More Related Content
Similar to งานนำเสนอ1 (14)
งานนำเสนอ1
- 1. โครงงานสือการเรียนการสอนชีววิทยาชันมัธยมศึกษาตอนปลาย
่
้
(Biology for high school)
เรือง อาณาจักรสัตว์
่
ชือผูจดทาโครงงาน
่ ้ั
1.นางสาวสุทธิภา คาใส เลขที่ 42 ชั้น ม.6 ห้อง 2
2.นางสาวทักษพร จันทาพูน เลขที่ 47 ชั้น ม.6 ห้อง 2
ชืออาจารย์ทปรึกษาโครงงาน
่
ี่
คุณครูเขือนทอง มูลวรรณ์
่
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพืนที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
้
- 2. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศกาลังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในด้านต่างๆ โดยเฉพาะ
ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบริการสังคม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงด้านการศึกษา เหตุที่
เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ Information Technology มีบทบาทมากมาย เช่นนี้ เพราะ
เป็นเสมือนเครื่องจักรที่ขับดันให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มาเกี่ยวข้องด้วยการก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วใน
ด้านการศึกษาบทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้
กับการศึกษาในลักษณะต่างๆ ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ระบบสื่อประสม ระบบ
สารสนเทศ ระบบฐานข้อมูล ระบบปัญญาประดิษฐ์ และระบบ Internet เป็นต้น
ในปัจจุบันจึงได้มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นการประยุกต์นาคอมพิวเตอร์มาช่วย
ในการเรียนการสอน โดยมีการพัฒนาโปรแกรมขึ้นเพื่อนาเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ เช่น
การเสนอแบบติวเตอร์ (Tutorial) แบบจาลองสถานการณ์ (Simulations) หรือแบบการ
แก้ไขปัญหา (Problem Solving) เป็นต้น
BACK
NEXT
- 3. การเสนอเนื้อหาดังกล่าวเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผู้เรียนผ่านทางจอภาพหรือแป้นพิมพ์ โดย
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม วัสดุทางการสอนคือโปรแกรมหรือ Courseware ซึ่งปกติ
จะถูกจัดเก็บไว้ในแผ่นดิสก์หรือหน่วยความจาของเครื่อง พร้อมที่จะเรียกใช้ได้ตลอดเวลา การ
เรียนในลักษณะนี้ ในบางครั้งผู้เรียนจะต้องโต้ตอบ หรือตอบคาถามเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยการ
พิมพ์ การตอบคาถามจะถูกประเมินโดยคอมพิวเตอร์ และจะเสนอแนะขั้นตอนหรือระดับในการ
เรียนขั้นต่อๆ ไป กระบวนการเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ให้ผู้เรียนมีอิสระและความคล่องตัว
ในการเลือกเรียนในเรื่องที่ตนสนใจได้ทุกเวลาหรือ สถานที่ในการศึกษา สามารถแลกเปลี่ยน
แนวคิดผู้เรียน หรือกับผู้สอน รวมทั้งยังช่วยแก้ปัญหาพื้นฐานความรู้ เพียงแค่ผู้เรียนมีเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ดังนั้นผู้จัดทาจึงได้มีความคิด ที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาชีววิทยา เรื่อง
อาณาจักรสัตว์ ทั้งนี้เพราะชีววิทยาเป็นวิชาพื้นฐานที่สาคัญเนื่องจากยังขาดสื่อการเรียนการ
สอนที่ช่วยให้เข้าใจง่าย
BACK
NEXT
- 4. วัตถุประสงค์
1. เพื่อจัดทาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาชีววิทยา เรื่องอาณาจักรสัตว์
2. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองเวลาใดก็ได้ตามต้องการ
3. เพื่อช่วยลดต้นทุนในด้านการจัดการเรียนการสอนได้ เพราะการเรียนด้วย
CAI ไม่ต้องใช้ครูผู้สอน เมื่อสร้างบทเรียนแล้ว การทาซ้าเพื่อการเผยแพร่ใช้ต้นทุนต่ามาก
และสามารถใช้กับผู้เรียนได้เป็นจานวนมาก เมื่อเทียบการสอนโดยใช้ครูผู้สอน
4. เพื่อเป็นมีแรงจูงใจให้ผู้เรียนสนใจเรียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบทเรียน CAI ใช้
คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ในการนาเสนอบทเรียน เป็นสิ่งแปลกใหม่ มีการปฏิสัมพันธ์กับ
บทเรียนตลอดเวลา ผู้เรียนไม่เบื่อหน่าย ทาให้ช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนด้วย
5. เพื่อให้ผลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียนได้
อย่างรวดเร็ว ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าของตนเองได้ทันที
BACK
NEXT
- 5. 6. บทเรียน CAI สะดวกต่อการติดตามประเมินผลการเรียน โดยมีการ
ออกแบบสร้างโปรแกรมให้ส ามารถเก็ บข้อมู ล คะแนนหรือผลการเรียนของผู้ เรียนแต่ล ะคนไว้
สามารถนามาวิเคราะห์เพื่อประเมินผลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องเมื่อเปรียบเทียบกับครูผู้สอน
7. เพื่อจาทาเนื้อหาที่คงสภาพแน่นอน เนื่องจากเนื้อหาของบทเรียน CAI ได้ผ่าน
การตรวจสอบให้มีเนื้อหาที่ครอบคลุม จัดลาดับความสัมพันธ์ของเนื้อหาอย่างถูกต้อง มีความคง
สภาพเหมือนเดิมทุกครั้งที่เรียน ทาให้เชื่อมั่นได้ว่าผู้เรียนเมื่อได้เรียนบทเรียน CAI ทุกครั้งจะ
ได้เรียนเนื้อหาที่คงสภาพเดิมไว้ทุกประการ ต่างจากการสอนด้วยครูผู้สอนที่มีโอกาสที่การสอนแต่
ละครั้งของครูผู้สอนในเนื้อหาเดียวกัน อาจมีลาดับเนื้อหาไม่เหมือนกันหรือข้ามเนื้อหาบางส่วนไป
BACK
NEXT
- 7. หลักการและทฤษฎี
1. CAI ทาให้ผลสัมฤทธิ์ในการเรียนสูงขึ้น แม้จะมีบางแห่งไม่แสดงความแตกต่างมากนัก เมื่อ
เทียบกับการเรียนในห้องเรียน
2. CAI จะลดเวลาเรียนลง เมื่อเทียบกับการเรียนในห้องเรียน
3. ผู้เรียนจะสนใจการเรียนมากขึ้นเมื่อเรียนด้วย CAI
4. พัฒนาการของ CAI เท่าที่เป็นมา เป็นที่ยอมรับกันมากในวงการศึกษาและ วงการครู
5. ผู้เรียนที่ค่อนข้างช้า จะมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้นมากกว่าผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนปกติ แม้ว่าสิ่งที่คงเหลือ
จากการเรียนรู้จะต่ากว่า เมื่อเทียบกับการเรียนจากห้องเรียนปกติ
6. ไม่ว่า CAI จะมีลักษณะใด (ทบทวน ฝึกหัด เกม สร้างสถานการณ์จาลอง) ความแตกต่าง
ทางด้านผลสัมฤทธิ์มีไม่มากนัก ไม่ว่าผู้เรียนจะอยู่ในชั้นประถม มัธยม หรือผู้ใหญ่ที่มารับการ
อบรม ผู้เรียนส่วนใหญ่ต้องการพบครูผู้สอนเป็นครั้งคราวหรือไม่ก็ต้องการให้ครูอยู่ในชั้นเรียนด้วย
เพราะบางทีอยากอภิปรายในเรื่องบางเรื่องเป็นพิเศษ แต่ผลการวิจัยกลับพบว่า การมีครูเข้าไปยุ่ง
ด้วยมากเท่าใด ยิ่งทาให้การเรียนช้าลง มหาวิทยาลัยบางแห่งจึงกาลังทาการวิจัยอยู่ว่า ครูควรเข้า
ไปมีบทบาทร่วมด้วยมากน้อยเพียงใดจึงจะพอดี
BACK
NEXT
- 14. • คลาสชิโลโพดา (Class Chilopoda)
• คลาสอินเซ็คตา (Class Insecta)
• คลาสครัสเทเชีย (Class Crustacea)
- ไฟลัมแอไคโนเดอมาตา
(Phylum Echinodermata)
- ไฟลัมคอร์ดาตา (Phylum Chordata)
• สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
- เซฟาโลคอร์เดต
(Cephalochordate)
- ยูโรคอร์เดต (Urochordate)
• สัตว์มีกระดูกสันหลัง
- Subphylum Vertebrata
- Class Cyclostomata หรือ
Agnatha
- Class Chondrichthyes
-
Class Osteicthyes
Class Amphibia
Class Reptilia
Class Aves
Class Mammalia
- Monotremes
- Marsupials
BACK
- 16. ลักษณะของสัตว์
สั ต ว์ เ ป็ น สิ่ ง มี ชี วิ ต กลุ่ ม ยู ค าริ โ อตที่ มี ห ลายเซลล์ ไม่ มี ผ นั ง เซลล์
เซลล์จัดเรียงตัวกันเป็นเนื้อเยื่อ เป็นพวกเฮเทอโรโทรป (heterotroph) ที่
ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ต้องอาศัยอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น
MENU
BACK
NEXT
- 18. เกณฑ์การจาแนกสัตว์ โดยพิจารณาลักษณะต่างๆ ของสัตว์
1. เนื้อเยื่อ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง ได้แก่
ฟองน้า และกลุ่มที่มีเนื้อเยื่อที่แท้จริง ซึ่งเป็นลักษณะของสัตว์ส่วนใหญ่
2. ลักษณะสมมาตร (symmetry)
แบ่งออกเป็นสมมาตรตามรัศมี
(radial symmetry) ส่วนใหญ่จะ
ดารงชีวิติแบบอยู่กับที่ เช่น ปะการัง
และสมมาตรด้านข้าง (bilateral
symmetry) ส่วนหัวเป็นส่วนรวมของ
เนื้อเยื่อประสาท
MENU
BACK
NEXT
- 20. 4. การเจริญตัวในระยะตัวอ่อน พบในกลุ่ม
สั ต ว์ ที่มี ช่ องปากแบบโพรโทสโทเมี ย ซึ่ ง
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีระยะตัว
อ่ อ นแบบโทรโคฟอร์ (trochophore)
พบในสัตว์พวกหนอนตัวแบน ไส้เดือนดิน
ปลิง หอยและหมึก เป็นต้น และเอ็กไดโซ
ซัว (ecdysozoa) เป็นกลุ่มที่มีการลอก
คราบขณะเจริ ญ เติ บ โต พบในหนอนตั ว
กลมและอาร์โทพอด
MENU
BACK
NEXT
- 21. กลุมที่ไม่มเี นือเยือที่แท้จริง
่
้ ่
ไฟลัมพอริเฟอรา (Phylum Porifera)
สัตว์ในไฟลัมนี้ได้แก่ สัตว์จาพวกฟองน้า (Sponge)
มี ลั ก ษณะส าคั ญ คื อ ร่ า งกายสามารถแบ่ ง ได้ แ บบ
Radial symmetry มีลาตัวพรุน ประกอบด้วยกลุ่ม
เซลล์หลายชนิด โดยแบ่งกันทาหน้าที่โดยเฉพาะ ไม่มี
การประสานงานกั น ระหว่ า งเซลล์ ล าตั ว มี ช่ อ งเล็ ก ๆ
รอบตัวเรียก (Ostia) เพื่อให้น้าหรืออาหารไหลเข้าไป
ในลาตัวได้ และตอนบนมีช่องเปิดให้น้าออก (Ostia)
MENU
BACK
NEXT
- 22. ผนังลาตั วประกอบด้ วยเซลล์ร วมกันเป็นสองชั้ น เซลล์ข้างในมี แ ฟลก
เจลลัม (Flagellum) ทาหน้าที่พัดน้า และมีเซลล์พิเศษที่ทาหน้าที่ดูดอาหารเข้า
ไปและย่อยอาหารคือ Choanocyte (Collar cell) ตรงกลางมีของเหลวคล้าย
วุ้นเรียก Amebocyte ฟองน้าเป็นสัตว์ที่ไม่เคลื่อนที่ (Sessile Animal) จะ
เกาะติดกับโขดหินหรือของแข็งใต้น้า บางชนิดมีโครงร่างแข็งเรียก spicule บางชนิด
อ่อนนุ่มเรียก spongin
MENU
BACK
NEXT
- 23. กลุมที่มีเนือเยือที่แท้จริง
่
้ ่
ก. กลุ่มที่มีสามมาตรตามรัศมี
ไฟลัมไนดาเรีย (Phylum Cnidaria) มีเนื้อเยื่อ 2 ชั้น มี
รูปร่าง 2 แบบ คือ แบบโพลิบ (polyp) คล้ายทรงกระบอก และแบบเมดู
ซ่า (medusa) คล้ายร่มหรือระฆัง ลักษณะที่สาคัญคือ ที่แทนทาเคิลมี
เซลล์พิเศษ (cnidocyte) ภายในมีเข็มพิษ (nematocyst) สาหรับ
ป้องกันตัวหรือล่าเหยื่อ ตัวอย่างสัตว์ในไฟลัมนี้ เช่น ปะการัง กัลปังหา
แมงกะพรุน ไฮดรา
MENU
BACK
NEXT
- 25. ไฟลัมมอลลัสคา (Phylum Mollusca) สัตว์ไฟลัมนี้เป็นสัตว์ที่มี
ลาตัวนิ่มแต่สามารถสร้างเปลือกแข็งที่มีสารประกอบแคลเซียมคาร์บอนเนต
หุ้มลาตัว มีแมนเทิล (mantle) ทาหน้าที่สร้างเปลือกหุ้มลาตัว มีการ
ไหลเวียนของน้าเพื่อแลกเปลี่ยนแก๊สโดยใช้เหงือก มีทวารหนักและรูขับถ่าย
ได้แก่ หอยทาก ทากเปลือย หอยนางรม หอยกาบ หอยงาช้าง หมึกยักษ์
หมึกกระดองและหมึกกล้วย
MENU
BACK
NEXT
- 27. ไฟลัมแอนเนลิดา(Phylum Annelida) สัตว์ในไฟลัมนี้ส่วนใหญ่
ลาตัวกลมยาวคล้ายวงแหวนต่อกัน เป็นปล้อทั้งอวัยวะภายในและภายนอกมี
การจัดเป็นชุดซ้าๆ กันในแต่ละปล้องไป ตลอดตัว มีเยื่อกั้นระหว่างปล้อง
ผิวหนังปกคลุมด้วยเยื่อ คิวทิเคิล (cuticle)บางๆ มีต่อมสร้าง เมือกทาให้
ลาตัวชุ่มชื้นอยู่เสมอ ผิวหนังเป็นที่แลกเปลี่ยนแก๊ส มีระบบเลือดสาหรับ
ลาเลีย งสารในร่างกายและมีเส้นใยประสาทอยู่ด้านท้อ ง เช่น แม่เพรีย ง
ไส้เดือนดิน ปลิงน้าจืด ทากดูดเลือด เป็นต้น
MENU
BACK
NEXT
- 29. กลุ่มโพรโทสโทเมียและตัวอ่อนมีการลอกคราบ
ไฟลัมนีมาโทดา (Phylum Nematoda) มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น
(Triploblastica animal) ลาตัวกลม ยาวเรียวหัว-ท้าย ไม่มีข้อปล้อง (non
metameric) ไม่มีรยางค์ ผิวลาตัวปกคลุมด้วยสารคิวติน (Cuticle) เพื่อ
ป้องกันน้าย่อยจาก Host มีสมมาตรแบบ Bilateral symmetry มีช่องว่าง
ในลาตัวแบบไม่แท้จริง (Psudocoelom) ยังไม่มีระบบเลือด ไม่มีระบบหายใจ
พวกที่เป็นปรสิตจะหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิ
ปากขอ พยาธิเส้นด้าย ไส้เดือนฝอย เป็นต้น
MENU
BACK
NEXT
- 31. ไฟลัมอาร์โทรโพดา (Phylum Arthorpada)
- มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น (Triploblastica animal)
- มีสมมาตรแบบ Bilateral symmetry
- มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ (Complete digestive tract)
- มีช่องว่างในลาตัวแบบแท้จริง (True coelom)
- ลาตัวแบ่งเป็นส่วนๆ ชัดเจน คือ หัว (Head), อก (Thorax) และท้อง
(Abdomen) หรือหัวเชือมกับอก (Cephalothorax) เช่น กุง
่
้
- อกเชื่อมกับท้อง มีรยางค์หรือขาต่อกันเป็นข้อ ๆ (Jointed-leg animal)
- ร่างกายมีเปลือกแข็งหุ้มภายนอก (Exoskeleton)
- เป็นสารจาพวกไคติน (Chitin)
MENU
BACK
NEXT
- 33. • คลาสอะแรคนิดา (Class Arachnida) ส่วนมากจะอยู่บนบก สัตว์ใน
คลาสนี้ไม่มีหนวด มีขา 4 คู่ ส่วนของหัวเชื่อมกับส่วนอก ได้แก่ แมงมุม
แมงป่อง บึ้ง เห็บ
MENU
BACK
NEXT
- 34. • คลาสไดโพลโพดา (Class Diplopoda) มีขาจานวนมาก ลาตัวค่อนข้าง
กลม ยาว ประกอบด้วยส่วนหัว และส่วนอกสั้นๆ ไม่มีต่อมพิษ มีหนวด 1
คู่ มีขาปล้องละ 2คู่ มีตาเดี่ยว ได้แก่ กิ้งกือ กระสุนพระอินทร์
MENU
BACK
NEXT
- 35. • คลาสชิโลโพดา (Class Chilopoda) สัตว์ในคลาสนี้เรียกว่า เซนติบิด
มีขาจานวนมาก ปล้องละ 1 คู่ ลาตัวประกอบด้วยส่วนหัวและลาตัวยาวของ
อกติดกับท้องที่หัวมีรยางค์ที่มีพิษอยู่ 1 คู่ มีหนวด 1 คู่ มีตาเดี่ยว เรียกว่า
โอเซลลัส (Ocelles) หายใจทางท่อลม ได้แก่ ตะขาบ
MENU
BACK
NEXT
- 36. • คลาสอินเซ็คตา (Class Insecta) เป็นคลาสที่มีจานวนชนิดมากที่สุด
ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนชนิด ได้แก่พวกแมลงต่างๆ
MENU
BACK
NEXT
- 37. แมลงมีลาตัวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง มี
หนวด 1 คู่ มีขา 3 คู่ อยู่บริเวณส่วนอก บางชนิดอาจมีปีก 1-2 คู่
MENU
BACK
NEXT
- 38. • คลาสครัสเทเชีย (Class Crustacea) ส่วนมากจะอยู่ในน้า
มีหนวด 2คู่ มีขา 5คู่ ส่วนของหัวเชื่อมกับส่วนอก เช่น กุ้ง ปู กั้ง ไรน้า
ไรน้า
MENU
BACK
NEXT
- 40. ลักษณะร่างกายทัวไป
่
- สมมาตรร่างกาย ตัวอ่อนเป็นแบบครึ่งซีก ตัวเต็มวัยมีเมแทมอร์โฟซิสกลายเป็น
สมมาตรแบบรัศมี
- ลาตัวแบ่งเป็น 5 ส่วนหรือ ทวีคูณของ 5 ยื่นออกมาจากแผ่นกลมที่เป็นศูนย์กลาง
มีโครงร่างแข็งภายใน มีแผ่นหินปูนเล็กๆ ที่ยึดติดกันด้วยกล้ามเนื้อหรือผิวหนังทีปกคลุม
่
อยู่บางชนิด เช่น เม่นทะเลมีโครงร่างเป็นหนามแหลมยื่นออกมา มีผิวหนังหยาบและ
ขรุขระ
MENU
BACK
NEXT
- 41. ระบบทางเดินอาหาร
- เป็นเเบบสมบูรณ์
- มีปากอยู่ด้านล่างของเเผ่นกลมตรงกลาง ทวารหนักอยู่ด้านบน
- ไม่มีระบบขับถ่าย
ระบบหมุนเวียนเลือด เป็นเเบบวงจรปิด ลาเลียงสารไปกับเลือดที่ไหลเวียนในซีลอมหายใจด้วยเหงือก
(dermal skin) ลักษณะคล้ายนิ้วมือเล็กๆ ยื่นออกมาจากผิวหนังทั่วไป
ระบบประสาท
- มีเส้นประสาทเป็นวงเเหวนรอบปาก เเละเเยกเเขนงไปตามเเขน
- ไม่มีสมอง ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงาน
การเคลือนไหว
่
- ใช้ระบบท่อน้า ( water vascula system ) ภายในร่างกาย
- เเรงดันน้า ทาให้ท่อขา ( tube feet ) ซึ่งยื่นออกมาจากด้านล่างของเเขนดาวทะเลยืดเเละหดได้
ทาให้เกิดการเคลื่อนไหวเเละจับอาหาร
MENU
BACK
NEXT
- 43. ไฟลัมคอร์ดาตา
ลักษณะเฉพาะของพวกคอร์เดต
- มีโนโตคอร์ด ( notocord ) เป็นเเกนพยุงร่างกายซึ่งมีอยู่ตลอดชีวิตหรือระยะตัวอ่อนก็ได้
- มีเส้นประสาทใหญ่เป็นหลอดยาวกลวงอยู่ด้านหลังของลาตัว ( dosal hollow nerve cord ) ซึ่ง
ในสัตว์มีกระดูกสันหลังเรียกว่า ไขสันหลัง
( spinal cord )
- มีช่อเหงือกที่คอหอย ( pharynx with gill slit ) ช่องเหงือกในปลาเปลี่ยนเเปลงเป็นช่องเปิด
สาหรับเหงือก เเละในคนพบเฉพาะระยะเอมบริโอ
- มีหาง ( tail ) เป็นท่อนกล้ามเนื้อรอบกระดูกเเกนอยู่เหนือทวารหนัก
MENU
BACK
NEXT
- 44. คอร์เดตเเบ่งย่อยได้เป็น 2 กลุ่ม
- พวกโพรโทคอร์เดต ( protochordate ) มี 2 ซับไฟลัม ซับ
ไฟลัมเซฟาโลคอร์ดาตาเเละซับไฟลัมยูโรคอร์ดาตา
- พวกสัตว์มีกระดูกสันหลัง คือ ซับไฟลัมเวอร์ทีบราตา
MENU
BACK
NEXT
- 45. ซับไฟลัมเซฟาโลคอร์ดาตา ( Cephalochordata )
- ได้เเก่เเอมฟิออกซัส ( amphioxus ) หรือ Branchiostoma เป็นสัตว์ทะเล
เล็กๆรูปร่างเหมือนเเผ่นใบไม่ยาวๆ
- มีโนโตคอร์ดตลอดชีวิต เเละตลอดความยาวของลาตัว
- มีเส้นประสาทใหญ่กลวงอยู่ด้านหลังของลาตัว
- มีช่องเหงือก เเละมีหาง
MENU
BACK
NEXT
- 46. ซับไฟลัมยูโรคอร์ดาตา ( Urochordata )
- ได้เเก่ เพรียงลอย เพรียงหัวหอม ( พวก tunicate )
- มีโนโตคอร์ดค่อนมาทางหาง เมื่อโตเต็มวัยหางเเละโนโตคอร์ดจะหลุดหายไป
- มีเส้นประสาทใหญ่กลวงอยู่ด้านหลังของลาตัว ซึ่งบางส่วนจะหลุดไปพร้อมหาง
- มีช่องเหงือก
MENU
BACK
NEXT
- 47. ซับไฟลัมเวอร์ทบราตา ( Vertebrata )
ี
- พวกสัตว์มีกระดูกสันหลัง
- มีโนโตคอร์ดเฉพาะระยะเอมบริโอ เมื่อเจริญเติบโตขึ้น มีกระดูกสันหลังเป็นชิ้นๆต่อ
กันมาแทนที่
- มีเส้นประสาทไขสันหลัง ถูกโอบล้อมไว้ในกระดูกสันหลัง
- ปลายด้านบนของไขสันหลัง เป็นสมองอยู่ภายในกะโหลกศีรษะ
- มีอวัยวะรับความรู้สึกหลายชนิดเป็นคู่ๆอยู่บริเวณหัว ( ตา หู จมูก )
- ส่วนใหญ่มีหางหรือร่องรอยแสดงว่าเป็นหาง
MENU
BACK
NEXT
- 48. สัตว์มีกระดูกสันหลัง แบ่งย่อยออกเป็น 7 คลาส ได้แก่
- พวกปลา 3 คลาส
- สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้า สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างละ 1 คลาส
สัตว์มีกระดูกสันหลัง (ซับไฟลัมเวอร์ทบราตา) แบ่งเป็น 7 คลาส
ี
1. คลาสไซโคลสโตมาตา (Cyclostomata หรือ Agnatha )
ได้เเก่ ปลาปากกลม - กระดูกอ่อน - ไม่มีขากรรไกร
- ไม่มีเกล็ด
- มีเเต่ครีบเดี่ยว ไม่มีครีบคู่
- หางเเบน
- มีช่องเหงือก / คู่
-เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเพียงชนิดเดียวที่ระยะ
ตัวเต็มวัยยังคงมีโนโตคอร์ด
MENU
BACK
NEXT
- 49. 2. คลาสคอนดริคไทอิส ( Condrichthyes ) ได้เเก่
ปลากระดูกอ่อนต่างๆ เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปลากระต่าย ปลาฉนาก
- กระดูกอ่อน
- มีช่องเหงือกเห็นชัด
- ไม่มีกระเพาะลม
- มีทั้งครีบเดี่ยวเเละครีบคู่ ( ครีบอกเเละครีบตะโพก )
- ผิวหนังคล้ายกระดาษทราย
- มีการปฏิสนธิภายในร่างกายเเละออกลูกเป็นตัว
MENU
BACK
NEXT
- 50. 3. คลาสออสติอิคไทอิส (Osteicthyes ) ได้เเก่ ปลากระดูกแข็งต่างๆ รวมทั้งปลามี
ปอด ปลาตีน ปลานกกระจอก และม้าน้า
- กระดูกแข็ง
- มีแผ่นแข็งปิดเหงือก (operculum) ทาให้มองไม่เห็นช่องเหงือก
- มีครีบคู่ 2 คู่ (ครีบอกและครีบตะโพก)
- มีกระเพาะลมช่วยการลอยตัว
- ปฏิสนธิภายนอกร่างกายเเละออกลูกเป็นไข่
MENU
BACK
NEXT
- 51. 4. คลาสเเอมฟิเบีย ( Amphibia )
ได้เเก่ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้าต่างๆเช่น กบ คางคก
เขียด งูดิน กะท่าง ซาลามานเดอร์ ( จิ้งจกน้า )
- วางไข่ในน้า ไข่มีวุ้นหุ้ม
- ปฏิสนธินอกร่างกาย
- ตัวอ่อนดารวชีวิตในน้า เเละหายใจทางเหงือก
- มีเมเเทมอโฟซิสเป็นตัวเต็มวัยที่ดารงชีวิต
บนบกหายใจด้วยปอดเเละผิวหนังที่เปียกชื้น
- เป็นสัตว์เลือดเย็น
- มี 4 ขา หัวใจ 3 ห้อง เส้นประสาทสมอง 10 คู่
- มีกล่องเสียง
MENU
BACK
NEXT
- 52. 5. คลาสเรปทีเลีย ( Reptilia )ได้เเก่ สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ เช่น เต่า งู
จระเข้
- ปฏิสนธิภายในร่างกาย
- วางไข่บนบก ไข่ขนาดใหญ่ มีเปลือกแข็งเหนียวหุ้ม
- ผิวหนังแห้งมีเกล็ดปกคลุม
- หายใจทางปอดหัวใจ 3 ห้อง ( ยกเว้นจระเข้มี 4 ห้อง )
- มีขา 2 คู่
- มีเส้นประสาทสมอง 12 คู่
- เป็นสัตว์พวกแรกที่มีถุงน้าคร่า
MENU
BACK
NEXT
- 53. 6. คลาสเอวีส ( Aves )
ได้เเก่ พวกนกต่างๆ รวมทั้งเป็ด ไก่ ห่าน หงส์
นกที่ใกล้สูญพันธุ์ นกเเต้วเเร้วท้องดา เเร้ง นกเงือก นกทีสูญพันธุ์ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
่
- ปฏิสนธิภายในร่างกาย
- เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังพวกเเรกที่เป็นสัตว์เลือดอุ่น
- มีขนลักษณะเป็นเเผง ( feather )
- ขา 1 คู่ ปีก 1 คู่ ( เปลี่ยนเเปลงมาจากขาหน้า )
- หายใจด้วยปอดมีถุงลมหลายถุงติดต่อ
กับปอดทาหน้าที่เก็บอากาศหายใจ เเละระบายความร้อน
- กระดูกกลวง
- ออกลูกเป็นไข่ที่มีเปลือกหุ้ม ไข่เเดงมีปริมาณมาก
- หัวใจ 4 ห้อง มีเส้นประสาทสมอง 12 คู่
MENU
BACK
NEXT
- 54. 7. คลาสเเมมมาเลีย ( Mammalia ) ได้เเก่สัตว์เลี้ยวลูกด้วยนมซึ่งเเบ่งเป็น 3 พวกคือ
- เป็นสัตว์เลือดอุ่น
- ตัวเมียมีต่อมน้านม ผลิตน้านมสาหรับเลี้ยงลูกอ่อน
- มีขนเป็นเส้นๆ ( hair )
- เม็ดเลือดเเดงไม่มนิวเครียส
ี
- มีต่อมเหงือก
- มีกล่องเสียงเเละสายเสียง
- หัวใจ 4 ห้อง
- หายใจด้วยปอดมีกระบังลม ( diphragm )
- สมองขนาดใหญ่มีเส้นประสาท สมอง 12 คู่
MENU
BACK
NEXT
- 56. พวกมีถุงหน้าท้อง ( marsupials ) ได้เเก่ จิงโจ้ หมี
โคอะลา โอปอสซัม ฯลฯ
- ออกลูกเป็นตัวขนาดเล็ก ลูกอ่อนอาศัยอยู่ในถุงหน้าท้อง
- มีมดลูก
- ไม่มีรก
- พวกที่มีรก ได้แเก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
- ออกลูกเป็นตัวขนาดใหญ่
- มีมดลูก
- มีรก เป็นกลุมเส้นเลือดที่ติดต่อระหว่างแม่กับลูก ลูกจะ
่
ได้รับอาหารและก๊าซและขับถ่ายของเสียผ่านทางรก
MENU
BACK