1. กรณีทุจริตต่อหน้าที่
ของพญ . ประชุมพร บูรณ์เจริญ
ความเป็นมา
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ เป็นผู้หนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวระดับประเทศ คัดค้านร่าง
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข สนับสนุนรัฐมนตรีประดิษฐ์ สินธวณรงค์
และปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เรื่อง P4P โจมตีกลุ่มแพทย์ชนบทและ
องค์กรตระกูล ส. ต่างๆ ฯลฯ แต่สังคมแทบไม่รู้ว่า พญ.ประชุมพร ทำาหน้าที่แพทย์ด้านไหน
ตรวจรักษาคนไข้บ้างหรือเปล่า
พญ.ประชุมพร เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยา ประจำาอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์
สุรินทร์ มีหน้าที่ตรวจและอ่านชิ้นเนื้อที่ตัดจากคนไข้ เพื่อประกอบการวินิจฉัยโรคของแพทย์ผู้
รักษา จึงไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจรักษาคนไข้ ภาพของ พญ.ประชุมพร ที่สังคมทั่วไปรู้จัก
คือ เป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ของแพทย์ และต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น
การเป็นผู้ทุจริตเสียเอง
พญ.ประชุมพร มีชื่อเสียงระดับประเทศ ในฐานะผู้ตรวจสอบคนอื่น แต่คนในโรงพยาบาล
ศูนย์สุรินทร์คงไม่เห็นดีเห็นงามตามพญ.ประชุมพร ไปเสียทั้งหมด จึงมีผู้ทำาหน้าที่ตรวจสอบ
พญ.ประชุมพร บ้าง และเพียงตรวจสอบย้อนหลังไปแค่ 2 เดือน ก็พบหลักฐานการทุจริตชัดแจ้ง
ดังนี้
1. พญ.ประชุมพร ใช้อิทธิพลหาช่องทางการเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ตนเองเป็นประจำา
ทุกวัน ทั้งในวันราชการและวันหยุด โดยมีการสร้างหลักฐานการอยู่เวร คือ
วันธรรมดา อยู่เวร 16.00 – 24.00 น. ทุกวัน
วันหยุด อยู่เวร 08.00 – 16.00 น. ทุกวันหยุด
เป็นประจำาทั้งปี เบิกค่าอยู่เวร(ผลัด) เวรละ 1,100 บาท ทุกวัน
2. การอยู่เวร กำาหนดให้มีหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 อย่าง ได้แก่ 1) ตัดชิ้นเนื้อ 2)
อ่านผลชิ้นเนื้อ 3) อ่านเซลล์ / ผ่าศพวิชาการ ซึ่งน่าสงสัยว่า งานต่างๆ เหล่านี้ จำาเป็นต้องทำา
นอกเวลาราชการหรือไม่ ปริมาณงานในเวลาราชการมากมายล้นมือจนต้องไปทำานอกเวลา
1

2. ราชการหรือไม่ รวมถึงเมื่อขึ้นเวรนอกเวลาราชการแล้ว ควรหรือไม่ที่จะทำาหน้าที่เพียงอย่างใด
อย่างหนึ่งใน 3 อย่างข้างต้นเท่านั้น ทั้งที่ปริมาณชิ้นเนื้อไม่มากนัก พญ.ประชุมพรกลับมีการ
แยกดำาเนินการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ดำาเนินการจนแล้วเสร็จในคราวเดียวกัน เช่น
เมื่อตัดชิ้นเนื้อแล้ว กลับไม่อ่านผลชิ้นเนื้อในเวรเดียวกัน หรือนำาไปอ่านผลชิ้นเนื้อในวันราชการ
เช้าถัดไป กลับนำาไปรออ่านเวรถัดไปเพื่อเป็นเหตุอ้างในการเบิกค่าเวร
3. ปริมาณงานที่ทำา หากส่งให้เอกชนอ่านผล บางกรณี เช่นกรณีการอ่านผลเซลมะเร็ง
ปากมดลูก(Pap Smear) จะเสียค่าใช้จ่ายรายละ 30-40 บาทเท่านั้น แต่อัตราค่าตอบแทนที่
พญ.ประชุมพร ได้รับ หากคำานวณค่าใช้จ่ายต่อ 1 ราย อาจสูงถึงรายละ 200-500 บาท โดยยัง
ไม่คิดค่าไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ วิธีการเบิกค่าตอบแทนเช่นนี้ สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้โรง
พยาบาล โดยดูดเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ผิดหลักธรรมาภิบาลอย่างชัดเจน
4. จากข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสุรินทร์จำานวนมากเห็นอยู่เป็นประจำา คือ
พญ.ประชุมพร ไม่ได้ขึ้นปฏิบัติงานเต็มตามเวลา ที่ตนเองจัดตารางเวลาไว้แต่อย่างใด
5. ช่วงเดือนมิถุนายน 2557 พญ.ประชุมพร เข้าไปประชุมในกระทรวงสาธารณสุข ใน
ฐานะตัวแทนชมรมโรงพยาบาลศูนย์ / โรงพยาบาลทั่วไป 1 ครั้ง คือระหว่างวันที่ 26-28
มิถุนายน 2557 โดยเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง เดินทาง และที่พัก จากเงินบำารุงของโรงพยาบาล ขณะ
เดียวกันก็เบิกค่าตอบแทนตามข้อ 1 ด้วย
วิธีการเบิกเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตามข้อ 5 และเบิกค่าตอบแทนซำ้าซ้อนตามข้อ 1 พญ.ประชุม
พร ตบตาผู้บริหาร โดยใช้วิธีเบิกแยกกัน กล่าวคือ ทำาเรื่องเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง เดินทาง ที่พัก ต่าง
หาก แต่เบิกค่าตอบแทนรวมกับแพทย์คนอื่นๆ
6. ช่วงเดือนกรกฎาคม 2557 พญ.ประชุมพร ไปประชุมด้วยภารกิจเดียวกับข้อ 5 อีก 2
ครั้ง คือระหว่างวันที่ 14-16 กรกฎาคม และ 21-22 กรกฎาคม 2557 กลับมาเบิกค่าเดินทาง เบี้ย
เลี้ยง ที่พัก ทั้ง 2 ครั้ง และเบิกค่าตอบแทนตามข้อ 1 ด้วยเหมือนกัน
2

3. 7. การเบิกเงินซ้ำ้าซ้้อนลักษณะดังกล่าว เป็นการทุจริตต่อหน้าที่อย่างชัดแจ้ง พญ.ประชุม
พร นักตรวจสอบระดับประเทศ จะอ้างไม่รู้ไม่เห็น หรือไม่ตั้งใจย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะเขียนขอ
อนุญาตเดินทางเอง เขียนเบิกเบี้ยเลี้ยงต่างๆ เอง ขณะเดียวกันก็จัดเวรด้วยตนเอง
8. ขอให้มีการตรวจสอบย้อนหลังไปอีกสัก 5 ปี เพื่อดูว่า พญ.ประชุมพร เบิกเงินซ้ำ้าซ้้อน
เช่นนี้ กี่กรรม กี่วาระ และราชการเสียหายไปเท่าใด รวมถึงเมื่อมีการลาพักผ่อนประจำาปีฯลฯ
ที่พญ.ประชุมพรอาจไม่อยู่ในพื้นที่และไม่ได้ขึ้นเวรจริง แต่พญ.ประชุมพรกลับเบิกค่าอยู่เวรอัน
เป็นเท็จนั้นมีอีก กี่กรรม กี่วาระ และราชการเสียหายไปเท่าใด รวมทั้งที่อ้างว่าโรงพยาบาล
ขาดทุน เกิดจากสาเหตุเพราะการรั่วไหลในลักษณะเช่นนี้มากน้อยเพียงใด
กลุ่มคนรัก รพศ. สุรินทร์
3