การนำเสนองานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง หน่วยความจำ นำเสนอต่อ คุณครูศิรสิทธิ์  ป้อมสุวรรณ  จัดทำโดย นายธนวินท์ สุวรรณอัตถ์  ม.4/1 เลขที่ 10 นายกิตติกานต์ มั่นดี ม.4/1 เลขที่ 9 นายธนัทชัย แสงสุระธรรม  ม.4/1 เลขที่ 4 นายจิรัฏฐ์  กล้าหาญ ม.4/1 เลขที่ 1  น.ส.พจนรัตน์  สนธินาม ม.4/1 เลขที่ 13 น.ส.แพรฝ้าย ลมเมฆ  ม.4/1 เลขที่ 28 น.ส.วณิชา เอกวงศ์ ม.4/1 เลขที่ 30 น.ส.กรกนก จิระนุวงษ์ ม.4/1 เลขที่ 33
หน่วยความจำ  ( Memory Unit) มีหน่วยความจำที่สำคัญอยู่  2  เรื่องคือ 1. หน่วยความจำหลัก  ( Main Memory Unit)   2. หน่วยความจำรอง  ( secondary memory   Unit)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่า  หน่วยเก็บข้อมูลหลัก  ( Primary storage ) สามารถแบ่งออกได้เป็น  2  ประเภท คือ 1.2  หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว  (Read Only Memory - ROM) 1.3  หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้  (Random Access Memory - RAM) 1. หน่วยความจำหลัก
1.2 หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว  (Read Only Memory - ROM) เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้  ( อย่างง่ายๆ )  เป็นความจำที่ซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากน่วยความจำ  ( nonvolatile)
1.3 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ 2  หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้  (Random Access Memory - RAM) เป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็วพอสมควร ซึ่งต่างจากสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆ อย่างเทป หรือดิสก์ ที่มีข้อจำกัดในการอ่านและเขียนข้อมูล ที่ต้องทำตามลำดับก่อนหลังตามที่จัดเก็บไว้ในสื่อ หรือมีข้อกำจัดแบบรอม ที่อนุญาตให้อ่านเพียงอย่างเดียว
หน่วยความจำหลัก                                                                                                                                             หน่วยความจำ  DRAM                                                             หน่วยความจำ  SRAM                                                                                                                                                    หน่วยความจำ  ROM   
ส่วนความจำรอง  ( secondary memory )  อาจเรียกว่าเป็นสื่อบันทึกข้อมูล ช่วยเก็บบันทึกข้อมูลให้สามารถนำไปใช้ในที่ต่างๆ รวมทั้งเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัย ยาวนานไม่สูญหาย ซึ่งจะเลือกใช้ชนิดใดก็ขึ้นอยู่กับขนาด ปริมาณของข้อมูลที่ต้องการจะเก็บ         ข้อมูลต่างๆที่มีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในหน่วยความจำหลักที่เรียกว่า  แรม   แต่แรมเป็นหน่วยความจำที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างถาวร ถ้าปิดเครื่องหรือไฟดับข้อมูลก็หายไป ดังนั้นเมื่อมีการประมวลผลข้อมูลแล้วจะต้องทำการจัดเก็บข้อมูล โดยย้ายข้อมูลจากหน่วยความจำไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถาวร และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ ซึ่งหน่วยเก็บข้อมูลประเภทนี้เรียกว่า  หน่วยความจำรอง       หน่วยความจำรอง
ปัจจุบันมีหน่วยความจำรองให้เลือกใช้หลายชนิด ดังต่อไปนี้ แผ่นบันทึก   ( floppy disk  หรือ  diskette )   เป็นแผ่นพลาสติกวงกลมฉาบด้วยสารแม่เหล็ก ในปัจจุบันจะมีขนาด  3.5   นิ้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกแบบแข็งรูปสี่เหลี่ยม สามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้  1.44 MB  โดยการบันทึกข้อมูลจะมีการจัดเก็บข้อมูลอยู่ในรูปแบบเส้นแรงแม่เหล็ก โดยมีการจัดรูปแบบการบันทึกข้อมูลเป็น วงเรียกว่า แทร็ก  ( track )  แต่ละแทร็กจะแบ่งเป็นช่องเก็บข้อมูลเรียกว่า เซกเตอร์  ( sector )  
ฮาร์ดดิสก์   ( harddisk )   มีหลักการทำงานคล้ายกับแผ่นบันทึก ( diskette ) แต่ฮาร์ดดิสก์ทำมาจากแผ่นโลหะแข็งเคลือบด้วยสารแม่เหล็ก ทำให้เก็บข้อมูลได้มากและทำงานได้รวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์จะประกอบด้วยจานแม่เหล็กหลาย ๆ แผ่น และสามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ทุกแทร็ก  ( Track )  และ เซกเตอร์  ( Sector )  ที่มีตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียกว่า ไซลินเดอร์  ( Cylinder )  การที่ฮาร์ดดิสก์มีประสิทธิภาพและความจุที่สูง เนื่องจากฮาร์ดดิสก์หนึ่งชุดประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็กจำนวนหลายแผ่นทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าฟลอปปี้ดิสก์ โดยฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะมีความจุเริ่มตั้งแต่  40 GB  ขึ้นไป นอกจากนี้ ฮาร์ดดิสก์จะหมุนด้วยความเร็วสูงมาก คือตั้งแต่  5,400   รอบต่อนาทีขึ้นไป ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวด
ภาพของฮาร์ดดิสก์
เทปแม่เหล็ก   ( Magnetic Tape )   เทปแม่เหล็กมีหลักการทำงานคล้ายเทปบันทึกเสียง ยุคแรกเทปที่ใช้จะเป็นแบบม้วนเทปวงล้อขนาดใหญ่ ปัจจุบันจะเป็นตลับเรียกว่า เทปคาร์ทริดจ์  ( cartridge tape )  ซึ่งมีลักษณะเหมือนเทปเพลง  หลักการทำงานของเทปแม่เหล็กคือจะอ่านข้อมูลตามลำดับก่อนหลัง เรียกหลักการนี้ว่าการเข้าถึงข้อมูลตามลำดับ  ( Sequential access )  การทำงานลักษณะนี้ทำให้อ่านข้อมูลได้ช้า เนื่องจากต้องอ่านข้อมูลในม้วนเทปไปเรื่อย ๆ จนถึงตำแหน่งที่ต้องการ ดังนั้นจึงนิยมนำเทปแม่เหล็กมาสำรองข้อมูล เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล  ข้อดีของเทปแม่เหล็กคือสามารถบันทึก อ่าน และลบกี่ครั้งก็ได้และมีราคาต่ำ ความจุของเทปแม่เหล็กจะมีหน่วยเป็น ไบต์ต่อนิ้ว ความสามารถในการเก็บบันทึกข้อมูลของเทปแม่เหล็กขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเทปแม่เหล็ก เทปแม่เหล็กที่มีความหนาแน่นต่ำ จะเก็บข้อมูลได้น้อยกว่าที่มีความหนาแน่นสูง  เทปแม่เหล็กรุ่นใหม่ ๆ มีขนาดใหญ่กว่าเครดิตการ์ดเล็กน้อย แต่สามารถจุข้อมูลได้มากระดับ จิกะไบต์ ปัจจุบัน การใช้เทปแม่เหล็กจะใช้กันในด้านการเป็นสื่อที่เก็บสำรองข้อมูล
เทปแม่เหล็กแบบม้วน   เทปคาร์ทริดจ์  ( cartridge tape )                                                           เครื่องสำรองข้อมูล
แฟลชไดร์ฟ  ( Flash Drive )  หรือ แฮนดี้ไดร์ฟ  ( Handdy Drive ) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลปริมาณมาก ไม่ต่ำกว่า 128   เมกกะไบต์ มีขนาดกระทัดรัดเพราะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวเก็บข้อมูล  นิยมใช้กันมากเนื่องสะดวกในการใช้ การเก็บและการพกพา เนื่อง ปัจจุบันพัฒนาไปมาก นอกจากใช้เก็บบันทึกข้อมูลแล้ว ยังใช้ฟังเพลงได้ด้วย
ออปติคัลดิสก์  ( Optical Disk )  มีหลักการทำงานคล้ายกับการเล่นซีดี  ( CD )  เพลง คือใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมหาศาลในราคาไม่แพงนัก ออปติคอลอยู่หลายแบบ คือ
ซีดีรอม  ( CD - ROM  หรือ  Computer Disk Read Only Memory )   แผ่นซีดีรอมสามารถเก็บข้อมูลได้  750 MB ต่อแผ่น การใช้แผ่นซีดีรอมจะต้องมีที่มีซีดีรอมไดร์ฟ  ( CD - ROM Drive )  สำหรับอ่านข้อมูลในแผ่นซีดีรอม  ซีดีรอมไดร์ฟที่มีการพัฒนากันมารุ่นแรกจะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่  150   กิโลไบต์ต่อวินาที เรียกว่ามีความเร็ว  1   เท่าหรือ  1 x  ซีดีรอมไดร์ฟรุ่นหลัง ปัจจุบันมีความเร็วตั้งแต่ 40 x  ขึ้นไป ข้อจำกัดของซีดีรอมคือสามารถบันทึกได้เพียงครั้งเดียวด้วยเครื่องมือเฉพาะเท่านั้น จากนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์โปรแกรมต่าง ๆในปัจจุบันนิยมใช้ซีดีรอมใช้เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูล เนื่องจากสะดวกต่อการติดตั้งลงฮาร์ดดิสก์ ไม่ต้องทำการเปลี่ยนแผ่นบ่อย ๆ โอกาสเสียมีน้อยและต้นทุนต่ำ การบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีรอมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีแผ่นซีดีรอมที่เรียกว่า ซีดีอาร์  ( CD - R  หรือ  CD Recordable )  ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงในแผ่นด้วยซีดีอาร์ไดร์ฟ  ( CD - R drive )  ที่มีราคาไม่สูงนัก และนำแผ่นซีดีอาร์ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ไปอ่านด้วยซีดีรอมไดร์ฟปกติได้ทันที
ดีวีดี  ( DVD  หรือ  Digital Versatile Disk  )    เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แผ่นดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่  4.7   จิกะไบต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับเก็บภาพยนตร์เต็มเรื่องด้วยคุณภาพสูงสุดทั้งภาพและเสียง  ในขณะที่  CD - ROM  หรือ  Laser Disk  ที่นิยมใช้เก็บภาพยนตร์ในปัจจุบันต้องใช้หลายแผ่น  ปัจจุบัน การนำแผ่น DVD  มาใช้เป็นสื่อเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากว่ามีการพัฒนาเครื่องอ่านแผ่น  DVD  ให้มีคุณภาพดีและราคาไม่สูงมากนัก รวมทั้งเครื่องบันทึก แผ่น  DVD  ก็มีราคาไม่สูงมากทำให้ แผ่น  DVD  กำลังจะเป็นที่นิยมใช้เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์สำหรับงานที่ต้องการเก็บข้อมูลปริมาณมากๆ
หน่วยความจำรอง อื่นๆ แผ่นดิสค์  Disk  หรือ  Floppy Disk   สื่อบันทึกข้อมูล ขนาด  1.44 Mb.   หรือประมาณ  1,440,000 (  ตัวอักษร  )  ไบท์ ฮาร์ดดิสค์   Harddisk สื่อบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ ติดตั้งไว้ภายในเครื่อง คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มาก มีขนาดตั้งแต่  1 Gb.  จนถึง   80 Gb . ปัจจุบันอาจมีถึง  100  ถึง  200 Gb
หน่วยความจำรอง อื่นๆ เมมโมรี่สติกค์  Memory Stick สื่อบันทึกข้อมูล ใช้ในกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ มีขนาดตั้งแต่  32, 64, 128, 256, 512  ขึ้นไป   ซีดีรอม  CD-Rom  สื่อบันทึกข้อมูลชนิดอ่านได้อย่างเดียว เก็บข้อมูลประเภท    แฟ้มข้อมูลทั่วไป ภาพ เสียง เป็นต้น มีขนาดตั้งแต่  500 Mb. - 800 Mb
หน่วยความจำรอง อื่นๆ ซิมการ์ด  Sim Card สื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ใช้ในโทรศัพท์มือถือ   เก็บข้อมูล รายชื่อสมุดโทรศัพท์   ข้อมูลระบบที่ตั้งค่าไว้ในเครื่อง โทรศัพท์ แฟลช   ไดร์ฟ  Flash Drive  หรือ แฮนดี้ ไดร์ฟ  Handy Drive สื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ที่ใช้ร่วมกับช่อง  USB  คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันเป็นที่นิยม มีขนาดตั้งแต่  128, 256  ขึ้นไป   บางรุ่น สามารถฟังเพลง  MP3  อัดเสียง ฟังวิทยุได้
 

งานนำเสนอ2 หน่วยความจำ แก้ไข

  • 1.
    การนำเสนองานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง หน่วยความจำนำเสนอต่อ คุณครูศิรสิทธิ์ ป้อมสุวรรณ จัดทำโดย นายธนวินท์ สุวรรณอัตถ์ ม.4/1 เลขที่ 10 นายกิตติกานต์ มั่นดี ม.4/1 เลขที่ 9 นายธนัทชัย แสงสุระธรรม ม.4/1 เลขที่ 4 นายจิรัฏฐ์ กล้าหาญ ม.4/1 เลขที่ 1 น.ส.พจนรัตน์ สนธินาม ม.4/1 เลขที่ 13 น.ส.แพรฝ้าย ลมเมฆ ม.4/1 เลขที่ 28 น.ส.วณิชา เอกวงศ์ ม.4/1 เลขที่ 30 น.ส.กรกนก จิระนุวงษ์ ม.4/1 เลขที่ 33
  • 2.
    หน่วยความจำ (Memory Unit) มีหน่วยความจำที่สำคัญอยู่ 2 เรื่องคือ 1. หน่วยความจำหลัก ( Main Memory Unit) 2. หน่วยความจำรอง ( secondary memory Unit)
  • 3.
    เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆที่อยู่ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรียกว่า หน่วยเก็บข้อมูลหลัก ( Primary storage ) สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1.2 หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory - ROM) 1.3 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM) 1. หน่วยความจำหลัก
  • 4.
    1.2 หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว หน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory - ROM) เป็นหน่วยความจำแบบสารกึ่งตัวนำชั่วคราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็นสื่อบันทึกในคอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ำได้ ( อย่างง่ายๆ ) เป็นความจำที่ซอฟต์แวร์หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับไมโครโพรเซสเซอร์ได้โดยตรง หน่วยความจำประเภทนี้แม้ไม่มีไฟเลี้ยงต่ออยู่ ข้อมูลก็จะไม่หายไปจากน่วยความจำ ( nonvolatile)
  • 5.
    1.3 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ 2 หน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM) เป็นหน่วยความจำหลัก ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน หน่วยความจำชนิดนี้ อนุญาตให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และรวดเร็วพอสมควร ซึ่งต่างจากสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆ อย่างเทป หรือดิสก์ ที่มีข้อจำกัดในการอ่านและเขียนข้อมูล ที่ต้องทำตามลำดับก่อนหลังตามที่จัดเก็บไว้ในสื่อ หรือมีข้อกำจัดแบบรอม ที่อนุญาตให้อ่านเพียงอย่างเดียว
  • 6.
    หน่วยความจำหลัก                                                                                                                                            หน่วยความจำ DRAM                                                             หน่วยความจำ SRAM                                                                                                                                                 หน่วยความจำ ROM   
  • 7.
    ส่วนความจำรอง (secondary memory ) อาจเรียกว่าเป็นสื่อบันทึกข้อมูล ช่วยเก็บบันทึกข้อมูลให้สามารถนำไปใช้ในที่ต่างๆ รวมทั้งเก็บรักษาข้อมูลได้อย่างปลอดภัย ยาวนานไม่สูญหาย ซึ่งจะเลือกใช้ชนิดใดก็ขึ้นอยู่กับขนาด ปริมาณของข้อมูลที่ต้องการจะเก็บ         ข้อมูลต่างๆที่มีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในหน่วยความจำหลักที่เรียกว่า แรม  แต่แรมเป็นหน่วยความจำที่ไม่ได้เก็บข้อมูลอย่างถาวร ถ้าปิดเครื่องหรือไฟดับข้อมูลก็หายไป ดังนั้นเมื่อมีการประมวลผลข้อมูลแล้วจะต้องทำการจัดเก็บข้อมูล โดยย้ายข้อมูลจากหน่วยความจำไปไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างถาวร และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ ซึ่งหน่วยเก็บข้อมูลประเภทนี้เรียกว่า หน่วยความจำรอง       หน่วยความจำรอง
  • 8.
    ปัจจุบันมีหน่วยความจำรองให้เลือกใช้หลายชนิด ดังต่อไปนี้ แผ่นบันทึก ( floppy disk หรือ diskette )   เป็นแผ่นพลาสติกวงกลมฉาบด้วยสารแม่เหล็ก ในปัจจุบันจะมีขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกแบบแข็งรูปสี่เหลี่ยม สามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้ 1.44 MB โดยการบันทึกข้อมูลจะมีการจัดเก็บข้อมูลอยู่ในรูปแบบเส้นแรงแม่เหล็ก โดยมีการจัดรูปแบบการบันทึกข้อมูลเป็น วงเรียกว่า แทร็ก ( track ) แต่ละแทร็กจะแบ่งเป็นช่องเก็บข้อมูลเรียกว่า เซกเตอร์ ( sector )  
  • 9.
    ฮาร์ดดิสก์ ( harddisk )   มีหลักการทำงานคล้ายกับแผ่นบันทึก ( diskette ) แต่ฮาร์ดดิสก์ทำมาจากแผ่นโลหะแข็งเคลือบด้วยสารแม่เหล็ก ทำให้เก็บข้อมูลได้มากและทำงานได้รวดเร็ว ฮาร์ดดิสก์จะประกอบด้วยจานแม่เหล็กหลาย ๆ แผ่น และสามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ทุกแทร็ก ( Track ) และ เซกเตอร์ ( Sector ) ที่มีตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียกว่า ไซลินเดอร์ ( Cylinder ) การที่ฮาร์ดดิสก์มีประสิทธิภาพและความจุที่สูง เนื่องจากฮาร์ดดิสก์หนึ่งชุดประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็กจำนวนหลายแผ่นทำให้เก็บข้อมูลได้มากกว่าฟลอปปี้ดิสก์ โดยฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะมีความจุเริ่มตั้งแต่ 40 GB ขึ้นไป นอกจากนี้ ฮาร์ดดิสก์จะหมุนด้วยความเร็วสูงมาก คือตั้งแต่ 5,400 รอบต่อนาทีขึ้นไป ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวด
  • 10.
  • 11.
    เทปแม่เหล็ก ( Magnetic Tape )   เทปแม่เหล็กมีหลักการทำงานคล้ายเทปบันทึกเสียง ยุคแรกเทปที่ใช้จะเป็นแบบม้วนเทปวงล้อขนาดใหญ่ ปัจจุบันจะเป็นตลับเรียกว่า เทปคาร์ทริดจ์ ( cartridge tape ) ซึ่งมีลักษณะเหมือนเทปเพลง  หลักการทำงานของเทปแม่เหล็กคือจะอ่านข้อมูลตามลำดับก่อนหลัง เรียกหลักการนี้ว่าการเข้าถึงข้อมูลตามลำดับ ( Sequential access ) การทำงานลักษณะนี้ทำให้อ่านข้อมูลได้ช้า เนื่องจากต้องอ่านข้อมูลในม้วนเทปไปเรื่อย ๆ จนถึงตำแหน่งที่ต้องการ ดังนั้นจึงนิยมนำเทปแม่เหล็กมาสำรองข้อมูล เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล  ข้อดีของเทปแม่เหล็กคือสามารถบันทึก อ่าน และลบกี่ครั้งก็ได้และมีราคาต่ำ ความจุของเทปแม่เหล็กจะมีหน่วยเป็น ไบต์ต่อนิ้ว ความสามารถในการเก็บบันทึกข้อมูลของเทปแม่เหล็กขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเทปแม่เหล็ก เทปแม่เหล็กที่มีความหนาแน่นต่ำ จะเก็บข้อมูลได้น้อยกว่าที่มีความหนาแน่นสูง  เทปแม่เหล็กรุ่นใหม่ ๆ มีขนาดใหญ่กว่าเครดิตการ์ดเล็กน้อย แต่สามารถจุข้อมูลได้มากระดับ จิกะไบต์ ปัจจุบัน การใช้เทปแม่เหล็กจะใช้กันในด้านการเป็นสื่อที่เก็บสำรองข้อมูล
  • 12.
    เทปแม่เหล็กแบบม้วน เทปคาร์ทริดจ์ ( cartridge tape )                                                        เครื่องสำรองข้อมูล
  • 13.
    แฟลชไดร์ฟ (Flash Drive ) หรือ แฮนดี้ไดร์ฟ ( Handdy Drive ) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลปริมาณมาก ไม่ต่ำกว่า 128 เมกกะไบต์ มีขนาดกระทัดรัดเพราะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวเก็บข้อมูล  นิยมใช้กันมากเนื่องสะดวกในการใช้ การเก็บและการพกพา เนื่อง ปัจจุบันพัฒนาไปมาก นอกจากใช้เก็บบันทึกข้อมูลแล้ว ยังใช้ฟังเพลงได้ด้วย
  • 14.
    ออปติคัลดิสก์ (Optical Disk ) มีหลักการทำงานคล้ายกับการเล่นซีดี ( CD ) เพลง คือใช้เทคโนโลยีของแสงเลเซอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมหาศาลในราคาไม่แพงนัก ออปติคอลอยู่หลายแบบ คือ
  • 15.
    ซีดีรอม (CD - ROM หรือ Computer Disk Read Only Memory ) แผ่นซีดีรอมสามารถเก็บข้อมูลได้ 750 MB ต่อแผ่น การใช้แผ่นซีดีรอมจะต้องมีที่มีซีดีรอมไดร์ฟ ( CD - ROM Drive ) สำหรับอ่านข้อมูลในแผ่นซีดีรอม  ซีดีรอมไดร์ฟที่มีการพัฒนากันมารุ่นแรกจะมีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 150 กิโลไบต์ต่อวินาที เรียกว่ามีความเร็ว 1 เท่าหรือ 1 x ซีดีรอมไดร์ฟรุ่นหลัง ปัจจุบันมีความเร็วตั้งแต่ 40 x ขึ้นไป ข้อจำกัดของซีดีรอมคือสามารถบันทึกได้เพียงครั้งเดียวด้วยเครื่องมือเฉพาะเท่านั้น จากนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์โปรแกรมต่าง ๆในปัจจุบันนิยมใช้ซีดีรอมใช้เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูล เนื่องจากสะดวกต่อการติดตั้งลงฮาร์ดดิสก์ ไม่ต้องทำการเปลี่ยนแผ่นบ่อย ๆ โอกาสเสียมีน้อยและต้นทุนต่ำ การบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีรอมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีแผ่นซีดีรอมที่เรียกว่า ซีดีอาร์ ( CD - R หรือ CD Recordable ) ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงในแผ่นด้วยซีดีอาร์ไดร์ฟ ( CD - R drive ) ที่มีราคาไม่สูงนัก และนำแผ่นซีดีอาร์ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ไปอ่านด้วยซีดีรอมไดร์ฟปกติได้ทันที
  • 16.
    ดีวีดี (DVD หรือ Digital Versatile Disk )   เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แผ่นดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่ 4.7 จิกะไบต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับเก็บภาพยนตร์เต็มเรื่องด้วยคุณภาพสูงสุดทั้งภาพและเสียง  ในขณะที่ CD - ROM หรือ Laser Disk ที่นิยมใช้เก็บภาพยนตร์ในปัจจุบันต้องใช้หลายแผ่น  ปัจจุบัน การนำแผ่น DVD มาใช้เป็นสื่อเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากว่ามีการพัฒนาเครื่องอ่านแผ่น DVD ให้มีคุณภาพดีและราคาไม่สูงมากนัก รวมทั้งเครื่องบันทึก แผ่น DVD ก็มีราคาไม่สูงมากทำให้ แผ่น DVD กำลังจะเป็นที่นิยมใช้เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์สำหรับงานที่ต้องการเก็บข้อมูลปริมาณมากๆ
  • 17.
    หน่วยความจำรอง อื่นๆ แผ่นดิสค์ Disk หรือ Floppy Disk สื่อบันทึกข้อมูล ขนาด 1.44 Mb. หรือประมาณ 1,440,000 ( ตัวอักษร ) ไบท์ ฮาร์ดดิสค์ Harddisk สื่อบันทึกข้อมูลขนาดใหญ่ ติดตั้งไว้ภายในเครื่อง คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มาก มีขนาดตั้งแต่ 1 Gb. จนถึง 80 Gb . ปัจจุบันอาจมีถึง 100 ถึง 200 Gb
  • 18.
    หน่วยความจำรอง อื่นๆ เมมโมรี่สติกค์ Memory Stick สื่อบันทึกข้อมูล ใช้ในกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ มีขนาดตั้งแต่ 32, 64, 128, 256, 512 ขึ้นไป ซีดีรอม CD-Rom สื่อบันทึกข้อมูลชนิดอ่านได้อย่างเดียว เก็บข้อมูลประเภท   แฟ้มข้อมูลทั่วไป ภาพ เสียง เป็นต้น มีขนาดตั้งแต่ 500 Mb. - 800 Mb
  • 19.
    หน่วยความจำรอง อื่นๆ ซิมการ์ด Sim Card สื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ใช้ในโทรศัพท์มือถือ เก็บข้อมูล รายชื่อสมุดโทรศัพท์ ข้อมูลระบบที่ตั้งค่าไว้ในเครื่อง โทรศัพท์ แฟลช ไดร์ฟ Flash Drive หรือ แฮนดี้ ไดร์ฟ Handy Drive สื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ที่ใช้ร่วมกับช่อง USB คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันเป็นที่นิยม มีขนาดตั้งแต่ 128, 256 ขึ้นไป บางรุ่น สามารถฟังเพลง MP3 อัดเสียง ฟังวิทยุได้
  • 20.