การผลิตสตรอเบอรี่ที่นาแห้ว
- 1. หมู่บ้านสตรอว์เบอรŠรี่แห่งภาคอีสาน
แปลงสตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดที่ปกคลุมทั่วเนินเขาหมู่บ้านบ่อเหมืองน้อยและห้วยน้ำ�ผัก แม้ไม่เป็นที่รู้จัก
มากนัก แต่ใครที่เคยผ่านไปแถวอำ�เภอนาแห้ว ได้เห็นและชิมสตรอว์เบอร์รี่อีสาน ต่างออกปากรับประกันว่ารสชาติ
หวานกรอบไม่แพ้ที่ไหน แต่กว่าจะประสบความสำ�เร็จอย่างที่เห็น ชาวบ้านและพี่เลี้ยงจากหลายหน่วยงานต้อง
ฝ่าฟันอุปสรรคมาไม่น้อย
ศักดิ์ชัย วัฒนศรีรังกุล หรือ “เม้ง” นักวิเคราะห์
โครงการจาก สวทช. เล่าให้ฟังว่า หลังจากร้อยเอก
อรรฐพร โบสุวรรณ ติดต่อมา ไบโอเทค สวทช. ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
เข้าไปดูพื้นที่ทันที
ตอนนั้นโจทย์ที่ สวทช. ตั้งไว้คือ ทำ�อย่างไรให้
ชาวบ้านประกอบอาชีพได้ โดยใช้ทรัพยากรในพื้นที่ ไม่มี
การย้ายถิ่นฐาน เป็นการดำ�เนินการบนหลักการที่ว่าทำ�
อย่างไรให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้
“ไบโอเทค มองว่าพื้นที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก
การคมนาคมไม่สะดวก ถ้าปลูกข้าวโพด ถั่วฝักยาวจะไม่
คุ้มค่า พืชที่ปลูกควรเป็นพืชมูลค่าสูงๆ ที่เหมาะกับสภาพ
ภูมิอากาศที่หนาวเย็น เนื่องจากทั้งสองหมู่บ้านตั้งอยู่ที่
ระดับความสูง 750-1,200 เมตร ประกอบกับช่วงนั้น
ไบโอเทค มีงานวิจัยเรื่องสตรอว์เบอร์รี่กับโครงการหลวง
ที่อำ�เภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พวกเรามองว่าคนอยู่
บนดอยปลูกสตรอว์เบอร์รี่เป็นอาชีพได้ในพื้นที่ที่จำ�กัด ดังนั้น
สตรอว์เบอร์รี่จึงเป็นพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่นี้มากที่สุด”
หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2539 ไบโอเทค สวทช.
ร่วมกับ มจธ. เข้าไปถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
สตรอว์เบอร์รี่ให้ชาวบ้าน
ปิยทัศน์ ทองไตรภพ หรือ “ปิ” นักวิจัยจากศูนย์วิจัย
และบริการอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรม
ชีวเคมี สำ�นักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
เล่าว่า ในช่วงแรก สมศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ นักวิชาการ
จาก ไบโอเทค สวทช. และ ทศพร ทองเที่ยง นักวิชาการ
จาก มจธ. เข้าไปทำ�แปลงทดลอง พาชาวบ้านมาอบรมวิธี
การปลูก จากนั้นนำ�สตรอว์เบอร์รี่เข้าไปส่งเสริม เอาไหล
สตรอว์เบอร์รี่ไปให้ชาวบ้านทดลองปลูกบ้านละ 2,000-
3,000 ต้น ทั้ง 2 หมู่บ้านประมาณ 150 ครัวเรือน
“ความรู้และเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดให้ชาวบ้าน เริ่ม
อบรมตั้งแต่การเตรียมแปลง การปลูก การดูแล จนถึงการ
เก็บเกี่ยว ช่วงนั้นต้องขึ้นนาแห้วทุกเดือนเลย เดือนละ
ประมาณ 15 วัน เข้าแปลงกับเขา ดูว่ามีปัญหาอะไร
ปลูกแล้วเป็นอย่างไร ทำ�ไมไม่โต มีโรคอะไร ใช้ยาอะไรพ่น
32
- 2. ดูแลอย่างไร เราใช้กลไกการติดตาม
ตลอด พูดง่ายๆ ผมปลูกไม่เป็นก็ต้อง
ปลูกเป็นเลย (หัวเราะ) แทบจะจับมือ
เขาปลูกเลย ผลผลิตต้องเก็บอย่างไร
ช่วยดูตลอด”
“การปลูกสตรอว์เบอร์รี่ดูแล
ยากกว่าพืชชนิดอื่นเยอะ” นายสง่า
บุญธรรม หรือ “พี่สง่า” ผู้ใหญ่บ้าน
ห้วยน้ำ�ผักและเกษตรกรเจ้าของ
แปลงสตรอว์เบอร์รี่เอ่ยขึ้น ต้องดูแล
ทุกวัน ดูว่าแปลงปลูกแห้ง หรือมีหญ้า
ขึ้นหรือไม่ หากใบทึบต้องแต่งใบ
นอกจากนี้ต้องคอยระวังโรคพืชชนิด
ต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อรา
“ทำ�แปลงต้องทำ�สูง เพราะ
แปลงต่ำ� ความชื้นมีเยอะ เวลาปลูก
“อยากเรียนรู้และปลูกให้ดีที่สุดอยากเอาสตรอว์เบอร์รี่
มาพลิกฟื้นหมู่บ้านห้วยน้Óผัก ให้เป็นหมู่บ้านสตรอว์เบอร์รี่
เป็นตลาดสตรอว์เบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน”
ต้องปลูกสองแถว ให้ต้นไหลหันเข้าหา
กัน ปลูกเสร็จแล้ว 7 วันแรกต้องรดน้ำ�
ตลอดไม่ให้แห้ง”
สตรอว์เบอร์รี่เป็นพืชชนิดใหม่
ที่ชาวบ้านไม่มีความรู้มาก่อน ช่วงแรก
จึงอาศัยความทุ่มเทและอดทน เมื่อ
เรียนรู้และมีประสบการณ์พอควร
พี่สง่าตัดสินใจทดลองปลูกปีแรก
ประมาณ 3,000 ต้น ในเนื้อที่ประมาณ
งานกว่าๆ
“ผลผลิตปีแรกดี แต่ไม่มาก
เพราะมือใหม่ แล้วเจอโรคด้วย
ตอนนั้นคิดว่าไม่คุ้มหรอก แต่ไม่ท้อนะ
พยายามปลูกใหม่ อยากปรับปรุงใหม่
ทุกปี ปลูกแล้วทำ�ยังไงให้ขึ้นทุกต้น
มีดอกมีผลทุกต้น“
เมื่อไม่ท้อต้องมีก้าวต่อไป
พัฒนาการอีกขั้นของชาวไร่สตรอว์-
เบอร์รี่ที่นี่คือ การใช้ระบบน้ำ�หยด
ปิยทัศน์แนะนำ�ให้มีการติดตั้งบน
เนื้อที่ 10 ไร่ ที่เป็นแปลงผลิตกลาง
ของทั้งสองหมู่บ้าน ข้อดีของระบบน้ำ�
หยดคือ ลดปัญหาโรคแอนแทรคโนส
ที่เป็นศัตรูสำ�คัญของสตรอว์เบอร์รี่ได้
ระบบน้ำ�หยดให้ผลเป็นที่น่า
พอใจ เพราะนอกจากต้นสมบูรณ์
ดีแล้ว ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
“ปีแรกปลูก 3,000 ต้น ได้
ผลผลิต 500 กิโลกรัม ปีที่สองผลผลิต
ไม่ต่างกันเท่าไหร่ พอมาถึงปีที่สามที่
มีระบบน้ำ�หยด ได้ผลผลิตเฉลี่ย 1.2
33
- 3. ตันต่อไร่ ดีใจมากนะ มีกำ�ลังใจ อยาก
ปลูกไปทุกปี” พี่สง่าเล่า
ใช่ว่านักวิชาการ คือผู้ถ่ายทอด
ความรู้และเทคโนโลยีให้ชาวบ้านเพียง
อย่างเดียว หลายครั้งการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ ระหว่างนักวิชาการกับชาวบ้าน
ทำ�ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ได้ผลผลิต
ดีขึ้น
ปิยทัศน์ ยกตัวอย่างกรณีวัสดุ
คลุมแปลงว่า ภาคเหนือใช้ใบตองตึง
คลุมดินเพื่อไม่ให้หญ้าขึ้น ใบตองตึง
1 ไพล ยาว 1 เมตร ซื้อมาแล้วใช้วางได้
เลย แต่ 1 ไพล ตอนนี้ราคา 3 บาท
ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น พวกเราจึงมอง
หาทางเลือกอื่น เช่น ฟางข้าว
“พอใช้ฟางข้าวไปสักพัก พบว่า
ฟางข้าวพอถูกน้ำ� เมล็ดข้าวที่หลงเหลือ
อยู่งอกขึ้นมา เสียเวลาไปถอน ฟางข้าว
เมื่อถูกน้ำ�มากๆ ย่อยสลายเร็วมาก
ผลตามมา คือ ฟางข้าวเริ่มเน่า
สตรอว์เบอร์รี่เน่าตามไปด้วย เลยลอง
เปลี่ยนมาเป็นหญ้าคาเพราะเป็นวัสดุ
ที่มีอยู่แล้ว ได้ผลดีนะ หญ้าคาไม่
ย่อยสลาย ต้นทุนลดไปอีก” พี่สง่าให้
ข้อมูลเสริม
เมื่อชาวบ้านเริ่มเลี้ยงวัวควาย
มากขึ้น หญ้าคาเริ่มหายาก พลาสติก
เป็นวัสดุใหม่ที่นำ�มาใช้โดยได้แนวคิด
มาจากประเทศอิสราเอล แต่เนื่องจาก
สภาพอากาศที่ต่างกัน ทำ�ให้ต้น
เสียหาย ต้องหาวิธีการใหม่
“ปกติแปลงสตรอว์เบอร์รี่จะ
ยกร่องเป็นเนินเหมือนภูเขา แล้วเรา
นำ�พลาสติกมาคลุมทั้งเนิน ด้านบน
ส่วนที่ปลูกสตรอว์เบอร์รี่เจาะรูไว้ แต่
บ้านเราอากาศร้อน เลยอบไป ต้น
สตรอว์เบอร์รี่เสียหาย ผมจึงลองใหม่
ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ให้เสร็จก่อนแล้วเอา
หญ้าคามาคลุมทับบนผิวดินด้านบนที่
ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ ส่วนเนินดินที่
ลาดลงพื้นด้านข้างทั้งสองฝั่งเอาพลาสติก
มาคลุม ปรากฏว่าได้ผลดี ดินบริเวณ
ด้านข้าง หญ้าไม่ขึ้น ส่วนดินด้านบนก็
ไม่ร้อนเพราะเป็นหญ้าคาคลุมอยู่”
นี่คือการเรียนรู้ที่ได้จากการ
สังเกต ปิยทัศน์บอกว่าเทคนิคตรงนี้
สอนไม่ได้ เช่น การใส่ปุ๋ย เราบอกให้
เจาะหลุมข้างทรงพุ่มหยิบปุ๋ย1หยิบมือ
34
- 4. ใส่หลุมแล้วกลบปิด ชาวบ้านบอกว่า
วิธีนี้ดีแต่เสียเวลา เขาโรยเอา ตอน
รดน้ำ�ระวังไม่ให้โดนปุ๋ย เขาเรียนรู้จาก
ความรู้ที่เราสอนทั้งหลักการทาง
วิทยาศาสตร์และเกษตร แต่ประยุกต์ให้
เหมาะกับพื้นที่และการทำ�งานของเขา
พบว่าไม่ได้เสียหายและได้ผลผลิตพอๆ
กับที่เราทำ�”
หลังจากที่มีความพร้อมทั้ง
ความรู้ เทคโนโลยีและประสบการณ์
ไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ชาวบ้าน ประคบ
ประหงมมาหลายปี ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
จากเดิมถึง 3 เท่า แต่ไม่ได้หมายความ
ว่าทางข้างหน้าไม่มีอุปสรรค
ปิยทัศน์ ขยายความถึงปัญหา
อีกประการหนึ่งคือ ไหล หรือ ต้นกล้า
ที่ใช้สำ�หรับปลูกสตรอว์เบอร์รี่
“เดิมใช้ไหลจากเชียงใหม่ถามว่า
ดีมั้ย บางปีดี บางปีไม่ดีเท่าไหร่ เพราะ
เชียงใหม่ปลูกซ้ำ�ที่เดิม ใช้ต้นพันธุ์เดิม
มีปัญหาเรื่องโรค เหมือนเรายกต้นที่
ปลูกที่เชียงใหม่ มาปลูกที่นาแห้ว มา
เป็นโรคต่อ ปีไหนได้ไหลดี ได้ผลผลิตดี
ปีไหนไหลคุณภาพไม่ดีนัก ผลผลิต
อาจไม่ค่อยดีเท่าไหร พอปี พ.ศ. 2553
เริ่มมีความคิดอยากผลิตต้นไหลที่
นาแห้ว”
เกษตรกรคนแรกที่ยกมือขอมี
ส่วนร่วมในการทดลองทำ�ไหล คือ
พี่สง่า บอกว่าอยากลองทำ�เอง เพราะ
คิดว่าช่วยลดต้นทุนลงได้
“ทำ�ไหลยากกว่าปลูกอีก (หัวเราะ)
ทำ�ไหลต้องเตรียมต้นแม่ไว้ตั้งแต่
ตอนปลูกเอาลูกเลย ต้องเด็ดเอาดอก
ออกเพื่อเอาต้นแม่อย่างเดียว ไม่เอา
ผล ครั้งแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่
พยายามอยู่เรื่อยๆ ไหลที่เตรียมเอง
เอามาปลูกได้ผลผลิตดีนะ แต่ว่ายังไม่
แข็งแรงเท่าไหร่ ต้องเรียนรู้และทดลอง
ไปเรื่อยๆ ทำ�มาได้ 2 ปีแล้ว ปีนี้เป็นปี
ที่สอง คุณภาพก็ดี”
ในความคิดของพี่สง่า หากไหล
ราคาถูกลง ชาวบ้านจะหันมาปลูก
สตรอว์เบอร์รี่มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง
หน้าแล้งไม่ต้องไปขายแรงงานที่
กรุงเทพฯ
“อยากเรียนรู้และปลูกให้ดี
ที่สุด อยากเอาสตรอว์เบอร์รี่มาพลิก
ฟื้นหมู่บ้านห้วยน้ำ�ผัก ให้เป็นหมู่บ้าน
สตรอว์เบอร์รี่ เป็นตลาดสตรอว์เบอร์รี่
ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานฝันไว้อย่างนั้น
นะ ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน อยากให้ไปถึง
วันนั้น คนในหมู่บ้านมีรายได้ ไม่ต้อง
จากท้องถิ่นไปไหน อยากให้เวลา
ใครพูดถึงบ้านห้วยน้ำ�ผัก ก็นึกถึง
สตรอว์เบอร์รี่”
ทุกวันนี้หมู่บ้านห้วยน้ำ�ผักและ
บ่อเหมืองน้อย มีแปลงสตรอว์เบอร์รี่
รวมกันกว่า 10 ไร่ มีนักท่องเที่ยว
แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมอยู่เสมอ
นอกจากรายได้แล้ว ถือเป็นความภูมิใจ
ที่คุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยตลอด
หลายปีที่ผ่านมา
35