More Related Content Similar to ใบงานที่7 (20) ใบงานที่71. ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท “การประยุกต์ใช้งาน”
1. คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการออกแบบ
คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนามาใช้ในการออกแบบมาเป็นเวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคาว่า
CAD (Computer - Aided Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรม
เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ออกแบบหรือวิศวกรออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียน
เป็นแบบลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดูคล้ายกับของจริงได้ นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ออกแบบกาหนดขนาด
ของวัตถุลงในระบบ CAD แล้ว ผู้ออกแบบยังสามารถย่อหรือขยายภาพนั้น หรือต้องการหมุนภาพไปในมุม
ต่างๆ ได้ด้วย การแก้ไขแบบก็ทาได้ง่ายและสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ
ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการออกแบบ
วงจรต่างๆ ผู้ออกแบบสามารถวาดวงจรบนจอภาพโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้แล้วมา
ประกอบกันเป็นวงจรที่ต้องการ ผู้ออกแบบสามารถแก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติมวงจรได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมี
โปรแกรมสาหรับออกแบบ PCB (Printed Circuit Board) ซึ่งมีความสามารถจัดการให้แผ่นปรินต์มีขนาดที่
จะวางอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เหมาะสมที่สุด
การออกแบบพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์ เครื่องบิน หรือเครื่องจักรต่างๆ ในปัจจุบันก็ใช้
ระบบ CAD นักออกแบบสามารถจะออกแบบส่วนย่อยๆ แต่ละส่วนก่อน แล้วนามาประกอบกันเป็นส่วน
ใหญ่ขึ้นจนเป็นเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่ต้องการได้ นอกจากนี้ในบางระบบยังสามารถที่จะทดสอบ
แบบจาลองที่ออกแบบไว้ได้ด้วย เช่น อาจจะออกแบบรถยนต์แล้วนาโครงสร้างของรถที่ออกแบบนั้นมา
จาลองการวิ่ง โดยให้วิ่งที่ความเร็วต่างๆ กันแล้วตรวจดูผลที่ได้ ซึ่งการทดลองแบบนี้สามารถทาได้ในระบบ
คอมพิวเตอร์และจะประหยัดกว่าการสร้างรถจริงๆ แล้วนาออกมาศึกษาทดสอบการวิ่ง
การออกแบบโครงสร้าง เช่น ตึก บ้าน สะพาน หรือโครงสร้างใดๆ ทางวิศวกรรมโยธาและ
สถาปัตยกรรม ก็สามารถทาได้โดยใช้ CAD ช่วยในการออกแบบ หลังจากสถาปนิกออกแบบโครงสร้างใน
แบบ 2 มิติเสร็จแล้ว ระบบ CAD สามารถจัดการให้เป็นภาพ 3 มิติ และยังสามารถแสดงภาพที่มุมมองต่างๆ
กันได้ตามที่ผู้ออกแบบต้องการ นอกจากนี้ในบางระบบสามารถแสดงภาพให้ปรากฏต่อผู้ออกแบบราวกับว่า
ผู้ออกแบบสามารถเดินเข้าไปภายในอาคารที่ออกแบบได้ด้วย
2. กราฟและแผนภาพ
คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการแสดงภาพกราฟและแผนภาพของข้อมูลได้เป็นอย่าง
ดี โปรแกรมทางกราฟิกทั่วไปในท้องตลาดจะเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพกราฟและแผนภาพ
โปรแกรมเหล่านี้ยังสามารถสร้างกราฟได้หลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟวงกลม นอกจากนี้
ยังสามารถแสดงภาพกราฟได้ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ทาให้ภาพกราฟที่ได้ดูดีและน่าสนใจ กราฟและ
แผนภาพทางธุรกิจ เช่น กราฟหรือแผนภาพแสดงการเงิน สถิติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อ
2. ผู้บริหารหรือผู้จัดการกิจการมาก เนื่องจากสามารถทาความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม ใน
งานวิจัยต่างๆ เช่น การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟและแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทาความเข้าใจกับข้อมูลได้
ง่ายขึ้นเมื่อข้อมูลที่ต้องวิเคราะห์มีจานวนมาก
ระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือ GIS (Geographical Information System) ก็เป็นรูปแบบ
หนึ่งของการแสดงข้อมูลในทานองเดียวกับกราฟและแผนภาพ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกเก็บลงในระบบ
คอมพิวเตอร์ แล้วให้ระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกจัดการแสดงข้อมูลเหล่านั้นออกมาทางจอภาพในรูปของแผน
ที่ทางภูมิศาสตร์
3. ภาพศิลป์โดยคอมพิวเตอร์กราฟิก
การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กันกับจานสี แต่จะใช้
คอมพิวเตอร์กราฟิกแทน ภาพที่วาดในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้เราสามารถกาหนดสี แสงเงา รูปแบบ
ลายเส้นที่ต้องการได้โดยง่าย ภาพโฆษณาทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็นงานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก
ข้อดีของการใช้คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คือ เราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ต้องการได้ง่าย นอกจากนี้เรายัง
สามารถนาภาพต่างๆ เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) แล้วนาภาพเหล่านั้น
มาแก้ไข
4. ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์
ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนต์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษ
ต่างๆ ในปัจจุบันมีการนาคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว
(Computer Animation) มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ภาพที่ได้
ยังดูสมจริงมากขึ้น เช่น ภาพยานอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น การใช้
คอมพิวเตอร์กราฟิกช่วยให้ภาพที่อยู่ในจินตนาการของมนุษย์สามารถนาออกมาทาให้ปรากฏเป็นจริงได้
ภาพเคลื่อนไหวมีประโยชน์มากทั้งในระบบการศึกษา การอบรม การวิจัย และการจาลองการทางาน เช่น
จาลองการขับรถ การขับเครื่องบิน เป็นต้น เกมส์คอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมส์ก็ใช้หลักการทาภาพเคลื่อน
ไหนในคอมพิวเตอร์กราฟิกเช่นกัน
5. อิเมจโปรเซสซิงก์
คาว่าอิเมจโปรเซสซิงก์ (Image Processing) หมายถึง การแสดงภาพที่เกิดจากการถ่ายรูป
หรือจากการสแกนภาพให้ปรากฏบนจอภาพคอมพิวเตอร์ วิธีการทางอิเมจโปรเซสซิงก์จะต่างกับวิธีการของ
คอมพิวเตอร์กราฟิก กล่าวคือ ในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิก ตัวคอมพิวเตอร์เองจะเป็นตัวที่สร้างภาพ แต่เทค
นิกทางอิเมจโปรเซสซิงก์นั้นใช้คอมพิวเตอร์สาหรับการจัดรูปแบบของสีและแสงเงาที่มีอยู่แล้วในภาพให้
เป็นข้อมูลทางดิจิตอล แล้วอาจจะมีวิธีการทาให้ภาพที่รับเข้ามานั้นมีความชัดเจนมากขึ้นก่อน จากนั้นก็
จัดการกับข้อมูลดิจิตอลนี้ให้เป็นภาพส่งออกไปที่จอภาพของคอมพิวเตอร์อีกที วิธีการนี้มีประโยชน์ในการ
แสดงภาพของวัตถุที่เราไม่สามารถจะเห็นได้โดยตรง เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพจากทีวีสแกนของหุ่นยนต์
3. อุตสาหกรรม เป็นต้น
เมื่อภาพถ่ายถูกทาให้เป็นข้อมูลดิจิตอลแล้ว เราก็สามารถจะจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพ
นั้นได้โดยจัดการกับข้อมูลดิจิตอลของภาพนั่นเอง ซึ่งเราก็จะใช้หลักการของคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้กับ
ข้อมูลเหล่านี้ได้ เช่น ในภาพสาหรับการโฆษณา เราสามารถทาให้ภาพที่เห็นเหมือภาพถ่ายนั้นแปลกออกไป
จากเดิมได้โดยมีภาพบางอย่างเพิ่มเข้าไปหรือบางส่วนของภาพนั้นหายไป ทาให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริง
แต่ดูเหมือนกับเกิดขึ้นจริงได้ เป็นต้น
เทคนิคของอิเมจโปเซสซิงก์สามารถประยุกต์ใช้กับการแพทย์ได้ เช่น เครื่องเอกซเรย์ โท
โมกราฟี (X-ray Tomography) ซึ่งใช้สาหรับแสดงภาพตัดขวางของระบบร่างกายมนุษย์ เป็นต้น
จากที่กล่าวมาแล้ว เราจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นนับวันยิ่งมีความสาคัญใน
สาขาวิชาต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่เราควรจะมีความรู้ความเข้าใจในหลักการและทคนิคเบื้องต้น
ต่างๆ ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์กราฟิก
โครงงานประยุกต์ใช้งาน (Application)
ระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียนของโรงเรียน
ระบบจัดการข้อมูลการเงินส่วนบุคคล
ระบบจองตั๋วรถไฟบนอินเทอร์เน็ต
ระบบแนะนาเส้นทางเดินรถประจาทาง
โปรแกรมสังเคราะห์เสียงสาหรับคนตาบอดบนรถประจาทาง
โปรแกรมออกและตรวจข้อสอบ
โฮมเพจส่วนบุคคล
โปรแกรมช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น
โปรแกรมพจนานุกรมไทย-อังกฤษ
4. ตัวอย่างโครงงาน
ชื่อโครงงาน การพัฒนาเว็บเพ็จ เรื่องอาหารญี่ปุ่น
ผู้จัดทาโครงงาน
1.เด็กชาย มงคล ร่มเย็น เลขที่ 14 ประธาน
3.เด็กหญิง นภาภรณ์ นิยม เลขที่ 29 รองประธาน
4.เด็กหญิง สุทัศน์ สุทธิ เลขที่ 34 เหรัญญิก
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
อาจารย์ อภิญญา นาคใหญ่
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ปัจจุบันอาหารญี่ปุ่นมีแพร่หลายในประเทศไทยเป็นจานวนมากและคนไทยนิยมรับประทานกัน
มาก ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีหลายแห่ง เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นโอเอชิ เป็นต้น อาหาร ญี่ปุ่นมีคนไป
รับประทานกันมากเช่นเดียวกับชาวต่างชาติที่นิยมรับประทานอาหาร ญี่ปุ่นเช่นเดียวกันในเว็บอาหารญี่ปุ่นมี
วิธีการทาอาหารที่แตกต่างกันออกไป จึง จัดทาโครงงานเรื่องอาหารญี่ปุ่นขึ้นรวบรวมวิธีการทาอาหารญี่ปุ่น
ไว้สาหรับคน ที่ทาอาหารญี่ปุ่นไม่เป็นก็ยังสามารถค้นหาข้อมูลในเว็บไซด์และยังสามารถช่วย ประหยัด
ค่าใช้จ่ายของผู้ที่ชื่นชอบทานอาหารญี่ปุ่นด้วย
จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1.เพื่อเสนอประวัติความเป็นมาของอาหารญี่ปุ่น
2.วิธีการทาอาหารญี่ปุ่น
3.ประโยชน์ของอาหารญี่ปุ่น
สมมติฐานการศึกษาค้นคว้า
1. อาหารญี่ปุ่นในเง้มุมของคนไทยเป็นอย่างไร
2.อาหารญี่ปุ่นมีความสาคัญต่อคนไทยอย่างไร
3.งานชิ้นนี้มีผลอย่างไรต่อคนที่นิยมทานอาหารญี่ปุ่นกัน
วิธีการดาเนินงาน
1.วัสดุอุปกรณ์
1.1 ฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และเครื่องมืออื่นๆที่ใช้ในการศึกษา
1.2 จัดกลุ่ม
5. 1.3 เขียนเค้าโครงร่าง
1.4 วางแผน
แนวทางการศึกษาค้นคว้า
1.นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน โดยการไปเปิดร้านทาอาหารญี่ปุ่นขาย
2.เมื่อเรารู้วิธีการทาแล้วก็สามารถทาเอาไปขายได้
3.นาไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รู้ในการทาอาหารญี่ปุ่น
แผนการปฏิบัติงาน
ระยะเวลา(1มิ.ย.-31ส.ค.51)
ลาดับ รายการ ว/ด/ป เหตุผล
1 จับกลุ่มการทางาน 1/มิ.ย./51
2 เลือกเรื่องที่จะทา 8/มิ.ย./51
3 ปรึกษาและแบ่งงาน 15/มิ.ย./51
4 หาข้อมูลและรวบรวม 22/มิ.ย./51
5. ปฏิบัติงาน 10/ส.ค./51
6 ส่งงาน 17/ส.ค./51
7 ปรับปรุงแก้ไข 24/ส.ค./51
8 ส่งโครงร่างโครงงาน 31/ส.ค./51
งบประมาณที่ใช้
1.หนังสือที่ใช้ 95 บาท
2.ค่าใช้อินเตอร์เน็ตที่อื่น 100 บาท
3.ค่ารถในการเดินทางไปใช้อินเตอร์เน็ต 82 บาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.อาหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาหารที่มีค่าใช้จ่ายมากอร่อย มีทั้งประโยชน์และโทษ หารับประทานได้ง่าย
2.ได้ทราบถึงวิธีการทาอาหารญี่ปุ่น
3.ทา ให้ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นสามารถศึกษาวิธีการทาเองได้ที่เว็บไซต์ ประหยัดค่าใช้จ่าย และ
ข้อคิดที่เราควรจะระวังอันตรายที่มากับอาหารญี่ปุ่น เช่นปลาดิบ อาหารทะเลดิบ ข้าวปั้น เป็นต้น