SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
งาน และ พลัง งาน

คำาจำากัดความของงาน




                                    รูปที่ 6.1
      จากรูปที่ 6.1 แสดงแรงที่กระทำากับวัตถุซึ่งมีทิศเดียวกับการ
เคลื่อนที่ ( F|| ) ทำาให้วัตถุมีความเร่ง ขณะที่แรงกระทำากับวัตถุมีทิศตั้ง
ฉาก ( F ) กับการเคลื่อนที่ไม่มีผลต่อความเร่งของวัตถุ งานที่ได้จะเกิด
       ⊥


จากแรงที่มีทิศเดียวกับการเคลื่อนที่เท่านั้น หรือกล่าวได้ว่าแรงกับการก
ระจัดจะต้องมีทิศทางแนวเดียวกัน
      งานเนื่อ งจากแรงคงที่
      งานที่เกิดจากแรงคงที่ คือผลคูณระหว่างแรงกับการกระจัดซึ่งมี
ทิศเดียวกัน
               ∆W =      || F∆   s
                             
      หรือ W =              F ⋅s =      Fs (cos θ)

      หน่วยของงาน [∆W ] =               [ F ] ⋅ [ s] = N ⋅m
      หน่วยที่ใช้เรียกงานโดยเฉพาะคือ จูล โดยที่ 1N ⋅ m = 1Joule = 1J .
เป็นปริมาณสเกลาร์

ตัว อย่า งที่ 6.1 ออกแรง 50 N กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางขนาด 20kg
โดยทำามุม 30 0 กับแนวระดับดังรูปที่ 6.2 ทำาให้กระเป๋าเดินทางเคลื่อนที่
ด้วยความเร็วคงที่บนผิวขรุขระได้ระยะทาง 4m จงคำานวณหางานที่เกิด
จากแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทาง
รูปที่ 6.2
      วิธ ีท ำา คำานวณหาขนาดของแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดิน
      ทาง จากกฎข้อที่สองของนิวตัน พิจารณาแนวแรงตามรูปที่ 6.3




      รูป            
                                                           ที่ 6.3
                                                 
                    ∑x
                     F                 =        ma x
             FP cos θ − f k        =   0
                     fk            =   FP cosθ
                                                
                    ∑y
                     F                 =        ma y
             FN − mg + F p sin θ
                             =     0
                 F    N      =     mg − F sin θ p


ดังนั้นแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคือ
                       mg =        ( 20kg ) 9.8 m 
                                                 2 
                                                   s 
                           =       196 N
                       f   =  k
                                   F cos θ p


                           =       ( 50N ) cos 30      0



                           =       43.3 N
                       F   =  N
                                   mg − F sin θ p


                           =       (196 N ) − ( 50 N ) sin 300



                           =       196 N − 25 N
                           =       171N
จากคำา จำา กัด ความของงาน
                       ∆W =        F∆    s ||

                       W   =  p    ( Fp cos θ )( ∆s )
                           =       ( 50 N ) (cos 30 0 )( 4m )
                           =       173.21J
      เป็นงานที่เกิดจากแรงซึ่งมีทิศเดียวกับการกระจัดซึ่งมีเพียงแรง
เดียวเท่านั้น
= ∆W F∆     s  ||

                        Wf =     ( f k cos180 0 )( ∆s )
                                   k


                            =    −f ∆     s     k


                            =    ( − 43.30 N )( 4m )
                            =    −173.2 J
       เป็นงานที่เกิดจากแรงเสียดทานซึ่งมีทิศตรงกันข้ามกับการกระจัด
ดังนั้นเมื่อแตกแรง f เข้าการกระจัดคือ ( f k cos180 0 ) จึงมีค่าเป็นลบ
                      k




                         =    ∆WF∆  s      ||

                     WF =      ( FN cos 90 0 )( ∆s )
                                   N


                         =     0J
                     W   =     ( mg cos 90 0 )( ∆s )
                               mg


                         =     0J
    ไม่เกิดงานเนื่องจากแรงทั้งสอง เนื่องจากแรงทั้งสองไม่ทำาให้เกิด
การกระจัดในทิศเดียวกับแรงทั้งสอง

      งานสุทธิที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคืองานรวมทั้งหมดซึ่งมีค่า
เท่ากับศูนย์เนื่องจากกระเป๋าไม่มีความเร่งนั่นคือ
                   ∑ W    t       =       W p + W f + W F + Wmg
                                                        N


                            =     173.2 J − 173.2 J + 0 J + 0 J
                            =     0J
      พิจารณากรณีกระเป๋าเดินทางมีความเร่งดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัว อย่า งที่ 6.2 จากตัวอย่างที่ 6.1 ถ้าพื้นมีสัมประสิทธ์ความเสียดทาน
จลน์ 0.2
วิธ ีท ำา ตัวอย่างที่ 6.1 และ 6.2 แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยที่
ในตัวอย่างที่ 6.2 พื้นจะมีสัมประสิทธ์ความเสียดทานจลน์เข้ามา
เกี่ยวข้องอาศัยรูปที่ 6.2 และ 6.3 และข้อมูลจากตัวอย่างที่ 6.1
                                           fk
จาก                           µk       =   FN
                         =    µF
                              fk            k       N


                         =    ( 0.2 )(171N )
                         =    34.2 N

งานที่กระทำาโดยแรงเสียดทานคือ
                     ∆W =     F∆     s     ||

                     Wf =     ( f k cos180 0 )( ∆s )
                                   k


                         =    −f ∆     s        k
=      ( − 34.2 N )( 4m )
                          =      − 136.8 J

ส่วนงานที่เกิดจากแรงต่างๆ จะมีค่าเท่ากับงานที่เกิดจากแรงในตัวอย่าง
ที่ 6.1 นั่นคือ

                             ∆W   =       F|| ∆s
      W p =173.21J   ;        WFN = 0 J       ;    Wmg = 0 J



ดังนั้นงานสุทธ์ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคือ
                   ∑  W  t         =       W p + W f + WF + Wmg     N


                              =    173.2 J − 136.8 J + 0 J + 0 J
                              =    36.4 J
       เป็นงานสุทธิซึ่งเกิดจากแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทาง
ทำาให้กระเป๋าเดินทางเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง
       จากคำาจำากัดความของงานเมื่อเขียนอยู่ในรูปสมการ ∆W = F ∆s             ||


ดังรูปที่ 6.4 ทำาให้ยุ่งยากและไม่สะดวกในการคำานวณ เพื่อให้ง่ายใน
การแก้สมการสามารถเขียนได้ใหม่โดยใช้ผลคูณแบบดอต (dot
product)




                                                                        รูปที่
6.4
                                         
                            =∆W  F ⋅∆s
      เมื่อนำามาเปรียบเทียบกับสมการอันเดิมจะเหมือนกันคือ
                                        
                           ∆W =      F ⋅∆s
                             = F cos θ∆s = F ∆   s             ||




                                      งานเนื่อ งจากแรงไม่ค งที่
                                                       
                                         เมื่อแรง F แปรตามระยะทาง s
                                      ทำาให้วัตถุเคลื่อนที่ดังกราฟรูปที่ 6.5
                                      การคำานวณหางานที่เกิดขึ้น สามารถ
ทำำได้เช่นเดียวกับงำนที่เกิดจำกแรงคงที่ โดยกำรแบ่งระยะทำงระหว่ำง
s ถึง s เป็นส่วนเล็ก ๆ คือ ∆ ซึ่งแต่ละส่วนเล็ก ๆ มีค่ำเกือบคงที่ และ
 0                            s
ส่วนเล็ก ๆ นี้จะทำำให้เกิดงำนย่อย ๆ ดังนั้นงำนที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือ
ผลรวมของงำนย่อย ๆ ที่เกิดขึ้น

                 W     =     ∆W1 + ∆W2 +... + ∆Wn


                       =     F ( s0 ) ∆s + F ( s0 + ∆s ) ∆s + ... + F ( s ) ∆s


       เมื่อระยะทำงมีขนำดเล็กมำก ๆ อย่ำงต่อเนื่อง ดังนั้นงำนทั้งหมด
คือพื้นที่ใต้กรำฟซึ่งหำได้โดยกำรอินทิเกรต ds( ∆s → 0) จำก s ถึง s                 0


เนื่องจำก ∆s มีค่ำน้อยมำก ๆ ดังนั้นสำมำรถเขียนแทนได้เป็น ds
                                 
                  ∆W =       F ⋅∆ s
                                 
                  dW =       F ⋅ ds
                 W           S  
                 ∫dW
                  0
                        =    ∫
                             S0
                               F ⋅ ds

                             S       
                 W     =     ∫ F ⋅ ds
                             S0

ดังนั้นงำนที่เกิดจำกแรงไม่คงที่คือ
                                  
                  W   =     ∫F ⋅ds
เช่นงำนที่ใช้ในกำรดึงหรือกดสปริง

ตัว อย่ำ งที่ 6.3 ออกแรงดึงสปริงในแนวรำบทำำให้สปริงยืดออกเป็น
ระยะทำง x ดังรูปที่ 6.6 จงหำงำนที่กระทำำโดยสปริง
                                                                          
                                 วิธ ีท ำำ เมื่อออกแรง F ดึงสปริง
                                                       
                                                                              p


                             สปริงจะออกแรงดึงกลับ F ซึ่งมีขนำด                s


                             เท่ำกันแต่ทิศทำงตรงกันข้ำม โดยแรงดึง
                             กลับจะเป็นปฏิภำคโดยตรงกับ x เมื่อ x
คือระยะยืดหรือหดจำกจุดสมดุล
             รูปที่ 6.6                   F α x    s
                                                  
                                          F = −kx  s


      เมื่อ k คือค่ำคงตัวของสปริง (spring constant) เรียกว่ำค่ำนิจ
สปริง
      ถ้ำออกแรงดึงที่ปลำยสปริงให้ยืดออกเป็นระยะทำง x จำกกฎข้อ
สองของนิวตันจะได้ว่ำ                        
                        ∑ F      =        ma
F p −Fs         =        0
                       Fp        =        Fs               =       kx
งำนที่ใช้ในกำรดึงสปริงคือ                                 
                       W          =       ∫F ⋅ds
                                                
                       WP        =        ∫F ⋅dx   p

                                          x

                       WP        =        ∫kx( dx )
                                          0

                                          1
                          =    2
                                 kx                    2



6.2 ทฤษฎีง ำน - พลัง งำน
     จำกหัวข้อที่แล้วพิจำรณำงำนสุทธิที่กระทำำต่อวัตถุ แล้วทำำให้วัตถุ
มีควำมเร่ง พิจำรณำจำกคำำจำำกัดควำมของงำนและอำศัยกฎข้อที่สอง
ของนิวตันจะได้ว่ำ                     
                      W   =    ∫F ⋅ds     
                      W   =net ∫∑ ⋅ds
                                    F
                                        
                          =    ∫ma ⋅ds
                                        
                          =    m ∫a ⋅ds



จำกคำำจำำกัดควำมของควำมเร่งและควำมเร็ว
                                                
                                              dv     
                       Wnet      =        m∫      ⋅ ds
                                              dt
                                                ds
                                 =        m ∫ dv ⋅
                                                   dt
                                               
                                 =        m ∫dv ⋅v

                                 =        m ∫vdv



สมมุติให้วัตถุมีควำมเร็วต้น      v0   และควำมเร็วปลำย v
                                              v
                       Wnet      =        m ∫vdv
                                              v0
                                                               v
                                           1 
                                 =        m v 2 
                                            2 v 0


                                          1       1 2
                                 =        2
                                            mv 2 − v0
                                                  2


     นั่นคืองำนสุทธิที่กระทำำต่อวัตถุ จะทำำให้วัตถุมีกำรเปลี่ยนแปลง
                          1
ปริมำณปริมำณหนึ่ง เมื่อ 2 mv เรียกว่ำพลังงำนจลน์
                                      2
พลัง งานจลน์
                                   1
                   K     =         2
                                     mv 2



ดังนั้นงานสุทธิที่กระทำาต่อวัตถุสามารถเขียนใหม่ได้เป็น


      Wnet   =     K −K0      สมการนี้เรียกว่าทฤษฎีของงาน – พลังงาน

      ทฤษฎีง าน - พลัง งาน
                    W    =   net        ∆K


สรุป ได้ว่างานสุทธิที่กระทำาต่อวัตถุจะทำาให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลง
พลังงานจลน์




ตัว อย่า งที่ 6.4 ปล่อยทรงกลมจากความสูง 1m ดังรูปที่ 6.7 จง
คำานวณหาความเร็วขณะกระทบพื้น
                       วิธ ีท ำา เนื่องจากเป็นการเคลื่อนที่แบบดิ่งอิสระ
                     สามารถคำานวณโดยใช้สมการการเคลื่อนที่จาก
                     บทที่แล้วก็ได้
                       ทดสอบโดยการแปลงค่าจากทฤษฎีงาน -
                     พลังงาน เมื่องานสุทธิที่ได้เกิดจากแรงโน้มถ่วง
                       จากคำาจำากัดความของงาน
                                               
                         W         =    ∫F ⋅ds
                         Wnet      =    ∫mgdy
                                                       h

                                                =   mg ∫ dy
                                                       0

             =     mgh




      รูปที่ 6.7
จากทฤษฎีงาน - พลังงาน เมื่อมีการกระทำาต่อวัตถุจะทำาให้
พลังงานจลน์ของวัตถุเปลี่ยนแปลง
                    W     = netK −K                    0

                               1          1
                    mgh =          mv − mv         2       2
                                                           0
                               2          2
                     2 gh =    v − v0
                                 2     2


                     v 2
                          =    v 0 + 2 gh
                                 2




แต่ h = y ดังนั้น v 2 = v02 + 2 gy (เปรียบเทียบสมการนี้กับสมการ
ที่ได้จากตัวอย่างที่ 6.7 )
จะได้                   v  =      v + 2 gy     2
                                               0


                                             m
                        =           0 + 2 9.8 2 (1m )
                                             s 
                                         m
                  =               4.43
                                         s
     หมายเหตุ ปัญหาที่เกิดจากการชนไม่สามารถแก้โดยใช้
พลังงานจลน์ได้

ตัว อย่า งที่ 6.5 นำามวล m = 50 ×10 kg อัดสปริงซึ่งมีค่านิจสปริงเท่ากับ
                                          −3



800 N / m ทำาให้สปริงหดเข้าไปเป็นระยะทาง 5cm ดังรูปแล้วปล่อย จงหา
       ก. งานที่สปริงกระทำากับมวล m
       ข.     พลั ง งานจลน์ แ ละความเร็ ว ของมวล m ขณะที่ออกจาก
สปริง




                                                      
วิธ ีท ำา ก.            W         =       ∫F ⋅ds
                 Ws     =         ∫F dx
                                      s

                                  x

                        =         ∫kx(dx)
                                  0

                                  1 2
                        =         2
                                    kx

                        =
                                  1
                                  2
                                          N
                                                   (
                                                  −2
                                    8,000  5 ×10 m
                                          m
                                                               )   2




                        =         10 J

      ข.         Wnet   =          ∆K

More Related Content

What's hot

ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.New
ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.Newฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.New
ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.NewNew AcademicCenter
 
1 5 work and energy
1 5 work and energy1 5 work and energy
1 5 work and energyKrumeaw
 
เฉลย ฟิสิกส์
เฉลย ฟิสิกส์เฉลย ฟิสิกส์
เฉลย ฟิสิกส์Porna Saow
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานWijitta DevilTeacher
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
แผนการจัดการเรียนรู้ที่  3แผนการจัดการเรียนรู้ที่  3
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3jirupi
 
บทที่ 5 งานและพลังงาน
บทที่ 5 งานและพลังงานบทที่ 5 งานและพลังงาน
บทที่ 5 งานและพลังงานThepsatri Rajabhat University
 
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันThepsatri Rajabhat University
 
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงบทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงkroosarisa
 
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่ายบทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่ายThepsatri Rajabhat University
 
สมดุลกล
สมดุลกลสมดุลกล
สมดุลกลaoffiz
 

What's hot (18)

สมดุลกล1
สมดุลกล1สมดุลกล1
สมดุลกล1
 
สมดุลกล3
สมดุลกล3สมดุลกล3
สมดุลกล3
 
ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.New
ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.Newฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.New
ฟิสิกส์ SME 3/2 3/3 Kru.New
 
1 5 work and energy
1 5 work and energy1 5 work and energy
1 5 work and energy
 
บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)
บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)
บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)
 
เฉลย ฟิสิกส์
เฉลย ฟิสิกส์เฉลย ฟิสิกส์
เฉลย ฟิสิกส์
 
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงานเอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
เอกสารประกอบบทเรียน เรื่อง งานและพลังงาน
 
โมเมนต์
โมเมนต์โมเมนต์
โมเมนต์
 
3
33
3
 
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
แผนการจัดการเรียนรู้ที่  3แผนการจัดการเรียนรู้ที่  3
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
บทที่ 5 งานและพลังงาน
บทที่ 5 งานและพลังงานบทที่ 5 งานและพลังงาน
บทที่ 5 งานและพลังงาน
 
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันบทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
บทที่ 3 แรง และ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน
 
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงบทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
บทที่ 1 การเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง
 
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่ายบทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน  และเครื่องกลอย่างง่าย
บทที่ 4 งาน กำลัง พลังงาน และเครื่องกลอย่างง่าย
 
สมดุลกล
สมดุลกลสมดุลกล
สมดุลกล
 
เฉลย14สมบัติเชิงกลของสาร
เฉลย14สมบัติเชิงกลของสารเฉลย14สมบัติเชิงกลของสาร
เฉลย14สมบัติเชิงกลของสาร
 
ใบความรู้ 7
ใบความรู้ 7ใบความรู้ 7
ใบความรู้ 7
 

Viewers also liked

Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudestungjreng
 
Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudestungjreng
 
Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudestungjreng
 
אדיפוס המלך במבנה המחזה
אדיפוס המלך במבנה המחזהאדיפוס המלך במבנה המחזה
אדיפוס המלך במבנה המחזהזאב גולדברג
 
Modelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesModelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesRosyloo Loo
 
Employees reward,recognition & suggestion mannual
Employees reward,recognition & suggestion mannualEmployees reward,recognition & suggestion mannual
Employees reward,recognition & suggestion mannualdishank2005
 
Waheda slide share for wiki
Waheda slide share for wikiWaheda slide share for wiki
Waheda slide share for wikiWahedaBegum
 
Qs wur 2013 ukraine
Qs wur 2013   ukraineQs wur 2013   ukraine
Qs wur 2013 ukrainevabugrov
 
Modelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesModelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesRosyloo Loo
 
Assignment 1 wk3
Assignment 1 wk3Assignment 1 wk3
Assignment 1 wk3hill11
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22Anattita Chumtongko
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22Anattita Chumtongko
 
Mapas
MapasMapas
MapasUFJF
 
StudentAchievementReport
StudentAchievementReportStudentAchievementReport
StudentAchievementReportKirti J
 
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACION
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACIONASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACION
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACIONPablofsky Urías
 
Feliz aniversario meu_amor
Feliz aniversario meu_amorFeliz aniversario meu_amor
Feliz aniversario meu_amorThiago Saraiva
 

Viewers also liked (20)

Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paud
 
Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paud
 
Tugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paudTugas 2. teaching aids paud
Tugas 2. teaching aids paud
 
אדיפוס המלך במבנה המחזה
אדיפוס המלך במבנה המחזהאדיפוס המלך במבנה המחזה
אדיפוס המלך במבנה המחזה
 
Modelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesModelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidades
 
Employees reward,recognition & suggestion mannual
Employees reward,recognition & suggestion mannualEmployees reward,recognition & suggestion mannual
Employees reward,recognition & suggestion mannual
 
Waheda slide share for wiki
Waheda slide share for wikiWaheda slide share for wiki
Waheda slide share for wiki
 
Qs wur 2013 ukraine
Qs wur 2013   ukraineQs wur 2013   ukraine
Qs wur 2013 ukraine
 
Igbo villages
Igbo villagesIgbo villages
Igbo villages
 
Modelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidadesModelos de análisis de necesidades
Modelos de análisis de necesidades
 
Assignment 1 wk3
Assignment 1 wk3Assignment 1 wk3
Assignment 1 wk3
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
 
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ 22
 
Justino
JustinoJustino
Justino
 
Mapas
MapasMapas
Mapas
 
StudentAchievementReport
StudentAchievementReportStudentAchievementReport
StudentAchievementReport
 
Map offices
Map officesMap offices
Map offices
 
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACION
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACIONASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACION
ASESORIA PARA EL USO DE LAS TIC EN LA FORMACION
 
Feliz aniversario meu_amor
Feliz aniversario meu_amorFeliz aniversario meu_amor
Feliz aniversario meu_amor
 
Cleptocracia def
Cleptocracia defCleptocracia def
Cleptocracia def
 

Docu3000008987

  • 1. งาน และ พลัง งาน คำาจำากัดความของงาน รูปที่ 6.1 จากรูปที่ 6.1 แสดงแรงที่กระทำากับวัตถุซึ่งมีทิศเดียวกับการ เคลื่อนที่ ( F|| ) ทำาให้วัตถุมีความเร่ง ขณะที่แรงกระทำากับวัตถุมีทิศตั้ง ฉาก ( F ) กับการเคลื่อนที่ไม่มีผลต่อความเร่งของวัตถุ งานที่ได้จะเกิด ⊥ จากแรงที่มีทิศเดียวกับการเคลื่อนที่เท่านั้น หรือกล่าวได้ว่าแรงกับการก ระจัดจะต้องมีทิศทางแนวเดียวกัน งานเนื่อ งจากแรงคงที่ งานที่เกิดจากแรงคงที่ คือผลคูณระหว่างแรงกับการกระจัดซึ่งมี ทิศเดียวกัน ∆W = || F∆ s   หรือ W = F ⋅s = Fs (cos θ) หน่วยของงาน [∆W ] = [ F ] ⋅ [ s] = N ⋅m หน่วยที่ใช้เรียกงานโดยเฉพาะคือ จูล โดยที่ 1N ⋅ m = 1Joule = 1J . เป็นปริมาณสเกลาร์ ตัว อย่า งที่ 6.1 ออกแรง 50 N กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางขนาด 20kg โดยทำามุม 30 0 กับแนวระดับดังรูปที่ 6.2 ทำาให้กระเป๋าเดินทางเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วคงที่บนผิวขรุขระได้ระยะทาง 4m จงคำานวณหางานที่เกิด จากแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทาง
  • 2. รูปที่ 6.2 วิธ ีท ำา คำานวณหาขนาดของแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดิน ทาง จากกฎข้อที่สองของนิวตัน พิจารณาแนวแรงตามรูปที่ 6.3 รูป  ที่ 6.3  ∑x F = ma x FP cos θ − f k = 0 fk = FP cosθ   ∑y F = ma y FN − mg + F p sin θ = 0 F N = mg − F sin θ p ดังนั้นแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคือ mg = ( 20kg ) 9.8 m   2   s  = 196 N f = k F cos θ p = ( 50N ) cos 30 0 = 43.3 N F = N mg − F sin θ p = (196 N ) − ( 50 N ) sin 300 = 196 N − 25 N = 171N จากคำา จำา กัด ความของงาน ∆W = F∆ s || W = p ( Fp cos θ )( ∆s ) = ( 50 N ) (cos 30 0 )( 4m ) = 173.21J เป็นงานที่เกิดจากแรงซึ่งมีทิศเดียวกับการกระจัดซึ่งมีเพียงแรง เดียวเท่านั้น
  • 3. = ∆W F∆ s || Wf = ( f k cos180 0 )( ∆s ) k = −f ∆ s k = ( − 43.30 N )( 4m ) = −173.2 J เป็นงานที่เกิดจากแรงเสียดทานซึ่งมีทิศตรงกันข้ามกับการกระจัด ดังนั้นเมื่อแตกแรง f เข้าการกระจัดคือ ( f k cos180 0 ) จึงมีค่าเป็นลบ k = ∆WF∆ s || WF = ( FN cos 90 0 )( ∆s ) N = 0J W = ( mg cos 90 0 )( ∆s ) mg = 0J ไม่เกิดงานเนื่องจากแรงทั้งสอง เนื่องจากแรงทั้งสองไม่ทำาให้เกิด การกระจัดในทิศเดียวกับแรงทั้งสอง งานสุทธิที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคืองานรวมทั้งหมดซึ่งมีค่า เท่ากับศูนย์เนื่องจากกระเป๋าไม่มีความเร่งนั่นคือ ∑ W t = W p + W f + W F + Wmg N = 173.2 J − 173.2 J + 0 J + 0 J = 0J พิจารณากรณีกระเป๋าเดินทางมีความเร่งดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัว อย่า งที่ 6.2 จากตัวอย่างที่ 6.1 ถ้าพื้นมีสัมประสิทธ์ความเสียดทาน จลน์ 0.2 วิธ ีท ำา ตัวอย่างที่ 6.1 และ 6.2 แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยที่ ในตัวอย่างที่ 6.2 พื้นจะมีสัมประสิทธ์ความเสียดทานจลน์เข้ามา เกี่ยวข้องอาศัยรูปที่ 6.2 และ 6.3 และข้อมูลจากตัวอย่างที่ 6.1 fk จาก µk = FN = µF fk k N = ( 0.2 )(171N ) = 34.2 N งานที่กระทำาโดยแรงเสียดทานคือ ∆W = F∆ s || Wf = ( f k cos180 0 )( ∆s ) k = −f ∆ s k
  • 4. = ( − 34.2 N )( 4m ) = − 136.8 J ส่วนงานที่เกิดจากแรงต่างๆ จะมีค่าเท่ากับงานที่เกิดจากแรงในตัวอย่าง ที่ 6.1 นั่นคือ ∆W = F|| ∆s W p =173.21J ; WFN = 0 J ; Wmg = 0 J ดังนั้นงานสุทธ์ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทางคือ ∑ W t = W p + W f + WF + Wmg N = 173.2 J − 136.8 J + 0 J + 0 J = 36.4 J เป็นงานสุทธิซึ่งเกิดจากแรงต่าง ๆ ที่กระทำาต่อกระเป๋าเดินทาง ทำาให้กระเป๋าเดินทางเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง จากคำาจำากัดความของงานเมื่อเขียนอยู่ในรูปสมการ ∆W = F ∆s || ดังรูปที่ 6.4 ทำาให้ยุ่งยากและไม่สะดวกในการคำานวณ เพื่อให้ง่ายใน การแก้สมการสามารถเขียนได้ใหม่โดยใช้ผลคูณแบบดอต (dot product) รูปที่ 6.4   =∆W F ⋅∆s เมื่อนำามาเปรียบเทียบกับสมการอันเดิมจะเหมือนกันคือ   ∆W = F ⋅∆s = F cos θ∆s = F ∆ s || งานเนื่อ งจากแรงไม่ค งที่  เมื่อแรง F แปรตามระยะทาง s ทำาให้วัตถุเคลื่อนที่ดังกราฟรูปที่ 6.5 การคำานวณหางานที่เกิดขึ้น สามารถ
  • 5. ทำำได้เช่นเดียวกับงำนที่เกิดจำกแรงคงที่ โดยกำรแบ่งระยะทำงระหว่ำง s ถึง s เป็นส่วนเล็ก ๆ คือ ∆ ซึ่งแต่ละส่วนเล็ก ๆ มีค่ำเกือบคงที่ และ 0 s ส่วนเล็ก ๆ นี้จะทำำให้เกิดงำนย่อย ๆ ดังนั้นงำนที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือ ผลรวมของงำนย่อย ๆ ที่เกิดขึ้น W = ∆W1 + ∆W2 +... + ∆Wn = F ( s0 ) ∆s + F ( s0 + ∆s ) ∆s + ... + F ( s ) ∆s เมื่อระยะทำงมีขนำดเล็กมำก ๆ อย่ำงต่อเนื่อง ดังนั้นงำนทั้งหมด คือพื้นที่ใต้กรำฟซึ่งหำได้โดยกำรอินทิเกรต ds( ∆s → 0) จำก s ถึง s 0 เนื่องจำก ∆s มีค่ำน้อยมำก ๆ ดังนั้นสำมำรถเขียนแทนได้เป็น ds   ∆W = F ⋅∆ s   dW = F ⋅ ds W S   ∫dW 0 = ∫ S0 F ⋅ ds S   W = ∫ F ⋅ ds S0 ดังนั้นงำนที่เกิดจำกแรงไม่คงที่คือ   W = ∫F ⋅ds เช่นงำนที่ใช้ในกำรดึงหรือกดสปริง ตัว อย่ำ งที่ 6.3 ออกแรงดึงสปริงในแนวรำบทำำให้สปริงยืดออกเป็น ระยะทำง x ดังรูปที่ 6.6 จงหำงำนที่กระทำำโดยสปริง  วิธ ีท ำำ เมื่อออกแรง F ดึงสปริง  p สปริงจะออกแรงดึงกลับ F ซึ่งมีขนำด s เท่ำกันแต่ทิศทำงตรงกันข้ำม โดยแรงดึง กลับจะเป็นปฏิภำคโดยตรงกับ x เมื่อ x คือระยะยืดหรือหดจำกจุดสมดุล รูปที่ 6.6 F α x s   F = −kx s เมื่อ k คือค่ำคงตัวของสปริง (spring constant) เรียกว่ำค่ำนิจ สปริง ถ้ำออกแรงดึงที่ปลำยสปริงให้ยืดออกเป็นระยะทำง x จำกกฎข้อ สองของนิวตันจะได้ว่ำ   ∑ F = ma
  • 6. F p −Fs = 0 Fp = Fs = kx งำนที่ใช้ในกำรดึงสปริงคือ   W = ∫F ⋅ds   WP = ∫F ⋅dx p x WP = ∫kx( dx ) 0 1 = 2 kx 2 6.2 ทฤษฎีง ำน - พลัง งำน จำกหัวข้อที่แล้วพิจำรณำงำนสุทธิที่กระทำำต่อวัตถุ แล้วทำำให้วัตถุ มีควำมเร่ง พิจำรณำจำกคำำจำำกัดควำมของงำนและอำศัยกฎข้อที่สอง ของนิวตันจะได้ว่ำ   W = ∫F ⋅ds  W =net ∫∑ ⋅ds F   = ∫ma ⋅ds   = m ∫a ⋅ds จำกคำำจำำกัดควำมของควำมเร่งและควำมเร็ว  dv  Wnet = m∫ ⋅ ds dt  ds = m ∫ dv ⋅ dt   = m ∫dv ⋅v = m ∫vdv สมมุติให้วัตถุมีควำมเร็วต้น v0 และควำมเร็วปลำย v v Wnet = m ∫vdv v0 v 1  = m v 2   2 v 0 1 1 2 = 2 mv 2 − v0 2 นั่นคืองำนสุทธิที่กระทำำต่อวัตถุ จะทำำให้วัตถุมีกำรเปลี่ยนแปลง 1 ปริมำณปริมำณหนึ่ง เมื่อ 2 mv เรียกว่ำพลังงำนจลน์ 2
  • 7. พลัง งานจลน์ 1 K = 2 mv 2 ดังนั้นงานสุทธิที่กระทำาต่อวัตถุสามารถเขียนใหม่ได้เป็น Wnet = K −K0 สมการนี้เรียกว่าทฤษฎีของงาน – พลังงาน ทฤษฎีง าน - พลัง งาน W = net ∆K สรุป ได้ว่างานสุทธิที่กระทำาต่อวัตถุจะทำาให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังงานจลน์ ตัว อย่า งที่ 6.4 ปล่อยทรงกลมจากความสูง 1m ดังรูปที่ 6.7 จง คำานวณหาความเร็วขณะกระทบพื้น วิธ ีท ำา เนื่องจากเป็นการเคลื่อนที่แบบดิ่งอิสระ สามารถคำานวณโดยใช้สมการการเคลื่อนที่จาก บทที่แล้วก็ได้ ทดสอบโดยการแปลงค่าจากทฤษฎีงาน - พลังงาน เมื่องานสุทธิที่ได้เกิดจากแรงโน้มถ่วง จากคำาจำากัดความของงาน   W = ∫F ⋅ds Wnet = ∫mgdy h = mg ∫ dy 0 = mgh รูปที่ 6.7
  • 8. จากทฤษฎีงาน - พลังงาน เมื่อมีการกระทำาต่อวัตถุจะทำาให้ พลังงานจลน์ของวัตถุเปลี่ยนแปลง W = netK −K 0 1 1 mgh = mv − mv 2 2 0 2 2 2 gh = v − v0 2 2 v 2 = v 0 + 2 gh 2 แต่ h = y ดังนั้น v 2 = v02 + 2 gy (เปรียบเทียบสมการนี้กับสมการ ที่ได้จากตัวอย่างที่ 6.7 ) จะได้ v = v + 2 gy 2 0  m = 0 + 2 9.8 2 (1m )  s  m = 4.43 s หมายเหตุ ปัญหาที่เกิดจากการชนไม่สามารถแก้โดยใช้ พลังงานจลน์ได้ ตัว อย่า งที่ 6.5 นำามวล m = 50 ×10 kg อัดสปริงซึ่งมีค่านิจสปริงเท่ากับ −3 800 N / m ทำาให้สปริงหดเข้าไปเป็นระยะทาง 5cm ดังรูปแล้วปล่อย จงหา ก. งานที่สปริงกระทำากับมวล m ข. พลั ง งานจลน์ แ ละความเร็ ว ของมวล m ขณะที่ออกจาก สปริง   วิธ ีท ำา ก. W = ∫F ⋅ds Ws = ∫F dx s x = ∫kx(dx) 0 1 2 = 2 kx = 1 2 N ( −2 8,000  5 ×10 m m ) 2 = 10 J ข. Wnet = ∆K