นักสหกรณ์สองยุค-3
- 1. นักสหกรณ์สองยุค
โดยนายสุกรี พันละบุตร
ผู้ตรวจราชการกรมส่ง
เสริมสหกรณ์
การเขียนเรื่อง “นักสหกรณ์สองยุค” หรือ “นักสหกรณ์ยุค
สองหม้อ” เป็นความกรุณาของผู้บังคับบัญชาที่ผู้เขียนเคารพยิ่ง คือ
นายวินัย กสิรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ให้แนวคิดเชิง
เปรียบเทียบในการปฏิบัติภารกิจในอดีตของนักส่งเสริมสหกรณ์ “ยุคหุง
ข้าวด้วยหม้อดิน” ซึ่งเป็นยุคที่มีความยากลำาบากในการปฏิบัติภารกิจ
เพราะการจัดตั้งสหกรณ์ดำาเนินการในถิ่นธุระกันดารประชากรยังขาด
การศึกษา ขาดเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เอื้ออำานวยต่อการปฏิบัติ
ภารกิจ กับการส่งเสริมสหกรณ์ของนักส่งเสริมสหกรณ์ “ยุคหุงข้าวด้วย
หม้อไฟฟ้า” ซึ่งการปฏิบัติภารกิจเต็มไปด้วยความสะดวกสบายมีเครื่อง
มือทันสมัยและเทคโนโลยีที่เอื้ออำานวยต่อการปฏิบัติภารกิจแต่ผล
สัมฤทธิ์ของงานต่างกันมากทั้งในเชิงคุณภาพ ผู้เขียนเป็นนักสหกรณ์ที่
อยู่ในยุครอยต่อระหว่างยุคหุงข้าวด้วยหม้อดินและยุคหุงข้าวด้วยหม้อ
ไฟฟ้า ซึ่งเรียกอีกนัยหนึ่ง ว่า นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคสองหม้อ ช่วงอายุ
ระหว่าง 40 ปีขึ้นไปในวัยดังกล่าวนี้ยังมีโอกาสได้พบเห็นการหุงข้าว
ด้วยหม้อดินครั้งอดีต เจตนารมณ์ในการเขียนเรื่องนี้เพื่อต้องการให้นัก
ส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ “ยุคหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า”ได้เรียนรู้แนวทาง
การปฏิบัติงานของนักส่งเสริมสหกรณ์รุ่นพี่ ครั้งใด เมื่อพบปัญหาในการ
ส่งเสริมสหกรณ์และเกิดความท้อแท้ให้มองย้อนอดีตนึกถึง การส่งเสริม
สหกรณ์ของ “นักสหกรณ์ยุคหม้อดิน” ซึ่งเป็นยุคแรกในการก่อตั้ง
สหกรณ์ภูมิสังคมเต็มไปด้วยปัญหาแต่ก็สามารถฝ่าฟันปัญหาในการส่ง
เสริมสหกรณ์มาได้อย่างทรนงจนสามารถสร้างงานสหกรณ์ให้เจริญ
ก้าวหน้ามาจนเท่าทุกวันนี้ นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อหุงข้าวไฟฟ้าต้อง
ศึกษาแบบอย่างที่ดีของนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินแล้วนำามาเป็นแบบ
อย่างเพื่อก่อให้เกิด พลังในการต่อสู้ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคในการส่ง
เสริมสหกรณ์เพื่อ สืบทอดการส่งเสริมสหกรณ์ให้ก้าวหน้าสืบไป ผู้
เขียนจึงขอขอบคุณรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายวินัย กสิรักษ์ ที่
ได้ให้แนวคิดในการเขียนเรื่องนี้ และถ่ายทอดประสบการณ์ในการส่ง
เสริมงานสหกรณ์อันยาวนานของท่านเพื่อนำามาถ่ายทอดให้ “นัก
สหกรณ์ยุคหม้อไฟฟ้า” ได้ศึกษาเป็นแนวคิดในการทำางานสู่ความ
สำาเร็จในการส่งเสริมงานสหกรณ์ จึงขอขอบคุณท่านไว้ ณ โอกาสนี้
- 2. การส่งเสริมสหกรณ์ยุคหุงข้าวด้วยหม้อดิน
เป็นช่วงที่การส่งเสริมสหกรณ์มีความยากลำาบากอย่างยิ่งเพราะเป็นช่วง
ระยะที่บ้านเมืองยังขาดการพัฒนาการสัญจรไปมาลำาบากประชากรขาด
การศึกษา มีความอดอยากหิวโหยเพราะขาดแคลนอาหารขาด
เทคโนโลยีในการผลิต โรคร้ายชุกชุมเพราะการสาธารณะสุขมูลฐานยัง
ไม่ดีประชาชนด้อยโอกาสถูกเอาเอาเปรียบจากผู้มีอำานาจทางเศรษฐกิจ
ที่เหนือกว่าทำาให้ประชาชนตกอยู่ในวัฏจักรแห่งความยากจน ‘’โง่
ยากจน และเจ็บ ‘’การสหกรณ์จึงถูกกล่าวถึงและนำามาใช้เป็นเครื่องมือ
ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของชาวชนบท จึงก่อกำาเนิดนักสหกรณ์
สหกรณ์ยุคหม้อดิน การจัดตั้งสหกรณ์ ในยุคนั้นส่วนใหญ่จัดตั้งใน
ชนบทที่ห่างไกลความเจริญการเดินทางไปยังจุดปฏิบัติงานบางครั้งต้อง
ใช้ช้าง ม้าเป็นพาหนะ ลงเรือพายข้ามฟาก และต่อเกวียนกว่าจะถึงที่
หมายต้องใช้เวลาหลายวันเสบียงอาหารติดตัวดีที่สุดขณะนั้นคือปลากระ
ป๋อง และปลาแห้งรมควัน ถ้าวันไหนมีฝนตกก็โชคดีมีกบและเขียดตาม
ธรรมชาตินำามาประกอบอาหาร รับประทาน ไม่มีอาหารจริงๆ แมงขี้
ควายหรือจุดจี(ภาษาอีสาน)ก็ถือเป็นอาหารชั้นเลิศถ้าได้กิ้งก่ามาอย่าง
ก้อยยิ่งประเสริฐของอาหารมื้อนั้นเตาที่ใช้หุงข้าวหม้อดินประกอบด้วน
หินก้อนใหญ่พอประมาณขนาดเท่ากันสามก้อนวางรองก้นหม้อดินให้
เป็นรูปสามเหลี่ยมเว้นช่องว่างระหว่างก้อนใส่ฟืนเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงนำา
หม้อดินมาล้างทำาความสะอาดด้วยการทนุถนอมเพราะหม้อดินมีความ
บอบบางเสร็จแล้วนำาข้าวที่ปลอดจากสารพิษประมาณหนึ่งลิตรลงใน
หม้อเทนำ้าลงใส่ในหม้อพอประมาณตั้งไฟทิ้งไว้แต่ต้องเฝ้าดูตลอดเวลา
ซักพักกลิ่นหอมของข้าวจะเริ่มโชยมาแสดงว่าข้าวเริ่มสุกได้ที่ต้อง
ทำาการรินนำ้าในหม้อข้าวออกก่อนที่จะนำาไปตั้งไฟอ่อนๆอีกครั้งจะเห็นได้
ว่าทุกขั้นตอนของการหุงข้าวด้วยหม้อดินแต่ละขั้นตอนมีความละเอียด
อ่อนมีศิลปะในแต่ละขั้นตอนต้องเฝ้ารอคอยด้วยความใจเย็นกว่าจะได้
ข้าวสุกแต่ละหม้อมารับประทานซึ่งเป็นการฝึกฝนนักสหกรณ์ให้รู้จัก
ความอดทนรอวันและเวลาที่เหมาะสมเปรียบเสมือนการจัดตั้งสหกรณ์
ต้องค่อยเป็นค่อยไปต้องพัฒนาจิตใจของผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกก่อนเมื่อ
จิตใจสมาชิกเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์เสียสละเห็นประโยชน์ส่วนรวม
มากกว่าส่วนตัวแล้วงานจัดตั้งสหกรณ์ถือได้ว่าสำาเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เพราะสหกรณ์เริ่มมีสมาชิกที่มีคุณภาพซึ่งจะเป็นฐานรากสำาคัญที่จะคำ้า
จนสหกรณ์ให้มั่นคงในอนาคตสหกรณ์จึงจะมีความเป็นสหกรณ์และให้
บริการสมาชิกได้อย่างแท้จริงแต่การจัดตั้งสหกรณ์ยุคปัจจุบันบางครั้ง
ดำาเนินการแบบรวบรัดมากจนลืมคิดถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคตและ
เป็นจริงอย่างที่ว่าเพราะสหกรณ์เป็นจำานวนมากเป็นเหมือนสหกรณ์ขยะ
เป็นปัญหาแก่ผู้ดูแลตลอดมาอาจเป็นเพราะว่านักส่งเสริมสหกรณ์ยุค
- 3. หม้อหุงข้าวไฟฟ้ามีความสะดวกสบายมากจนเกินไปและเป็นบ่อเกิดแห่ง
ความอ่อนแอขาดสมาธิความมีมานะอดทนเปรียบเสมือนการหุงข้าวด้วย
หม้อไฟฟ้าเพียงแต่นำาข้าวสารใส่หม้อแล้วเทนำ้าลงหม้อพอประมาณเสร็จ
เสียบปลั๊กทิ้งไว้ไม่นานก็สามารถรับประทานได้ ความสะดวกสบายมาก
เกินความพอดีอาจเป็นสาเหตุให้นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ ยุคหม้อหุง
ข้าวไฟฟ้ามีความอ่อนแอขาดสมาธิ ขาดความเพียร ความมานะ
อดทนมุ่งมั่น เมื่อนักส่งเสริมสหกรณ์ไร้คุณภาพและศักยภาพในการ
ปฏิบัติภารกิจจึงเป็นช่องว่างที่เปิดโอกาสให้ ผู้ไม่หวังดีแฝงเข้ามาใน
สหกรณ์เบียดบังหาผลประโยชน์ ฉะนั้นนักส่งเสริมสหกรณ์ยุคใหม่ต้อง
จริงจังที่จะฝึกฝนตนเองให้เกิดความเชียวชาญในวิชาชีพเพื่อนำาความรู้
และประสบการณ์ไปใช้ ในการแก้ไขปัญหาสหกรณ์ ไม่เช่นนั้นแล้ว
สหกรณ์อาจถึงวันล่มสลายในที่สุดนักส่งเสริมสหกรณ์เปรียบเสมือน
นักบุญในชนบทถิ่นธุระกันดารที่ประชาชนเต็มไปด้วยปัญหาการ ด้อย
โอกาส ในการดำาเนินชีวิต นักสหกรณ์จะเป็นผู้คอยสร้างโอกาส
สนับสนุนการเป็นอยู่ไม่ว่าการดำารงชีพหรือการประกอบอาชีพให้แก่ผู้
ด้วยโอกาสเหล่านั้นเขาเหล่านั้น ให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น โดยใช้หลักและวิธี
การสหกรณ์ในการพัฒนาชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนให้หลุดพ้นจาก
ปัญหาทั้งปวงนำาไปสู่การกินดีอยู่ดีมีกินอยู่ดีมีสันติสุขในสังคมด้วย
อุดมการณ์ที่แน่วแน่ของนักส่งเสริมสหกรณ์ นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อ
ดินต้องทำางานด้วยความตรากตรำา ต้องทำาหน้าที่หลายบทบาทในการส่ง
เสริมสหกรณ์เพื่อนำาพาสหกรณ์ไปสู่ความมั่นคงให้บริการสมาชิกอย่างมี
ประสิทธิภาพบทบาทดังต่อไปนี้นักส่งเสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินทุกคน
ต้้องมีความรู้รอบด้านสามารถปฏิบัติภารกิจได้หลายบทบาและ
แตกฉานในเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานสหกรณ์บทบาทดังกล่าวที่นักส่ง
เสริมสหกรณ์ยุคหม้อดินเป็นประจำานคือ.-
(1)บทบาทการ เป็นครูตอง คอยชี้แนะสอนงานฝ่ายจัดการ
้
ให้สามารถทำาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บริการสมาชิกด้วยใจ
เสมือนหนึ่งญาติพี่น้อง สร้างพลังศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจสมาชิก พลัง
ศรัทธาดังกล่าวจะคอยคำ้าจุนสหกรณ์ให้มีความมั่นคงสืบไป รวมทั้ง ให้
คำาแนะนำาแก่คณะกรรมการดำาเนินการสหกรณ์ในการบริหารสหกรณี
เป็นไปด้วยความถูกต้องโปร่งใส กำาหนดนโยบายการบริการการจัดการ
สหกรณ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกนอกจากนี้นักส่งเสริม
สหกรณ์ยุคหม้อดินต้องตีเกราะเชิญสมาชิกมาประชุมเพื่อให้การศึกษา
อบรมสมาชิกให้เข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองรวมทั้งสิทธิต่างๆที่
สมาชิกพึงได้ชี้แจงระเบียบปฏิบัติ หลักและวิธีการสหกรณ์ให้เป็นที่
เข้าใจร่วมกัน
- 4. (2) บทบาทการ เป็นพี่เลี้ยง คอยดูแลสหกรณ์ที่อยู่ในความ
รับผิดชอบอย่างใกล้ชิดคอยให้คำาปรึกษาแก่คณะกรรมการดำาเนินการ
คราใดที่การบริการงานสหกรณ์ประสบปัญหาต้องคอยกำากับ ดูแล
แนะนำาและส่งเสริมจนกระทั่งสหกรณ์สามารถดำาเนินธุรกิจให้บริการ
สมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) บทบาทการ เป็นหมอ คอยวิเคราะห์อาการ และโรคที่
เกิดขึ้นกับสหกรณ์แล้วใช้ความรู้และประสบการณ์ที่สร้างสมมาที่ผ่านมา
ดำาเนินการวินิจฉัยโรค และรักษาโรคให้สหกรณ์ให้หายจากการเจ็บ
ป่วยซึ่ง อาการเจ็บป่วยของสหกรณ์อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการ
ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากความด้อยประสบการณ์ ในการบริหารการจัดการ
หรือเกิดจากการกระทำาของบุคคลสามฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ คือ
คณะกรรมการดำาเนินการ ฝ่ายจัดการ และสมาชิก ถ้าฝ่ายใด
ประพฤติปฏิบัติไม่ดีต่อสหกรณ์ก็จะเกิดอาการเจ็บป่วยหนักเบาแล้วแต่
การกระทำาการรักษาจะหายเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของ
หมอ นักส่งเสริมสหกรณ์จึงต้องสร้างสมประสบการณ์เรียนรู้จากการก
ระทำาจริงให้เกิดความเชียชาญจึงจะรักษาโรคของสหกรณ์ให้หายขาด
ได้นักส่งเสริมสหกรณ์ต้อง คอยรักษาอาการเจ็บป่วยของสหกรณ์อย่าง
ใกล้ชิดจนกระทั่งสหกรณ์หายจากการเจ้็บป่วย และสามารถให้บริการ
สมาชิกได้เป็นปกติ
(4)บทบาทการ เป็นตำารวจและผู้พิพากษา คอยกำากับดูแล
และ คุ้มครองสหกรณ์และผลประโยชน์ของมวลสมาชิกซึ่งเป็นบุคคล
ส่วนใหญ่ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำาของผู้ไม่หวังดีโดย
การ ด้วยอาศัยช่องว่างของกฎหมายกฎเกณฑ์ กติกา ระเบียบ ข้อ
บ้ังคับของสหกรณ์ แสวงหาประโยชน์ส่วนตนนักส่งเสริมสหกรณ์ต้อง
คอยกำากับดูแลให้การดำาเนินงานของสหกรณ์เป็นไปด้วยความโปร่งใส
และดำาเนินคดีหรือลงโทษผู้กระทำาความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง
พาณิชย์ และประมวลกฎหมายอาญาตามสมควรแก่กรณี ความเด็ด
ขาดในการแก้ไขปัญหาและการนำาตัวผู้กระทำาผิดมาลงโทษเป็น
มาตรการหนึ่งที่จะปกป้องคุ้มครองระบบสหกรณ์ให้้์อยู่รอดได้สืบไป
(5) บทบาทการทำาหน้าที่ เป็นสัปเร่อ การส่งเสริมสหกรณ์
ใดเมื้อประสบปัญหาและร่วมกันแก้ไขปัญหาถึงที่สุดแล้วสหกรณ์ดัง
่
กล่าวยังไม่สามารถดำาเนินธุรกิจต่อไปได้ และ สมาชิกไม่ประสงค์จะให้
สหกรณ์ดำาเนินธุรกรากนักส่งเสริมสหกรณ์ต้องทำาหน้าที่เป็นสัปเร่อ
ชำาระสะสาง จัดการปัญหาและทรัพย์สินของสหกรณ์ ก่อนที่จะขีดชือ ่
สหกรณ์ออกจากทะเบียน