผู้ที่ให้คำานิยามไว้อย่างมากมาย ศาสตราจารย์ชุบศาสตราจารย์ชุบ กาญจนประการกาญจนประการ ศาสตราจารย์ ดรศาสตราจารย์ ดร..ทินทิน พันธ์ นาคะตะพันธ์ นาคะตะ ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์ Harold KoontzHarold Koontz ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์ PeterPeter F. DrukerF. Druker -การทำางานของคณะ บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ถ้าเป็นการทำางานโดย บุคคลคนเดียว เรียกว่า เป็นการทำางานเฉยๆ การดำาเนินงานให้บรรลุ วัตถุประสงค์ที่กำาหนดไว้ โดยอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ คน เงิน วัตถุ สิ่งของ อุปกรณ์ ในการปฏิบัติงาน - การทำางานร่วมกัน ของบุคคลตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป การบริหารในเชิงพฤติกรรม ว่าการบริหารคือ ศิลปะในการ ทำางานให้บรรลุเป้าหมายโดยผ่าน ผู้อื่น
- 10. แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารราชการการบริหารราชการ เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทเล่อร์เฟรดเดอริค วินสโลว์ เทเล่อร์ ((Frederick Winslow Taylor)Frederick Winslow Taylor) “ ”ให้ความสำาคัญกับ วิธีการทำางาน ซึ่งเรียกว่า วิธีการที่ดีที่สุด (One Best Way) และถือว่าเป็น “ ”ปัจจัยหลัก ที่ทำาให้การบริหารจัดการในหน่วย งานมีประสิทธิภาพ ประหยัด “ ”บุคลากร เครื่องจักร และวัตถุดิบ ถือว่า เป็น ปัจจัยรอง “กับ หลักการแบ่งงานและแบ่งอำานาจหน้าที่ ระหว่างฝ่ายจัดการแล ผู้มีความรู้ความชำานาญเฉพาะด้าน (Sp
- 11. เม็กซ์ เวเบอร์เม็กซ์ เวเบอร์ (Max(Max Weber)Weber) ภาพจาก: http://www.eportfolio.lagcc.cuny.edu/ ePortfolios/Basic/dzhantam.warrenR EV/resources/39184.jpg
- 12. แม๊กซ์ เวเบอร์แม๊กซ์ เวเบอร์ ((Max WeberMax Weber)) แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารราชการการบริหารราชการ โครงสร้างการจัดองค์การที่เรียกว่า ระบบราชการ (Bureaucracy) 1. การแบ่งงานกับทำาตามแนวราบ (Horizontal Delegation) 2. การแบ่งงานกันทำาตามแนวตั้ง 3. ยึดกฎระเบียบที่เป็นลายลักษณ์อักษร 4. กฎระเบียบ 5. การเลื่อนชั้นเลื่อนตำาแหน่งตามหลัก อาวุโสและความสามารถ
- 13. ปรัชญาของการ Weber ในการบริหารงาน ภาครัฐ หลักการพื้นฐาน 1. การแบ่งงานกัน ทำาตามแนวราบ 2. การแบ่งงานกัน ทำาตามแนวตั้ง 3. การทำางานกัน เป็นลายลักษณ์ อักษร 4. กฎระเบียบ 5. การเลื่อนขั้น ตำาแหน่ง ตาม 1. การเพิ่มผลผลิต การเพิ่ม ความชำานาญงาน 2. ความถูกต้องในการทำางาน เกิดตัดสินใจที่สนองผลประโยชน์ รวมขององค์การ 3. การทำางานขององค์การมี ความต่อเนื่องอ้างอิงได้ ไม่ขึ้น กับตัวคน 4. บรรลุการประสานงาน ระหว่างองค์การ 5. เกิดความแน่นอนในการ ทำางาน 6. ลดการสื่อสารที่ไม่จำาเป็น 7. สร้างกรอบพฤติกรรมพื้นฐาน ของสมาชิกให้เป็นแบบแผน เดียวกัน 8. ให้องค์การมีพลวัต 9. สร้างขวัญกำาลังใจให้สมาชิก
- 14. รูปแบบการใช้อำานาจรูปแบบการใช้อำานาจ ((AuthorityAuthority)) มีมี 33 รูปแบบรูปแบบ 1.1. อำานาจเฉพาะตัว อำานาจหน้าที่ที่มีมาอำานาจเฉพาะตัว อำานาจหน้าที่ที่มีมา แต่กำาเนิด หรือ อำานาจหน้าที่จากแต่กำาเนิด หรือ อำานาจหน้าที่จาก ความสามารถพิเศษความสามารถพิเศษ (( CharismaticCharismatic dominationdomination)) 2.2.อำานาจแบบประเพณีอำานาจแบบประเพณี ((TraditionalTraditional dominationdomination))
- 15. สรุปลักษณะทางพฤติกรรมของสรุปลักษณะทางพฤติกรรมของ ระบบราชการของเวเบอร์มีระบบราชการของเวเบอร์มี 33 ลักษณะลักษณะ :: ImpersonalityImpersonality ในการทำางานในการทำางาน ราชการนั้นไม่คำานึงถึงความเป็นราชการนั้นไม่คำานึงถึงความเป็น ส่วนตัวส่วนตัว RationalityRationality ยึดหลักความมีเหตุยึดหลักความมีเหตุ มีผลมีผล
- 16. วู๊ดโร วิลสันวู๊ดโร วิลสัน ((Woodrow Wilson)Woodrow Wilson) ประธานาธิบดีคนที่ประธานาธิบดีคนที่ 2828 ของของ สหรัฐอเมริกาสหรัฐอเมริกา ฝ่ายการเมืองควรมีหน้าที่ในการกำาหนด นโยบาย และฝ่ายประจำา ควรมีหน้าที่ใน การปฏิบัติตามนโยบาย ซึ่งการแยก การเมืองออกจากการบริหารลักษณะนี้ เน้น ต้องการให้ข้าราชการปลอดจากการเมือง ให้มีระบบการแต่งตั้งที่มีคุณธรรม (Marit
- 17. ทฤษฎีระบบราชการในแง่ลบทฤษฎีระบบราชการในแง่ลบ (Bennisian and Crozierian(Bennisian and Crozierian bureaucracy theories)bureaucracy theories)
- 18. เบนนิสเบนนิส BennisianBennisian 1. ระบบราชการไม่ยอมเปิดโอกาสให้ราชการได้พัฒนา ตนเอง 2. ระบบราชการส่งเสริมให้คนปฏิบัติงานอยู่ในกรอบ เดียวกัน ทำาให้ขาดความคิดสร้างสรรค์ 3. ระบบราชการมิได้คำานึงองค์การนอกแบบ และมองว่า คนเป็นเพียงชิ้นฟันเฟืองของเครื่องจักร 4. ระบบความควบคุมและอำานาจการบังคับบัญชาของ ระบบราชการไม่เหมาะสมกับภาวะแวดล้อมที่ เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน 5. ระบบราชการไม่สามารถตัดสินได้ว่า ใครผิดใครถูก ตามควรลองของกระบวนการทางตุลาการ 6. ระบบราชการไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาความแตกต่าง และความขัดแย้งระหว่างระดับตำาแหน่งและกลุ่มต่างๆ 7. ระบบราชการมิได้ใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างเต็มที่
- 19. โครซิเยร์โครซิเยร์ มองว่าระบบราชการมีประสิทธิภาพมองว่าระบบราชการมีประสิทธิภาพ มากที่สุดก็เฉพาะในสภาพการณ์ที่ปกติมากที่สุดก็เฉพาะในสภาพการณ์ที่ปกติ เท่านั้น แต่ระบบนี้จะไร้สมรรถภาพเท่านั้น แต่ระบบนี้จะไร้สมรรถภาพ หากต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารในหากต้องเผชิญกับปัญหาการบริหารใน สภาพการณ์วิกฤตซึ่งเป็นผลจากสภาพการณ์วิกฤตซึ่งเป็นผลจาก ““ วงจรความชั่วร้ายวงจรความชั่วร้าย ”” (Vicious circle)(Vicious circle) ที่ระบบนี้สร้างขึ้นมาเองที่ระบบนี้สร้างขึ้นมาเอง
- 20. ทฤษฎีระบบราชการในแง่ที่เป็นกทฤษฎีระบบราชการในแง่ที่เป็นก ลางลาง (Generic - Downsian and(Generic - Downsian and Panandikerian bureaucracy theories)Panandikerian bureaucracy theories)
- 21. DownDown ระบบราชการยังจะต้องอยู่กับเราไปอีกนานระบบราชการยังจะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน ฉะนั้นหากมีการวิจัยเชิงประจักษ์แล้ว เราอาจฉะนั้นหากมีการวิจัยเชิงประจักษ์แล้ว เราอาจ จะปรับปรุงข้อบกพร่องของระบบราชการให้ดีจะปรับปรุงข้อบกพร่องของระบบราชการให้ดี ขึ้นแบ่งข้าราชการออกเป็นขึ้นแบ่งข้าราชการออกเป็น 55 ประเภทด้วยกันประเภทด้วยกัน คือคือ 1.1. ประเภทปีนป่ายประเภทปีนป่าย (Climbers)(Climbers) อำานาจ รายได้อำานาจ รายได้ และเกียรติศักดิ์ มีความสำาคัญเหนืออื่นใดและเกียรติศักดิ์ มีความสำาคัญเหนืออื่นใด 2.2. ประเภทผู้พิทักษ์ประเภทผู้พิทักษ์ (Conservers)(Conservers) ความสะดวกความสะดวก สบายและความมั่นคงใน หน้าที่การงานมีสบายและความมั่นคงใน หน้าที่การงานมี ความสำาคัญมากที่สุด มุ่งจะเพิ่มอำานาจ รายได้ความสำาคัญมากที่สุด มุ่งจะเพิ่มอำานาจ รายได้ และเกียรติศักดิ์และเกียรติศักดิ์3.3. ประเภทผู้สนับสนุนประเภทผู้สนับสนุน (Zealots)(Zealots) ข้าราชการประเภทนี้จะสนับสนุนข้าราชการประเภทนี้จะสนับสนุน นโยบายหรือแนวความคิดที่แคบๆ ของวิชาชีพนโยบายหรือแนวความคิดที่แคบๆ ของวิชาชีพ