More Related Content Similar to บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร (6) บทที่ 2 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร5. คลื่นเสียงคลื่นเสียง
(( AudioAudio
Wave )Wave )
นคลื่นที่มีความถี่ตำ่า ความถี่อยู่ในช่วงประมาณ 20 – 20,00
• คลื่นเสียง เป็นคลื่นที่มนุษย์สามารถรับฟังได้
ลื่นเสียง เกิดจากการเปล่งเสียงของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งมีชีว
คลื่นเสียง อาจเกิดจากเครื่องกำาเนินเสียงสัญญาณต่างๆ
8. v = λ f
รายละเอียดทั่วไปของคลื่นเสียงรายละเอียดทั่วไปของคลื่นเสียง
ที่มนุษย์ได้ยินจะมีระดับความถี่ของเสียงแตกต่างกัน ดังนี้
สียงทุ้ม มีความถี่เสียงตำ่า ประมาณ 20 – 500 Hz
งกลาง มีความถี่เสียงปานกลาง ประมาณ 500 – 5,000 Hz
งแหลม มีความถี่เสียงสูง ประมาณ 5,000 – 20,000 Hz
10. รทางคลื่นวิทยุ คือ นำาข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพ เสียง หรือข้อมูล
คลื่นวิทยุแล้วก็ส่งออกอากาศไป จากนั้นทางเครื่องรับก็จะร
สายอากาศ แล้วทำาการแยกคลื่นวิทยุและข้อมูลต่างๆออกจ
มูลข่าวสารนั้นไปใช้ต่อไป ส่วนในการผสมข่าวสารข้อมูลเข
ื่อสารด้วยคลื่นวิทยุก็มีด้วยกัน 3 แบบด้วยกัน ที่นิยมใช้กัน
ไปนี้
1. การผสมคลื่นทางความสูงหรือแบบ AM
2. การผสมคลื่นทางความถี่หรือ FM
3. การผสมคลื่นทางเฟสหรือ PM
13. การผสมคลื่นทางเฟสหรือการผสมคลื่นทางเฟสหรือ PMPM
เฟสหรือแบบ PM เป็นการนำาสัญญาณข่าวสารข้อมูลไปผส
เฟสของสัญญาณข่าวสารข้อมูลต่างๆ จะไปควบคุมการเปล
ะ โดยที่ระดับความสูงของคลื่นพาหะยังคงเดิม คือไม่เปลี่ย
ยการทำาให้คลื่นพาหะถูกสัญญาณ ข่าวสารข้อมูลควบคุมร
ยนแปลงสูงขึ้นหรือตำ่าลงตามเฟสสัญญาณข้อมูลข่าวสาร ส
สจากบวกเป็นลบถูกผสมเข้ามา ทำาให้คลื่นพาหะมีความถี่ต
าวสารข้อมูลช่วงเปลี่ยนจากเฟสลบ เป็นบวกถูกผสมเข้ามา
าปกติ ความถี่คลื่นพาหะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมากที่ส
ข้อมูลเปลี่ยนระดับ ความแรงเลื่อนผ่านตำาแหน่งศูนย์ คลื่นพ
ายกับการผสมแบบ FM บางที่จึงเรียกว่า การผสมแบบ FM
14. แถบแม่เหล็กไฟฟ้าแถบแม่เหล็กไฟฟ้า
พบโดย เจมส์ ซี แมกซ์เวล
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มาจัดเรียงตามลำาดับความถี่และความย
“แถบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า”
ฟ้า เกิดจากการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagne
มไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อสนามไฟฟ
ให้เกิดสนามแม่เหล็ก หรือถ้าสนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแป
ฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคลื่นตามขวาง ประกอบด้วยสนา
ารสั่นในแนวตั้งฉากกัน และอยู่บนระนาบตั้งฉากกับทิศการ
ไฟฟ้าเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่โดยไม่อาศัยตัวกลาง จึงสามารถเ
17. กมมา (gamma ray : l < 0.1 nm) และช่วงรังสีเอ็กซ์
1 nm < l < 300 nm) เป็นช่วงที่มีพลังงานสูง
กปฏิกิริยานิวเคลียร์ หรือจากสารกัมมันตรังสี
าไวโอเลต เป็นช่วงที่มีพลังงานสูง เป็นอันตรายต่อเซลสิ่งม
สง เป็นช่วงคลื่นที่ตามนุษย์รับรู้ได้ ประกอบด้วยแสงสีม่วง
ถึงแสงสีแดง
าเรด เป็นช่วงคลื่นที่มีพลังงานตำ่า ตามนุษย์มองไม่เห็น จำาแ
ดคลื่นสั้น และอินฟราเรดคลื่นความร้อน
18. 1. ELF (Extremely Low Frequency)
2. VF (Voice Frequency)
3. VLF (Very Low Frequency)
4. LF (Low Frequency)
5. MF (Medium Frequency)
6. HF (High Frequency)
7. VHF (Very High Frequency)
8. UHF (Ultra High Frequency)
9. SHF (Super High Frequency)
10. EHF (Extremely High Frequency)
11. Infrared wave
12. Visible Spectrum
19. F (Extremely Low Frequency)
30 Hz-300 Hz ซึ่งมีความยาวคลื่น 107-106 เมตร ซึ่งเป
รถได้ยิน และเป็นช่วงของความถี่ไฟบ้านที่ 50 Hz และ 60
21. F (Very Low Frequency)
3 kHz-30 kHz ซึ่งมีความยาวคลื่น 104-105 เมตร ซึ่งเป
ารทางทหารใช้
LF (Low Frequency)
คือ ความถี่ 30 kHz-300 KHz ซึ่งมี
ความยาวคลื่น 103-104 เมตร ซึ่งเป็นความถี่ที่ใช้
ในการนำาร่องของระบบการบินและการเดินเรือ
MF (Medium Frequency)
คือ ความถี่ 300 kHz-3000 KHz (3 MHz)
ซึ่งมีความยาวคลื่น 103-102 เมตร ซึ่งเป็น
ความถี่ที่ใช้สำาหรับคลื่นวิทยุกระจายเสียงในระบบ
AM (535-1605 MHz) และยังใช้สำาหรับการ
สื่อสารในระบบการบินและการเดินเรือ
22. HF (High Frequency)
คือ ความถี่ 3 MHz-30 MHz ซึ่งมี
ความยาวคลื่น 102-101 เมตร ความถี่สูงหรือที่
เรียกว่า คลื่นสั้น (short wave) จะใช้ในการกระ
จายเสียงวิทยุคลื่นสั้น เช่น VOA (Voice Of
American) ใช้ในการสื่อสารคลื่นวิทยุแบบ 2 way
ใช้ในวิทยุสื่อสารของทหารและวิทยุสมัครเล่น
VHF (Very High Frequency)
คือ ความถี่ 30 MHz-300 MHz ซึ่งมี
ความยาวคลื่น 10-1-1 เมตร เป็นช่วงความถี่ที่มี
การใช้งานมาก เช่น วิทยุกระจายเสียงในระบบ
FM (88-108 MHz) มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 2 ถึงช่อง
13 มีบางช่วงความถี่สำาหรับวิทยุสมัครเล่น
23. UHF (Ultra High Frequency)
คือ ความถี่ 300 MHz-3000 MHz ซึ่งมี
ความยาวคลื่น 1-10-1 เมตร เป็นอีกช่วงที่มีการใช้
งานมาก มีสถานีโทรทัศน์ตั้งแต่ช่อง 14 ถึงช่อง 83
และถูกใช้งานมากในระบบสื่อสารเคลื่อนที่ บริการ
ด้านโทรศัพท์ระบบ cellular มีช่องความถี่สำาหรับ
ทหาร ระบบนำาร่อง (navigation) และระบบ Radar
สำาหรับความถี่ที่สูงกว่า 1000 MHz หรือ
1 GHz ขึ้นไป จะถูกเรียกว่า Microwave
SHF (Super High Frequency)
คือ ความถี่ 3 GHz-30 GHz มีความยาวคลื่น
10-1 - 10-2 เมตร คือย่านความถี่ microwave ซึ่ง
ถูกใช้งานมากในระบบดาวเทียมและระบบ Radar
24. EHF (Extremely High Frequency)
คือ ความถี่ 30 GHz-300 GHz มี
ความยาวคลื่น 10-2 - 10-3 เมตร ใช้สำาหรับระบบ
สื่อสารดาวเทียมและระบบ Radar ชนิดพิเศษ
เนื่องจากอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ในย่านความถี่นี้มี
ความซับซ้อนมาก จึงยังมีการใช้งานน้อย
ความถี่ที่อยู่เหนือจากนี้ขึ้นไปจะถูกเรียกว่า
Millimeter Wave
25. Infrared wave
คือ มีความยาวคลื่น 0.7 - 100 micron สำาหรับ
สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงกว่า 300 GHz
จะไม่นับเป็นคลื่นวิทยุ แต่จะมีการตั้งชื่อให้กับแถบ
ความถี่
ช่วงความถี่ infrared อยู่ระหว่างคลื่นวิทยุที่สูง
ที่สุด และคลื่นแสงที่ตามองเห็น
คลื่น Infrared มักแพร่กระจายออกมาพร้อมกับ
ความร้อน ซึ่งสามารถสร้างขึ้นโดย LED (Light
Emitting Diode) ชนิดพิเศษ
การใช้งาน เช่น งานดาราศาสตร์สำาหรับตรวจ
จับดาวหรือวัตถุในอวกาศ, ใช้ในการความคุมระยะ
ไกล (Remote control)
26. Visible Spectrum
คือ แสง ซึ่งมีความยาวคลื่น 8000 - 4000
Angstrom เหนือความถี่ของ Infrared เป็นแถบ
ความถี่ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ แสงใช้ในการ
สื่อสารหลายอย่าง เพราะสามารถ modulate และส่ง
สัญญาณเข้าไปใน Fiber Optic ได้
Angstrom
คือ หน่วยวัดความยาวคลื่นของแสง โดย
1 Angstrom = 1 x 10-4
Micron
28. ก่อตั้ง 17 พฤษภาคม . .ค ศ 1865
ประเภท องค์การระหว่างประเทศ
สำานักงานใหญ่
เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
จำานวน
สมาชิก
192 ประเทศ
29. ประวัติความเป็นมาของประวัติความเป็นมาของ ITUITU
ชื่อเดิมว่า "สหภาพโทรเลขระหว่าง
ประเทศ"(International Telegraph Union) ต่อมาในปี
ค.ศ. 1934 (พ.ศ. 2477) และได้กลายเป็น องค์การ
ชำานาญพิเศษของสหประชาชาติ
(United Nations) หรือ UN ในปี ค.ศ.1947 (พ.ศ. 2490)
เป็นต้นมา ITU เป็นองค์กรระหว่าง
ประเทศที่เกิดขึ้น มาจากความร่วมมือของรัฐบาลประเทศ
สมาชิกในอันที่จะทำาให้เกิดความ
ร่วมมือกัน เพื่อรับผิดชอบด้านการกำากับดูแล
(regulation) การจัดทำามาตรฐาน (standardization)
และการพัฒนากิจการโทรคมนาคมของโลกรวมทั้ง การ
บริหารและจัดการระหว่างประเทศในเรื่องเกี่ยวกับ
สเปกตรัมความถี่วิทยุ (radiofrequency spectrum)
ตลอดจนกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่จะนำาเอาไปใช้สำาหรับควบคุม
การเข้าถึง (Access to) และการใช้ประโยชน์ (Use)
จากวงโคจรดาวเทียม (satellite orbits) ทั้งหลายของ
33. ทบาทและวัตถุประสงค์ทบาทและวัตถุประสงค์
ภาพฯ มีการปรับปรุงเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ให้มีความเ
ะหนักดีถึงบทบาทของสหภาพ และทำาให้เกิดความร่วมมือก
วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในอัน ที่จะปรับปรุงและแบ่งป
รคมนาคมทุกชนิด
ส่งเสริมการพัฒนาด้านวิชาการและการดำาเนินงาน
ให้มีประสิทธิภาพอย่างดีที่สุด เพื่อจะ
ปรับปรุงประสิทธิภาพของบริการโทรคมนาคมต่างๆ
เพิ่มพูนผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน
ทั่วไปให้มากขึ้นเท่าที่จะทำาได้กำากับดูแล จัดสรรย่าน
ความถี่สำาหรับกิจการประเภทต่างๆ
ประสานงานการใช้ความถี่ของแต่ละประเทศกำาหนด
วิธีปฏิบัติ และควบคุมลักษณะทาง
เทคนิคต่างๆ เพื่อมิให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน
โดยการกำาหนดออกมาเป็น ข้อบังคับวิทยุ
ระหว่างประเทศ(Radio Regulations) ให้ประเทศ
35. ไทยเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ พ.ศ.2428 และได้ให้ความร่วมม
นที่ตั้งของสำานักงานประจำาภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก และจ
างๆ ให้ ทำาให้สหภาพสามารถปฏิบัติงานการพัฒนาโทรคม
กในภูมิภาคนี้ได้สะดวกและรวดเร็ว ในฐานะที่ประเทศไทยเ
หนึ่งมีบทบาทสำาคัญ และเป็นที่ยอมรับของสมาชิก ดังนั้น ใ
แทนผู้มีอำานาจเต็มที่ประเทศสเปนสเปนเมื่อ พ.ศ.2516 จึงไ
ชิกสภาบริหารของสหภาพฯ ทำาให้มีส่วนร่วมในการบริหาร
วมกำาหนดนโยบายต่างๆ รวมถึงการทำาหน้าที่เป็นผู้แทนขอ
ภูมิภาคเอเชีย และออสเตรเลีย โดยได้รับเลือกตั้งซำ้าอีก 3
532 และ พ.ศ.2537
36. หน่วยงานที่สำาคัญของ ITU ( International
Telecommunication Union )
แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. General Secretariat
2. International Frequency Registration
Board : IFRB
3. Consultive committee International
Radio : CCIR
4. Consultive committee International
Telegraph and Telephone : CCITT