SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
Download to read offline
Èٹ¹Çѵ¡ÃÃÁà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ
Postharvest Technology Innovation Center
                                                                                                              http://www.phtnet.org




                                                                                                                          »‚·Õ่ 10 ©ºÑº·Õ่ 1
                                                                                                                  Á¡ÃÒ¤Á - ÁÕ¹Ò¤Á 2554

               §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº

      ผลของเมทิลจัสโมเนทตอการพัฒนาสีแดงของ
      เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนก
      Effects of methyl jasmonate on red color development
      of Mahajanaka mango fruit exocarp
      อินทนนท ชันวิจิตร1, กานดา หวังชัย2 , กอบเกียรติ แสงนิล2
      และจำนงค อุทัยบุตร2
      1
        สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว/ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว
        มหาวิทยาลัยเชียงใหม อ.เมือง จ.เชียงใหม 50200
      2
        Department of Biology, Faculty of Science, Chiang Mai University,
        Chiang Mai 50200

                                          º·¤Ñ´Â‹Í
              สีแดงบนเปลือกเปนเอกลักษณของมะมวงพันธุมหาชนก แตในการผลิตมะมวง
                                                                  
 พั น ธุ  น ี ้ ม ั ก ประสบป ญ หาเกี ่ ย วกั บ การพั ฒ นาสี แ ดงของเปลื อ กผลที ่ ไ ม ส ม่ ำ เสมอ
 การทดลองนี้จึงทำการศึกษาเพื่อกระตุนใหผลมะมวงมีการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล
 โดยใหสารเมทิลจัสโมเนทที่ความเขมขน 5, 10 และ 15 มิลลิโมลาร กับผลมะมวงที่มี
 อายุ 84 วันหลังดอกบาน เปรียบเทียบกับผลที่ไมไดรับสาร (ชุดควบคุม) แลวเก็บผล                          㹩ºÑº
 มะมวงมาตรวจวัดผลทุก 7 วันจนผลมีอายุ 119 วันหลังดอกบาน ผลการทดลองแสดง
 ใหเห็นวาผลมะมวงที่ไดรับสารเมทิลจัสโมเนทมีการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล และมี                           §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº.................1-3
 ปริมาณแอนโทไซยานินมากกวาชุดควบคุม โดยสารเมทิลจัสโมเนทที่ใชไมมีผลตอ
 คุณภาพผล                                                                                              ÊÒèҡºÃóҸԡÒÃ.......................2
 คำสำคัญ แอนโทไซยานิน, การพัฒนาสีแดง, คุณภาพผล                                                         §Ò¹ÇԨѢͧÈٹÏ....................... 4
                                              ¤Ó¹Ó                                                     ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ...................................5-6
      มะมวงพันธุมหาชนก (Mangifera indica L. cv. Mahajanaka) มีคุณสมบัติ                              ¢‹ÒÇÊÒÃà·¤â¹âÅÂÕ............................ 7
 เหมาะสมตอการสงออกไปจำหนายในตางประเทศ เนื่องจากมีเปลือกหนา สามารถ
 วางจำหนายไดนาน เมือสุกมีกลินหอม รสชาติหวานอมเปรียวเล็กนอย เนือไมนมเละ
                     ่        ่                    ้             ้    ่ิ                               ËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ
                                                                                    Í‹Ò¹µ‹Í˹ŒÒ 2      ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸............................8
2 ÊÒèҡºÃóҸԡÒà                                                  §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº (µ‹Í¨Ò¡Ë¹ŒÒ 1)

                                                        มะมวงพันธุนี้หากถูกแสงแดดเต็มที่ในระหวางที่ผลเจริญเติบโตจนกระทั่งผลแกจะมี
                                                        ผิวสีแดงสวยงาม หากมีการหอผลจะมีสีเหลืองสดใส (มนตรี, 2542) มะมวงพันธุ
                                                        มหาชนกที่ปลูกอยูในขณะนี้มักประสบปญหาที่สำคัญคือ            การพัฒนาสีแดงของ
                                                        เปลือกผลที่ไมสม่ำเสมอทั้งผล สงผลทำใหเปลือกผลมีสีสันไมสวยงาม ซึ่งกระทบ
                                                        ตอคุณภาพและการยอมรับของผูบริโภคและตลาด
                                                                สีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนกเปนสิ่งที่ดึงดูดและใชตัดสินใจในการ
     ÊÒèҡºÃóҸԡÒà                                   เลือกซื้อของผูบริโภค โดยสีแดงที่ปรากฎนี้เกิดจากการสรางและการสะสมสารสี
         สวัสดีครับ ... ชวงนี้ยางเขาสูฤดูรอนแลว   แอนโทไซยานิน (anthocyanin) ปจจัยที่มีผลตอการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล
     อาจมีพายุฝน ลมแรง หรือลูกเห็บตกใน                  ไดแก แสง และสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด (Camm and Towers,
     บางพื้นที่ ขอใหทานผูอานทุกทานติดตาม           1973; Saure, 1990) ดังนั้น การหอผลมะมวงดวยถุงจะ ทำใหผลรับแสงไมพอเพียง
     ขาวพยากรณอากาศ และเตรียมรับมือกับ                ทำใหเกิดสีแดงทีผวไดนอยหรือไมเกิดสีแดงเลย เนืองจากมีการสังเคราะหแอนโทไซยานิน
                                                                         ่ิ                           ่
     ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงอาจตอง            ที่ผลไดนอย (สมาน, 2546; Saks et al., 1999) ซึ่งจากรายงานการศึกษาของ
     เตรียมตัวรับมือกับภัยแลงที่มีขาววาปนี้         Rudell et al. (2005) พบวา สารเมทิลจัสโมเนทสามารถกระตุนการสรางสีแดงของ
     อาจแลงหนักกวาปที่ผาน ๆ มาดวยนะครับ            ผลแอปเปลได ดังนั้น การศึกษานี้จึงตองการศึกษาผลของเมทิลจัสโมเนทตอการ
         Postharvest Newsletter ของเรามีอายุ            กระตุนใหเกิดสีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนก เพื่อปรับปรุงคุณภาพของผล
     เขาสูปท่ี 10 แลว นับวาผานการเปลียนแปลง
                                          ่           มะมวงไดโดยไมกระทบตอคุณภาพของผล ซึงจะเปนการเพิมมูลคาของผลผลิตใหสงขึน
                                                                                                  ่           ่                    ู ้
     และมีพฒนาการ ในดานตาง ๆ มาโดยตลอด
                ั
     และจากฉบับนี้เปนตนไป เราจะเพิ่มขาว                                         ÍØ»¡Ã³áÅÐÇÔ¸Õ¡ÒÃ
     ประชาสัมพันธ ขาวฝกอบรม/สัมมนา ตาง ๆ
     มาไวในหนาที่ 8 เพื่อใหทานไดทราบขาว                  คัดเลือกมะมวงพันธุมหาชนกที่สมบูรณและมีทรงพุมใกลเคียงกันอายุ
     การฝกอบรมตาง ๆ ทีจะเกิดขึนและมีโอกาส
                            ่         ้                 ประมาณ 7 ป จำนวน 40 ตน จากสวนเกษตรกรที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย
     ในการเขารวมในกิจกรรมตาง ๆ ที่จัดขึ้น            จังหวัดเชียงใหม จากนั้นติดปายที่ชอดอกเพื่อใหทราบอายุของผลที่จะนำมาใชใน
         ขอเชิญชวนทานเขารวมงาน/เสนอผลงาน             การศึกษา ทำการจุมผลมะมวงลงในสารเมทิลจัสโมเนทรวมกับ 0.1% Tween 20 (v/v)
                                                                          
     ในการ "ประชุมวิชาการวิทยาการหลังการ                กอนการเก็บเกี่ยวที่ความเขมขน 5, 10 และ 15 มิลลิโมลาร โดยใชผลมะมวงพันธุ
     เก็บเกี่ยวแหงชาติ ครั้งที่ 9" ซึ่งจะจัดขึ้น       มหาชนก ทีมอายุ 84 วันหลังดอกบาน เปรียบเทียบกับผลทีไมไดจมสาร (ชุดควบคุม)
                                                                   ่ ี                                             ่      ุ
     ระหวางวันที่ 23-24 มิถุนายน 2554                  แลวเก็บผลมะมวงมาตรวจวัดผลทุก 7 วันจนผลมีอายุ 119 วันหลังดอกบาน โดย
     ณ โรงแรมพัทยาพารค บีช รีสอรท จังหวัด             ตรวจวัดเปอรเซ็นตของพืนทีสแดงทีเ่ กิดขึนทีเ่ ปลือกผลเมือเปรียบเทียบกับพืนทีทงหมด
                                                                               ้ ่ี             ้               ่                ้ ่ ้ั
     ชลบุรี โดยในปนี้ ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยี           สกัดและวิเคราะหปริมาณแอนโทไซยานิน (Ranganna, 1977) วิเคราะหหาแอคทิวตี         ิ
     หลังการเก็บเกียว : หนวยงานรวมมหาวิทยาลัย
                    ่                                   ของเอนไซม ฟนิลอะลานีน แอมโมเนีย-ไลเอส (PAL) (Faragher and Chalmer,
     เทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี เปนเจาภาพ             1977) วิเคราะหหาสารประกอบฟนอลิคทั้งหมด (Singleton and Rossi, 1965)
     ในการจัดงาน รายละเอียดเพิ่มเติมติดตาม              วัดการเปลี่ยนแปลงสีเปลือกผลมะมวงโดยวัดคา a* ดวยเครื่องวัดสี chromameter
     ไดที่เว็บไซต                                     ตรวจวัดคุณภาพของผลมะมวงโดยวัด ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได (total
     http://www.kmutt.ac.th/npht2011/                   soluble solids, TSS) และปริมาณกรดที่ไทเทรทได (titratable acidity, TA)

                                                            ¼Å¡Ò÷´Åͧ
       มะมวงมีเปอรเซ็นตพนทีสแดงเพิมขึนในทุกชุดการทดลอง โดยทีอายุ 119 วัน หลังดอกบาน มะมวงทีทำการจุมผลในสารเมทิลจัสโมเนท
                            ้ื ่ ี          ่ ้                    ่                               ่      
15 มิลลิโมลาร มีเปอรเซ็นต พืนทีสแดงสูงทีสด รองลงมาคือ ชุดการทดลองทีจมเมทิลจัสโมเนท 10 มิลลิโมลาร คือ 26 และ 25.25 เปอรเซ็นต
                               ้ ่ี               ุ่                    ่ ุ
ตามลำดับ ในขณะทีชดการทดลองทีจมเมทิลจัสโมเนท 5 มิลลิโมลาร และชุดควบคุมมีเปอรเซ็นตพนทีสแดงเพียง 21 และ 19.75 เปอรเซ็นต
                   ุ่                ่ ุ                                                   ้ื ่ ี
ตามลำดับ (Figure 1) คา a* มีแนวโนมเพิ่มขึ้นทุกชุดการทดลองโดยที่ 119 วัน หลังดอกบาน ชุดการทดลองที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15
มิลลิโมลาร มีคา a* สูงสุด เทากับ 6.65 (Figure 2) ปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดเมือผลมีอายุ 112 วันหลัง ดอกบาน มะมวงทีผาน
                                                                              ้     ่                                       ่
การจุมเมทิลจัสโมเนท15 มิลลิโมลารมปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดสูงทีสด รองลงมาคือ ผลทีจมเมทิลจัสโมเนท 10 มิลลิโมลาร คือ 3.07
                                         ี                 ้        ุ่                ่ ุ
และ 2.69 mg/100 g FW ตามลำดับ เมือเปรียบเทียบกับชุดควบคุมมีปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดเทากับ 2.44 mg/100 g FW (Figure 3)
                                                ่                                       ้
แอคทิวตของเอนไซม PAL ผลทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนททุกระดับความเขมขนมีคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแอคทิวิตีของเอนไซม PAL ของชุดที่จุม
       ิี                        ่ ั
เมทิลจัสโมเนท 5, 10 มิลลิโมลาร และชุดควบคุมเพิมสูงสุดที่ 91 วันหลังดอกบาน ซึงมีคาของแอคทิวตของเอนไซม PAL เทากับ 67.22 ,58.76
                                                     ่                       ่               ิี
และ 53.01 n mole/mg protei∙hr ตามลำดับ ขณะที่ผลที่ไดรับเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีคาของกิจกรรมของเอนไซม PAL สูงสุดที่
§Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº
                                                                                                                                                                                             3
98 วันหลังดอกบาน เทากับ 57.03 n mole/mg protein∙hr (Figure 4)                          et al.(1997) ที่พบวาเมทิลจัสโมเนทสามารถกระตุนการสะสม
สารประกอบฟนอลิคทั้งหมด มีแนวโนมเพิมขึนทุกชุดการทดลองที่
                                           ่ ้                                          แอนโทไซยานินในลำตนและใบของทิวลิป กิจกรรมของเอนไซม PAL
112 วันหลังดอกบาน โดยไมแตกตางกันทางสถิติ และชุดการทดลอง                               เพิมสูงขึนที่ 91 วันหลังดอกบาน แลวลดลงตอนปลายของการเจริญ
                                                                                           ่ ้
ที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีสารประกอบฟนอลิคทังหมด    ้                       ทุกชุดการทดลอง เชนเดียวกับสารประกอบฟนอลิคทั้งหมดโดย
สูงสุด เทากับ 4642 mg/100gFW (Figure 5) ผลมะมวงทุกชุด                                 ชุดการทดลองที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีสารประกอบ
การทดลองมีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได (TSS) เพิ่มขึ้น                                   ฟนอลิคทั้งหมดสูงสุด ที่ 112 วันหลังดอกบาน ซึ่งสอดคลองกับ
อยางชาๆ และมีคาไมแตกตาง
                                                                                       การทดลองของ Zang et al. (2006) ที่ใชเมทิลจัสโมเนทกับ
กันทางสถิติ และปริมาณกรด                                                                สตรอเบอรีพบวาสามารถเพิม กิจกรรมของเอนไซม PAL และปริมาณ
                                                                                                    ่              ่
ที่ไทเทรตได (TA) ลดลงอยาง                                                             สารประกอบฟนอลิคมากกวาชุดควบคุมสวนคุณภาพของผล
ชาๆ ทุกชุดการทดลอง (Table 1)                                                           ทุกชุดการทดลองนั้น ปริมาณกรดไทเทรตสูงชวงแรกและลดลง
และเมื่อผลสุก คุณภาพของ                                                                 อยางตอเนื่อง ปริมาณของแข็งที่ละลายในน้ำมีคาเพิ่มขึ้นเมื่อผลมี
ผลมะม ว งทุ ก ชุ ด การทดลอง Figure 1 Percentage of red blush of                        อายุเพิ่มขึ้น สอดคลองกับรายงานการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง
ก็มีคาไมแตกตางกัน                    Mahajanaka mango exocarp after                  สรีรวิทยาและเคมีในระหวางการเจริญเติบโตของผลมะมวงพันธุ
                                        treated with methyl jasmonate
                                                                                        มหาชนก (สรรพมงคล, 2545 ) ทังนี้ สารเมทิลจัสโมเนทไมมผลตอ
                                                                                                                        ้                          ี
                                                                                        คุณภาพของผลมะมวงพันธุมหาชนก และเมือนำผลมะมวงมาไวท่ี
                                                                                                                                ่
                                                                                        อุณหภูมิหองจนผลสุกแลวตรวจวัดคุณภาพของผล ใหผลไม
                                                                                        แตกตางจากผลมะมวงที่ไมไดรับสาร
                                                                                                                                      ÊÃØ»
Figure 2 Changes of a* value of Mahajanaka Figure 3 Changes of total anthocyanin
         mango exocarp after treated with           content of Mahajanaka mango                 ผลมะมวงอายุ 84 วันหลังดอกบานทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนท
                                                                                                                                 ่ ั
         methyl jasmonate                           exocarp after treated with methyl
                                                    jasmonate                           ที่ความเขมขน 15 มิลลิโมลาร มีผลทำใหเปอรเซ็นตพื้นที่สีแดง
                                                                                        กับปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดเพิ่มขึ้น และ คา a* มีคามาก
                                                                                        ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับชุดความเขมขน 10และ 5 มิลลิโมลาร
                                                                                        และชุดควบคุม ตามลำดับ โดยผลมะมวงทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนท
                                                                                                                                ่ ั
                                                                                        ทุกชุดการทดลองมีคณภาพของผล (คา TSS และ TA) ไมแตกตาง
                                                                                                              ุ
Figure 4 Changes of PAL enzyme activity Figure 5 Changes of total phenolic compound     กันกับผลมะมวงชุดควบคุม
         of Mahajanaka mango exocarp             of Mahajanaka mango exocarp after
         after treated with methyl jasmonate     treated with methyl jasmonate
                                                                                                                              ¤Ó¢Íº¤Ø³
Table 1 Changes of TSS and TA of Mahajanaka mango
     flesh after treated with methyl jasmonate                                                 ขอขอบคุ ณ ห อ งปฏิ บ ั ต ิ ก ารสรี ร วิ ท ยาหลั ง การเก็ บ เกี ่ ย ว
                                                                                        ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร สถาบันวิจัยเทคโนโลยี
                                                                                        หลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหมและศูนยนวัตกรรม
                                                                                        เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม
                                                                                        àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§
                                                                                        มนตรี จิรสุรัตน. 2542. มะมวงพันธุมหาชนก. วารสารกสิกร 72(5): 425-430.
                                                                                        สมาน ศิริภัทร. 2546. เรียนรูเรื่องราวของมะมวงมหาชนก. วารสารเคหเกษตรกรรม 27(6): 57-63.
                     ÇÔ¨Òó¼Å¡Ò÷´Åͧ                                                  สรรพมงคล บุญกัน. 2545. การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและเคมีระหวางการเจริญเติบโตของผลมะมวง
                                                                                              พันธุมหาชนก. วิทยานิพนธปริญญาโท สาขาวิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม. เชียงใหม. 101 น.
                                                                                        Camm, E.L. and G.H.N. Towers. 1973. Phenylalanine ammonia lyase. Phytochemistry 12: 961-973.
         การเกิดสีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนกเกิดเพิ่มขึ้น                               Faragher J. D. and D. J. Chalmer. 1977. Regulation of anthocyanin synthesis in apple skin.
                                                                                              III.Involvement of phenylalanine ammonia-lyase. Australian Journal Plant Physiology 4(1): 133-141.
ตามอายุที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณที่ไดรับแสงแดด ซึ่ง                          Ranganna, S. 1997. Plant Pigment. pp. 72-93. In: S. Ranganna (ed). Manual of Analysis of Fruit
การเกิดสีแดงของเปลือกผลสังเกตเห็นไดอยางชัดเจนในระยะปลาย                                     and Vegetable. Productr Tata McGraw-Hill Publishing Co., Ltd, New Delhi.
                                                                                        Rudell D. R., J. K. Fellman and J. P. Mattheis. 2005. Preharvest application of methyl jasmonate to
ของการเจริญของผลจนกระทั่งผลเจริญเต็มที่ ผลที่ไดรับสาร                                        “Fuji” apples enhances red coloration and affects fruit size, spliting and bitter pit incidence.
เมทิลจัสโมเนท 15 และ 10 มิลลิโมลาร มีเปอรเซ็นตการเกิดพื้นที่                               HortScience 40: 1760-1762.
                                                                                        Saniewski M., A. Miszczak, L. Kawa-Miszczak, E. Wegrzynowicz-Lesiak, K. Miyamoto and J. Ueda. 1997.
สีแดงและคา a* สูงกวาทุกชุดการทดลอง ซึงสอดคลองกับรายงาน
                                             ่                                                Effects of methyl jasmonate on anthocyanin accumulation, ethylene production and CO2
การศึกษาในพืชบางชนิด เชน แอปเปลพันธุฟูจิ ซึ่งพบวาการให                                   evolution in uncooled and cooled tulip bulbs. Journal of Plant Growth Regulation 17: 33-37.
                                                                                        Saks Y., P.J. Hofman and G.F. Meiburg. 1999. Potential for improvement of mango skin colour during
เมทิลจัสโมเนท สามารถสงเสริมใหเกิดสีแดงทีเ่ ปลือกผลไดดยงขึน    ี ่ิ ้                       storage. Acta Horticultuae 485: 325-329.
(Rudell et al. 2005) สอดคลองกับปริมาณแอนโทไซยานินทังหมด       ้                        Saure M.C.1990. External control of anthocyanin formation in apple. Scientia Horticulturae 42(3):
                                                                                              181-218. Singleton, V.L.And J.A. Rossi. 1965. Colorimetry of total phenolics with phosphomolybdic
ที่เพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลที่ไดรับเมทิลจัสโมเนท                           -phosphotungstic acid reagents. American Journal Enology and Viticulture 16: 144-157.
15 มิลลิโมลาร มีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดสูงกวาทุกชุดการ                              Zhang F.S., X.Q. Wang, S.J. Ma, S.F. Cao, N. Li, X.X. Wang and Y.H. Zheng. 2006. Effects of methyl
                                                                                              jasmonate on postharvest decay in strawberry fruit and the possible mechanisms involved.
ทดลอง ซึงผลการศึกษาใหผลเชนเดียวกับการศึกษาของ Saniewski
            ่                                                                                 Acta Horticulturae 712: 693-698.
4 §Ò¹ÇԨѢͧÈٹÏ

             §Ò¹ÇԨѢͧÈٹÏ
    ผลของรูปแบบของสาร 1-methylcyclopropene (1-MCP)
    ตออายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถาง
    Effects of 1-Methylcyclopropene (1-MCP) Forms on the
    Display Life of Potted Impatiens (Impatiens walleriana)
    ชัยรัตน บูรณะ1, 2, วาริช ศรีละออง1 และ เคนจิ ยามาเนะ2
     1
       สายวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกียว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี /
                                     ่
       ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกียว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี กรุงเทพฯ 10140
                                           ่
     2
       คณะเกษตร มหาวิทยาลัยอุซโนมิยะ อุซโนมิยะชิ โทชิหงิ 321-8505
                                 ึ           ึ

                                 º·¤Ñ´Â‹Í
            งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาผลของ 1-Methylcyclopropene (1-MCP) และ EB sachet ตอการหลุดรวงของดอกและ
    อายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถาง (Impatiens walleriana) โดยใชเทียนฝรั่งกระถาง 3 สายพันธุไดแก ‘Rouge’ ‘Purple stripe’
    และ ‘Peach’ รมดวย 1-MCP ปริมาณความเขมขน 0.1 0.5 และ 1 µL·L-1 พบวาเทียนฝรั่งสายพันธุ ‘Rouge’ และ ‘Purple stripe’
    ที่รมดวย 1-MCP ปริมาณความเขมขน 1 µL·L-1 มีอายุของดอกนานกวาชุดควบคุม โดยมีอายุการบานนาน 4.7 และ 3.9 วัน
    ตามลำดับ ซึ่งการรม 1-MCP ปริมาณความเขมขน 1 µL·L-1 สามารถยืดอายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถางสายพันธุ ‘Rouge’
    ‘Purple stripe’ และ ‘Peach’ ไดอยางมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยมีอายุการใชงานมากกวาชุดควบคุม 6.6 , 6.8 และ 6 วันตามลำดับ
    สำหรับการใช 1-MCP ในรูปของ EB sachet เพียงอยางเดียวและ EB sachet รวมกับเอทิลีนจากภายนอกไดศึกษาในเทียนฝรั่ง
    กระถางสายพันธุ ‘Purple stripe’ พบวาสามารถยืดอายุการบานของดอกเปน 6.7 และ 7 วัน อีกทั้งยังสามารถมีอายุการใชงานของ
    เทียนฝรั่งกระถางสายพันธุ ‘Purple stripe’ มากกวาชุดควบคุมถึง 10 และ 12.4 วัน ตามลำดับ
    คำสำคัญ เทียนฝรั่ง, 1-Methylcyclopropene (1-MCP), EthylBloc® (EB) sachet, อายุการใชงาน

                                                                               ผลของสายพันธุและระยะการเจริญ
                                                                               เติบโตตอแอนโทไซยานินของผลหมอน
                                                                               Effects of Cultivar and Growth of
                                                                               Mulberry Fruit on Anthocyanins Content
                                                                               มนตวดี หุนเจริญ1 และศศิธร ตรงจิตภักดี1,2
                                                                               1
                                                                                 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร
                                                                                 คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
                                                                               2
                                                                                 ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร

                                                                                                         º·¤Ñ´Â‹Í
        งานวิจัยนี้ศึกษาผลของสายพันธุและระยะการเจริญเติบโตตอแอนโทไซยานินของผลหมอน 3 สายพันธุ (สายพันธุกำแพงแสน-
เอ็มบี-42-1 เชียงใหม และบุรีรัมย 60) ซึ่งแตละสายพันธุแบงออกเปน 4 ระยะการเจริญเติบโต คือ ผลออน (ระยะการเจริญเติบโตที่ 1)
ผลกึ่งสุก (ระยะการเจริญเติบโตที่ 2) ผลสุก (ระยะการเจริญเติบโตที่ 3) และผลสุกเต็มที่ (ระยะการเจริญเติบโตที่ 4) โดยศึกษาปริมาณ
แอนโทไซยานินทั้งหมดดวยวิธี pH-differential และตรวจสอบแอนโทไซยานินชนิดหลักโดยเทคนิค High Performance Liquid
Chromatography (HPLC) จากผลการทดลองพบวาปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดของผลหมอนขึ้นกับสายพันธุและระยะการเจริญ
เติบโต โดยมีปริมาณตั้งแต 3 ถึง 1,844 มิลลิกรัมไซยานิดิน-3-กลูโคไซดในตัวอยาง 100 กรัมน้ำหนักแหง โดยเมื่อผลหมอนเจริญเติบโต
มากขึ้นจะมีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดเพิ่มมากขึ้น ผลสุกเต็มที่ของสายพันธุกำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 มีปริมาณแอนโทไซยานิน
ทั้งหมดมากกวาบุรีรัมย 60 และเชียงใหม ตามลำดับ (p < 0.05) เมื่อตรวจสอบโดย HPLC พบวาแอนโทไซยานินชนิดหลักในผลหมอน
ทั้ง 3 สายพันธุ คือไซยานิดิน-3-กลูโคไซด และไซยานิดิน-3-รูทิโนไซด โดยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเมื่อผลหมอนมีการเจริญเติบโตมากขึ้น
ผลหมอนสายพันธุกำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 ในระยะสุกเต็มที่มีปริมาณไซยานิดิน-3-กลูโคไซดมากที่สุด (p < 0.05) ในขณะที่สายพันธุ
กำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 และบุรีรัมย 60 มีปริมาณไซยานิดิน-3-รูทิโนไซดมากที่สุด (p < 0.05)
คำสำคัญ สายพันธุ, ระยะการเจริญเติบโต, แอนโทไซยานิน
¹Ò¹ÒÊÒÃÐ
                                                                                                                                                                  5

               ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ
       โรคภายหลังการเก็บเกี่ยวของผัก
       ผลไม และการจัดการ
       สมศิริ แสงโชติ
       ภาควิชาโรคพืช คณะเกษตร
       มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร กทม 10900
       โทร. 025790113 ตอ 1294
       E-mail: agrsrs@ku.ac.th

         ความสู ญ เสี ย ของผั ก และผลไม ห ลั ง การ      ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการเขาทำลายของเชื้อ        2. อุณหภูมิ
เก็บเกี่ยว เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย โดยเฉพาะใน              - ปจจัยกอนเก็บเกียว เชน สภาพภูมอากาศ
                                                                               ่              ิ               อุณหภูมิมีผลทั้งตอเชื้อและผลิตผลโดยทั่วไป
เขตรอนเปนปญหาใหญที่เกี่ยวของกับการตลาด                   ธาตุอาหาร และการเขตกรรม                     อุณหภูมทดทสดสำหรับการเก็บรักษา คือ อุณหภูมิ
                                                                                                                     ิ ่ี ี ่ี ุ
ของผลิตผลเหลานี้ โดยที่มีจุลินทรียหลายชนิด                - ปจจัยหลังการเก็บเกี่ยว ไดแก              ต่ำสุดที่ไมกอใหเกิดความเสียหายกับผลผลิตผัก
ทีเ่ กียวของ ซึง Eckert (1977) และ Snowdon (1990)
       ่        ่                                                                                         และผลไมในเขตรอน ไมควรเก็บรักษาไวทอณหภูมิ
                                                                                                                                                   ่ี ุ
ไดรายงานไว โดยจุลินทรียเหลานี้เมื่อเขาทำลาย         1. ผลิตผล                                        ต่ำกวา 13-14ºซ เพราะกอใหเกิดความเสียหาย
ผลิตผล กอใหเกิดความเสียหาย ในระหวางขนสง                   การปราศจากเขาทำลายของเชื้อเปนคุณภาพ       จากความเย็นหรือ chilling injury ไดงาย เชือทีเ่ ปน
                                                                                                                                                       ้
เก็บรักษา วางตลาด และผูบริโภค การทีจะลด
                                            ่           ของผลิตผลที่เปนที่ตองการ ของตลาด เพราะผลที่    สาเหตุของโรคกับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยวเจริญ
ความเสียหาย เนื่องจากโรคเหลานี้ จึงตองมีการ            เปนโรคกอใหเกิดการแพรกระจายของเชื้อ การเขา   ไดดีที่อุณหภูมิ 24-26ºซ และอุณหภูมิต่ำสุดที่เชื้อ
ศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับโรคและเชื้อจุลินทรีย          ทำลายของเชื้อในผลิตผลตางๆมีสวนเกี่ยวของกับ    จะเจริญไดอาจต่ำถึง -4ºซ หรือเชือบางชนิดก็ได
                                                                                                                                             ้
ที่เกี่ยวของใหเขาใจรวมทั้งใชการควบคุมอยาง           พันธุของผลิตผลนั้น เชน ทุเรียนหมอนทอง มีความ   เพียง 10 ºซ (Sommer,1985) ยิ่งไปกวานั้นความ
ถูกวิธี                                                  ออนแอตอเชื้อรา Phytophthora palmivora เมื่อ    แตกตางของอุณหภูมิ มีผลในการเก็บรักษาผลิตผล
                                                         ตองการสงผลทุเรียนหมอนทองไปขายตางประเทศ        ระยะยาวเชน ผลทอที่ปลูกเชื้อดวยเชื้อรา Botrytis
ลักษณะการเขาทำลายของเชื้อ                               จึงตองมีการควบคุมโรค ที่เกิดจากเชื้อราดังกลาว  cinerea แผลที่เจริญที่ 2.5ºซ มีขนาดเพิ่มขึ้นมาก
1. การเขาทำลายกอนเก็บเกี่ยว                            ใหดีที่สุด (Pongpisutta and Sangchote, 1994)    กวา 30 % ของแผลที่ -0.5ºซ (Sommer, 1985)
       เชื้อจุลินทรียในกลุมนี้ที่เกี่ยวของกับผลิตผล   หรือการปฏิบัติในการควบคุมโรคแอนแทรคโนส
มีความสามารถในการเขาทำลายผลิตผลไดโดยตรง                ของผลมะมวง ซึ่งตองการการควบคุมโรคในแปลง 3. ความชื้นสัมพัทธ
และเขาทำลายสวนอืนๆ ของพืชดวย ทำใหสวนที่
                       ่                                ปลูกอยางดีตั้งแตในแปลงปลูกเพื่อใหแนใจวามี      ความชืนสัมพัทธในสภาพแวดลอมชวยปองกัน
                                                                                                                    ้
เปนโรคเหลานัน เปนแหลงของเชือซึงจะแพรโดย
                 ้                       ้ ่             เชือรา Colletotrichum gloeosporioides เขาทำลาย การสูญเสียน้ำในขณะเดียวกันก็มีผลตอเชื้อเชนกัน
                                                            ้
ลม ฝน หรือ แมลงไปยังสวนผลิตผล และเกิดการ                แฝงมากับผลนอยที่สุด                            แครอทที่สูญเสียน้ำมากกวา 8 % ออนแอตอการ
เขาทำลาย แตอาการของโรคไมปรากฏในไรในสวน                                                               เขาทำลายของเชื้อรา Rhizopus stolonifer และ
ในขณะที่ผลิตผลยังอยูบนตน เนื่องจากเชื้อเขา                                                            Botrytis cinerea (Goodliffe and Heale, 1977)
ทำลายแบบแฝงอยู อาการจะปรากฏใหเห็นภายหลัง                                                               หอมหัวใหญตองเก็บที่ความชื้นต่ำกวา 70 % เพื่อ
ที่ผลิตผลเหลานั้นไดถูกเก็บเกี่ยวและบมใหสุก                                                           ลดการเนาเสียที่เกิดจากเชื้อรา Botrytis allii
เชื้อในกลุมนี้ เชน Colletotrichum, Lasiodiplodia,                                                      หลังจากทำใหแหงแลวหลังจากนั้นนำไปเก็บไวที่
Dothiorella และ Phytophthora                                                                             0-2°ซ (Sommer, 1985)
2. การเขาทำลายขณะหรือหลังการเก็บเกี่ยว                                                                   4. การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการบรรจุ
      โดยปกติ สวนขยายพันธุของเชื้อในกลุมที่                                                                 หีบหอ
เขาทำลายขณะหรือหลังการเก็บเกี่ยวนี้ เชน สปอร                                                                ผลิ ต ผลที ่ ค ุ ณ ภาพดี ค วรเป น ผลิ ต ผลที ่
หรือสวนขยายพันธุอื่นๆ พบปนเปอนอยูที่สวนผิว                                                          เก็ บ เกี ่ ย วในระยะที ่ ม ี ค วามสุ ก แก พ อดี ผ ลิ ต ผล
ของผลิตผล หรือในระหวางการขนยายหรือการ                   เชื้อราสาเหตุโรคแอนแทรคโนสที่ปรากฏบนใบ          เหลานี้ควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสมไมถูกแสง
ปฏิบัติอื่นๆ     โดยสวนของเชื้อเหลานี้พบอยูใน                                                          อาทิตย ฝน ลม หรือสภาพอื่นๆ ที่กอใหเกิดการ
บรรยากาศของโรงบรรจุหีบหอ น้ำที่ใชในการลาง                                                              เสียหาย และปนเปอนของจุลินทรีย ผลพริกมีอัตรา
หรือลดอุณหภูมิผลิตผล ภาชนะที่ใชในการขนยาย                                                               การหายใจสูง เมือบรรจุในเขงไมไผจะมีทอเปนชอง
                                                                                                                             ่                           
ผลิตผล เปนตน เชื้อจุลินทรียในกลุมนี้มีความ                                                            ระบายความรอนตรงกลาง การปฏิบัตินี้ชวยยืด
สามารถในการทำใหเกิดโรคต่ำและไมสามารถเขา                                                                อายุของผลผลิตและขณะเดียวกันก็ลดการเกิดของ
ทำลายผลิตผลไดโดยตรง การเขาทำลายตองอาศัย                                                                โรคแอนแทรคโนสของพริก
แผลหรือชองเปดธรรมชาติ       โดยที่เชื้อในกลุมนี้                                                            การใหน้ำกับชวงเวลาการเก็บเกี่ยวมีผลกับ
สวนใหญมีอัตราการเจริญ และแพรกระจายที่                                                                  การเกิดโรคเชนเดียวกับในกรณีของหอมหัวใหญ
รวดเร็วทำใหผลิตผลที่ถูกเชื้อเขาทำลายเกิดการ
เนาเสีย ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเชื้อในกลุมนี้
เชน Aspergillus, Rhizopus, Alternaria เปนตน                 ผลมะมวงที่เปนโรคแอนแทรคโนส                                                      Í‹Ò¹µ‹Í˹ŒÒ 6
6 ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ

                 ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ
โรคของหอมหัวใหญก็มีอาการ neck rot (Botrytis                   อยางไรก็ดีการใชน้ำรอนไมมีสารตกคางที่ใหผล              5. การใชสารเคมี
spp.) black rot (Aspergillus spp.) basal rot                   ในการปองกันการเขาทำลายที่จะเกิดขึ้นใหมและ                      สารเคมีประมาณ 20 ชนิดไดมีการใชในระยะ
(Fusarium sp.) และโรคเนาที่เกิดจากแบคทีเรีย                   อาจกอใหเกิดเสียหายจากความรอนได โดยทำให                 30 กวาปที่ผานมากับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว
ในขณะเก็บรักษาเพิ่มขึ้น และการเขาทำลายของ                     การเปลี่ยนสีของผลผิดปกติ ลดอายุการเก็บรักษา                 ซึ่งสารเหลานี้จะใชไดดีหรือไมขึ้นอยูกับความไว
เชื้อในขณะเก็บรักษาจะสูงสุดเมื่อเก็บเกี่ยวหอม                  และอ อ นแอต อ การเข า ทำลายของจุ ล ิ น ทรี ย  อ ื ่ น   ของเชื้อตอสารเคมี ความสามารถในการซึมลงไป
เมื่ออายุ 110 วัน (ยอดเหี่ยว 25 %) แตถาเก็บเมื่อ             (Edney and Burchill, 1967).                                 ในผิวของสารเคมีลงไปกำจัดเชื้อ นอกจากนี้สาร
อายุ 120 วันหลังจากยายปลูก (ยอดเหี่ยว 50 %)                                                                               เหลานี้ตองไมทำใหเกิดความเสียหายกับผลิตผล
ทำใหการเนาเสียลดลงอยางมาก นอกจากนี้ จากการ                                                                              และมีพิษตกคาง ไมเกินกำหนดระหวางประเทศ
ศึกษาการสมานแผล (curing) ในแปลงปลูกใน                                                                                      (Eckert and Ogawa, 1985) สารเคมี fosetyl-Al
สภาพที ่ ม ี ค วามชื ้ น ต า งๆกั น ของหอมหั ว ใหญ                                                                       ที่อัตราความเขมขน 2000 ppm สามารถควบคุม
ระหวางการขนสงแบบจำลอง พบวา การ curing                                                                                   โรคเนาของผลทุเรียนทีเ่ กิดจากเชือรา P. palmivora
                                                                                                                                                            ้
ในสภาพที่แหงในแปลงปลูกเมื่อเก็บเขาหองเย็น                                                                               ไดโดยการจุมผลเพียง 2 นาที (Pongpisutta and
เพือการขนสง การเนาเสียมีระดับต่ำกวาการ curing
    ่                                                                                                                      Sangchote, 1994)
ที่อุณหภูมิหองและสภาพที่ชื้น
                                                                                                                           6. การใชวิธีการทางชีววิธี
แนวทางในการควบคุ ม โรคภายหลั ง การ                                                                                               วิธีการนี้ไดถูกนำมาใชเพื่อทดแทนการใชสาร
เก็บเกี่ยว                                                                                                                 เคมีทมอนตรายตอผูบริโภคโดยการใชจลนทรียอนๆ
                                                                                                                                   ่ี ี ั                          ุ ิ    ่ื
การปองกัน                                                     2. การใชอุณหภูมิต่ำ                                        ที่มีคุณสมบัติเปนปฏิปกษกับเชื้อสาเหตุ ซึ่งในการ
      การลดแหล ง ของเชื ้ อ ทั ้ ง ในไร แ ละหลั ง การ              การใชอุณหภูมิต่ำเปนวิธีการที่มีประสิทธิภาพ          ใชกับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว นิยมใชจุลินทรียที่
เก็บเกี่ยวเปนวิธีการในการปองกันผลิตผลจากเชื้อ                และใชมากที่สุดในการยืดอายุการเก็บรักษาและ                  เจริญเร็วทำใหเกิดการแยงอาหารจากเชื้อสาเหตุ
ตาง ๆ เนื่องจากเชื้อหลายชนิดเขาทำลายผลิตผล                   ลดการเนาเสีย อุณหภูมตำทำใหการสุกของผลิตผล
                                                                                           ิ ่                             ทำใหเชื้อสาเหตุไมเจริญหรือเจริญไดนอย แตการ
เริ่มตนตั้งแตในแปลงเชน โรคแอนแทรคโนสของ                     ชาลง ทำใหความตานทานของผลิตผลคงอยู                       ใชในประเทศไทยกับผลิตผลยังอยูในระยะเริ่มตน
พืชตางๆ โรค gray mold rot ของ สตรอเบอรี่ที่เกิด               นอกจากนี้การเจริญและการเขาทำลายของเชื้อ                    เทานั้น เชื้อยีสต Candida tropicalis สามารถชวย
จากเชื้อรา Botrytis cinerea หรือโรคผลเนาที่เกิด               จุลินทรียตางๆ จะหยุดหรือชาลงที่อุณหภูมิต่ำใกล           ลดการเกิดอาการผลเนาของมะมวงเนืองจากเชือรา
                                                                                                                                                                  ่        ้
จากเชือรา Phytophthora palmivora ของผลทุเรียน
        ้                                                      0˚ซ เชน เชื้อรา Lasiodiplodia theobromae และ               Lasiodiplodia theobromae ไดดี (Sangchote,1995)
การกำจัดแหลงของเชื้อโดยการตัดแตงสวนที่เปน                  Ceratocystis fimbriata โดยที่ผลไมในเขตรอน
โรคและฉีดพนในแปลงเพื่อลดการเกิดของเชื้อที่จะ                  ไมสามารถเก็บไดที่อุณหภูมิต่ำมากเนื่องจากเกิด การลดการแพรกระจายของเชื้อจากผลิตผลที่
เข า ทำลายผลิ ต ผล การฉี ด พ น ผลทุ เ รี ย นด ว ย           chilling injury จึงตองหาจุดที่เหมาะสมในการเก็บ เปนโรค
fosetyl-Al ชวยลดการเขาทำลายของเชือ P. palmivora
                                        ้                      รักษาที่ไมมีผลเสียตอผลิตผล                              โดยที่ผลิตผลเมื่อบรรจุหีบหอเรียบรอยเมื่อถึง
ที่จะเกิดขึ้นกับผลทุเรียนหลังการเก็บเกี่ยว                                                                          ปลายทางอาจจะมีผลิตผลบางสวนที่แสดงอาการ
                                                               3. การใชรังสี                                       ของโรคและมีเชือทีเ่ จริญอยู ซึงสามารถแพรกระจาย
                                                                                                                                    ้              ่
                                                                     การใชการฉายรังสีเปนวิธีการหนึ่งที่สามารถ ไปยังผลอื่น ๆ ได ทำใหเกิดการเนาเสียทั้งภาชนะ
                                                               ควบคุมการเนาเสียได แตการใชรังสีแกมมาใน บรรจุ การลดความเสียหาย ณ จุดนี้สามารถทำได
                                                               การฉายรังสีใหผลิตผลในอัตราที่สูงก็กอใหเกิด โดยการบรรจุเปนภาชนะเล็กๆ (consumer package)
                                                               ความเสียหายกับเนื้อเยื่อได สตรอเบอรี่เปนผลไมที่ แลวบรรจุลงในภาชนะบรรจุใหญ เมือเกิดการเนาเสีย
                                                                                                                                                       ่
                                                               มีความทนตอรังสีไดดีทำใหสามารถกำจัดการเขา ก็เนาเสียเพียงสวนเดียวหรือการหอแยกผลดวย
                                                               ทำลายทีจะกอใหเกิดการเนาเสียได (Heather, 1986) กระดาษที่เคลือบสารเคมีก็ชวยลดการแพรกระจาย
                                                                         ่
                                                               ฉะนั้นการใชรังสีจึงขึ้นอยูกับชนิดของผลิตผลและ ของเชื้อได เชน การหอผลสมดวยกระดาษที่เคลือบ
                                                               ความไวของเชื้อตอรังสีรวมทั้งคาใชจายตองไมสูง ดวยสาร biphenyl เมื่อมีผลที่เปนโรคที่เกิดจาก
                                                               กวาวิธีการอื่นที่มีอยูดวย (Kader, 1982)           เชื้อรา Penicillium spp. ไอของสารนี้ที่เคลือบอยู
                  Gray mold rot                                                                                     กับกระดาษชวยยับยั้งการสรางสปอรของเชื้อทำให
                                                               4. การใชการดัดแปลงบรรยากาศ                          ไมเกิดการแพรในภาชนะบรรจุ จึงเกิดการเนาเสีย
การกำจัดหรือลดการเกิดโรค                                             การเก็บรักษาผลิตผลโดยวิธีการนี้ ชวยยืดอายุ เฉพาะผลที่เปนโรคเทานั้น
1. การใชน้ำรอนและไอน้ำรอน                                   การเก็บรักษาไดดีโดยทั่วๆไป การเก็บโดยวิธีการ
     การใช ค วามร อ นเป น วิ ธ ี ก ารหนึ ่ ง ที ่ น ำมา     รักษานีจะพยายามทำใหระดับของออกซิเจนต่ำกวา
                                                                       ้
ทดแทนสารเคมี เนื่องจากสารเคมีมีพิษตอมนุษย                    ระดับปกติ (21%) และคารบอนไดออกไซด สูงกวา
การใชความรอนนอกจากมีผลยับยั้งการเจริญของ                     ระดับปกติ (0.03%) ของบรรยากาศ การใชการ
เชือยังกระตุนความตานทานดวย การจุมผลมะมวง
   ้                                                         ดัดแปลงบรรยากาศ ทำใหความตานทานของ
ในน้ำรอนที่ 55˚ซ เปนเวลา 5 นาที (Sangchote,                  ผลิ ต ผลคงอยู  น านขึ ้ น และลดการเจริ ญ ของเชื ้ อ
1989) สามารถควบคุมโรคแอนแทรคโนสของ                             (El-Goorani and Sommer, 1981) Geeson และ
มะมวงไดดี เชือรา Colletotrichum gloeosporioides
               ้                                               Browne (1980) พบวาการเก็บกระหล่ำปลีในสภาพ
และเชือรา Phytophthora palmivora ของผลมะละกอ
       ้                                                       ทีมคารบอนใดออกไซด 5-6 % และออกซิเจน 3 %
                                                                 ่ ี
สามารถควบคุ ม ได ด ี โ ดยใช น ้ ำ ร อ นที ่ อ ุ ณ หภู ม ิ   ชวยลดการเกิดและความรุนแรงของ Botrytis
45-55˚ซ เปนเวลา 10-20 นาที (Couey et al., 1984)               cinerea เมื่อใชรวมกับสารเคมี
¢‹ÒÇÊÒÃà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ
                                                                                                                                         7

                                                              ¢‹ÒÇÊÒÃ
เอกสารอางอิง
Couey, H.M.; Alvarez, A.M.; Nelson, M.G. 1984.
    Comparison of hot water spray and immersion
                                                       กรมวิชาการเกษตร จับเอกชนใชเทคโนโลยี
    treatments for control of postharvest decay of
    papaya. Plant Dis. 68: 436-437.
                                                       ยืดอายุมังคุด
Eckert, J.W. 1977. Control of postharvest
    diseases. In. Antifungal Compounds Vol. 1.               เมือวันที่ 10 มกราคม 54 นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
                                                                ่
    Siegal, M.R. and Sister, H.D. (eds.). Marcel       เปดเผยวาที่ผานมา มังคุดเปนผลไมชนิดหนึ่งของไทยที่มีศักยภาพการผลิต
    Dekker, Inc., New York. pp. 299-352.               และสงออกสูง โดยเฉพาะในป 2552 มีการสงออกทั้งสิ้น 117,987 ตัน
Eckert, J.W. and Ogawa, J.M. 1985. The chemical
    control of postharvest diseases: Subtropical       คิดเปนมูลคากวา 1,879.1 ลานบาท และตังแตเดือนมกราคม-ตุลาคม 2553
                                                                                                    ้
    and tropical fruits. Ann. Rev. Phytopathol. 23:    สงออกแลวประมาณ 115,996 ตัน มูลคากวา 1,877.2 ลานบาท ตลาดหลัก
    421-454.                                           ทีสงออก คือ ฮองกง ไตหวัน จีน และญีปน แตทผานมา ผลผลิตมังคุดของไทย
                                                          ่                                 ่ ุ         ่ี 
Edney, K.L. and Burchill, R.T. 1967. The use of
    heat to control the rotting of Cox’s Orange        มีประมาณ 20-30% เทานั้น ที่เปนมังคุดเกรดเอและสงออกทางเรือไปยัง
    Pippin apples by Gloeosporium spp. Ann.            ประเทศทีอยูใกลๆ ได
                                                                    ่ 
    Appl. Biol. 59: 389-400                                  ดังนันกรมวิชาการเกษตรเรงวิจยและพัฒนาเทคโนโลยีการยืดอายุการเก็บ
                                                                  ้                      ั
El-Goorani, M.A. and Sommer, N.F. 1981. Effects
    of modified atmospheres on postharvest              รักษามังคุดผลสดเพือการขนสงทางเรือ เพือชวยลดตนทุนคาขนสงทางอากาศ
                                                                             ่                    ่
    pathogens of fruits and vetgetables. Hortic.       ใหแกผูประกอบการตอไปสามารถสงออกมังคุดผลสดทางเรือ ไปยังตลาด
    Rev. 3: 412-461.                                   กลุมสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงออสเตรเลีย และนิวซีแลนด
                                                           
Geeson, J.D. and Browne, K.M. 1980. Controlled
    atmosphere storage of winter white cabbage.        ดวย ซึ่งจะชวยใหสินคามังคุดของไทยอยูบนชั้นวางจำหนายไดนานขึ้น และ
    Ann. Appl. Biol. 95:267-273.                       มีโอกาสทางทางการตลาดเพิมสูงขึนดวย รวมทังยังสามารถแขงขันกับคูแขง
                                                                                     ่     ้                  ้              
Goodliffe, J.P. and Heale, J.B. 1977. Factors          สำคัญอยางอินโดนีเซียได
    affecting the resistance of cold-stored to
    Botrytis cinerea. Ann. Appl. Biol. 87: 17-28.            โดยกรมวิชาการเกษตรไดรวมกับภาคเอกชนในการพัฒนาวัสดุหอหุม
Heather, N.W. 1986. Irradiation of fruit and           มังคุดผลสดทีเ่ หมาะสมสำหรับการขนสงทางเรือ โดยเฉพาะการใชบรรจุภณฑ      ั
    vegetables. Queensland. Agric. J. 112: 85-87.      พลาสติก LDPE (Low Density Polyethylene) หรือทีเ่ รียกวา ถุงเย็น มาบรรจุ
Kader, A.A. 1982. Application of food irradiation:
    Fruits and vegetables. In. Food irradiation        มังคุดผลสดสงออก ซึงบรรจุภณฑดงกลาวมีลกษณะเปนพลาสติกใส นิมและ
                                                                               ่       ั ั              ั                  ่
    update short course, University of California,     มัน สามารถยืดตัวไดดี ทังยังกันความชืนไดดพอสมควร แตจะปลอยใหไขมัน
                                                                                 ้            ้       ี
    Davis. January. pp. 25-28.                         และอากาศซึมผานหรือถายเทไดงายขึ้น
Pongpisutta, R. and Sangchote, S. 1994.
    Phytophthora fruit rot of durian (Durio                  อยางไรก็ตามอธิบดีกรมวิชาการเกษตรระบุวา แมจะใชเทคโนโลยีดงกลาว
                                                                                                                        ั
    zibethinus L.). In. Postharvest handling of        แตยังตองอาศัยเทคนิคการจัดการหลังเก็บเกี่ยวเขามาใชรวมดวย         อาทิ
    tropical fruits: proceedings of an international   การใชเอคทีฟฟลมและการใชเคลือบผิวผลไมมาใชในการยืดอายุการเก็บ
    conference held at Chiang Mai, Thailand,
    19-23 July 1993. Champ, B.R., Highley, E.          รักษาคุณภาพ ซึ่งนับวามีประสิทธิภาพอยูในเกณฑสูง สามารถยืดอายุการ
    and Johnson, G.I. (eds.). ACIAR Proceedings        เก็บรักษามังคุดผลสดใหยาวนานขึ้นได
    No. 50 pp. 460-461.
Sangchote, S. 1989. Effect of postharvest              ไมนอยกวา 49 วัน ซึ่งขณะนี้มี
    treatments on anthracnose (Colletotrichum          ผูประกอบการหลายบริษัทสนใจ
    gloeosporioides Penz.) and stem end rot            ที่จะใชบรรจุภัณฑพลาสติก
    (Dothiarella dominicana Pet.et Cif) of
    mangoes stored in air and modified                  แอลดีพีอี เพื่อการสงออกมังคุด
    atmosphere. Asean Food J.4(4): 142-144.            ผลสดไปตางประเทศแลว
Sangchote, S. 1995. Control of stem end rot
    (Lasiodiplodia theobromae (Pat.) Griff. & Maubt)
    of mango with yeasts. Poster presented at
    11th Australasian Plant Pathology Conference,
    Lincoln University, New Zealand.
Snowdon, A. 1990. A color atlas of post-harvest
    diseases and disorders of fruits and vegetables,
    Volume 1. Fruits and general introduction.
    Wolf Scientific.
Sommer, N.F. 1985. Role of controlled environments     ที่มา : หนังสือพิมพคม ชัด ลึก วันที่ 10 มกราคม 2554
    in suppression of postharvest diseases. Can.       http://www.komchadluek.net/detail/20110110/85168/กรมวิชาการเกษตรจับเอกชน
    J. Plant Pathol. 7: 331-339.                       ใชเทคโนโลยียืดอายุมังคุด.html
8 ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸


                ¡Ô¨¡ÃÃÁà´‹¹




                                                                                                   ¼ÙŒÍӹǡÒÃÈÙ¹ÂÏ :
                                                                                               ÃÈ.´Ã. ÇÔàªÕÂà àΧÊÇÑÊ´Ô์

                                                                                                   ¤³ÐºÃóҸԡÒà :
                                                                                               ÃÈ.´Ã.ÊØªÒµÔ ¨ÔþÃà¨ÃÔÞ
                                                                                               ÃÈ.´Ã. ´¹Ñ ºØ³Âà¡ÕÂõÔ
                                                                                               ÃÈ.ÈØÀÈÑ¡´Ô์ ÅÔÁ»µÔ
                        สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม
                                                                                               ¼È.´Ã.ÍØÉÒÇ´Õ ª¹Êص
                 ไดจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ระบบมาตรฐาน HACCP และสุขอนามัย
                                                                                               ¹Ò§¨Ø±Ò¹Ñ¹· äªÂàÃ×ͧÈÃÕ
                 สวนบุคคล (Personal hygiene)" ขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 - 1
                 กุมภาพันธ 2554
                                                                                                   ¼ÙŒª‹ÇºÃóҸԡÒà :
                                                                                               ¹Òºѳ±Ôµ ªØÁÀÙÅÑÂ
                ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸                                                              ¹Ò§ÊÒÇ»ÂÀó ¨Ñ¹¨ÃÁҹԵ
                                                                                               ¹Ò§ÊÒÇÊÒÃÔ³Õ »ÃÐÊҷࢵµ¡Ã³
                                                                                               ¹Ò§ÅÐÍͧ´ÒÇ ÇÒ¹ÔªÊØ¢ÊÁºÑµÔ
                1. ขอเชิญเขารวมการฝกอบรม "โรคของเมล็ดพันธุในพืชอุตสาหกรรม (seed
                   pathology for industrial crops)" ครั้งที่ 1 ระหวางวันที่ 29-30 มีนาคม
                   2554 และครั้งที่ 2 วันที่ 10-11 พฤษภาคม 2554 ณ ภาควิชาโรคพืช                    ½†Ò¨Ѵ¾ÔÁ¾
                   คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร วิทยาเขตกำแพงแสน                    ¹Ò§ÊÒǨÔÃÐÀÒ ÁËÒÇѹ
                   รายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามไดที่โทรศัพท 034-218084 ตอ 133
                                                                                                   Êӹѡ§Ò¹ºÃóҸԡÒÃ
                2. ขอเชิญเขารวม "การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว แหงชาติ          PHT Newsletter
                   ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Postharvest Technology)"             Èٹ¹Çѵ¡ÃÃÁà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡ÕÂÇ
                                                                                                                                   ่
                   ระหวางวันที่ 23-24 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมพัทยาพารค บีช รีสอรท            ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂàªÕ§ãËÁ‹
                   จังหวัดชลบุรี ดูรายละเอียดเพิมเติมไดท่ี http://www.kmutt.ac.th/npht2011/
                                                ่                                              239 ¶.ËŒÇÂá¡ŒÇ µ.ÊØà·¾
                                                                                               Í.àÁ×ͧ àªÕ§ãËÁ‹ 50200
                                                                                               â·ÃÈѾ· +66(0)5394-1448
                                                                                               â·ÃÊÒÃ +66(0)5394-1447
                                                                                               e-mail : phtic@phtnet.org
                      9TH National conference on Postharvest Technology

                                        ÃÐËÇ‹Ò§Çѹ·Õ่ 23-24 ÁԶعÒ¹ 2554
                                        ³ âçáÃÁ¾Ñ·ÂÒ¾ÒϤ ºÕª ÃÕÊÍÏ· ¨Ñ§ËÇÑ´ªÅºØÃÕ
                                        ÃÒÂÅÐàÍÕ´à¾Ô่ÁàµÔÁ
                                        http://www.kmutt.ac.th/npht2011/

More Related Content

What's hot

นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4
นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4
นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4Chok Ke
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562Postharvest Technology Innovation Center
 
Chemistry Project Slides
Chemistry Project SlidesChemistry Project Slides
Chemistry Project Slidesmkulawat
 
Chemistry Project Slides
Chemistry Project SlidesChemistry Project Slides
Chemistry Project Slidesmkulawat
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562Postharvest Technology Innovation Center
 
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับ
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับ
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับSathit Seethaphon
 
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอม
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอมการวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอม
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอมKonica Minolta Sensing Thailand
 

What's hot (12)

นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4
นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4
นำเสนอวิทยานิพนธ์ค้อ4
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2562
 
Chemistry Project Slides
Chemistry Project SlidesChemistry Project Slides
Chemistry Project Slides
 
Chemistry Project Slides
Chemistry Project SlidesChemistry Project Slides
Chemistry Project Slides
 
Sensor industry delveopment
Sensor industry delveopmentSensor industry delveopment
Sensor industry delveopment
 
Project Presentation
Project  PresentationProject  Presentation
Project Presentation
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561
Postharvest Newsletter ปีที่ 17 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2561
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562
Postharvest Newsletter ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 เมษายน - มิถุนายน 2562
 
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับ
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับ
ได้รับการรับรองและมีงานวิจัยรองรับ
 
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอม
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอมการวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอม
การวัดสีสารให้กลิ่นและน้ำหอม
 
งานคอม
งานคอมงานคอม
งานคอม
 
Fruit veg
Fruit vegFruit veg
Fruit veg
 

Viewers also liked

Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554
Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554
Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558Postharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559
 Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559 Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559
Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559Postharvest Technology Innovation Center
 

Viewers also liked (7)

Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554
Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554
Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2554
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557
Postharvest Newsletter ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2557
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2556
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2558
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556
Postharvest Newsletter ปีที่ 12 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2556
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558
Postharvest Newsletter ปีที่ 14 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2558
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559
 Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559 Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559
Postharvest Newsletter ปีที่ 15 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2559
 

Similar to Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2554

Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553Postharvest Technology Innovation Center
 
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EMการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EMDr.Woravith Chansuvarn
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566Postharvest Technology Innovation Center
 
Anti Mouse Ink By Pantapong
Anti Mouse Ink By PantapongAnti Mouse Ink By Pantapong
Anti Mouse Ink By Pantapongpantapong
 
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพด
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพดงานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพด
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพดKanitha Panya
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6Aungkana Na Na
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6Aungkana Na Na
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6Aungkana Na Na
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564Postharvest Technology Innovation Center
 
กนกวรรณ
กนกวรรณกนกวรรณ
กนกวรรณAui Bigy
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korTheyok Tanya
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553Postharvest Technology Innovation Center
 
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)ครูอ้อม ศศิธร
 
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPT
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPTการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPT
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPTJetsadakorn Luangmanee
 
โครงงานเพคติน Power Point
โครงงานเพคติน Power Pointโครงงานเพคติน Power Point
โครงงานเพคติน Power Pointampornchai
 
5.เครื่องสำอางใหม่
5.เครื่องสำอางใหม่5.เครื่องสำอางใหม่
5.เครื่องสำอางใหม่Prapakorn Srisawangwong
 
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)Nutthakorn Songkram
 

Similar to Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2554 (20)

Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2553
 
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EMการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM
การผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2566
 
Anti Mouse Ink By Pantapong
Anti Mouse Ink By PantapongAnti Mouse Ink By Pantapong
Anti Mouse Ink By Pantapong
 
Gap
GapGap
Gap
 
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพด
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพดงานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพด
งานวิจัยโยเกิร์ตข้าวโพด
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
 
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี 6
 
7.1 (1)
7.1 (1)7.1 (1)
7.1 (1)
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
Postharvest Newsletter ปีที่ 20 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2564
 
กนกวรรณ
กนกวรรณกนกวรรณ
กนกวรรณ
 
Projectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 korProjectm6 2-2554 kor
Projectm6 2-2554 kor
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553
Postharvest Newsletter ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2553
 
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
ทักษะจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล (2)
 
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPT
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPTการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPT
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้ต้านทานต่อโรคไหม้ PPT
 
โครงงานเพคติน Power Point
โครงงานเพคติน Power Pointโครงงานเพคติน Power Point
โครงงานเพคติน Power Point
 
5.เครื่องสำอางใหม่
5.เครื่องสำอางใหม่5.เครื่องสำอางใหม่
5.เครื่องสำอางใหม่
 
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)
3 ผลงานภารกิจปลดทุกข์ลุงสำราญ (กลุ่มจิรวงศ์)
 
หลักการใช้ยา ปี4
หลักการใช้ยา ปี4หลักการใช้ยา ปี4
หลักการใช้ยา ปี4
 

More from Postharvest Technology Innovation Center

Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566Postharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อนข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อนPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดPostharvest Technology Innovation Center
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566Postharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อยข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อยPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลีPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้า
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้าข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้า
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้าPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลีPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อนข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อนPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโดข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโดPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รีPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกร
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกรข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกร
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกรPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอPostharvest Technology Innovation Center
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับPostharvest Technology Innovation Center
 

More from Postharvest Technology Innovation Center (20)

Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม – กันยายน 2566
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อนข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลส้มเปลือกล่อน
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมันสำปะหลัง
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพด
 
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
Postharvest Newsletter ปีที่ 22 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม - กันยายน 2566
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อยข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวอ้อย
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวบรอกโคลี
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้า
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้าข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้า
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวคะน้า
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวมะเขือเทศ
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดขาวปลี
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อนข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อน
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดฝักอ่อน
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมใบ
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลี
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผักกาดหอมห่อ
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโดข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโด
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโด
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รีข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รี
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลสตรอว์เบอร์รี
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกร
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกรข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกร
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกร
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลมะละกอ
 
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับ
ข้อมูลการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวผลพลับ
 

Postharvest Newsletter ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม - มีนาคม 2554

  • 1. Èٹ¹Çѵ¡ÃÃÁà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ Postharvest Technology Innovation Center http://www.phtnet.org »‚·Õ่ 10 ©ºÑº·Õ่ 1 Á¡ÃÒ¤Á - ÁÕ¹Ò¤Á 2554 §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº ผลของเมทิลจัสโมเนทตอการพัฒนาสีแดงของ เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนก Effects of methyl jasmonate on red color development of Mahajanaka mango fruit exocarp อินทนนท ชันวิจิตร1, กานดา หวังชัย2 , กอบเกียรติ แสงนิล2 และจำนงค อุทัยบุตร2 1 สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว/ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม อ.เมือง จ.เชียงใหม 50200 2 Department of Biology, Faculty of Science, Chiang Mai University, Chiang Mai 50200 º·¤Ñ´Â‹Í สีแดงบนเปลือกเปนเอกลักษณของมะมวงพันธุมหาชนก แตในการผลิตมะมวง  พั น ธุ  น ี ้ ม ั ก ประสบป ญ หาเกี ่ ย วกั บ การพั ฒ นาสี แ ดงของเปลื อ กผลที ่ ไ ม ส ม่ ำ เสมอ การทดลองนี้จึงทำการศึกษาเพื่อกระตุนใหผลมะมวงมีการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล โดยใหสารเมทิลจัสโมเนทที่ความเขมขน 5, 10 และ 15 มิลลิโมลาร กับผลมะมวงที่มี อายุ 84 วันหลังดอกบาน เปรียบเทียบกับผลที่ไมไดรับสาร (ชุดควบคุม) แลวเก็บผล 㹩ºÑº มะมวงมาตรวจวัดผลทุก 7 วันจนผลมีอายุ 119 วันหลังดอกบาน ผลการทดลองแสดง ใหเห็นวาผลมะมวงที่ไดรับสารเมทิลจัสโมเนทมีการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล และมี §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº.................1-3 ปริมาณแอนโทไซยานินมากกวาชุดควบคุม โดยสารเมทิลจัสโมเนทที่ใชไมมีผลตอ คุณภาพผล ÊÒèҡºÃóҸԡÒÃ.......................2 คำสำคัญ แอนโทไซยานิน, การพัฒนาสีแดง, คุณภาพผล §Ò¹ÇԨѢͧÈٹÏ....................... 4 ¤Ó¹Ó ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ...................................5-6 มะมวงพันธุมหาชนก (Mangifera indica L. cv. Mahajanaka) มีคุณสมบัติ ¢‹ÒÇÊÒÃà·¤â¹âÅÂÕ............................ 7 เหมาะสมตอการสงออกไปจำหนายในตางประเทศ เนื่องจากมีเปลือกหนา สามารถ วางจำหนายไดนาน เมือสุกมีกลินหอม รสชาติหวานอมเปรียวเล็กนอย เนือไมนมเละ ่ ่ ้ ้ ่ิ ËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ Í‹Ò¹µ‹Í˹ŒÒ 2 ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸............................8
  • 2. 2 ÊÒèҡºÃóҸԡÒà §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº (µ‹Í¨Ò¡Ë¹ŒÒ 1) มะมวงพันธุนี้หากถูกแสงแดดเต็มที่ในระหวางที่ผลเจริญเติบโตจนกระทั่งผลแกจะมี ผิวสีแดงสวยงาม หากมีการหอผลจะมีสีเหลืองสดใส (มนตรี, 2542) มะมวงพันธุ มหาชนกที่ปลูกอยูในขณะนี้มักประสบปญหาที่สำคัญคือ การพัฒนาสีแดงของ เปลือกผลที่ไมสม่ำเสมอทั้งผล สงผลทำใหเปลือกผลมีสีสันไมสวยงาม ซึ่งกระทบ ตอคุณภาพและการยอมรับของผูบริโภคและตลาด สีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนกเปนสิ่งที่ดึงดูดและใชตัดสินใจในการ ÊÒèҡºÃóҸԡÒà เลือกซื้อของผูบริโภค โดยสีแดงที่ปรากฎนี้เกิดจากการสรางและการสะสมสารสี สวัสดีครับ ... ชวงนี้ยางเขาสูฤดูรอนแลว แอนโทไซยานิน (anthocyanin) ปจจัยที่มีผลตอการพัฒนาสีแดงของเปลือกผล อาจมีพายุฝน ลมแรง หรือลูกเห็บตกใน ไดแก แสง และสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด (Camm and Towers, บางพื้นที่ ขอใหทานผูอานทุกทานติดตาม 1973; Saure, 1990) ดังนั้น การหอผลมะมวงดวยถุงจะ ทำใหผลรับแสงไมพอเพียง ขาวพยากรณอากาศ และเตรียมรับมือกับ ทำใหเกิดสีแดงทีผวไดนอยหรือไมเกิดสีแดงเลย เนืองจากมีการสังเคราะหแอนโทไซยานิน ่ิ  ่ ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงอาจตอง ที่ผลไดนอย (สมาน, 2546; Saks et al., 1999) ซึ่งจากรายงานการศึกษาของ เตรียมตัวรับมือกับภัยแลงที่มีขาววาปนี้ Rudell et al. (2005) พบวา สารเมทิลจัสโมเนทสามารถกระตุนการสรางสีแดงของ อาจแลงหนักกวาปที่ผาน ๆ มาดวยนะครับ ผลแอปเปลได ดังนั้น การศึกษานี้จึงตองการศึกษาผลของเมทิลจัสโมเนทตอการ Postharvest Newsletter ของเรามีอายุ กระตุนใหเกิดสีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนก เพื่อปรับปรุงคุณภาพของผล เขาสูปท่ี 10 แลว นับวาผานการเปลียนแปลง   ่ มะมวงไดโดยไมกระทบตอคุณภาพของผล ซึงจะเปนการเพิมมูลคาของผลผลิตใหสงขึน ่ ่ ู ้ และมีพฒนาการ ในดานตาง ๆ มาโดยตลอด ั และจากฉบับนี้เปนตนไป เราจะเพิ่มขาว ÍØ»¡Ã³áÅÐÇÔ¸Õ¡Òà ประชาสัมพันธ ขาวฝกอบรม/สัมมนา ตาง ๆ มาไวในหนาที่ 8 เพื่อใหทานไดทราบขาว คัดเลือกมะมวงพันธุมหาชนกที่สมบูรณและมีทรงพุมใกลเคียงกันอายุ การฝกอบรมตาง ๆ ทีจะเกิดขึนและมีโอกาส ่ ้ ประมาณ 7 ป จำนวน 40 ตน จากสวนเกษตรกรที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย ในการเขารวมในกิจกรรมตาง ๆ ที่จัดขึ้น จังหวัดเชียงใหม จากนั้นติดปายที่ชอดอกเพื่อใหทราบอายุของผลที่จะนำมาใชใน ขอเชิญชวนทานเขารวมงาน/เสนอผลงาน การศึกษา ทำการจุมผลมะมวงลงในสารเมทิลจัสโมเนทรวมกับ 0.1% Tween 20 (v/v)  ในการ "ประชุมวิชาการวิทยาการหลังการ กอนการเก็บเกี่ยวที่ความเขมขน 5, 10 และ 15 มิลลิโมลาร โดยใชผลมะมวงพันธุ เก็บเกี่ยวแหงชาติ ครั้งที่ 9" ซึ่งจะจัดขึ้น มหาชนก ทีมอายุ 84 วันหลังดอกบาน เปรียบเทียบกับผลทีไมไดจมสาร (ชุดควบคุม) ่ ี ่ ุ ระหวางวันที่ 23-24 มิถุนายน 2554 แลวเก็บผลมะมวงมาตรวจวัดผลทุก 7 วันจนผลมีอายุ 119 วันหลังดอกบาน โดย ณ โรงแรมพัทยาพารค บีช รีสอรท จังหวัด ตรวจวัดเปอรเซ็นตของพืนทีสแดงทีเ่ กิดขึนทีเ่ ปลือกผลเมือเปรียบเทียบกับพืนทีทงหมด ้ ่ี ้ ่ ้ ่ ้ั ชลบุรี โดยในปนี้ ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยี สกัดและวิเคราะหปริมาณแอนโทไซยานิน (Ranganna, 1977) วิเคราะหหาแอคทิวตี ิ หลังการเก็บเกียว : หนวยงานรวมมหาวิทยาลัย ่ ของเอนไซม ฟนิลอะลานีน แอมโมเนีย-ไลเอส (PAL) (Faragher and Chalmer, เทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี เปนเจาภาพ 1977) วิเคราะหหาสารประกอบฟนอลิคทั้งหมด (Singleton and Rossi, 1965) ในการจัดงาน รายละเอียดเพิ่มเติมติดตาม วัดการเปลี่ยนแปลงสีเปลือกผลมะมวงโดยวัดคา a* ดวยเครื่องวัดสี chromameter ไดที่เว็บไซต ตรวจวัดคุณภาพของผลมะมวงโดยวัด ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได (total http://www.kmutt.ac.th/npht2011/ soluble solids, TSS) และปริมาณกรดที่ไทเทรทได (titratable acidity, TA) ¼Å¡Ò÷´Åͧ มะมวงมีเปอรเซ็นตพนทีสแดงเพิมขึนในทุกชุดการทดลอง โดยทีอายุ 119 วัน หลังดอกบาน มะมวงทีทำการจุมผลในสารเมทิลจัสโมเนท ้ื ่ ี ่ ้ ่ ่  15 มิลลิโมลาร มีเปอรเซ็นต พืนทีสแดงสูงทีสด รองลงมาคือ ชุดการทดลองทีจมเมทิลจัสโมเนท 10 มิลลิโมลาร คือ 26 และ 25.25 เปอรเซ็นต ้ ่ี ุ่ ่ ุ ตามลำดับ ในขณะทีชดการทดลองทีจมเมทิลจัสโมเนท 5 มิลลิโมลาร และชุดควบคุมมีเปอรเซ็นตพนทีสแดงเพียง 21 และ 19.75 เปอรเซ็นต ุ่ ่ ุ ้ื ่ ี ตามลำดับ (Figure 1) คา a* มีแนวโนมเพิ่มขึ้นทุกชุดการทดลองโดยที่ 119 วัน หลังดอกบาน ชุดการทดลองที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีคา a* สูงสุด เทากับ 6.65 (Figure 2) ปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดเมือผลมีอายุ 112 วันหลัง ดอกบาน มะมวงทีผาน ้ ่ ่ การจุมเมทิลจัสโมเนท15 มิลลิโมลารมปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดสูงทีสด รองลงมาคือ ผลทีจมเมทิลจัสโมเนท 10 มิลลิโมลาร คือ 3.07  ี ้ ุ่ ่ ุ และ 2.69 mg/100 g FW ตามลำดับ เมือเปรียบเทียบกับชุดควบคุมมีปริมาณแอนโทไซยานินทังหมดเทากับ 2.44 mg/100 g FW (Figure 3) ่ ้ แอคทิวตของเอนไซม PAL ผลทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนททุกระดับความเขมขนมีคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งแอคทิวิตีของเอนไซม PAL ของชุดที่จุม ิี ่ ั เมทิลจัสโมเนท 5, 10 มิลลิโมลาร และชุดควบคุมเพิมสูงสุดที่ 91 วันหลังดอกบาน ซึงมีคาของแอคทิวตของเอนไซม PAL เทากับ 67.22 ,58.76 ่ ่  ิี และ 53.01 n mole/mg protei∙hr ตามลำดับ ขณะที่ผลที่ไดรับเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีคาของกิจกรรมของเอนไซม PAL สูงสุดที่
  • 3. §Ò¹ÇÔ¨ÑÂà´‹¹»ÃШөºÑº 3 98 วันหลังดอกบาน เทากับ 57.03 n mole/mg protein∙hr (Figure 4) et al.(1997) ที่พบวาเมทิลจัสโมเนทสามารถกระตุนการสะสม สารประกอบฟนอลิคทั้งหมด มีแนวโนมเพิมขึนทุกชุดการทดลองที่ ่ ้ แอนโทไซยานินในลำตนและใบของทิวลิป กิจกรรมของเอนไซม PAL 112 วันหลังดอกบาน โดยไมแตกตางกันทางสถิติ และชุดการทดลอง เพิมสูงขึนที่ 91 วันหลังดอกบาน แลวลดลงตอนปลายของการเจริญ ่ ้ ที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีสารประกอบฟนอลิคทังหมด ้ ทุกชุดการทดลอง เชนเดียวกับสารประกอบฟนอลิคทั้งหมดโดย สูงสุด เทากับ 4642 mg/100gFW (Figure 5) ผลมะมวงทุกชุด ชุดการทดลองที่จุมเมทิลจัสโมเนท 15 มิลลิโมลาร มีสารประกอบ การทดลองมีปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำได (TSS) เพิ่มขึ้น ฟนอลิคทั้งหมดสูงสุด ที่ 112 วันหลังดอกบาน ซึ่งสอดคลองกับ อยางชาๆ และมีคาไมแตกตาง  การทดลองของ Zang et al. (2006) ที่ใชเมทิลจัสโมเนทกับ กันทางสถิติ และปริมาณกรด สตรอเบอรีพบวาสามารถเพิม กิจกรรมของเอนไซม PAL และปริมาณ ่ ่ ที่ไทเทรตได (TA) ลดลงอยาง สารประกอบฟนอลิคมากกวาชุดควบคุมสวนคุณภาพของผล ชาๆ ทุกชุดการทดลอง (Table 1) ทุกชุดการทดลองนั้น ปริมาณกรดไทเทรตสูงชวงแรกและลดลง และเมื่อผลสุก คุณภาพของ อยางตอเนื่อง ปริมาณของแข็งที่ละลายในน้ำมีคาเพิ่มขึ้นเมื่อผลมี ผลมะม ว งทุ ก ชุ ด การทดลอง Figure 1 Percentage of red blush of อายุเพิ่มขึ้น สอดคลองกับรายงานการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง ก็มีคาไมแตกตางกัน Mahajanaka mango exocarp after สรีรวิทยาและเคมีในระหวางการเจริญเติบโตของผลมะมวงพันธุ treated with methyl jasmonate มหาชนก (สรรพมงคล, 2545 ) ทังนี้ สารเมทิลจัสโมเนทไมมผลตอ ้ ี คุณภาพของผลมะมวงพันธุมหาชนก และเมือนำผลมะมวงมาไวท่ี  ่ อุณหภูมิหองจนผลสุกแลวตรวจวัดคุณภาพของผล ใหผลไม แตกตางจากผลมะมวงที่ไมไดรับสาร ÊÃØ» Figure 2 Changes of a* value of Mahajanaka Figure 3 Changes of total anthocyanin mango exocarp after treated with content of Mahajanaka mango ผลมะมวงอายุ 84 วันหลังดอกบานทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนท ่ ั methyl jasmonate exocarp after treated with methyl jasmonate ที่ความเขมขน 15 มิลลิโมลาร มีผลทำใหเปอรเซ็นตพื้นที่สีแดง กับปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดเพิ่มขึ้น และ คา a* มีคามาก ที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับชุดความเขมขน 10และ 5 มิลลิโมลาร และชุดควบคุม ตามลำดับ โดยผลมะมวงทีไดรบสารเมทิลจัสโมเนท ่ ั ทุกชุดการทดลองมีคณภาพของผล (คา TSS และ TA) ไมแตกตาง ุ Figure 4 Changes of PAL enzyme activity Figure 5 Changes of total phenolic compound กันกับผลมะมวงชุดควบคุม of Mahajanaka mango exocarp of Mahajanaka mango exocarp after after treated with methyl jasmonate treated with methyl jasmonate ¤Ó¢Íº¤Ø³ Table 1 Changes of TSS and TA of Mahajanaka mango flesh after treated with methyl jasmonate ขอขอบคุ ณ ห อ งปฏิ บ ั ต ิ ก ารสรี ร วิ ท ยาหลั ง การเก็ บ เกี ่ ย ว ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร สถาบันวิจัยเทคโนโลยี หลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหมและศูนยนวัตกรรม เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม àÍ¡ÊÒÃ͌ҧÍÔ§ มนตรี จิรสุรัตน. 2542. มะมวงพันธุมหาชนก. วารสารกสิกร 72(5): 425-430. สมาน ศิริภัทร. 2546. เรียนรูเรื่องราวของมะมวงมหาชนก. วารสารเคหเกษตรกรรม 27(6): 57-63. ÇÔ¨Òó¼Å¡Ò÷´Åͧ สรรพมงคล บุญกัน. 2545. การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและเคมีระหวางการเจริญเติบโตของผลมะมวง พันธุมหาชนก. วิทยานิพนธปริญญาโท สาขาวิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม. เชียงใหม. 101 น. Camm, E.L. and G.H.N. Towers. 1973. Phenylalanine ammonia lyase. Phytochemistry 12: 961-973. การเกิดสีแดงที่เปลือกผลมะมวงพันธุมหาชนกเกิดเพิ่มขึ้น Faragher J. D. and D. J. Chalmer. 1977. Regulation of anthocyanin synthesis in apple skin. III.Involvement of phenylalanine ammonia-lyase. Australian Journal Plant Physiology 4(1): 133-141. ตามอายุที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณที่ไดรับแสงแดด ซึ่ง Ranganna, S. 1997. Plant Pigment. pp. 72-93. In: S. Ranganna (ed). Manual of Analysis of Fruit การเกิดสีแดงของเปลือกผลสังเกตเห็นไดอยางชัดเจนในระยะปลาย and Vegetable. Productr Tata McGraw-Hill Publishing Co., Ltd, New Delhi. Rudell D. R., J. K. Fellman and J. P. Mattheis. 2005. Preharvest application of methyl jasmonate to ของการเจริญของผลจนกระทั่งผลเจริญเต็มที่ ผลที่ไดรับสาร “Fuji” apples enhances red coloration and affects fruit size, spliting and bitter pit incidence. เมทิลจัสโมเนท 15 และ 10 มิลลิโมลาร มีเปอรเซ็นตการเกิดพื้นที่ HortScience 40: 1760-1762. Saniewski M., A. Miszczak, L. Kawa-Miszczak, E. Wegrzynowicz-Lesiak, K. Miyamoto and J. Ueda. 1997. สีแดงและคา a* สูงกวาทุกชุดการทดลอง ซึงสอดคลองกับรายงาน ่ Effects of methyl jasmonate on anthocyanin accumulation, ethylene production and CO2 การศึกษาในพืชบางชนิด เชน แอปเปลพันธุฟูจิ ซึ่งพบวาการให evolution in uncooled and cooled tulip bulbs. Journal of Plant Growth Regulation 17: 33-37. Saks Y., P.J. Hofman and G.F. Meiburg. 1999. Potential for improvement of mango skin colour during เมทิลจัสโมเนท สามารถสงเสริมใหเกิดสีแดงทีเ่ ปลือกผลไดดยงขึน ี ่ิ ้ storage. Acta Horticultuae 485: 325-329. (Rudell et al. 2005) สอดคลองกับปริมาณแอนโทไซยานินทังหมด ้ Saure M.C.1990. External control of anthocyanin formation in apple. Scientia Horticulturae 42(3): 181-218. Singleton, V.L.And J.A. Rossi. 1965. Colorimetry of total phenolics with phosphomolybdic ที่เพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลที่ไดรับเมทิลจัสโมเนท -phosphotungstic acid reagents. American Journal Enology and Viticulture 16: 144-157. 15 มิลลิโมลาร มีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดสูงกวาทุกชุดการ Zhang F.S., X.Q. Wang, S.J. Ma, S.F. Cao, N. Li, X.X. Wang and Y.H. Zheng. 2006. Effects of methyl jasmonate on postharvest decay in strawberry fruit and the possible mechanisms involved. ทดลอง ซึงผลการศึกษาใหผลเชนเดียวกับการศึกษาของ Saniewski ่ Acta Horticulturae 712: 693-698.
  • 4. 4 §Ò¹ÇԨѢͧÈÙ¹ÂÏ §Ò¹ÇԨѢͧÈÙ¹ÂÏ ผลของรูปแบบของสาร 1-methylcyclopropene (1-MCP) ตออายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถาง Effects of 1-Methylcyclopropene (1-MCP) Forms on the Display Life of Potted Impatiens (Impatiens walleriana) ชัยรัตน บูรณะ1, 2, วาริช ศรีละออง1 และ เคนจิ ยามาเนะ2 1 สายวิชาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกียว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี / ่ ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกียว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี กรุงเทพฯ 10140 ่ 2 คณะเกษตร มหาวิทยาลัยอุซโนมิยะ อุซโนมิยะชิ โทชิหงิ 321-8505 ึ ึ º·¤Ñ´Â‹Í งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาผลของ 1-Methylcyclopropene (1-MCP) และ EB sachet ตอการหลุดรวงของดอกและ อายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถาง (Impatiens walleriana) โดยใชเทียนฝรั่งกระถาง 3 สายพันธุไดแก ‘Rouge’ ‘Purple stripe’ และ ‘Peach’ รมดวย 1-MCP ปริมาณความเขมขน 0.1 0.5 และ 1 µL·L-1 พบวาเทียนฝรั่งสายพันธุ ‘Rouge’ และ ‘Purple stripe’ ที่รมดวย 1-MCP ปริมาณความเขมขน 1 µL·L-1 มีอายุของดอกนานกวาชุดควบคุม โดยมีอายุการบานนาน 4.7 และ 3.9 วัน ตามลำดับ ซึ่งการรม 1-MCP ปริมาณความเขมขน 1 µL·L-1 สามารถยืดอายุการใชงานของเทียนฝรั่งกระถางสายพันธุ ‘Rouge’ ‘Purple stripe’ และ ‘Peach’ ไดอยางมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยมีอายุการใชงานมากกวาชุดควบคุม 6.6 , 6.8 และ 6 วันตามลำดับ สำหรับการใช 1-MCP ในรูปของ EB sachet เพียงอยางเดียวและ EB sachet รวมกับเอทิลีนจากภายนอกไดศึกษาในเทียนฝรั่ง กระถางสายพันธุ ‘Purple stripe’ พบวาสามารถยืดอายุการบานของดอกเปน 6.7 และ 7 วัน อีกทั้งยังสามารถมีอายุการใชงานของ เทียนฝรั่งกระถางสายพันธุ ‘Purple stripe’ มากกวาชุดควบคุมถึง 10 และ 12.4 วัน ตามลำดับ คำสำคัญ เทียนฝรั่ง, 1-Methylcyclopropene (1-MCP), EthylBloc® (EB) sachet, อายุการใชงาน ผลของสายพันธุและระยะการเจริญ เติบโตตอแอนโทไซยานินของผลหมอน Effects of Cultivar and Growth of Mulberry Fruit on Anthocyanins Content มนตวดี หุนเจริญ1 และศศิธร ตรงจิตภักดี1,2 1 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 2 ศูนยนวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร º·¤Ñ´Â‹Í งานวิจัยนี้ศึกษาผลของสายพันธุและระยะการเจริญเติบโตตอแอนโทไซยานินของผลหมอน 3 สายพันธุ (สายพันธุกำแพงแสน- เอ็มบี-42-1 เชียงใหม และบุรีรัมย 60) ซึ่งแตละสายพันธุแบงออกเปน 4 ระยะการเจริญเติบโต คือ ผลออน (ระยะการเจริญเติบโตที่ 1) ผลกึ่งสุก (ระยะการเจริญเติบโตที่ 2) ผลสุก (ระยะการเจริญเติบโตที่ 3) และผลสุกเต็มที่ (ระยะการเจริญเติบโตที่ 4) โดยศึกษาปริมาณ แอนโทไซยานินทั้งหมดดวยวิธี pH-differential และตรวจสอบแอนโทไซยานินชนิดหลักโดยเทคนิค High Performance Liquid Chromatography (HPLC) จากผลการทดลองพบวาปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดของผลหมอนขึ้นกับสายพันธุและระยะการเจริญ เติบโต โดยมีปริมาณตั้งแต 3 ถึง 1,844 มิลลิกรัมไซยานิดิน-3-กลูโคไซดในตัวอยาง 100 กรัมน้ำหนักแหง โดยเมื่อผลหมอนเจริญเติบโต มากขึ้นจะมีปริมาณแอนโทไซยานินทั้งหมดเพิ่มมากขึ้น ผลสุกเต็มที่ของสายพันธุกำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 มีปริมาณแอนโทไซยานิน ทั้งหมดมากกวาบุรีรัมย 60 และเชียงใหม ตามลำดับ (p < 0.05) เมื่อตรวจสอบโดย HPLC พบวาแอนโทไซยานินชนิดหลักในผลหมอน ทั้ง 3 สายพันธุ คือไซยานิดิน-3-กลูโคไซด และไซยานิดิน-3-รูทิโนไซด โดยมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเมื่อผลหมอนมีการเจริญเติบโตมากขึ้น ผลหมอนสายพันธุกำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 ในระยะสุกเต็มที่มีปริมาณไซยานิดิน-3-กลูโคไซดมากที่สุด (p < 0.05) ในขณะที่สายพันธุ กำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 และบุรีรัมย 60 มีปริมาณไซยานิดิน-3-รูทิโนไซดมากที่สุด (p < 0.05) คำสำคัญ สายพันธุ, ระยะการเจริญเติบโต, แอนโทไซยานิน
  • 5. ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ 5 ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ โรคภายหลังการเก็บเกี่ยวของผัก ผลไม และการจัดการ สมศิริ แสงโชติ ภาควิชาโรคพืช คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร กทม 10900 โทร. 025790113 ตอ 1294 E-mail: agrsrs@ku.ac.th ความสู ญ เสี ย ของผั ก และผลไม ห ลั ง การ ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการเขาทำลายของเชื้อ 2. อุณหภูมิ เก็บเกี่ยว เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย โดยเฉพาะใน - ปจจัยกอนเก็บเกียว เชน สภาพภูมอากาศ ่ ิ อุณหภูมิมีผลทั้งตอเชื้อและผลิตผลโดยทั่วไป เขตรอนเปนปญหาใหญที่เกี่ยวของกับการตลาด ธาตุอาหาร และการเขตกรรม อุณหภูมทดทสดสำหรับการเก็บรักษา คือ อุณหภูมิ ิ ่ี ี ่ี ุ ของผลิตผลเหลานี้ โดยที่มีจุลินทรียหลายชนิด - ปจจัยหลังการเก็บเกี่ยว ไดแก ต่ำสุดที่ไมกอใหเกิดความเสียหายกับผลผลิตผัก ทีเ่ กียวของ ซึง Eckert (1977) และ Snowdon (1990) ่ ่ และผลไมในเขตรอน ไมควรเก็บรักษาไวทอณหภูมิ ่ี ุ ไดรายงานไว โดยจุลินทรียเหลานี้เมื่อเขาทำลาย 1. ผลิตผล ต่ำกวา 13-14ºซ เพราะกอใหเกิดความเสียหาย ผลิตผล กอใหเกิดความเสียหาย ในระหวางขนสง การปราศจากเขาทำลายของเชื้อเปนคุณภาพ จากความเย็นหรือ chilling injury ไดงาย เชือทีเ่ ปน  ้ เก็บรักษา วางตลาด และผูบริโภค การทีจะลด  ่ ของผลิตผลที่เปนที่ตองการ ของตลาด เพราะผลที่ สาเหตุของโรคกับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยวเจริญ ความเสียหาย เนื่องจากโรคเหลานี้ จึงตองมีการ เปนโรคกอใหเกิดการแพรกระจายของเชื้อ การเขา ไดดีที่อุณหภูมิ 24-26ºซ และอุณหภูมิต่ำสุดที่เชื้อ ศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับโรคและเชื้อจุลินทรีย ทำลายของเชื้อในผลิตผลตางๆมีสวนเกี่ยวของกับ จะเจริญไดอาจต่ำถึง -4ºซ หรือเชือบางชนิดก็ได ้ ที่เกี่ยวของใหเขาใจรวมทั้งใชการควบคุมอยาง พันธุของผลิตผลนั้น เชน ทุเรียนหมอนทอง มีความ เพียง 10 ºซ (Sommer,1985) ยิ่งไปกวานั้นความ ถูกวิธี ออนแอตอเชื้อรา Phytophthora palmivora เมื่อ แตกตางของอุณหภูมิ มีผลในการเก็บรักษาผลิตผล ตองการสงผลทุเรียนหมอนทองไปขายตางประเทศ ระยะยาวเชน ผลทอที่ปลูกเชื้อดวยเชื้อรา Botrytis ลักษณะการเขาทำลายของเชื้อ จึงตองมีการควบคุมโรค ที่เกิดจากเชื้อราดังกลาว cinerea แผลที่เจริญที่ 2.5ºซ มีขนาดเพิ่มขึ้นมาก 1. การเขาทำลายกอนเก็บเกี่ยว ใหดีที่สุด (Pongpisutta and Sangchote, 1994) กวา 30 % ของแผลที่ -0.5ºซ (Sommer, 1985) เชื้อจุลินทรียในกลุมนี้ที่เกี่ยวของกับผลิตผล หรือการปฏิบัติในการควบคุมโรคแอนแทรคโนส มีความสามารถในการเขาทำลายผลิตผลไดโดยตรง ของผลมะมวง ซึ่งตองการการควบคุมโรคในแปลง 3. ความชื้นสัมพัทธ และเขาทำลายสวนอืนๆ ของพืชดวย ทำใหสวนที่ ่  ปลูกอยางดีตั้งแตในแปลงปลูกเพื่อใหแนใจวามี ความชืนสัมพัทธในสภาพแวดลอมชวยปองกัน ้ เปนโรคเหลานัน เปนแหลงของเชือซึงจะแพรโดย ้ ้ ่ เชือรา Colletotrichum gloeosporioides เขาทำลาย การสูญเสียน้ำในขณะเดียวกันก็มีผลตอเชื้อเชนกัน ้ ลม ฝน หรือ แมลงไปยังสวนผลิตผล และเกิดการ แฝงมากับผลนอยที่สุด แครอทที่สูญเสียน้ำมากกวา 8 % ออนแอตอการ เขาทำลาย แตอาการของโรคไมปรากฏในไรในสวน เขาทำลายของเชื้อรา Rhizopus stolonifer และ ในขณะที่ผลิตผลยังอยูบนตน เนื่องจากเชื้อเขา Botrytis cinerea (Goodliffe and Heale, 1977) ทำลายแบบแฝงอยู อาการจะปรากฏใหเห็นภายหลัง หอมหัวใหญตองเก็บที่ความชื้นต่ำกวา 70 % เพื่อ ที่ผลิตผลเหลานั้นไดถูกเก็บเกี่ยวและบมใหสุก ลดการเนาเสียที่เกิดจากเชื้อรา Botrytis allii เชื้อในกลุมนี้ เชน Colletotrichum, Lasiodiplodia, หลังจากทำใหแหงแลวหลังจากนั้นนำไปเก็บไวที่ Dothiorella และ Phytophthora 0-2°ซ (Sommer, 1985) 2. การเขาทำลายขณะหรือหลังการเก็บเกี่ยว 4. การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการบรรจุ โดยปกติ สวนขยายพันธุของเชื้อในกลุมที่ หีบหอ เขาทำลายขณะหรือหลังการเก็บเกี่ยวนี้ เชน สปอร ผลิ ต ผลที ่ ค ุ ณ ภาพดี ค วรเป น ผลิ ต ผลที ่ หรือสวนขยายพันธุอื่นๆ พบปนเปอนอยูที่สวนผิว เก็ บ เกี ่ ย วในระยะที ่ ม ี ค วามสุ ก แก พ อดี ผ ลิ ต ผล ของผลิตผล หรือในระหวางการขนยายหรือการ เชื้อราสาเหตุโรคแอนแทรคโนสที่ปรากฏบนใบ เหลานี้ควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสมไมถูกแสง ปฏิบัติอื่นๆ โดยสวนของเชื้อเหลานี้พบอยูใน อาทิตย ฝน ลม หรือสภาพอื่นๆ ที่กอใหเกิดการ บรรยากาศของโรงบรรจุหีบหอ น้ำที่ใชในการลาง เสียหาย และปนเปอนของจุลินทรีย ผลพริกมีอัตรา หรือลดอุณหภูมิผลิตผล ภาชนะที่ใชในการขนยาย การหายใจสูง เมือบรรจุในเขงไมไผจะมีทอเปนชอง ่  ผลิตผล เปนตน เชื้อจุลินทรียในกลุมนี้มีความ ระบายความรอนตรงกลาง การปฏิบัตินี้ชวยยืด สามารถในการทำใหเกิดโรคต่ำและไมสามารถเขา อายุของผลผลิตและขณะเดียวกันก็ลดการเกิดของ ทำลายผลิตผลไดโดยตรง การเขาทำลายตองอาศัย โรคแอนแทรคโนสของพริก แผลหรือชองเปดธรรมชาติ โดยที่เชื้อในกลุมนี้ การใหน้ำกับชวงเวลาการเก็บเกี่ยวมีผลกับ สวนใหญมีอัตราการเจริญ และแพรกระจายที่ การเกิดโรคเชนเดียวกับในกรณีของหอมหัวใหญ รวดเร็วทำใหผลิตผลที่ถูกเชื้อเขาทำลายเกิดการ เนาเสีย ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเชื้อในกลุมนี้ เชน Aspergillus, Rhizopus, Alternaria เปนตน ผลมะมวงที่เปนโรคแอนแทรคโนส Í‹Ò¹µ‹Í˹ŒÒ 6
  • 6. 6 ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ ¹Ò¹ÒÊÒÃÐ โรคของหอมหัวใหญก็มีอาการ neck rot (Botrytis อยางไรก็ดีการใชน้ำรอนไมมีสารตกคางที่ใหผล 5. การใชสารเคมี spp.) black rot (Aspergillus spp.) basal rot ในการปองกันการเขาทำลายที่จะเกิดขึ้นใหมและ สารเคมีประมาณ 20 ชนิดไดมีการใชในระยะ (Fusarium sp.) และโรคเนาที่เกิดจากแบคทีเรีย อาจกอใหเกิดเสียหายจากความรอนได โดยทำให 30 กวาปที่ผานมากับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว ในขณะเก็บรักษาเพิ่มขึ้น และการเขาทำลายของ การเปลี่ยนสีของผลผิดปกติ ลดอายุการเก็บรักษา ซึ่งสารเหลานี้จะใชไดดีหรือไมขึ้นอยูกับความไว เชื้อในขณะเก็บรักษาจะสูงสุดเมื่อเก็บเกี่ยวหอม และอ อ นแอต อ การเข า ทำลายของจุ ล ิ น ทรี ย  อ ื ่ น ของเชื้อตอสารเคมี ความสามารถในการซึมลงไป เมื่ออายุ 110 วัน (ยอดเหี่ยว 25 %) แตถาเก็บเมื่อ (Edney and Burchill, 1967). ในผิวของสารเคมีลงไปกำจัดเชื้อ นอกจากนี้สาร อายุ 120 วันหลังจากยายปลูก (ยอดเหี่ยว 50 %) เหลานี้ตองไมทำใหเกิดความเสียหายกับผลิตผล ทำใหการเนาเสียลดลงอยางมาก นอกจากนี้ จากการ และมีพิษตกคาง ไมเกินกำหนดระหวางประเทศ ศึกษาการสมานแผล (curing) ในแปลงปลูกใน (Eckert and Ogawa, 1985) สารเคมี fosetyl-Al สภาพที ่ ม ี ค วามชื ้ น ต า งๆกั น ของหอมหั ว ใหญ ที่อัตราความเขมขน 2000 ppm สามารถควบคุม ระหวางการขนสงแบบจำลอง พบวา การ curing โรคเนาของผลทุเรียนทีเ่ กิดจากเชือรา P. palmivora ้ ในสภาพที่แหงในแปลงปลูกเมื่อเก็บเขาหองเย็น ไดโดยการจุมผลเพียง 2 นาที (Pongpisutta and เพือการขนสง การเนาเสียมีระดับต่ำกวาการ curing ่ Sangchote, 1994) ที่อุณหภูมิหองและสภาพที่ชื้น 6. การใชวิธีการทางชีววิธี แนวทางในการควบคุ ม โรคภายหลั ง การ วิธีการนี้ไดถูกนำมาใชเพื่อทดแทนการใชสาร เก็บเกี่ยว เคมีทมอนตรายตอผูบริโภคโดยการใชจลนทรียอนๆ ่ี ี ั  ุ ิ  ่ื การปองกัน 2. การใชอุณหภูมิต่ำ ที่มีคุณสมบัติเปนปฏิปกษกับเชื้อสาเหตุ ซึ่งในการ การลดแหล ง ของเชื ้ อ ทั ้ ง ในไร แ ละหลั ง การ การใชอุณหภูมิต่ำเปนวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ใชกับผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว นิยมใชจุลินทรียที่ เก็บเกี่ยวเปนวิธีการในการปองกันผลิตผลจากเชื้อ และใชมากที่สุดในการยืดอายุการเก็บรักษาและ เจริญเร็วทำใหเกิดการแยงอาหารจากเชื้อสาเหตุ ตาง ๆ เนื่องจากเชื้อหลายชนิดเขาทำลายผลิตผล ลดการเนาเสีย อุณหภูมตำทำใหการสุกของผลิตผล ิ ่ ทำใหเชื้อสาเหตุไมเจริญหรือเจริญไดนอย แตการ เริ่มตนตั้งแตในแปลงเชน โรคแอนแทรคโนสของ ชาลง ทำใหความตานทานของผลิตผลคงอยู ใชในประเทศไทยกับผลิตผลยังอยูในระยะเริ่มตน พืชตางๆ โรค gray mold rot ของ สตรอเบอรี่ที่เกิด นอกจากนี้การเจริญและการเขาทำลายของเชื้อ เทานั้น เชื้อยีสต Candida tropicalis สามารถชวย จากเชื้อรา Botrytis cinerea หรือโรคผลเนาที่เกิด จุลินทรียตางๆ จะหยุดหรือชาลงที่อุณหภูมิต่ำใกล ลดการเกิดอาการผลเนาของมะมวงเนืองจากเชือรา ่ ้ จากเชือรา Phytophthora palmivora ของผลทุเรียน ้ 0˚ซ เชน เชื้อรา Lasiodiplodia theobromae และ Lasiodiplodia theobromae ไดดี (Sangchote,1995) การกำจัดแหลงของเชื้อโดยการตัดแตงสวนที่เปน Ceratocystis fimbriata โดยที่ผลไมในเขตรอน โรคและฉีดพนในแปลงเพื่อลดการเกิดของเชื้อที่จะ ไมสามารถเก็บไดที่อุณหภูมิต่ำมากเนื่องจากเกิด การลดการแพรกระจายของเชื้อจากผลิตผลที่ เข า ทำลายผลิ ต ผล การฉี ด พ น ผลทุ เ รี ย นด ว ย chilling injury จึงตองหาจุดที่เหมาะสมในการเก็บ เปนโรค fosetyl-Al ชวยลดการเขาทำลายของเชือ P. palmivora ้ รักษาที่ไมมีผลเสียตอผลิตผล โดยที่ผลิตผลเมื่อบรรจุหีบหอเรียบรอยเมื่อถึง ที่จะเกิดขึ้นกับผลทุเรียนหลังการเก็บเกี่ยว ปลายทางอาจจะมีผลิตผลบางสวนที่แสดงอาการ 3. การใชรังสี ของโรคและมีเชือทีเ่ จริญอยู ซึงสามารถแพรกระจาย ้ ่ การใชการฉายรังสีเปนวิธีการหนึ่งที่สามารถ ไปยังผลอื่น ๆ ได ทำใหเกิดการเนาเสียทั้งภาชนะ ควบคุมการเนาเสียได แตการใชรังสีแกมมาใน บรรจุ การลดความเสียหาย ณ จุดนี้สามารถทำได การฉายรังสีใหผลิตผลในอัตราที่สูงก็กอใหเกิด โดยการบรรจุเปนภาชนะเล็กๆ (consumer package) ความเสียหายกับเนื้อเยื่อได สตรอเบอรี่เปนผลไมที่ แลวบรรจุลงในภาชนะบรรจุใหญ เมือเกิดการเนาเสีย ่ มีความทนตอรังสีไดดีทำใหสามารถกำจัดการเขา ก็เนาเสียเพียงสวนเดียวหรือการหอแยกผลดวย ทำลายทีจะกอใหเกิดการเนาเสียได (Heather, 1986) กระดาษที่เคลือบสารเคมีก็ชวยลดการแพรกระจาย ่ ฉะนั้นการใชรังสีจึงขึ้นอยูกับชนิดของผลิตผลและ ของเชื้อได เชน การหอผลสมดวยกระดาษที่เคลือบ ความไวของเชื้อตอรังสีรวมทั้งคาใชจายตองไมสูง ดวยสาร biphenyl เมื่อมีผลที่เปนโรคที่เกิดจาก กวาวิธีการอื่นที่มีอยูดวย (Kader, 1982) เชื้อรา Penicillium spp. ไอของสารนี้ที่เคลือบอยู Gray mold rot กับกระดาษชวยยับยั้งการสรางสปอรของเชื้อทำให 4. การใชการดัดแปลงบรรยากาศ ไมเกิดการแพรในภาชนะบรรจุ จึงเกิดการเนาเสีย การกำจัดหรือลดการเกิดโรค การเก็บรักษาผลิตผลโดยวิธีการนี้ ชวยยืดอายุ เฉพาะผลที่เปนโรคเทานั้น 1. การใชน้ำรอนและไอน้ำรอน การเก็บรักษาไดดีโดยทั่วๆไป การเก็บโดยวิธีการ การใช ค วามร อ นเป น วิ ธ ี ก ารหนึ ่ ง ที ่ น ำมา รักษานีจะพยายามทำใหระดับของออกซิเจนต่ำกวา ้ ทดแทนสารเคมี เนื่องจากสารเคมีมีพิษตอมนุษย ระดับปกติ (21%) และคารบอนไดออกไซด สูงกวา การใชความรอนนอกจากมีผลยับยั้งการเจริญของ ระดับปกติ (0.03%) ของบรรยากาศ การใชการ เชือยังกระตุนความตานทานดวย การจุมผลมะมวง ้   ดัดแปลงบรรยากาศ ทำใหความตานทานของ ในน้ำรอนที่ 55˚ซ เปนเวลา 5 นาที (Sangchote, ผลิ ต ผลคงอยู  น านขึ ้ น และลดการเจริ ญ ของเชื ้ อ 1989) สามารถควบคุมโรคแอนแทรคโนสของ (El-Goorani and Sommer, 1981) Geeson และ มะมวงไดดี เชือรา Colletotrichum gloeosporioides ้ Browne (1980) พบวาการเก็บกระหล่ำปลีในสภาพ และเชือรา Phytophthora palmivora ของผลมะละกอ ้ ทีมคารบอนใดออกไซด 5-6 % และออกซิเจน 3 % ่ ี สามารถควบคุ ม ได ด ี โ ดยใช น ้ ำ ร อ นที ่ อ ุ ณ หภู ม ิ ชวยลดการเกิดและความรุนแรงของ Botrytis 45-55˚ซ เปนเวลา 10-20 นาที (Couey et al., 1984) cinerea เมื่อใชรวมกับสารเคมี
  • 7. ¢‹ÒÇÊÒÃà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡Õ่ÂÇ 7 ¢‹ÒÇÊÒà เอกสารอางอิง Couey, H.M.; Alvarez, A.M.; Nelson, M.G. 1984. Comparison of hot water spray and immersion กรมวิชาการเกษตร จับเอกชนใชเทคโนโลยี treatments for control of postharvest decay of papaya. Plant Dis. 68: 436-437. ยืดอายุมังคุด Eckert, J.W. 1977. Control of postharvest diseases. In. Antifungal Compounds Vol. 1. เมือวันที่ 10 มกราคม 54 นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ่ Siegal, M.R. and Sister, H.D. (eds.). Marcel เปดเผยวาที่ผานมา มังคุดเปนผลไมชนิดหนึ่งของไทยที่มีศักยภาพการผลิต Dekker, Inc., New York. pp. 299-352. และสงออกสูง โดยเฉพาะในป 2552 มีการสงออกทั้งสิ้น 117,987 ตัน Eckert, J.W. and Ogawa, J.M. 1985. The chemical control of postharvest diseases: Subtropical คิดเปนมูลคากวา 1,879.1 ลานบาท และตังแตเดือนมกราคม-ตุลาคม 2553 ้ and tropical fruits. Ann. Rev. Phytopathol. 23: สงออกแลวประมาณ 115,996 ตัน มูลคากวา 1,877.2 ลานบาท ตลาดหลัก 421-454. ทีสงออก คือ ฮองกง ไตหวัน จีน และญีปน แตทผานมา ผลผลิตมังคุดของไทย ่ ่ ุ ่ี  Edney, K.L. and Burchill, R.T. 1967. The use of heat to control the rotting of Cox’s Orange มีประมาณ 20-30% เทานั้น ที่เปนมังคุดเกรดเอและสงออกทางเรือไปยัง Pippin apples by Gloeosporium spp. Ann. ประเทศทีอยูใกลๆ ได ่  Appl. Biol. 59: 389-400 ดังนันกรมวิชาการเกษตรเรงวิจยและพัฒนาเทคโนโลยีการยืดอายุการเก็บ ้ ั El-Goorani, M.A. and Sommer, N.F. 1981. Effects of modified atmospheres on postharvest รักษามังคุดผลสดเพือการขนสงทางเรือ เพือชวยลดตนทุนคาขนสงทางอากาศ ่ ่ pathogens of fruits and vetgetables. Hortic. ใหแกผูประกอบการตอไปสามารถสงออกมังคุดผลสดทางเรือ ไปยังตลาด Rev. 3: 412-461. กลุมสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดา รวมถึงออสเตรเลีย และนิวซีแลนด  Geeson, J.D. and Browne, K.M. 1980. Controlled atmosphere storage of winter white cabbage. ดวย ซึ่งจะชวยใหสินคามังคุดของไทยอยูบนชั้นวางจำหนายไดนานขึ้น และ Ann. Appl. Biol. 95:267-273. มีโอกาสทางทางการตลาดเพิมสูงขึนดวย รวมทังยังสามารถแขงขันกับคูแขง ่ ้ ้  Goodliffe, J.P. and Heale, J.B. 1977. Factors สำคัญอยางอินโดนีเซียได affecting the resistance of cold-stored to Botrytis cinerea. Ann. Appl. Biol. 87: 17-28. โดยกรมวิชาการเกษตรไดรวมกับภาคเอกชนในการพัฒนาวัสดุหอหุม Heather, N.W. 1986. Irradiation of fruit and มังคุดผลสดทีเ่ หมาะสมสำหรับการขนสงทางเรือ โดยเฉพาะการใชบรรจุภณฑ ั vegetables. Queensland. Agric. J. 112: 85-87. พลาสติก LDPE (Low Density Polyethylene) หรือทีเ่ รียกวา ถุงเย็น มาบรรจุ Kader, A.A. 1982. Application of food irradiation: Fruits and vegetables. In. Food irradiation มังคุดผลสดสงออก ซึงบรรจุภณฑดงกลาวมีลกษณะเปนพลาสติกใส นิมและ ่ ั ั ั ่ update short course, University of California, มัน สามารถยืดตัวไดดี ทังยังกันความชืนไดดพอสมควร แตจะปลอยใหไขมัน ้ ้ ี Davis. January. pp. 25-28. และอากาศซึมผานหรือถายเทไดงายขึ้น Pongpisutta, R. and Sangchote, S. 1994. Phytophthora fruit rot of durian (Durio อยางไรก็ตามอธิบดีกรมวิชาการเกษตรระบุวา แมจะใชเทคโนโลยีดงกลาว  ั zibethinus L.). In. Postharvest handling of แตยังตองอาศัยเทคนิคการจัดการหลังเก็บเกี่ยวเขามาใชรวมดวย อาทิ tropical fruits: proceedings of an international การใชเอคทีฟฟลมและการใชเคลือบผิวผลไมมาใชในการยืดอายุการเก็บ conference held at Chiang Mai, Thailand, 19-23 July 1993. Champ, B.R., Highley, E. รักษาคุณภาพ ซึ่งนับวามีประสิทธิภาพอยูในเกณฑสูง สามารถยืดอายุการ and Johnson, G.I. (eds.). ACIAR Proceedings เก็บรักษามังคุดผลสดใหยาวนานขึ้นได No. 50 pp. 460-461. Sangchote, S. 1989. Effect of postharvest ไมนอยกวา 49 วัน ซึ่งขณะนี้มี treatments on anthracnose (Colletotrichum ผูประกอบการหลายบริษัทสนใจ gloeosporioides Penz.) and stem end rot ที่จะใชบรรจุภัณฑพลาสติก (Dothiarella dominicana Pet.et Cif) of mangoes stored in air and modified แอลดีพีอี เพื่อการสงออกมังคุด atmosphere. Asean Food J.4(4): 142-144. ผลสดไปตางประเทศแลว Sangchote, S. 1995. Control of stem end rot (Lasiodiplodia theobromae (Pat.) Griff. & Maubt) of mango with yeasts. Poster presented at 11th Australasian Plant Pathology Conference, Lincoln University, New Zealand. Snowdon, A. 1990. A color atlas of post-harvest diseases and disorders of fruits and vegetables, Volume 1. Fruits and general introduction. Wolf Scientific. Sommer, N.F. 1985. Role of controlled environments ที่มา : หนังสือพิมพคม ชัด ลึก วันที่ 10 มกราคม 2554 in suppression of postharvest diseases. Can. http://www.komchadluek.net/detail/20110110/85168/กรมวิชาการเกษตรจับเอกชน J. Plant Pathol. 7: 331-339. ใชเทคโนโลยียืดอายุมังคุด.html
  • 8. 8 ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¡Ô¨¡ÃÃÁà´‹¹ ¼ÙŒÍӹǡÒÃÈÙ¹ÂÏ : ÃÈ.´Ã. ÇÔàªÕÂà àΧÊÇÑÊ´Ô์ ¤³ÐºÃóҸԡÒà : ÃÈ.´Ã.ÊØªÒµÔ ¨ÔþÃà¨ÃÔÞ ÃÈ.´Ã. ´¹Ñ ºØ³Âà¡ÕÂÃµÔ ÃÈ.ÈØÀÈÑ¡´Ô์ ÅÔÁ»µÔ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม ¼È.´Ã.ÍØÉÒÇ´Õ ª¹Êص ไดจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ระบบมาตรฐาน HACCP และสุขอนามัย ¹Ò§¨Ø±Ò¹Ñ¹· äªÂàÃ×ͧÈÃÕ สวนบุคคล (Personal hygiene)" ขึ้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554 - 1 กุมภาพันธ 2554 ¼ÙŒª‹ÇºÃóҸԡÒà : ¹Òºѳ±Ôµ ªØÁÀÙÅÑ ¢‹ÒÇ»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¹Ò§ÊÒÇ»ÂÀó ¨Ñ¹¨ÃÁҹԵ ¹Ò§ÊÒÇÊÒÃÔ³Õ »ÃÐÊҷࢵµ¡Ã³ ¹Ò§ÅÐÍͧ´ÒÇ ÇÒ¹ÔªÊØ¢ÊÁºÑµÔ 1. ขอเชิญเขารวมการฝกอบรม "โรคของเมล็ดพันธุในพืชอุตสาหกรรม (seed pathology for industrial crops)" ครั้งที่ 1 ระหวางวันที่ 29-30 มีนาคม 2554 และครั้งที่ 2 วันที่ 10-11 พฤษภาคม 2554 ณ ภาควิชาโรคพืช ½†Ò¨Ѵ¾ÔÁ¾ คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร วิทยาเขตกำแพงแสน ¹Ò§ÊÒǨÔÃÐÀÒ ÁËÒÇѹ รายละเอียดเพิ่มเติม สอบถามไดที่โทรศัพท 034-218084 ตอ 133 Êӹѡ§Ò¹ºÃóҸԡÒà 2. ขอเชิญเขารวม "การประชุมวิชาการวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว แหงชาติ PHT Newsletter ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Postharvest Technology)" Èٹ¹Çѵ¡ÃÃÁà·¤â¹âÅÂÕËÅѧ¡ÒÃà¡็ºà¡ÕÂÇ ่ ระหวางวันที่ 23-24 มิถุนายน 2554 ณ โรงแรมพัทยาพารค บีช รีสอรท ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂàªÕ§ãËÁ‹ จังหวัดชลบุรี ดูรายละเอียดเพิมเติมไดท่ี http://www.kmutt.ac.th/npht2011/ ่ 239 ¶.ËŒÇÂá¡ŒÇ µ.ÊØà·¾ Í.àÁ×ͧ àªÕ§ãËÁ‹ 50200 â·ÃÈѾ· +66(0)5394-1448 â·ÃÊÒà +66(0)5394-1447 e-mail : phtic@phtnet.org 9TH National conference on Postharvest Technology ÃÐËÇ‹Ò§Çѹ·Õ่ 23-24 ÁԶعÒ¹ 2554 ³ âçáÃÁ¾Ñ·ÂÒ¾ÒϤ ºÕª ÃÕÊÍÏ· ¨Ñ§ËÇÑ´ªÅºØÃÕ ÃÒÂÅÐàÍÕ´à¾Ô่ÁàµÔÁ http://www.kmutt.ac.th/npht2011/