นักสหกรณ์สองยุค-6
- 1. นัก สหกรณ์ส องยุค
โดยนายสุกรี พันละบุตร
ผู้ตรวจราชการกรมส่ง
เสริมสหกรณ์
การเขียนเรื่อง “นักสหกรณ์สองยุค” หรือ “นักสหกรณ์ยุคสองหม้อ”
เป็นความกรุณาของผู้บังคับบัญชาที่ผู้เขียนเคารพยิ่ง คือ นายวินัย กสิ
รักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ให้แนวคิดเชิงเปรียบเทียบใน
การปฏิบัติภารกิจในอดีตของนักส่งเสริมสหกรณ์ “ยุคหุงข้าวด้วยหม้อ
ดิน” ซึ่งเป็นยุคที่มีความยากลำาบากในการปฏิบัติภารกิจเพราะการจัด
ตั้งสหกรณ์ในสมัยนั้ดำาเนินการในถิ่นธุระกันดารประชากรยังขาดการ
ศึกษา ขาดเครื่องมือที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่เอื้ออำานวยต่อการ
ปฏิบัติภารกิจต่างกับการส่งเสริมสหกรณ์ของนักส่งเสริมสหกรณ์ “ยุคหุง
ข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า” ซึ่งการปฏิบัติภารกิจเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย
มีเครื่องมือทันสมัยและเทคโนโลยีที่เอื้ออำานวยต่อการปฏิบัติภารกิจแต่
ผลสัมฤทธิของงานวัดกันในเชิงคุณภาพแล้วยังด้อยกว่าการส่งเสริม
์
สหกรณ์ยุคหุงข้าวด้วยหม้อดิน ผู้เขียนเป็นนักสหกรณ์ที่อยู่ในยุครอย
ต่อระหว่างยุคหุงข้าวด้วยหม้อดินและยุคหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า ซึ่ง
เรียกอีกนัยหนึ่ง ว่า นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคสองหม้อรวมทั้งนักส่งเสริม
สหกรณ์ที่มี ช่วงอายุระหว่าง 40 ปีขึ้นไป ซึ่ง ในวัยดังกล่าวนี้ยังมี
โอกาสได้พบเห็นการหุงข้าวด้วยหม้อดินในอดีต เจตนารมณ์ในการ
เขียนเรื่องนี้เพื่อต้องการให้นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ “ยุคหุงข้าวด้วย
หม้อไฟฟ้า” ได้เรียนรู้แนวทางการปฏิบัติงานของนักส่งเสริมสหกรณ์
ยุคหุงข้าวด้วยหม้อดินและ ครั้งใด ที่เจอปัญหาในการส่งเสริมสหกรณ์
และเกิดความท้อแท้ให้มองย้อนอดีตนึกถึง การส่งเสริมสหกรณ์ของ “
นักสหกรณ์ยุคหม้อดิน” ซึ่งเป็นยุคแรกในการก่อตั้งสหกรณ์ภูมิสังคม
เต็มไปด้วยปัญหาแต่ก็สามารถฝ่าฟันปัญหาในการส่งเสริมสหกรณ์มาได้
อย่างทรนงจนสามารถสร้างงานสหกรณ์ให้เจริญก้าวหน้ามาจนเท่าทุก
วันนี้ นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อหุงข้าวไฟฟ้าต้องศึกษาแบบอย่างที่ดี
ของนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินแล้วนำาสู่การปฏิบัติจะก่อให้เกิด พลัง
ในการต่อสู้ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคในการส่งเสริมสหกรณ์เพื่อสืบทอดการ
ส่งเสริมสหกรณ์ให้ก้าวหน้าสืบไป ขอขอบคุณรองอธิบดีกรมส่งเสริม
สหกรณ์ นายวินัย กสิรักษ์ ที่ได้ให้แนวคิดในการเขียนเรื่องนี้ และ
ถ่ายทอดประสบการณ์ในการส่งเสริมงานสหกรณ์อันยาวนานของท่าน
เพื่อนำามาถ่ายทอดให้ “นักสหกรณ์ยุคหม้อไฟฟ้า” ได้ศึกษาเป็น
- 2. แนวทางการปรับปรุงกลยุทธนาการปฏิบัติงานสู่ความสำาเร็จของการส่ง
เสริมงานสหกรณ์ จึงขอขอบคุณท่านไว้ ณ โอกาสนี้
การส่งเสริมสหกรณ์ยุคหุงข้าวด้วยหม้อดินเป็นช่วงที่การส่ง
เสริมสหกรณ์มีความยากลำาบากอย่างยิ่งเพราะเป็นช่วงระยะเวลาที่บ้าน
เมืองยังขาดการพัฒนาการสัญจรไปมาลำาบากประชากรขาดการศึกษา
มีความอดอยากหิวโหยเพราะขาดแคลนอาหารขาดเทคโนโลยีในการ
ผลิต โรคร้ายชุกชุมการสาธารณะสุขมูลฐานยังไม่ดีประชาชนด้อย
โอกาสถูกเอาเอาเปรียบจากผู้มีอำานาจทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่าทำาให้
ประชาชนตกอยู่ในวัฏจักรแห่งความยากจน ‘’โง่ ยากจน และเจ็บ ‘’กา
รสหกรณ์จึงถูกกล่าวถึงและถูกหยิบยกนำามาใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาล
ในการแก้ไขปัญหาพัฒนาเศรฐกิจและสังคมของชาวชนบท จึงก่อ
กำาเนิดนักสหกรณ์สหกรณ์ยุคหม้อดิน การจัดตั้งสหกรณ์ ในยุคนั้นส่วน
ใหญ่จัดตั้งในชนบทที่ห่างไกลความเจริญการเดินทางไปยังจุดปฏิบัติ
งานบางครั้งต้องใช้ช้าง ม้าเป็นพาหนะ ลงเรือพายข้ามฟาก และต่อด้วย
เกวียนกว่าจะถึงที่หมายต้องใช้เวลาหลายวันเสบียงอาหารติดตัวดีที่สุด
ขณะนั้นคือปลากระป๋อง และปลาแห้งรมควัน ถ้าวันไหนมีฝนตกก็โชคดี
มีกบและเขียดตามธรรมชาติจับนำามาประกอบอาหาร รับประทานได้
ไม่มีอาหารจริงๆ แมงขี้ควายหรือจุดจี(ภาษาอีสาน)ก็ถือเป็นอาหารชั้น
เลิศถ้าได้กิ้งก่ามาอย่างก้อยปูนาตำานำา้้พริกแกลบกับผักที่เก็บได้ตาม
ธรรมชาติยิ่งประเสริฐของอาหารมื้อนั้นเตาที่ใช้หุงข้าวหม้อดินประกอบ
ด้วยหินก้อนใหญ่พอประมาณขนาดเท่ากันสามก้อนวางรองก้นหม้อดิน
ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมเว้นช่องว่างระหว่างก้อนประมาณสิบเซนติเมตรไว้
ใส่ฟืนเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงนำาหม้อดินมาล้างทำาความสะอาดด้วยความ
ทนุถนอมเพราะหม้อดินมีความบอบบางมากสัมผัสแรงอาจแตกได้เสร็จ
แล้วนำาข้าวที่ปลอดจากสารพิษประมาณหนึ่งลิตรลงในหม้อเทนำ้าลงใส่
ในหม้อพอประมาณตั้งไฟทิ้งไว้แต่ต้องเฝ้าดูความแรงของไฟเพราะข้าว
อาจไหม้ก่อนสุกซักพักข้าวจะเริ่มส่งกลิ่นหอมแสดงว่าข้าวเริ่มสุกได้ที่
ต้องทำาการรินนำ้าในหม้อข้าวออกก่อนที่จะนำาไปตั้งไฟอ่อนๆอีกครั้ง
ข้าวจึงจะสุกพร้อมรับประทาน จะเห็นได้ว่าทุกขั้นตอนของการหุงข้าว
ด้วยหม้อดินมีความละเอียดอ่อนต้องใช้ศลปะและความเชียวชาญในการ
ิ
หุงต้องเฝ้ารอคอยด้วยความใจเย็นกว่าจะได้ข้าวสุกแต่ละหม้อซึ่ง
เป็นการฝึกฝนนักสหกรณ์ให้รู้จักความอดทนรอวันและเวลาที่เหมาะสม
เปรียบเสมือนการจัดตั้งสหกรณ์ต้องค่อยเป็นค่อยไปต้องพัฒนาจิตใจ
ของผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกก่อนเป็นสำาคัญถ้าผู้จะเป็นสมาชิกไม่มีความ
พร้อมในด้านจิตใจและถึงจัดตั้งสหกรณ์ก็จะล้มเลิกในที่สุดเพราะการจัด
ตั้งสหกรณ์สำาคัญอยู่ที่ใจ เมื่อสามารถพัฒนาจิตใจสมาชิกให้เป็นผู้ที่มี
- 3. ความซื่อสัตย์เสียสละเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวแล้ว งาน
จัดตั้งสหกรณ์ถือได้ว่าสำาเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งเพราะสหกรณ์เริ่มมีสมาชิก
ที่มีคุณภาพสมาชิกที่ดีจะเป็นฐานรากสำาคัญที่จะคำ้าจนสหกรณ์ให้มั่นคง
และพัฒนาสหกรณ์ด้วยใจรักให้ก้าวหน้าสืบไป แต่การจัดตั้งสหกรณ์ยุค
ปัจจุบัน บางครั้งดำาเนินการจัดตั้งแบเร่งรัดมากเกินไปจนลืมคิดถึง
ปัญหาที่จะตามมาในอนาคตและเป็นจริงอย่างที่ว่าเพราะสหกรณ์เป็น
จำานวนมากเริ่มมีปัญหาอ้างอิงจากข้อมูลของศูนย์สารสนเทศมีสหกรณ์
ทั่วประเทศหยุดดำาเนินธุรกิจมากขึ้นโดยลำาดับจนกลายเป็นเหมือน
สหกรณ์ขยะที่คอยสร้างปัญหาให้แก้ไขสิ้นเปลืองทั้งเวลาและงบ
ประมาณประกอบกับนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามีความ
สะดวกสบายในการปฏิบัติภารกิจมากกว่าในอดีตเปรียบเสมือนการหุง
ข้าวด้วยหม้อไฟฟ้าเพียงแต่นำาข้าวสารใส่หม้อแล้วเทนำ้าลงหม้อพอ
ประมาณเสร็จแล้วเสียบปลั๊กทิ้งไว้ไม่นานข้าวก็จะสุกก็สามารถรับ
ประทานได้ ความสะดวกสบายดังกล่าวถ้ามีมากเกินความพอดีอาจเป็น
สาเหตุทำาให้นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ขาดการสร้างสมประสบการณ์
และความเชียวชาญในวิชาชีพขาดความมุ่งมั่งในการปฏิบัติภารกิจชอบ
สบายไม่สู้ปัญหาขาดสมาธิในการทำางาน ขาดความเพียร ความมานะ
อดทนมุ่งมั่น เมื่อนักส่งเสริมสหกรณ์ไร้้ซึ่งศักยภาพและคุณภาพแล้ว
ย่อมเป็นช่องว่างที่เปิดโอกาสให้ ผู้ไม่หวังดีแฝงกายเข้ามาแสวงหา
ประโยชน์ในสหกรณ์ ฉะนั้นนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ต้อง้ีใส่ใจใน
การฝึกฝนตนเองให้เกิดความเชียวชาญในวิชาชีพเพื่อนำาความรู้และ
ประสบการณที่ได้์ไปใช้ ในการแก้ไขปัญหาสหกรณ์ ให้เจริญกว้า
หน้าเป็นที่พึ่งของลูกหลานในอนาคตสืบไปนักส่งเสริมสหกรณ์เปรียบ
เสมือนนักบุญในชนบทถิ่นธุระกันดารที่ประชาชนเต็มไปด้วยปัญหาการ
ด้อยโอกาส ในการดำาเนินชีวิต นักสหกรณ์จะเป็นผู้คอยสร้างโอกาส
สนับสนุนการดำาเนินชีวิตลดรายจ่ายเพิ่มรายได้โดยใช้วิธีการสหกรณ์
รวมทั้งการสร้างสหกรณ์ให้มั่นคงเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพขอ
สมาชิกคอยสร้างโอกาสให้ผู้ยากไร้ลดการเอารัดเอาเปรียบกันของ
คนในสังคม ให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นนำาไปสู่การกินดีอยู่ดีมีสันติสุขในสังคม
อดีตที่ผ่านมานักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินต้องทำางานด้วยความ
ตรากตรำา ทำาหน้าที่หลายบทบาทเพื่อให้ภารกิจที่มุ่งหวังสัมฤทธิ์ผล
บทบาทดังกล่าวนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินทุกคนต้้องมีความรอบรู้
สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่องมีประสิทธิภาพและแตกฉานในเนื้อหาที่
เกี่ยวข้องกับงานสหกรณ์บทบาทมีดังต่อไปนี้.-
(1)บทบาทการ เป็นครูตองนักส่งเสริมสหกรณ์ต้องคอย
้
ชี้แนะสอนงานให้ฝ่ายจัดการสามารถทำาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- 4. และให้บริการสมาชิกด้วยใจเสมือนหนึ่งญาติพี่น้อง คอยสร้างพลัง
ศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจสมาชิก พลังศรัทธาดังกล่าวจะคอยคำ้าจุน
สหกรณ์ให้มีความมั่นคงสืบไปรวมทั้งคอยฝึกฝนให้คำาแนะนำาแก่คณะ
กรรมการดำาเนินการสหกรณ์ในการบริหารสหกรณ์เป็นไปด้วยความถูก
ต้องโปร่งใส กำาหนดนโยบายการบร้ิหารการจัดการสหกรณ์ให้
สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกนอกจากนี้นักส่งเสริมสหกรณ์ยุค
หม้อดินต้องตีเกราะในเวลากลางคืนที่ว่างเว้นจากการทำางานเชิญ
สมาชิกมาประชุมเพื่อให้การศึกษาอบรมสมาชิกให้เข้าใจถึงบทบาท
หน้าที่ของตนเองรวมทั้งสิทธิต่างๆที่สมาชิกพึงได้รวมทั้งการชี้แจง
ระเบียบปฏิบัติ หลักและวิธีการสหกรณ์ให้เป็นที่เข้าใจร่วมกัน
(2) บทบาทการ เป็นพี่เลี้ยงนักส่งเสริมสหกรณ์ต้องคอยดูแล
สหกรณ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างใกล้ชิดคอยให้คำาปรึกษาแก่คณะ
กรรมการดำาเนินการ คราใดที่การบริการงานสหกรณ์ประสบปัญหาต้อง
คอยกำากับ ดูแลช่วยแก้ไขปัญหา แนะนำาและส่งเสริมจนกระทั่ง
สหกรณ์สามารถดำาเนินธุรกิจให้บริการสมาชิกได้
(3) บทบาทการ เป็นหมอนักส่งเสริมสหกรณ์ต้องคอย
วิเคราะห์อาการ ของโรคที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์แล้วใช้ความรู้และ
ประสบการณ์ที่สร้างสมมทีมดำาเนินการวินิจฉัยโรค และรักษาโรคให้
สหกรณ้์หายจากการเจ็บป่วยซึ่งกันและกันเจ็บป่วยของสหกรณ์อาจ
เกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความด้อย
ประสบการณ์ ในการบริหารการจัดการ หรือเกิดจากการกระทำาของ
บุคคลสามฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ คือ คณะกรรมการดำาเนินการ
ฝ่ายจัดการ และสมาชิก ถ้าฝ่ายใดประพฤติปฏิบัติไม่เป็นผลดีตอ ่
สหกรณ์ สหกรณ์ก็จะเกิดปัญหาและมีอาการเจ็บป่วยหนักเบาแล้วแต่
การกระทำา การรักษาจะหายเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของ
หมอ นักส่งเสริมสหกรณ์จึงต้องสร้างสมประสบการณ์เรียนรู้จากการก
ระทำาจริงให้เกิดความเชียชาญรอบรู้เกี่ยวกับการสหกรณ์ตั้งแต่สหกรณ์
ถือกำาเนิดจนกระทั่งสหกรณ์สิ้นสถาพ จึงจะรักษาโรคของสหกรณ์ให้
หายขาดได้้
(4)บทบาทการ เป็นตำารวจและผู้พิพากษา นักส่งเสริมสก
รณ์ต้อง คอยกำากับดูแลและ คุ้มครองสหกรณ์และผลประโยชน์ของมวล
สมาชิกซึ่งเป็นบุคคลส่วนใหญ่ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำา
ของผู้ไม่หวังดีโดยการ ด้วยอาศัยช่องว่างของกฎหมายกฎเกณฑ์
กติกา ระเบียบ ข้อบ้ังคับของสหกรณ์ แสวงหาประโยชน์ส่วนตนนัก
ส่งเสริมสหกรณ์ต้องคอยกำากับดูแลให้การดำาเนินงานของสหกรณ์เป็น
- 5. ไปด้วยความโปร่งใสและดำาเนินคดีหรือลงโทษผู้กระทำาความผิดตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์ และประมวลกฎหมายอาญาตามสมควร
แก่กรณี ความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาและการนำาตัวผู้กระทำาผิดมา
ลงโทษเป็นมาตรการหนึ่งที่จะปกป้องคุ้มครองระบบสหกรณ์ให้อยู่รอด
ได้สืบไป
(5) บทบาทการทำาหน้าที่ เป็นสัปเร่อ การส่งเสริมสหกรณ์
ใดเมื้อประสบปัญหาและร่วมกันแก้ไขปัญหาถึงที่สุดแล้วสหกรณ์ดัง
่
กล่าวยังไม่สามารถดำาเนินธุรกิจต่อไปได้ และ สมาชิกไม่ประสงค์จะให้
สหกรณ์ดำาเนินธุรกิจต่อไปนักส่งเสริมสหกรณ์ต้องทำาหน้าที่เป็นสัปเร่อ
ชำาระสะสาง จัดการปัญหาและทรัพย์สินของสหกรณ์ ก่อนที่จะขีดชือ ่
สหกรณ์ออกจากทะเบียน
บทบาทและภารกิจของนักสหกรณ์ยุคหม้อดินตามที่กล่าวมา
แล้วได้ทำาหน้าที่ได้อย่างดียิ่งเหมาะสมมีความรอบรู้ในศาสตร์สหกรณ์
และเปลี่ยมล้นไปด้วยประสบการณ์สมบูรณ์ของการได้ปริญญาชีวิต จน
สามารถพัฒนาสหกรณ์มาสู่ยุคหม้อหุงข้าวไฟฟ้าได้อย่างมีคุณภาพ แต่
ปัจจุบันสหกรณ้์เป็นจ้ำนวนมากกำาลังป่วยซึ่งไม่้่แสดงอาการให้เห็น
เด่นชัดเหมือนมะเร็งร้ายที่เกาะกินภายในร่างกายขาดการรักษาที่ถูกวิธี
ยการปรับโครงสร้างอัตรากำาลังกรมส่งเสริมสหกรณ์โดยการยุบเลิก
สำานักงานสหกรณ์อำาเภออาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความห่างเหิน
ระหว่างนักส่งเสริมสหกรณ์กับสหกรณ์จึงเกิดเป็นช่องว่างที่ทำาให้ผู้ไม่
หวังดีเข้ามาแสวงประโยชน์ในสหกรณ์ได้ง่ายขึ้นการคุ้มครองสหกรณ์
ให้อยู่รอดสืบไปต้องฝากความหวังไว้กับนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อหุง
ข้าวไฟฟ้าปริญญาชีวิตคือคู่มอปฏิบัติภารกิจที่สมบูรณ์แบบต้องสร้างสม
ื
ประสบการณ์ให้เกิดความแกร่งในวิชาชีพ จึงจะทำาให้การส่งเสริม
สหกรณ์มีสิทธิภาพ ปัจจุบันทิศทางการส่งเสริมสหกรณ์ดคล้ายจะมุ่งไป
ู
สู้่การดำาเนินธุรกิจแบบทุนน้ิยมมากขึ้นโดยลำาดับการแบ่งปันการเอื้อ
อาทรต่อกันลดน้อยลง ทุกคนมุ่งแสวงหาวัตถุนิยมเห็นแต่ประโยชน์ส่วน
ตนเป็นหลักจิตใจเสื่อมถอย คอยเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน สังคม
เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี โจรผู้ร้ายชุกชุม อุดมการณ์สหกรณ์ ยึด
หลัก “การช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” เป็นการสอนให้
คนในสังคมมีจิตใจโอบอ้อมอารี เอืออาทรต่อชุมชน ช่วยเหลือซึ่งกัน
้
และกัน จะส่งผลให้สังคมมีสันติสุข ฉะนั้นนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่
ยุคหม้อไฟฟ้า สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลย คือ ต้องเน้นส่งเสริมให้สหกรณ์
ดำาเนินธุรกิจตอบสนองความต้องการของสมาชิก ให้สหกรณ์คอย
สนับสนุนความเป็นอยู่ของสมาชิกทุกด้าน สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจ