memory unit

3. เป็นแหล่งที่ใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว มีลักษณะคล้ายกับหน่วยความจา แต่มันจะถูกแยกออกมา
ต่างหาก รีจีสเตอร์จะเป็นแหล่งเก็บข้อมูลแบบพิเศษที่ทาให้ CPU สามารถดึงข้อมูลไปใช้งานได้เร็ว
กว่าหน่วยความจาธรรมดา ใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 0.3 – 2 ns
register แบ่งออกเป็น 5 แบบ
1. Accumulator Register ทาหน้าที่เก็บผลลัพธ์จากการคานวณ
2. Instruction Register ทาหน้าที่เก็บคาสั่งในโปรแกรมที่กาลังจะถูกประมวลผล
3. Address Register ทาหน้าที่เก็บที่อยู่ (address) ของคาสั่งหรือชิ้นข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ใน
หน่วยความจา
4. Storage Register ใช้เก็บข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาจากหน่วยความจา หรือผลลัพธ์จากการ
ประมวลผลที่ถูกส่งไปเก็บยังหน่วยความจา
5. General-purpose Register ใช้ทางานหลายอย่าง แล้วแต่โปรแกรมจะเรียกใช้

4. เป็นหน่วยความจาแรมแบบ Static(SRAM) อ่าน/เขียนข้อมูลได้เร็วกว่าแรมของเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่เป็น Dynamic RAM(DRAM) หน้าที่ของแคชคือเก็บคาสั่งและข้อมูลที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อส่งให้กับ
cpu ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว
 แคชระดับที่ 1 (L1 Cache) เป็นแคชขนาดเล็ก 32-128 KB อยู่ใกล้กับซีพียูที่สุด ใช้เวลาในการ
อ่านข้อมูล ประมาณ 3 – 8 ns
 แคชระดับที่ 2 (L2 Cache) จะมีขนาดใหญ่ 512 KB-4 MB เน้นเก็บข้อมูลที่ดึงมาจากแรมของ
ตัวเครื่อง แคชประเภทนี้จะแบ่งได้ 2 รูป ใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 6 – 20 ns

5. หน่วยความจาหลักเป็นหน่วยความจาพื้นฐานในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เป็นหัวใจของการทางานใน
รูปแบบอัตโนมัติ มีหน้าที่เก็บข้อมูลต่างๆ ที่ป้อนเข้ามาเพื่อให้หน่วยประมวลผลนาไปใช้ และเก็บ
ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติและระบบการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งหน่วยความจาหลัก
ออกเป็น 6 ประเภทคือRam,Rom,PROM,EPROM,EEPROM,Flash memory ใช้เวลาในการอ่าน
ข้อมูล ประมาณ 30 – 70 ns

6. อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่เหมือนกับ harddisk เพียงแต่รูปแบบการบันทึก
ข้อมูลของ SSD จะเป็นการบันทึกข้อมูลแบบ Flash Memory พูดง่ายๆก็คล้ายกับ FlashDrive
(แฟรตไดร์ส) ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง มักนิยมนามาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
เพราะขนาดของ SSD นี้จะมีขนาดเล็กประมาณ 1.8 - 2.5 นิ้ว
ใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 35 – 100 μs มีข้อดีคือความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลไวกว่า เมื่อ
เปรียบเทียบกับ Harddisk ที่เราใช้กันในปัจจุบันและไม่เปลืองพลังงานไฟฟ้า

7. เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อุปกรณ์ชิ้นหนึ่ง ที่เป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ที่บรรจุ
ข้อมูลแบบไม่ลบเลือน มีลักษณะเป็นจานโลหะที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็กซึ่งหมุนอย่างรวดเร็ว
เมื่อทางานใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 3 – 15 ms

8. เป็นจานแสงแบบเคลื่อนที่ได้ ใช้ในการอ่านเขียนด้วยแสงเลเซอร์ จานแสงมีขนาดเล็กพกพาได้
สะดวก และมีความจุสูงใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 100 ms – 5 s เทคโนโลยีจานแสงมี 4
ชนิดคือ
-CD-ROM หรือที่เรียกกันว่า Compack Disk เป็นจานแสงที่อ่านได้อย่างเดียว สามารถเก็บข้อมูล
ได้ทุกชนิด ทั้งรูปภาพ ข้อความ หรือเสียง
-CD-R : คือ CD ที่formatไว้ให้เราใช้บันทึกข้อมูลโดยใช้เครื่องบันทึก(writer)
-Worm disks ย่อมาจาก Write once read many คือ CD ที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ 1 ครั้งเท่านั้น
และไม่สามารถลบข้อมูลได้ แต่อ่านได้หลายครั้ง
-Erasable optical disks หรือ CD-RW: คือจานแสงที่บันทึกข้อมูล และลบข้อมูลได้ ใช้ได้หลายครั้ง
มักใช้เก็บเอกสารที่มีการเปลี่ยนแปลง

9. แถบที่ทาด้วยพลาสติกฉาบออกไซด์ของโลหะ มี ลักษณะคล้ายเทปหรือแถบบันทึกเสียง ม้วนอยู่บน
วงล้อ มีหลายขนาด เป็นต้นว่า ขนาดยาว 2,400 ฟุต 1,200 ฟุต และ 600 ฟุต ตัวเทปกว้าง 1/2 นิ้ว
บันทึกข้อมูลได้ประมาณ 800, 1,600, 3,200, 6,250 BPI (Byte per inch) ตัวอักษรต่อความยาว
ของเนื้อเทป 1 นิ้ว เทปหรือแถบบันทึกนี้สามารถเป็นได้ทั้งหน่วยรับข้อมูลและหน่วยแสดงผล
คอมพิวเตอร์จะมีเครื่องมือที่ใช้อ่านและบันทึกข้อมูลลงในเทปเรียกว่า หน่วยขับเทป (tape drive)
สามารถบันทึกข้อมูลใหม่ลงทับบนข้อมูลเก่าได้เหมือนการบันทึกเพลง ข้อมูลเดิมจะหายไปโดย
อัตโนมัติข้อเสียของเทปก็คือ การค้นหาข้อมูลทาได้ช้า เพราะต้องเริ่มตั้งแต่ต้นเทปเสมอ
ใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 10 s – 3 m

10. เป็นอุปกรณ์ในการเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่เราสามารถลบและเขียนใหม่ได้ เพราะมีลักษณะ
การทางานที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์ที่ในขณะทางานจะมี
จานแม่เหล็กหมุนตลอดเวลา และ Flash drive นั้นยังมีขนาดเล็ก น้าหนักเบา เหมาะแก่การพกพา
ไปยังที่ต่างๆใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 0.5 ms – 33 ms

11. เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูล ที่อาศัยหลักการเหนี่ยวนาของสนามแม่เหล็กโดยทั่วไปมีลักษณะบางกลม
และบรรจุอยู่ในแผ่นพลาสติกสี่เหลี่ยม คอมพิวเตอร์สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบน floppy disk
ผ่านทางfloppy disk drive ใช้เวลาในการอ่านข้อมูล ประมาณ 12 ms – 40 ms

13. หน่วยความจาหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory)หรือแรม (Ram) หมายถึง
หน่วยความจาความเร็วสูงซึ่งเป็นที่เก็บโปรแกรมและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่มีหน่วยความจานี้
โปรเซสเซอร์ก็จะทางานไม่ได้เลย เนื่องจากหน่วยความจาแรมเป็นเสมือนกระดาษทด ที่เก็บข้อมูล
ทุกอย่างที่โปรเซสเซอร์ใช้ในขณะกาลังทางานอยู่ เพราะอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลอื่น เช่น disc drive จะ
มีความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลช้ามาก ขณะที่ซีพียูทางานจึงต้องทางานกับหน่วยความจา
แรมที่มีความเร็วสูงเสมอ

14. หน่วยความจาหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว (Read Only Memory)
หรือเรียกว่ารอม (ROM) คือหน่วยความจาที่เก็บชุดคาสั่งที่ใช้ในการเริ่มต้นการทางานหรือชุดคาสั่ง
ที่สาคัญ ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ โดยคาสั่งที่ใช้ในชิปชื่อ ROM BIOS (Basic Input/Output
System) เนื่องจากรอมมีคุณสมบัติในการเก็บข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง นั่นคือ
แม้จะปิดเครื่องแล้วเมื่อเปิดเครื่องใหม่ข้อมูลในรอมก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ข้อเสียของรอมคือ
หน่วยความจาชนิดนี้ไม่สามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมชุดคาสั่งได้ในภายหลัง รวมทั้งมีความเร็วในการ
ทางานช้ากว่าหน่วยความจาแบบแรมนอกจากนี้ในปัจจุบันมีรอมที่เป็นชิปพิเศษแบบต่าง ๆ อีก คือ

15. -PROM (Programmable Read-Only Memory)
เป็นหน่วยความจาแบบรอม ที่สามารถบันทึกด้วยเครื่องบันทึกพิเศษได้หนึ่งครั้ง จากนั้นจะลบหรือ
แก้ไขไม่ได้
-EPROM (Erasable PROM)เป็นหน่วยความจารอม ที่ใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการเขียนข้อมูล
สามารถนาออกจากคอมพิวเตอร์โดยใช้เครื่องมือพิเศษและบันทึกข้อมูลใหม่ได้
-EEPROM (Electrically Erasable PROM)
จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งรวมเอาข้อดีของรอมและแรมเข้าด้วยกัน เป็นชิปที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าใน
การหล่อเลี้ยงและสามารถเขียน แก้ไขหรือลบข้อมูลที่เก็บไว้ได้ด้วยโปรแกรมพิเศษ โดยไม่ต้องถอด
ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ทาให้เปรียบเสมือนกับหน่วยเก็บข้อมูลสารองที่มีความเร็วสูง

16. -หน่วยความจาแฟลช (Flash Memory) เป็นหน่วยความจาขนาดเล็กประเภท non-volatiole ที่
สามารถบันทึกข้อมูลลงไปได้โดยที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ข้อมูลไม่มีการสูญหายเมื่อปิดสวิตซ์ ซึ่งมี
ส่วนที่ใช้บันทึกข้อมูล เรียกว่า solid state chips ซึ่งใช้กระบวนการทางไฟฟ้าในการบันทึกข้อมูล
และมีตัวควบคุมการอ่านและเขียนในตัวเอง