More Related Content
Similar to Presentation1 (15)
Presentation1
- 3. เครื่องพิมพ์ คือ อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ที่ใช้สาหรับพิมพ์ข้อมูลที่เป็นเอกสาร ข้อความ และรูปภาพ ที่อยู่บนจอภาพให้ไปปรากฏบนกระดาษ
เพื่อสามารถนาไปใช้ในงานอื่นๆ ได้
ประเภทของเครื่องพิมพ์
เครื่องพิมพ์ที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix Printer) คือ เครื่องพิมพ์ที่อาศัยการใช้หัวเข็มไปกระแทกกระดาษ โดยผ่านผ้าหมึกทาให้เป็นจุดขึ้น
ซึ่งมีลักษณะการทางานคล้ายเครื่องพิมพ์ดีด คุณลักษณะเด่นของเครื่องพิมพ์แบบนี้ คือ สามารถพิมพ์ลงบนกระดาษที่มีหลายสาเนาหลายชุดได้
ทาให้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์หลายครั้ง ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบอื่นไม่สามารถทาได้ มีความทนทานในการใช้งานสูง สามารถพิมพ์กับกระดาษต่อเนื่องได้
2. เครื่องพิมพ์แบบหมึกพ่น (Inkjet Printer) คือเครื่องพิมพ์ที่ใช้วิธีพ่นน้าหมึกลงไปบนกระดาษ โดยหมึกจะถูกฉีดออกจากรูขนาดเล็กบนหัวพิมพ์
ซึ่งหมึกที่ใช้จะเป็นแม่สี 3 สี คือ แดง เหลือง และน้าเงิน บางเครื่องจะใช้ 2 กล่อง คือ น้าหมึกสีดากับตัวแม่สี คุณลักษณะเด่นของเครื่องพิมพ์
แบบนี้ คือ สามารถพิมพ์ภาพสีได้ โดยมีตลับหมึกสีแยกอิสระ สามารถถอดเปลี่ยนใหม่ได้ คุณภาพการพิมพ์คมชัดกว่าแบบใช้หัวเข็ม ให้ความ
ละเอียดสูง เหมาะสาหรับงานด้านกราฟิก และงานด้านการนาเสนอ(Presentation) สามารถพิมพ์บนผิววัสดุอื่นๆ นอกจากบน กระดาษ ได้ เช่น
แผ่นใส, สติกเกอร์ เป็นต้น
3. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer) มีหลักการทางานเหมือนกับเครื่องถ่ายเอกสาร เป็นเครื่องพิมพ์ที่พัฒนามาจากเครื่องพิมพ์แบบจุดและ
แบบฉีดหมึก สามารถพิมพ์ได้เร็วกว่าแบบอื่นและความคมชัดของงานดีมาก จึงได้รับความนิยมนามาใช้งานในสานักงานทั่วไป
- 5. ด้วยความพยายามของมนุษย์ที่ต้องการจัดเก็บเสียงพูด เสียงร้อง และเสียงดนตรี เพื่อนามาใช้อีกครั้ง จึงมีการผลิตอุปกรณ์ที่เรียกว่าไมโครโฟน
(Microphone) ขึ้นมา เพื่อแปลงคลื่นเสียง ให้เป็นสัญญาณทางไฟฟ้าซึ่งสามารถจัดเก็บลงในสื่อบันทึกเสียง เช่น เทป, แผ่นเสียงหรือ ซีดี รวมไป
ถึงใช้ในการขยายสัญญาณเสียง
ประเภทของไมโครโฟน
1.ไมโครโฟนแบบไดนามิกมูฟวิ่งคอล์ย (Dynamic Movie Coil Microphone) หรือที่เรียกสั้นๆว่าไดนามิกไมโครโฟน เป็นไมโครโฟนที่ใช้หลักการของ
การเคลื่อนที่ของขดลวดตามเสียงที่มากระทบ และเมื่อขดลวดตัดผ่านสนามแม่เหล็กถาวร ก็จะเกิดเป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าตามคลื่นเสียงนั้น ไมโครโฟน
ชนิดนี้เป็นที่นิยมแพร่หลาย ครอบคลุมการใช้งานเกือบทุกประเภท เพราะสามารถรับเสียงในย่านกว้างทั้งความถี่ต่าและความถี่สูงได้
2.ไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone) เป็นไมโครโฟนที่ออกแบบโดยใช้หลักการเปลี่ยนแปลงค่าความจุ ตามเสียงที่มากระทบ
แผ่นฉนวนที่อยู่ระหว่างแผ่นเพลทสองแผ่น โดยส่วนใหญ่ไมโครโฟนประเภทนี้จะต้องมีแหล่งจ่ายไฟเลี้ยงเช่น ถ่านไฟฉายอยู่ด้วย สามารถตอบสนอง
ความถี่สูงได้ดีมาก
3.ไมโครโฟนแบบไร้สาย (Wireless Microphone) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ไมค์ลอย “ ซึ่งความจริงก็คือไมโครโฟน 2 แบบแรก เพียงแต่เพิ่มวงจร
เครื่องส่งให้สามารถส่งสัญญาณออกมาเป็นคลื่นวิทยุได้นั่นเอง
- 7. เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่แปลงสัญญาณทางไฟฟ้า ให้กลับมาเป็นคลื่นเสียงให้เราได้ยิน
ประเภทของลาโพง
ลาโพงที่เรามักพบเห็นกันทั่วไปมี 2 แบบคือ
1.ลาโพงแบบตู้ปิด จะเป็นลาโพงที่ใช้ตามบ้าน โดยภายในจะประกอบด้วยตัวลาโพง หลายตัว โดยแต่ละตัว จะมีความสามารถ ในการตอบสนอง
ความถี่ต่างๆกันคือ
-ลาโพงเสียงทุ้ม (Woofer) หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า “วูฟเฟอร์” มักจะมีขนาดใหญ่ ตอบสนองความถี่ต่าได้ดี เช่น เสียงกลอง
-ลาโพงเสียงกลาง (Midrange) จะตอบสนองเสียงกลาง เช่น เสียงพูด ,เสียงร้อง โดยจะมีขนาดรองลงมา จากลาโพงวูฟเฟอร์
-ลาโพงเสียงแหลม (Tweeter) มักเรียกทับศัพท์ว่า “ทวีตเตอร์ “ จะมีขนาดเล็ก ตอบสนองความถี่สูงได้ดี
2. ลาโพงฮอร์น (Horn) ส่วนใหญ่มักใช้กับงานกระจายเสียงกลางแจ้ง เพราะเป็นลาโพงที่มีประสิทธิภาพสูง แต่คุณภาพเสียงไม่ค่อยดีนัก
โดยด้านหลังจะมีตัวขับเสียงซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ มักเรียกทับศัพท์ว่า “ยูนิตฮอร์น” (Unit Horn)