เรื่องเล่าข่าว สท. ประจำเดือนมิถุนายน 2560
- 1. ย้อนหลังไปเมื่อปี 2557 คุณไก่มีแนวคิดแปรรูป
หมอนยางพาราเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าน้ายางสด ใน
ระยะแรกการแปรรูปหมอนยางพาราไม่เป็นที่ยอมรับ
จากชุมชนส่วนใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เครื่องจักรและ
เทคโนโลยีที่มีราคาแพง เกินก้าลังความสามารถของ
ชุมชน แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าหมอนยางพาราจะเป็น
ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่สร้างมูลค่าได้ คุณไก่จึงได้สะสม
ความรู้เรื่องการผลิตหมอน โดยเดินทางไปศึกษาและดู
งานการผลิตหมอนยางจากโรงงานอุตสาหกรรมชันน้า
ของประเทศ และได้เขียนข้อเสนอโครงการแปรรูปหมอน
ยางพารา เพื่อขอทุนสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์
ในปี 2558 จนได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรการผลิต
หมอนยาง (มูลค่า 34 ล้านบาท)
วิกฤติศรัทธาจากชุมชน
เมื่อได้รับการสนับสนุนแล้ว คุณไก่จึงน้าข้อเสนอ
โครงการพร้อมด้วยเครื่องจักรไปเสนอกับสหกรณ์
การเกษตรแห่งหนึ่งที่มีความพร้อมทังด้านเงินทุน ที่ดิน
และก้าลังการผลิตน้ายางสดที่มากพอ เพื่อเป็นโรงงาน
น้าร่อง แต่กลับไม่ได้รับความเห็นชอบจากชุมชนและ
ขอให้ยุบโครงการฯ ดังกล่าว
กลับบ้านเกิด
ด้วยความมุ่งมั่นของคุณไก่ จึงได้น้าเครื่องจักร
กลับสู่บ้านเกิดที่บ้านแพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ
ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนเป็นอย่างดี จึงเป็นที่มาใน
การจัดตังสหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกหา จ้ากัด เมื่อ
วันที่ 9 มิถุนายน 2558 มีจ้านวนสมาชิกจัดตัง 50 คน
แต่ขณะนันสหกรณ์ฯ มีเพียงเครื่องจักร ยังไม่มีที่ดินและ
อาคารส้าหรับสร้างโรงงาน สหกรณ์ฯ จึงเขียนโครงการ
เพื่อขอกู้เงินทุนจากโครงการดอกเบียต่้าเพื่อสนับสนุน
เกษตรแปลงใหญ่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งคุณไก่ได้รับการอนุมัติเงินกู้และ
สามารถสร้างโรงงานผลิตหมอนยางพาราเป็นแห่งแรก
ของภาคใต้ และเริ่มผลิตหมอนยางพาราเมื่อวันที่ 12
มกราคม 2560 จากจุดนีเองท้าให้สหกรณ์ฯ ได้รู้จักกับ
สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร
(สท.) ผ่านความร่วมมือของศูนย์บ่มเพาะและพัฒนา
นวัตกรรมเกษตร SMEs (ธ.ก.ส.)
หมอนยางพาราบ้านแพรกหา ต้นแบบการแก้ปัญหาราคาน้ายาง ด้วยการพึ่งพาตัวเอง
ปี 2557-2558 เกิดวิกฤติราคาน้ายางตกต่้า ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตน้ายางพารา กรมส่งเสริม
สหกรณ์จึงมีแนวทางเพื่อแก้ไปปัญหาราคายางแบบครบวงจร “อนันต์ จันท์รัตน์” หรือ คุณไก่ ได้สานต่อแนวทาง
ดังกล่าว โดยการแปรรูปน้ายางสดเป็นหมอนยางพารา ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและความมุ่งมั่น ท้าให้ธุรกิจหมอน
ยางพารา สหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกหา จ้ากัด เติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน และพร้อม
ก้าวขึนสู่ตลาดนานาชาติด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรม
1
หมอนยางพารา ทางออกการแก้ปัญหาราคาน้ายางสดจริงหรือ?
มิถุนายน 2560
10
- 2. 2
กว่าจะได้หมอนยางพารา
กระบวนการผลิตหมอนยางพาราเริ่มจากน้า
น้ายางสดมาปั่นให้ได้น้ายางข้น หลังจากนันตีน้ายางข้น
ให้เกิดฟอง (เรียกว่าการสร้างเจล) แล้วน้ามาเทลง
แม่พิมพ์หมอน น้าไปนึ่งเพื่อให้หมอนยางคงรูป จากนัน
น้าเข้าสู่กระบวนการล้างและอบไล่ความชืน ได้เป็น
“หมอนยางพารา” พร้อมจ้าหน่าย
ข้อจ้ากัดของโรงงานผลิตหมอนยางพาราระดับ
ชุมชนโดยทั่วไป ประกอบด้วย 1) วัตถุดิบ เช่น สารเคมี
น้ายางข้น มีราคาแพง ไม่สามารถต่อรองกับผู้ขายได้
2) ความช้านาญของผู้ผลิตในกระบวนการต่างๆ 3)
เครื่องจักรอุปกรณ์ เช่น แม่พิมพ์หมอน ตู้นึ่ง เตาอบ
เป็นต้น 4) การหาลูกค้า 5) เงินลงทุน 6) องค์ความรู้
สหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกหา จ้ากัด ประสบ
ปัญหาข้อจ้ากัดดังกล่าวเช่นกัน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและ
ความร่วมมือร่วมใจของชุมชน ท้าให้สหกรณ์ฯ ก้าวผ่าน
ข้อจ้ากัดเหล่านันไปได้ และสามารถผลิตหมอน
ยางพาราที่มีคุณภาพระดับสากล ปัจจุบันสหกรณ์ฯ มี
ยอดขายกว่า 7,500 ใบต่อเดือน คิดเป็นมูลค่ากว่า
5 ล้านบาทต่อเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึนอีก เนื่องจาก
มียอดสั่งซือจากต่างประเทศเพิ่มมากขึน นอกจากนี
สหกรณ์ฯ อยู่ระหว่างด้าเนินการขึนทะเบียนมาตรฐาน
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ (มอก.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ให้กับผู้บริโภค
ติดอาวุธทางปัญญาด้วย วทน.
สหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกหามีเครื่องจักรที่
สามารถผลิตน้ายางข้นเองได้ ซึ่งต่างจากสหกรณ์อื่นๆ ที่
ต้องซือจากโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามการผลิต
น้ายางข้นให้ได้คุณภาพดีจะต้องใช้องค์ความรู้ด้านวิทยา-
ศาสตร์และความเชี่ยวชาญสูง แม้ว่าสหกรณ์ฯ จะส่ง
เจ้าหน้าที่เข้าอบรมหลักสูตรการผลิตน้ายางข้นจากสถาบัน
ต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถน้ามาประยุกต์ใช้กับเครื่องมือที่
โรงงานมีอยู่ได้ สท. โดยฝ่ายจัดการความรู้เพื่อเกษตรและ
ชุมชน จึงได้ประสานงานนักวิจัยศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ
วัสดุแห่งชาติ (MTEC) ลงพืนจัดฝึกอบรมการผลิตน้ายางข้น
ให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯ จ้านวน 2 ครัง เมื่อวันที่ 15–16
มีนาคม 2560 และวันที่ 21–23 มิถุนายน 2560 และ
เตรียมลงพืนที่อีกครังในเดือนสิงหาคม เพื่อตรวจสอบให้
มั่นใจว่าสหกรณ์ฯ สามารถผลิตน้ายางข้นที่มีคุณภาพได้
เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ายางข้นจากโรงงานอุตสาหกรรม
การพึ่งพาตนเองอย่างครบวงจร
ด้วยองค์ความรู้การผลิตน้ายางข้นที่ สวทช. ได้
ถ่ายทอดให้กับสหกรณ์ฯ สามารถสร้างผลกระทบทัง
ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนี 1) สหกรณ์ฯ สามารถ
ลดต้นทุนการผลิตจากการซือน้ายางข้นได้กว่าปีละ 3 ล้าน
บาท 2) สหกรณ์สามารถประกันราคาน้ายางสดให้สมาชิก
ได้ โดยเมื่อราคาน้ายางสดสูง สมาชิกผู้ปลูกยางพาราจะได้
ก้าไรโดยตรงจากการขายน้ายางสด หากราคาน้ายาง
ลดลง สมาชิกจะได้ก้าไรหมอนยางเพิ่มขึนจากส่วนต่าง
ต้นทุนน้ายางสดที่ถูกลง ซึ่งผลกระทบดังกล่าวเกิดขึนได้
จากการติดอาวุธทางปัญญาให้กับพี่น้องเกษตรกร จน
สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างครบวงจร
- 3. วันที่ 15-16 มิถุนายน 2560 ลงพืนที่เครือข่าย
เกษตรกรรมยั่งยืนน้าอ้อม กลุ่มวิสาหกิจข้าวคุณค่า
ชาวนาคุณธรรม และกลุ่มเกษตรกรธรรมชาติหนองยอ
จ.ยโสธร เพื่อประเมินผลกระทบทางสังคม โดยมี
นายพาทิน จันทะสิงห์ นายบุญเรือง พุทธบุตร และ
นายสุวิช ธนาคุณ แกนน้ากลุ่มเกษตรกรพร้อมด้วย
ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรเข้าร่วมการประเมิน
วันที่ 29-30 มิถุนายน 2560 ลงพืนที่ขยายผล
การน้าโครงการ วทน. กลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ จ.ยโสธร
ไปใช้ในพืนที่ จ.สงขลา เพื่อประเมินผลกระทบทางสังคม
โดยมี นายนพดล แก้วมณี นายปัญญา แก้วทอง นาง
สุภาวดี มงคลบุตร นางสาวเธียรรัตน์ แก้วนะ และนาย
วรรณะ ขุนเดื่อ แกนน้าจากเครือข่ายชุมชนและตัวแทน
เกษตรกรจาก 5 อ้าเภอ เข้าร่วมการประเมิน
ฝ่ายพัฒนาบุคลากรเพื่อเกษตรและชุมชน ร่วมกับฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม และฝ่ายติดตาม
ประเมินผลองค์กร สวทช. ร่วมประเมินผลกระทบโครงการ “การใช้ วทน. กลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ จ.ยโสธร และ
โครงการการใช้ วทน.สนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์แบบครบวงจรปี 2559”
3
มิถุนายน 2560
10
- 4. เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา
ฝ่ายพัฒนาบุคลากรเพื่อเกษตรและชุมชน
ร่วมกับฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเกษตรและ
ชุมชน จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การผลิตปุ๋ย
มูลไส้เดือน” โดยมีคุณนุจรี โลหะกุล ซึ่งเป็นผู้มี
ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการเลียง
ไส้เดือนดินและผลิตปุ๋ยน้าหมักจากมูลไส้เดือน
จนประสบความส้าเร็จ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้
ให้กับผู้เข้าอบรม การอบรมครังนีมีตัวแทนจาก
หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ก้านันณัฐสิทธิ์ คุ้ม
วงษ์ และเกษตรกรในพืนที่เข้ารับการอบรม โดย
ในช่วงเช้าเป็นการบรรยายความรู้ และภาคบ่าย
เป็นการฝึกปฏิบัติ
หลังจากเข้าร่วมอบรมฯ เกษตรกร
แกนน้าในชุมชนได้ทดลองเลียงไส้เดือนและ
ขยายพันธุ์เพื่อส่งต่อให้สมาชิกในกลุ่มได้ทดลอง
เลียงและทดลองผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนใช้ใน
ครัวเรือน
โครงการหมู่บ้านบิวเวอเรียบ้านนาคู ปี 3 จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือน”
ณ กลุ่มรวมพลังเกษตรชีวภาพบ้านนาคู อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
4
ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดิน (Vermicompost) หมายถึง เศษซากอินทรีย์วัตถุต่างๆ รวมทังดินและจุลินทรีย์ที่ไส้เดือนดินกิน
เข้าไปแล้วผ่านกระบวนการย่อยสลายอินทรียวัตถุเหล่านันภายในล้าไส้ของไส้เดือนดิน แล้วขับถ่ายเป็นมูลออกมา ซึ่งมูลที่ได้จะ
มีลักษณะเป็นเม็ดสีด้า มีธาตุอาหารปริมาณสูงที่พืชสามารถน้าไปใช้ได้ อีกทังยังมีจุลินทรีย์จ้านวนมาก
- 5. สืบเนื่องจากสมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งมณฑลกวางโจว
(Guangzhou Seed Trade Association) และคณะบริษัทเมล็ดพันธุ์
จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางมาร่วมงาน “วันถ่ายทอด
เทคโนโลยี: เมล็ดพันธุ์พืชไทยสู่สากล 2560” เมื่อวันที่ 4 มีนาคม
2560 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์วิจัยพืชไร่เชียงใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
ซึ่ง สวทช. ร่วมจัดกิจกรรมกับกรมวิชาการเกษตร โดยคณะ
นักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เจรจาธุรกิจกับตัวแทน
บริษัทเมล็ดพันธุ์ไทย ซึ่งผู้แทนฝ่ายจีนได้แสดงความสนใจทังเรื่อง
การค้าเมล็ดพันธุ์และการทดสอบพันธุ์ร่วมกับไทย โดยการทดสอบ
พันธุ์จะเป็นการปลูกทดสอบพืชพันธุ์ไทยในสภาพภูมิอากาศของจีน
ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่และมีแนวโน้มการน้าเข้าเมล็ดพันธุ์พืชจากไทย
เพิ่มขึน โดยเฉพาะเมืองกวางโจวที่ถือเป็นศูนย์กลางการค้าเมล็ด
พันธุ์ที่ส้าคัญของจีนตอนใต้มีความต้องการน้าเข้าเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้
ในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ
สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์แห่งกวางโจว จึงได้เชิญผู้แทนจาก
สวทช. เดินทางเยือนเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐ
ประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน 2560 เพื่อประชุมหารือ
ความร่วมมือวางแผนการทดสอบปลูกและจัดแสดงพันธุ์พืชไทย ณ
สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรแห่งเมืองกวางโจว
รวมทังประชุมหารือความร่วมมือกับ Guangzhou Academy of
Agricultural Sciences (GZAAS) และ เยี่ยมชม Seed and Breeding
Industry Town
10
มิถุนายน 2560
การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อหารือความร่วมมือการทดสอบและจัดแสดงพันธุ์พืช
วันที่ 5 - 8 มิถุนายน 2560
ณ เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
5
งานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี: เมล็ดพันธุ์พืชไทยสู่สากล 2560
การหารือด้านการค้าและความร่วมมือระหว่าง
สวทช. บริษัทเมล็ดพันธุ์ไทย และคณะนักธุรกิจ
จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
- 6. ผลจากการประชุมหารือความร่วมมือ
การทดสอบปลูกและจัดแสดงพันธุ์พืช สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์กวางโจวได้เชิญให้ไทยร่วมส่งเมล็ดพันธุ์พืช
300-500 สายพันธุ์ทดสอบปลูก ณ ฐานสาธิตการเพาะปลูก (นานาชาติ) กวางโจว ของ GZAAS เพื่อจัดแสดงพันธุ์ในช่วง
เดือนพฤษภาคม 2561 โดยจะจัดพืนที่เฉพาะส้าหรับประเทศไทย (Thailand Section) ซึ่งกลุ่มพืชพันธุ์ไทยที่จีนให้ความสนใจ
เป็นพิเศษคือ พันธุ์ที่มีคุณสมบัติทนร้อนและโรคไวรัส ได้แก่ ข้าวโพด พริก แตงกวา มะเขือเทศ มะระ บวบเหลี่ยม เป็นต้น
ทังนี สวทช. จะประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยส่งพันธุ์พืชเข้าร่วมการจัดแสดงพันธุ์ รวมทังเป็นตัวกลาง
รวบรวมเมล็ดพันธุ์และข้อมูลสายพันธุ์เพื่อร่วมจัดแสดงในช่วงดังกล่าว
6
การจัดแสดงพันธุ์พืช ณ ฐานสาธิตการเพาะปลูก
(นานาชาติ) กวางโจว น้าเสนอและขายพันธุ์พืช
โดยมีป้ายข้อมูลพันธุ์และข้อมูลติดต่อเจ้าของพันธุ์
เพื่อการติดต่อเจรจาการค้าให้ผู้ที่สนใจ
ความร่วมมือทางวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยี GZAAS มีความสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือกับ สวทช.
ในประเด็นต่อไปนี
1) ความร่วมมือวิจัยด้านการเกษตร เช่น พันธุ์มะเขือเทศต้านทานไวรัสใบหงิกเหลือง (TYLCV) พันธุ์ข้าวโพดหวาน/
ข้าวโพดข้าวเหนียว/พริกทนร้อน การทดสอบชุดตรวจโรคพืชของ สวทช. ได้แก่ ชุดตรวจโรคพืชวงค์แตง เป็นต้น
2) การแลกเปลี่ยนบุคลากรวิจัยและการถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้เครื่องหมายโมเลกุลปรับปรุงพันธุ์มะเขือเทศให้
ต้านทานต่อโรคใบหงิกเหลือง
3) การแลกเปลี่ยนเชือพันธุกรรมพืช
การเยี่ยมชมและหารือความร่วมมือกับ GZAAS
Guangzhou Academy of Agricultural Sciences (GZAAS) เป็นหน่วยงานวิจัยด้านการเกษตรหลักของจีนตอนใต้ มีหน้าที่หลักพัฒนาพันธุ์พืช
เช่น ผักใบ สค๊วอช พริก ข้าวโพด มะเขือเทศ และข้าว เพื่อการใช้งานของภาคการเกษตร และยังเป็นแหล่งเก็บเชือพันธุกรรม (Germplasm
Bank) โดยรวบรวมเชือพันธุกรรมจากทั่วโลกกว่า 6,500 สายพันธุ์ และกว่า 100 seedlings ท้าหน้าที่ผลิตเนือเยื่อพืช (tissue culture) เพื่อ
รองรับการใช้งานของภาคการเกษตร รวมถึงการให้บริการด้านการตรวจโรคพืชและออกใบรับรอง และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร
ให้แก่ประชาชนจีน
- 8. จากการด้าเนินการท้าปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับ
กองในพืนที่ กม.15 ที่สามารถรองรับกองวัสดุได้ถึง 60
ตัน แต่พืนที่ดังกล่าวมีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นมาก
ถึงแม้จะปรับค่า C:Nxratio ให้อยู่ระหว่าง 20:1 ตาม
อัตราส่วนแล้วก็ตาม แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ความชืน
และวัชพืชไม่สามารถย่อยสลายได้ หรือใช้เวลาในการ
ย่อยสลายนานถึง 9 เดือน
(กองเศษวัชพืชที่ไม่ย่อยสลายในพืนที่โรงปุ๋ยในโครงการพัฒนาดอยตุงฯ)
ผลการด้าเนินงาน: สวทช. ภาคเหนือ ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ด้าเนินการจัดฝึกอบรมให้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเกษตร โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เจ้า
หน้าที่จากสถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง และหน่วยงานใน
พืนที่ ใช้เทคนิคการท้าปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกอง
และการใช้จุลินทรีย์เร่งการย่อยสลายเศษวัสดุเหลือทิง
ซึ่งสามารถย่อยสลายเศษวัสดุโดยใช้เวลา 3 เดือน และ
สามารถจัดการความชืนด้วยวิธีการคลุมพลาสติก เพื่อ
ไม่ให้สูญเสียความชืน สามารถควบคุมความชืนได้ที่
60% ปัจจุบันสามารถขยายผลการด้าเนินการจากผลิต
ปุ๋ยจาก 20..ตัน เป็น 150 ตัน เพื่อใช้ในโครงการพัฒนา
ดอยตุง
แหล่งข้อมูล :
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐปน ชื่นบาล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธีระพงษ์ สว่างปัญญางกูร
ผู้เรียบเรียง
นายเรืองฤทธิ์ ริณพัฒน์
8
- 9. 9
หมู่บ้านเครื่องแกง สงขลา
กลุ่มวิสาหกิจเครื่องแกงบ้านทุ่งเอาะ อ.จะนะ จ.สงขลา ก่อตังเมื่อปี 2551
ได้รับการพัฒนาและยกระดับเป็นหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปี
2559 จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เริ่มจากคณะวิทยาศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยราช-
ภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
เครื่องแกงบ้านทุ่งเอาะ ให้ช่วยแก้ปัญหาการเน่าเสียของผลิตภัณฑ์และช่วยยืดอายุการ
เก็บเครื่องแกง ทีมอาจารย์ของศูนย์วิทยาศาสตร์ มรภ.สงขลา ได้ขอทุนจาก
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนากลุ่มดังกล่าวให้เป็นหมู่บ้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี โดยได้รับทุนสนับสนุนปี 2556-2558 พร้อมทังขอความช่วยเหลือจาก
ผู้เชี่ยวชาญของ สวทช. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จากการด้าเนินงานอย่างต่อเนื่อง ท้า
ให้ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครื่องแกงบ้านทุ่งเอาะ สามารถผลิตเครื่องแกงเพิ่มขึน
จากเดิมสัปดาห์ละ 50-60 กก. เพิ่มเป็น 200-220 กก. หรือประมาณ 3-4 เท่า โดย
มีก้าลังการผลิตเพิ่มขึนทุกปี เนื่องจากผลของการถ่ายทอดความรู้ด้าน GHP/GMP โดย
ความร่วมมือกับ มรภ.สงขลา
ทังนี นายชายกร สินธุสัย ผู้เชี่ยวชาญ ได้เข้ามาประเมินปัญหาในช่วงแรก
พบว่ามี 2 ประเด็น คือ ปริมาณเชือจุลินทรีย์เกินค่าที่ก้าหนด และสถานที่ผลิตยังไม่ได้
มาตรฐาน จึงได้เสนอแนะแนวทางการปรับปรุงแก้ไขร่วมกับกลุ่มฯ และนักวิจัย รวมทัง
ร่วมจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร (GHP) การพัฒนา
บรรจุภัณฑ์และการตลาด เพื่อเป็นพืนฐานความรู้และใช้ปฏิบัติงาน ส่งผลให้กลุ่มฯ
สามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหา และพัฒนามาตรฐานจนขอการรับรองสถานที่ผลิต
อาหารและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ได้รับเลขสารบบอาหาร (เลข อย.) รวมทังมาตรฐาน
ฮาลาล และ มผช. ส่งผลให้ได้รับการคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างของจังหวัด ท้าให้มีการ
ผลิตที่ต่อเนื่อง สร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิก เกิดความสุขความสามัคคีในชุมชน โดย
ในปัจจุบันมีการต่อยอดสู่ทายาทคนรุ่นใหม่ เพื่อสืบสานอาชีพ และใช้ความรู้ด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศมาเพิ่มช่องทางการตลาดและหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ จนสามารถ
สร้างความยั่งยืนให้แก่กลุ่มฯ ในอนาคตได้ต่อไป
มิถุนายน 2560
10
- 11. ราวต้นเดือนมิถุนายน เหล่าสี่สาวต่างวัยจาก สท.
นั่งรถตู้มุ่งหน้าสู่ อ.แจ้ห่ม จ.ล้าปาง จัดกิจกรรมเฟ้นหา
“ทายาทเกษตรกร” ผ่านเวทีการประชุมเสวนา “ทายาท
เกษตรกรรุ่นใหม่ ก้าวไกลด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม” โดยความร่วมมือระหว่าง สวทช. และ
ส้านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยจังหวัดล้าปาง (สนง.กศน.ล้าปาง)
การจัดประชุมเสวนาครังนีจัดขึนระหว่างวันที่ 7-8
มิถุนายน 2560 ณ ห้องประชุมร่มไทร สนง.กศน.ล้าปาง
มุ่งเน้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโลกทัศน์การท้า
เกษตรโดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ค้นหา
และวิเคราะห์ตนเอง รวมทังสร้างแนวทางการพัฒนา
ตนเองเพื่อก้าวสู่การเป็นทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่ด้วย
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยมีเกษตรกร
และครู กศน. ในพืนที่เครือข่ายของ กศน. ภาคเหนือเข้า
ร่วมกว่า 270 คน
กิจกรรมแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการถ่ายทอดประสบ-
การณ์จากคนรุ่นใหม่ที่ประสบความส้าเร็จในการท้าเกษตร
ผ่านเวทีเสวนา “จุดประกายสร้างธุรกิจเกษตรที่ยั่งยืนด้วย
วทน.” และการฝึกปฏิบัติด้วยเครื่องมือ SWOT..Analysis
เพื่อวิเคราะห์ตนเอง ปัจจัยภายนอก อุปสรรคและปัญหา
ในการท้าเกษตร รวมทังสร้างแนวทางเพื่อพัฒนาตนเองสู่
การเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่
ในวันแรกของกิจกรรม มีเกษตรกรและคุณครู
กศน. จากอ้าเภอแจ้ห่ม อ้าเภอห้างฉัตร และอ้าเภอเมือง
จ.ล้าปาง จ้านวน 133xคน เข้าร่วมกิจกรรม โดยได้รับ
เกียรติจากนางสาวทิพวรรณ เตียงธวัช รองผู้อ้านวย
การ สนง.กศน.ล้าปาง เป็นประธานในการกล่าวต้อนรับ
และกล่าวเปิดการประชุมเสวนา
การเสวนาเพื่อจุดประกายการสร้างธุรกิจ
เกษตรที่ยั่งยืนด้วย วทน. เริ่มด้วยหนุ่มน้อยจากที่ราบ
สูง เกษตรกรรุ่นใหม่จากมหาสารคาม “น้องปลิว-
นายพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์” ผู้ประกอบธุรกิจฟาร์ม
ผักออร์แกนิก “แก้วพะเนาว์ Young Smart Farmer”
และอีกหนุ่มจากดอยสูง “น้องลี-นายอายุ จือเปา” ผู้
ก่อตังกาแฟแบรนด์ “อาข่าอามา” มาแชร์ประสบการณ์
การท้าเกษตร โดยมีนางสาววิลาวัณย์ เอือวงศ์กูล
นักวิชาการอิสระ เป็นผู้ด้าเนินรายการ
ทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่ ก้าวไกลด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
11
คุณพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ คุณวิลาวัณย์ เอือวงศ์กูล
และคุณอายุ จือเปา
น.ส.ทิพวรรณ เตียงธวัช รองผู้อ้านวยการ สนง.กศน.ล้าปาง
ประธานกล่าวเปิดการประชุมเสวนา
มิถุนายน 2560
10
- 12. กิจกรรมในวันที่สองมีเกษตรกรและครู กศน.
จาก 10 อ้าเภอในจังหวัดล้าปางและเชียงใหม่ รวม 144
ราย เข้าร่วม ในวันนีคุณวุฒิเสก ทิพันธุ์ ซึ่งได้รับ
รางวัลผญาดีศรีล้านนา สาขาเกษตรศาสตร์และ
เทคโนโลยี ปี 2560 จากการคิดค้นทดลองผลิตเมล็ด
ข้าวที่ดีให้ผลผลิตดี เหมาะกับพืนที่และสร้างผลตอบ
แทนสูง ได้ร่วมพูดคุยในเวทีเสวนา ซึ่งคุณวุฒิเสก เล่า
ว่าตนเองเป็นเกษตรกรแต่ก้าเนิด แม้จะมีการศึกษา
น้อย แต่ใจรัก เคยไปท้างานต่างประเทศ น้าความรู้ที่
ได้กลับมาปรับใช้ในชีวิตประจ้าวัน ศึกษาวิธีการท้า
เกษตรยุคใหม่ พัฒนาและทดลองผลิตปุ๋ย ผลิตเมล็ด
พันธุ์ และปรับพืนที่ท้าการเกษตรเป็นศูนย์การเรียนรู้
จนประสบความส้าเร็จ
ขณะที่น้องปลิวได้เล่าเสริมจากวันแรกว่า
นอกจากหลอกล่อคนในชุมชนให้มองเห็นการสร้าง
ตลาดเพื่อจ้าหน่ายผลผลิตแล้ว การเป็นเกษตรกร
จะต้องรู้จักหลอกล่อแมลงศัตรูพืชด้วย พร้อมแนะน้า
แนวทางการศึกษาอายุพืช ศัตรูพืช ท้านองรู้เขารู้เรา
รบร้อยครังชนะร้อยครัง
บทเรียนส่งท้าย สามารถสรุปสิ่งที่ได้เห็นจาก
เกษตรกรรุ่นใหม่ในครังนีว่า ความรู้สึกรักในอาชีพ
ส้านึกรักบ้านเกิด และความมุ่งมั่นเป็นสิ่งส้าคัญ การมี
วิธีคิดที่รอบด้านด้วยอาศัยจากประสบการณ์หรือช่อง
ทางการเรียนรู้อื่นๆ การมีเครือข่ายและการมีเพื่อนที่ดี/
ครูอาจารย์ที่ดี/ที่ปรึกษาที่ดี เป็นแรงหนุนส้าคัญ สุดท้าย
ต้องไม่ปิดกันตัวเองที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา และอายุไม่ใช่
อุปสรรคในการท้าเกษตร
น้องปลิวเล่าว่า ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมาเป็นเกษตรกร ซึ่งแรกเริ่มพ่อแม่ไม่เห็นด้วย จึงได้ขอเวลา 3 ปี เพื่อพิสูจน์
ตัวเอง ท้าตามเป้าหมายที่วางไว้คือ จะท้าเกษตรให้สามารถเลียงชีพตัวเองได้อย่างยั่งยืน เริ่มต้นด้วยการวางแผนจัด
การเงินที่ดี โดยแบ่งเป็น 3.ส่วน คือ 30% เป็นเงินลงทุนคงที่ 30% เป็นเงินลงทุนหมุนเวียน และ 40% เป็นเงินส้าหรับประ-
กันความเสี่ยง นอกจากนียังท้าแผนส้าหรับการท้าเกษตรไว้ 6 ข้อ คือ 1) วิเคราะห์ดิน 2) เลือกชนิดพืชที่ปลูก 3) ตลาดน้า
4) ปฏิทินปลูก 5) แผนการผลิต และ 6) ศึกษาโรค-แมลงตามชนิดพืชที่ปลูก ปัจจุบันน้องปลิวได้ขยายแนวคิดและได้รับ
การยอมรับจากครอบครัว ชุมชนทังในและนอกพืนที่
ส่วนน้องลีเล่าว่า พ่อแม่รู้สึกว่าคนที่ท้าเกษตรอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่คนที่เรียนจบมาแล้วท้าเกษตรนันไม่ปกติ ถ้า
ท้าเกษตรแล้วไม่สามารถท้าได้สุดกระบวนการ จะไม่สามารถแลกเป็นเงินได้ เคยเอาผลผลิตไปแลกค่าเทอมไม่ได้ จึงคิดว่า
มีอะไรต้องขาย ต้องได้เงิน แต่ตนคิดว่า เกษตรที่ท้าไม่ใช่จะสร้างมูลค่าไม่ได้ เพราะมีทังคุณค่าและมูลค่า อาจเป็นเพราะ
การท้าเกษตรแบบพ่อแม่ไม่มีแบบแผน ขาดการวางแผน บางทีสินค้าดี แต่ขายไม่ได้ เพราะแบรนด์ รูปลักษณ์ของ
ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการจัดการซึ่งเป็นเรื่องส้าคัญ น้องลีเริ่มท้าเกษตรเพราะเห็นโอกาสจากราคากาแฟที่ตกต่้า อาศัย
เครือข่ายจากภายนอกมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจก้าวไกลไปในระดับโลกเพราะเปิดตลาดจากภายนอก
12
กิจกรรมวิเคราะห์ตนเองและระดมสมองประเด็นการท้าเกษตร
คุณวุฒิเสก ทิพันธุ์ คุณวิลาวัณย์ เอือวงศ์กูล
และคุณพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์
- 13. มิถุนายน 2560
10
สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.)
3-4 งานสัมมนาวิชาการด้านเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ (Seminar on Updated Seed Technology) และการประชุมเชิงปฏิบัติ
การด้านการทดสอบเมล็ดพันธุ์ (Workshop on Seed Testing) ณ ห้องดอยสุเทพ 1-2 โรงแรมแคนทารี่ฮิลล์ อ. เมือง
จ. เชียงใหม่
ฝ่ายยุทธศาสตร์และสร้างพันธมิตร (SND)
4-7…ฝ่ายพัฒนาบุคลากรเพื่อเกษตรและชุมชน
(AHD) และฝ่ายยุทธศาสตร์และสร้างพันธมิตร (SND)
ติดตามงานโครงการต่อเนื่องพืนที่น่าน (อ.บ่อเกลือ)
และน้าทีมนักวิจัย NECTEC และ ศวพ.1 ร่วมลงพืนที่
ศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตังระบบเซนเซอร์ใน
โรงเรือนผลิตพืชผักปลอดภัย (อ.สันติสุข)
ฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TIM)
8-9…ติดตามงานในพืนที่เต่างอย จ.สกลนคร
11-16...ร่วมกับ วว. จัดนิทรรศการโครงการ “การ
พัฒนาเกษตรกรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม (Innovative Agriculture InnoAgri 2017)”
ณ เทศบาล ต.บึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
15-16 ติตตามงานในพืนที่บ่อเกลือ จ.น่าน ร่วมกับ
มจธ. และจัดอบรมเรื่องน้าใต้ดิน จ.บึงกาฬ
11 อบรมการใช้สื่อให้กับครูพืนที่ จ.นราธิวาวาส
17-19 ประชุมกับสภาเกษตรกร จ.ล้าปาง
19-21 อบรมการเลืยงชันโรง จ.เชียงใหม่
26-30 ร่วมกับ วว. จัดนิทรรศการโครงการ “การ
พัฒนาเกษตรกรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม (Innovative Agriculture : InnoAgri 2017)”
จ.น่าน
ฝ่ายพัฒนาพื้นที่เพื่อเกษตรและชุมชน (ABD)
13-16 ร่วมงานนิทรรศการงาน World HAPEX 2017
โชว์เทคโนโลยี Most Station Zone ยกระดับคุณภาพ
ชีวิตชายแดนใต้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลอง-
สิริราชย์สมบัติครบ 60 ปีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
14-16..จัดนิทรรศการร่วมกับ วว. โครงการ “การ
พัฒนาเกษตรกรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม(Innovative Agriculture : InnoAgri 2017)”
ณ เทศบาลต.บึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
13
- 14. ฝ่ายจัดการความรู้เพื่อเกษตรและชุมชน (AKM)
6-7 จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การแปรรูป
ข้าวด้วย วทน. เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรสู่
การเริ่มต้นธุรกิจ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
14-16..จัดนิทรรศการร่วมกับ วว. โครงการ “การ
พัฒนาเกษตรกรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม(Innovative Agriculture : InnoAgri 2017)”
ณ เทศบาลต.บึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
13-16 ร่วมจัดนิทรรศการงาน World HAPEX 2017
โชว์เทคโนโลยี Most Station Zone ยกระดับคุณภาพ
ชีวิตชายแดนใต้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริ-
ราชย์สมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
18-19 ลงพืนที่เก็บข้อมูลการจัดการระบบน้ารูปแบบ
ต่างๆ ณ แก้วพะเนาว์ออแกนิคฟาร์ม บ้านหนองบัว
ต.นาภู อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม
มิถุนายน 2560
10
14
ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเกษตรและชุมชน (ATT)
12-14.. จัดนิทรรศการร่วมกับ วว. โครงการ “การ
พัฒนาเกษตรกรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
นวัตกรรม(Innovative Agriculture : InnoAgri 2017)”
ณ เทศบาลต.บึงบูรพ์ อ.บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ
18-19 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การจัด
การระบบน้าแบบต่างๆ อย่างครบวงจร ณ แก้วพะ-
เนาว์ออแกนิค ฟาร์ม บ้านหนองบัว ต.นาภู อ.ยางสีสุ
ราช จ.มหาสารคาม
21 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การใช้สารชีว-
ภัณฑ์ (บิวเวอร์เรีย) ณ ศจช. ต.มะเกลือใหม่
อ.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
25 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การใช้สารชีว-
ภัณฑ์ (บิวเวอร์เรีย) ณ ศจช. บ้านนายางเหนือ
อ.ภูกระดึง จ.เลย