ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์โลก
- 1. ประว ัติศาสตร์ภาพยนตร์โลก
มาลองศึกษาประวัตศาสตร์ภาพยนตร์กนครับ ว่ามันมีความเป็ นมาอย่างไร
ิ
ั
กว่าจะมาเป็ นรูปแบบทีเราเห็นอยู่
2
ในทุกวันนี) ลองอ่านกันดูเล่นๆก็ได ้ครับ
ประวัตศาสตร์ภาพยนตร์โลกสามารถแบ่งได ้คร่าวๆ 4 ยุค ได ้แก่
ิ
1. ยุคบุกเบิก (ค.ศ. 1815 – 1907)
ั
การทดลองของเอดิสนและคณะ
ั
เอดิสนและดิคสันได ้มาทํางานทดลองเกียวกับภาพยนตร์ในราวปี ค.ศ. 1888
5
<
จนสามารถประดิษฐ์กล ้องถ่ายภาพยนตร์เครืองแรกของโลกได ้สําเร็จ ในปี ค.ศ.1889 เรียกชือว่า
<
Kinetograph นอกจากนี' ยังได ้ประดิษฐ์เครืองฉายภาพยนตร์ทเรียกว่า Kinetoscope ขึนด ้วย
8
ี8
#
แต่เป็ นเครืองฉายในลักษณะ “ถํ#ามอง” (Peep-Show) ทีดได ้คราวละหนึงคน
+
# ู
#
#
สิงประดิษฐ์ของพีน ้องลูมแอร์
#
ิ
ั
เนืองจากว่าเอดิสนได ้จดทะเบียนลิขสิทธิเครืองฉายและกล ้องถ่ายภาพยนตร์
$
: $
ของเขาแต่เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาบรรดานักประดิษฐ์ชาวยุโรปชาติตางๆ
่
ทีสนใจและค ้นคว ้าในเรืองนีอยูแล ้วเมือได ้มาชมนิทรรศการประดิษฐกรรม
#
/
3 ่
/
ั
ของเอดิสนจึงสามารถลอกแบบและนํ าไปปรับปรุงให ้ดีกว่าได
- 2. นักประดิษฐ์คหนึงทีนับว่ามีบทบาทสําคัญมากก็คอ พีน ้องลูมแอร์ อันได ้แก่ Auguste และ Louise
ู่ 1 1
ื
1
ิ
#
2
Lumiere ซึงได ้ทดลองออกแบบกล ้องถ่ายภาพยนตร์ขน โดยให ้ชือประดิษฐกรรมนีวา Cinematography
ึ*
* ่
#
ั
ซึงมีข ้อดีกว่ากล ้องของเอดิสน คือ เป็ นทังเครืองถ่ายและเครืองฉายได ้ในตัวเดียว และมีนํ:าหนักเบากว่า
:
#
#
จึงสามารถนํ าออกไปถ่ายทําหนังนอกสถานทีได ้ภาพยนตร์เรืองแรกที5
5
5
พีน ้องลูมแอร์ถายทําขึนก็คอ La Sortie des ouvriers de
#
ิ
่
7
ื
I’ usine Lumiere (คนงานออกจากโรงงานลูมแอร์)
ิ
แสดงให ้เห็นภาพชีวตประจําวันของคนงานทีออกจากโรงงาน
ิ
=
การจัดฉายภาพยนตร์ของลูมแอร์ให ้สาธารณชนชมเป็ นครังแรกทํากันทีห ้อง
ิ
A
E
ใต ้ถุนของร ้าน Grand Cafe ในกรุงปารีส เมือวันที. 28 ธันวาคม 1895
.
(และถือว่าวันนีเป็ นวันเริมต ้นของภาพยนตร์ในเชิงธุรกิจ)
#
+
#
ซึงก็กอให ้เกิดความโกลาหลขึนพอสมควรเนืองจากเมือหนังฉายภาพ
่
6
#
#
รถไฟทีพงตรงเข ้ามาหาคนดูทําให ้คนดูหลายคนทีไม่ค ุ ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่
' ุ่
'
นีตกใจและวิงหนีเพราะคิดว่าเป็ นเรืองจริง
#
2. ยุคหนังเงียบ (ค.ศ. 1908 – 1928)
ยุคหนังเงียบ เป็ นยุคทีสหรัฐฯ ได ้พัฒนาศิลปะการสร ้างภาพยนตร์ขนอย่างมาก
.
ึC
พอดีกบทีสงครามโลกครังแรกได ้เกิดขึนในยุคนีด ้วย
ั )
2
2
2
เป็ นผลให ้พัฒนาการทางภาพยนตร์ของประเทศต่างๆ ในยุโรปทีเข ้าสงครามต ้องสะดุดชะงัก
?
สมัยของกริฟฟิ ธการค ้นพบศิลปะภาพยนตร์อย่างแท ้จริงเริมต ้นด ้วย
?
งานของกริฟฟิ ธ โดยได ้ค ้นพบพืนฐานทีสําคัญสองประการ คือ
4
8
ผลของการจัดองค์ประกอบภาพและการตัดต่อ เขาได ้ค ้นพบว่า
การจัดองค์ประกอบของภาพในแต่ละเฟรมโดยคํานึงถึงขนาดของภาพตาม
บทบาทของผู ้แสดงจะมีผลต่ออารมณ์ความรู ้สึกของผู ้ดูมากว่าการบันทึกภาพ
ในลักษณะเดียวกับการแสดงละครบนเวทีเกียวกับจังหวะของการตัดต่อภาพแต่ละช็อต
1
ให ้ต่อเนืองกัน กริฟฟิ ธพบว่า การตัดภาพอย่างเฉื*อยชาจะให ้ความรู ้สึกเงียบ สงบ
*
และเรียบเรือยขณะทีการตัดภาพอย่างกระทันหันรวดเร็วจะสร ้างความรู ้สึก
*
*
ตึงเครียดเร ้าใจ เพิมความรู ้สึกรวดเร็วอีกทังเสนอภาพในลักษณะแทนตา
0
:
*
ตัวละคร ซึงจะเป็ นการเล่าความนึกคิด ความสนใจของตัวละครนันๆ ได ้ด ้วย
;
- 3. อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในสหรัฐฯเติบโตเต็มทียคนีนับเป็ นยุคแรกทีนําระบบ
7 ุ :
7
ดารายอดนิยมมาจับความประทับใจของสาธารณชน ทําให ้ดาราดังๆ มีคาตัวสูงมาก อย่างเช่น ชาลี
่
ั
แชปลิน หรือ แมรี- พิคฟอร์ด ทีเซ็นต์สญญารับค่าตัวปี ละล ้านเหรียญ
-
และในทศวรรษนีเองทีฮอลลีวู ้ดก็ได ้กลายมาเป็ นเมืองศูนย์กลางของ
,
0
อุตสาหกรรมภาพยนตร์เมือนายทุนหลายคนได ้ประสบความสําเร็จเป็ นเศรษฐีเงินล ้าน
1
และได ้มีการจัดระบบโรงถ่ายในฮอลลีวู ้ดให ้เป็ นมาตรฐานโดยมีการกําหนดตาราง
การถ่ายทํา คํานวณงบประมาณรวมทังกลันกรองรับรองบทถ่ายทําก่อนทีจะลง
3
5
5
มือปฏิบตงาน และมีการก่อตังสตูดโอถ่ายหนังขึนจํานวนมาก เช่น Paramount Pictures, Goldwin
ั ิ
4
ิ
/
Pictures Corporation, Universal Pictures Company เป็ นต ้น
หนังสารคดียคแรกการพัฒนาทีสําคัญอีกอย่างหนึงของหนังเงียบในสหรัฐฯ
ุ
2
2
ก็คอการเริมต ้นกําเนิดภาพยนตร์สารคดีเรืองสําคัญของโรเบิรต ฟลาเฮอร์ต ี@ (Robert Flaherty) เรือง
ื
*
*
์
$
“Nanook of the North" ปี 1992 เป็ นหนังสารคดีเรืองแรกของสหรัฐฯ
/
ทีประสบความสําเร็จทางการค ้าอย่างมาก
#
- 4. 3. ยุคหนังเสียง (ค.ศ.1928-1945)
ความคิดทีจะบันทึกเสียงลงในภาพยนตร์นัน เกิดขึนมานานควบคูกบการคิดสร ้างภาพยนตร์นั)นเอง
)
<
<
่ ั
และตลอดยุคหนังเงียบ จนกระทังหลังสงครามโลกครังที1ก็ได ้มีการค ้นคว ้าทดลองเพือหาวิธบนทึกเสียง
/
5 /
/
ี ั
ลงในภาพยนตร์อย่างมีประสิทธิภาพและเสียค่าใช ้จ่ายไม่สงมาโดยตลอด
ู
หนังเสียงในยุคแรกเริมจึงมีลกษณะของภาพนิงๆ ผสมผสานกับเสียงสนทนา
0
ั
0
ไม่มการเคลือนไหวในภาพยนตร์อกต่อไป ตัวอย่างเช่น ในเรือง “The Jazz Singer"
ี
,
ี
ในซีเควนซ์ทมเสียงนัน กล ้องแช่นงจับภาพนิงของ อัล จอลสัน
ี* ี
0
ิ*
*
ทีกําลังร ้องเพลงโดยมีการตัดภาพเพียงน ้อยนิด
#
หากจะมีการขยับเคลือนไหวบ ้างก็เป็ นการเคลือนไหวของ
1
1
ผู ้แสดงไม่ใช่ตวกล ้อง
ั
- 5. นอกจากการทดลองเรืองเสียงแล ้ว ในยุคเดียวกันนี5
%
มีเริมมีการทดลองเกียวกับการใช ้สีในภาพยนตร์ขนพร ้อมๆ กัน โดยในช่วงแรกๆ
&
&
ึ=
ผู ้สร ้างหนังบางคนใช ้วิธจ ้างคนงาน 20 กว่าคนมาช่วยกันระบายสีลงในฟิ ลมหนังทีละเฟรมด ้วยมือ
ี
์
ี
จนมาถึงในยุคนีซงมีการผลิตฟิ ลมทีสามารถบันทึกภาพยนตร์สเหมือน
- ึ/
์ /
จริงได ้ในทีสด
, ุ
4.ภาพยนตร์ในปั จจุบน (ค.ศ. 1965-ปั จจุบน)
ั
ั
ในระยะ 2 ทศวรรษหลังสงครามโลกครังที6 2 นัน
4
4
ปรากฏว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์มแนวโน ้มไปในเรืองของชาตินยมเป็ นสําคัญ ทว่าหลังจาก ค.ศ.1965
ี
;
ิ
เป็ นต ้นมาก็ได ้เปลียนแนวไปเป็ นสากลนิยมมากขึน ทังนี6
.
6
6
ไม่เพียงแต่จะเนืองด ้วยการจัดจําหน่ายทีเผยแพร่ไปทัวโลกเท่านัน
)
)
)
>
หากแต่ในด ้านการผลิตก็มลกษณะเป็ นสากลมากขึน ตัวอย่างเช่น
ี ั
;
ผู ้กํากับอิตาเลียนอาจใช ้ตัวแสดงทีเป็ นอังกฤษ อิตาเลียน และเยอรมัน
:
ร่วมแสดงในภาพยนตร์ทเป็ นเรืองของชาวเยอรมันก็เป็ นได ้
ี3
3
#
สิงเหล่านีเป็ นการทําลายกําแพงแห่งเชือชาติและวัฒนธรรมทีเคยเป็ นเครืองกีดขวาง
,
<
<
อยูแต่เดิมในทศวรรษ 1980 และ1990 กลุมผู ้ชมภาพยนตร์มอายุตําลงเรือยๆ
่
่
ี
?
?
ผู ้กํากับรุนใหม่ทประสบความสําเร็จมหาศาลก็เป็ นคนหนุ่มรุนใหม่เช่นกัน
่
ี2
่
ลักษณะของหนังส่วนใหญ่ในสองทศวรรษนีมพัฒนาขึนอย่างมากในด ้านการเล่นเ
5 ี
5
ทคนิคพิเศษต่างๆ ในหนังทังหนังประเภทนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซี
1
หรือแม ้จะเป็ นหนังชีวตหนังผจญภัยลักษณะทีสมจริงมีเหตุผลถูกลดลงเป็ นด ้านรอง
ิ
>
โดยมุงให ้ความสนุกสนานตืนเต ้นตามจินตนาการของผู ้สร ้างทีสอดรับกับ
่
3
3
ความต ้องการของผู ้ชมส่วนใหญ่
ประวัตศาสตร์ภาพยนตร์โลก
ิ
โดย : อ.มาโนช