SlideShare a Scribd company logo
1 of 25
แบบทดสอบการอ่านเอาเรื่อง(อ่านในใจ) ระดับชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 4-6
ตอนที่ 1 แบบเลือกตอบ จำานวน 36 ข้อ
1.ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่ทำาจากไข่ตีกับนำ้าหรือนำ้าซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็ก
น้อย และใส่เครื่องต่างๆ
ตามใจชอบ นึ่งให้สุก รับประทานกับข้าว หรือจะรับประทานเปล่าๆ
ร้อนๆ ก็คล่องคอดี
ข้อใดไม่ปรากฏในข้อความข้างต้น
1.รสชาติไข่ตุ๋น
2.วิธีทำาไข่ตุ๋น
3.วิธีรับประทานไข่ตุ๋น
4.ประโยชน์ของไข่ตุ๋น
2. ...จึงเรียนเชิญท่านเป็นวิทยากรเพื่อแสดงปาฐกถา เรื่อง “การใช้ภาษา
ไทยในชีวิตประจำาวัน” แก่สมาชิกชมรมวิชาภาษา
ไทย...
ข้อใดกล่าวถึงลักษณะเนื้อความในจดหมายได้ถูกต้องที่สุด
1.ส่งข่าวเหตุการณ์
2.ขอความร่วมมือ
3.มีเรื่องปรึกษา
4.สมานไมตรี
3.ข้อความต่อไปนี้มีจุดมุ่งหมายในการพูดสอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด
ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำานุบำารุงประเทศชาตินั้น
มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิด
ชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทำาหน้าที่ของตน ให้
ดีที่สุด เพื่อธำารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น
1.เป็นการเร้าความรู้สึก
2.บอกเรื่องราวที่ควรรู้แก่ผู้ฟัง
3.สร้างความบันเทิงสนุกสนาน
4.เป็นการทำาให้ผู้ฟังเชื่อด้วยเหตุผล
4.ข้อความต่อไปนี้ไม่สอดคล้องกับการพูดในโอกาสใด
ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำานุบำารุงประเทศชาตินั้น
มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิด
ชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทำาหน้าที่ของตน ให้
ดีที่สุด เพื่อธำารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น
1.การกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ปราบทุจริต ล้มคอรัปชัน”
2.การกล่าวเปิดงานโครงการ “มุมมองและทิศทางการท่องเที่ยว”
3.การกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ “รักชาติ รักประชาธิปไตย”
4.การกล่าวสดุดีบุคคลสำาคัญ เนื่องในงานรำาลึกทหารผ่านศึก
5.ข้อความต่อไปนี้มีกลวิธีการลำาดับเนื้อหาอย่างไร
วัลลีเป็นตัวอย่างลูกที่ดี ซึ่งมีความกตัญญู ทุกวันเวลาพักเที่ยงวัลลี
ต้องเดินกลับบ้านเพื่อไปป้อนอาหาร เที่ยงให้คุณแม่ที่ป่วยเป็น
อัมพาต การกระทำาของวัลลีนี้สมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลดีเด่นด้าน
ความ กตัญญู
1.ลำาดับตามเวลา
2.ลำาดับตามสถานที่
3.ลำาดับจากเหตุไปสู่ผล
4.ลำาดับจากผลไปสู่เหตุ
6.ข้อใดมีคำาประพันธ์ที่เหมือนกับคำาประพันธ์ที่ยกตัวอย่างมานี้
“กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลงซอเจ้งจำาเรียงเวียงวัง”
1.เร่งพลพาชีตีกระหนาบตัวนายชักดาบออกไล่หลัง
2.ตีนงูงูไซร้หากเห็นกันนมไก่ไก่สำาคัญไก่รู้
3.ลิงค่างครางโครกครอกฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
4. ไว้ปากไว้วากย์วาทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นามกร
7.ข้อใดเป็นประโยคใจความสำาคัญของข้อความต่อไปนี้
(ก) คำาว่า “เอ็นดู” ก็เหมือนกันถ้าสาวๆ ได้ยินพ่อเฒ่าชาวใต้แหลงว่า
“เอ็นดูหลาว” อย่าเข้าใจผิดคิดไป ว่าพ่อเฒ่าหัวงูมาเอ็นดูหวังเลี้ยงต้อย
เพราะ “เอ็นดู” ในบริบทของคนใต้แปลว่าสงสาร (ข) นี่แหละครับ
เสน่ห์ของการเดินทางไปยังต่างถิ่นต่างที่ คือได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้
วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่างจาก ความคุ้นเคยของเรา (ค) นับว่าชาว
ชุมพรและคนปักษ์ใต้โชคดีที่มีปราชญ์อย่างอาจารย์สนั่นพากเพียร
รวบรวมภาษาถิ่นที่มีคุณค่าไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (ง) ก่อนที่ภาษา
อินเทอร์เน็ตใน “แชทรูม” และการส่ง “ชอร์ตแมสเสจ” ในโทรศัพท์มือ
ถือจะบดบังภาษาถิ่นจนหมด
1.(ก)
2.(ข)
3.(ค)
4.(ง)
8.ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อความต่อไปนี้
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากการค้นหา
จากจุดที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด ของการพัฒนาประเทศ
(most binding constraint) และเน้นแก้ปัญหาในจุดดังกล่าว การ
พยายามแก้ปัญหาหลายปัญหาพร้อมๆ กัน เป็นการพัฒนาที่ไร้ประโยชน์
1.มีอุปสรรคใดบ้างในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ
2.การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่ อย่างไร
3.การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจหลายๆ อย่างพร้อมกัน ถือเป็นการแก้
ปัญหาหรือไม่
4.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากจุดที่สำาคัญ
ที่สุดใช่หรือไม่
คำาชี้แจง นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ จากนั้นตอบ
คำาถามข้อ 9-11
เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรา
หุ่นสวย เมื่อเราใช้ครีมแล้วเรา ไม่ต้องลดอาหารหรือออกกำาลังกายให้
หนัก ทำาให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปจนทำาให้ร่างกายทรุดโทรม
นอกจากนี้ ยังไม่มีสารพิษตกค้าง สภาพร่างกายของเราจึงดีขึ้นทันตา
เห็น หุ่นสวยกระชับ ไร้ไขมัน รู้สึก กลับไปเป็นสาววัยแรกรุ่นอีกครั้ง ตอน
แรกคิดว่าการลดนำ้าหนักด้วยวิธีนี้จะไม่ได้ผล เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้ว
อยากให้คนที่อยากสวยหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวยแบบ
เรามากขึ้น
9.ข้อใดเป็นเจตนาในการพูด
1.อวดอ้างว่าตนเองสวย
2.บอกเล่าวิธีการลดนำ้าหนักให้มีรูปร่างสวยงาม
3.แนะนำาคุณค่าที่ได้จากการลดนำ้าหนักด้วยครีมกระชับสัดส่วนตรา
หุ่นสวย
4.ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องการลดนำ้าหนักหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วน
ตรา หุ่นสวย
10.ข้อความข้างต้นมีวิธีการลำาดับเนื้อหาอย่างไร
1.ลำาดับตามเวลา
2.ลำาดับตามสถานที่
3.ลำาดับจากเหตุไปสู่ผล
4.ลำาดับจากผลไปสู่เหตุ
11.จากข้อความข้างต้นการแสดงทรรศนะของผู้เขียนเกิดจากข้อใด
1.ความรู้
2.ความเชื่อ
3.ค่านิยม
4.ประสบการณ์
12.ข้อใดเป็นโครงสร้างของการแสดงเหตุผลในข้อความต่อไปนี้
“ด้วยความที่ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย แถมยังทำาง่าย
ราคาถูก ที่สำาคัญยังมีคุณค่าทาง โภชนาการสูงอีกด้วย ไข่ตุ๋นจึงเป็น
อาหารที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชอบรับประทาน”
1.ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
2.ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
3.ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป
4.ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน
13.ข้อความต่อไปนี้ใช้วิธีการเขียนสอดคล้องกับข้อใด
ถ้าเราออกกำาลังกายอย่างสมำ่าเสมอ กินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย
ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราสมบูรณ์ แข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส และ
สามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ดียิ่งขึ้น
1.เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย
2.ใช้ภาษาเร้าใจ
3.ใช้เหตุผล
4.อ้างอิงหลักฐาน
14.สถานการณ์ต่อไปนี้แสดงว่าผู้ฟังมีสัมฤทธิผลในการฟังระดับใด
อาทิตย์ฟังรายการวิทยุ มีข้อความจากบันทึกของศรีบูรพาตอนหนึ่ง
ว่า “ แม้เรามิได้เป็นดอกซากุระ ก็อย่ารังเกียจที่ต้องเกิด
เป็นบุปผาพันธุ์อื่นเลย ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพันธุ์ของเรา
ภูเขาไฟฟูจี มีอยู่ลูกเดียว แต่ภูเขาทั้งหลายก็หาไร้ค่า
ไม่ แม้มิได้เป็นซามูไรก็จงเป็นลูกสมุนของซามูไรเถิด เราจะเป็น
กัปตันกันหมดทุกคนไม่ได้ ด้วยว่าถ้าปราศจากลูกเรือแล้ว เราจะไปกัน
ได้อย่างไร” หลังจากได้ฟังแล้ว เขาบอกกับตนเองว่าผู้พูดต้องการให้
คนเรามีทัศนคติที่ดีต่อบทบาทหน้าที่ของตนเหนือกว่าสิ่งใด
1.เข้าใจจุดประสงค์ของผู้พูด
2.รับรู้ข้อความได้ครบถ้วน
3.บอกได้ว่าสิ่งที่ฟังน่าเชื่อถือ
4.ประเมินได้ว่าสิ่งที่ฟังมีประโยชน์
“แว่วเสียงสำาเนียงบุหรงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา
พระแย้มเยี่ยมม่านทัศนา เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง
เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง
รสรักร้อนรนพ้นกำาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย”
15.ข้อใดไม่สามารถอนุมานได้จากบทประพันธ์ข้างต้น
1.มีความเศร้าจากความรัก
2.มีความผิดหวังในความรัก
3.มีความลุ่มหลงในความรัก
4.มีความร้อนแรงในความรัก
16.บทประพันธ์ในข้อใดปรากฏนาฏการ
1. อันสุริยวงศ์เทวัญอสัญหยา เรืองเดชเดชาชาญสนาม
ทั้งโยธีก็ชำานาญการสงคราม ลือนามในชวาระอาฤทธิ์
2. ต่างมีฝีมืออื้ออึง วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น
ดาบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ากริชติดฟันประจัญ
รบ
3. กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย เราเป็นเมืองน้อยกระจิหริด
ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ เห็นผิดระบอบบุราณมา
4. ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา
พระองค์จงควรตรึกตรา ไพร่ฟ้าประชากรจะร้อนนัก
17.จากวรรณกรรมเรื่อง นิทานเวตาล นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้
“อนึ่งพระองค์ย่อมจะทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความ
ว่า ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ ไม่ยอมคืนสู่ เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอย
รับรองในขณะกลับถึงเรือนนั้น” ข้อความข้างต้นใช้โวหารแบบใด
1.สาธกโวหาร
2.อุปมาโวหาร
3.บรรยายโวหาร
4.พรรณนาโวหาร
“จำาใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย
เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้
สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่
ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม”
18.คำาประพันธ์ข้างต้นมีลีลาในการแต่งสอดคล้องกับข้อใด
1.จึงบัญชาตรัสดัวยขัดเคือง ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา
2.กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
3.แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายนำ้าไหล
4.ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้นสีหนาทประภาษไป
19. ข้อใดปรากฏคำาถามเชิงวาทศิลป์
1.อากาศจักจารผจง จารึก พอฤๅ
2.โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น
3.สุริยจันทรขจาย จากโลก ไปฤๅ
4.กฤษณนิทรเลอหลัง นาคหลับ ฤๅพ่อ
“(ก)...พระองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละออง
พระบาทให้เรี่ยราดลง...” และ “(ข)...เมื่อตะวันฉายเงาไม้ มิได้บ่ายไป
ตามตะวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด...”
20. บทประพันธ์ทั้งสองบทข้างต้นปรากฏ
ภาพพจน์แบบใดบ้าง เรียงตามลำาดับ
1.(ก) อุปมา (ข) อุปมา
2.(ก) อุปมา (ข) อติพจน์
3.(ก) อุปมา (ข) อุปลักษณ์
4.(ก) ไม่ปรากฏภาพพจน์ (ข) อุปมา
“ฟานฝูงคณาเนื้อนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย
ชะมดฉมันหมายเม่นหมีหมู หมู่กระทิงเถื่อน โคถึกเที่ยวทุรสถาน
กาสรกำาเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาด
ระคาย กระรอกตุ่นกระแตกระต่ายก็ไต่เต้น เหล่าเหี้ยเห็น ก็ระเห็จหา
ภักษา”
21.บทประพันธ์ข้างต้นปรากฏสัตว์กี่ชนิด
1.จำานวน 20 ชนิด
2.จำานวน 21 ชนิด
3.จำานวน 22 ชนิด
4.จำานวน 23 ชนิด
“หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว
ราคี บ พันพัว สุวคนธกำาจร”
22.ข้อใดกล่าวถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้าง
ต้น
1. สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร
พิสุทธิ์พิเศษสุกใส
2. โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญาผ่องใส
สะอาดและปราศมัวหมอง
3. ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมสานต์
ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย
4. พร้อมเบญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส
เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง
23.ข้อใดปรากฏรสวรรณคดีต่างจากข้ออื่น
1. สงสารนำ้าคำาที่พรำ่าสั่ง คิดถึงความหลังแล้วใจหาย
ครวญพลางกำาสรดระทดกาย แล้วคิดอายพวกพลมนตรี
2. เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง
รสรักร้อนรนพ้นกำาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่ง
พราย
3. เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์
กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ พิโรธรำ่ารำาพันโศกา
4. เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
ค้อนให้ไม่แลดูสารา กัลป์ยาคั่งแค้นแน่นใจ
พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย
ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกต้อง
กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา
หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ฯ
24.ข้อใดไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกที่ปรากฏในบทประพันธ์ข้างต้น
1.หนักใจ
2.พรั่นใจ
3.หวั่นใจ
4.ร้อนใจ
หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์
ยืนพระยศอยู่ยง คู่หล้า
สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ
สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ
25.ข้อใดคือใจความสำาคัญของบทประพันธ์ข้างต้น
1.การทำาสงครามครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่กษัตริย์ทั้งสอง
2.การทำาสงครามครั้งนี้ผู้คนจะพากันสรรเสริญผู้ที่ชนะ
3.กษัตริย์ทั้งสองจะเป็นที่สรรเสริญของฝ่ายตรงข้าม
4.กษัตริย์ทั้งสองจะสู้กันอย่างทัดเทียม
“ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตนนาถา ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ
อนึ่งข้าอัญชลี พระฤๅษีผู้ทรงญาณ แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรู้ใน
โรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทุกชั้นฟ้า สาปสรรค์ซึ่งหว้านยา
ประทานทั่วโลกธาตรี ไหว้ครูกุมารภัจ ผู้เจนจัดในคัมภีร์ เวชศาสตร
บรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชน ไหว้ครู ผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผล
ล่วงลุนิพพานดล สำาเร็จกิจประสิทธิ์พร”
26.จากบทประพันธ์ข้างต้นสะท้อนคุณธรรมใดในสังคมไทย
1.กตัญญู
2.เมตตา
3.มุทิตา
4.กรุณา
“ถ้าเราจะสอนเขาทั้งหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผู้เพาะ
ความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าช่างต่างๆ จะ
ไม่ดีกว่าหรือ”
27.ข้อความข้างต้นใช้กลวิธีทางวรรณศิลป์แบบใดเด่นชัดที่สุด และ
กลวิธีดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายอย่างไร
ข้อ กลวิธีทางวรรณศิลป์ จุดมุ่งหมาย
1. ใช้การเปรียบเทียบ ยำ้าให้จดจำา
2. ใช้ภาษาไพเราะ มีความไพเราะน่าอ่าน
3. ใช้ประโยคคำาถาม กระตุ้นให้คิด
4. ใช้คำาแสดงความรู้สึก ทำาให้น่าเชื่อถือ
“ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทำาประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง
โดยทางเสมียนมากกว่าทางอื่นๆ ได้อย่างไร ถ้าไม่อุดหนุนจำานวนที่
จำาเพาะสิ่งของนั้นๆ ขึ้น?”
28.ข้อความข้างต้นคำาว่า “เพาะ” มีความหมายในลักษณะใด และมีความ
หมายว่าอย่างไร
ข้อ ลักษณะความหมาย ความหมาย
1. ความหมายตรง ทำาให้งอก
2. ความหมายตรง ส่งเสริม
3. ความหมายแฝง ปลูก
4. ความหมายแฝง ทำาให้เกิด
คุณสุชาติอธิบายแก่ผู้ที่มาขอคำาปรึกษาว่า
“ถ้าวันไหนคุณเกิดกลัวผีอย่างจับจิตจับใจอีก ก็ให้ตั้งสติดีๆ ระลึกถึง
คำาที่ผมพูดในวันนี้ว่า ความกลัวนั้น เกิดจากใจของเราเอง เราคิดเอา
เองว่าเราเห็นหรือได้ยินสิ่งแปลกๆ ที่เร้นลับ โดยเฉพาะเวลาอยู่คนเดียว
หรืออยู่ลำาพังในที่มืด ทั้งหมดนั้นเกิดจากจินตนาการของเราโดยแท้”
29.คำาพูดของผู้ฟังตามข้อใดต่อไปนี้แสดงว่าคำาพูดของคุณสุชาติบรรลุ
วัตถุประสงค์
1.ดิฉันจะลองทำาดูก่อน เผื่อจะได้ผลบ้าง ทั้งๆ ที่ก็ยังกลัวอยู่นะคะ
2.คุณคะ คุณมีคาถากันผีบ้างไหม ดิฉันอยากได้คาถาที่ผีกลัว
3.ที่คุณพูดก็อาจจะจริง แต่ดิฉันก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี
4.คุณไม่เคยเจอผีคุณก็พูดได้ซีคะ เวลาเจอแล้วจะตั้งสติได้อย่างไร
ล่ะคะ
30.จากข้อความต่อไปนี้ ก. คืออะไร
- ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ ก. จากจีนมากกว่าเพราะเมล็ดโตกว่า
- ก. สายพันธุ์ไทยมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสายพันธุ์จีน
- ผู้วิจัยพบว่า ก. สายพันธุ์ไทยทำาเป็นแป้งที่มีคุณภาพมากกว่า
- ก. เป็นส่วนประกอบที่ใช้ทำาขนมไทยหลายชนิด
- เจ้าของบึงมักตัดดอกขายมากกว่าจะรอจนกว่าจะได้ ก.
1.เมล็ดถั่วเหลือง
2.เมล็ดข้าวสาลี
3.เมล็ดทานตะวัน
4.เมล็ดบัว
31.ในข้อความต่อไปนี้ “หัวใจของธุรกิจนี้” มีความหมายตามข้อใด
หัวใจของธุรกิจนี้แตกต่างจากที่อื่นซึ่งอาจจะสนใจพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศบ้าง ขยายเครือข่ายอย่าง กว้างขวางบ้าง ส่วนเรา
ต้องยืนหยัดให้ได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
1.ความมั่นคงขององค์กร
2.คุณภาพของสินค้า
3.ความมีสัมพันธภาพที่ดี
4.การเติบโตของธุรกิจ
ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำาถาม ข้อ 32-33
เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราปลูกส้มแบบเกษตรอินทรีย์ เราไม่
ได้ลงทุนมาก ตั้งแต่ต้นปีมาใช้ไป ไม่กี่พันบาท ชาวบ้านไม่เหม็นยาเคมี
ไม่มีมลภาวะ สภาพร่างกายเราดีขึ้นทันตาเห็น ตอนแรกคิดว่าทำายาก
เดี๋ยวนี้รู้แล้ว อยากให้คนปลูกส้มแบบใช้สารเคมีหันมาทำาแบบเรากัน
มากขึ้น
32.ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อความข้างต้น
1.ผู้พูดเพิ่งเริ่มอาชีพเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก
2.ไร่ส้มอินทรีย์ทำาได้ง่ายและได้ผลดีหลายด้าน
3.การปลูกส้มแบบใช้สารเคมีมีต้นทุนสูงกว่าแบบอินทรีย์มาก
4.ผู้พูดพอใจที่แข็งแรงขึ้นเพราะไม่ต้องสูดดมสารเคมี
33.ข้อใดเป็นเจตนาของผู้พูด
1.บอกกล่าวให้คนรู้จักผลงานเกษตรอินทรีย์ที่ตนทำาอยู่
2.ตักเตือนให้คนระวังในการกินส้มที่ปลูกแบบใช้สารเคมี
3.ชักชวนเพื่อนเกษตรกรให้เปลี่ยนมาทำาไร่แบบเกษตรอินทรีย์
4.แนะนำาคุณค่าของส้มที่ได้จากไร่แบบเกษตรอินทรีย์
34.ข้อใดไม่อาจอนุมานได้จากข้อความต่อไปนี้
การไม่กินอาหารเช้าจะทำาให้ร่างกายขาดพลังงาน และจะมีผลต่อ
การเรียนรู้และความจำา เพราะ สารอาหารหลักที่ให้พลังงานคือกลูโคส
จากอาหาร ดังนั้นการกินอาหารเช้าจึงทำาให้สมองทำางานได้ดี โดย
เฉพาะเด็กนักเรียนจะช่วยให้มีสมาธิในการเรียน
1.นักเรียนควรกินอาหารเช้าเพราะจะช่วยให้เรียนหนังสือได้ดีขึ้น
2.ผู้ใหญ่อาจงดอาหารเช้าได้เพราะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน
3.ทุกคนควรกินอาหารเช้าเพราะจะช่วยการทำางานของสมอง
4.อาหารเช้ามีประโยชน์เพราะทำาให้ร่างกายได้รับพลังงาน
35.ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อความต่อไปนี้
เนื่องจากนักดำานำ้าต้องทำางานอยู่ภายใต้ความกดดัน ต่อสู้กับกระแส
นำ้า คลื่นลม ความหนาวเย็น ความโดดเดี่ยว อันตรายจาก
สัตว์ทะเล และโรคที่เกิดขึ้นจากการดำานำ้า ดังนั้นผู้ที่จะทำางานใต้นำ้าจะ
ต้องเป็นผู้ที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติ มีการตัดสินใจในการแก้
ปัญหาได้ดี
1.ผู้ทำางานใต้นำ้าทุกคนต้องมีร่างกายสมบูรณ์
2.ความโดดเดี่ยวทำาให้นักดำานำ้าเป็นโรคที่เกิดจากการดำานำ้า
3.กระแสนำ้า คลื่นลม และอุณหภูมิเป็นปัญหาในการทำางานใต้นำ้า
4.อุปสรรคในการทำางานใต้นำ้าอาจผ่านพ้นไปได้เพราะความมีสติ
36.ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อความต่อไปนี้
ไม่สำาคัญหรอกว่าชีวิตนี้เคยล้มหรือไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่ว่าสามารถลุกขึ้น
ได้ทุกครั้งที่ล้มหรือไม่ บางคน เพราะล้มจึงได้รู้ข้อผิดพลาด แล้วนำาจุดที่
เคยพลาดพลั้งนั้นมาทำากำาไรให้ชีวิตในอนาคต จนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
1.ทุกคนล้วนแต่เคยสมหวังและผิดหวังในชีวิตมาแล้ว
2.การยอมแพ้อุปสรรคย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
3.การนำาข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนทำาให้ชีวิตประสบความสำาเร็จได้
4.การฟื้นฟูกิจการที่ล้มเหลวให้ได้กำาไรไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะ
กระทำา
ตอนที่ 2 แบบเขียนตอบสั้นๆ จำานวน 15 ข้อ
สุพรรณนิการ์
สุพรรณนิการ์เป็นพรรณไม้ยืนต้นแตกกิ่งก้านเป็นทรง
พุ่มโปร่ง ผลิดอกเป็นช่องามเหลืองอร่ามบานสะพรั่ง กลีบดอก
และเกสรมีสีเหลือดั่งทองคำา จึงได้รับการขนานนามให้เป็นดอกไม้
คู่ฟ้า
ว่ากันว่าต้นสุพรรณนิการ์ คือต้นปาริชาติ ที่นับ
เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยพุทธกาล หากบ้านใดปลูกต้นสุพรรณนิ
การ์จะทำาให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองบุคคลภายใน
บ้าน นอกจากนี้สุพรรณนิการ์ยังเป็นไม้ประจำาปีระกา ซึ่งถ้าหาก
ปลูกในวันพุธทางทิศใต้จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้มากยิ่ง
ขึ้น
(จากวารสาร ไทยประกันชีวิต ปีที่
22 ฉบับที่ 124 หน้า 59)
คำาชี้แจง ให้นักเรียน อ่านข้อความที่ครูกำาหนดให้ แล้วตอบคำาถาม
คำาถามต่อไปนี้
1. ใจความสำาคัญของเรื่องนี้คืออะไร
.........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
.......................................
2. เรื่องนี้พูดถึงสิ่งใด
.........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
.......................................
3. เรื่องนี้แนะนำาให้ทำาอะไร
.........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
......................................
4. เรื่องนี้เมื่อทำาตามผู้แนะนำาจะเป็นอย่างไร
.........................................................................................
................................................................
คำาชี้แจง ให้นักเรียนศึกษา อ่านข้อความที่ครูกำาหนดให้ต่อไปนี้ แล้ว
ตอบคำาถาม
5.ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร เกิดได้อย่างไร
.........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
......................................
เครียดลงกระเพาะ
เครียดลงกระเพาะเป็นอาการของโรคเครียดที่มีผลต่อ
ระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่มักมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวด
ท้องบ่อย ๆ หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด และจะเกิดแผลในกระเพาะ
อาหารได้ในที่สุด สาเหตุเพราะความเครียดจะกระตุ้นให้เกิดการ
หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนจากต่อมหมวกไตมากกว่าปกติ ทำาให้
ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา และทำาให้กรดในกระเพาะหลั่งมากกว่า
เดิมจนเป็นอาการต่าง ๆ ดังกล่าว
ผู้ที่เป็นโรคเครียดลงกระเพาะจนเกิดเป็นแผลใน
กระเพาะนั้น มีข้อพึงปฏิบัติ คือ ต้องไม่รับประทานอาหารให้อิ่ม
จนเกินไป ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัดและควรรับ
ประทานอาหารให้เป็นเวลา
มีสมุนไพรไทยบางชนิดใช้รักษาโรคท้องอืด ท้อง
เฟ้อ ได้ คือ ขมิ้นชัน ขิง กานพูล กระเทียม พริกไทยดำา ดีปรี
ข่า และกระชาย โดยใช้วิธีต้มเอานำ้ามาดื่ม หรือเลือกทานชนิดที่
บรรจุเป็นแคปซูลกินก็สะดวก อย่างไรก็ตามการพักผ่อนอย่างเพียง
พอไม่เครียดหรือกังวลกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป ก็จะช่วยป้องกัน
ไม่ให้โรคเครียดย่างกรายมาทำาร้ายเราได้ในที่สุด
(จากวารสาร ไทยประกันชีวิต ปีที่ 23
ฉบับที่ 130 หน้า 50)
6.ผลของปัญหานี้ทำาให้เกิดสิ่งใด
.........................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
.......................................
7.มีวิธีการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร
.........................................................................................
...............................................
......................................................................................
..................................................
อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำาถามข้อ 8-13
ครั้งพุทธกาลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นามว่า “ชีวกโกมารภัจจ์”
ตามตำานานกล่าวว่า ท่านเป็นลูก
ของหญิงงามเมืองหรือนางนครโสเภณีซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นเกียรติยศของ
บ้านเมืองอย่างหนึ่งนามว่า “สาลวดี” ค่าที่มารดามีอาชีพที่ต้องรักษาตัวให้
เลอโฉมอยู่เป็นนิตย์ พอพลาดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา นางจึงหลบลี้หนีจาก
วงสังคมไปพักใหญ่ ภายหลังคลอดลูกชายออกมาก็สั่งให้คนสนิทเอาไปทิ้ง
กองขยะ เพราะว่าลูกชายไม่สามารถสืบเชื้อสายอันทรงเกียรติของมารดา
ได้หากเลี้ยงไปก็จะเกิดความอัปยศแก่ตน
ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ เผอิญเช้าวันนั้นเจ้าชายอภัยพระ
โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารทรงดำาเนินผ่านมาทางนั้นพอดี ทอด
พระเนตรเห็นอีกาจำานวนมากบินว่อนอยู่เหนือกองขยะ จึงทรงใช้
มหาดเล็กไปดู มหาดเล็กกราบทูลว่าเป็นเด็ก ทรงถามกลับไปว่า “ตายหรือ
เป็น” มหาดเล็กตอบว่า”ยังเป็นๆอยู่เลยพระเจ้าข้า”
จึงทรงรับเด็กไว้ในพระราชูปถัมภ์แล้วเรียกชื่อว่า “ชีวก” แปลว่า “ยังมี
ชีวิตอยู่” หรือแปลเป็นไทยอีกชื่อหนึ่งว่า “บุญรอด”
จำาเนียรกาลผ่านไป ชีวกกุมารเจริญวัย รู้ว่าตนเป็นลูกกำาพร้าเกิด
ความน้อยใจในวาสนาจึงคิดหาวิชา
ใส่ตัว ออกเดินทางไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์จากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ใน
เมืองตักสิลาเสีย 7 ปี ศึกษาอยู่นานจนเบื่อหน่าย มองไม่เห็นว่าจะจบ
หลักสูตรเมื่อไร จึงเข้าไปถามอาจารย์ว่าต้องศึกษากันอีกนานไหมกว่าจะได้
หอมกลิ่นปริญญา อาจารย์ไม่ตอบแต่สั่งให้นักศึกษาหนุ่มออกเดินทางไปใน
รัศมี 16 กิโลเมตร (หนึ่งโยชน์)
เพื่อหาต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่ใช่ตัวยามาให้ดูหน่อย
นักศึกษาหนุ่มถือย่าม จอบ เสียม มุ่งหน้าเข้าป่าหายไปหลายวัน
ค้นจนทั่วป่า กินเวลาเกือบสองอาทิตย์ก็กลับมาหาอาจารย์ด้วยสองมือเปล่า
อาจารย์ถามว่า “ไหนละ สิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา” นักศึกษาแพทย์หนุ่มรายงาน
อาจารย์ว่า “กระผมพินิจดูแล้ว ตลอดรัศมี 16 กิโลเมตรในป่านี้ ไม่มีต้นไม้
ใบหญ้าชนิดไหนที่ใช้เป็นตัวยาไม่ได้เลย ไม้ทุกต้น หญ้าทุกชนิด มี
สรรพคุณเป็นตัวยาได้ทั้งนั้นขอรับ”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของอาจารย์พร้อมกับแววตาเปี่ยม
ไมตรีจิต ดูอบอุ่น และภาคภูมิใจ อาจารย์ใหญ่
ตบไหล่ศิษย์รักเบาๆ พลางสรุปข้อค้นพบของเขาให้หนักแน่นขึ้น
“ใช่แล้ว ชีวก! หญ้าทุกชนิด ไม้ทุกต้น ถ้าเธอฉลาดพอก็จะรู้ว่าล้วน
แล้วแต่ใช้เป็นตัวยาได้ทั้งนั้น ไม่มีหญ้าหรือไม้ต้นใดที่เกิดมาโดยไม่มี
คุณค่าด้านหนึ่งด้านใดอยู่ในตัวเองเป็นอันว่าเธอจบการศึกษาและได้รับ
ปริญญา
จากสถาบันของเราแล้ว”
8. ใจความสำาคัญของข้อความที่คัดมาให้อ่านคืออะไร
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
9. จากข้อความข้างต้นสรุปได้อย่างไร
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
10. คำาว่า “ปริญญา” ในย่อหน้าที่ 3 มีความหมายถึงสิ่งใด
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
11. จุดมุ่งหมายของข้อความที่คัดมาให้อ่านข้างต้นคือ
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
12. ชีวิตของชีวกโกมารภัจจ์มีเนื้อหาใกล้เคียงกับสุภาษิตใดมาก
ที่สุด
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
13. ประโยค “ครั้งพุทธกาลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นามว่า “ชี
วกโกมารภัจจ์” เป็นประโยคชนิดใด
.....................................................................................
.........................................................................................
.........................................................................................
....................................
จงใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำาถามข้อที่ 14-15
ดอกไม้ในร้านดอกไม้อาจเป็นเพื่อนร่วมทางกันมาตั้งแต่ที่ไร่จนถึง
ปลายทาง หรืออาจต่างมาจากต่างถิ่นกัน แต่ได้มาร่วมทางกัน แล้วแยก
ย้ายกันไป ดอกไม้ในแจกันเดียวกันอาจเหี่ยวไปพร้อมๆ กัน หรือมีดอก
ใดที่เหี่ยวไปก่อน
คนจีนมีคำากล่าวว่า พี่น้องร้อยคนก็เหมือนคนเดียว เพราะบั้นปลาย
ต่างคนต่างแก่มาดูแลกันไม่ไหว ซึ่งที่สุดแล้วก็ต้องมีคนไปก่อนและมีคน
ไปหลัง บางคนจึงมีเพื่อนตาย และหลายคนก็อาจไม่มี
วันหนึ่งขณะผ่านหัวลำาโพง เห็นยาย 2 คน พากันเดินด้วยไม้ไผ่ลำา
หนึ่ง ยายคนแข็งแรงนำาหน้า จูงยายที่ตาฟางแล้วให้เดินตาม เท้าของ
ยายทั้งสองก้าวช้าๆ เหมือนลานตุ๊กตาที่จวนหมด
อยากให้ยายทั้งสองถึงที่หมายพร้อมกัน ไม่ใช่ทิ้งคนหนึ่งไว้ให้ต้อง
ตายเพียงลำาพังอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
14. ความคิดสำาคัญในข้อความข้างต้นคืออะไร
................................................................................................
..................................................................... .............................
.....................................................................................................
..........................................
15. คำาว่า “ที่หมาย” จากข้อความข้างต้นมีความหมายว่าอย่างไร
................................................................................................
..................................................................... .............................
.....................................................................................................
..........................................
ตอนที่ 3 แบบเขียนตอบ จำานวน 2 ข้อ
รวมเรื่องสั้น ฟ้าบ่กั้น
แดดกล้าเริงแรงเหมือนจงใจจะแผดเผาทุกชีวิตบนทุ่งกว้างให้
ไหม้มอดจนสิ้นซาก สะแบงหลวงกับพะยอมยืนโดดเด่น ทิ้งใบแก้สี
เหลือคลำ้าร่อนลงดินเป็นครั้งคราว เขาหย่อนกายลงตรงโคนไม้ด้วย
ท่าทางที่เหนื่อยอ่อน เสื้อสีครามคลำ้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ รอบ
ตัวมีแต่ความอ้างว้าง แห้งแล้ง เขาเพ่งมองกลุ่มหญ้าหม่นและฟางฝอย
ที่ปลิวว่อน หมุนเป็นลำาสูงพุ่งขึ้นสู่ทองฟ้า นอกจากหญ้าและฟางมันยัง
หอบเอาดินสีนำ้าตาลลอยฟุ้งจนมืดมัวไปหมด มันเป็นลมหัวกุด หรือที่
บางคนเรียกว่าลมหัวด้วน เขารู้สึกหวาดขึ้นมาทันทีเมื่อคอดได้ว่าลมที่
พัดตึง ๆ อยู่นั้น ผู้ใหญ่เคยบอกว่ามันเป็นเครื่องหมายของความแห้ง
แล้ง ความอดอยาก ความวิบัติ และความตาย เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารู้สึก
กระวนกระวายอยากจะให้ถึงบ้านที่มองเห็นยอดไผ่เรี่ยดินลิบ ๆ อยู่
เบื้องหน้า แต่ก็ลังเลที่จะเดินต่อ เพราะเมื่อครู่นี้เอง ก่อนจะถึงร่มไม้
เขารู้สึกหูอื้อตามัว ซึ่งเขารู้ว่ากำาลังจะเมาแดดและเป็นลม เขามองดู
ฝ่าเท้าที่พองเพราะความร้อนไหม้ของพื้นทรายแล้วรู้สึกโกรธขึ้นมา
อย่างบอกไม่ถูก โกรธดินฟ้าอากาศซึ่งช่างมีแต่ความทารุณไม่จบสิ้น
เช้านี้มันยังหนาวเหน็บจนถึงกระดูก แต่ขณะนี้กลับร้อนจนรู้สึกว่าหัวจะ
แตกออกเป็นเสี่ยง เมื่อคิดถึงความเยือกเย็นยามเช้าตรู่ ก็ยิ่งคิดถึงลูก
น้อยมากขึ้น
เช้านี้เองเขากับลูกเล็ก ๆ สองคนพากันออกไปหาเขียดเพื่อ
อาหารมื้อเช้าที่ทุ่งนาข้างบ้าน อากาศแสนหนาว ลูกน้อยทั้งสองคาง
เขียดขา
คำา
สั่นกัก ๆ ขณะที่ก้มมองหาตาเขียดชึ่งซ่อนอยู่ตามรอยแตกระแหงของ
ผืนนา ทุกครั้งที่มองเห็นตาใสในหลืบลึก ลูกน้อยจะเรียกเขาเสียงดัง
“พ่อ นี้อีกตัว”
“พ่อ หลืบนี้มีสองตัว เขียดขาคำาเสียด้วย เร็วหน่อยซิพ่อ”
เขาจะกะโผลกกะเผลกไปตามเสียงเรียก ใช้จอบงัดรอยระแหง
บางตัวเขาจับมันได้ทันที แต่มีบางตัวพอเริ่มงัดดินมันก็กระโดแผล็วไป
แล้ว เป็นหน้าที่ของลูกที่จะต้องไล่ตะครุบ บางตัวก็ทัน บางตัวก็
กระโดดลงไปในหลีบดินใหม่ ทำาให้เขาต้องตามไปงัดรอยระแหงนั้นอีก
บางครั้งถ้าโชคดีนอกจากจะได้เขียดยังพบหอยกาบ หอยจุ๊บแจงที่หมก
ตัวรอฝน ซึ่งเขาก็เก็บมันไป แดดเริ่มอุ่นและได้เขียดมากพอสำาหรับ
กับข้าวมื้อเช้าแล้ว เสียงผู้ใหญ่บ้านเคาะเกราะเรียกประชุมดังแว่วมา
จากในบ้าน เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารู้สึกโกรธตังเองขึ้นมาอีกอย่างบอกไม่
ถูก เพราะถ้าหากว่าเขากลับบ้านเสียแต่ตอนนั้น ลูกน้อยที่น่าสงสารก็
คงไม่เจ็บ มันเป็นหลืบสุดท้ายแท้ ๆ ในทันทีที่เขางัดดินแตกกระจาย
เขียดขาคำาโดดเต็มที่ขนาดหัวแม่มือกระโดดแผล็วผ่านหน้าลูกชาย
คนกลางไป เด็กน้อยไล่ตามไปห้าหกวา เขียดจึงกระโดดหลบลงไปใน
รอยเท้าควาย ลูกน้อยของเขาล้วงมือตามหมายจะจับ เท่านั้นเองเขาก็
ตะลึงแทบสิ้นสติ เมื่อได้ยินลูกน้อยร้องเสียงลั่น
“พ่อ งูกัดมือ” งูเห่าแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อ ๆ ได้สติเขากระโจนใช้ด้าม
จอบหวดไปเต็มแรงสามครั้ง งูร้ายก็หางสั่นดิก ๆ เขาหอบลูกน้อย
พร้อมกับครุเขียดกลับเข้าบ้าน และไม่ลืมบอกให้ลูกอีกคนลากงูไปด้วย
ลูกของเขาร้องไห้และครางเบา ๆ ตลอดทาง มือของเด็กตบที่
หน้าอกบอกว่าหายใจไม่ออก เมื่อถึงบ้านทุกสิ่งโกลาหลไปหมด วิ่งหา
หมอนำ้ามนต์ หมอยากลางบ้าน เท่าที่คิดชื่อได้
“เอาเขียดมาสับปิดที่แผล” เพื่อนบ้านคนหนึ่งร้องบอก
“ปิ้งตับงูให้มันกิน” อีกคนตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งไปที่ซากงู ผ่า
ท้องหาตับ ในขณะที่เมียของเขาเฝ้าแต่นั่งร้องไห้ ยิ่งสายคนก็ยิ่งมาก
เพื่อนบ้านที่ประชุมอยู่บ้านผู้ใหญ่เมื่อทราบข่าวก็แตกฮือมาสมทบ และ
ในขณะเดียวกันเขาก็ตกใจแทบเป็นบ้า เมื่อเพื่อนบ้านบอกว่าเขาต้องไป
อำาเภอวันนี้ เพราะผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า วันนี้เป็นวันที่ทางการจะจ่ายเงิน
ให้กับคนที่มีลูกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่มีลูกครบห้า
คนพอดี
“จะไปได้ยังไง ? ลูกจะตายแหง็บ ๆ อยู่ไม่เห็นรึ ?” เขาพูด
อย่างเจ็บแค้น
“มันจะเป็นอะไรไปวะ ? มดหมอออกมามากมาย ต่างก็เคยรักษากิน
บ้านกินเมืองมาแล้วทั้งนั้น”
“ไปซีอ้ายบ้า ตั้งสองร้อยบาทเทียวนะ เกิดมามึงเคยมีรึ ? เงิน
สองร้อยน่ะ”
“พูดมันเสียมันเถอะ” อีกคนพูด “ถ้ามันเกิดมีอันป็นถึงล้มถึงตายก็
เลยจะชวดเท่านั้นเอง”
“ไม่ไป๊ ไม่ไป” เขาเอ็ดตะโร “ลูกนอนหายใจปะหงับ ๆ อยู่ ยัง
จะมาบอกให้ไป วันอื่นมันทำาไมไม่จ่าย ? จริง เงินสองร้อยบาทแต่เกิด
มาก็ไม่เคยมี แต่กูไม่ไป ข้าไม่ไป”
“ตะราง” อีกคนหนึ่งพูด “ถ้าไม่ไปมันก็ตะรางเท่านั้นเอง มีหรือ
จะขัดเจ้าขัดนาย เขาให้ต้องเอา ไม่เอาก็ตะราง”
เขารู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินคำาว่าตะรางบ่อย ๆ แต่ก็ยังแข็งใจพูด
“ตะรางตะเริงที่ไหน ก็บอกไม่เอา ไม่เอา ลูกจะตายทั้งคนจะทิ้งไป
ได้ยังง้าย ?” เขาขึ้นเสียง
“ไม่ไป ไม่ไป” เขายำ้าอีก
“ไปเสีย อย่าขัดทางการเขา เราเป็นราษฎร” หันไปก็พบผู้ใหญ่
บ้านยืนหน้าขรึมอยู่ข้าง ๆ เขาเสียงแหบแหงลงทันที
“ถ้าไม่ไป โทษถึงตะรางจริงหรือ ?” เขาถาม
“แน่นอน” ผู้ใหญ่บ้านพูดขึงขัง “บางทีถึงจำาตลอดชีวิต”
เท่านั้นเอง เขาก็ต้องซมซานไปอำาเภอเหมือนคนบ้า ฝากลูกน้อย
กับหมอนำ้ามนต์และเพื่อนบ้าน แล้วผลุงลงเรือนไป ถึงอำาเภอเอาเมื่อ
พระจวนจะเพล พบกับเพื่อนบ้านที่มาเอาเงินเช่นเดียวกับเขานั่งเป็นกลุ่ม
เพื่อนบ้านชี้ให้เขาไปที่โต๊ะปลัดอำาเภอแก่ ๆ คนหนึ่ง จึงผลุนผลันเข้าไป
“ผมนายนาค นางาม ครับ มาขอเอาเงินค่ามีลูกมาก”
“เออ นาย ลูกของผมกำาลังจะตาย” แต่แล้วเขาก็ชะงักโดยเร็ว
เมื่อคิดว่าเขาไม่ควรพูดคำานี้ เพราะบางทีเจ้านายเกิดสงสัยว่าลูกเขาจะ
ตายจะลำาบาก ปลัดอำาเภอคนนั้นก้มหน้าเขียนอะไรขยุกขยิกต่อไปอีก
นาคเดินออกมาสมทบเพื่อนข้างนอกอย่างเงื่องหงอย เกิดเป็นราษฎร
ชาวนานี่ช่างมีแต่กองทุกข์ เขาคิด อดอยากปากหมองก็สุดจะทุกข์อยู่
แล้ว หันหน้าไปหาเจ้านายก็มีแต่คำาขู่เข็ญ เขารอต่อไปจนเที่ยง แต่
เจ้านายคนนั้นก็ยังเขียนหนังสือต่อไป เหมือนไม่มีพวกเขาชาวนาทั้ง
หลายซึ่งนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย สักครู่ปลัดจึงลุกขึ้นเดินอาด ๆ
ออกมาข้างนอก แต่ยังมีเมตตาหันมาบอกสองสามคำา
“เที่ยงแล้ว หยุดพัก บ่ายโมงมาเอา”
นาคกับเพื่อนนั่งรอจนบ่าย ปลัดหน้าตายคนนั้นจึงเขามา และ
เรียกพวกเขาให้เข้าไปหา ทุกคนนั่งราลงที่พื้น เขาเริ่มซักถามต่าง ๆ
ว่าทำายังไงจึงมีลูกมากนัก เพื่อนบ้านก็ตอบไปงก ๆ เงิ่น ๆ เรียกเสียง
หัวร่ออย่างชอบใจจากหมู่เจ้านายที่หันมาฟังคำาตอบอันน่าจะแสนอดสู
เหล่านั้น และแล้วก็ถึงเขาจนได้
“คนไหน ? นายนาค นางาม”
“ผมครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม
“เราล่ะ ทำายังไงจึงมีลูกมากมายนัก ?” หลายคนหัวเราะคิก ๆ
“โอ๊ย มันยากมันจน นายเอ๊ย” เขาโพล่งออกไปเพราะเหลืออด
“ก็มันมาเกี่ยวอะไรกับยาก ๆ จน ๆ เล่า ?” ปลัดซักด้วยนำ้าเสียง
แสดงความผิดหวังในคำาตอบ
“มันจน มันจน ไม่มีเงินจะไปซื้อผ้าห่ม ถึงจะเหม็นสาบเหม็นคาว
ทั้งปีทั้งชาติ ก็ได้ใช้เมียนั้นแล้วต่างผ้าห่ม ลูกมันก็หลั่งไหลมา” แทน
เสียงหัวเราะ ทุกคนเงียบกันไปครู่หนึ่ง เสียงปลัดหน้าตายคนนั้นจึงปร่า
ๆ ขึ้นอีก
บ๊ะ อ้ายหมอนี่เอาเมียทำาผ้าห่ม”
ลมพัดมาอีกอูหนึ่ง สะแบงหลวงและพะยอมทิ้งใบแก่กราวใหญ่
ประกายแดดยังเต้นระยิบ ลมหัวกุดยังพัดอื้ออึงกลางทุ่งโล่งเบื้องหน้า
นาคผละจากเงาไม้สูง ฝ่าเปลวแดดร้อนยามบ่ายมุ่งตรงไปหมู่บ้านบ้าน
ไม่นานเขาสวนทางกับเพื่อนบ้านหมู่หนึ่ง
“เฮ้ย ทิดนาค” เสียงนั้นทักมาไกล ไม่ทันจะตอบอีกคนหนึ่งก็ชิง
เล่า
“เอ็งโชคดีเหลือเกิน” คนเล่าทำาให้เขาใจชื้นมากขึ้น ยิ้มเล็กน้อย
ก่อนถาม
“โชคยังไง ? โชคยังไง ?” เขาถามอย่างร้อนรน
“ก็เงินสองร้อยเอ็งได้หรือเปล่าเล่า ?”
“ได้ซี อยู่นี่” เขาตบกระเป๋า
“โชคดีเหลือเกิน โชคเอ็งดีเหลือเกินนาคเอ๋ย ถ้าเองช้าไปวัน
เดียวก็ชวดเงินสองร้อยบาท”
คำาถามเพื่อพัฒนาความคิด
1.เรื่องสั้นเรื่องนี้สะท้อนทัศนคติของข้าราชการที่มีต่อราษฎรอย่างใด
ปัจจุบันยังคงมีทัศนคติดังกล่าวหรือไม่ นักเรียนมีแนวทางลบล้าง
ทัศนคติดังกล่าวได้อย่างไร
............................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.........................
2.“เขียดขาคำา” กับ “เงินสองร้อยบาท” ก่อให้เกิดผลอย่างไรต่อชีวิต
ของตัวละครเอก นักเรียนคิดว่าสถานการณ์ในเรื่องนี้สมจริงหรือไม่
............................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.....................................................................................................
.........................
ตอนที่ 1
เฉลยข้อสอบ
ข้อ คำาตอบ ข้อ คำาตอบ
1 4 20 4
2 2 21 2
3 1 22 4
4 2 23 2
5 3 24 4
6 4 25 4
7 2 26 1
8 3 27 1
9 4 28 3
10 4 29 2
11 4 30 1
12 2 31 4
13 3 32 1
14 1 33 1
15 2 34 3
16 2 35 2
17 1 36 3
18 3
19 4
ตอนที่ 2 แนวทางการตอบ
เรื่อง การอ่านเก็บความรู้และอ่านเอาเรื่อง
1. อธิบายลักษณะของดอกไม้ คือ ดอกสุพรรณนิการ์
2. ดอกสุพรรณนิการ์ ซึ่งถือว่าเป็นดอกไท้ศักดิ์สิทธิ์
3. แนะนำาว่าถ้าบ้านใดปลูกไม้ชนิดนี้จะทำาให้เกิดความ
ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถคุ้มครองบุคคลภายในบ้านได้
4. จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่บ้านที่ปลูก ดอกสุพรรณนิการ์ใน
วันพุธทางทิศใต้และต้องเป็นคนปีระกาเท่านั้นที่ปลูกในวันนี้
จึงจะเป็นสิริมงคล
แนวทางการตอบ
ใบงานที่ 2
เรื่อง การอ่านวิเคราะห์และอ่านตีความ
5. เครียดลงกระเพาะเกิดจากโรคเครียดที่มีผลต่อระบบทางเดิน
อาหาร
6. ปัญหาคือ เป็นโรคกระเพาะ ทำาให้มีอาการท้องอืด ท้อง
เฟ้อ ปวดท้องบ่อย ๆ
หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด จุกเสียดแน่นท้องและจะเกิดแผลใน
กระเพาะอาหารได้
7. วิธีรักษาคือ - ไม่รับประทานอาหารอิ่มเกินไป
- เลือกอาหารย่อยง่าย รสไม่จัด
- รับประทานอาหารเป็นเวลา
- ใช้สมุนไพรไทยในการรักษาท้องอืด ท้องเฟ้อ
(เช่น ขมิ้นชัน ขิง กานพูล กระเทียม พริกไทยดำา ดีปลี
ข่า และกระชาย)
8. ในรัศมีหนึ่งโยชน์โดยรอบของสำานักตักสิลานั้นไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่เป็น
ยา
9.พระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือลูกที่กำาพร้าพ่อ
แม่
10.ความรอบรู้และรู้แจ้งในสรรพวิชาที่รำ่าเรียนมา
11.เพื่อส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่าและความสำาคัญของการศึกษา
12.บุญมาวาสนาส่ง
13.ประโยคความเดียว
14.ความตายมาถึงมนุษย์ทุกคนในเวลาต่างกัน
15.การสิ้นสุดของชีวิต
ตอนที่ 3
1.สะท้อนให้เห็นทัศนคติของข้าราชการที่ ดูหมิ่นเหยียดหยามราษฎร
ในชนบทเป็นสถานการณ์ที่มีความสมจริงเนื่องจากในอดีตผู้ที่เป็น
ข้าราชการเปรียบเหมือนเจ้านายเจ้าชีวิตคนอีสานกลัวมากเพราะเป็น
เจ้านายของพวกเขาในความเชื่อที่สืบต่อกันมาโดยเด่นชัดมากในเรื่อง
เขียดขาคำานี้ และในปัจจุบันนี้ทัศนคติดังกล่าวแทบไม่มีแล้วเนื่องจาก
ผู้คนมีความรู้เท่าเทียมกันและมีโอกาสทางข่าวสาร สิทธิ เสรีภาพเท่า
กันจึงต้องใช้เหตุและผลประกอบตลอดจนต้องให้ความสำาคัญกับบุคคล
ในครอบครัวเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ
2."เขียดขาคำา" กับ "เงินสองร้อยบาท" ที่มีต่อชะตากรรมชีวิต
ของนาคได้ว่า "เขียดขาคำา" ทำาให้ลูกของเขาถูกงูกัด และ "เงิน
สองร้อยบาท" ทำาให้เขาไม่มีโอกาสดูแลลูกที่ใกล้ตาย แม้ว่าเขา
จะโชคดีที่ได้ทั้ง "เขียดขาคำา" และ "เงินสองร้อยบาท" แต่สอง
สิ่งนี้ก็ทำาให้สูญเสียลูกไป นอกจากนี้ ยังสะท้อนภาพ " ความ
ไม่รู้" ของชาวบ้าน ดังตัวอย่างที่นาคอุ้มลูกชายที่ถูกงูกลับบ้าน
โดยไม่ลืมครุเขียด และไม่ลืมบอกลูกอีกคนให้ซากงูไปด้วย แต่
มิได้หาทางป้องกันมิให้พิษงูแล่นเข้าหัวใจ

More Related Content

What's hot

วิจัย ไทย
วิจัย  ไทยวิจัย  ไทย
วิจัย ไทยKru Poy
 
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่าน
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่านเล่มหนังสือส่งเสริมการอ่าน
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่านmaipoom
 
มาตราแม่ กน
มาตราแม่ กนมาตราแม่ กน
มาตราแม่ กนkhemmarat
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1sripayom
 
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบาย
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบายตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบาย
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบายKraisorn Tepung
 
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5กชนุช คำเวียง
 
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำสื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำNook Kanokwan
 
ร่ายสุภาพ
ร่ายสุภาพร่ายสุภาพ
ร่ายสุภาพkhorntee
 
มาตราตัวสะกด แม่กก สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้
มาตราตัวสะกด แม่กก  สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้มาตราตัวสะกด แม่กก  สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้
มาตราตัวสะกด แม่กก สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้bn k
 

What's hot (17)

วิจัย ไทย
วิจัย  ไทยวิจัย  ไทย
วิจัย ไทย
 
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่าน
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่านเล่มหนังสือส่งเสริมการอ่าน
เล่มหนังสือส่งเสริมการอ่าน
 
k kuop 1
k kuop 1k kuop 1
k kuop 1
 
Buddha
BuddhaBuddha
Buddha
 
มาตราแม่ กน
มาตราแม่ กนมาตราแม่ กน
มาตราแม่ กน
 
ใบงาน
ใบงานใบงาน
ใบงาน
 
แบบฝึกการอ่านเขียน เล่ม ๔
แบบฝึกการอ่านเขียน เล่ม ๔แบบฝึกการอ่านเขียน เล่ม ๔
แบบฝึกการอ่านเขียน เล่ม ๔
 
แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดการเรียนรู้
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย  ป.5   ใหม่1
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ภาษาไทย ป.5 ใหม่1
 
มาตรแม่กก ป2
มาตรแม่กก ป2มาตรแม่กก ป2
มาตรแม่กก ป2
 
มาตราตัวสะกด
มาตราตัวสะกดมาตราตัวสะกด
มาตราตัวสะกด
 
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบาย
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบายตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบาย
ตัวอักษรญี่ปุ่นและคำอธิบาย
 
ม.5 เทอม 1 หน่วย 1
ม.5 เทอม 1 หน่วย 1ม.5 เทอม 1 หน่วย 1
ม.5 เทอม 1 หน่วย 1
 
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5
แบบฝึกการเขียนสะกดคำ ชั้น ป.5
 
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำสื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
สื่อการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำ
 
ร่ายสุภาพ
ร่ายสุภาพร่ายสุภาพ
ร่ายสุภาพ
 
มาตราตัวสะกด แม่กก สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้
มาตราตัวสะกด แม่กก  สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้มาตราตัวสะกด แม่กก  สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้
มาตราตัวสะกด แม่กก สำหรับนักเรียนบกพร่องทางการเรียนรู้
 

Similar to E0b981e0b89ae0b89ae0b897e0b894e0b8aae0b8ade0b89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b8ade0b988e0b8b2e0b899e0b980e0b8ade0b8b2e0b980e0b8a3e0b8b7e0b988

อิศรญาณตอ..
อิศรญาณตอ..อิศรญาณตอ..
อิศรญาณตอ..phornphan1111
 
นิราศพระบาท1 52
นิราศพระบาท1 52นิราศพระบาท1 52
นิราศพระบาท1 52panneem
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑Manas Panjai
 
ใบความรู้ เรื่อง สำนวนไทย
ใบความรู้ เรื่อง  สำนวนไทยใบความรู้ เรื่อง  สำนวนไทย
ใบความรู้ เรื่อง สำนวนไทยอร ครูสวย
 
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1Piyarerk Bunkoson
 
หนังสืออ้างอิง...
หนังสืออ้างอิง...หนังสืออ้างอิง...
หนังสืออ้างอิง...krujee
 
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑peerapit
 
Thai o net
Thai o netThai o net
Thai o netgoyjokes
 
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทยข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทยMmÕEa Meennie
 
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5ปวริศา
 

Similar to E0b981e0b89ae0b89ae0b897e0b894e0b8aae0b8ade0b89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b8ade0b988e0b8b2e0b899e0b980e0b8ade0b8b2e0b980e0b8a3e0b8b7e0b988 (20)

อิศรญาณตอ..
อิศรญาณตอ..อิศรญาณตอ..
อิศรญาณตอ..
 
นิราศพระบาท1 52
นิราศพระบาท1 52นิราศพระบาท1 52
นิราศพระบาท1 52
 
m3thai51
m3thai51m3thai51
m3thai51
 
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
ข้อสอบ O net ภาษาไทย ป.๓ ชุด ๑
 
Korat
KoratKorat
Korat
 
Lion
LionLion
Lion
 
กลอน
กลอนกลอน
กลอน
 
ใบความรู้ เรื่อง สำนวนไทย
ใบความรู้ เรื่อง  สำนวนไทยใบความรู้ เรื่อง  สำนวนไทย
ใบความรู้ เรื่อง สำนวนไทย
 
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1
แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ชุดที่ 1
 
ข้อสอบThai+math
ข้อสอบThai+mathข้อสอบThai+math
ข้อสอบThai+math
 
หนังสืออ้างอิง...
หนังสืออ้างอิง...หนังสืออ้างอิง...
หนังสืออ้างอิง...
 
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
แผ่นพับกาพย์ยานี๑๑
 
Thai o net
Thai o netThai o net
Thai o net
 
Thai o net
Thai o netThai o net
Thai o net
 
Thai o net
Thai o netThai o net
Thai o net
 
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทยข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
ข้อสอบ O-NET ภาษาไทย
 
Thai
ThaiThai
Thai
 
5.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-495.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-49
 
5.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-495.thai o-net-m6-49
5.thai o-net-m6-49
 
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5
บทเรียน เรื่อง คำกริยา ป.5
 

E0b981e0b89ae0b89ae0b897e0b894e0b8aae0b8ade0b89ae0b881e0b8b2e0b8a3e0b8ade0b988e0b8b2e0b899e0b980e0b8ade0b8b2e0b980e0b8a3e0b8b7e0b988

  • 1. แบบทดสอบการอ่านเอาเรื่อง(อ่านในใจ) ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4-6 ตอนที่ 1 แบบเลือกตอบ จำานวน 36 ข้อ 1.ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่ทำาจากไข่ตีกับนำ้าหรือนำ้าซุป ปรุงรสให้ออกเค็มเล็ก น้อย และใส่เครื่องต่างๆ ตามใจชอบ นึ่งให้สุก รับประทานกับข้าว หรือจะรับประทานเปล่าๆ ร้อนๆ ก็คล่องคอดี ข้อใดไม่ปรากฏในข้อความข้างต้น 1.รสชาติไข่ตุ๋น 2.วิธีทำาไข่ตุ๋น 3.วิธีรับประทานไข่ตุ๋น 4.ประโยชน์ของไข่ตุ๋น 2. ...จึงเรียนเชิญท่านเป็นวิทยากรเพื่อแสดงปาฐกถา เรื่อง “การใช้ภาษา ไทยในชีวิตประจำาวัน” แก่สมาชิกชมรมวิชาภาษา ไทย... ข้อใดกล่าวถึงลักษณะเนื้อความในจดหมายได้ถูกต้องที่สุด 1.ส่งข่าวเหตุการณ์ 2.ขอความร่วมมือ 3.มีเรื่องปรึกษา 4.สมานไมตรี 3.ข้อความต่อไปนี้มีจุดมุ่งหมายในการพูดสอดคล้องกับข้อใดมากที่สุด ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำานุบำารุงประเทศชาตินั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิด ชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทำาหน้าที่ของตน ให้ ดีที่สุด เพื่อธำารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น 1.เป็นการเร้าความรู้สึก 2.บอกเรื่องราวที่ควรรู้แก่ผู้ฟัง 3.สร้างความบันเทิงสนุกสนาน 4.เป็นการทำาให้ผู้ฟังเชื่อด้วยเหตุผล 4.ข้อความต่อไปนี้ไม่สอดคล้องกับการพูดในโอกาสใด ข้าพเจ้าใคร่จะกล่าวแก่ทุกท่านว่า การทำานุบำารุงประเทศชาตินั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ หากเป็นภาระความรับผิด
  • 2. ชอบของคนไทยทุกคนที่จะต้องขวนขวายกระทำาหน้าที่ของตน ให้ ดีที่สุด เพื่อธำารงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญมั่นคงและผาสุกร่มเย็น 1.การกล่าวปาฐกถา หัวข้อ “ปราบทุจริต ล้มคอรัปชัน” 2.การกล่าวเปิดงานโครงการ “มุมมองและทิศทางการท่องเที่ยว” 3.การกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ “รักชาติ รักประชาธิปไตย” 4.การกล่าวสดุดีบุคคลสำาคัญ เนื่องในงานรำาลึกทหารผ่านศึก 5.ข้อความต่อไปนี้มีกลวิธีการลำาดับเนื้อหาอย่างไร วัลลีเป็นตัวอย่างลูกที่ดี ซึ่งมีความกตัญญู ทุกวันเวลาพักเที่ยงวัลลี ต้องเดินกลับบ้านเพื่อไปป้อนอาหาร เที่ยงให้คุณแม่ที่ป่วยเป็น อัมพาต การกระทำาของวัลลีนี้สมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลดีเด่นด้าน ความ กตัญญู 1.ลำาดับตามเวลา 2.ลำาดับตามสถานที่ 3.ลำาดับจากเหตุไปสู่ผล 4.ลำาดับจากผลไปสู่เหตุ 6.ข้อใดมีคำาประพันธ์ที่เหมือนกับคำาประพันธ์ที่ยกตัวอย่างมานี้ “กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลงซอเจ้งจำาเรียงเวียงวัง” 1.เร่งพลพาชีตีกระหนาบตัวนายชักดาบออกไล่หลัง 2.ตีนงูงูไซร้หากเห็นกันนมไก่ไก่สำาคัญไก่รู้ 3.ลิงค่างครางโครกครอกฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน 4. ไว้ปากไว้วากย์วาทีไว้วงศ์กวีไว้เกียรติและไว้นามกร 7.ข้อใดเป็นประโยคใจความสำาคัญของข้อความต่อไปนี้ (ก) คำาว่า “เอ็นดู” ก็เหมือนกันถ้าสาวๆ ได้ยินพ่อเฒ่าชาวใต้แหลงว่า “เอ็นดูหลาว” อย่าเข้าใจผิดคิดไป ว่าพ่อเฒ่าหัวงูมาเอ็นดูหวังเลี้ยงต้อย เพราะ “เอ็นดู” ในบริบทของคนใต้แปลว่าสงสาร (ข) นี่แหละครับ เสน่ห์ของการเดินทางไปยังต่างถิ่นต่างที่ คือได้เรียนรู้ภาษา เรียนรู้ วัฒนธรรม และวิธีคิดที่ต่างจาก ความคุ้นเคยของเรา (ค) นับว่าชาว ชุมพรและคนปักษ์ใต้โชคดีที่มีปราชญ์อย่างอาจารย์สนั่นพากเพียร รวบรวมภาษาถิ่นที่มีคุณค่าไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (ง) ก่อนที่ภาษา อินเทอร์เน็ตใน “แชทรูม” และการส่ง “ชอร์ตแมสเสจ” ในโทรศัพท์มือ ถือจะบดบังภาษาถิ่นจนหมด 1.(ก) 2.(ข) 3.(ค) 4.(ง)
  • 3. 8.ข้อใดเป็นประเด็นโต้แย้งของข้อความต่อไปนี้ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากการค้นหา จากจุดที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด ของการพัฒนาประเทศ (most binding constraint) และเน้นแก้ปัญหาในจุดดังกล่าว การ พยายามแก้ปัญหาหลายปัญหาพร้อมๆ กัน เป็นการพัฒนาที่ไร้ประโยชน์ 1.มีอุปสรรคใดบ้างในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ 2.การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่ อย่างไร 3.การแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจหลายๆ อย่างพร้อมกัน ถือเป็นการแก้ ปัญหาหรือไม่ 4.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควรเริ่มต้นจากจุดที่สำาคัญ ที่สุดใช่หรือไม่ คำาชี้แจง นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ จากนั้นตอบ คำาถามข้อ 9-11 เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตรา หุ่นสวย เมื่อเราใช้ครีมแล้วเรา ไม่ต้องลดอาหารหรือออกกำาลังกายให้ หนัก ทำาให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปจนทำาให้ร่างกายทรุดโทรม นอกจากนี้ ยังไม่มีสารพิษตกค้าง สภาพร่างกายของเราจึงดีขึ้นทันตา เห็น หุ่นสวยกระชับ ไร้ไขมัน รู้สึก กลับไปเป็นสาววัยแรกรุ่นอีกครั้ง ตอน แรกคิดว่าการลดนำ้าหนักด้วยวิธีนี้จะไม่ได้ผล เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้ว อยากให้คนที่อยากสวยหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วนตราหุ่นสวยแบบ เรามากขึ้น 9.ข้อใดเป็นเจตนาในการพูด 1.อวดอ้างว่าตนเองสวย 2.บอกเล่าวิธีการลดนำ้าหนักให้มีรูปร่างสวยงาม 3.แนะนำาคุณค่าที่ได้จากการลดนำ้าหนักด้วยครีมกระชับสัดส่วนตรา หุ่นสวย 4.ชักชวนให้เพื่อนที่ต้องการลดนำ้าหนักหันมาใช้ครีมกระชับสัดส่วน ตรา หุ่นสวย 10.ข้อความข้างต้นมีวิธีการลำาดับเนื้อหาอย่างไร 1.ลำาดับตามเวลา 2.ลำาดับตามสถานที่ 3.ลำาดับจากเหตุไปสู่ผล 4.ลำาดับจากผลไปสู่เหตุ 11.จากข้อความข้างต้นการแสดงทรรศนะของผู้เขียนเกิดจากข้อใด
  • 4. 1.ความรู้ 2.ความเชื่อ 3.ค่านิยม 4.ประสบการณ์ 12.ข้อใดเป็นโครงสร้างของการแสดงเหตุผลในข้อความต่อไปนี้ “ด้วยความที่ไข่ตุ๋นเป็นอาหารที่รับประทานได้ง่าย แถมยังทำาง่าย ราคาถูก ที่สำาคัญยังมีคุณค่าทาง โภชนาการสูงอีกด้วย ไข่ตุ๋นจึงเป็น อาหารที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชอบรับประทาน” 1.ข้อสนับสนุน ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 2.ข้อสนับสนุน ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 3.ข้อสรุป ข้อสนับสนุน ข้อสรุป 4.ข้อสรุป ข้อสรุป ข้อสนับสนุน 13.ข้อความต่อไปนี้ใช้วิธีการเขียนสอดคล้องกับข้อใด ถ้าเราออกกำาลังกายอย่างสมำ่าเสมอ กินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้สุขภาพของเราสมบูรณ์ แข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส และ สามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้ดียิ่งขึ้น 1.เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย 2.ใช้ภาษาเร้าใจ 3.ใช้เหตุผล 4.อ้างอิงหลักฐาน 14.สถานการณ์ต่อไปนี้แสดงว่าผู้ฟังมีสัมฤทธิผลในการฟังระดับใด อาทิตย์ฟังรายการวิทยุ มีข้อความจากบันทึกของศรีบูรพาตอนหนึ่ง ว่า “ แม้เรามิได้เป็นดอกซากุระ ก็อย่ารังเกียจที่ต้องเกิด เป็นบุปผาพันธุ์อื่นเลย ขอแต่ให้เป็นดอกที่งามที่สุดในพันธุ์ของเรา ภูเขาไฟฟูจี มีอยู่ลูกเดียว แต่ภูเขาทั้งหลายก็หาไร้ค่า ไม่ แม้มิได้เป็นซามูไรก็จงเป็นลูกสมุนของซามูไรเถิด เราจะเป็น กัปตันกันหมดทุกคนไม่ได้ ด้วยว่าถ้าปราศจากลูกเรือแล้ว เราจะไปกัน ได้อย่างไร” หลังจากได้ฟังแล้ว เขาบอกกับตนเองว่าผู้พูดต้องการให้ คนเรามีทัศนคติที่ดีต่อบทบาทหน้าที่ของตนเหนือกว่าสิ่งใด 1.เข้าใจจุดประสงค์ของผู้พูด 2.รับรู้ข้อความได้ครบถ้วน 3.บอกได้ว่าสิ่งที่ฟังน่าเชื่อถือ 4.ประเมินได้ว่าสิ่งที่ฟังมีประโยชน์
  • 5. “แว่วเสียงสำาเนียงบุหรงร้อง ว่าเสียงสามนิ่มน้องเสน่หา พระแย้มเยี่ยมม่านทัศนา เห็นแต่ป่าพุ่มไม้ใบบัง เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง รสรักร้อนรนพ้นกำาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย” 15.ข้อใดไม่สามารถอนุมานได้จากบทประพันธ์ข้างต้น 1.มีความเศร้าจากความรัก 2.มีความผิดหวังในความรัก 3.มีความลุ่มหลงในความรัก 4.มีความร้อนแรงในความรัก 16.บทประพันธ์ในข้อใดปรากฏนาฏการ 1. อันสุริยวงศ์เทวัญอสัญหยา เรืองเดชเดชาชาญสนาม ทั้งโยธีก็ชำานาญการสงคราม ลือนามในชวาระอาฤทธิ์ 2. ต่างมีฝีมืออื้ออึง วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น ดาบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ากริชติดฟันประจัญ รบ 3. กรุงกษัตริย์ขอขึ้นก็นับร้อย เราเป็นเมืองน้อยกระจิหริด ดังหิ่งห้อยจะแข่งแสงอาทิตย์ เห็นผิดระบอบบุราณมา 4. ใช่จะไร้ธิดาทุกธานี มีงามแต่บุตรีท้าวดาหา พระองค์จงควรตรึกตรา ไพร่ฟ้าประชากรจะร้อนนัก 17.จากวรรณกรรมเรื่อง นิทานเวตาล นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ “อนึ่งพระองค์ย่อมจะทราบคาถาซึ่งมูลเทวะบัณฑิตแต่งไว้ มีความ ว่า ชายผู้ไม่ใช่คนโง่ ไม่ยอมคืนสู่ เรือนซึ่งไม่มีนางที่รักผู้มีรูปงามคอย รับรองในขณะกลับถึงเรือนนั้น” ข้อความข้างต้นใช้โวหารแบบใด 1.สาธกโวหาร 2.อุปมาโวหาร 3.บรรยายโวหาร 4.พรรณนาโวหาร “จำาใจจากแม่เปลื้อง ปลิดอก อรเอย เยียวว่าแดเดียวยก แยกได้ สองซีกแล่งทรวงตก แตกภาค ออกแม่ ภาคพี่ไปหนึ่งไว้ แนบเนื้อนวลถนอม” 18.คำาประพันธ์ข้างต้นมีลีลาในการแต่งสอดคล้องกับข้อใด 1.จึงบัญชาตรัสดัวยขัดเคือง ดูดู๋เจ้าเมืองดาหา 2.กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
  • 6. 3.แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายนำ้าไหล 4.ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้นสีหนาทประภาษไป 19. ข้อใดปรากฏคำาถามเชิงวาทศิลป์ 1.อากาศจักจารผจง จารึก พอฤๅ 2.โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม อยู่ร้อนฤๅเห็น 3.สุริยจันทรขจาย จากโลก ไปฤๅ 4.กฤษณนิทรเลอหลัง นาคหลับ ฤๅพ่อ “(ก)...พระองค์เสด็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีละออง พระบาทให้เรี่ยราดลง...” และ “(ข)...เมื่อตะวันฉายเงาไม้ มิได้บ่ายไป ตามตะวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด...” 20. บทประพันธ์ทั้งสองบทข้างต้นปรากฏ ภาพพจน์แบบใดบ้าง เรียงตามลำาดับ 1.(ก) อุปมา (ข) อุปมา 2.(ก) อุปมา (ข) อติพจน์ 3.(ก) อุปมา (ข) อุปลักษณ์ 4.(ก) ไม่ปรากฏภาพพจน์ (ข) อุปมา “ฟานฝูงคณาเนื้อนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย ชะมดฉมันหมายเม่นหมีหมู หมู่กระทิงเถื่อน โคถึกเที่ยวทุรสถาน กาสรกำาเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาด ระคาย กระรอกตุ่นกระแตกระต่ายก็ไต่เต้น เหล่าเหี้ยเห็น ก็ระเห็จหา ภักษา” 21.บทประพันธ์ข้างต้นปรากฏสัตว์กี่ชนิด 1.จำานวน 20 ชนิด 2.จำานวน 21 ชนิด 3.จำานวน 22 ชนิด 4.จำานวน 23 ชนิด “หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำาจร” 22.ข้อใดกล่าวถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าสอดคล้องกับบทประพันธ์ข้าง ต้น 1. สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร พิสุทธิ์พิเศษสุกใส 2. โดยเสด็จพระผู้ตรัสไตร ปัญญาผ่องใส สะอาดและปราศมัวหมอง
  • 7. 3. ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมสานต์ ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย 4. พร้อมเบญจพิธจัก- ษุจรัสวิมลใส เห็นเหตุที่ใกล้ไกล ก็เจนจบประจักษ์จริง 23.ข้อใดปรากฏรสวรรณคดีต่างจากข้ออื่น 1. สงสารนำ้าคำาที่พรำ่าสั่ง คิดถึงความหลังแล้วใจหาย ครวญพลางกำาสรดระทดกาย แล้วคิดอายพวกพลมนตรี 2. เอนองค์ลงอิงพิงเขนย กรเกยก่ายพักตร์ถวิลหวัง รสรักร้อนรนพ้นกำาลัง ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่ง พราย 3. เมื่อนั้น สองระตูวิโยคโศกศัลย์ กอดศพเชษฐาเข้าจาบัลย์ พิโรธรำ่ารำาพันโศกา 4. เมื่อนั้น โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา ค้อนให้ไม่แลดูสารา กัลป์ยาคั่งแค้นแน่นใจ พระพลันเห็นเหตุไซร้ เสียวดวง แดเอย ถนัดดั่งภูผาหลวง ตกต้อง กระหม่ากระเหม่นทรวง สั่นซีด พักตร์นา หนักหฤทัยท่านร้อง เรียกให้โหรทาย ฯ 24.ข้อใดไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกที่ปรากฏในบทประพันธ์ข้างต้น 1.หนักใจ 2.พรั่นใจ 3.หวั่นใจ 4.ร้อนใจ หวังเริ่มคุณเกียรติก้อง กลางรงค์ ยืนพระยศอยู่ยง คู่หล้า สงครามกษัตริย์ทรง ภพแผ่น สองฤๅ สองราชรอนฤทธิ์ร้า เรื่องรู้สรเสริญ 25.ข้อใดคือใจความสำาคัญของบทประพันธ์ข้างต้น 1.การทำาสงครามครั้งนี้จะเป็นเกียรติยศแก่กษัตริย์ทั้งสอง 2.การทำาสงครามครั้งนี้ผู้คนจะพากันสรรเสริญผู้ที่ชนะ 3.กษัตริย์ทั้งสองจะเป็นที่สรรเสริญของฝ่ายตรงข้าม 4.กษัตริย์ทั้งสองจะสู้กันอย่างทัดเทียม “ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตนนาถา ตรีโลกอมรมา อภิวาทนาการ อนึ่งข้าอัญชลี พระฤๅษีผู้ทรงญาณ แปดองค์เธอมีฌาน โดยรอบรู้ใน
  • 8. โรคา ไหว้คุณอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทุกชั้นฟ้า สาปสรรค์ซึ่งหว้านยา ประทานทั่วโลกธาตรี ไหว้ครูกุมารภัจ ผู้เจนจัดในคัมภีร์ เวชศาสตร บรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชน ไหว้ครู ผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผล ล่วงลุนิพพานดล สำาเร็จกิจประสิทธิ์พร” 26.จากบทประพันธ์ข้างต้นสะท้อนคุณธรรมใดในสังคมไทย 1.กตัญญู 2.เมตตา 3.มุทิตา 4.กรุณา “ถ้าเราจะสอนเขาทั้งหลายให้รู้สึกเกียรติยศแห่งการที่จะเป็นผู้เพาะ ความสมบูรณ์ให้แก่ประเทศ เช่น ชาวนา ชาวสวน พ่อค้าช่างต่างๆ จะ ไม่ดีกว่าหรือ” 27.ข้อความข้างต้นใช้กลวิธีทางวรรณศิลป์แบบใดเด่นชัดที่สุด และ กลวิธีดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ข้อ กลวิธีทางวรรณศิลป์ จุดมุ่งหมาย 1. ใช้การเปรียบเทียบ ยำ้าให้จดจำา 2. ใช้ภาษาไพเราะ มีความไพเราะน่าอ่าน 3. ใช้ประโยคคำาถาม กระตุ้นให้คิด 4. ใช้คำาแสดงความรู้สึก ทำาให้น่าเชื่อถือ “ท่านเชื่อหรือว่าพวกหนุ่มๆ ของเราจะทำาประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง โดยทางเสมียนมากกว่าทางอื่นๆ ได้อย่างไร ถ้าไม่อุดหนุนจำานวนที่ จำาเพาะสิ่งของนั้นๆ ขึ้น?” 28.ข้อความข้างต้นคำาว่า “เพาะ” มีความหมายในลักษณะใด และมีความ หมายว่าอย่างไร ข้อ ลักษณะความหมาย ความหมาย 1. ความหมายตรง ทำาให้งอก 2. ความหมายตรง ส่งเสริม 3. ความหมายแฝง ปลูก 4. ความหมายแฝง ทำาให้เกิด คุณสุชาติอธิบายแก่ผู้ที่มาขอคำาปรึกษาว่า
  • 9. “ถ้าวันไหนคุณเกิดกลัวผีอย่างจับจิตจับใจอีก ก็ให้ตั้งสติดีๆ ระลึกถึง คำาที่ผมพูดในวันนี้ว่า ความกลัวนั้น เกิดจากใจของเราเอง เราคิดเอา เองว่าเราเห็นหรือได้ยินสิ่งแปลกๆ ที่เร้นลับ โดยเฉพาะเวลาอยู่คนเดียว หรืออยู่ลำาพังในที่มืด ทั้งหมดนั้นเกิดจากจินตนาการของเราโดยแท้” 29.คำาพูดของผู้ฟังตามข้อใดต่อไปนี้แสดงว่าคำาพูดของคุณสุชาติบรรลุ วัตถุประสงค์ 1.ดิฉันจะลองทำาดูก่อน เผื่อจะได้ผลบ้าง ทั้งๆ ที่ก็ยังกลัวอยู่นะคะ 2.คุณคะ คุณมีคาถากันผีบ้างไหม ดิฉันอยากได้คาถาที่ผีกลัว 3.ที่คุณพูดก็อาจจะจริง แต่ดิฉันก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี 4.คุณไม่เคยเจอผีคุณก็พูดได้ซีคะ เวลาเจอแล้วจะตั้งสติได้อย่างไร ล่ะคะ 30.จากข้อความต่อไปนี้ ก. คืออะไร - ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อ ก. จากจีนมากกว่าเพราะเมล็ดโตกว่า - ก. สายพันธุ์ไทยมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าสายพันธุ์จีน - ผู้วิจัยพบว่า ก. สายพันธุ์ไทยทำาเป็นแป้งที่มีคุณภาพมากกว่า - ก. เป็นส่วนประกอบที่ใช้ทำาขนมไทยหลายชนิด - เจ้าของบึงมักตัดดอกขายมากกว่าจะรอจนกว่าจะได้ ก. 1.เมล็ดถั่วเหลือง 2.เมล็ดข้าวสาลี 3.เมล็ดทานตะวัน 4.เมล็ดบัว 31.ในข้อความต่อไปนี้ “หัวใจของธุรกิจนี้” มีความหมายตามข้อใด หัวใจของธุรกิจนี้แตกต่างจากที่อื่นซึ่งอาจจะสนใจพัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่ดีเลิศบ้าง ขยายเครือข่ายอย่าง กว้างขวางบ้าง ส่วนเรา ต้องยืนหยัดให้ได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม 1.ความมั่นคงขององค์กร 2.คุณภาพของสินค้า 3.ความมีสัมพันธภาพที่ดี 4.การเติบโตของธุรกิจ ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำาถาม ข้อ 32-33 เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างเมื่อเราปลูกส้มแบบเกษตรอินทรีย์ เราไม่ ได้ลงทุนมาก ตั้งแต่ต้นปีมาใช้ไป ไม่กี่พันบาท ชาวบ้านไม่เหม็นยาเคมี ไม่มีมลภาวะ สภาพร่างกายเราดีขึ้นทันตาเห็น ตอนแรกคิดว่าทำายาก
  • 10. เดี๋ยวนี้รู้แล้ว อยากให้คนปลูกส้มแบบใช้สารเคมีหันมาทำาแบบเรากัน มากขึ้น 32.ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อความข้างต้น 1.ผู้พูดเพิ่งเริ่มอาชีพเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก 2.ไร่ส้มอินทรีย์ทำาได้ง่ายและได้ผลดีหลายด้าน 3.การปลูกส้มแบบใช้สารเคมีมีต้นทุนสูงกว่าแบบอินทรีย์มาก 4.ผู้พูดพอใจที่แข็งแรงขึ้นเพราะไม่ต้องสูดดมสารเคมี 33.ข้อใดเป็นเจตนาของผู้พูด 1.บอกกล่าวให้คนรู้จักผลงานเกษตรอินทรีย์ที่ตนทำาอยู่ 2.ตักเตือนให้คนระวังในการกินส้มที่ปลูกแบบใช้สารเคมี 3.ชักชวนเพื่อนเกษตรกรให้เปลี่ยนมาทำาไร่แบบเกษตรอินทรีย์ 4.แนะนำาคุณค่าของส้มที่ได้จากไร่แบบเกษตรอินทรีย์ 34.ข้อใดไม่อาจอนุมานได้จากข้อความต่อไปนี้ การไม่กินอาหารเช้าจะทำาให้ร่างกายขาดพลังงาน และจะมีผลต่อ การเรียนรู้และความจำา เพราะ สารอาหารหลักที่ให้พลังงานคือกลูโคส จากอาหาร ดังนั้นการกินอาหารเช้าจึงทำาให้สมองทำางานได้ดี โดย เฉพาะเด็กนักเรียนจะช่วยให้มีสมาธิในการเรียน 1.นักเรียนควรกินอาหารเช้าเพราะจะช่วยให้เรียนหนังสือได้ดีขึ้น 2.ผู้ใหญ่อาจงดอาหารเช้าได้เพราะไม่ได้อยู่ในวัยเรียน 3.ทุกคนควรกินอาหารเช้าเพราะจะช่วยการทำางานของสมอง 4.อาหารเช้ามีประโยชน์เพราะทำาให้ร่างกายได้รับพลังงาน 35.ข้อใดไม่สอดคล้องกับข้อความต่อไปนี้ เนื่องจากนักดำานำ้าต้องทำางานอยู่ภายใต้ความกดดัน ต่อสู้กับกระแส นำ้า คลื่นลม ความหนาวเย็น ความโดดเดี่ยว อันตรายจาก สัตว์ทะเล และโรคที่เกิดขึ้นจากการดำานำ้า ดังนั้นผู้ที่จะทำางานใต้นำ้าจะ ต้องเป็นผู้ที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติ มีการตัดสินใจในการแก้ ปัญหาได้ดี 1.ผู้ทำางานใต้นำ้าทุกคนต้องมีร่างกายสมบูรณ์ 2.ความโดดเดี่ยวทำาให้นักดำานำ้าเป็นโรคที่เกิดจากการดำานำ้า 3.กระแสนำ้า คลื่นลม และอุณหภูมิเป็นปัญหาในการทำางานใต้นำ้า 4.อุปสรรคในการทำางานใต้นำ้าอาจผ่านพ้นไปได้เพราะความมีสติ
  • 11. 36.ข้อใดเป็นแนวคิดของข้อความต่อไปนี้ ไม่สำาคัญหรอกว่าชีวิตนี้เคยล้มหรือไม่เคยล้ม แต่อยู่ที่ว่าสามารถลุกขึ้น ได้ทุกครั้งที่ล้มหรือไม่ บางคน เพราะล้มจึงได้รู้ข้อผิดพลาด แล้วนำาจุดที่ เคยพลาดพลั้งนั้นมาทำากำาไรให้ชีวิตในอนาคต จนลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง 1.ทุกคนล้วนแต่เคยสมหวังและผิดหวังในชีวิตมาแล้ว 2.การยอมแพ้อุปสรรคย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร 3.การนำาข้อผิดพลาดมาเป็นบทเรียนทำาให้ชีวิตประสบความสำาเร็จได้ 4.การฟื้นฟูกิจการที่ล้มเหลวให้ได้กำาไรไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะ กระทำา ตอนที่ 2 แบบเขียนตอบสั้นๆ จำานวน 15 ข้อ สุพรรณนิการ์ สุพรรณนิการ์เป็นพรรณไม้ยืนต้นแตกกิ่งก้านเป็นทรง พุ่มโปร่ง ผลิดอกเป็นช่องามเหลืองอร่ามบานสะพรั่ง กลีบดอก และเกสรมีสีเหลือดั่งทองคำา จึงได้รับการขนานนามให้เป็นดอกไม้ คู่ฟ้า ว่ากันว่าต้นสุพรรณนิการ์ คือต้นปาริชาติ ที่นับ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในสมัยพุทธกาล หากบ้านใดปลูกต้นสุพรรณนิ การ์จะทำาให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองบุคคลภายใน บ้าน นอกจากนี้สุพรรณนิการ์ยังเป็นไม้ประจำาปีระกา ซึ่งถ้าหาก ปลูกในวันพุธทางทิศใต้จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลได้มากยิ่ง
  • 12. ขึ้น (จากวารสาร ไทยประกันชีวิต ปีที่ 22 ฉบับที่ 124 หน้า 59) คำาชี้แจง ให้นักเรียน อ่านข้อความที่ครูกำาหนดให้ แล้วตอบคำาถาม คำาถามต่อไปนี้ 1. ใจความสำาคัญของเรื่องนี้คืออะไร ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ....................................... 2. เรื่องนี้พูดถึงสิ่งใด ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ....................................... 3. เรื่องนี้แนะนำาให้ทำาอะไร ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ...................................... 4. เรื่องนี้เมื่อทำาตามผู้แนะนำาจะเป็นอย่างไร
  • 13. ......................................................................................... ................................................................ คำาชี้แจง ให้นักเรียนศึกษา อ่านข้อความที่ครูกำาหนดให้ต่อไปนี้ แล้ว ตอบคำาถาม 5.ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร เกิดได้อย่างไร ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ...................................... เครียดลงกระเพาะ เครียดลงกระเพาะเป็นอาการของโรคเครียดที่มีผลต่อ ระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่มักมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวด ท้องบ่อย ๆ หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด และจะเกิดแผลในกระเพาะ อาหารได้ในที่สุด สาเหตุเพราะความเครียดจะกระตุ้นให้เกิดการ หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนจากต่อมหมวกไตมากกว่าปกติ ทำาให้ ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา และทำาให้กรดในกระเพาะหลั่งมากกว่า เดิมจนเป็นอาการต่าง ๆ ดังกล่าว ผู้ที่เป็นโรคเครียดลงกระเพาะจนเกิดเป็นแผลใน กระเพาะนั้น มีข้อพึงปฏิบัติ คือ ต้องไม่รับประทานอาหารให้อิ่ม จนเกินไป ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัดและควรรับ ประทานอาหารให้เป็นเวลา มีสมุนไพรไทยบางชนิดใช้รักษาโรคท้องอืด ท้อง เฟ้อ ได้ คือ ขมิ้นชัน ขิง กานพูล กระเทียม พริกไทยดำา ดีปรี ข่า และกระชาย โดยใช้วิธีต้มเอานำ้ามาดื่ม หรือเลือกทานชนิดที่ บรรจุเป็นแคปซูลกินก็สะดวก อย่างไรก็ตามการพักผ่อนอย่างเพียง พอไม่เครียดหรือกังวลกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป ก็จะช่วยป้องกัน ไม่ให้โรคเครียดย่างกรายมาทำาร้ายเราได้ในที่สุด (จากวารสาร ไทยประกันชีวิต ปีที่ 23 ฉบับที่ 130 หน้า 50)
  • 14. 6.ผลของปัญหานี้ทำาให้เกิดสิ่งใด ......................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... ....................................... 7.มีวิธีการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร ......................................................................................... ............................................... ...................................................................................... .................................................. อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำาถามข้อ 8-13 ครั้งพุทธกาลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นามว่า “ชีวกโกมารภัจจ์” ตามตำานานกล่าวว่า ท่านเป็นลูก ของหญิงงามเมืองหรือนางนครโสเภณีซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นเกียรติยศของ บ้านเมืองอย่างหนึ่งนามว่า “สาลวดี” ค่าที่มารดามีอาชีพที่ต้องรักษาตัวให้ เลอโฉมอยู่เป็นนิตย์ พอพลาดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา นางจึงหลบลี้หนีจาก วงสังคมไปพักใหญ่ ภายหลังคลอดลูกชายออกมาก็สั่งให้คนสนิทเอาไปทิ้ง กองขยะ เพราะว่าลูกชายไม่สามารถสืบเชื้อสายอันทรงเกียรติของมารดา ได้หากเลี้ยงไปก็จะเกิดความอัปยศแก่ตน ดังนรกชังหรือสวรรค์แกล้งก็ไม่รู้ เผอิญเช้าวันนั้นเจ้าชายอภัยพระ โอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าพิมพิสารทรงดำาเนินผ่านมาทางนั้นพอดี ทอด พระเนตรเห็นอีกาจำานวนมากบินว่อนอยู่เหนือกองขยะ จึงทรงใช้ มหาดเล็กไปดู มหาดเล็กกราบทูลว่าเป็นเด็ก ทรงถามกลับไปว่า “ตายหรือ เป็น” มหาดเล็กตอบว่า”ยังเป็นๆอยู่เลยพระเจ้าข้า” จึงทรงรับเด็กไว้ในพระราชูปถัมภ์แล้วเรียกชื่อว่า “ชีวก” แปลว่า “ยังมี ชีวิตอยู่” หรือแปลเป็นไทยอีกชื่อหนึ่งว่า “บุญรอด” จำาเนียรกาลผ่านไป ชีวกกุมารเจริญวัย รู้ว่าตนเป็นลูกกำาพร้าเกิด ความน้อยใจในวาสนาจึงคิดหาวิชา ใส่ตัว ออกเดินทางไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์จากอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงอยู่ใน เมืองตักสิลาเสีย 7 ปี ศึกษาอยู่นานจนเบื่อหน่าย มองไม่เห็นว่าจะจบ หลักสูตรเมื่อไร จึงเข้าไปถามอาจารย์ว่าต้องศึกษากันอีกนานไหมกว่าจะได้ หอมกลิ่นปริญญา อาจารย์ไม่ตอบแต่สั่งให้นักศึกษาหนุ่มออกเดินทางไปใน รัศมี 16 กิโลเมตร (หนึ่งโยชน์) เพื่อหาต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่ใช่ตัวยามาให้ดูหน่อย
  • 15. นักศึกษาหนุ่มถือย่าม จอบ เสียม มุ่งหน้าเข้าป่าหายไปหลายวัน ค้นจนทั่วป่า กินเวลาเกือบสองอาทิตย์ก็กลับมาหาอาจารย์ด้วยสองมือเปล่า อาจารย์ถามว่า “ไหนละ สิ่งที่ไม่ใช่ตัวยา” นักศึกษาแพทย์หนุ่มรายงาน อาจารย์ว่า “กระผมพินิจดูแล้ว ตลอดรัศมี 16 กิโลเมตรในป่านี้ ไม่มีต้นไม้ ใบหญ้าชนิดไหนที่ใช้เป็นตัวยาไม่ได้เลย ไม้ทุกต้น หญ้าทุกชนิด มี สรรพคุณเป็นตัวยาได้ทั้งนั้นขอรับ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของอาจารย์พร้อมกับแววตาเปี่ยม ไมตรีจิต ดูอบอุ่น และภาคภูมิใจ อาจารย์ใหญ่ ตบไหล่ศิษย์รักเบาๆ พลางสรุปข้อค้นพบของเขาให้หนักแน่นขึ้น “ใช่แล้ว ชีวก! หญ้าทุกชนิด ไม้ทุกต้น ถ้าเธอฉลาดพอก็จะรู้ว่าล้วน แล้วแต่ใช้เป็นตัวยาได้ทั้งนั้น ไม่มีหญ้าหรือไม้ต้นใดที่เกิดมาโดยไม่มี คุณค่าด้านหนึ่งด้านใดอยู่ในตัวเองเป็นอันว่าเธอจบการศึกษาและได้รับ ปริญญา จากสถาบันของเราแล้ว” 8. ใจความสำาคัญของข้อความที่คัดมาให้อ่านคืออะไร ..................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... .................................... 9. จากข้อความข้างต้นสรุปได้อย่างไร ..................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... .................................... 10. คำาว่า “ปริญญา” ในย่อหน้าที่ 3 มีความหมายถึงสิ่งใด ..................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... .................................... 11. จุดมุ่งหมายของข้อความที่คัดมาให้อ่านข้างต้นคือ ..................................................................................... .........................................................................................
  • 16. ......................................................................................... .................................... 12. ชีวิตของชีวกโกมารภัจจ์มีเนื้อหาใกล้เคียงกับสุภาษิตใดมาก ที่สุด ..................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... .................................... 13. ประโยค “ครั้งพุทธกาลมีหมอใหญ่เลื่องชื่ออยู่คนหนึ่ง นามว่า “ชี วกโกมารภัจจ์” เป็นประโยคชนิดใด ..................................................................................... ......................................................................................... ......................................................................................... .................................... จงใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำาถามข้อที่ 14-15 ดอกไม้ในร้านดอกไม้อาจเป็นเพื่อนร่วมทางกันมาตั้งแต่ที่ไร่จนถึง ปลายทาง หรืออาจต่างมาจากต่างถิ่นกัน แต่ได้มาร่วมทางกัน แล้วแยก ย้ายกันไป ดอกไม้ในแจกันเดียวกันอาจเหี่ยวไปพร้อมๆ กัน หรือมีดอก ใดที่เหี่ยวไปก่อน คนจีนมีคำากล่าวว่า พี่น้องร้อยคนก็เหมือนคนเดียว เพราะบั้นปลาย ต่างคนต่างแก่มาดูแลกันไม่ไหว ซึ่งที่สุดแล้วก็ต้องมีคนไปก่อนและมีคน ไปหลัง บางคนจึงมีเพื่อนตาย และหลายคนก็อาจไม่มี วันหนึ่งขณะผ่านหัวลำาโพง เห็นยาย 2 คน พากันเดินด้วยไม้ไผ่ลำา หนึ่ง ยายคนแข็งแรงนำาหน้า จูงยายที่ตาฟางแล้วให้เดินตาม เท้าของ ยายทั้งสองก้าวช้าๆ เหมือนลานตุ๊กตาที่จวนหมด อยากให้ยายทั้งสองถึงที่หมายพร้อมกัน ไม่ใช่ทิ้งคนหนึ่งไว้ให้ต้อง ตายเพียงลำาพังอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย 14. ความคิดสำาคัญในข้อความข้างต้นคืออะไร ................................................................................................ ..................................................................... ............................. ..................................................................................................... ..........................................
  • 17. 15. คำาว่า “ที่หมาย” จากข้อความข้างต้นมีความหมายว่าอย่างไร ................................................................................................ ..................................................................... ............................. ..................................................................................................... .......................................... ตอนที่ 3 แบบเขียนตอบ จำานวน 2 ข้อ รวมเรื่องสั้น ฟ้าบ่กั้น แดดกล้าเริงแรงเหมือนจงใจจะแผดเผาทุกชีวิตบนทุ่งกว้างให้ ไหม้มอดจนสิ้นซาก สะแบงหลวงกับพะยอมยืนโดดเด่น ทิ้งใบแก้สี เหลือคลำ้าร่อนลงดินเป็นครั้งคราว เขาหย่อนกายลงตรงโคนไม้ด้วย ท่าทางที่เหนื่อยอ่อน เสื้อสีครามคลำ้าเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ รอบ ตัวมีแต่ความอ้างว้าง แห้งแล้ง เขาเพ่งมองกลุ่มหญ้าหม่นและฟางฝอย ที่ปลิวว่อน หมุนเป็นลำาสูงพุ่งขึ้นสู่ทองฟ้า นอกจากหญ้าและฟางมันยัง หอบเอาดินสีนำ้าตาลลอยฟุ้งจนมืดมัวไปหมด มันเป็นลมหัวกุด หรือที่ บางคนเรียกว่าลมหัวด้วน เขารู้สึกหวาดขึ้นมาทันทีเมื่อคอดได้ว่าลมที่ พัดตึง ๆ อยู่นั้น ผู้ใหญ่เคยบอกว่ามันเป็นเครื่องหมายของความแห้ง แล้ง ความอดอยาก ความวิบัติ และความตาย เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารู้สึก กระวนกระวายอยากจะให้ถึงบ้านที่มองเห็นยอดไผ่เรี่ยดินลิบ ๆ อยู่ เบื้องหน้า แต่ก็ลังเลที่จะเดินต่อ เพราะเมื่อครู่นี้เอง ก่อนจะถึงร่มไม้ เขารู้สึกหูอื้อตามัว ซึ่งเขารู้ว่ากำาลังจะเมาแดดและเป็นลม เขามองดู ฝ่าเท้าที่พองเพราะความร้อนไหม้ของพื้นทรายแล้วรู้สึกโกรธขึ้นมา อย่างบอกไม่ถูก โกรธดินฟ้าอากาศซึ่งช่างมีแต่ความทารุณไม่จบสิ้น เช้านี้มันยังหนาวเหน็บจนถึงกระดูก แต่ขณะนี้กลับร้อนจนรู้สึกว่าหัวจะ แตกออกเป็นเสี่ยง เมื่อคิดถึงความเยือกเย็นยามเช้าตรู่ ก็ยิ่งคิดถึงลูก น้อยมากขึ้น เช้านี้เองเขากับลูกเล็ก ๆ สองคนพากันออกไปหาเขียดเพื่อ อาหารมื้อเช้าที่ทุ่งนาข้างบ้าน อากาศแสนหนาว ลูกน้อยทั้งสองคาง เขียดขา คำา
  • 18. สั่นกัก ๆ ขณะที่ก้มมองหาตาเขียดชึ่งซ่อนอยู่ตามรอยแตกระแหงของ ผืนนา ทุกครั้งที่มองเห็นตาใสในหลืบลึก ลูกน้อยจะเรียกเขาเสียงดัง “พ่อ นี้อีกตัว” “พ่อ หลืบนี้มีสองตัว เขียดขาคำาเสียด้วย เร็วหน่อยซิพ่อ” เขาจะกะโผลกกะเผลกไปตามเสียงเรียก ใช้จอบงัดรอยระแหง บางตัวเขาจับมันได้ทันที แต่มีบางตัวพอเริ่มงัดดินมันก็กระโดแผล็วไป แล้ว เป็นหน้าที่ของลูกที่จะต้องไล่ตะครุบ บางตัวก็ทัน บางตัวก็ กระโดดลงไปในหลีบดินใหม่ ทำาให้เขาต้องตามไปงัดรอยระแหงนั้นอีก บางครั้งถ้าโชคดีนอกจากจะได้เขียดยังพบหอยกาบ หอยจุ๊บแจงที่หมก ตัวรอฝน ซึ่งเขาก็เก็บมันไป แดดเริ่มอุ่นและได้เขียดมากพอสำาหรับ กับข้าวมื้อเช้าแล้ว เสียงผู้ใหญ่บ้านเคาะเกราะเรียกประชุมดังแว่วมา จากในบ้าน เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารู้สึกโกรธตังเองขึ้นมาอีกอย่างบอกไม่ ถูก เพราะถ้าหากว่าเขากลับบ้านเสียแต่ตอนนั้น ลูกน้อยที่น่าสงสารก็ คงไม่เจ็บ มันเป็นหลืบสุดท้ายแท้ ๆ ในทันทีที่เขางัดดินแตกกระจาย เขียดขาคำาโดดเต็มที่ขนาดหัวแม่มือกระโดดแผล็วผ่านหน้าลูกชาย คนกลางไป เด็กน้อยไล่ตามไปห้าหกวา เขียดจึงกระโดดหลบลงไปใน รอยเท้าควาย ลูกน้อยของเขาล้วงมือตามหมายจะจับ เท่านั้นเองเขาก็ ตะลึงแทบสิ้นสติ เมื่อได้ยินลูกน้อยร้องเสียงลั่น “พ่อ งูกัดมือ” งูเห่าแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อ ๆ ได้สติเขากระโจนใช้ด้าม จอบหวดไปเต็มแรงสามครั้ง งูร้ายก็หางสั่นดิก ๆ เขาหอบลูกน้อย พร้อมกับครุเขียดกลับเข้าบ้าน และไม่ลืมบอกให้ลูกอีกคนลากงูไปด้วย ลูกของเขาร้องไห้และครางเบา ๆ ตลอดทาง มือของเด็กตบที่ หน้าอกบอกว่าหายใจไม่ออก เมื่อถึงบ้านทุกสิ่งโกลาหลไปหมด วิ่งหา หมอนำ้ามนต์ หมอยากลางบ้าน เท่าที่คิดชื่อได้ “เอาเขียดมาสับปิดที่แผล” เพื่อนบ้านคนหนึ่งร้องบอก “ปิ้งตับงูให้มันกิน” อีกคนตะโกนเสียงดัง เขาวิ่งไปที่ซากงู ผ่า ท้องหาตับ ในขณะที่เมียของเขาเฝ้าแต่นั่งร้องไห้ ยิ่งสายคนก็ยิ่งมาก เพื่อนบ้านที่ประชุมอยู่บ้านผู้ใหญ่เมื่อทราบข่าวก็แตกฮือมาสมทบ และ ในขณะเดียวกันเขาก็ตกใจแทบเป็นบ้า เมื่อเพื่อนบ้านบอกว่าเขาต้องไป
  • 19. อำาเภอวันนี้ เพราะผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า วันนี้เป็นวันที่ทางการจะจ่ายเงิน ให้กับคนที่มีลูกตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเขาก็เป็นคนหนึ่งที่มีลูกครบห้า คนพอดี “จะไปได้ยังไง ? ลูกจะตายแหง็บ ๆ อยู่ไม่เห็นรึ ?” เขาพูด อย่างเจ็บแค้น “มันจะเป็นอะไรไปวะ ? มดหมอออกมามากมาย ต่างก็เคยรักษากิน บ้านกินเมืองมาแล้วทั้งนั้น” “ไปซีอ้ายบ้า ตั้งสองร้อยบาทเทียวนะ เกิดมามึงเคยมีรึ ? เงิน สองร้อยน่ะ” “พูดมันเสียมันเถอะ” อีกคนพูด “ถ้ามันเกิดมีอันป็นถึงล้มถึงตายก็ เลยจะชวดเท่านั้นเอง” “ไม่ไป๊ ไม่ไป” เขาเอ็ดตะโร “ลูกนอนหายใจปะหงับ ๆ อยู่ ยัง จะมาบอกให้ไป วันอื่นมันทำาไมไม่จ่าย ? จริง เงินสองร้อยบาทแต่เกิด มาก็ไม่เคยมี แต่กูไม่ไป ข้าไม่ไป” “ตะราง” อีกคนหนึ่งพูด “ถ้าไม่ไปมันก็ตะรางเท่านั้นเอง มีหรือ จะขัดเจ้าขัดนาย เขาให้ต้องเอา ไม่เอาก็ตะราง” เขารู้สึกเสียใจเมื่อได้ยินคำาว่าตะรางบ่อย ๆ แต่ก็ยังแข็งใจพูด “ตะรางตะเริงที่ไหน ก็บอกไม่เอา ไม่เอา ลูกจะตายทั้งคนจะทิ้งไป ได้ยังง้าย ?” เขาขึ้นเสียง “ไม่ไป ไม่ไป” เขายำ้าอีก “ไปเสีย อย่าขัดทางการเขา เราเป็นราษฎร” หันไปก็พบผู้ใหญ่ บ้านยืนหน้าขรึมอยู่ข้าง ๆ เขาเสียงแหบแหงลงทันที “ถ้าไม่ไป โทษถึงตะรางจริงหรือ ?” เขาถาม “แน่นอน” ผู้ใหญ่บ้านพูดขึงขัง “บางทีถึงจำาตลอดชีวิต” เท่านั้นเอง เขาก็ต้องซมซานไปอำาเภอเหมือนคนบ้า ฝากลูกน้อย กับหมอนำ้ามนต์และเพื่อนบ้าน แล้วผลุงลงเรือนไป ถึงอำาเภอเอาเมื่อ
  • 20. พระจวนจะเพล พบกับเพื่อนบ้านที่มาเอาเงินเช่นเดียวกับเขานั่งเป็นกลุ่ม เพื่อนบ้านชี้ให้เขาไปที่โต๊ะปลัดอำาเภอแก่ ๆ คนหนึ่ง จึงผลุนผลันเข้าไป “ผมนายนาค นางาม ครับ มาขอเอาเงินค่ามีลูกมาก” “เออ นาย ลูกของผมกำาลังจะตาย” แต่แล้วเขาก็ชะงักโดยเร็ว เมื่อคิดว่าเขาไม่ควรพูดคำานี้ เพราะบางทีเจ้านายเกิดสงสัยว่าลูกเขาจะ ตายจะลำาบาก ปลัดอำาเภอคนนั้นก้มหน้าเขียนอะไรขยุกขยิกต่อไปอีก นาคเดินออกมาสมทบเพื่อนข้างนอกอย่างเงื่องหงอย เกิดเป็นราษฎร ชาวนานี่ช่างมีแต่กองทุกข์ เขาคิด อดอยากปากหมองก็สุดจะทุกข์อยู่ แล้ว หันหน้าไปหาเจ้านายก็มีแต่คำาขู่เข็ญ เขารอต่อไปจนเที่ยง แต่ เจ้านายคนนั้นก็ยังเขียนหนังสือต่อไป เหมือนไม่มีพวกเขาชาวนาทั้ง หลายซึ่งนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย สักครู่ปลัดจึงลุกขึ้นเดินอาด ๆ ออกมาข้างนอก แต่ยังมีเมตตาหันมาบอกสองสามคำา “เที่ยงแล้ว หยุดพัก บ่ายโมงมาเอา” นาคกับเพื่อนนั่งรอจนบ่าย ปลัดหน้าตายคนนั้นจึงเขามา และ เรียกพวกเขาให้เข้าไปหา ทุกคนนั่งราลงที่พื้น เขาเริ่มซักถามต่าง ๆ ว่าทำายังไงจึงมีลูกมากนัก เพื่อนบ้านก็ตอบไปงก ๆ เงิ่น ๆ เรียกเสียง หัวร่ออย่างชอบใจจากหมู่เจ้านายที่หันมาฟังคำาตอบอันน่าจะแสนอดสู เหล่านั้น และแล้วก็ถึงเขาจนได้ “คนไหน ? นายนาค นางาม” “ผมครับ” เขาตอบอ้อมแอ้ม “เราล่ะ ทำายังไงจึงมีลูกมากมายนัก ?” หลายคนหัวเราะคิก ๆ “โอ๊ย มันยากมันจน นายเอ๊ย” เขาโพล่งออกไปเพราะเหลืออด “ก็มันมาเกี่ยวอะไรกับยาก ๆ จน ๆ เล่า ?” ปลัดซักด้วยนำ้าเสียง แสดงความผิดหวังในคำาตอบ “มันจน มันจน ไม่มีเงินจะไปซื้อผ้าห่ม ถึงจะเหม็นสาบเหม็นคาว ทั้งปีทั้งชาติ ก็ได้ใช้เมียนั้นแล้วต่างผ้าห่ม ลูกมันก็หลั่งไหลมา” แทน เสียงหัวเราะ ทุกคนเงียบกันไปครู่หนึ่ง เสียงปลัดหน้าตายคนนั้นจึงปร่า ๆ ขึ้นอีก
  • 21. บ๊ะ อ้ายหมอนี่เอาเมียทำาผ้าห่ม” ลมพัดมาอีกอูหนึ่ง สะแบงหลวงและพะยอมทิ้งใบแก่กราวใหญ่ ประกายแดดยังเต้นระยิบ ลมหัวกุดยังพัดอื้ออึงกลางทุ่งโล่งเบื้องหน้า นาคผละจากเงาไม้สูง ฝ่าเปลวแดดร้อนยามบ่ายมุ่งตรงไปหมู่บ้านบ้าน ไม่นานเขาสวนทางกับเพื่อนบ้านหมู่หนึ่ง “เฮ้ย ทิดนาค” เสียงนั้นทักมาไกล ไม่ทันจะตอบอีกคนหนึ่งก็ชิง เล่า “เอ็งโชคดีเหลือเกิน” คนเล่าทำาให้เขาใจชื้นมากขึ้น ยิ้มเล็กน้อย ก่อนถาม “โชคยังไง ? โชคยังไง ?” เขาถามอย่างร้อนรน “ก็เงินสองร้อยเอ็งได้หรือเปล่าเล่า ?” “ได้ซี อยู่นี่” เขาตบกระเป๋า “โชคดีเหลือเกิน โชคเอ็งดีเหลือเกินนาคเอ๋ย ถ้าเองช้าไปวัน เดียวก็ชวดเงินสองร้อยบาท” คำาถามเพื่อพัฒนาความคิด 1.เรื่องสั้นเรื่องนี้สะท้อนทัศนคติของข้าราชการที่มีต่อราษฎรอย่างใด ปัจจุบันยังคงมีทัศนคติดังกล่าวหรือไม่ นักเรียนมีแนวทางลบล้าง ทัศนคติดังกล่าวได้อย่างไร ............................................................................................ ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... .....................................................................................................
  • 22. ..................................................................................................... ......................... 2.“เขียดขาคำา” กับ “เงินสองร้อยบาท” ก่อให้เกิดผลอย่างไรต่อชีวิต ของตัวละครเอก นักเรียนคิดว่าสถานการณ์ในเรื่องนี้สมจริงหรือไม่ ............................................................................................ ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ..................................................................................................... ......................... ตอนที่ 1 เฉลยข้อสอบ ข้อ คำาตอบ ข้อ คำาตอบ 1 4 20 4 2 2 21 2 3 1 22 4 4 2 23 2 5 3 24 4 6 4 25 4
  • 23. 7 2 26 1 8 3 27 1 9 4 28 3 10 4 29 2 11 4 30 1 12 2 31 4 13 3 32 1 14 1 33 1 15 2 34 3 16 2 35 2 17 1 36 3 18 3 19 4 ตอนที่ 2 แนวทางการตอบ เรื่อง การอ่านเก็บความรู้และอ่านเอาเรื่อง 1. อธิบายลักษณะของดอกไม้ คือ ดอกสุพรรณนิการ์ 2. ดอกสุพรรณนิการ์ ซึ่งถือว่าเป็นดอกไท้ศักดิ์สิทธิ์ 3. แนะนำาว่าถ้าบ้านใดปลูกไม้ชนิดนี้จะทำาให้เกิดความ ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถคุ้มครองบุคคลภายในบ้านได้ 4. จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่บ้านที่ปลูก ดอกสุพรรณนิการ์ใน วันพุธทางทิศใต้และต้องเป็นคนปีระกาเท่านั้นที่ปลูกในวันนี้ จึงจะเป็นสิริมงคล
  • 24. แนวทางการตอบ ใบงานที่ 2 เรื่อง การอ่านวิเคราะห์และอ่านตีความ 5. เครียดลงกระเพาะเกิดจากโรคเครียดที่มีผลต่อระบบทางเดิน อาหาร 6. ปัญหาคือ เป็นโรคกระเพาะ ทำาให้มีอาการท้องอืด ท้อง เฟ้อ ปวดท้องบ่อย ๆ หิวก็ปวด อิ่มก็ปวด จุกเสียดแน่นท้องและจะเกิดแผลใน กระเพาะอาหารได้ 7. วิธีรักษาคือ - ไม่รับประทานอาหารอิ่มเกินไป - เลือกอาหารย่อยง่าย รสไม่จัด - รับประทานอาหารเป็นเวลา - ใช้สมุนไพรไทยในการรักษาท้องอืด ท้องเฟ้อ (เช่น ขมิ้นชัน ขิง กานพูล กระเทียม พริกไทยดำา ดีปลี ข่า และกระชาย) 8. ในรัศมีหนึ่งโยชน์โดยรอบของสำานักตักสิลานั้นไม่มีต้นไม้ใดที่ไม่เป็น ยา 9.พระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือลูกที่กำาพร้าพ่อ แม่ 10.ความรอบรู้และรู้แจ้งในสรรพวิชาที่รำ่าเรียนมา 11.เพื่อส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่าและความสำาคัญของการศึกษา 12.บุญมาวาสนาส่ง 13.ประโยคความเดียว 14.ความตายมาถึงมนุษย์ทุกคนในเวลาต่างกัน 15.การสิ้นสุดของชีวิต
  • 25. ตอนที่ 3 1.สะท้อนให้เห็นทัศนคติของข้าราชการที่ ดูหมิ่นเหยียดหยามราษฎร ในชนบทเป็นสถานการณ์ที่มีความสมจริงเนื่องจากในอดีตผู้ที่เป็น ข้าราชการเปรียบเหมือนเจ้านายเจ้าชีวิตคนอีสานกลัวมากเพราะเป็น เจ้านายของพวกเขาในความเชื่อที่สืบต่อกันมาโดยเด่นชัดมากในเรื่อง เขียดขาคำานี้ และในปัจจุบันนี้ทัศนคติดังกล่าวแทบไม่มีแล้วเนื่องจาก ผู้คนมีความรู้เท่าเทียมกันและมีโอกาสทางข่าวสาร สิทธิ เสรีภาพเท่า กันจึงต้องใช้เหตุและผลประกอบตลอดจนต้องให้ความสำาคัญกับบุคคล ในครอบครัวเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ 2."เขียดขาคำา" กับ "เงินสองร้อยบาท" ที่มีต่อชะตากรรมชีวิต ของนาคได้ว่า "เขียดขาคำา" ทำาให้ลูกของเขาถูกงูกัด และ "เงิน สองร้อยบาท" ทำาให้เขาไม่มีโอกาสดูแลลูกที่ใกล้ตาย แม้ว่าเขา จะโชคดีที่ได้ทั้ง "เขียดขาคำา" และ "เงินสองร้อยบาท" แต่สอง สิ่งนี้ก็ทำาให้สูญเสียลูกไป นอกจากนี้ ยังสะท้อนภาพ " ความ ไม่รู้" ของชาวบ้าน ดังตัวอย่างที่นาคอุ้มลูกชายที่ถูกงูกลับบ้าน โดยไม่ลืมครุเขียด และไม่ลืมบอกลูกอีกคนให้ซากงูไปด้วย แต่ มิได้หาทางป้องกันมิให้พิษงูแล่นเข้าหัวใจ