ฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำรัส
- 2. “....ควรสร้างฝายต้นน้้าล้าธารตามร่องน้้าเพื่อช่วยชะลอกระแสน้้าและเก็บกักน้้าส้าหรับ สร้างความชุ่ม
ชื้นให้กับบริเวณต้นน้้า....”
พระราชดารัสเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2532 ณ ดอยอ่างขาง อาเภอฝาง จังหวัด
เชียงใหม่
“ให้พิจารณาด้าเนินการสร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถูกและหาง่ายในท้องถิ่น เช่น แบบหินทิ้ง
คลุมด้วยตาข่ายปิดกั้นร่องน้้ากับล้าธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน้้าและตะกอนดินไว้บางส่วน โดย
น้้าที่กักเก็บไว้จะซึมเข้าไปในดินท้าให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายออกไปทั้งสองข้าง ต่อไปจะสามารถปลูกพันธุ์ไม้
ป้องกันไฟ พันธุ์ไม้โตเร็วและพันธุ์ไม้ไม่ทิ้งใบ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้้าล้าธารให้มีสภาพเขียวชอุ่มขึ้นเป็นล้าดับ
“ส้าหรับต้นน้้า ไม้ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณสองข้างล้าห้วย จ้าเป็นต้องรักษาไว้ให้ดี เพราะจะช่วยเก็บรักษาความ
ชุ่มชื้นไว้ ส่วนตามร่องน้้าและบริเวณที่น้าซับก็ควรสร้างฝายขนาดเล็กกั้นน้้าไว้ในลักษณะฝายชุ่มชื้น แม้จะ
มีจ้านวนน้อยก็ตามส้าหรับแหล่งน้้าที่มีปริมาณน้้ามาก จึงสร้างฝายเพื่อผันน้้าลงมาใช้ในพื้นที่เพาะปลูก
......”
พระราชดารัสเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2521 ณ อาเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
- 4. แนวพระราชด้าริ ทฤษฎีการพัฒนาและฟื้นฟูป่าไม้ โดยการใช้ทรัพยากรที่เอื้ออ้านวยสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้นก้าเนิดของการสร้างฝายชะลอน้้าซึ่งก้าลังฮิตเป็นกระแส ทั้งการน้าไปท้า
CSR (Corporate Social Responsibility) การจัดกิจกรรมอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ
ผู้เขียนเพิ่งได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้เป็นครั้งแรก แม้ว่าจะท้าข่าวสิ่งแวดล้อมมานาน และท้าข่าว
ฝายมาก็หลายแห่ง ก็เลยสัมผัสได้ว่าคนจ้านวนมาก (อย่างน้อยก็ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมคราวเดียวกัน
กับผู้เขียน) ไม่ค่อยรู้เรื่องหลักการของฝายชะลอน้้า จ้านวนไม่น้อยเข้าใจว่าต้องสร้างในล้าธารน้้า ซึ่ง
น่าจะเป็นเพราะเวลาเราเห็นโฆษณาก็จะเห็นฝายและน้้าอยู่ด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้เล่าเรื่องราวก่อนที่จะมีฝายและ
ก่อนจะมีน้า แต่ถือว่าโชคดีที่ยังมีการท้าความเข้าใจให้อย่างละเอียด ซึ่งอันนี้คงต้องยกความดีให้
SCG ซึ่งจับเรื่องฝายมาท้าเป็นเรื่องเป็นราวจนเข้าใจว่าควรสร้างที่ไหน อย่างไร
ที่จริงแล้วคิดง่าย ๆ ก็คือฝายมีหน้าที่สร้างความชุ่มชื้น ต้องไปสร้างในที่แห้งแล้ง ส่วนฝายเพื่อชะลอ
น้้าก็ต้องสร้างในพื้นที่ที่น้าจะไหลผ่านหรือร่องน้้า นั่นคือสร้างฝายในพื้นที่ต้นน้้าซึ่งแห้งแล้งและเสื่อม
โทรม โดยเลือกสร้างตรงร่องที่น้าจะไหลผ่านเมื่อฝนตก ท้าให้น้าไม่ไหลผ่านเร็วจนเกินไป เมื่อน้้าถูก
ชะลอ ดินก็ดูดน้้าไว้ได้ ต้นไม้ก็งอกงาม ต้นน้้าก็ชุ่มชื้น และสามารถอ้านวยน้้าลงมาปลายน้้าได้ใน
ที่สุด นี่แค่น้าอย่างเดียว ยังไม่รวมระบบนิเวศอื่นๆ ที่จะฟื้นคืนกลับมาตามล้าดับ
- 5. ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานค้าสอนเรื่องฝายมาแล้วตั้ง 20 กว่าปี แต่เรา
ก็ยังไม่รู้อะไรมากนัก รู้แต่ว่าฝายดีเพราะพระองค์ตรัสไว้ กรณีที่ฉายเรื่องความไม่รู้ (คิดว่าไม่
รู้) ได้ชัดที่สุดก็คือ กรณีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในยุคหนึ่งที่ใช้งบประมาณ
กว่า 700 ล้านบาทมาสร้างฝายในแหล่งน้้าในป่าสมบูรณ์ ซึ่งดร. สรณรัชฎ์ กาญจนะ
วณิชย์ นักนิเวศวิทยาให้ข้อมูลว่าการสร้างฝายในที่ที่ไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของ
น้้า ท้าให้น้านิ่ง สัตว์น้าขนาดเล็กเช่นปลา เคลื่อนย้ายถิ่นขึ้นลงไม่ได้เพราะมีฝายขวางกั้น จนมี
ผลกระทบต่อประชากรปลาในที่สุด
เหมือนกับ 64 ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานค้าสอนและความรู้ให้เรา
ตั้งมากมาย ซึ่งคนไทยก็ชื่นชมในพระปรีชาสามารถและพระเมตตา แต่ในทางปฏิบัติเรามักจะไม่
ค่อยศึกษาหาความรู้จากสิ่งที่พระราชทานมาให้อย่างถ่องแท้ ยิ่งการปฏิบัติตาม ยิ่งแล้วใหญ่ ดู
เหมือนจะไม่ค่อยสอดคล้องกันเท่าไหร่นัก ไม่เช่นนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
ของประเทศไทยก็คงไม่เป็นอย่างในทุกวันนี้ เหมือนกับที่งบประมาณและทรัพยากรธรรมชาติต้อง
เสียหายเพราะเรื่องฝายมาแล้ว
- 7. ฝายแม้ว หรือ เช็คแดม (อังกฤษ: check dam) เป็นเขื่อนหรือฝาย
ขนาดเล็กชะลอน้้ากึ่งถาวรประเภทหนึ่ง ฝายแม้วเป็นชื่อเรียกโครงการตามแนว
พระราชด้าริ เกี่ยวกับวิศวกรรมแบบพื้นบ้าน ฝายแม้วเป็นฝายชะลอน้้ากึ่งถาวรประเภท
หนึ่ง ประเภทเดียวกับฝายคอกหมู โดยใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่นกิ่งไม้ ก้อนหิน
เพื่อกั้นชะลอน้้าในล้าธาร หรือทางน้้าเล็กๆ ให้ไหลช้าลง และขังอยู่ในพื้นที่นานพอที่จะ
พื้นที่รอบๆจะได้ดูดซึมไปใช้ เป็นการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้เกิดความชุ่มชื้นมาก
พอที่จะพัฒนาการเป็นป่าสมบูรณ์ขึ้นได้ ฝายแม้วยังอาจใช้เพื่อการทดน้้า ให้มีระดับสูง
พอที่จะดึงน้้าไปใช้ในคลองส่งน้้าได้ในฤดูแล้ง โครงการตามแนวพระราชด้ารินี้ได้มีการ
ทดลองใช้ทโี่ ครงการห้วยฮ่องไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ และประสบผลส้าเร็จจนเป็นตัวอย่าง
ให้กับโครงการอื่น ๆ ต่อมา
ฝายแม้วยังถูกเรียกว่า ฝายชะลอน้้า อีกด้วย
- 9. ประโยชน์ของฝายชะลอน้า
หลายๆ คนคงเคยได้เคยรู้จักฝายชะลอน้้ากันมาบ้าง ตามโฆษณากิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ขององค์กรใหญ่ๆ ตามข่าวสารประจ้าวัน หรือแม้กระทั่งสารคดีสิ่งแวดล้อม แต่คงมีคนจ้านวนไม่น้อย
ที่ยังไม่รู้จักความหมายและคุณค่าของฝายชะลอน้้า ซึ่งมีความส้าคัญต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ขาดแคลนแหล่งน้้า ที่ก้าลังเป็นปัญหาส้าคัญของสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน
ฝายชะลอน้้า หรือ Check Dam คือสิ่งก่อสร้าง ที่ท้าขึ้นเพื่อขวางหรือกั้นทางน้า โดย ้
ปกติมักจะกั้นล้าห้วย ล้าธารขนาดเล็กในบริเวณที่เป็นต้นน้้า หรือ พื้นที่ที่มีความลาดชันสูงให้สามารถ
กักตะกอนอยู่ได้ และหากเป็นช่องที่น้าไหลแรงก็สามารถช่วยในการชะลอการไหลของน้้าให้ช้าลงด้วย
เพื่อการกักเก็บตะกอนเอาไว้ไม่ให้ไปทับถมล้าน้้าตอนล่าง อันเป็นเป็นวิธีการอนุรักษ์ดินและแหล่งน้้า
- 10. นอกจากนี้ยังนิยมสร้างฝายชะลอน้้าในพื้นที่ต้นน้้าที่แห้งและเสื่อมโทรม โดยมักจะสร้างในบริเวณร่องน้้า
เมื่อฝนตกฝายจะท้าการชะลอน้้าไม่ให้ไหลเร็วจนเกินไป ท้าให้ในบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์
ดินเกิดการอุ้มน้้า ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น พื้นที่มีความชุ่มชื้น อันจะส่งผลดีต่อบริเวณโดยรอบ
ซึ่งสอดคล้องกับแนวพระราชด้าริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับการพัฒนาและฟื้นฟู
ป่าไม้ ด้วยการใช้ทรัพยากรที่เอื้ออ้านวย เกิดการสัมพันธ์ซึ่งกันและกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ฝายชะลอน้้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ ฝายชะลอน้้าแบบท้องถิ่น (หรือฝายแม้ว ที่ท้า
โดยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น กิ่งไม้ ไม้ล้ม หรือก้อนหินชนิดต่างๆ มาวางเรียงซ้อนกัน) ฝายชะลอน้้า
แบบเรียงด้วยหิน (ฝายกึ่งถาวร) และฝายชะน้้าแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก (ฝายแบบถาวร) ซึ่งการ
ก่อสร้างฝายชะลอน้้านั้นควรได้รับการศึกษาโดยละเอียด ให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และปัญหา
เพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้ เช่น ท้าให้น้านิ่ง ไม่เกิดการไหลเวียน ส่งผลให้น้าเน่า
เสีย ระบบนิเวศเสื่อมโทรม หรือแม้กระทั่งการก่อสร้างฝาย อาจไปท้าลายทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ
ที่มีอยู่โดยรอบได้