SlideShare a Scribd company logo
1 of 162
Download to read offline
ชีวิตที่แสนวิเศษ
A Wonderful Life




วันชัย ประชาเรืองวิทย เขียน
เริ่มพิมพวนที่ 22/03/2006 พิมพเสร็จวันที่ 08/10/2006
           ั
คํานํา

นับตั้งแตผมได จัดสมัมนา “A Wonderful Life” หรือ “ชีวิตที่แสนวิเศษ” ขึ้นในเดือนกุมภาพันธและ
พฤษภาคมที่ผานมา ผมไดรับการตอนรับที่ดีเยี่ยมและหลายทานไดโทรศัพทมาเลาวา ชีวตของพวกเขาิ
ไดเปลี่ยนแปลงไปมากมายอยางไร พวกเขาพูดดวยน้ําเสียงที่ตื่นเตนและราเริงวา... ไดสัมผัสถึงชีวิตที่
แสนวิเศษเขาแลว สิ่งนี้นับเปนแรงบันดาลใจยิ่งใหญจนผมตัดสินใจถายทอดประสบการณเหลานั้น
ทั้งหมดลงในหนังสือเลมนี้ นี่คือหนังสือที่เสนอเครื่องมือและเทคนิคแหงความสุขและความสําเร็จมาก
ที่สุดเทาที่จะมีหนังสือเลมไหนนําเสนอมากอน ผมมีความเชื่อมั่นถึง 100% เต็มวา มันสามารถทําให
คุณดําเนินชีวิตแบบใหมไดจริง ๆ ซึ่งหมายถึงการทีคุณสามารถไดรับทั้งความสุขและความสําเร็จไป
พรอม ๆ กัน
          คนหลายคนมุงเนนที่ความสุขจนขาดแคลนความสําเร็จและอีกหลายคนมุงเนนแตความสําเร็จ
จนขาดแคลนความสุข ไมวาจะคิดอยางไรก็ตาม ทั้งสองกรณีที่กลาวมานี้ลวนยอมรับไมได เพราะวา
ชีวิตตองการดุลยภาพที่สมบูรณทั้งสองสวน ดังนั้นผมไดตั้งปณิธานอันแนวแนที่จะเสนอหนทางใหม ๆ
แหงความเปนไปไดที่จะทําใหคุณผูอานไดรับทุกสิ่งที่ตองการใหจงได และตราบใดที่คุณไมไดในสิ่งที่
คุณตองการแลวละก็... ตราบนั้นคุณจะไมรูสึกวาคุณสมความปรารถนา หนังสือเลมนี้เต็มไปดวย
ความรูสึก นาตื่นเตนและมีกลยุทธที่ชาญฉลาดที่สุดที่ไดเสนอไว มันเต็มเปยมไปดวยพลังที่สามารถ
เปลี่ยนคนเราไดอยางแทจริง
          คุณผูอานที่รัก หนังสือเลมนี้เขียนขึ้นดวยภาษาที่เปนกันเองและเรียบงาย ผมรูสึกราวกับผมได
พูดคุยกับคุณเปนการสวนตัวตลอดเวลา และผมจะดีใจมากหากวาคุณจะถือวาผมเปนที่ปรึกษาคน
หนึ่ง... หากวาคุณจะอนุญาต และผมเชื่อวา “ไมมีวันสาย ที่จะมีควมสุขและประสบความสําเร็จ”


รักยิ่ง
วันชัย ประชาเรืองวิทย




                                                                                                     2
สารบัญ
ภาค 1 ชีวิตที่แสนวิเศษ
1 คุณตองไดในสิ่งที่คุณตองการ                                         6
2 แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน                                        7
3 ขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา                                             8
4 บันดาลโทสะ                                                            10
5 ระหวางเหตุผล กับอารมณ                                               11
6 ขุมพลังทั้งสาม กับสิ่งที่เราตองการ                                   12
7 ผูเชี่ยวชาญดานความหดหู และความเครียด                               13
8 กลยุทธที่ไมมีวันไดผล                                               14
9 สสารและพลังงาน                                                        15
10 มนุษยแมเหล็กไฟฟา กับกฎแหงการดึงดูดชักนําพา                       17
11 ซวยซับซวยซอน เพราะสงจดหมายเชิญผิดใบ                                19
12 บทเรียนจากกอนหิน                                                    21
13 “ก็ชีวิตคุณไมไดลําบากเทาฉันนี่ คุณก็พูดไดสิวาใหปลอยวางเสีย”   22
14 กฏแหงการมุงเนน                                                    24
15 ระหวางความคิด กับความรูสึก                                         25
16 ตลาดหุน กับตลาดอารมณ                                               28
17 เราสรางอารมณขึ้นมาไดอยางไร                                       29
18 อารมณถูกสรางขึ้นจากการเคลื่อนไหว                                   30
19 อารมณถูกสรางขึ้นจากภาษาที่เราใช                                   33
20 ผมกลายเปนสายลม                                                      35
21 คุณภาพชีวิตคือคุณภาพของการสื่อสาร                                    37
22 องคประกอบทั้งสามของการพูดจากัน                                      39
23 อารมณถูกสรางขึ้นจากภาพในใจและลักษณะของภาพ                          41
24 การสรางพลังแหงจินตนาการ (การสรางภาพในใจ)                          43
25 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 1                                   44
26 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 2                                   45
27 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 3                                   46
28 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 4                                   48

                                                                             3
29   การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 5                     50
30   การตื่นขึ้นครั้งใหญของผม...T x E = R                  52
31   อารมณเสีย...เปลี่ยนมันซะ                              55
32   ทําจิตใจใหผองแผว                                    57

ภาค 2 ระบบใหญในตัวเรา
1 เมื่อเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยนตาม                      61
2 สองแสนครั้งกับการถูกปฏิเสธและหามปราม                      64
3 กรอบความคิด...ปอมปราการที่ตองฝาทะลุออกไป                66
4 คําถามคืออะไรกันแน?                                       69
5 ธรรมชาติของคําถาม และอานุภาพของมัน                         70
6 ความเชื่อและกฏแหงความเชื่อ                                73
7 แหลงที่มาของความเชื่อ                                     74
8 พวกเรามีความเชื่อแบบไหนกับตัวเราเอง                        79
9 ความเชื่อที่ทรงพลัง 7 ประการ                               82
10 การทําลายความเชื่อ                                        90
11 สรางความเชื่อใหมเขาไปแทนที่                            93
12 เมื่อเราเปลี่ยนความเชื่อ เราไดเปลี่ยนการคาดหวังไปดวย    94
13 พลังแหงทัศนคติ                                           95
14 พลังแหงความรูสึก                                        97
15 ความพึงพอใจ กับความเจ็บปวด                                99
16 ตายแทนลูก                                                100
17 ลดความอวนไมได                                         101
18 ผัดวันประกันพรุง                                        102
19 กินแมลงสาบ                                               103
20 กาตมน้ําแหงความเจ็บปวด                                 104
21 การลงเอยที่ยิ่งใหญไมใชความรู แตคือการกระทํา         106
22 ไรการปฏิบัติ ปฏหาที่แทจริงของคนในโลก                  108
23 เขาแทรกแซงระบบใหญ                                      110




                                                                  4
ภาค 3 วิธีดึงดูดสิ่งที่คุณตองการ
1 อํานาจที่กระตุนใหมนุษยลงมือทํา           114
2 การผสมผสานของแรงขับทั้งเจ็ด                 123
3 วิธีดึงดูดสิ่งที่พวกเราตองการ              125
4 การตั้งปณิธานกับสิ่งที่ตองการ              131
5 เขียนบทใหม ใหตรงกับที่เราอยากใหมันเปน   133
6 เปลี่ยนจากคิดมาเปนรูสึก                   137
7 จัดเตรียมสิ่งที่จะขอบคุณไวเสมอ             139
8 วิธีสรางความรูสึกดีแบบอื่น ๆ              140
9 พวกเราทําอยางไรแลวดีขึ้น                  141
10 ขั้นที่ 4 ปลอยใหมันเกิดขึ้น              142

ภาค 4 อนาคตอยูในกํามือของเรา
1 ภูเขาแหงความมั่งคั่งทั้งหก                 145
2 ชวงสมองอีกสองเรื่อง                        147
3 สิ่งที่ฉันตองการ?                          148
4 ตั้งเปาหมาย                                150
5 สูตรความสําเร็จ                             153
6 สิ่งที่หยุดเราไวคือความกลัว                154
7 เรากลัวอะไรกันบาง?                         155
8 หมดสิทธิ์หยุดการพัฒนาตนเอง                  158
9 สถิติไมโกหก                                160
10 เปนเจาแหงการใชกลยุทธ                  161
11 พวกเราตองการมันไหม?                       162




                                                    5
บทที่ 1
คุณตองไดในสิ่งที่คุณตองการ

คุ ณ ผู อ า นที่ รั ก ตลอดเวลาหลายป ที่ ผ า นมา ผมมุ ง เน น ศึ ก ษาว า อะไรคื อ หั ว ใจแห ง ความสุ ข และ
ความสําเร็จ และดวยจิตใจเชนนั้น ในที่สุดผมก็ไดคนพบสิ่งที่ผมตองการ ครั้งแรกเมื่อผมไดรับคําตอบ
นั้น ผมตกตะลึงกับความเรียบงายของมัน และตกใจวามันชางอยูใกลชิดกับพวกเราขนาดไหน ผมรูสึก
ตื่นเตนจนตองรีบเขียนหนังสือเลมนี้อยางเรงดวน ผมเชื่อมั่นวาจะเปนประโยชนตอพวกเราคนไทย
อยางแทจริงและสักวันหนึ่ง บางทีคนตางชาติอาจไดอานมันก็เปนไปได ผมหวังวามันจะเกิดขึ้นในอีก
ไมกี่ปขางหนา
             หนทางหนึ่งที่แนนอนที่คุณจะมีความสุขและรูสึกวาประสบความสําเร็จก็คือ คุณตองไดในสิ่งที่
คุณตองการ ขอย้ําอีกครั้งวา คุณจะรูสึกมีความสุขไดจริง ๆ ก็ตอเมื่อคุณไดสิ่งที่คุณตองการ ในขณะนี้
ผมขอใหคุณเผิดใจกวางกับคําวา “สิ่งที่คุณตองการ” วามันอาจเปนอะไรก็ไดทั้งสิ้น ไมวาจะเปนวัตถุ
สิ่งของหรือนามธรรมที่จับตองไมไดก็ตาม ตราบใดที่คุณยังไมไดพวกมันแตคุณรูสึกอยูวาตองการ ผม
แนใจวาคุณไมอาจกลาวไดวาคุณสมหวัง หรือกลาวอีกอยางวาคุณสุขใจเต็มที่ไมไดนั่นเอง ที่พูดอยาง
นี้ถือวานอยไป เพราะที่จริงนั้นคุณอาจจะถึงขั้นเซ็ง เบื่อ ทอแท หรือ ทุกขทรมานดวยซ้ําไปตราบใดที่
คุณยังไมไดในสิ่งที่คุณตองการหรือไดในสิ่งที่คุณไมตองการ
             โชครายก็คือ บางครั้งคุณก็รูไมชัดเจนวาคุณตองการอะไร! สิ่งนี้ไมเพียงเกิดขึ้นกับคุณแตกําลัง
เกิดขึ้นกับคนคอนโลก จึงไมตองสงสัยเลยวาพวกเราจะสับสนกันขนาดไหนในเมื่อเราก็ไมรูชัดเจนวา
เราตองการอะไร และเพื่อที่จะแกไขสิ่งนี้ ผมขอใหคุณฝกถามตนเองดวยคําถามนี้บอย ๆ ”ฉันตองการ
อะไร ?” หรือ “จริง ๆ แลวฉันตองการอะไร?”
             ผมขอแนะนําใหคุณฝกถามตนเองดวยคําถามนี้ไปตลอดหนึ่งเดือนเต็มจนเปนนิสัย ไมวา
คําตอบที่ไดจะเปนอะไรก็ใหจดไวเรื่อย ๆ อยาใหลืมเปนอันขาด เมื่อไดคําตอบเพิ่มเติมอีก ก็จดลงไปอีก
หากคุ ณ ลงมื อ ฝ ก ฝนตนเองเช น นี้ ผมรั บ ประกั น ว า คุ ณ จะเปลี่ ย นแปลงตนเองไปอย า งมหาศาล
เพราะวาคุณไดกํากุญแจดอกเอกที่คนคอนโลกทําหลนหายไวในมือของคุณ จําไวเสมอวามันเปน
หนทางเดียวที่เพิ่มโอกาสใหคุณสมหวังเพราะวาคุณจําเปนตองไดรับในสิ่งที่คุณตองการ หาไมแลวคุณ
ก็จะไมมีทางพบกับความสุขและความสําเร็จที่คุณตองการได




                                                                                                              6
บทที่ 2
แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน

หลาย ๆ คนสับสนระหวาง “สิ่งที่ฉันตองการ” กับ “แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน” คุณผูอานครับ
เมื่อคุณถามตนเองวา “ฉันตองการอะไร?” นั้น คุณถามเพียงแคมันคืออะไรบางที่คุณตองการ คุณไมได
ถามวา “ฉันมีปญญาไดมันมาหรือไม?” สิ่งนี้เตือนใจคุณวา... ตอใหคุณไมมีปญญาไดมันมาก็ตาม
เถอะ แตไมไดแปลวาคุณไมอยากไดมัน ผูคนมากมายในโลกนี้ติดกับดักอยางนี้กันมาก พวกเขาคิดไป
วา... ถาเพียงเพราะวาฉันยังไมรูวิธีวาจะไดมันไดอยางไร ฉันก็ไมควรจะไปเพอเจอ บางทีพวกเขาถึงกับ
แปลผิดโดยเขาใจไปวา “ฉันไมตองการมันหรอก” แมแตขอทานที่รูสึกแนใจวาจะไมมีวันไดเงินลานก็
ตาม แตมันไมไดแปลวาเขาไมอยากไดเงินลาน นี่จึงเปนคนละเรื่องกัน ที่คนทั่วไปจับเอาสองประเด็นนี้
มัดเขาดวยกันโดยคิดวามันเปนเรื่องเดียวกัน ยิ่งไปกวานั้น สิ่งที่เราคิดวาไมมีปญญาจะไดมันมา
ในตอนนี้อาจเปนเรื่องชั่วคราว สักวันหนึ่งเราอาจมีปญญาก็ได ฉะนั้นไมพนที่เราตองกลับมาถาม
ตนเองอีกครั้งวา “ฉันตองการมันไหม?” อยูดี
          คุณผูอานที่รัก ในตอนนี้ผมอยากขอรองใหคุณคิดเฉพาะสิ่งที่คุณตองการโดยไมตองสนใจวา
คุณจะมีปญญาหามันมาไดหรือไม ขอใหคุณเก็บความของใจวาคุณจะไดมันมาไดอยางไรไวกอน และ
มุงเนนถามตนเองอยูเสมอ ๆ วา “ฉันตองการอะไร?” มันเปนคําถามอันดับแรกที่จะไขเขาไปสูชีวิตที่
เปยมสุขและประสบความสําเร็จที่จริงแลว เราควรจะเรียกคําถามนี้วาเปน “กุญแจแหงชีวิต” ดวยซ้ําไป
สวนคําถามที่วา “ฉันจะไดมันมาไดอยางไร?” นั้น สิ่งนี้เปนคําถามที่สอง คุณตองจําใหขึ้นใจวา... คุณ
จะตองถามคําถามที่หนึ่งกอนเสมอ กอนที่คุณจะถามคําถามที่สองและแนนอนวาคุณจะไดคําตอบแน
เมื่อคุณอานหนังสือเลมนี้จบลง แลวคุณจะพบเองวามันเรียบงายกวาที่คุณคิดไวเยอะ




                                                                                                    7
บทที่ 3 ขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา

เมื่อพูดถึงขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา มันจําเปนที่พวกเราจะตองรูวา พวกมันไดแก

        1. พลังกาย หรือเรี่ยวแรงของเรา

        สิ่งนี้ยอมตองหมายถึงพลังที่ผลิตขึ้นจากรางกายของเราอยางแนนอน และเพราะวาเราตองกิน
        ขาวดื่มน้ําทุกวัน เราจึงมีพลังกายในระดับหนึ่งอยูเสมอ รางกายของเรานั้นเปรียบไดกับรถสัก
        คันหนึ่ง ยิ่งมันมีพลังมาก ทนทาน และสมรรถนะที่ดีมากเทาไหร มันก็ยิ่งรับใชเราไดยืนยาว
        และคงทนเทานั้น นี่ก็คือคนที่อายุยืนและแข็งแรงหรือสุขภาพดีนั่นเอง

        2. พลังสมอง หรือพลังแหงความคิด

        สมองของเราถูกฝกฝนมาโดยตลอดตั้งแตเรายังเปนเด็กแบเบาะ ครั้นโตขึ้นหนอย เราก็ถูก
        สงไปเรียนหนังสือนานแสนนาน วันแลววันเลา ที่สมองถูกฝกใหคิด จดจํา หาเหตุผล ไตรตรอง
        ประเมินผล และออกคําสั่งกับระบบประสาทตาง ๆ มากมาย ดังนั้น หากใครก็ตามที่ไมได
        พิการทางสมอง ผมกลาวไดวาพวกเขาหรือเราลวนแตมีพลังสมองหรือพลังแหงการคิดกันทุก
        คน มันเปนพลังที่สําคัญอยางยิ่งยวด เปนเครื่องมือที่ยิ่งใหญเหลือเกิด แตถึงกระนั้นก็ตาม
        สมองก็ยังไมใชชีวิตของเรา กลาวอีกอยางก็คือ เราไมใชความคิดของเรา แตเราสรางหรือผลิต
        ความคิดไดโดยใชสมองสรางมันขึ้นมา สมองจึงเปนแคอวัยวะหนุงของเราที่สําคัญมาก ๆ แต
        มันไมอาจยิ่งใหญไปกวา...

        3. พลังแหงสภาวะจิต หรือพลังแหงอารมณ หรือพลังแหงความรูสึก

        เพราะวาเราไมใชเครื่องจักรกล เราไมไดเปนแควัตถุธรรมดา ๆ แตเราเปนสิ่งมีชีวิตที่มีจิต
        วิญญาณ ดังนั้นแมวารางกายของเราไมอาจะแยกออกจากจิตวิญญาณไดโดยเด็ดขาด แตเรา
        ก็รูสักวาจิตวิญญาณเปนสิ่งที่แสดงถึงตัวชีวิตมากกวารางกายดั่งที่เรามักถูกสอนวา “ใจเปน
        นาย กายเปนบาว” และสิ่งที่คุณอาจไมเคยพิจารณาใหถองแทก็คือ พลังแหงสภาวะจิต (หรือ
        พลังแหงอารมณ) เปนพลังที่มีอานุภาพเหนือพลังทั้งปวง ถาใหเปรียบเทียบระหวาง “พลัง
        สมอง (พลังแหงความคิด) กับ “พลังแหงสภาวะจิต (หรือพลังแหงอารมณ)” ละก็ ... ผมบอกได
        เลยวา พลังแหงสภาวะจิต (หรือพลังแหงอารมณ) จะมีพลังเหนือกวาพลังสมองมากมายนัก


                                                                                                8
อาจพูดอีกอยางไดวา เมื่อคุณอยูในสภาวะจิตที่มีพลังที่สุด คุณจะใชเครื่องมือที่เรียกวา “พลัง
สมอง” ไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น แตถาคุณอยูในสภาพวะจิตที่ออนแอที่สุดแลว ไมวา
คุณจะมีสมองที่ดีเลิศปานใดฏตาม คุณจะพบวามันไรประโยชนสิ้นดี แลวผมจะคอย ๆ แสดง
ใหคุณเห็นวาพลังแหงสภาวะจิตที่เลอเลิศนั้น เปนพลังที่ยิ่งใหญที่สุดใหคุณทราบตอไป




                                                                                            9
บทที่ 4
บันดาลโทสะ

ในบรรดานิทานสอนใจนั้น นิทานเรื่อง “กลองขาวนอยฆาแม” ถือวาเปนตัวอยางชั้นเยี่ยมที่เราจะตอง
เขาใจมัน ผมขอสรุปวา เด็กคนนั้นไมไดบาและไมมีความจําเปนใด ๆ ที่จะตองไปพบหมอเพื่อผาตัด
สมอง เด็กคนนั้นแค “บันดาลโทสะและพลั้งมือฆาแม” เทานั้นเอง เห็นชัดไดวาจะไปหาพลังแหงการ
ทําลายลางใดที่ยิ่งใหญกวาพลังแหงอารมณโกรธ (สภาวะจิตโกรธ) เปนไมมี ครั้นเมื่อเด็กคนนั้นหาย
โกรธแลว เขาจะทําอะไรไดนอกจากเสียใจตอการกระทําสิ่งที่เลวรายที่สุดลงไป คนโบราณจึงสอนวา
“จะทําอะไรก็ขอใหอยาใชอารมณ” ในที่นี้ละไวในฐานที่เขาใจวา... อยาใชอารมณโกรธ โลภ และหลง
        ถึงกระนั้นก็ดี มันนาเสียดายที่คําสอนนี้สอนไวเพียงครึ่งเดียว โดยไดละความจริงที่ยิ่งใหญพอ
ๆ กันของอารมณในเชิงบวกไวจนหมดสิ้น คําสอนที่หายไปก็คือ “จะทําอะไรก็ใหใชอารมณเชิงบวกไว
มาก ๆ” อารมณประเภทนี้ไดแก ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ความเบิกบาน ความปติยินดี
ความราเริง ความสนุกสนาน ความกระปรี้กระเปรา ความมีชีวิตชีวา ความสงบสุข ความหรรษา ความ
เกษมแหงจิต ความกลาหาญ ความมีวินัย ความเพียร ความมุงมั่น และความปรารถนาอยางแรงกลา
ฯลฯ
        เราได เ รี ย นรู อ ะไรบ า งจากหั ว ข อ นี้ หนึ่ ง น า สลดใจกั บสิ่ ง ที่ เ ด็ ก คนนั้ น ได ทํ า ลงไป และเรา
จําเปนตองเรียนรูที่จะเปนนายเหนืออารมณเชิงลบใหได และสอง เราตองเรียนรูที่จะสรางและเลือกใช
อารมณในเชิงบวกใหเหมาะสมกับแตละเหตุการณที่เราเผชิญอยู อีกไมนานนัก เราจะไดเรียนรูวา...เรา
สรางอารมณขึ้นมาไดอยางไร?




                                                                                                                     10
บทที่ 5
ระหวางเหตุผล กับอารมณ

ผมถามชายคนหนึ่งที่ติดบุหรี่วา “คุณรูไหมวาการสูบบุหรี่ไมดีตอสุขภาพ” “คุณรูไหมวามันสิ้นเปลือง
เงินทองที่ตองไปซื้อมา” “คุณรูไหมวาควันบุหรี่รบกวนและอาจเปนอันตรายตอสุขภาพของคนที่อยูใกล
ตัวคุณ” “คุณรูไหมวาคุณมีความเสี่ยงที่อาจจะเปนมะเร็งปอด” “คุณรูไหมวาคุณอาจเปนโรคอื่น ๆ ได
งายขึ้น หรือคุณอาจอายุสั้นลงก็เปนได”
         คุณผูอานที่รัก เขาตอบวา “รู” กับคําถามทุกขอที่ผมถามครั้นเมื่อผมถามคําถามสุดทายวา
“แลวคุณตัดสินใจวาจะทําอยางไรตอไป?” เขาบอกวา “สูบตอไป”
         จะว า ไปแล ว ผมไม แ ปลกใจกั บ คํ า ตอบนั้ น นัก เพราะว า ... เขาสู บ แล ว อารมณ ดี กุ ญ แจที่
สามารถไขเขาไ เขาใจเรื่องนี้ไดก็คืออารมณ เหตุดผลจะไมมีวันชนะตราบใดที่ชายคนนี้สูบบุหรี่แลว
อารมณดี หรือสูบบุหรี่แลวเขารูสึกดีเชนลดความเครียดได สวนคนที่ไมสูบบุหรี่ก็เชนกัน ที่เขาไมสูบก็
เพราะวามันทําใหเขารูสึกไมดี
         เพื่อความกระจาง ผมอยากใหพิจารณาเรื่องการกินผักดูบาง เมื่อคุณแมคนหนึ่งบอกเหตุผล
สาระพัดวาผักดีตอลูกของเธออยางไรแตเด็กนอยคนนั้นยังทําหนาเบและไมยอมกินผักอยูดี เพราะ
อะไรละ? มันไมใชเรื่องของเหตุผลวาเด็กฟงคุณแมไมรูเรื่อง แตมันเปนเรื่องของความรูสึกที่เด็กไม
อยากกินตางหาก ลองคิดถึงอาหารชนิดใดก็ตามที่คุณไมกินดูสิ ประเด็นมักไมไดอยูที่มันมีคุณคาทาง
โภชนาการหรือไม แตเปนเพราะวาคุณไมชอบตางหาก มันจึงเกี่ยวกับสภาวะจิต เกี่ยวกับอารมณ
ความรูสึกนั่นเอง ไมไดเกี่ยวกับเหตุผลแมแตนิดเดียว
         สมมติวามีชายคนหนึ่งทั้งหลอ รวย โสด จริงใจ และนิสัยดี หากอาศัยเหตุผลเพียงอยางเดียว
แลวสาวที่ไหนจะปฏิเสธละ แตมันก็เปนความจริงอยางนั้นหรือ ผมเกรงวาจะมีสุภาพสตรีนับไมถวนที่
ปฏิเสธชายคนนี้ดวยเหตุผลงาย ๆ วา “แตฉันไมไดรักไมไดรูสึกชอบผูชายคนนี้นี่” มันเปนเรื่องของ
อารมณความรูสึก ไมใชเหตุผล ผมถึงบอกวา พลังแหงอารมณอยูเหนือพลังสมองที่ชอบใชเหตุผล
มากมายนัก ดังนั้น หนทางเดียวที่ดีที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลงจึงไมใชการใหเหตุผล แตตองเขาไปเปลี่ยนที่
ความรูสึกใหไดเสียกอน แลวคนเราจะเปลี่ยนการกระทําไปตามความรูสึกที่เปลี่ยนไปเองอยางเปน
ธรรมชาติ




                                                                                                        11
บทที่ 6
ขุมพลังทั้งสาม กับสิ่งที่เราตองการ

หลาย ๆ ครั้งที่เราไมไดสิ่งที่เราตองการ เราอาจสับสนวาทําไมละ เพื่อใหเขาใจมัน เราจําเปนตองรูวา
ขุมพลังทั้งสามของเราทัดเทียมกับสิ่งที่เราตองการหรือไม เชน
          ถาคุณตองการที่จะวิ่งใหได 2 กิโลเมตรภายใน 5 นาทีสิ่งแรกที่คุณจะตองถามก็คือ ฉันมีพลัง
กายที่ทัดเทียมกับการทําสิ่งนี้หรือไม? เห็นไดชัดวาคุณจําเปนที่จะตองพัฒนาสมรรรถนะทางดาน
รางกายใหดีเลิศ เพราะตราบใดที่คุณยังแข็งแรงไมพอที่จะทําสิ่งนี้ละก็ ก็ไมตองสงสัยเลยวาคุณคงจะ
ไมสมหวังเปนแน
          เอาละ บางทีคุณอาจมีขุมพลังทางรางกายที่ดีพอ แตวาคุณไดพัฒนาทักษะการวิ่งที่ถูกตอง
หรือยัง คุณไดเรียนรูจากผูเชี่ยวชาญในดานนี้หรือยัง เทคนิคของคุณฉลาดหรือไม สิ่งเหลานี้ยิ่มตองใช
พลังสมองในการเรียนรูทฤษฏีที่ถูกตองพรอมกับการฝกฝนจนบรรลุถึงขีดความสามารถที่คุณตองการ
เพื่อพิชิตสิ่งที่คุณตองการ
          และทายที่สุด คุณมีกํา ลังใจที่ มากพอหรือไม สภาวะจิตหรืออารมณของคุณแข็งแกรงพอ
หรือไม ผมเคยพบคนใจเสาะที่หยุดกลางคัน ทั้ง ๆ ที่รางกายก็แข็งแรงและสมองก็เฉลียวฉลาด แตอาจ
ยอมแพเอางาย ๆ เพราะขุมพลังตัวที่สามไมแกรงพอ ฉะนั้น คุณจําเปนตองพัฒนาสภาวะจิตใหเข็ม
แข็งใหมาก ๆ เมื่อขุมพลังทั้งสามของคุณซึ่งไดแก กําลักาย กําลังสมอง และกําลังใจ ไดพัฒนาจน
ทัดเทียมกับสิ่งที่คุณตองการแลว มันยอมงายที่คุณจะสมหวังในสิ่งที่คุณตองการ คุณก็แคลงมือทําสิ่ง
นั้นก็แคนั้นเอง
          คุณผูอานที่รัก คําถามที่วา “ฉันตองการอะไร?” เปนคําถามที่ยิ่งใหญ และหลังจากนั้นใหถาม
ตอไปวา “ฉันตองพัฒนาขุมพลังตัวไหนเพิ่มเติม แลวศักยภาพของฉันจะทัดเทียมกับสิ่งที่ฉันตองการ”
ผมแนใจวาคุณจะคิดอะไรดี ๆ ออกมาไดอีกมากมาย ยิ่งไปกวานั้น คุณจะหายสงสัยวา...ทําไมนะ...ฉัน
ถึงไมไดสิ่งที่ฉันตองการ




                                                                                                   12
บทที่ 7
ผูเชี่ยวชาญดานความหดหูและความเครียด

เพราะวาเราไมไดสิ่งที่เราตองการพวกเราจึงเซ็ง เบื่อ หงุดหงิด คับของใจ วิตกกังวล สิ้นหวัง กลุมใจ หด
หูและไรความสุข สิ่งนี้แมดูเหมือนวามีเหตุผลในตัวมันเองที่เราจะมีอาการเหลานั้นเมื่อเราไมไดสิ่งที่เรา
ตองการ แตเนื่องจากวาเราตกอยูในอาการเหลานั้นบอยครั้งเกินไป ในที่สุดมันกลายเปนนิสัยและ
รูปแบบของการดําเนินชีวิตไปเลย เมื่อเนิ่นนานไป เราเขาใจไปวา “การที่เราไรสุขเปนเรื่องปกติ และนั่น
แหละคือชีวิต” แตผมขอปฏิเสธอยางรุนแรงวาชิวิตไมใชแบบนั้นแน นาเศราใจที่พวกเราไดกลายเปน
“ผูเชี่ยวชาญดานความหดหูและความเครียด” พวกเราสามารถเขาถึงสภาวะไรสุขไดอยางงายดายใน
ชั่วพริบตา บางทีสิ่งที่เราเชื่ออาจมีปญหาในตัวมันเอง เชนพวกเราเชื่อวา...มันยุติธรรมดีไมใชหรือที่เรา
ควรหมดความสุขเมื่อเราไมไดสิ่งที่เราตองการ ผมไมรูวาถูกปลูกฝงความเชื่อนี้เขาไปในจิตใจของเรา
ตั้งแตเมื่อไหร แตสิ่งที่เกิดขึ้นลวนชี้ไปในลักษณะที่ผมอธิบาย เราพูดวา “ก็มันไมแฟร เลยนี่ที่ฉันตอง
เจอกับเรื่องแบบนี้” แลวเราก็อยูในอารมณที่เนามาก ทุกวันนี้ ไมวาเราจะเผชิญกับเรื่องอะไรก็ตาม
ลวนนําเราไปสูสภาพวะ “ไมสบอารมณ” ไดอยางงายดาย เรากลายเปนคนที่ใชอยูเพียงกลยุทธเดียว
นั่นคื “เซ็งไดงายในแทบทุกกรณี” แตขาวรายก็คือ...นอกจากโงเขลาแลว...มันยังเปนกลยุทธที่ไมมีวัน
ไดผลอีกดวย




                                                                                                     13
บทที่ 8
กลยุทธที่ไมมีวันไดผล

คนเยอะมากทั่ ว โลกกํ า ลั ง หดหู เซ็ ง และดํา เนิ น ชี วิ ต ประจํ า วั น แบบคนไร สุข ทวา นั่ น คื อ กลยุ ท ธ ที่
ผิดพลาดมากที่สุดเทาที่จะมากได มันเปนกลยุทธที่แยที่สุดที่เรามักเลือกเสียดาย และที่สําคัญก็คือ มัน
เปนกลยุทธที่ใชแลวไมไดผล หากวาอาการเซ็ง เบื่อ บน คร่ําครวญ ตําหนิ และหดหู สามารถทําใหเรา
ไดมาซึ่งสิ่งที่เราตองการ คุณผูอานที่รัก ผานนี้ คนหกพันลานคนทั่วโลกคงสมความปรารถนากันไป
หมดแลว แตเราไมมีทางไดอะไรมาดวยการกระทําเชนนั้นแน เรามามารถที่จะนั่งลงพื้น กระทืบเทา
รองไหแบบเด็กสองสามขวบ แลวโลกนี้ก็จะหันมาสนใจเราพรอมกับหยิบยื่นสิ่งที่เราตองการมาให ไม
เลย มันไมเปนเชนนั้นเลย ยิ่งไปกวานั้น ในฐานะที่เราเปนผูใหญกันแลว ควรหรือที่เราจะนั่งลง กระทืบ
เทา แลวก็รองไห โดยหวังวาเราจะไดในสิ่งที่เราตองการ และสมมติวาบังเอิญเราไดในสิ่งที่เราตองการ
ดวยวิธีนั้น งั้น ชาตินี้เรามิตองนั่งลง กระทืบเทา และรองไหไปชั่วชีวิตนับพันนับหมื่นครั้งเพื่อรองขอใน
สิ่งที่เราตองการอยางนั้นหรือ! ในโลกแหงความเปนจริงเราทําเชนนั้นไมไดแน แตแลวมันตางกันสักแค
ไหนที่เรามักจะเซ็ง เบื่อ บน ตําหนิ คร่ําครวญ กลุมใจ และหดหู ในยามที่เราไมไดในสิ่งที่เราตองการ
รูปแบบของอาการเหลานี้
           สภาวะจิตที่ไรพลังเหลานี้ อารมณความรูสึกที่แย ๆ เหลานี้ ผมขอถามหนอยวามันดีกวาเด็ก
เล็กที่รองไหนอนดิ้นอยูกับพื้น และกระทืบเทาเพื่อรองขอในสิ่งที่เขาตองการตรงไหน เราทําไดดีกวาเด็ก
เล็กแคไหนกัน จะวาไปแลวผมวาเราแยกวาเด็กเล็กดวยซ้ําไป เพราะวาเราอยูในสภาวะเซ็ง กันทั้งปทั้ง
ชาติ เราไรสุขไดทุกเมื่อเชื่อวัน ราวกับวาวิธีการเชนนี้จะนําเราไปสูสิ่งที่เราตองการไดสําเร็จ แตคุณก็รู
วามันไมจริงเลย มันไมไดผล มันเปนโทษมาก แตเราก็ยังคงหลับหูหลับตาใชกลยุทธที่ไมเคยไดผลกัน
ตอไป ราวกับวาความหดหูชางเปนเปาหมายที่ใหญโตเหลือเกินในการเกิดมาเปนมนุษย จนพวกเรา
พิชิตเปาหมายแหงความหดหูไดสําเร็จอยางสมบูรณแบบ...กลาวคือ...พวกเราเซ็งมันไดทุกวันและใน
ทุกโอกาสพวกเราเซ็งแบบไมมีวันหยุด เว็งจนกวาเราจะตายไปจากโลกนี้ แตนี่นะหรือชีวิต ชางนา
เสียดายอะไรเชนนั้น!
           หนทางแกไขหนทางเดียวคือการเขาไปรูจักความนากลัว ที่แทจริงของความหดหูวามันไมจบ
แคตัวมันเอง แตมันจะดึงดูดชักนําพาเรื่องเลวรายสารพัดเขามาสูชีวิตของเราไดอยางไร นี่คือหนทาง
เดียวที่จะจะโบกมือลา “ความหดหู” ไดสําเร็จ แตกอนที่จะพูดถึงเรื่องนั้นตอไป เราตองไปรูจักกับเรื่อง
ของ “สสารและพลังงาน” กอน




                                                                                                                14
บทที่ 9
สสารและพลังงาน

ในจักรวาลอันไพศาลนี้ คุณคิดวามันมีอะไร ก็ดวงดาวกับที่วางไง นั่นอาจเปนคําตอบหนึ่งที่ถูกตอง อีก
คําตอบหนึ่งที่ยิ่งถูกตองใหญก็คือ สสารกับพลังงาน แมแตตัวเราที่เปนมนุษยก็อาจอธิบายไดวา อันตัว
เรานั้นไมไดเปนอะไรมากไปกวา “สสารและพลังงาน” โดยปกติแลวพวกเราเขาใจวัตถุในฐานะที่มัน
เปนสสารกันดีอยูแลว เพราะวาวัตถุมีรูปราง ขนาด มองเห็นได จับตองได สัมผัสได ฯลฯ เราจึงเขาใจ
มันไดงายชัดเจน อยางไรก็ตามเมื่อพูดถึงคําวา “พลังงาน” มันเขาใจยากกวามากเพราะวามันมองไม
เห็นดวยตา ไมมีรูปราง บอกขนาดไมได ยิ่งไปกวานั้น พลังงานยังมีหลายแบบอีกดวย เพื่อใหงาย
พอที่จะเขาใจได เราจึงตองหันไปสนใจในคุณสมบัติของพลังงานจะดีกวา เชน ผมไมเขาใจหรอกวา
“พลังงานความรอน” คืออะไร แตผมรูวามันมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนแปลงวัตถุได เชน ถาผมใหพลังงาน
ความรอนที่มากพอกับกระดาษในที่สุดกระดาษก็จะไมสามารถดํารงความเปนกระดาษได เพราะวามัน
จะถูกเปาไหม เชนเดียวกับน้ําที่ไดรับพลังงานความรอนที่มากพอ ในที่สุดน้ําก็จะเปลี่ยนแปลงกลายไป
เปน “ไอ”
            เห็นไดชัดวาผมรูจักพลังงานความารอนในลักษณะคุณสมบัติของมัน แตผมบอกคุณไมไดวา
พลังงานความรอนมีหนาตาอยางไร เพราะวาผมมองเห็นมันดวยตาไมได ในทํานองเดียวกัน ผมบอก
ไมไดวาพลังานเสียงมีรูปรางหนาตาอยางไร แตมันก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน โชคดีมากที่หูของเรา
สามารถรับเคลื่นเสียงจนทําใหเราไดยินเสียงสารพัดที่แตกตางกันได เราจึงรูวามันมีพลังงานนี้ แมวา
พลั ง งานเสี ย งไม มี คุ ณ สมบั ติ ใ นการเปากระดาษก็ ต าม แต มั น ก็ ส ามารถเปลี่ ย นแปลงวั ต ถุ ไ ด
เชนเดียวกัน เชน เสียงที่สูงมาก ๆ สามารถที่จะทําใหกระจกแตกได และเมื่อพูดถึงพลังงานไฟฟาทีไร
โอ..งใหตายเถอะโรบิ้น ผมยิ่งไมเขาใจมันเลย เพราะวาคุณสมบัติของมันดูจะมากลนแผไพศาลราวกับ
ไมมีที่สิ้นสุด หากขาดมัน เราคงไดสัมผัสโลกยามค่ําคืนดวยไฟจากตะเกียงดั่งเชนอดีตที่ผานมาเปนแน
แตเมื่อมีมัน โลกของเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ดังนั้นพลังงานไฟฟาจึงเปฯการคนพบที่ยิ่งใหญมาก จะ
วาไปแลวสิ่งหนึ่งที่ผมยังไมเขาใจก็คือทําไมมนุษยตองตายดวยเมื่อผานกระแสไฟฟาที่มากพอเขาไปใน
ตัวเรา แตผมไมเดือดรอนหรอกที่ไมเขาใจ ผมเพียงรูวา... คุณสมบัติของมันสามารถฆาผมได ... การ
รูเทานี้ก็นับวาเพียงพอแลวที่เราจะตองใชมันดวยความระมัดระวัง และผมยอมสรุปไดวา พลังงาน
ไฟฟาก็เชนกัน เปนพลังงานที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมันและสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุได (การ
จับปลาที่ช็อตใหตายดวยไฟฟาคือตัวอยางที่โหดสักหนอยที่มนุษยเปลี่ยนแปลงปลาเปน ๆ ใหตาย
อยางฉับพลันโดยอาศัยคุณสมบัติประการหนึ่งของพลังงานไฟฟา)
            ก็แลวมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องความสุขและความสําเร็จละ...ผมถึงตองไปรายยาวถึงเรื่องสสาร
และพลั ง งาน มั น เกี่ ย วตรงที่ ตั ว เรานั่ น แหละที่ เ ป น สสาร และจิ ต วิ ญ ญาณของเรานั่ น แหละที่ เ ป น


                                                                                                         15
พลังงาน เพียงแตวาพวกเรายังรูนอยมากวาจิตวิญญาณของเราเปนพลังงานที่มีคุณสมบัติอะไรบาง
เมื่อผมยัง เป น เด็ ก กว า นี้ ผมกลัว ผี ก็เ พราะวา วิญญาณหรื อที่ เ ด็กอย างผมเรีย ก “ผี ” นั้น สามารถมี
คุณสมบัติพิเศษที่ลองลอยไปหลอกหลอนคนและปรากฏตนในรางที่โปรงแสงที่แสนจะนาเกลียดนา
กลัวได เด็กและผูใหญลวนเหมือนกัน พวกเรากลัวในสิ่งที่อธิบายไมได พอ ๆ กับที่คนโบราณกลัวฟา
รองฟาผา เรากลัวเพราะไมรูจะจัดการหรือรับมือกับมันอยางไร และเมื่อใดก็ตามที่เรามีสติปญญามาก
ขึ้น จนเราพอจะเขาใจปรากฏการณนั้น ๆ หรือคุณสมบัติของพลังงานตาง ๆ ไดแลวเราก็จะไมกลัว ยิ่ง
ไปกวานั้น เราจะคิดนําคุณสมบัติของพลังงานที่เราเขาใจแลวมาใชใหเปนประโยชนไดอีกดวย สิ่งหนุง
ที่ยากตอการพิสูจนก็คือ เปนไปไดหรือไมวา คุณสมบัติประการหนึ่งของจิตวิญญาณก็คือ มันสามารถ
เก็บกักกรรม (ซึ่งอาจเปนทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว) ที่ยังไมสงผลไวไดอยางละเอียดแมนยํา และดวย
คุณสมบัติของมัน มันจะนําสิ่งที่เหมาะสมกับกรรมีที่ยังไมไดสงผลใหมาบังเกิดในชาติถัด ๆ ไป สวน
กรรม (ดีและชั่ว) ที่สงผลแลวในชาตินี้ ยอมจบลงอยางสมบูรณ ไปแลวดวยตัวมันเอง ในฐานะชาวพุทธ
คําสอนที่วา “ทําดีไดดี และทําชั่วไดชั่วนั้น” จึงเปนคําสอนที่ปลอดภัยที่สุด เพราะวาสิ่งที่ยังไมสงผลนั้น
อาจเก็บกักไวในคุณสมบัติของจิตวิญญาณเพื่อรอที่จะสงผลตอไปในกาลเวลาขางหนาอันเหมาสมก็ได
สิ่งที่ผมไดกลาวนี้เปนความลี้ลับที่นักวิทยาศาสตรยังพิสูจนไมได แตผมรูสึกวามันปลอดภัยดีถาหากวา
กรรมที่ยังไมไดสงผลนั้น...ลวนแตเปนกรรมดี
             เอาละ ผมจะเขาเรื่องเสียทีในบรรรดาสิ่งหนึ่งที่ทําใหเราไมวางไดมากที่สุดก็คือ “ความคิดของ
เรา” ผูเชี่ยวชาญดานสมองบอกเราวา มนุษยคิดกันอยูเรื่อยราววันละหาหมื่นเรื่องเห็นจะได อืมมมม...
อะไรมันจะมากขนาดนั้น! แตผมเห็นดวยเพราะวามันแคแวบเดียวอยูเรื่อย แลวเราก็กระโดดไปคิดอีก
เรื่องหนึ่งแลวก็อีกเรื่องหนึ่งไปเรื่อย ๆ เราหยุดคิดไดที่ไหนกันเลา เอาละ... เพื่อใหตลก ใครที่หยุดคิดได
ยกมือขึ้น มันไมมีปุมเปดปดความคิดนี่คุณ แลวคุณจะหยุดคิดไดอยางไร คุณอาจคานวา “เฮ... แลว
พระที่จิตวางละ ทานตองหยุดคิดไดสิ” ถูกตองแลวครับวาพระที่ฝกเจริญสติจนอยูกับปจจุบันอยางเต็ม
รอยยอมอยูเหนือความคิดได แตวาผมไมนับครับ ผมนับเฉพาะคนอยางคุณกับผมและคนทั่วไปทั่วโลก
ตางหาก พวกเราจํานวนนับไมถวนลวนแตหยุดคิดกันไมไดทั้งนั้นแหละเชื่อผมเถอะ และผมก็ไมได
ขอรองใหพวกเราหยุดคิดดวย แตสิ่งที่ผมสนใจจริง ๆ ก็คือ... เจาความคิดนั่นแหละ...มันคืออะไรละ?
คําตอบก็คือ... มันเปนพลังงานชนิดหนึ่งเชนกัน! คุณคงไมตกใจเทาไหรสินะ... ผมคาดเดา แตผมสิ ผม
ทั้งตกใจและตื่นเตนเมื่อผมเริ่มเขาใจมันในฐานะที่เปนพลังานชนิดหนึ่ง เมื่อกรอบความคิดของผมที่มี
ต อ คํ า ว า “ความคิ ด คื อ อะไร?” ได รั บ ความกระจ า งมากขึ้ น ชี วิ ต ของผมก็ เ ปลี่ ย นแปลงไปจนไม
เหมือนเดิมอีกเลย เรามาดูกันสิวาความคิดเปนพลังงานในลักษณะใด




                                                                                                         16
บทที่ 10
มนุษยแมเหล็กไฟฟา กับกฏแหงการดึงดูดชักนําพา

เมื่อราว 75 ปกอนนักวิทยาศาสตรชาวเอเชียสองทานไดทําการทดลองอันนาทึ่ง เขาทั้งสองไดตอ
สายไฟผานกําแพงเหล็กเขากับสมองมนุษย เมื่อชายคนที่ถูกทดลองเริ่มคิด สิบหกวินาทีตอมาพวกเขา
ทั้งสองจับภาพคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดแตไมชัดเจน ในตอนนั้นเขาทั้งสองดีใจมากเพราะวามันทําใหพวก
เขารูวา...อยางนอยความคิดก็ไมใชสิ่งวางเปลาแตที่จริงมันคือพลังงานรูปหนึ่ง พวกเขาทั้งสองได
ปรับปรุงการทดลองไปเล็กนอยโดยไมเฉลียวใจเลยวากําลังจะคนพบปรากฏการณที่ยิ่งใหญซึ่งได
กลายเปนตนแบบใหนักวิทยาศาสตรทดลองซ้ํานับครั้งไมถวนเพื่อยืนยันการคนพบในครั้งนั้น พวกเขา
ทั้งสองขอใหชายที่เขาทดลองคิดถึงอะไรก็ไดโดยที่เพิ่มความเซ็ง ความเบื่อ ความสลดใจ ความกลัด
กลุมใจ ความวิตกกังวล ความหดหูใจ ความรูสึกวาทนแทบไมไหว และอะไรก็ไดที่ร็สึกแยมาก ๆ เขาไป
ในความคิดที่เขากําลังคิด พวกเขาสามารถที่จะจับภาพพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ที่ต่ํา
มากได! ขอใหผมขัดจังหวะสักหนอยเถอะครับคุณรูไหมวานี่มันแปลวาอะไร มันแปลวา...ความคิดที่
ผสมดวยอารมณเชิงลบหรือสภาวะจิตยอดแยเขาไปก็คือ พลังงานแมเห็กไฟฟาชนิดความถี่ต่ํานั่นเอง
          ในทางตรงกันขามเมื่อพวกเขาทั้งสองใหชายคนเดิมคิดถึงอะไรก็ไดโดยเติมความรูสึกที่ปติ
ยินดี ตื่นเตนเราใจ ความราเริง ความสุขใจ และอะไรก็ตามที่รูสึกดีลงไปในความคิดที่กําลังคิดอยู พวก
เขาทั้ ง สองจั บ ภาพพลั ง งานแม เ หล็ ก ไฟฟ า ที่มี ค วามถี่สู ง มากได และเช น กั น นี่มั น หมายความว า
ความคิดที่ผสมดวยอารมณเชิงบวกหรือสภาพวะจิตยอดเยี่ยมเขาไปก็คือ พลังงานแมเหล็กไฟฟาชนิด
ความถี่สูงนั่นเอง
          และเพราะวาเรานั้นเปนคนที่คิดอยูตลอดเวลาและมีความแปรปรวนทางอารมณสูง เราไดสง
พลังงานแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงบางต่ําบางออกไปสูอวกาศอยูตลอดเวลาโดยไมรูตัวเลย เรานี่แหละ
คือตัวผลิตพลังงานแมเหล็กไฟฟาชั้นเยี่ยมที่สงพลังงานรูปแบบนี้ออกไปอยูตลอดเวลาไมวาเราจะรูตัว
หรือไมก็ตามในแงนี้เราไดกลายเปนมนุษยแมเหล็กไฟฟาไปโดยปริยาย เพราะวาเราคือตนกําเนิดใน
การผลิตพลังงานแมเหล็กไฟฟาที่ถูกผลิตขึ้นจากความคิดที่ผสมอารมณและความรูสึกของเรา แลว
สงออกไปสูหวงอวกาศตลอดเวลา
          ทวา พลังงานแมเหล็กไฟฟานั้น มีคุณสมบัติที่นาสนใจมากอีกประการหนึ่ง กลาวคือ คลื่น
แม เ หล็ ก ไฟฟ า ความถี่ เ ดี ย วกั น จะดึ ง ดู ด กั น รวมตั ว กั น และเสริ ม แรงกั น นี่ ห มายความว า คลื่ น
แมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูง ๆ จะดึงดูดคลื่นความถี่สูงอื่น ๆ เขาหากัน มันแปลความหมายไดอีกอยาง
หนึ่งวา คนที่กําลังสงคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูง ๆ ซึ่งแนนอนวามันผลิตขึ้นมาไดก็เพราะวาเขากําลัง
คิดถึงอะไรบางอยางที่ผสมดวยความรูสึกที่ดี ยอมดึงดูดคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงของคนอื่น ๆ ที่
กําลังสงออกไปในอวกาศเชนเดียวกันขอใหผมสรุปใหงายขึ้นโดยไมตองกลาวถึงคลื่นแมเหล็กไฟฟาวา


                                                                                                            17
...เมื่อเราอารมณดี ราเริง ยิ้มแยมแจมใส ปติยินดี ตื่นเตนเราใจ และสุขใจอยางเหลือลน เรากําลัง
ดึงดูดชักนําพาใหคนดี ๆ สถานการณดี ๆ ความโชคดี และสิ่งดีสารพัด เขามาหาเราอยางมากมาย
มหาศาลนั่นเอง ในทางตรงกันขาม เมื่อเราเซ็ง บน ตําหนิ เบื่อหนาย ถอนหายใจมาก ๆ กลัดกลุมใจ
สลดใจ สมเพชตนเอง หดหูใจ และอะไรก็ตามที่รูสึกแยมาก ๆ เรากําลังดึงดูดชักนําพาใหคนเลว ๆ
สถานการณเลว ๆ โชคราย และสิ่งเลวรายสารพัดเขามาหาเราอยางมากมายมหาศาลเชนกัน
          จะวาไปแลว คนโบราณเกงกวาที่ผมคิดไวมาก พวกเขาไดคนพบ “กฏแหงการดึงดูดชักนําพา”
มากวาสองพันปแลว อยางไรก็ตาม ในสมัยนั้น (ซึ่งสมัยนี้ก็ยังใชกันอยู) กฏนี้ไดกลาวไวสั้น ๆ อยางทรง
พลังวา “ของที่เหมือนกันดึงดูดกัน” แตในฐานะที่ผมไดศึกษาเรื่องนี้มามาก ผมไดขยายกฏนี้ใหยาวขึ้น
และตอไปนี้คือกฏแหงการดึงดูดชักนําพาฉบับใหมลาสุดของผม กฏนี้กลาววา “ของที่เหมือนกันดึงดูด
กัน เราไดดึงดูดชักนําพา ผูคน สถานการณ ความประจวบเหมาะ ตลอดจนเงื่อนไขและสภาวะการณ
ตาง ๆ ที่ตรงกับความถี่ของคลื่นแมเหล็กไฟฟของเราที่สรางขึ้นจากความคิดจิตใจของเราที่สงออกไป
ในอวกาศทุกขณะอยางหลีกเลี่ยงไมได”
          คุณผูอานที่รัก ดั่งที่ผมไดกลาวตั้งแตแรกแลววา พวกเราจํานวนมาไดทําตัวเปน “ผูเชี่ยวชาญ
ดานความหดหูและความเครียด” พวกเราลวนแลวแตดําเนินกลยุทธที่ผิดพลาด นอกจากจะไมไดผล
และไมไดสิ่งที่เราตองการแลว กลยุทธ เชนนั้นกลับกลายเปนสาเหตุที่แทจริงที่ชักนําแตเรื่องที่เราไม
ตองการเขามาหาเราเปนขบวนพาเหรด เราตองหยุดมันโดยการฝกฝนตนเองใหเปนผูเชี่ยวชาญดาน
ความราเริงและผองใสกันเสียที สมัยกอน ผมไดยินคนบางคนสบถวา “ถึงผมจะเซ็ง จะเครียด จะหดหู
มันก็เรื่องของผม แลวมันหนักหัวใคร!” ขอประทานโทษ ผมทราบดีวามันไมหนักหัวผม แตวาคนเลว ๆ
และสถานการณเลวรายอีกมากที่คนคนนี้กําลังไปดึงดูดเขามาหาตัวเขานั้น พวกมันไมสนใจหรอกวา
หนักหัวใคร เพราะวาพวกมันมาตามคําเชิญ แหงพลังดึงดูดชักนําพาที่สบัตรเชิญไปตามพวกมันดวย
คลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํา ๆ ชนิดเดียวกัน ใหเขามาสรางปญหาอยางไมมีทางหลีกเลี่ยงได ขอให
ผมย้ําอีกครั้งเถอะวา...มันไปหนักหัวคนเลวและสถานการณเลว ๆ ที่เขาไปเชื้อเชิญดึงดูดเขามานั่นเอง




                                                                                                   18
บทที่ 11
ซวยซับซวยซอน เพราะสงจดหมายเชิญผิดใบ

อันที่จริงผมไมสนุกเลยที่จะรื้อฟนอดีตที่วา ผมโงขนาดไหนที่มักดําเนินชีวิตดวยการตอตานโลก ตําหนิ
ติ เ ตี ย น บ น เบื่ อ หน า ย เซ็ ง ขี้ ก ลั ว วิ ต กกั ง วล สมเพชตนเอง สั บ สน ว า วุ น ใจ หดหู แ ละอาการไร
ความสุขออีกสารพัดรูปแบบ คุณคงประหลาดวาปมเปนอยางนั้นไดอยางไร แตเชื่อผมเถอะวา พวกเรา
จํานวนมากเหลือเกินลวนตกอยูในวังวนเชนนั้น แมวาความเปนไปของชีวิตหลาย ๆ แงมุมเปนเรื่องลี้
ลับและซับซอนจนยากที่จะเขาใจไดกระจางก็ตาม แตเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณของผม ของสังคม ของ
ประเทศ หรือแมกระทั่งของโลก ผมพบวาพวกเราทั้งโลกไดชวยกันเซ็ง วาวุน สับสน วิตกกังวลและ
หวาดกลัวกันมากขนาดไหน คุณเคยไดยินภาษาแบบนี้บางไหม...โอนี่ไงสังคมแหงความราเริงกันทั้ง
บาง โอนี่ไง...ประเทศที่ไรความวิตกกังวล โอนี่ไง ดาวนพเคราะหโลกที่มนุษยรักใครกันเหลือเกิด แต
ความจริงก็คือ เรากําลังดําเนินชีวิตอยูทามกลางคลื่นความคิดของอารมณที่เต็มเปยมไปดวยความ
กลัวไมใชหรือ!
            ไม ต อ งสงสั ย เลยว า ผมได ดึ ง ดู ด เรื่ อ งไม ดี เ ข า หาตนเองมากมายเพี ย งใด กั บ ความ
รูเทาไมถึงการณของผม ผมเคยสูญเสียเงินทองกวาสิบลานบาท ลมเหลวว้ําซาก หวาดกลัว ตกอยู
ภายใตสภาวะไรความสุขที่เกิดจากความทอแทสิ้นหวัง ผมมักคร่ําครวญ โกรธตนเอง บางครั้งผมตอง
น้ําตาไหลตามลําพังเงียบ ๆ และแวบหนึ่งแหงความคิดก็คือ...ผมอยากตายใหพนไปจากสิ่งที่ผมเผชิญ
อยู อีกเนิ่นนานใหหลัง ผมถึงไดคนพบความรูที่วา อาการซวยซ้ําซวยซอนเหลานี้ลวนเกิดขึ้นจากการสง
จดหมายเชิญผิดใบของผมเอง ผมไดลงมือทําใหตนเองกลายเปนเหยื่อเสียเองโดยไมรูตัว
            คุณผูอานที่รักยิ่ง วันแลววันเลาที่ผมตกอยูในสภาพอันหดหูนั้น มันเปรียบไดกับวาผมไดสงจน
หมายเชิญผิดใบที่แนบติดไปกับคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํา ๆ ของผม ในจดหมายเชิญใบนั้นมี
ขอความวา “ฉันคือความโศกเศรา ขอใหโลกนี้สงความทุกขทรมานเขามาหาฉันมาก ๆ ไดเลย” เมื่อคุณ
ไดอานมาไกลถึงเพียงนี้ คุณคงพอเขาใจแลววา กฏแหงการดึงดูดชักนําพา ไดทํางานของมันอยางแข็ง
ขัน และชักนําแตเรื่องเลว ๆ ที่ผมไมตองการเขามาเปนขบวนพาเหรด ขาวดีก็คือ หลายปมานี้ ผมไดใช
กลยุทธใหมผมฝกฝนตนเองจนกลายเปนคนที่ราเริงอยูเสมอเพื่อใหสอดคลองกับสิ่งที่ผมไดรูแลววา
อะไรเปนอะไร ผมเริ่มสงจดหมายเชิญถูกใบที่กลาววา “ฉันคือความสุข ขอใหโลกนี้สงสิ่งดีงามเขามา
หาฉันมาก ๆ ไดเลย” แมบางครั้งผมอาจกลับไปกังวล แตผมก็มักมีอนุสติที่วองไวจนสามารถกลับมารา
เริงไดโดยงายและรวดเร็ว และแลวชีวิตใหมของผมก็ดําเนินไปในลักษณะที่ไดรับพร อยางนี้สิถึงจะสม
กับการไดเกิดมาเปนคน เพื่อใหคุณเกิดอนุสติเชนกัน คุณจําตอนตน ๆ ของหนังสือเลมนี้ไดไหม ผม
ขอรองใหคุณถามตนเองเสมอวา “ฉันตองการอะไร?” ผมเชื่อแนวาคุณตองการความสุข แลวมันไมบา
หรอกหรือหากเราดํารงชีวิตสวนใหญของเราโดยพากันไปอยูในสภาวะที่แสนเซ็ง ทําไมเราไมเฉลียวใจ


                                                                                                              19
กันเลยวา...นั่นมันผิดทางแลว มันไมใชสิ่งที่เราตองการสักหนอย แลวทําไมเรามักปลอยปละละเลยมัน
ละ บางทีเปนเพราะเราไมรูฤทธิ์เดชของการสงคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํามาก ๆ นั่นเอง และแนนอน
วาเราตองหยุดสงจดหมายเชิญผิดใบ และหันมาสงจดหมายเชิญถูกใบแบบเรงดวน บางที มันอาจชวย
เราไดมากขึ้น เมื่อเราไดรับบทเรียนจากกอนหินซะบาง




                                                                                             20
บทที่ 12
บทเรียนจากกอนหิน

ใหเราจินตนาการวา ทั้งคุณและผมกําลังกํากอนหินกอนหนึ่งไวในมือซาย หนึ่งชั่วโมงผานไปแตเราก็ยัง
กําอยู เราคงเจ็บมือนาดูเลยในตอนนี้ แตขอใหเรากํามันตอไป จินตนาการวาขณะนี้รกําลังกินขาวอยู
เราใชมือขวาจับชอนตักอาหารเขาปาก แตมือซายของเราก็ยังคงกํากอนหินนั้นไว นี่มันลําบากไหม
แนนอนวาลําบาก นี่มันทรมานไหม แนนอนวามันทรมาน เอาละใหจินตนาการวาเราแตละคนกําลัง
อาบน้ําอยู แตเราก็ยังคงกํากอนหินไวในมือซายตอไป กระทั่งเราออกไปพบใครหรือพูดคุยกับใคร...ก็
ขอใหเรากํากอนหินนั้นไว นี่มันบาชัด ๆ ในโลกแหงความเปนจริง เราจะกํากอนหินโดยไมวางมันลงได
สักกี่ชั่วโมงกัน! เอาละ... พพอกันที สิ่งที่เราจะทําก็คือ...แควางมันลง ความจริงงาย ๆ ก็คือ...กอนหิน
จะไมมีวันวางเรา เรานั่นแหละที่ตองวางมันลง ก็แคนั้นเอง และเราจะไดรับอิสรภาพ
           ก็แลวจิตใจของเราที่กําความทุกข ความเซ็ง ความเบื่อหนาย ความกลัดกลุมใจ ความนอยอก
นอยใจ ความทอแท ความโกรธ ความอาฆาต ความหดหู ความรูสึกวาแบกรับไมไหวหรืออะไรก็ตามที่
แย ๆ ละ สภาวะจิตหรืออารมณเชิงลบเชนนั้นมิยิ่งยาวนานกวาและเลวรายกวาการกํากอนหินดวยมือ
ของเราหรอกหรือ? คุณเคยโกรธใครนานกวาหนึ่งวันไหมละ แนนอนวามันเปนไปได แตเคยไหมที่คุณ
กํากอนหินโดยไมปลอย นานถึงหนึ่งวัน ไมมีทาง! พวกเราไมยอมตื่นขึ้นมาจริง ๆ เพื่อรับรูวาอารมณลบ
จะไมยอมปลอยเรา มีแตเรานั่นแหละที่ตองปลอยวางพวกมันลงเสีย ดังนั้น เราจําเปนตองปลอยกอน
หินออกจามือของเราพอ ๆ กับที่เราตองปลอยวางเรื่องไมดีออกจากจิตใจของเราถาไมอยากทุกข
ทรมาน
           แมวาผมจะไดอธิบายถึงขนาดนี้แลวก็ตาม หลาย ๆ คน ที่โทรศัพทถึงผมยังยืนยันที่จะจมอยู
ในกองทุกข พวกเขามักพูดในทํานองเดียวกันวา “ก็ชีวิตคุณไมไดลําบากเทาฉันนี่ คุณก็พูดไดสิวาให
ปลอยวางเสีย” เห็นทีผมตองอธิบายตอดังนี้...




                                                                                                  21
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life
A wonderful-life

More Related Content

Viewers also liked

แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้าแนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้าsucheera Leethochawalit
 
Slide ยา had (1)
Slide ยา had (1)Slide ยา had (1)
Slide ยา had (1)Lek Suthida
 
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็น
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็นสีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็น
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็นParun Rutjanathamrong
 
หมออนามัยVol 3 final
หมออนามัยVol 3 finalหมออนามัยVol 3 final
หมออนามัยVol 3 finalChuchai Sornchumni
 
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...Utai Sukviwatsirikul
 
ธรรมนูญสุขภาพ
ธรรมนูญสุขภาพธรรมนูญสุขภาพ
ธรรมนูญสุขภาพChuchai Sornchumni
 
Clinical practice guidelines for epilepsy
Clinical practice guidelines for epilepsy Clinical practice guidelines for epilepsy
Clinical practice guidelines for epilepsy Utai Sukviwatsirikul
 
Clinical practice guideline for neuropathic pain
Clinical practice guideline for neuropathic painClinical practice guideline for neuropathic pain
Clinical practice guideline for neuropathic painUtai Sukviwatsirikul
 
หนังสือหมอครอบครัว
หนังสือหมอครอบครัวหนังสือหมอครอบครัว
หนังสือหมอครอบครัวChuchai Sornchumni
 
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆ
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆ
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆItnog Kamix
 
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า Utai Sukviwatsirikul
 
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกPrachaya Sriswang
 
คู่มือ59 เล่ม3 ไต
คู่มือ59 เล่ม3 ไตคู่มือ59 เล่ม3 ไต
คู่มือ59 เล่ม3 ไตChuchai Sornchumni
 

Viewers also liked (20)

แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้าแนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
 
Slide ยา had (1)
Slide ยา had (1)Slide ยา had (1)
Slide ยา had (1)
 
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็น
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็นสีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็น
สีทาบ้าน อันตรายที่มองไม่เห็น
 
หมออนามัยVol 3 final
หมออนามัยVol 3 finalหมออนามัยVol 3 final
หมออนามัยVol 3 final
 
Kdigoaki 120826211850-phpapp02
Kdigoaki 120826211850-phpapp02Kdigoaki 120826211850-phpapp02
Kdigoaki 120826211850-phpapp02
 
Ncd nhes v_2016
Ncd nhes v_2016Ncd nhes v_2016
Ncd nhes v_2016
 
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...
การให้บริการทางเภสัชกรรม ในสถานประกอบการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) ภายใต้ระบบประ...
 
Aerius drug monograph
Aerius drug monograph Aerius drug monograph
Aerius drug monograph
 
ธรรมนูญสุขภาพ
ธรรมนูญสุขภาพธรรมนูญสุขภาพ
ธรรมนูญสุขภาพ
 
ไข้เลือดออก2556
ไข้เลือดออก2556ไข้เลือดออก2556
ไข้เลือดออก2556
 
Clinical practice guidelines for epilepsy
Clinical practice guidelines for epilepsy Clinical practice guidelines for epilepsy
Clinical practice guidelines for epilepsy
 
Clinical practice guideline for neuropathic pain
Clinical practice guideline for neuropathic painClinical practice guideline for neuropathic pain
Clinical practice guideline for neuropathic pain
 
หนังสือหมอครอบครัว
หนังสือหมอครอบครัวหนังสือหมอครอบครัว
หนังสือหมอครอบครัว
 
Rx samatcha095 25511208
Rx samatcha095 25511208Rx samatcha095 25511208
Rx samatcha095 25511208
 
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆ
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆ
ศัพท์ที่หมอใช้บ่อยๆ
 
Cpg thalassemia 2014-content
Cpg thalassemia 2014-contentCpg thalassemia 2014-content
Cpg thalassemia 2014-content
 
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
แนวทางเวชปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า
 
Rabies
RabiesRabies
Rabies
 
ไข้เลือดออก
ไข้เลือดออกไข้เลือดออก
ไข้เลือดออก
 
คู่มือ59 เล่ม3 ไต
คู่มือ59 เล่ม3 ไตคู่มือ59 เล่ม3 ไต
คู่มือ59 เล่ม3 ไต
 

A wonderful-life

  • 1. ชีวิตที่แสนวิเศษ A Wonderful Life วันชัย ประชาเรืองวิทย เขียน เริ่มพิมพวนที่ 22/03/2006 พิมพเสร็จวันที่ 08/10/2006 ั
  • 2. คํานํา นับตั้งแตผมได จัดสมัมนา “A Wonderful Life” หรือ “ชีวิตที่แสนวิเศษ” ขึ้นในเดือนกุมภาพันธและ พฤษภาคมที่ผานมา ผมไดรับการตอนรับที่ดีเยี่ยมและหลายทานไดโทรศัพทมาเลาวา ชีวตของพวกเขาิ ไดเปลี่ยนแปลงไปมากมายอยางไร พวกเขาพูดดวยน้ําเสียงที่ตื่นเตนและราเริงวา... ไดสัมผัสถึงชีวิตที่ แสนวิเศษเขาแลว สิ่งนี้นับเปนแรงบันดาลใจยิ่งใหญจนผมตัดสินใจถายทอดประสบการณเหลานั้น ทั้งหมดลงในหนังสือเลมนี้ นี่คือหนังสือที่เสนอเครื่องมือและเทคนิคแหงความสุขและความสําเร็จมาก ที่สุดเทาที่จะมีหนังสือเลมไหนนําเสนอมากอน ผมมีความเชื่อมั่นถึง 100% เต็มวา มันสามารถทําให คุณดําเนินชีวิตแบบใหมไดจริง ๆ ซึ่งหมายถึงการทีคุณสามารถไดรับทั้งความสุขและความสําเร็จไป พรอม ๆ กัน คนหลายคนมุงเนนที่ความสุขจนขาดแคลนความสําเร็จและอีกหลายคนมุงเนนแตความสําเร็จ จนขาดแคลนความสุข ไมวาจะคิดอยางไรก็ตาม ทั้งสองกรณีที่กลาวมานี้ลวนยอมรับไมได เพราะวา ชีวิตตองการดุลยภาพที่สมบูรณทั้งสองสวน ดังนั้นผมไดตั้งปณิธานอันแนวแนที่จะเสนอหนทางใหม ๆ แหงความเปนไปไดที่จะทําใหคุณผูอานไดรับทุกสิ่งที่ตองการใหจงได และตราบใดที่คุณไมไดในสิ่งที่ คุณตองการแลวละก็... ตราบนั้นคุณจะไมรูสึกวาคุณสมความปรารถนา หนังสือเลมนี้เต็มไปดวย ความรูสึก นาตื่นเตนและมีกลยุทธที่ชาญฉลาดที่สุดที่ไดเสนอไว มันเต็มเปยมไปดวยพลังที่สามารถ เปลี่ยนคนเราไดอยางแทจริง คุณผูอานที่รัก หนังสือเลมนี้เขียนขึ้นดวยภาษาที่เปนกันเองและเรียบงาย ผมรูสึกราวกับผมได พูดคุยกับคุณเปนการสวนตัวตลอดเวลา และผมจะดีใจมากหากวาคุณจะถือวาผมเปนที่ปรึกษาคน หนึ่ง... หากวาคุณจะอนุญาต และผมเชื่อวา “ไมมีวันสาย ที่จะมีควมสุขและประสบความสําเร็จ” รักยิ่ง วันชัย ประชาเรืองวิทย 2
  • 3. สารบัญ ภาค 1 ชีวิตที่แสนวิเศษ 1 คุณตองไดในสิ่งที่คุณตองการ 6 2 แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน 7 3 ขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา 8 4 บันดาลโทสะ 10 5 ระหวางเหตุผล กับอารมณ 11 6 ขุมพลังทั้งสาม กับสิ่งที่เราตองการ 12 7 ผูเชี่ยวชาญดานความหดหู และความเครียด 13 8 กลยุทธที่ไมมีวันไดผล 14 9 สสารและพลังงาน 15 10 มนุษยแมเหล็กไฟฟา กับกฎแหงการดึงดูดชักนําพา 17 11 ซวยซับซวยซอน เพราะสงจดหมายเชิญผิดใบ 19 12 บทเรียนจากกอนหิน 21 13 “ก็ชีวิตคุณไมไดลําบากเทาฉันนี่ คุณก็พูดไดสิวาใหปลอยวางเสีย” 22 14 กฏแหงการมุงเนน 24 15 ระหวางความคิด กับความรูสึก 25 16 ตลาดหุน กับตลาดอารมณ 28 17 เราสรางอารมณขึ้นมาไดอยางไร 29 18 อารมณถูกสรางขึ้นจากการเคลื่อนไหว 30 19 อารมณถูกสรางขึ้นจากภาษาที่เราใช 33 20 ผมกลายเปนสายลม 35 21 คุณภาพชีวิตคือคุณภาพของการสื่อสาร 37 22 องคประกอบทั้งสามของการพูดจากัน 39 23 อารมณถูกสรางขึ้นจากภาพในใจและลักษณะของภาพ 41 24 การสรางพลังแหงจินตนาการ (การสรางภาพในใจ) 43 25 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 1 44 26 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 2 45 27 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 3 46 28 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 4 48 3
  • 4. 29 การสรางพลังแหงจินตนาการขั้นที่ 5 50 30 การตื่นขึ้นครั้งใหญของผม...T x E = R 52 31 อารมณเสีย...เปลี่ยนมันซะ 55 32 ทําจิตใจใหผองแผว 57 ภาค 2 ระบบใหญในตัวเรา 1 เมื่อเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยนตาม 61 2 สองแสนครั้งกับการถูกปฏิเสธและหามปราม 64 3 กรอบความคิด...ปอมปราการที่ตองฝาทะลุออกไป 66 4 คําถามคืออะไรกันแน? 69 5 ธรรมชาติของคําถาม และอานุภาพของมัน 70 6 ความเชื่อและกฏแหงความเชื่อ 73 7 แหลงที่มาของความเชื่อ 74 8 พวกเรามีความเชื่อแบบไหนกับตัวเราเอง 79 9 ความเชื่อที่ทรงพลัง 7 ประการ 82 10 การทําลายความเชื่อ 90 11 สรางความเชื่อใหมเขาไปแทนที่ 93 12 เมื่อเราเปลี่ยนความเชื่อ เราไดเปลี่ยนการคาดหวังไปดวย 94 13 พลังแหงทัศนคติ 95 14 พลังแหงความรูสึก 97 15 ความพึงพอใจ กับความเจ็บปวด 99 16 ตายแทนลูก 100 17 ลดความอวนไมได 101 18 ผัดวันประกันพรุง 102 19 กินแมลงสาบ 103 20 กาตมน้ําแหงความเจ็บปวด 104 21 การลงเอยที่ยิ่งใหญไมใชความรู แตคือการกระทํา 106 22 ไรการปฏิบัติ ปฏหาที่แทจริงของคนในโลก 108 23 เขาแทรกแซงระบบใหญ 110 4
  • 5. ภาค 3 วิธีดึงดูดสิ่งที่คุณตองการ 1 อํานาจที่กระตุนใหมนุษยลงมือทํา 114 2 การผสมผสานของแรงขับทั้งเจ็ด 123 3 วิธีดึงดูดสิ่งที่พวกเราตองการ 125 4 การตั้งปณิธานกับสิ่งที่ตองการ 131 5 เขียนบทใหม ใหตรงกับที่เราอยากใหมันเปน 133 6 เปลี่ยนจากคิดมาเปนรูสึก 137 7 จัดเตรียมสิ่งที่จะขอบคุณไวเสมอ 139 8 วิธีสรางความรูสึกดีแบบอื่น ๆ 140 9 พวกเราทําอยางไรแลวดีขึ้น 141 10 ขั้นที่ 4 ปลอยใหมันเกิดขึ้น 142 ภาค 4 อนาคตอยูในกํามือของเรา 1 ภูเขาแหงความมั่งคั่งทั้งหก 145 2 ชวงสมองอีกสองเรื่อง 147 3 สิ่งที่ฉันตองการ? 148 4 ตั้งเปาหมาย 150 5 สูตรความสําเร็จ 153 6 สิ่งที่หยุดเราไวคือความกลัว 154 7 เรากลัวอะไรกันบาง? 155 8 หมดสิทธิ์หยุดการพัฒนาตนเอง 158 9 สถิติไมโกหก 160 10 เปนเจาแหงการใชกลยุทธ 161 11 พวกเราตองการมันไหม? 162 5
  • 6. บทที่ 1 คุณตองไดในสิ่งที่คุณตองการ คุ ณ ผู อ า นที่ รั ก ตลอดเวลาหลายป ที่ ผ า นมา ผมมุ ง เน น ศึ ก ษาว า อะไรคื อ หั ว ใจแห ง ความสุ ข และ ความสําเร็จ และดวยจิตใจเชนนั้น ในที่สุดผมก็ไดคนพบสิ่งที่ผมตองการ ครั้งแรกเมื่อผมไดรับคําตอบ นั้น ผมตกตะลึงกับความเรียบงายของมัน และตกใจวามันชางอยูใกลชิดกับพวกเราขนาดไหน ผมรูสึก ตื่นเตนจนตองรีบเขียนหนังสือเลมนี้อยางเรงดวน ผมเชื่อมั่นวาจะเปนประโยชนตอพวกเราคนไทย อยางแทจริงและสักวันหนึ่ง บางทีคนตางชาติอาจไดอานมันก็เปนไปได ผมหวังวามันจะเกิดขึ้นในอีก ไมกี่ปขางหนา หนทางหนึ่งที่แนนอนที่คุณจะมีความสุขและรูสึกวาประสบความสําเร็จก็คือ คุณตองไดในสิ่งที่ คุณตองการ ขอย้ําอีกครั้งวา คุณจะรูสึกมีความสุขไดจริง ๆ ก็ตอเมื่อคุณไดสิ่งที่คุณตองการ ในขณะนี้ ผมขอใหคุณเผิดใจกวางกับคําวา “สิ่งที่คุณตองการ” วามันอาจเปนอะไรก็ไดทั้งสิ้น ไมวาจะเปนวัตถุ สิ่งของหรือนามธรรมที่จับตองไมไดก็ตาม ตราบใดที่คุณยังไมไดพวกมันแตคุณรูสึกอยูวาตองการ ผม แนใจวาคุณไมอาจกลาวไดวาคุณสมหวัง หรือกลาวอีกอยางวาคุณสุขใจเต็มที่ไมไดนั่นเอง ที่พูดอยาง นี้ถือวานอยไป เพราะที่จริงนั้นคุณอาจจะถึงขั้นเซ็ง เบื่อ ทอแท หรือ ทุกขทรมานดวยซ้ําไปตราบใดที่ คุณยังไมไดในสิ่งที่คุณตองการหรือไดในสิ่งที่คุณไมตองการ โชครายก็คือ บางครั้งคุณก็รูไมชัดเจนวาคุณตองการอะไร! สิ่งนี้ไมเพียงเกิดขึ้นกับคุณแตกําลัง เกิดขึ้นกับคนคอนโลก จึงไมตองสงสัยเลยวาพวกเราจะสับสนกันขนาดไหนในเมื่อเราก็ไมรูชัดเจนวา เราตองการอะไร และเพื่อที่จะแกไขสิ่งนี้ ผมขอใหคุณฝกถามตนเองดวยคําถามนี้บอย ๆ ”ฉันตองการ อะไร ?” หรือ “จริง ๆ แลวฉันตองการอะไร?” ผมขอแนะนําใหคุณฝกถามตนเองดวยคําถามนี้ไปตลอดหนึ่งเดือนเต็มจนเปนนิสัย ไมวา คําตอบที่ไดจะเปนอะไรก็ใหจดไวเรื่อย ๆ อยาใหลืมเปนอันขาด เมื่อไดคําตอบเพิ่มเติมอีก ก็จดลงไปอีก หากคุ ณ ลงมื อ ฝ ก ฝนตนเองเช น นี้ ผมรั บ ประกั น ว า คุ ณ จะเปลี่ ย นแปลงตนเองไปอย า งมหาศาล เพราะวาคุณไดกํากุญแจดอกเอกที่คนคอนโลกทําหลนหายไวในมือของคุณ จําไวเสมอวามันเปน หนทางเดียวที่เพิ่มโอกาสใหคุณสมหวังเพราะวาคุณจําเปนตองไดรับในสิ่งที่คุณตองการ หาไมแลวคุณ ก็จะไมมีทางพบกับความสุขและความสําเร็จที่คุณตองการได 6
  • 7. บทที่ 2 แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน หลาย ๆ คนสับสนระหวาง “สิ่งที่ฉันตองการ” กับ “แตวาฉันไมมีปญญาไดมันมาแน” คุณผูอานครับ เมื่อคุณถามตนเองวา “ฉันตองการอะไร?” นั้น คุณถามเพียงแคมันคืออะไรบางที่คุณตองการ คุณไมได ถามวา “ฉันมีปญญาไดมันมาหรือไม?” สิ่งนี้เตือนใจคุณวา... ตอใหคุณไมมีปญญาไดมันมาก็ตาม เถอะ แตไมไดแปลวาคุณไมอยากไดมัน ผูคนมากมายในโลกนี้ติดกับดักอยางนี้กันมาก พวกเขาคิดไป วา... ถาเพียงเพราะวาฉันยังไมรูวิธีวาจะไดมันไดอยางไร ฉันก็ไมควรจะไปเพอเจอ บางทีพวกเขาถึงกับ แปลผิดโดยเขาใจไปวา “ฉันไมตองการมันหรอก” แมแตขอทานที่รูสึกแนใจวาจะไมมีวันไดเงินลานก็ ตาม แตมันไมไดแปลวาเขาไมอยากไดเงินลาน นี่จึงเปนคนละเรื่องกัน ที่คนทั่วไปจับเอาสองประเด็นนี้ มัดเขาดวยกันโดยคิดวามันเปนเรื่องเดียวกัน ยิ่งไปกวานั้น สิ่งที่เราคิดวาไมมีปญญาจะไดมันมา ในตอนนี้อาจเปนเรื่องชั่วคราว สักวันหนึ่งเราอาจมีปญญาก็ได ฉะนั้นไมพนที่เราตองกลับมาถาม ตนเองอีกครั้งวา “ฉันตองการมันไหม?” อยูดี คุณผูอานที่รัก ในตอนนี้ผมอยากขอรองใหคุณคิดเฉพาะสิ่งที่คุณตองการโดยไมตองสนใจวา คุณจะมีปญญาหามันมาไดหรือไม ขอใหคุณเก็บความของใจวาคุณจะไดมันมาไดอยางไรไวกอน และ มุงเนนถามตนเองอยูเสมอ ๆ วา “ฉันตองการอะไร?” มันเปนคําถามอันดับแรกที่จะไขเขาไปสูชีวิตที่ เปยมสุขและประสบความสําเร็จที่จริงแลว เราควรจะเรียกคําถามนี้วาเปน “กุญแจแหงชีวิต” ดวยซ้ําไป สวนคําถามที่วา “ฉันจะไดมันมาไดอยางไร?” นั้น สิ่งนี้เปนคําถามที่สอง คุณตองจําใหขึ้นใจวา... คุณ จะตองถามคําถามที่หนึ่งกอนเสมอ กอนที่คุณจะถามคําถามที่สองและแนนอนวาคุณจะไดคําตอบแน เมื่อคุณอานหนังสือเลมนี้จบลง แลวคุณจะพบเองวามันเรียบงายกวาที่คุณคิดไวเยอะ 7
  • 8. บทที่ 3 ขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา เมื่อพูดถึงขุมพลังทั้งสามภายในตัวเรา มันจําเปนที่พวกเราจะตองรูวา พวกมันไดแก 1. พลังกาย หรือเรี่ยวแรงของเรา สิ่งนี้ยอมตองหมายถึงพลังที่ผลิตขึ้นจากรางกายของเราอยางแนนอน และเพราะวาเราตองกิน ขาวดื่มน้ําทุกวัน เราจึงมีพลังกายในระดับหนึ่งอยูเสมอ รางกายของเรานั้นเปรียบไดกับรถสัก คันหนึ่ง ยิ่งมันมีพลังมาก ทนทาน และสมรรถนะที่ดีมากเทาไหร มันก็ยิ่งรับใชเราไดยืนยาว และคงทนเทานั้น นี่ก็คือคนที่อายุยืนและแข็งแรงหรือสุขภาพดีนั่นเอง 2. พลังสมอง หรือพลังแหงความคิด สมองของเราถูกฝกฝนมาโดยตลอดตั้งแตเรายังเปนเด็กแบเบาะ ครั้นโตขึ้นหนอย เราก็ถูก สงไปเรียนหนังสือนานแสนนาน วันแลววันเลา ที่สมองถูกฝกใหคิด จดจํา หาเหตุผล ไตรตรอง ประเมินผล และออกคําสั่งกับระบบประสาทตาง ๆ มากมาย ดังนั้น หากใครก็ตามที่ไมได พิการทางสมอง ผมกลาวไดวาพวกเขาหรือเราลวนแตมีพลังสมองหรือพลังแหงการคิดกันทุก คน มันเปนพลังที่สําคัญอยางยิ่งยวด เปนเครื่องมือที่ยิ่งใหญเหลือเกิด แตถึงกระนั้นก็ตาม สมองก็ยังไมใชชีวิตของเรา กลาวอีกอยางก็คือ เราไมใชความคิดของเรา แตเราสรางหรือผลิต ความคิดไดโดยใชสมองสรางมันขึ้นมา สมองจึงเปนแคอวัยวะหนุงของเราที่สําคัญมาก ๆ แต มันไมอาจยิ่งใหญไปกวา... 3. พลังแหงสภาวะจิต หรือพลังแหงอารมณ หรือพลังแหงความรูสึก เพราะวาเราไมใชเครื่องจักรกล เราไมไดเปนแควัตถุธรรมดา ๆ แตเราเปนสิ่งมีชีวิตที่มีจิต วิญญาณ ดังนั้นแมวารางกายของเราไมอาจะแยกออกจากจิตวิญญาณไดโดยเด็ดขาด แตเรา ก็รูสักวาจิตวิญญาณเปนสิ่งที่แสดงถึงตัวชีวิตมากกวารางกายดั่งที่เรามักถูกสอนวา “ใจเปน นาย กายเปนบาว” และสิ่งที่คุณอาจไมเคยพิจารณาใหถองแทก็คือ พลังแหงสภาวะจิต (หรือ พลังแหงอารมณ) เปนพลังที่มีอานุภาพเหนือพลังทั้งปวง ถาใหเปรียบเทียบระหวาง “พลัง สมอง (พลังแหงความคิด) กับ “พลังแหงสภาวะจิต (หรือพลังแหงอารมณ)” ละก็ ... ผมบอกได เลยวา พลังแหงสภาวะจิต (หรือพลังแหงอารมณ) จะมีพลังเหนือกวาพลังสมองมากมายนัก 8
  • 9. อาจพูดอีกอยางไดวา เมื่อคุณอยูในสภาวะจิตที่มีพลังที่สุด คุณจะใชเครื่องมือที่เรียกวา “พลัง สมอง” ไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น แตถาคุณอยูในสภาพวะจิตที่ออนแอที่สุดแลว ไมวา คุณจะมีสมองที่ดีเลิศปานใดฏตาม คุณจะพบวามันไรประโยชนสิ้นดี แลวผมจะคอย ๆ แสดง ใหคุณเห็นวาพลังแหงสภาวะจิตที่เลอเลิศนั้น เปนพลังที่ยิ่งใหญที่สุดใหคุณทราบตอไป 9
  • 10. บทที่ 4 บันดาลโทสะ ในบรรดานิทานสอนใจนั้น นิทานเรื่อง “กลองขาวนอยฆาแม” ถือวาเปนตัวอยางชั้นเยี่ยมที่เราจะตอง เขาใจมัน ผมขอสรุปวา เด็กคนนั้นไมไดบาและไมมีความจําเปนใด ๆ ที่จะตองไปพบหมอเพื่อผาตัด สมอง เด็กคนนั้นแค “บันดาลโทสะและพลั้งมือฆาแม” เทานั้นเอง เห็นชัดไดวาจะไปหาพลังแหงการ ทําลายลางใดที่ยิ่งใหญกวาพลังแหงอารมณโกรธ (สภาวะจิตโกรธ) เปนไมมี ครั้นเมื่อเด็กคนนั้นหาย โกรธแลว เขาจะทําอะไรไดนอกจากเสียใจตอการกระทําสิ่งที่เลวรายที่สุดลงไป คนโบราณจึงสอนวา “จะทําอะไรก็ขอใหอยาใชอารมณ” ในที่นี้ละไวในฐานที่เขาใจวา... อยาใชอารมณโกรธ โลภ และหลง ถึงกระนั้นก็ดี มันนาเสียดายที่คําสอนนี้สอนไวเพียงครึ่งเดียว โดยไดละความจริงที่ยิ่งใหญพอ ๆ กันของอารมณในเชิงบวกไวจนหมดสิ้น คําสอนที่หายไปก็คือ “จะทําอะไรก็ใหใชอารมณเชิงบวกไว มาก ๆ” อารมณประเภทนี้ไดแก ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ความเบิกบาน ความปติยินดี ความราเริง ความสนุกสนาน ความกระปรี้กระเปรา ความมีชีวิตชีวา ความสงบสุข ความหรรษา ความ เกษมแหงจิต ความกลาหาญ ความมีวินัย ความเพียร ความมุงมั่น และความปรารถนาอยางแรงกลา ฯลฯ เราได เ รี ย นรู อ ะไรบ า งจากหั ว ข อ นี้ หนึ่ ง น า สลดใจกั บสิ่ ง ที่ เ ด็ ก คนนั้ น ได ทํ า ลงไป และเรา จําเปนตองเรียนรูที่จะเปนนายเหนืออารมณเชิงลบใหได และสอง เราตองเรียนรูที่จะสรางและเลือกใช อารมณในเชิงบวกใหเหมาะสมกับแตละเหตุการณที่เราเผชิญอยู อีกไมนานนัก เราจะไดเรียนรูวา...เรา สรางอารมณขึ้นมาไดอยางไร? 10
  • 11. บทที่ 5 ระหวางเหตุผล กับอารมณ ผมถามชายคนหนึ่งที่ติดบุหรี่วา “คุณรูไหมวาการสูบบุหรี่ไมดีตอสุขภาพ” “คุณรูไหมวามันสิ้นเปลือง เงินทองที่ตองไปซื้อมา” “คุณรูไหมวาควันบุหรี่รบกวนและอาจเปนอันตรายตอสุขภาพของคนที่อยูใกล ตัวคุณ” “คุณรูไหมวาคุณมีความเสี่ยงที่อาจจะเปนมะเร็งปอด” “คุณรูไหมวาคุณอาจเปนโรคอื่น ๆ ได งายขึ้น หรือคุณอาจอายุสั้นลงก็เปนได” คุณผูอานที่รัก เขาตอบวา “รู” กับคําถามทุกขอที่ผมถามครั้นเมื่อผมถามคําถามสุดทายวา “แลวคุณตัดสินใจวาจะทําอยางไรตอไป?” เขาบอกวา “สูบตอไป” จะว า ไปแล ว ผมไม แ ปลกใจกั บ คํ า ตอบนั้ น นัก เพราะว า ... เขาสู บ แล ว อารมณ ดี กุ ญ แจที่ สามารถไขเขาไ เขาใจเรื่องนี้ไดก็คืออารมณ เหตุดผลจะไมมีวันชนะตราบใดที่ชายคนนี้สูบบุหรี่แลว อารมณดี หรือสูบบุหรี่แลวเขารูสึกดีเชนลดความเครียดได สวนคนที่ไมสูบบุหรี่ก็เชนกัน ที่เขาไมสูบก็ เพราะวามันทําใหเขารูสึกไมดี เพื่อความกระจาง ผมอยากใหพิจารณาเรื่องการกินผักดูบาง เมื่อคุณแมคนหนึ่งบอกเหตุผล สาระพัดวาผักดีตอลูกของเธออยางไรแตเด็กนอยคนนั้นยังทําหนาเบและไมยอมกินผักอยูดี เพราะ อะไรละ? มันไมใชเรื่องของเหตุผลวาเด็กฟงคุณแมไมรูเรื่อง แตมันเปนเรื่องของความรูสึกที่เด็กไม อยากกินตางหาก ลองคิดถึงอาหารชนิดใดก็ตามที่คุณไมกินดูสิ ประเด็นมักไมไดอยูที่มันมีคุณคาทาง โภชนาการหรือไม แตเปนเพราะวาคุณไมชอบตางหาก มันจึงเกี่ยวกับสภาวะจิต เกี่ยวกับอารมณ ความรูสึกนั่นเอง ไมไดเกี่ยวกับเหตุผลแมแตนิดเดียว สมมติวามีชายคนหนึ่งทั้งหลอ รวย โสด จริงใจ และนิสัยดี หากอาศัยเหตุผลเพียงอยางเดียว แลวสาวที่ไหนจะปฏิเสธละ แตมันก็เปนความจริงอยางนั้นหรือ ผมเกรงวาจะมีสุภาพสตรีนับไมถวนที่ ปฏิเสธชายคนนี้ดวยเหตุผลงาย ๆ วา “แตฉันไมไดรักไมไดรูสึกชอบผูชายคนนี้นี่” มันเปนเรื่องของ อารมณความรูสึก ไมใชเหตุผล ผมถึงบอกวา พลังแหงอารมณอยูเหนือพลังสมองที่ชอบใชเหตุผล มากมายนัก ดังนั้น หนทางเดียวที่ดีที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลงจึงไมใชการใหเหตุผล แตตองเขาไปเปลี่ยนที่ ความรูสึกใหไดเสียกอน แลวคนเราจะเปลี่ยนการกระทําไปตามความรูสึกที่เปลี่ยนไปเองอยางเปน ธรรมชาติ 11
  • 12. บทที่ 6 ขุมพลังทั้งสาม กับสิ่งที่เราตองการ หลาย ๆ ครั้งที่เราไมไดสิ่งที่เราตองการ เราอาจสับสนวาทําไมละ เพื่อใหเขาใจมัน เราจําเปนตองรูวา ขุมพลังทั้งสามของเราทัดเทียมกับสิ่งที่เราตองการหรือไม เชน ถาคุณตองการที่จะวิ่งใหได 2 กิโลเมตรภายใน 5 นาทีสิ่งแรกที่คุณจะตองถามก็คือ ฉันมีพลัง กายที่ทัดเทียมกับการทําสิ่งนี้หรือไม? เห็นไดชัดวาคุณจําเปนที่จะตองพัฒนาสมรรรถนะทางดาน รางกายใหดีเลิศ เพราะตราบใดที่คุณยังแข็งแรงไมพอที่จะทําสิ่งนี้ละก็ ก็ไมตองสงสัยเลยวาคุณคงจะ ไมสมหวังเปนแน เอาละ บางทีคุณอาจมีขุมพลังทางรางกายที่ดีพอ แตวาคุณไดพัฒนาทักษะการวิ่งที่ถูกตอง หรือยัง คุณไดเรียนรูจากผูเชี่ยวชาญในดานนี้หรือยัง เทคนิคของคุณฉลาดหรือไม สิ่งเหลานี้ยิ่มตองใช พลังสมองในการเรียนรูทฤษฏีที่ถูกตองพรอมกับการฝกฝนจนบรรลุถึงขีดความสามารถที่คุณตองการ เพื่อพิชิตสิ่งที่คุณตองการ และทายที่สุด คุณมีกํา ลังใจที่ มากพอหรือไม สภาวะจิตหรืออารมณของคุณแข็งแกรงพอ หรือไม ผมเคยพบคนใจเสาะที่หยุดกลางคัน ทั้ง ๆ ที่รางกายก็แข็งแรงและสมองก็เฉลียวฉลาด แตอาจ ยอมแพเอางาย ๆ เพราะขุมพลังตัวที่สามไมแกรงพอ ฉะนั้น คุณจําเปนตองพัฒนาสภาวะจิตใหเข็ม แข็งใหมาก ๆ เมื่อขุมพลังทั้งสามของคุณซึ่งไดแก กําลักาย กําลังสมอง และกําลังใจ ไดพัฒนาจน ทัดเทียมกับสิ่งที่คุณตองการแลว มันยอมงายที่คุณจะสมหวังในสิ่งที่คุณตองการ คุณก็แคลงมือทําสิ่ง นั้นก็แคนั้นเอง คุณผูอานที่รัก คําถามที่วา “ฉันตองการอะไร?” เปนคําถามที่ยิ่งใหญ และหลังจากนั้นใหถาม ตอไปวา “ฉันตองพัฒนาขุมพลังตัวไหนเพิ่มเติม แลวศักยภาพของฉันจะทัดเทียมกับสิ่งที่ฉันตองการ” ผมแนใจวาคุณจะคิดอะไรดี ๆ ออกมาไดอีกมากมาย ยิ่งไปกวานั้น คุณจะหายสงสัยวา...ทําไมนะ...ฉัน ถึงไมไดสิ่งที่ฉันตองการ 12
  • 13. บทที่ 7 ผูเชี่ยวชาญดานความหดหูและความเครียด เพราะวาเราไมไดสิ่งที่เราตองการพวกเราจึงเซ็ง เบื่อ หงุดหงิด คับของใจ วิตกกังวล สิ้นหวัง กลุมใจ หด หูและไรความสุข สิ่งนี้แมดูเหมือนวามีเหตุผลในตัวมันเองที่เราจะมีอาการเหลานั้นเมื่อเราไมไดสิ่งที่เรา ตองการ แตเนื่องจากวาเราตกอยูในอาการเหลานั้นบอยครั้งเกินไป ในที่สุดมันกลายเปนนิสัยและ รูปแบบของการดําเนินชีวิตไปเลย เมื่อเนิ่นนานไป เราเขาใจไปวา “การที่เราไรสุขเปนเรื่องปกติ และนั่น แหละคือชีวิต” แตผมขอปฏิเสธอยางรุนแรงวาชิวิตไมใชแบบนั้นแน นาเศราใจที่พวกเราไดกลายเปน “ผูเชี่ยวชาญดานความหดหูและความเครียด” พวกเราสามารถเขาถึงสภาวะไรสุขไดอยางงายดายใน ชั่วพริบตา บางทีสิ่งที่เราเชื่ออาจมีปญหาในตัวมันเอง เชนพวกเราเชื่อวา...มันยุติธรรมดีไมใชหรือที่เรา ควรหมดความสุขเมื่อเราไมไดสิ่งที่เราตองการ ผมไมรูวาถูกปลูกฝงความเชื่อนี้เขาไปในจิตใจของเรา ตั้งแตเมื่อไหร แตสิ่งที่เกิดขึ้นลวนชี้ไปในลักษณะที่ผมอธิบาย เราพูดวา “ก็มันไมแฟร เลยนี่ที่ฉันตอง เจอกับเรื่องแบบนี้” แลวเราก็อยูในอารมณที่เนามาก ทุกวันนี้ ไมวาเราจะเผชิญกับเรื่องอะไรก็ตาม ลวนนําเราไปสูสภาพวะ “ไมสบอารมณ” ไดอยางงายดาย เรากลายเปนคนที่ใชอยูเพียงกลยุทธเดียว นั่นคื “เซ็งไดงายในแทบทุกกรณี” แตขาวรายก็คือ...นอกจากโงเขลาแลว...มันยังเปนกลยุทธที่ไมมีวัน ไดผลอีกดวย 13
  • 14. บทที่ 8 กลยุทธที่ไมมีวันไดผล คนเยอะมากทั่ ว โลกกํ า ลั ง หดหู เซ็ ง และดํา เนิ น ชี วิ ต ประจํ า วั น แบบคนไร สุข ทวา นั่ น คื อ กลยุ ท ธ ที่ ผิดพลาดมากที่สุดเทาที่จะมากได มันเปนกลยุทธที่แยที่สุดที่เรามักเลือกเสียดาย และที่สําคัญก็คือ มัน เปนกลยุทธที่ใชแลวไมไดผล หากวาอาการเซ็ง เบื่อ บน คร่ําครวญ ตําหนิ และหดหู สามารถทําใหเรา ไดมาซึ่งสิ่งที่เราตองการ คุณผูอานที่รัก ผานนี้ คนหกพันลานคนทั่วโลกคงสมความปรารถนากันไป หมดแลว แตเราไมมีทางไดอะไรมาดวยการกระทําเชนนั้นแน เรามามารถที่จะนั่งลงพื้น กระทืบเทา รองไหแบบเด็กสองสามขวบ แลวโลกนี้ก็จะหันมาสนใจเราพรอมกับหยิบยื่นสิ่งที่เราตองการมาให ไม เลย มันไมเปนเชนนั้นเลย ยิ่งไปกวานั้น ในฐานะที่เราเปนผูใหญกันแลว ควรหรือที่เราจะนั่งลง กระทืบ เทา แลวก็รองไห โดยหวังวาเราจะไดในสิ่งที่เราตองการ และสมมติวาบังเอิญเราไดในสิ่งที่เราตองการ ดวยวิธีนั้น งั้น ชาตินี้เรามิตองนั่งลง กระทืบเทา และรองไหไปชั่วชีวิตนับพันนับหมื่นครั้งเพื่อรองขอใน สิ่งที่เราตองการอยางนั้นหรือ! ในโลกแหงความเปนจริงเราทําเชนนั้นไมไดแน แตแลวมันตางกันสักแค ไหนที่เรามักจะเซ็ง เบื่อ บน ตําหนิ คร่ําครวญ กลุมใจ และหดหู ในยามที่เราไมไดในสิ่งที่เราตองการ รูปแบบของอาการเหลานี้ สภาวะจิตที่ไรพลังเหลานี้ อารมณความรูสึกที่แย ๆ เหลานี้ ผมขอถามหนอยวามันดีกวาเด็ก เล็กที่รองไหนอนดิ้นอยูกับพื้น และกระทืบเทาเพื่อรองขอในสิ่งที่เขาตองการตรงไหน เราทําไดดีกวาเด็ก เล็กแคไหนกัน จะวาไปแลวผมวาเราแยกวาเด็กเล็กดวยซ้ําไป เพราะวาเราอยูในสภาวะเซ็ง กันทั้งปทั้ง ชาติ เราไรสุขไดทุกเมื่อเชื่อวัน ราวกับวาวิธีการเชนนี้จะนําเราไปสูสิ่งที่เราตองการไดสําเร็จ แตคุณก็รู วามันไมจริงเลย มันไมไดผล มันเปนโทษมาก แตเราก็ยังคงหลับหูหลับตาใชกลยุทธที่ไมเคยไดผลกัน ตอไป ราวกับวาความหดหูชางเปนเปาหมายที่ใหญโตเหลือเกินในการเกิดมาเปนมนุษย จนพวกเรา พิชิตเปาหมายแหงความหดหูไดสําเร็จอยางสมบูรณแบบ...กลาวคือ...พวกเราเซ็งมันไดทุกวันและใน ทุกโอกาสพวกเราเซ็งแบบไมมีวันหยุด เว็งจนกวาเราจะตายไปจากโลกนี้ แตนี่นะหรือชีวิต ชางนา เสียดายอะไรเชนนั้น! หนทางแกไขหนทางเดียวคือการเขาไปรูจักความนากลัว ที่แทจริงของความหดหูวามันไมจบ แคตัวมันเอง แตมันจะดึงดูดชักนําพาเรื่องเลวรายสารพัดเขามาสูชีวิตของเราไดอยางไร นี่คือหนทาง เดียวที่จะจะโบกมือลา “ความหดหู” ไดสําเร็จ แตกอนที่จะพูดถึงเรื่องนั้นตอไป เราตองไปรูจักกับเรื่อง ของ “สสารและพลังงาน” กอน 14
  • 15. บทที่ 9 สสารและพลังงาน ในจักรวาลอันไพศาลนี้ คุณคิดวามันมีอะไร ก็ดวงดาวกับที่วางไง นั่นอาจเปนคําตอบหนึ่งที่ถูกตอง อีก คําตอบหนึ่งที่ยิ่งถูกตองใหญก็คือ สสารกับพลังงาน แมแตตัวเราที่เปนมนุษยก็อาจอธิบายไดวา อันตัว เรานั้นไมไดเปนอะไรมากไปกวา “สสารและพลังงาน” โดยปกติแลวพวกเราเขาใจวัตถุในฐานะที่มัน เปนสสารกันดีอยูแลว เพราะวาวัตถุมีรูปราง ขนาด มองเห็นได จับตองได สัมผัสได ฯลฯ เราจึงเขาใจ มันไดงายชัดเจน อยางไรก็ตามเมื่อพูดถึงคําวา “พลังงาน” มันเขาใจยากกวามากเพราะวามันมองไม เห็นดวยตา ไมมีรูปราง บอกขนาดไมได ยิ่งไปกวานั้น พลังงานยังมีหลายแบบอีกดวย เพื่อใหงาย พอที่จะเขาใจได เราจึงตองหันไปสนใจในคุณสมบัติของพลังงานจะดีกวา เชน ผมไมเขาใจหรอกวา “พลังงานความรอน” คืออะไร แตผมรูวามันมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนแปลงวัตถุได เชน ถาผมใหพลังงาน ความรอนที่มากพอกับกระดาษในที่สุดกระดาษก็จะไมสามารถดํารงความเปนกระดาษได เพราะวามัน จะถูกเปาไหม เชนเดียวกับน้ําที่ไดรับพลังงานความรอนที่มากพอ ในที่สุดน้ําก็จะเปลี่ยนแปลงกลายไป เปน “ไอ” เห็นไดชัดวาผมรูจักพลังงานความารอนในลักษณะคุณสมบัติของมัน แตผมบอกคุณไมไดวา พลังงานความรอนมีหนาตาอยางไร เพราะวาผมมองเห็นมันดวยตาไมได ในทํานองเดียวกัน ผมบอก ไมไดวาพลังานเสียงมีรูปรางหนาตาอยางไร แตมันก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมัน โชคดีมากที่หูของเรา สามารถรับเคลื่นเสียงจนทําใหเราไดยินเสียงสารพัดที่แตกตางกันได เราจึงรูวามันมีพลังงานนี้ แมวา พลั ง งานเสี ย งไม มี คุ ณ สมบั ติ ใ นการเปากระดาษก็ ต าม แต มั น ก็ ส ามารถเปลี่ ย นแปลงวั ต ถุ ไ ด เชนเดียวกัน เชน เสียงที่สูงมาก ๆ สามารถที่จะทําใหกระจกแตกได และเมื่อพูดถึงพลังงานไฟฟาทีไร โอ..งใหตายเถอะโรบิ้น ผมยิ่งไมเขาใจมันเลย เพราะวาคุณสมบัติของมันดูจะมากลนแผไพศาลราวกับ ไมมีที่สิ้นสุด หากขาดมัน เราคงไดสัมผัสโลกยามค่ําคืนดวยไฟจากตะเกียงดั่งเชนอดีตที่ผานมาเปนแน แตเมื่อมีมัน โลกของเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ดังนั้นพลังงานไฟฟาจึงเปฯการคนพบที่ยิ่งใหญมาก จะ วาไปแลวสิ่งหนึ่งที่ผมยังไมเขาใจก็คือทําไมมนุษยตองตายดวยเมื่อผานกระแสไฟฟาที่มากพอเขาไปใน ตัวเรา แตผมไมเดือดรอนหรอกที่ไมเขาใจ ผมเพียงรูวา... คุณสมบัติของมันสามารถฆาผมได ... การ รูเทานี้ก็นับวาเพียงพอแลวที่เราจะตองใชมันดวยความระมัดระวัง และผมยอมสรุปไดวา พลังงาน ไฟฟาก็เชนกัน เปนพลังงานที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวของมันและสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุได (การ จับปลาที่ช็อตใหตายดวยไฟฟาคือตัวอยางที่โหดสักหนอยที่มนุษยเปลี่ยนแปลงปลาเปน ๆ ใหตาย อยางฉับพลันโดยอาศัยคุณสมบัติประการหนึ่งของพลังงานไฟฟา) ก็แลวมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องความสุขและความสําเร็จละ...ผมถึงตองไปรายยาวถึงเรื่องสสาร และพลั ง งาน มั น เกี่ ย วตรงที่ ตั ว เรานั่ น แหละที่ เ ป น สสาร และจิ ต วิ ญ ญาณของเรานั่ น แหละที่ เ ป น 15
  • 16. พลังงาน เพียงแตวาพวกเรายังรูนอยมากวาจิตวิญญาณของเราเปนพลังงานที่มีคุณสมบัติอะไรบาง เมื่อผมยัง เป น เด็ ก กว า นี้ ผมกลัว ผี ก็เ พราะวา วิญญาณหรื อที่ เ ด็กอย างผมเรีย ก “ผี ” นั้น สามารถมี คุณสมบัติพิเศษที่ลองลอยไปหลอกหลอนคนและปรากฏตนในรางที่โปรงแสงที่แสนจะนาเกลียดนา กลัวได เด็กและผูใหญลวนเหมือนกัน พวกเรากลัวในสิ่งที่อธิบายไมได พอ ๆ กับที่คนโบราณกลัวฟา รองฟาผา เรากลัวเพราะไมรูจะจัดการหรือรับมือกับมันอยางไร และเมื่อใดก็ตามที่เรามีสติปญญามาก ขึ้น จนเราพอจะเขาใจปรากฏการณนั้น ๆ หรือคุณสมบัติของพลังงานตาง ๆ ไดแลวเราก็จะไมกลัว ยิ่ง ไปกวานั้น เราจะคิดนําคุณสมบัติของพลังงานที่เราเขาใจแลวมาใชใหเปนประโยชนไดอีกดวย สิ่งหนุง ที่ยากตอการพิสูจนก็คือ เปนไปไดหรือไมวา คุณสมบัติประการหนึ่งของจิตวิญญาณก็คือ มันสามารถ เก็บกักกรรม (ซึ่งอาจเปนทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว) ที่ยังไมสงผลไวไดอยางละเอียดแมนยํา และดวย คุณสมบัติของมัน มันจะนําสิ่งที่เหมาะสมกับกรรมีที่ยังไมไดสงผลใหมาบังเกิดในชาติถัด ๆ ไป สวน กรรม (ดีและชั่ว) ที่สงผลแลวในชาตินี้ ยอมจบลงอยางสมบูรณ ไปแลวดวยตัวมันเอง ในฐานะชาวพุทธ คําสอนที่วา “ทําดีไดดี และทําชั่วไดชั่วนั้น” จึงเปนคําสอนที่ปลอดภัยที่สุด เพราะวาสิ่งที่ยังไมสงผลนั้น อาจเก็บกักไวในคุณสมบัติของจิตวิญญาณเพื่อรอที่จะสงผลตอไปในกาลเวลาขางหนาอันเหมาสมก็ได สิ่งที่ผมไดกลาวนี้เปนความลี้ลับที่นักวิทยาศาสตรยังพิสูจนไมได แตผมรูสึกวามันปลอดภัยดีถาหากวา กรรมที่ยังไมไดสงผลนั้น...ลวนแตเปนกรรมดี เอาละ ผมจะเขาเรื่องเสียทีในบรรรดาสิ่งหนึ่งที่ทําใหเราไมวางไดมากที่สุดก็คือ “ความคิดของ เรา” ผูเชี่ยวชาญดานสมองบอกเราวา มนุษยคิดกันอยูเรื่อยราววันละหาหมื่นเรื่องเห็นจะได อืมมมม... อะไรมันจะมากขนาดนั้น! แตผมเห็นดวยเพราะวามันแคแวบเดียวอยูเรื่อย แลวเราก็กระโดดไปคิดอีก เรื่องหนึ่งแลวก็อีกเรื่องหนึ่งไปเรื่อย ๆ เราหยุดคิดไดที่ไหนกันเลา เอาละ... เพื่อใหตลก ใครที่หยุดคิดได ยกมือขึ้น มันไมมีปุมเปดปดความคิดนี่คุณ แลวคุณจะหยุดคิดไดอยางไร คุณอาจคานวา “เฮ... แลว พระที่จิตวางละ ทานตองหยุดคิดไดสิ” ถูกตองแลวครับวาพระที่ฝกเจริญสติจนอยูกับปจจุบันอยางเต็ม รอยยอมอยูเหนือความคิดได แตวาผมไมนับครับ ผมนับเฉพาะคนอยางคุณกับผมและคนทั่วไปทั่วโลก ตางหาก พวกเราจํานวนนับไมถวนลวนแตหยุดคิดกันไมไดทั้งนั้นแหละเชื่อผมเถอะ และผมก็ไมได ขอรองใหพวกเราหยุดคิดดวย แตสิ่งที่ผมสนใจจริง ๆ ก็คือ... เจาความคิดนั่นแหละ...มันคืออะไรละ? คําตอบก็คือ... มันเปนพลังงานชนิดหนึ่งเชนกัน! คุณคงไมตกใจเทาไหรสินะ... ผมคาดเดา แตผมสิ ผม ทั้งตกใจและตื่นเตนเมื่อผมเริ่มเขาใจมันในฐานะที่เปนพลังานชนิดหนึ่ง เมื่อกรอบความคิดของผมที่มี ต อ คํ า ว า “ความคิ ด คื อ อะไร?” ได รั บ ความกระจ า งมากขึ้ น ชี วิ ต ของผมก็ เ ปลี่ ย นแปลงไปจนไม เหมือนเดิมอีกเลย เรามาดูกันสิวาความคิดเปนพลังงานในลักษณะใด 16
  • 17. บทที่ 10 มนุษยแมเหล็กไฟฟา กับกฏแหงการดึงดูดชักนําพา เมื่อราว 75 ปกอนนักวิทยาศาสตรชาวเอเชียสองทานไดทําการทดลองอันนาทึ่ง เขาทั้งสองไดตอ สายไฟผานกําแพงเหล็กเขากับสมองมนุษย เมื่อชายคนที่ถูกทดลองเริ่มคิด สิบหกวินาทีตอมาพวกเขา ทั้งสองจับภาพคลื่นแมเหล็กไฟฟาไดแตไมชัดเจน ในตอนนั้นเขาทั้งสองดีใจมากเพราะวามันทําใหพวก เขารูวา...อยางนอยความคิดก็ไมใชสิ่งวางเปลาแตที่จริงมันคือพลังงานรูปหนึ่ง พวกเขาทั้งสองได ปรับปรุงการทดลองไปเล็กนอยโดยไมเฉลียวใจเลยวากําลังจะคนพบปรากฏการณที่ยิ่งใหญซึ่งได กลายเปนตนแบบใหนักวิทยาศาสตรทดลองซ้ํานับครั้งไมถวนเพื่อยืนยันการคนพบในครั้งนั้น พวกเขา ทั้งสองขอใหชายที่เขาทดลองคิดถึงอะไรก็ไดโดยที่เพิ่มความเซ็ง ความเบื่อ ความสลดใจ ความกลัด กลุมใจ ความวิตกกังวล ความหดหูใจ ความรูสึกวาทนแทบไมไหว และอะไรก็ไดที่ร็สึกแยมาก ๆ เขาไป ในความคิดที่เขากําลังคิด พวกเขาสามารถที่จะจับภาพพลังงานของคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ที่ต่ํา มากได! ขอใหผมขัดจังหวะสักหนอยเถอะครับคุณรูไหมวานี่มันแปลวาอะไร มันแปลวา...ความคิดที่ ผสมดวยอารมณเชิงลบหรือสภาวะจิตยอดแยเขาไปก็คือ พลังงานแมเห็กไฟฟาชนิดความถี่ต่ํานั่นเอง ในทางตรงกันขามเมื่อพวกเขาทั้งสองใหชายคนเดิมคิดถึงอะไรก็ไดโดยเติมความรูสึกที่ปติ ยินดี ตื่นเตนเราใจ ความราเริง ความสุขใจ และอะไรก็ตามที่รูสึกดีลงไปในความคิดที่กําลังคิดอยู พวก เขาทั้ ง สองจั บ ภาพพลั ง งานแม เ หล็ ก ไฟฟ า ที่มี ค วามถี่สู ง มากได และเช น กั น นี่มั น หมายความว า ความคิดที่ผสมดวยอารมณเชิงบวกหรือสภาพวะจิตยอดเยี่ยมเขาไปก็คือ พลังงานแมเหล็กไฟฟาชนิด ความถี่สูงนั่นเอง และเพราะวาเรานั้นเปนคนที่คิดอยูตลอดเวลาและมีความแปรปรวนทางอารมณสูง เราไดสง พลังงานแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงบางต่ําบางออกไปสูอวกาศอยูตลอดเวลาโดยไมรูตัวเลย เรานี่แหละ คือตัวผลิตพลังงานแมเหล็กไฟฟาชั้นเยี่ยมที่สงพลังงานรูปแบบนี้ออกไปอยูตลอดเวลาไมวาเราจะรูตัว หรือไมก็ตามในแงนี้เราไดกลายเปนมนุษยแมเหล็กไฟฟาไปโดยปริยาย เพราะวาเราคือตนกําเนิดใน การผลิตพลังงานแมเหล็กไฟฟาที่ถูกผลิตขึ้นจากความคิดที่ผสมอารมณและความรูสึกของเรา แลว สงออกไปสูหวงอวกาศตลอดเวลา ทวา พลังงานแมเหล็กไฟฟานั้น มีคุณสมบัติที่นาสนใจมากอีกประการหนึ่ง กลาวคือ คลื่น แม เ หล็ ก ไฟฟ า ความถี่ เ ดี ย วกั น จะดึ ง ดู ด กั น รวมตั ว กั น และเสริ ม แรงกั น นี่ ห มายความว า คลื่ น แมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่สูง ๆ จะดึงดูดคลื่นความถี่สูงอื่น ๆ เขาหากัน มันแปลความหมายไดอีกอยาง หนึ่งวา คนที่กําลังสงคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูง ๆ ซึ่งแนนอนวามันผลิตขึ้นมาไดก็เพราะวาเขากําลัง คิดถึงอะไรบางอยางที่ผสมดวยความรูสึกที่ดี ยอมดึงดูดคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่สูงของคนอื่น ๆ ที่ กําลังสงออกไปในอวกาศเชนเดียวกันขอใหผมสรุปใหงายขึ้นโดยไมตองกลาวถึงคลื่นแมเหล็กไฟฟาวา 17
  • 18. ...เมื่อเราอารมณดี ราเริง ยิ้มแยมแจมใส ปติยินดี ตื่นเตนเราใจ และสุขใจอยางเหลือลน เรากําลัง ดึงดูดชักนําพาใหคนดี ๆ สถานการณดี ๆ ความโชคดี และสิ่งดีสารพัด เขามาหาเราอยางมากมาย มหาศาลนั่นเอง ในทางตรงกันขาม เมื่อเราเซ็ง บน ตําหนิ เบื่อหนาย ถอนหายใจมาก ๆ กลัดกลุมใจ สลดใจ สมเพชตนเอง หดหูใจ และอะไรก็ตามที่รูสึกแยมาก ๆ เรากําลังดึงดูดชักนําพาใหคนเลว ๆ สถานการณเลว ๆ โชคราย และสิ่งเลวรายสารพัดเขามาหาเราอยางมากมายมหาศาลเชนกัน จะวาไปแลว คนโบราณเกงกวาที่ผมคิดไวมาก พวกเขาไดคนพบ “กฏแหงการดึงดูดชักนําพา” มากวาสองพันปแลว อยางไรก็ตาม ในสมัยนั้น (ซึ่งสมัยนี้ก็ยังใชกันอยู) กฏนี้ไดกลาวไวสั้น ๆ อยางทรง พลังวา “ของที่เหมือนกันดึงดูดกัน” แตในฐานะที่ผมไดศึกษาเรื่องนี้มามาก ผมไดขยายกฏนี้ใหยาวขึ้น และตอไปนี้คือกฏแหงการดึงดูดชักนําพาฉบับใหมลาสุดของผม กฏนี้กลาววา “ของที่เหมือนกันดึงดูด กัน เราไดดึงดูดชักนําพา ผูคน สถานการณ ความประจวบเหมาะ ตลอดจนเงื่อนไขและสภาวะการณ ตาง ๆ ที่ตรงกับความถี่ของคลื่นแมเหล็กไฟฟของเราที่สรางขึ้นจากความคิดจิตใจของเราที่สงออกไป ในอวกาศทุกขณะอยางหลีกเลี่ยงไมได” คุณผูอานที่รัก ดั่งที่ผมไดกลาวตั้งแตแรกแลววา พวกเราจํานวนมาไดทําตัวเปน “ผูเชี่ยวชาญ ดานความหดหูและความเครียด” พวกเราลวนแลวแตดําเนินกลยุทธที่ผิดพลาด นอกจากจะไมไดผล และไมไดสิ่งที่เราตองการแลว กลยุทธ เชนนั้นกลับกลายเปนสาเหตุที่แทจริงที่ชักนําแตเรื่องที่เราไม ตองการเขามาหาเราเปนขบวนพาเหรด เราตองหยุดมันโดยการฝกฝนตนเองใหเปนผูเชี่ยวชาญดาน ความราเริงและผองใสกันเสียที สมัยกอน ผมไดยินคนบางคนสบถวา “ถึงผมจะเซ็ง จะเครียด จะหดหู มันก็เรื่องของผม แลวมันหนักหัวใคร!” ขอประทานโทษ ผมทราบดีวามันไมหนักหัวผม แตวาคนเลว ๆ และสถานการณเลวรายอีกมากที่คนคนนี้กําลังไปดึงดูดเขามาหาตัวเขานั้น พวกมันไมสนใจหรอกวา หนักหัวใคร เพราะวาพวกมันมาตามคําเชิญ แหงพลังดึงดูดชักนําพาที่สบัตรเชิญไปตามพวกมันดวย คลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํา ๆ ชนิดเดียวกัน ใหเขามาสรางปญหาอยางไมมีทางหลีกเลี่ยงได ขอให ผมย้ําอีกครั้งเถอะวา...มันไปหนักหัวคนเลวและสถานการณเลว ๆ ที่เขาไปเชื้อเชิญดึงดูดเขามานั่นเอง 18
  • 19. บทที่ 11 ซวยซับซวยซอน เพราะสงจดหมายเชิญผิดใบ อันที่จริงผมไมสนุกเลยที่จะรื้อฟนอดีตที่วา ผมโงขนาดไหนที่มักดําเนินชีวิตดวยการตอตานโลก ตําหนิ ติ เ ตี ย น บ น เบื่ อ หน า ย เซ็ ง ขี้ ก ลั ว วิ ต กกั ง วล สมเพชตนเอง สั บ สน ว า วุ น ใจ หดหู แ ละอาการไร ความสุขออีกสารพัดรูปแบบ คุณคงประหลาดวาปมเปนอยางนั้นไดอยางไร แตเชื่อผมเถอะวา พวกเรา จํานวนมากเหลือเกินลวนตกอยูในวังวนเชนนั้น แมวาความเปนไปของชีวิตหลาย ๆ แงมุมเปนเรื่องลี้ ลับและซับซอนจนยากที่จะเขาใจไดกระจางก็ตาม แตเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณของผม ของสังคม ของ ประเทศ หรือแมกระทั่งของโลก ผมพบวาพวกเราทั้งโลกไดชวยกันเซ็ง วาวุน สับสน วิตกกังวลและ หวาดกลัวกันมากขนาดไหน คุณเคยไดยินภาษาแบบนี้บางไหม...โอนี่ไงสังคมแหงความราเริงกันทั้ง บาง โอนี่ไง...ประเทศที่ไรความวิตกกังวล โอนี่ไง ดาวนพเคราะหโลกที่มนุษยรักใครกันเหลือเกิด แต ความจริงก็คือ เรากําลังดําเนินชีวิตอยูทามกลางคลื่นความคิดของอารมณที่เต็มเปยมไปดวยความ กลัวไมใชหรือ! ไม ต อ งสงสั ย เลยว า ผมได ดึ ง ดู ด เรื่ อ งไม ดี เ ข า หาตนเองมากมายเพี ย งใด กั บ ความ รูเทาไมถึงการณของผม ผมเคยสูญเสียเงินทองกวาสิบลานบาท ลมเหลวว้ําซาก หวาดกลัว ตกอยู ภายใตสภาวะไรความสุขที่เกิดจากความทอแทสิ้นหวัง ผมมักคร่ําครวญ โกรธตนเอง บางครั้งผมตอง น้ําตาไหลตามลําพังเงียบ ๆ และแวบหนึ่งแหงความคิดก็คือ...ผมอยากตายใหพนไปจากสิ่งที่ผมเผชิญ อยู อีกเนิ่นนานใหหลัง ผมถึงไดคนพบความรูที่วา อาการซวยซ้ําซวยซอนเหลานี้ลวนเกิดขึ้นจากการสง จดหมายเชิญผิดใบของผมเอง ผมไดลงมือทําใหตนเองกลายเปนเหยื่อเสียเองโดยไมรูตัว คุณผูอานที่รักยิ่ง วันแลววันเลาที่ผมตกอยูในสภาพอันหดหูนั้น มันเปรียบไดกับวาผมไดสงจน หมายเชิญผิดใบที่แนบติดไปกับคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํา ๆ ของผม ในจดหมายเชิญใบนั้นมี ขอความวา “ฉันคือความโศกเศรา ขอใหโลกนี้สงความทุกขทรมานเขามาหาฉันมาก ๆ ไดเลย” เมื่อคุณ ไดอานมาไกลถึงเพียงนี้ คุณคงพอเขาใจแลววา กฏแหงการดึงดูดชักนําพา ไดทํางานของมันอยางแข็ง ขัน และชักนําแตเรื่องเลว ๆ ที่ผมไมตองการเขามาเปนขบวนพาเหรด ขาวดีก็คือ หลายปมานี้ ผมไดใช กลยุทธใหมผมฝกฝนตนเองจนกลายเปนคนที่ราเริงอยูเสมอเพื่อใหสอดคลองกับสิ่งที่ผมไดรูแลววา อะไรเปนอะไร ผมเริ่มสงจดหมายเชิญถูกใบที่กลาววา “ฉันคือความสุข ขอใหโลกนี้สงสิ่งดีงามเขามา หาฉันมาก ๆ ไดเลย” แมบางครั้งผมอาจกลับไปกังวล แตผมก็มักมีอนุสติที่วองไวจนสามารถกลับมารา เริงไดโดยงายและรวดเร็ว และแลวชีวิตใหมของผมก็ดําเนินไปในลักษณะที่ไดรับพร อยางนี้สิถึงจะสม กับการไดเกิดมาเปนคน เพื่อใหคุณเกิดอนุสติเชนกัน คุณจําตอนตน ๆ ของหนังสือเลมนี้ไดไหม ผม ขอรองใหคุณถามตนเองเสมอวา “ฉันตองการอะไร?” ผมเชื่อแนวาคุณตองการความสุข แลวมันไมบา หรอกหรือหากเราดํารงชีวิตสวนใหญของเราโดยพากันไปอยูในสภาวะที่แสนเซ็ง ทําไมเราไมเฉลียวใจ 19
  • 20. กันเลยวา...นั่นมันผิดทางแลว มันไมใชสิ่งที่เราตองการสักหนอย แลวทําไมเรามักปลอยปละละเลยมัน ละ บางทีเปนเพราะเราไมรูฤทธิ์เดชของการสงคลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ต่ํามาก ๆ นั่นเอง และแนนอน วาเราตองหยุดสงจดหมายเชิญผิดใบ และหันมาสงจดหมายเชิญถูกใบแบบเรงดวน บางที มันอาจชวย เราไดมากขึ้น เมื่อเราไดรับบทเรียนจากกอนหินซะบาง 20
  • 21. บทที่ 12 บทเรียนจากกอนหิน ใหเราจินตนาการวา ทั้งคุณและผมกําลังกํากอนหินกอนหนึ่งไวในมือซาย หนึ่งชั่วโมงผานไปแตเราก็ยัง กําอยู เราคงเจ็บมือนาดูเลยในตอนนี้ แตขอใหเรากํามันตอไป จินตนาการวาขณะนี้รกําลังกินขาวอยู เราใชมือขวาจับชอนตักอาหารเขาปาก แตมือซายของเราก็ยังคงกํากอนหินนั้นไว นี่มันลําบากไหม แนนอนวาลําบาก นี่มันทรมานไหม แนนอนวามันทรมาน เอาละใหจินตนาการวาเราแตละคนกําลัง อาบน้ําอยู แตเราก็ยังคงกํากอนหินไวในมือซายตอไป กระทั่งเราออกไปพบใครหรือพูดคุยกับใคร...ก็ ขอใหเรากํากอนหินนั้นไว นี่มันบาชัด ๆ ในโลกแหงความเปนจริง เราจะกํากอนหินโดยไมวางมันลงได สักกี่ชั่วโมงกัน! เอาละ... พพอกันที สิ่งที่เราจะทําก็คือ...แควางมันลง ความจริงงาย ๆ ก็คือ...กอนหิน จะไมมีวันวางเรา เรานั่นแหละที่ตองวางมันลง ก็แคนั้นเอง และเราจะไดรับอิสรภาพ ก็แลวจิตใจของเราที่กําความทุกข ความเซ็ง ความเบื่อหนาย ความกลัดกลุมใจ ความนอยอก นอยใจ ความทอแท ความโกรธ ความอาฆาต ความหดหู ความรูสึกวาแบกรับไมไหวหรืออะไรก็ตามที่ แย ๆ ละ สภาวะจิตหรืออารมณเชิงลบเชนนั้นมิยิ่งยาวนานกวาและเลวรายกวาการกํากอนหินดวยมือ ของเราหรอกหรือ? คุณเคยโกรธใครนานกวาหนึ่งวันไหมละ แนนอนวามันเปนไปได แตเคยไหมที่คุณ กํากอนหินโดยไมปลอย นานถึงหนึ่งวัน ไมมีทาง! พวกเราไมยอมตื่นขึ้นมาจริง ๆ เพื่อรับรูวาอารมณลบ จะไมยอมปลอยเรา มีแตเรานั่นแหละที่ตองปลอยวางพวกมันลงเสีย ดังนั้น เราจําเปนตองปลอยกอน หินออกจามือของเราพอ ๆ กับที่เราตองปลอยวางเรื่องไมดีออกจากจิตใจของเราถาไมอยากทุกข ทรมาน แมวาผมจะไดอธิบายถึงขนาดนี้แลวก็ตาม หลาย ๆ คน ที่โทรศัพทถึงผมยังยืนยันที่จะจมอยู ในกองทุกข พวกเขามักพูดในทํานองเดียวกันวา “ก็ชีวิตคุณไมไดลําบากเทาฉันนี่ คุณก็พูดไดสิวาให ปลอยวางเสีย” เห็นทีผมตองอธิบายตอดังนี้... 21