SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
Download to read offline
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม
แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย
การอ่าน ฟัง ดู พูด เขียน และคิดวิเคราะห์
โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน
ชุดที่ ๓ กระต่ายตื่นหมากตูม
โดย“เอื้อยนาง และ วาสนา
ณ ริมฝั่งแม่น้าคงคาบริเวณป่าใหญ่แห่งหนึ่งมีต้นหมากตูม(มะตูม) ต้น
สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ขึ้นอยู่ปะปนกับป่าตาล รอบบริเวณเป็นต้นไม้อื่นๆบรรดามีใน
ป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้
ฤดูนี้ ผลหมากตูมผลใหญ่ๆ สุกเหลืองเต็มต้น แต่เปลือกหุ้มหมากตูมนั้นช่างแข็งนัก ยากที่
นกหนูจะเจาะแทะกินเนื้อหวานๆด้านในได้ หลายตัวจึงคอยให้หมากตูมหล่นลงไปกระทบของแข็ง
แล้วแตก จะลิ้มรสเนื้อหวานๆ ของหมากตูม
วันหนึ่ง มีกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งนอนคิดอะไรเพลินๆอยู่ใต้ต้นหมากตูมในดงตาล ลมเย็นๆ
พัดมาเฉื่อยฉิ่ว เปลื่อกตาของเจ้ากระต่ายเริ่มหนักลงด้วยความง่วง แต่มีเสียงเจ้านกหัวขวานสับไม้
เจาะหาหนอนอ้วนๆ เสียงดังปกๆ ฟังคล้ายมีใครสักคนใช้ไม้ค้อนขนาดใหญ่ทุบโลกทั้งใบให้ถล่ม
ทลาย
เจ้ากระต่ายน้อยจึงนอนหลับๆตื่นๆ และคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า
“กูนอนอยู่ดังนี้ แผ่นดินจะไม่ปี้ นเอากูตกลงไปเสียละหรือ”
ทันใดนั้น ขณะกระต่ายเจ้าความคิดกาลังเคลิ้มๆ จะหลับ หมากตูมผลใหญ่ผลหนึ่งก็ร่วงลิ่วๆ
ลงถูกใบตาลแห้งเสียงดังตาดๆและหล่นถึงดินเสียงดังตูมเกือบถูกหัวกระต่ายมันสะดุ้งตื่นไม่ทัน
ได้คิดอะไรก็ร้องออกมาว่า
“กูตายละหวา แผ่นดินปี้ นแล้วละเหวย”
ว่าพลางก็กระโดดลุกขึ้น วิ่งไปข้างหน้าเร็วปานเหาะ
ไปทีเดียวพอดีข้างหน้านั้นมีกระต่ายฝูงหนึ่งหากินอยู่ เห็น
กระต่ายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งหูชันมาแต่ไกลก็ร้องถามด้วยความ
แปลกใจ
“ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ”
กระต่ายตื่นหมากตูม
กระต่ายไม่ยอมหยุดให้เสียเวลา ได้แต่ร้องบอกสหาย
ทั้งหลายด้วยความหวังดีว่า
“แผ่นดินปี้ นแล้ว พวกเราไม่อยากตายก็จงตามข้ามา
เถอะ”
กระต่ายทั้งหลายเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ว่าหากแผ่นดิน
ปี้ น สัตว์ทั้งหลายก็จะหล่นลงไปเบื้องล่าง ตายหมด จึงตื่นตกใจ
ก ลัว ต า ย วิ่ ง ต า ม ก ร ะ ต่ า ย ห นุ่ ม ไ ป ร า ว กับเ ห า ะ
พอดีหมูป่าฝูงหนึ่งหากินอยู่ข้างหน้าครั้นเห็นกระต่ายทั้งฝูงวิ่งกรูกันมาไม่คิดชีวิต จึงร้องถามไปว่า
“ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ”
กระต่ายทั้งฝูงไม่มีใครยอมหยุดเสียเวลาหยุดตอบคาถาม ต่างวิ่งต่างตะโกนต่อๆกันไปว่า
“แผ่นดินปี้ นแล้ว ถ้าไม่มีใครอยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด”
หมูทั้งฝูงก็วิ่งหน้าตื่นมาร้องอูดๆอี๊ดๆ วิ่งตามฝูงกระต่ายไปพลัน พอดีข้างหน้ามีกวางฝูง
หนึ่งหากินอยู่ ครั้นเห็นกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งนาหน้ากระต่ายทั้งฝูง ทั้งลูกเล็กเด็กแดง ต่างวิ่งหู้ตั้งไม่คิด
ชีวิต ตามมาข้างหลังยังมีหมูทั้งฝูงตามมาอีก จึงพากันแปลกใจจึงตะโกนถามไปว่า
“ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ”
ฝูงกระต่ายทั้งหลาย และฝูงหมู ไม่มีใครยอมหยุดตอบ ได้แต่ตะโกนต่อๆกันไปเสียง
สนั่นว่า“แผ่นดินปี้ นแล้ว ถ้าไม่มีใครอยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด”
ได้ยินดังนั้นฝูงกวางทั้งฝูงก็หน้าตื่น หูผึ่ง ไม่มีใครอยากตายต่างก็วิ่งตามฝูงหมูและ
กระต่ายไปอีก พอดีมีวัวฝูงหนึ่งหากินอยู่ข้างหน้าครั้นเห็นสัตว์ทั้งหลาย ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ อันมี
กระต่าย หมู กวางวิ่งตามกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งชนิดป่าราบ
เป็นแถบๆ ไม่มีตัวใดยอมเหลียวดูด้านข้างด้านหลัง บ้างวิ่ง
ชนต้นไม้บ้างตกหลุมตกร่อง ขาเดาะขาแพลงร้องโอดโอย
แต่ก็ยังตะเกียกตะกายวิ่งไปข้างหน้าราวกับมีมัจจุราชกวด
ตามมาด้านหลังก็ไม่ปาน จึงพากันแปลกใจจึงตะโกนถาม
ไปว่า
“ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ”
ฝูงกวางไม่มีเวลาหยุดเล่าเรื่องราว ได้แต่ตะโกนว่า “แผ่นดินปี้ นแล้ว
แผ่นดินปี้ นแล้ว” ฝูงวัวได้ยินก็กลัวแผ่นดินพลิกคว่าพวกตนจะตกลงไป
ตาย จึงวิ่งตามมาอย่างไม่คิดชีวิตอีกฝูงหนึ่ง
บัดนั้น ป่าทั้งป่าก็ราวกับเกิดกลียุค สัตว์ทั้งหลายวิ่งตามกันไป มี
กระต่ายตัวหนึ่งวิ่งนาหน้าราวกับเหาะ ต่างร้องตะโกนว่าแผ่นดินปี้ น บ้างร้องบอกลูกหลาน บ้างวิ่ง
ชนกันเหยียบกัน จึงมีทั้งเสียงร้องโอดโอย ทั้งเสียงตะโกนบอกต่อๆกันไป ข้างหน้ามีฝูงควาย เสือ
ช้าง ต่างก็ร้องบอกต่อๆกัน และวิ่งตามๆกันไม่ต้องฟังซ้าสอง
นอกจากนั้นแล้ว สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่หากินตามต้นไม้อย่างกระรอก กระแต ตะกวด นก หนู
ลิง ค่าง บ่าง ชะนี และอื่นๆ ได้ยินเสียงตะโกนบอกกันดังลั่นป่าว่า แผ่นดินปี้ นแล้วต่างหน้าตื่นยก
โขยงกันไปด้วย
ขณะนั้นมีราชสีห์ตัวหนึ่งกาลังนอนพักผ่อนอยู่ในถ้า ต้องสะดุ้งตื่นตกใจด้วยเสียงอึกทึก
ครึกโครมของฝูงสัตว์ผู้หนีตายทั้งหลาย ราชสีห์จึงลุกออกจากถ้ามาดูเหตุการณ์
“เกิดอะไรขึ้นหนอ”
ราชสีห์ราพึงด้วยความอัศจรรย์ใจ เมื่อเห็นภาพของสัตว์ทั้งป่าวิ่งราวกับหนีพญามัจจุราช
โดยมีกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งนาหน้า ต่างวิ่งๆๆ วิ่งไปข้างหน้าไม่ยอมเหลียวหลัง ที่ชนกัน ชนต้นไม้
หกล้มก็ถูกเหยียบ ถูกข้ามไปไม่มีใครเสียเวลาดูแล เสียงดังว่าแผ่นดินปี้ น แผ่นดินปี้ นก็ดังลั่นไม่รู้
ใครบอกใคร
“แผ่นดินปี้ น อันใด”
ราชสีห์ผู้มีสติไตร่ตรอง ได้ยินก็รู้สึกเวทนาสัตว์ผู้โง่เขลาเบาปัญญาทั้งหลาย
ผู้จะพากันวิ่งจนตายไม่รู้ตัว จึงกระโดดไปยืนจังก้าขวางหน้ากระต่ายผู้จะพา
เพื่อนๆไปตาย ยกขาหน้าทั้งสองขึ้นแล้วร้องว่า “หยุด!!”
โครม.. สัตว์หลายตัวตกใจเสียงราชสีห์หยุดอย่างกะทันหันตัวข้างหลังหยุด
ไม่ทันจึงชนกันล้มระเนระนาด มีหลายตัววิ่งชนต้นไม้จึงหยุดได้หลายตัววิ่ง
ผ่านเลยไปหลายวาจึงวกกลับมาใหม่ส่วนเจ้ากระต่ายหัวหน้านักวิ่ง ถูกก
ราชสีห์คว้าจับตัวได้ดิ้นกระแด่วๆ หอบหายใจแฮ่กๆ กระนั้นปากยังร้องไม่
ลืมหูลืมตาว่า
“แผ่นดินปี้ น แผ่นดินปี้ นแล้ว ไม่อยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด”
“หยุด แผ่นดินปี้ นที่ไหน มีใครเห็นบ้างเล่า”
ราชสีห์ตะโกนถามเสียงดังกลบเสียงสัตว์ทั้งหลายหมด เงียบ ไม่มีใครตอบได้กระต่ายในมือ
ราชสีห์จึงตอบเสียงสั่นๆว่า
“ข้า ข้า กาลังนอนหลับอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงตาดๆ ตูมที่ใกล้หัวข้าแน่ะ แผ่นดินปี้ นแน่ๆเชื่อข้า
เถอะ”
“เจ้านอนหลับที่ใด”
“ใต้ต้นหมากตูม ใกล้ดงตาล”
เท่านั้นเองราชสีห์ก็รู้แจ้ง จึงอธิบายเหตุผลให้สัตว์ทั้งหลายฟัง
“ไม่มีใครเห็นแผ่นดินปี้ นมาก่อนหรอก มีแต่เสียงบอกเล่ากันมา หากแผ่นดินนี้ปีนกลับได้
จริง พวกเจ้าทั้งหลายคงไม่ได้วิ่งมาไกลขนาดนี้หรอก”
แล้วราชสีห์ก็ให้กระต่ายตัวการแห่งความทุกขเวทนาในครั้งนี้นาหน้าไปพิสูจน์ความจริง
สัตว์ทั้งหลายจึงเดินตามกันเป็นฝูงกลับไปยังดงตาล
ครั้นถึงใต้ต้นหมากตูมเก่าในดงตาล กระต่ายจึงชี้บอกร่องรอยที่ตัวเองนอนหลับอยู่เมื่อเช้า
ใกล้ๆนั้นมีหมากมะตูมผลใหญ่นอนกลิ้งอยู่จริง
“นี่ไงหมากตูม มันหล่นจากต้นสูงๆของมัน ถูกใบตาลแห้งจึงเกิดเสียงดังตาดๆลงมา เจ้า
กระต่ายจอมขี้เซาไม่พิจารณาก็เหมาเอาว่า แผ่นดินปี้ น ดังนี้ละหนอ”
สัตว์ทั้งหลายเห็นแล้วต่างถอนหายใจ กลับเข้าฝูงหากินกัน เช่นปกติ ที่โชคร้ายขาหัก ขา
แพลง พลัดลูก พลัดฝูงก็บ่นว่าด่าเจ้ากระต่ายพึมพา หลายตัวโมโหโกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่ เจ้า
กระต่ายนั้นฝันกลางวันอาศัยความไวหลบเข้าป่าไป ไม่มีใครได้เห็นอีก

More Related Content

More from nongdata nonthakote

แบบฝึกชุดที่ 4.1
แบบฝึกชุดที่ 4.1แบบฝึกชุดที่ 4.1
แบบฝึกชุดที่ 4.1nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 3.2
แบบฝึกชุดที่ 3.2แบบฝึกชุดที่ 3.2
แบบฝึกชุดที่ 3.2nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 3.1
แบบฝึกชุดที่ 3.1แบบฝึกชุดที่ 3.1
แบบฝึกชุดที่ 3.1nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 2.3
แบบฝึกชุดที่ 2.3แบบฝึกชุดที่ 2.3
แบบฝึกชุดที่ 2.3nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 2.2
แบบฝึกชุดที่ 2.2แบบฝึกชุดที่ 2.2
แบบฝึกชุดที่ 2.2nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 1.3
แบบฝึกชุดที่ 1.3แบบฝึกชุดที่ 1.3
แบบฝึกชุดที่ 1.3nongdata nonthakote
 
แบบฝึกชุดที่ 1.2
แบบฝึกชุดที่ 1.2แบบฝึกชุดที่ 1.2
แบบฝึกชุดที่ 1.2nongdata nonthakote
 

More from nongdata nonthakote (8)

แบบฝึกชุดที่ 4.1
แบบฝึกชุดที่ 4.1แบบฝึกชุดที่ 4.1
แบบฝึกชุดที่ 4.1
 
แบบฝึกชุดที่ 3.2
แบบฝึกชุดที่ 3.2แบบฝึกชุดที่ 3.2
แบบฝึกชุดที่ 3.2
 
แบบฝึกชุดที่ 3.1
แบบฝึกชุดที่ 3.1แบบฝึกชุดที่ 3.1
แบบฝึกชุดที่ 3.1
 
แบบฝึกชุดที่ 2.3
แบบฝึกชุดที่ 2.3แบบฝึกชุดที่ 2.3
แบบฝึกชุดที่ 2.3
 
แบบฝึกชุดที่ 2.2
แบบฝึกชุดที่ 2.2แบบฝึกชุดที่ 2.2
แบบฝึกชุดที่ 2.2
 
แบบฝึกชุดที่ 1.3
แบบฝึกชุดที่ 1.3แบบฝึกชุดที่ 1.3
แบบฝึกชุดที่ 1.3
 
แบบฝึกชุดที่ 1.2
แบบฝึกชุดที่ 1.2แบบฝึกชุดที่ 1.2
แบบฝึกชุดที่ 1.2
 
ชุดที่ 1
ชุดที่ 1ชุดที่ 1
ชุดที่ 1
 

ชุดที่ 3

  • 1. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม แบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทย การอ่าน ฟัง ดู พูด เขียน และคิดวิเคราะห์ โดยใช้นิทานพื้นบ้านอีสาน ชุดที่ ๓ กระต่ายตื่นหมากตูม
  • 2. โดย“เอื้อยนาง และ วาสนา ณ ริมฝั่งแม่น้าคงคาบริเวณป่าใหญ่แห่งหนึ่งมีต้นหมากตูม(มะตูม) ต้น สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ขึ้นอยู่ปะปนกับป่าตาล รอบบริเวณเป็นต้นไม้อื่นๆบรรดามีใน ป่าที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ฤดูนี้ ผลหมากตูมผลใหญ่ๆ สุกเหลืองเต็มต้น แต่เปลือกหุ้มหมากตูมนั้นช่างแข็งนัก ยากที่ นกหนูจะเจาะแทะกินเนื้อหวานๆด้านในได้ หลายตัวจึงคอยให้หมากตูมหล่นลงไปกระทบของแข็ง แล้วแตก จะลิ้มรสเนื้อหวานๆ ของหมากตูม วันหนึ่ง มีกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งนอนคิดอะไรเพลินๆอยู่ใต้ต้นหมากตูมในดงตาล ลมเย็นๆ พัดมาเฉื่อยฉิ่ว เปลื่อกตาของเจ้ากระต่ายเริ่มหนักลงด้วยความง่วง แต่มีเสียงเจ้านกหัวขวานสับไม้ เจาะหาหนอนอ้วนๆ เสียงดังปกๆ ฟังคล้ายมีใครสักคนใช้ไม้ค้อนขนาดใหญ่ทุบโลกทั้งใบให้ถล่ม ทลาย เจ้ากระต่ายน้อยจึงนอนหลับๆตื่นๆ และคิดไปเรื่อยเปื่อยว่า “กูนอนอยู่ดังนี้ แผ่นดินจะไม่ปี้ นเอากูตกลงไปเสียละหรือ” ทันใดนั้น ขณะกระต่ายเจ้าความคิดกาลังเคลิ้มๆ จะหลับ หมากตูมผลใหญ่ผลหนึ่งก็ร่วงลิ่วๆ ลงถูกใบตาลแห้งเสียงดังตาดๆและหล่นถึงดินเสียงดังตูมเกือบถูกหัวกระต่ายมันสะดุ้งตื่นไม่ทัน ได้คิดอะไรก็ร้องออกมาว่า “กูตายละหวา แผ่นดินปี้ นแล้วละเหวย” ว่าพลางก็กระโดดลุกขึ้น วิ่งไปข้างหน้าเร็วปานเหาะ ไปทีเดียวพอดีข้างหน้านั้นมีกระต่ายฝูงหนึ่งหากินอยู่ เห็น กระต่ายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งหูชันมาแต่ไกลก็ร้องถามด้วยความ แปลกใจ “ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ” กระต่ายตื่นหมากตูม
  • 3. กระต่ายไม่ยอมหยุดให้เสียเวลา ได้แต่ร้องบอกสหาย ทั้งหลายด้วยความหวังดีว่า “แผ่นดินปี้ นแล้ว พวกเราไม่อยากตายก็จงตามข้ามา เถอะ” กระต่ายทั้งหลายเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ว่าหากแผ่นดิน ปี้ น สัตว์ทั้งหลายก็จะหล่นลงไปเบื้องล่าง ตายหมด จึงตื่นตกใจ ก ลัว ต า ย วิ่ ง ต า ม ก ร ะ ต่ า ย ห นุ่ ม ไ ป ร า ว กับเ ห า ะ พอดีหมูป่าฝูงหนึ่งหากินอยู่ข้างหน้าครั้นเห็นกระต่ายทั้งฝูงวิ่งกรูกันมาไม่คิดชีวิต จึงร้องถามไปว่า “ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ” กระต่ายทั้งฝูงไม่มีใครยอมหยุดเสียเวลาหยุดตอบคาถาม ต่างวิ่งต่างตะโกนต่อๆกันไปว่า “แผ่นดินปี้ นแล้ว ถ้าไม่มีใครอยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด” หมูทั้งฝูงก็วิ่งหน้าตื่นมาร้องอูดๆอี๊ดๆ วิ่งตามฝูงกระต่ายไปพลัน พอดีข้างหน้ามีกวางฝูง หนึ่งหากินอยู่ ครั้นเห็นกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งนาหน้ากระต่ายทั้งฝูง ทั้งลูกเล็กเด็กแดง ต่างวิ่งหู้ตั้งไม่คิด ชีวิต ตามมาข้างหลังยังมีหมูทั้งฝูงตามมาอีก จึงพากันแปลกใจจึงตะโกนถามไปว่า “ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ” ฝูงกระต่ายทั้งหลาย และฝูงหมู ไม่มีใครยอมหยุดตอบ ได้แต่ตะโกนต่อๆกันไปเสียง สนั่นว่า“แผ่นดินปี้ นแล้ว ถ้าไม่มีใครอยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด” ได้ยินดังนั้นฝูงกวางทั้งฝูงก็หน้าตื่น หูผึ่ง ไม่มีใครอยากตายต่างก็วิ่งตามฝูงหมูและ กระต่ายไปอีก พอดีมีวัวฝูงหนึ่งหากินอยู่ข้างหน้าครั้นเห็นสัตว์ทั้งหลาย ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ อันมี กระต่าย หมู กวางวิ่งตามกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งชนิดป่าราบ เป็นแถบๆ ไม่มีตัวใดยอมเหลียวดูด้านข้างด้านหลัง บ้างวิ่ง ชนต้นไม้บ้างตกหลุมตกร่อง ขาเดาะขาแพลงร้องโอดโอย แต่ก็ยังตะเกียกตะกายวิ่งไปข้างหน้าราวกับมีมัจจุราชกวด ตามมาด้านหลังก็ไม่ปาน จึงพากันแปลกใจจึงตะโกนถาม ไปว่า
  • 4. “ดูก่อนสหายเอย ทาไมจึงวิ่งราวกับเหาะดังนี้หนอ” ฝูงกวางไม่มีเวลาหยุดเล่าเรื่องราว ได้แต่ตะโกนว่า “แผ่นดินปี้ นแล้ว แผ่นดินปี้ นแล้ว” ฝูงวัวได้ยินก็กลัวแผ่นดินพลิกคว่าพวกตนจะตกลงไป ตาย จึงวิ่งตามมาอย่างไม่คิดชีวิตอีกฝูงหนึ่ง บัดนั้น ป่าทั้งป่าก็ราวกับเกิดกลียุค สัตว์ทั้งหลายวิ่งตามกันไป มี กระต่ายตัวหนึ่งวิ่งนาหน้าราวกับเหาะ ต่างร้องตะโกนว่าแผ่นดินปี้ น บ้างร้องบอกลูกหลาน บ้างวิ่ง ชนกันเหยียบกัน จึงมีทั้งเสียงร้องโอดโอย ทั้งเสียงตะโกนบอกต่อๆกันไป ข้างหน้ามีฝูงควาย เสือ ช้าง ต่างก็ร้องบอกต่อๆกัน และวิ่งตามๆกันไม่ต้องฟังซ้าสอง นอกจากนั้นแล้ว สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่หากินตามต้นไม้อย่างกระรอก กระแต ตะกวด นก หนู ลิง ค่าง บ่าง ชะนี และอื่นๆ ได้ยินเสียงตะโกนบอกกันดังลั่นป่าว่า แผ่นดินปี้ นแล้วต่างหน้าตื่นยก โขยงกันไปด้วย ขณะนั้นมีราชสีห์ตัวหนึ่งกาลังนอนพักผ่อนอยู่ในถ้า ต้องสะดุ้งตื่นตกใจด้วยเสียงอึกทึก ครึกโครมของฝูงสัตว์ผู้หนีตายทั้งหลาย ราชสีห์จึงลุกออกจากถ้ามาดูเหตุการณ์ “เกิดอะไรขึ้นหนอ” ราชสีห์ราพึงด้วยความอัศจรรย์ใจ เมื่อเห็นภาพของสัตว์ทั้งป่าวิ่งราวกับหนีพญามัจจุราช โดยมีกระต่ายหนุ่มตัวหนึ่งนาหน้า ต่างวิ่งๆๆ วิ่งไปข้างหน้าไม่ยอมเหลียวหลัง ที่ชนกัน ชนต้นไม้ หกล้มก็ถูกเหยียบ ถูกข้ามไปไม่มีใครเสียเวลาดูแล เสียงดังว่าแผ่นดินปี้ น แผ่นดินปี้ นก็ดังลั่นไม่รู้ ใครบอกใคร “แผ่นดินปี้ น อันใด” ราชสีห์ผู้มีสติไตร่ตรอง ได้ยินก็รู้สึกเวทนาสัตว์ผู้โง่เขลาเบาปัญญาทั้งหลาย ผู้จะพากันวิ่งจนตายไม่รู้ตัว จึงกระโดดไปยืนจังก้าขวางหน้ากระต่ายผู้จะพา เพื่อนๆไปตาย ยกขาหน้าทั้งสองขึ้นแล้วร้องว่า “หยุด!!”
  • 5. โครม.. สัตว์หลายตัวตกใจเสียงราชสีห์หยุดอย่างกะทันหันตัวข้างหลังหยุด ไม่ทันจึงชนกันล้มระเนระนาด มีหลายตัววิ่งชนต้นไม้จึงหยุดได้หลายตัววิ่ง ผ่านเลยไปหลายวาจึงวกกลับมาใหม่ส่วนเจ้ากระต่ายหัวหน้านักวิ่ง ถูกก ราชสีห์คว้าจับตัวได้ดิ้นกระแด่วๆ หอบหายใจแฮ่กๆ กระนั้นปากยังร้องไม่ ลืมหูลืมตาว่า “แผ่นดินปี้ น แผ่นดินปี้ นแล้ว ไม่อยากตายก็จงวิ่งตามเรามาเถิด” “หยุด แผ่นดินปี้ นที่ไหน มีใครเห็นบ้างเล่า” ราชสีห์ตะโกนถามเสียงดังกลบเสียงสัตว์ทั้งหลายหมด เงียบ ไม่มีใครตอบได้กระต่ายในมือ ราชสีห์จึงตอบเสียงสั่นๆว่า “ข้า ข้า กาลังนอนหลับอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงตาดๆ ตูมที่ใกล้หัวข้าแน่ะ แผ่นดินปี้ นแน่ๆเชื่อข้า เถอะ” “เจ้านอนหลับที่ใด” “ใต้ต้นหมากตูม ใกล้ดงตาล” เท่านั้นเองราชสีห์ก็รู้แจ้ง จึงอธิบายเหตุผลให้สัตว์ทั้งหลายฟัง “ไม่มีใครเห็นแผ่นดินปี้ นมาก่อนหรอก มีแต่เสียงบอกเล่ากันมา หากแผ่นดินนี้ปีนกลับได้ จริง พวกเจ้าทั้งหลายคงไม่ได้วิ่งมาไกลขนาดนี้หรอก” แล้วราชสีห์ก็ให้กระต่ายตัวการแห่งความทุกขเวทนาในครั้งนี้นาหน้าไปพิสูจน์ความจริง สัตว์ทั้งหลายจึงเดินตามกันเป็นฝูงกลับไปยังดงตาล ครั้นถึงใต้ต้นหมากตูมเก่าในดงตาล กระต่ายจึงชี้บอกร่องรอยที่ตัวเองนอนหลับอยู่เมื่อเช้า ใกล้ๆนั้นมีหมากมะตูมผลใหญ่นอนกลิ้งอยู่จริง “นี่ไงหมากตูม มันหล่นจากต้นสูงๆของมัน ถูกใบตาลแห้งจึงเกิดเสียงดังตาดๆลงมา เจ้า กระต่ายจอมขี้เซาไม่พิจารณาก็เหมาเอาว่า แผ่นดินปี้ น ดังนี้ละหนอ” สัตว์ทั้งหลายเห็นแล้วต่างถอนหายใจ กลับเข้าฝูงหากินกัน เช่นปกติ ที่โชคร้ายขาหัก ขา แพลง พลัดลูก พลัดฝูงก็บ่นว่าด่าเจ้ากระต่ายพึมพา หลายตัวโมโหโกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าใส่ เจ้า กระต่ายนั้นฝันกลางวันอาศัยความไวหลบเข้าป่าไป ไม่มีใครได้เห็นอีก