More Related Content
Similar to ใบงานที่ 6 -11
Similar to ใบงานที่ 6 -11 (20)
ใบงานที่ 6 -11
- 1. ใบงานที่ 6 โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการ
จาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด
เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
ในเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือ
คาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือ
สมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมี
ความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว
การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น
จากการศึกษาประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์ ทาให้ผู้จัดทาได้ทราบว่า โครงงานคอมพิวเตอร์มีกี่
ประเภท รายละเอียดของแต่ละประเภท มีอะไรบ้าง ทาให้ผู้จัดทาสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปสร้างสรรค์
ผลงานให้ถูกประเภทยิ่งขึ้น และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้
แหล่งทีมา: http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post_25.html
่
- 2. ใบงานที่ 7 โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ
1. คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการออกแบบ
คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนามาใช้ในการออกแบบมาเป็นเวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคาว่า CAD
(Computer - Aided Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสาหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านี้จะ
ช่วยให้ผู้ออกแบบหรือวิศวกรออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบ
ลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดูคล้ายกับของจริงได้ นอกจากนี้แล้วเมื่อผู้ออกแบบกาหนดขนาดของวัตถุลง
ในระบบ CAD แล้ว ผู้ออกแบบยังสามารถย่อหรือขยายภาพนั้น หรือต้องการหมุนภาพไปในมุมต่างๆ ได้ด้วย
การแก้ไขแบบก็ทาได้ง่ายและสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ
ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการออกแบบวงจรต่างๆ
ผู้ออกแบบสามารถวาดวงจรบนจอภาพโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ระบบจัดเตรียมไว้ให้แล้วมาประกอบกันเป็น
วงจรที่ต้องการ ผู้ออกแบบสามารถแก้ไข ตัดต่อ เพิ่มเติมวงจรได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสาหรับ
ออกแบบ PCB (Printed Circuit Board) ซึ่งมีความสามารถจัดการให้แผ่นปรินต์มีขนาดที่จะวางอุปกรณ์ทาง
อิเล็กทรอนิกส์ได้เหมาะสมที่สุด
การออกแบบพาหนะต่างๆ เช่น รถยนต์ เครื่องบิน หรือเครื่องจักรต่างๆ ในปัจจุบันก็ใช้
ระบบ CAD นักออกแบบสามารถจะออกแบบส่วนย่อยๆ แต่ละส่วนก่อน แล้วนามาประกอบกันเป็นส่วนใหญ่
ขึ้นจนเป็นเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่ต้องการได้ นอกจากนี้ในบางระบบยังสามารถที่จะทดสอบแบบจาลองที่
ออกแบบไว้ได้ด้วย เช่น อาจจะออกแบบรถยนต์แล้วนาโครงสร้างของรถที่ออกแบบนั้นมาจาลองการวิ่ง โดยให้
วิ่งที่ความเร็วต่างๆ กันแล้วตรวจดูผลที่ได้ ซึ่งการทดลองแบบนี้สามารถทาได้ในระบบคอมพิวเตอร์และจะ
ประหยัดกว่าการสร้างรถจริงๆ แล้วนาออกมาศึกษาทดสอบการวิ่ง
การออกแบบโครงสร้าง เช่น ตึก บ้าน สะพาน หรือโครงสร้างใดๆ ทางวิศวกรรมโยธาและ
สถาปัตยกรรม ก็สามารถทาได้โดยใช้ CAD ช่วยในการออกแบบ หลังจากสถาปนิกออกแบบโครงสร้างใน
แบบ 2 มิติเสร็จแล้ว ระบบ CAD สามารถจัดการให้เป็นภาพ 3 มิติ และยังสามารถแสดงภาพที่มุมมองต่างๆ
กันได้ตามที่ผู้ออกแบบต้องการ นอกจากนี้ในบางระบบสามารถแสดงภาพให้ปรากฏต่อผู้ออกแบบราวกับว่า
ผู้ออกแบบสามารถเดินเข้าไปภายในอาคารที่ออกแบบได้ด้วย
- 3. 2. กราฟและแผนภาพ
คอมพิวเตอร์กราฟิกถูกนามาใช้ในการแสดงภาพกราฟและแผนภาพของข้อมูลได้เป็นอย่างดี โปรแกรม
ทางกราฟิกทั่วไปในท้องตลาดจะเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้างภาพกราฟและแผนภาพ โปรแกรมเหล่านี้ยัง
สามารถสร้างกราฟได้หลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟวงกลม นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพ
กราฟได้ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ ทาให้ภาพกราฟที่ได้ดูดีและน่าสนใจ กราฟและแผนภาพทางธุรกิจ
เช่น กราฟหรือแผนภาพแสดงการเงิน สถิติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารหรือผู้จัดการ
กิจการมาก เนื่องจากสามารถทาความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม ในงานวิจัยต่างๆ เช่น
การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟและแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทาความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายขึ้นเมื่อข้อมูลที่ต้อง
วิเคราะห์มีจานวนมาก
ระบบข้อมูลทางภูมิศาสตร์ หรือ GIS (Geographical Information System) ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของ
การแสดงข้อมูลในทานองเดียวกับกราฟและแผนภาพ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกเก็บลงในระบบคอมพิวเตอร์
แล้วให้ระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกจัดการแสดงข้อมูลเหล่านั้นออกมาทางจอภาพในรูปของแผนที่ทางภูมิศาสตร์
3. ภาพศิลป์โดยคอมพิวเตอร์กราฟิก
การวาดภาพในปัจจุบันนี้ใครๆ ก็สามารถวาดได้แล้วโดยไม่ต้องใช้พู่กันกับจานสี แต่จะใช้คอมพิวเตอร์
กราฟิกแทน ภาพที่วาดในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกนี้เราสามารถกาหนดสี แสงเงา รูปแบบลายเส้นที่ต้องการ
ได้โดยง่าย ภาพโฆษณาทางโทรทัศน์หลายชิ้นก็เป็นงานจากการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก ข้อดีของการใช้
คอมพิวเตอร์วาดภาพก็คือ เราสามารถแก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ต้องการได้ง่าย นอกจากนี้เรายังสามารถนาภาพ
ต่างๆ เก็บในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้เครื่องสแกนเนอร์ (Scanner) แล้วนาภาพเหล่านั้นมาแก้ไข
- 4. 4. ภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์
ภาพยนตร์การ์ตูนและภาพยนต์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์หรือภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคพิเศษต่างๆ ใน
ปัจจุบันมีการนาคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการออกแบบและสร้างภาพเคลื่อนไหว (Computer
Animation) มากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ภาพที่ได้ยังดูสมจริง
มากขึ้น เช่น ภาพยานอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ เป็นต้น การใช้คอมพิวเตอร์
กราฟิกช่วยให้ภาพที่อยู่ในจินตนาการของมนุษย์สามารถนาออกมาทาให้ปรากฏเป็นจริงได้ ภาพเคลื่อนไหวมี
ประโยชน์มากทั้งในระบบการศึกษา การอบรม การวิจัย และการจาลองการทางาน เช่น จาลองการขับรถ การ
ขับเครื่องบิน เป็นต้น เกมส์คอมพิวเตอร์หรือวิดีโอเกมส์ก็ใช้หลักการทาภาพเคลื่อนไหนในคอมพิวเตอร์กราฟิก
เช่นกัน
5. อิเมจโปรเซสซิงก์
คาว่าอิเมจโปรเซสซิงก์ (Image Processing) หมายถึง การแสดงภาพที่เกิดจากการถ่ายรูปหรือจาก
การสแกนภาพให้ปรากฏบนจอภาพคอมพิวเตอร์ วิธีการทางอิเมจโปรเซสซิงก์จะต่างกับวิธีการของ
คอมพิวเตอร์กราฟิก กล่าวคือ ในระบบคอมพิวเตอร์กราฟิก ตัวคอมพิวเตอร์เองจะเป็นตัวที่สร้างภาพ แต่เทค
นิกทางอิเมจโปรเซสซิงก์นั้นใช้คอมพิวเตอร์สาหรับการจัดรูปแบบของสีและแสงเงาที่มีอยู่แล้วในภาพให้เป็น
ข้อมูลทางดิจิตอล แล้วอาจจะมีวิธีการทาให้ภาพที่รับเข้ามานั้นมีความชัดเจนมากขึ้นก่อน จากนั้นก็จัดการกับ
ข้อมูลดิจิตอลนี้ให้เป็นภาพส่งออกไปที่จอภาพของคอมพิวเตอร์อีกที วิธีการนี้มีประโยชน์ในการแสดงภาพของ
วัตถุที่เราไม่สามารถจะเห็นได้โดยตรง เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ภาพจากทีวีสแกนของหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เป็น
ต้น
เมื่อภาพถ่ายถูกทาให้เป็นข้อมูลดิจิตอลแล้ว เราก็สามารถจะจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพนั้นได้โดย
จัดการกับข้อมูลดิจิตอลของภาพนั่นเอง ซึ่งเราก็จะใช้หลักการของคอมพิวเตอร์กราฟิกมาใช้กับข้อมูลเหล่านี้ได้
- 6. ใบงานที่ 8 เรื่องโครงงานประเภท“การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์”
โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎีโครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจา
ลองการทดลองของสาขาต่างๆซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้เช่นการจุดระเบิดเป็นต้น
และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้หลักการข้อเท็จจริงและแนวคิดต่างๆอย่างลึกซึ้งในเรื่องที่
ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิดแบบจาลองหลักการซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตรสมการหรือคาอธิบายพร้อม
ทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้นซึ่งจะทา
ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นการทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆเป็น
อย่างดีตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎีเช่นการทดลองเรื่องการไหลของของเหลวการทดลองเรื่องพฤติกรรมของ
ปลาปิรันย่าและการทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติเป็นต้น
แหล่งทีมา: http://kruoong.blogspot.com/2011/07/blog-post_25.html
่
- 7. ใบงานที่9เรื่องปัญหาและความจาเป็นในการทาโครงงาน
1.ไปเที่ยวศูนย์การค้าเพื่อแก้ปัญหาการเกิดความเครียดต้องการพักผ่อนและซื้อเครื่องใช้ประจาตัวได้
ประโยชน์คือเพื่อขจัดความเครียดได้พักผ่อนและได้เครื่องใช้ประจาตัว
2.ทาความสะอาดบ้านเพื่อแก้ปัญหาความไม่สะอาดแก่สิ่งของที่เราจะนาไปทาความสะอาดได้
ประโยชน์คือทาให้เกิดความสะอาดแก่สิ่งที่เราไปทาให้มากยิ่งขึ้น
3.ดูทีวีเพื่อแก้ปัญหาการเกิดความเครียดและต้องการความพักผ่อนให้แก่ร่างกายได้ประโยชน์คือทาให้
ร่างกายได้มีความสุขและสามารถขจัดความเครียดได้ยิ่งขึ้น
4.ซื้อจักรยานยนต์เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางและการไม่ต้องรับกวนผู้ปกครองมารับมาส่งได้ประโยชน์
คือทาให้เกิดการเดินทางที่สะดวกมากยิ่งขึ้น
5.ทานาเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการที่จะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศได้ประโยชน์คือทาให้ประเทศมี
เมล็ดข้าวที่ใช้ในการบริโภคและสามารถส่งข้าวออกนอกประเทศได้
6.มาเรียนหนังสือเพื่อแก้ปัญหาการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และเกี่ยวกับการพัฒนาการด้านสมอง
ได้ประโยชน์คือทาให้เกิดการพัฒนาการทางสมองของตนเองที่ดียิ่งขึ้นซึ่งเป็นข้อดีต่อผู้ที่มา
7.ตั้งใจเรียนเพื่อแก้ปัญหาสมาธิของตนเองที่อาจจะไม่อยู่สงบได้ประโยชน์คือทาให้เรามีสมาธิในการ
เรียนมากยิ่งขึ้นและเป็นคนที่มีสมาธิยาวยิ่งขึ้น
8.เรียนภาษาอังกฤษเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารกับต่างชาติเวลาที่จะต้องสนทนาได้ประโยชน์คือ
เป็นประโยชน์ต่องตนเองในการที่จะใช้ศึกษาต่อและการสื่อสารต่างๆ
9.เรียนคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ปัญหาการไม่รู้จักการใช้คอมพิวเตอร์และเพิ่มความทันสมัยให้กับตนเองได้
ประโยชน์คือทาให้เป็นคนมีที่มีความทันสมัยต่อโลกและใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ได้มากที่สุด