อุปกรณ์เชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์เสนอ
มิสเขมจิรา ปลงไสว
โดย
นาย ธนากร ภูมิสิทธิ์ ม.6/5
เลขที่ 29
เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter)
• ใช้วาดหรือเขียนภาพสาหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง ๆ
เนื่องจากพลอตเตอร์จะใช้ปากกาในการวาดเส้นสายต่าง ๆ ทา
ให้ได้เส้นที่ต่อเนื่องกันตลอด ในขณะที่เครื่องพิมพ์ทั่วไปจะใช้วิธี
พิมพ์จุดเล็ก ๆ ประกอบขึ้นเป็นเส้น ทาให้ได้เส้นที่ไม่ต่อเนื่องกัน
สนิท พลอตเตอร์นิยมใช้กับงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและ
วิศวกรรมที่ต้องการความสวย งามและความละเอียดสูง มีให้
เลือกหลากหลายชนิดโดยจะแตกต่างกันในด้านความเร็ว ขนาด
กระดาษ และจานวนปากกาที่ใช้เขียนในแต่ละครั้ง มีราคาแพง
กว่าเครื่องพิมพ์ธรรมดามาก
สแกนเนอร์ (Scanner)
• สแกนเนอร์คืออุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง,
เรียบเรียง,เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย,ข้อความ,ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ
สแกนเนอร์แบ่งป็ น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet -Fed Scanner)
2.สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
3.สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)
สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet- Fed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน ซึ่งอยู่กับที่ข้อจากัดของสแกนเนอร์ แบบ
เลื่อนกระดาษ คือสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้
สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส และเมื่อทาการสแกน
หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ข้อจากัดของสแกนเนอร์ แบบแท่นนอนคือแม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือ
ได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทาให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก
สแกนเนอร์มือถือ (Hand -Held Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม เอาข้อดีของ
สแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มีข้อจากัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมี
คุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่าเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่
มีขนาดสั้น ทาให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทาให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า ซึ่งปัจจุบัน
มีซอฟต์แวร์หลายตัว ที่ใช้กับสแกนเนอร์ แบบมือถือ ซึ่งสามารถต่อภาพที่เกิดจากการสแกนหลายครั้งเข้าต่อกัน
เว็บแคม(Webcam)
• ความหมายของเว็บแคม(Webcam)
เว็บแคม (Webcam)หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า WebCameraแต่ในบางครั้งก็
มีคนเรียกว่า VideoCameraหรือ VideoConferenceเป็นอุปกรณ์พุตที่
สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และ
สามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่ง
สามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหวได้เหมือนอยู่ต่อหน้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มี
ประโยชน์อีกตัวหนึ่ง และเริ่มมีความจาเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ยี่ห้อกล้องเว็บ
แคมที่มีชื่อเสียงและใช้กันทั่วไป โดยที่เด่นที่สุดในตอนนี้คือ กล้องเว็บแคม
ของ Logitechซึ่งผลิตกล้องเว็บแคมออกมาในท้องตลาดมากที่สุด ทั้งเรื่อง
คุณภาพและความสวยงามก็จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ
ชนิดของกล้องเว็บแคม(Webcam)
• กล้องเว็บแคม (Webcam)แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ แบบมีสาย และแบบไร้
สาย โดยแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันดังนี้
• กล้องเว็บแคม (WebCam) แบบมีสาย จะมีความยุ่งยากในเรื่อง
การใช้สายต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่จะมีราคาถูกกว่าแบบไร้สาย
มาก ทาให้คนส่วนใหญ่นิยมซื้อกล้องเว็บแคม (Webcam)แบบมีสายมาใช้
งาน
• ข้อเสีย ของกล้องเว็บแคม (Webcam)แบบมีสาย คือ ทาให้ไม่
สามารถวางตัวกล้องได้ไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทาให้กล้องไม่สามารถ
จับภาพเคลื่อนไหวในระยะไกล ๆ ได้เหมือนแบบไร้สาย
ชนิดของกล้องเว็บแคม(Webcam)
• กล้องเว็บแคม (Webcam) แบบไร้สายจะมีราคาค่อนข้างแพงมาก
เมื่อเทียบกับแบบมีสาย เนื่องจากตัวกล้อง ต้องใช้เทคโนโลยีแบบไร้สาย
ที่เรียกว่า Wireless WiFi หรือ IEEE 802.11 ที่ค่อนข้างมีต้นทุนสูง จึง
ส่งผลให้ตัวกล้องมีราคาแพงจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก
• จุดเด่น ของกล้องเว็บแคม (Webcam) แบบไร้สาย คือ สามารถ
นาไปติดตั้งที่จุดใดก็ได้ โดยไม่ต้องคานึงระยะห่างระหว่างตัวกล้องกับ
คอมพิวเตอร์
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้กล้องเว็บ
แคม(Webcam)
• - ทาให้การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตมีรสชาติมากขึ้น เนื่องจากสามารถพูดคุยแบบเห็น
หน้าและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของคู่สนทนาเหมือนกับอยู่ใกล้ชิดกัน
• - ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปประชุมกับลูกค้าตามที่ต่าง ๆ เนื่องจากสามารถ
นาเอากล้องเว็บแคม (Webcam) มาดัดแปลงเป็นกล้อง Video Conference เพื่อใช้ในการ
ติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้ากับลูกค้าได้
• - ช่วยให้ปลอดภัยจากการเดินทางไปประชุมหรือไปสัมมนาตามสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่
ห่างไกลได้เป็นอย่างดี
• - นาไปประยุกต์ใช้เป็นชุดอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยคล้ายกับกล้องวงจรปิด
สามารถใช้โปรแกรมที่ติดมากับกล้องเว็บแคม (Webcam)ทาหน้าที่คอยตรวจจับ
ภาพเคลื่อนไหว แล้วทาการบันทึกจากตาแหน่งหรือจุดที่กาหนดไว้
• - ช่วยให้สามารถเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ จากกล้องเว็บแคม (Webcam) ผ่าน
ทางเว็บไซต์ เพื่อให้คนทั่วโลกสามารถเข้ามารับชมได้
ลาโพง(Speaker)
• ทาหน้าที่ถ่ายทอดและขยายสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์กาเนิดเสียงภายใน
คอมพิวเตอร์เช่น ซาวด์การ์ดและชิปเสียงบนเมนบอร์ดไปยังผู้รับหรือผู้ใช้งาน
(ในที่นี้จะขอพูดถึงแต่กับลาโพงแบบมัลติมีเดียที่ใช้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้น)
โดยถือเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งสาคัญในระบบเสียง สาหรับชุดลาโพงแบบ
มัลติมีเดียที่ใช่กับคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น
ประเภทต่างๆได้ดังนี้
ชุดลาโพงมัลติมีเดียสาหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป
รุ่นธรรดาจะเป็นสเตอริโอที่มีแค่ลาโพงซ้าย-ขวาตัวเล็ก 2 ข้าง หรือดีขึ้นมา
หน่อยก็จะเป็นแบบที่มีเครื่องขยายเสียงหรือแอมป์ (Amplifier)ในตัว พอ
เสียบสายต่อเข้ากับการ์ดเสียงก็ใช้ได้เลย (ถ้ามีแอมป์ ในตัวอาจต้องเสียบ
ปลั๊กไฟด้วย)

อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

  • 1.
  • 2.
    เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter) • ใช้วาดหรือเขียนภาพสาหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูงๆ เนื่องจากพลอตเตอร์จะใช้ปากกาในการวาดเส้นสายต่าง ๆ ทา ให้ได้เส้นที่ต่อเนื่องกันตลอด ในขณะที่เครื่องพิมพ์ทั่วไปจะใช้วิธี พิมพ์จุดเล็ก ๆ ประกอบขึ้นเป็นเส้น ทาให้ได้เส้นที่ไม่ต่อเนื่องกัน สนิท พลอตเตอร์นิยมใช้กับงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมและ วิศวกรรมที่ต้องการความสวย งามและความละเอียดสูง มีให้ เลือกหลากหลายชนิดโดยจะแตกต่างกันในด้านความเร็ว ขนาด กระดาษ และจานวนปากกาที่ใช้เขียนในแต่ละครั้ง มีราคาแพง กว่าเครื่องพิมพ์ธรรมดามาก
  • 3.
    สแกนเนอร์ (Scanner) • สแกนเนอร์คืออุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง,เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย,ข้อความ,ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สแกนเนอร์แบ่งป็ น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ 1.สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet -Fed Scanner) 2.สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner) 3.สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner) สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet- Fed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน ซึ่งอยู่กับที่ข้อจากัดของสแกนเนอร์ แบบ เลื่อนกระดาษ คือสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้ สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส และเมื่อทาการสแกน หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ข้อจากัดของสแกนเนอร์ แบบแท่นนอนคือแม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือ ได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทาให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก สแกนเนอร์มือถือ (Hand -Held Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม เอาข้อดีของ สแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มีข้อจากัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมี คุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่าเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่ มีขนาดสั้น ทาให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทาให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า ซึ่งปัจจุบัน มีซอฟต์แวร์หลายตัว ที่ใช้กับสแกนเนอร์ แบบมือถือ ซึ่งสามารถต่อภาพที่เกิดจากการสแกนหลายครั้งเข้าต่อกัน
  • 4.
    เว็บแคม(Webcam) • ความหมายของเว็บแคม(Webcam) เว็บแคม (Webcam)หรือเรียกเต็มๆ ว่า WebCameraแต่ในบางครั้งก็ มีคนเรียกว่า VideoCameraหรือ VideoConferenceเป็นอุปกรณ์พุตที่ สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และ สามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่ง สามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหวได้เหมือนอยู่ต่อหน้า ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มี ประโยชน์อีกตัวหนึ่ง และเริ่มมีความจาเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ยี่ห้อกล้องเว็บ แคมที่มีชื่อเสียงและใช้กันทั่วไป โดยที่เด่นที่สุดในตอนนี้คือ กล้องเว็บแคม ของ Logitechซึ่งผลิตกล้องเว็บแคมออกมาในท้องตลาดมากที่สุด ทั้งเรื่อง คุณภาพและความสวยงามก็จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ
  • 5.
    ชนิดของกล้องเว็บแคม(Webcam) • กล้องเว็บแคม (Webcam)แบ่งออกได้2 ชนิด คือ แบบมีสาย และแบบไร้ สาย โดยแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันดังนี้ • กล้องเว็บแคม (WebCam) แบบมีสาย จะมีความยุ่งยากในเรื่อง การใช้สายต่อพ่วงเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่จะมีราคาถูกกว่าแบบไร้สาย มาก ทาให้คนส่วนใหญ่นิยมซื้อกล้องเว็บแคม (Webcam)แบบมีสายมาใช้ งาน • ข้อเสีย ของกล้องเว็บแคม (Webcam)แบบมีสาย คือ ทาให้ไม่ สามารถวางตัวกล้องได้ไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทาให้กล้องไม่สามารถ จับภาพเคลื่อนไหวในระยะไกล ๆ ได้เหมือนแบบไร้สาย
  • 6.
    ชนิดของกล้องเว็บแคม(Webcam) • กล้องเว็บแคม (Webcam)แบบไร้สายจะมีราคาค่อนข้างแพงมาก เมื่อเทียบกับแบบมีสาย เนื่องจากตัวกล้อง ต้องใช้เทคโนโลยีแบบไร้สาย ที่เรียกว่า Wireless WiFi หรือ IEEE 802.11 ที่ค่อนข้างมีต้นทุนสูง จึง ส่งผลให้ตัวกล้องมีราคาแพงจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก • จุดเด่น ของกล้องเว็บแคม (Webcam) แบบไร้สาย คือ สามารถ นาไปติดตั้งที่จุดใดก็ได้ โดยไม่ต้องคานึงระยะห่างระหว่างตัวกล้องกับ คอมพิวเตอร์
  • 7.
    ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้กล้องเว็บ แคม(Webcam) • - ทาให้การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตมีรสชาติมากขึ้นเนื่องจากสามารถพูดคุยแบบเห็น หน้าและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของคู่สนทนาเหมือนกับอยู่ใกล้ชิดกัน • - ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปประชุมกับลูกค้าตามที่ต่าง ๆ เนื่องจากสามารถ นาเอากล้องเว็บแคม (Webcam) มาดัดแปลงเป็นกล้อง Video Conference เพื่อใช้ในการ ติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้ากับลูกค้าได้ • - ช่วยให้ปลอดภัยจากการเดินทางไปประชุมหรือไปสัมมนาตามสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ ห่างไกลได้เป็นอย่างดี • - นาไปประยุกต์ใช้เป็นชุดอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยคล้ายกับกล้องวงจรปิด สามารถใช้โปรแกรมที่ติดมากับกล้องเว็บแคม (Webcam)ทาหน้าที่คอยตรวจจับ ภาพเคลื่อนไหว แล้วทาการบันทึกจากตาแหน่งหรือจุดที่กาหนดไว้ • - ช่วยให้สามารถเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ จากกล้องเว็บแคม (Webcam) ผ่าน ทางเว็บไซต์ เพื่อให้คนทั่วโลกสามารถเข้ามารับชมได้
  • 8.
    ลาโพง(Speaker) • ทาหน้าที่ถ่ายทอดและขยายสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์กาเนิดเสียงภายใน คอมพิวเตอร์เช่น ซาวด์การ์ดและชิปเสียงบนเมนบอร์ดไปยังผู้รับหรือผู้ใช้งาน (ในที่นี้จะขอพูดถึงแต่กับลาโพงแบบมัลติมีเดียที่ใช้กับคอมพิวเตอร์เท่านั้น) โดยถือเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งสาคัญในระบบเสียงสาหรับชุดลาโพงแบบ มัลติมีเดียที่ใช่กับคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น ประเภทต่างๆได้ดังนี้ ชุดลาโพงมัลติมีเดียสาหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป รุ่นธรรดาจะเป็นสเตอริโอที่มีแค่ลาโพงซ้าย-ขวาตัวเล็ก 2 ข้าง หรือดีขึ้นมา หน่อยก็จะเป็นแบบที่มีเครื่องขยายเสียงหรือแอมป์ (Amplifier)ในตัว พอ เสียบสายต่อเข้ากับการ์ดเสียงก็ใช้ได้เลย (ถ้ามีแอมป์ ในตัวอาจต้องเสียบ ปลั๊กไฟด้วย)