2. Game Theory คือ วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของกรรมวิธีคิดที่มีระบบ เพื่อวิเคราะห์การใช้กลยุทธ์ของผู้เล่นที่ต้องต่อสู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้ตัวเองได้รับ ผลตอบแทนหรือประโยชน์สูงสุด ซึ่งกระบวนการคิดดังกล่าวเป็นการสร้างแบบจำลองเพื่อใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์ หรือกิจกรรมในสังคม ในแง่เศรษฐศาสตร์ การค้า ธุรกิจ การตลาด การสงคราม การต่อรอง ฯลฯ Game Theory
11. Normal Form ใช้การนำเสนอในรูปของตาราง ที่เรียกว่า Matrix แสดงส่วนประกอบทั้งหมดของเกม ( ดังตัวอย่างในตอนที่แล้ว ) วิธีนี้เหมาะกับการวิเคราะห์เกมที่มีลักษณะผู้เล่นแต่ละคนปฏิบัติการพร้อมๆ กัน (Simultaneous Move) หรือการวิเคราะห์ในแต่ละครั้งของปฏิบัติการ ( แต่ละ Move) ในกรณีที่เกมมีการเล่นต่อเนื่องที่เรียกว่า Sequential Game ( เช่นการเล่นหมากรุก ฯลฯ ) การใช้ Normal Form ผู้วิเคราะห์จะเห็นกลยุทธ์ของผู้เล่นต่างๆ พร้อมกับความเป็นไปได้ของผลลัพธ์และค่าผลตอบ ( Payoff) พร้อมๆ กันทั้งหมด รูปที่ 1 แสดงตัวอย่าง Normal Form ของเกมที่มีผู้เล่น 2 คนและผู้เล่นแต่ละคนมีกลยุทธ์ 2 กลยุทธ์ วิธีแรก
12. Extensive Form ใช้วิธีนำเสนอด้วยรูปแบบของกราฟรูปต้นไม้ ( Game-Tree) รูปแบบนี้จะเหมาะกับการนำเสนอเกมที่มีการเล่นอย่างต่อเนื่องเป็นขั้นๆ หรือที่เรียกว่า Sequential Game เกมชนิดนี้มิใช่การตัดสินใจใช้กลยุทธ์กระทำเพียงหนเดียวให้ได้ผลลัพธ์สุดท้าย แต่เกมจะยังคงดำเนินต่อเนื่องอีกหลายขั้นจนกว่าเกมจะจบ วิธีที่สอง ส่วนประกอบของ Game Tree มีดังนี้
14. 5. Outcome หรือผลลัพธ์ ก็คือ ผลจากการใช้กลยุทธ์ในขั้นสุดท้าย 6. Terminal Node คือ Node ปลาย สุดของ Game Tree ซึ่งก็คือ ผลลัพธ์หรือ Outcome 7. Payoff เป็นค่าของผลตอบที่ได้จาก Payoff หรือ Utility Function นำเสนอโดยแสดงค่าในวงเล็บประจำในแต่ละ Terminal Node
15. Game Theory อาจดูแปลกๆ สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย แต่คิดว่าเรา สามารถนำวิธีการและแนวคิดนี้ไปประยุกต์ กับการตัดสินใจในการดำเนินงานหรือวางกลยุทธ์เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้