SlideShare a Scribd company logo
1 of 15
Download to read offline
อันตรายของชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ
[ ไทย – Thai – ‫ﺗﺎﻳﻼﻧﺪي‬ ]
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย
แปลโดย : อัสรัน นิยมเดชา
ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต
อัล-มุลกอฮฺ
2013 - 1434
‫الﺮاﻓﻀﺔ‬ ‫ﺧﻄﺮ‬
»‫ﺎلﻠﻐﺔ اﺘﻟ‬‫ﺎﻳﻼﻧﺪﻳ‬‫ﺔ‬«
‫د‬.‫الﺸﻘﺎوي‬ �‫ﻋﺒﺪا‬ ‫ﺑﻦ‬ �‫أﻣ‬
‫ﺮﻤﺟﺔ‬:‫ﻧﻴﻮﻣﺪ�ﺸﺎ‬ ‫ﺮﺼان‬
‫مﺮاﺟﻌﺔ‬:‫ﻋﺜﻤﺎن‬ ‫ﺎﻲﻓ‬
‫ﻤﻟﺼﺪر‬:‫اﻤﻟﻠﻘﺎة‬ ‫اﻤﻟﻨﺘﻘﺎة ﻣﻦ الﻠﻜﻤﺎت‬ ‫اﺪﻟرر‬
2013 - 1434
3
ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ผูทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ
อันตรายของชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ
มวลการสรรเสริญเปนสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจําเริญ
และศานติจงประสบแดทานเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณวาไม
มีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองคเดียว ไมมีภาคีใดๆ
สําหรับพระองค และฉันขอปฏิญาณวามุหัมมัดเปนบาว
ของอัลลอฮฺและเปนศาสนทูตของพระองค
อัลลอฮฺตะอาลาตรัสวา
﴿َ‫ِن‬‫ع‬
ُ
‫ل‬َ‫ِين‬
ّ
َ�
ْ
‫وا‬ُ‫ر‬
َ
‫ف‬
َ
�ۢ‫ن‬ِ‫م‬ٓ ِ�َ‫ب‬
َ
‫ِيل‬‫ء‬ٰ َٓ�ۡ‫س‬ِٰ َ َ
�ِ‫ان‬ َ‫ِس‬‫ل‬
َ
‫ۥد‬ُ‫او‬
َ
‫د‬َ�‫ِي‬‫ع‬َ‫و‬ِ‫ن‬ۡ‫ٱب‬َۚ‫م‬َ�ۡ‫ر‬َ‫م‬
َ
‫ِك‬‫ل‬َٰ
�
‫ا‬َ‫م‬ِ‫ب‬
ْ
‫وا‬ َ‫ص‬
َ
‫ع‬
ْ
‫وا‬
ُ
‫ن‬
َ
�َّ
َ
‫ون‬ُ‫د‬َ‫ت‬ۡ‫ع‬َ�٧
ْ
‫وا‬
ُ
‫ن‬
َ
�
َ
�
َ
‫ن‬ۡ‫و‬
َ
‫اه‬َ‫ن‬
َ
‫ت‬َ‫ي‬‫ن‬
َ
‫ع‬ٖ‫ر‬
َ
‫نك‬ُّۚ
ُ‫وه‬
ُ
‫ل‬َ‫ع‬
َ
�َ‫س‬
ۡ
‫ئ‬ِ
َ
�‫ا‬َ‫م‬
ْ
‫وا‬
ُ
‫ن‬
َ
�
َ
‫ون‬
ُ
‫ل‬َ‫ع‬
ۡ
‫ف‬َ�٧﴾]‫ﻤﻟﺎﺋ‬‫ﺪة‬:٧٨-٧٩[
ความวา "บรรดาผูที่ปฏิเสธศรัทธาในหมูวงศวานอิสรออีลนั้นไดถูก
สาปโดยถอยคําของดาวูดและอีซาบุตรของมัรยัม นั่นก็เนื่องจาก
การที่พวกเขาฝาฝน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน ปรากฏวาพวก
เขาตางไมหามปรามกันในสิ่งไมชอบที่พวกเขาไดกระทํามันขึ้น
ชางเลวรายจริงๆ สิ่งที่พวกเขากระทํา” (อัล-มาอิดะฮฺ: 78-79)
4
อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เลาวา ทานนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กลาววา
»
ْ
‫ﻊ‬ِ‫ﻄ‬َ‫ﺘ‬ ْ‫ﺴ‬َ� ْ‫ﻢ‬
َ
‫ل‬
ْ
‫ن‬ِ‫ﺈ‬
َ
‫ﻓ‬ ،ِ‫ﻪ‬ِ‫ﻧ‬‫ﺎ‬ َ‫ﺴ‬ِ‫ﻠ‬ِ‫ﺒ‬
َ
‫ﻓ‬
ْ
‫ﻊ‬ِ‫ﻄ‬َ‫ﺘ‬ ْ‫ﺴ‬َ� ْ‫ﻢ‬
َ
‫ل‬
ْ
‫ن‬ِ‫ﺈ‬
َ
‫ﻓ‬ ،ِ‫ه‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﻴ‬ِ� ُ‫ه‬ْ ِّ�َ‫ ﻓَﻠْﻴُﻐ‬‫ا‬ً‫ﻢْ ﻣُﻨْﻜَﺮ‬ُ�ْ‫ﻣِﻨ‬ ‫َﻦْ رَأَى‬
ِ‫ﺎن‬َ‫ﻳﻤ‬ِ
ْ
‫اﻹ‬
ُ
‫ﻒ‬َ‫ﻌ‬
ْ
‫ﺿ‬
َ
‫أ‬
َ
‫ﻚ‬ِ‫ل‬
َ
‫ذ‬َ‫و‬ ،ِ‫ﻪ‬ِ‫ﺒ‬
ْ
‫ﻠ‬
َ
‫ﻘ‬ِ‫ﺒ‬
َ
‫ﻓ‬«]‫روا‬‫ﺑﺮﻗﻢ‬ ‫مﺴﻠﻢ‬ ‫ه‬٤٩[
ความวา “ผูใดในหมูทานเห็นสิ่งที่ไมถูกตองก็จงเปลี่ยนแปลงสิ่ง
นั้นดวยมือของเขา ถาหากเขาไมมีความสามารถก็จง
เปลี่ยนแปลงดวยลิ้นของเขา แตถาหากเขาไมมีความสามารถก็
จงเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นดวยหัวใจของเขา และนั่นคือขั้นต่ําที่สุด
ของระดับความศรัทธา” (บันทึกโดยมุสลิม: 49)
ทั้งนี้ ความชั่วรายที่เปนอันตรายตอหลักศรัทธาและคํา
สอนของศาสนามากที่สุดประการหนึ่ง คือฟตนะฮฺความหลงผิด
ที่เกิดจากกลุม “ชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ” ซึ่งเผยแพรหลักความเชื่อ
ของพวกเขาไปทั่วทุกหนแหง โดยที่พวกเขาแสดงออกใหผูคน
เขาใจวาความเท็จความบิดเบือนของพวกเขานี่แหละคือ
หลักการอิสลามที่ถูกตอง!
ที่แยไปกวานั้นคือมีผูคนบางกลุมซึ่งรูเทาไมถึงการณ
ออกมาเรียกรองเชิญชวนไปสูการปรองดองสมานฉันทระหวาง
5
ชาวสุนนียและชาวชีอะฮฺ โดยอางวาความแตกตางระหวางเรา
กับเขานั้นเปนเพียงในสวนของเรื่องปลีกยอย ทั้งที่ในความเปน
จริงแลวเปนความแตกตางในประเด็นที่ถือเปนแกนสําคัญของ
หลักยึดมั่นศรัทธา เพราะแนวคิดของกลุมรอฟเฎาะฮฺนั้นเต็มไป
ดวยสิ่งที่เปนการตั้งภาคีและปฏิเสธศรัทธา ซึ่งเขาขายที่จะ
สงผลใหสิ้นสภาพความเปนมุสลิมเสียดวยซ้ํา และเปนที่นาเศรา
ใจวายังมีชาวสุนนียทั่วไปอีกจํานวนมากที่ไมทราบเรื่องเหลานี้
เพราะอุละมาอชีอะฮฺมิไดเผยแพรตําราสําคัญๆ ที่ระบุถึงหลัก
ความเชื่อของพวกเขาใหคนทั่วไปไดศึกษาหาอานได (หนังสือ บุฏ
ลาน อะกออิด อัชชีอะฮฺ โดย มุหัมมัด อัต-ตูนิสีย หนา 5-6)
ณ ที่นี้ ขาพเจาจึงขอชี้แจงหลักอะกีดะฮฺที่บิดเบือนหลง
ผิดบางประการของพวกเขาในภาพรวม โดยอางอิงขอมูลจาก
ตํารับตําราและหนังสือที่พวกเขาเชื่อถือและใหการยอมรับ
ประการแรก: แนวคิดและความเชื่อที่พวกเขามีตออิมาม
จํานวนสิบสองทาน
อัล-กุลัยนีย ไดระบุใน อุศูล อัล-กาฟย (‫ﻮل الﺎﻜﻲﻓ‬) ซึ่ง
เปนตําราที่มีความถูกตองมากที่สุดในมุมมองของพวกเขา
6
เปรียบไดกับ เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย ของชาวสุนนีย วา “บรรดาอิ
มามทั้งหลายนั้น หากวาพวกทานประสงคที่จะรูสิ่งใดพวกทานก็
สามารถที่จะรูได และพวกทานยังรูดวยวาตัวเองจะตายเมื่อไร
ทั้งนี้ พวกทานจะตายก็ตอเมื่อพวกทานสมัครใจที่จะตาย
เทานั้น” (เลม 1 หนา 258-260)
ในขณะที่ ฮาชิม อัล-บะหฺรอนีย ไดมอบคุณลักษณะ
ของความเปนพระเจาแกบรรดาอิมามเหลานั้น โดยเขากลาวใน
หนังสือชื่อ ยะนาบีอฺ อัล-มะอาญิซ วะ อุศูล อัด-ดะลาอิล
(‫وأﺻﻮل اﺪﻟﻻﺋﻞ‬ ‫ﺎﺑﻴﻊ اﻤﻟﻌﺎﺟﺰ‬) วา “พวกทานเหลานั้นมีความรอบรู
ในสิ่งที่อยูบนทองฟา และสิ่งที่อยูบนพื้นดิน พวกทานรอบรูในสิ่ง
ที่เคยเกิดขึ้น และสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น รูสิ่งที่เกิดขึ้นและดําเนินไป
ไมวาจะเปนเวลากลางคืนหรือกลางวันอยางทันทวงที
นอกจากนี้พวกทานเหลานั้นยังมีความรูเหมือนกับความรูของ
บรรดานบี และมีมากกวาเสียอีก” (บทที่สี่ หนา 35-42) สวนอับดุล
หุสัยนฺ อัล-อะมีนีย อัน-นะญะฟย (นักวิชาการรวมสมัยของพวก
เขา) ไดกลาวในหนังสือ อัล-เฆาะดีร (‫اﻟﻐﺪﻳﺮ‬) วา “บรรดาอิมาม
คือลูกหลานของอัลลอฮฺ และเปนทายาทผูสืบสันดานของ
ทานอะลี” (เลม 1 หนา 214-216)
7
นอกจากนี้ขาพเจายังไดยินนักวิชาการของพวกเขาบาง
คนกลาวในเทปเสียงตอนหนึ่งวา “อัล-มะฮฺดียไดลงไปในชั้นใต
ดินตั้งแตทานมีอายุไดหาขวบ โดยที่ทานยังคงรับรูถึงทุกสิ่งที่
เกิดขึ้นทั่วอณูจักรวาล!”
ประการที่สอง: ความเชื่อที่พวกเขามีตออัลกุรอาน
กลุมรอฟเฎาะฮฺเชื่อวาอัลกุรอานที่มีอยูทุกวันนี้ ไมใช
อัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาแกทานนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม แตเปนอัลกุรอานที่ถูกบิดเบือนแกไขดวยการ
เพิ่มเติมหรือตัดทอนแลว โดยอุละมาอของพวกเขาสวนใหญ
ยืนยันความคิดนี้ ดังที่ อัน-นูรีย อัฏ-ฏ็อบเราะสีย ไดระบุไวใน
หนังสือ ฟศลฺ อัล-คิฏอบ ฟ อิษบาต ตะหฺรีฟ กิตาบ ร็อบบิล
อัรบาบ (‫اﻷر�ﺎب‬ ‫رب‬ ‫ﻛﺘﺎب‬ ‫ﺤﺗﺮ�ﻒ‬ ‫ اﺨﻟﻄﺎب ﻲﻓ إﺛﺒﺎت‬)
ในขณะที่ อัล-กุลัยนีย ไดกลาวในหนังสือ อุศูล อัล-
กาฟย วา “อัลกุรอานที่ญิบรออีลนําลงมายังมุหัมมัด
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นมีจํานวนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันอา
ยะฮฺ” (เลม 2 หนา 134-242) นั่นก็หมายความวาอัลกุรอานที่
รอฟเฎาะฮฺกลาวอางนั้น มีความยาวมากกวาอัลกุรอานที่เรามี
8
อยู เพราะอัลกุรอานที่มีอยู มีเพียงหกพันกวาอายะฮฺเทานั้น ซึ่ง
เปนอัลกุรอานที่อัลลอฮฺทรงสัญญาวาจะปกปกษรักษา โดย
พระองคตรัสวา
﴿‫ا‬
ّ
َ‫ن‬ُِ‫ن‬
ۡ َ
�‫ا‬َ ۡ
�َّ‫َز‬َ‫ر‬
ۡ
‫ِك‬
ّ
�‫ٱ‬‫ا‬
ّ
َ‫ن‬‫ۥ‬ُ َ
�
َ
‫ون‬
ُ
‫ِظ‬‫ف‬ٰ َ�
َ
‫ل‬٩﴾]‫ﺤﻟﺠﺮ‬:٩[
ความวา “แทจริงเราไดใหขอตักเตือน (อัลกุรอาน) ลงมา และ
แทจริงเราเปนผูรักษามันอยางแนนอน” (อัล-หิจญรฺ: 9)
ทั้งนี้ แมจะมีอัลกุรอานบางสวนที่พวกเขายอมรับ แตถึง
กระนั้นพวกเขาก็ทําการอรรถาธิบายความหมายไปในทางที่
สอดคลองกับความตองการของพวกเขา ดังเชนอายะฮฺตอไปนี้
﴿
ّ
َ‫ن‬َِ ّ
َ�
َ
�ُ‫ِر‬‫ف‬
ۡ
‫غ‬َ�‫ن‬
َ
‫أ‬َ‫ك‬َ ۡ
�ُ�‫ِۦ‬‫ه‬ِ‫ب‬ُ‫ِر‬‫ف‬
ۡ
‫غ‬َ�َ‫و‬‫ا‬َ‫م‬
َ
‫ون‬
ُ
‫د‬
َ
‫ِك‬‫ل‬ٰ َ
�‫ن‬َ‫ِم‬‫ل‬ُۚ‫ء‬
ٓ
‫ا‬
َ
‫ش‬َ�﴾]‫اﻟنﺴﺎء‬:١١٦[
ความวา “แทจริงอัลลอฮฺจะไมทรงอภัยโทษใหแกการที่สิ่งหนึ่ง
จะถูกใหเปนภาคีกับพระองค แตพระองคจะทรงอภัยโทษใหซึ่ง
สิ่งอื่นจากนั้น สําหรับผูที่พระองคทรงประสงค” (อันนิสาอ: 116)
ซึ่ง อัศ-ศอฟย ไดกลาวอธิบายในตัฟสีรของเขาวา พระดํารัสของ
พระองคที่วา “แทจริงอัลลอฮฺจะไมทรงอภัยโทษใหแกการที่สิ่ง
หนึ่งจะถูกใหเปนภาคีกับพระองค” นั้น หมายถึง พระองคจะไม
ทรงอภัยใหแกผูที่ปฏิเสธ ‘วิลายะฮฺ’ (อํานาจการปกครองและความ
9
เปนผูนํา – ผูแปล)ของทานอะลี สวนคําตรัสของพระองคที่วา “แต
พระองคจะทรงอภัยโทษใหซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น สําหรับผูที่พระองค
ทรงประสงค” นั้นหมายถึง สําหรับผูที่ยอมรับในวิลายะฮฺของ
ทานอะลี (เลม 1 หนา 156-163)
และอีกตัวอยางหนึ่งของการตีความอัลกุรอานตาม
อารมณความตองการของพวกเขาคือ ในอายะฮฺที่วา
﴿ۡ‫د‬
َ
‫ق‬
َ
‫ل‬َ‫و‬َ ِ�‫و‬
ُ
‫أ‬
َ
‫ك‬ۡ َ
�ِ‫إ‬
َ
��َ‫ِين‬
ّ
َ�‫ِن‬‫م‬
َ
‫ِك‬‫ل‬ۡ‫ب‬
َ
�ۡ‫ن‬ِ�
َ
‫ل‬َ‫ت‬
ۡ
�َ ۡ
�
َ
‫أ‬َّ‫ن‬َ‫بَط‬ۡ‫ح‬ َ
َ
َ
‫ك‬
ُ
‫ل‬َ‫م‬
َ
�
َّ‫كُو�َن‬
َ
َ�ََ‫ِن‬‫م‬َ‫�ن‬ِ ِ�ٰ َ
�
ۡ
‫ٱل‬٦﴾]‫الﺰمﺮ‬:٦٥[
ความวา “และไดมีวะฮียมายังเจา (มุหัมมัด) และมายังบรรดา
นบีกอนหนาเจา หากเจาตั้งภาคี แนนอนการงานของเจาก็จะไร
ผล และแนนอนเจาจะอยูในหมูผูขาดทุน” (อัซ-ซุมัรฺ: 65)
อัศ-ศอฟย กลาวอธิบายวา “หากเจาใชใหผูใดมีอํานาจการ
ปกครองและเปนผูนําเคียงคูกับอะลี แนนอนการงานของเจาก็
จะไรผล และแนนอนเจาจะอยูในหมูผูขาดทุน” (ตัฟสีรฺ อัศ-ศอฟย
เลม 1 หนา 156-361 และ นูร อัษ-ษะเกาะลัยน เลม 1 หนา 151-488)
สวนโองการที่วา
﴿
َ
‫ون‬ُ‫ِن‬‫م‬
ۡ
‫ؤ‬ُ‫ي‬ِ‫ت‬ۡ‫ب‬ِ
ۡ
�‫ٱ‬ِ‫ب‬ِ‫وت‬
ُ
‫غ‬ٰ َّ�‫َٱل‬﴾]‫اﻟنﺴﺎء‬:٥١[
10
ความวา “โดยที่พวกเขาศรัทธาตออัล-ญิบตฺ (เจว็ดและทุกสิ่งที่ถูก
เคารพสักการะ) และอัฏ-ฏอฆูต (ชัยฏอน)” (อันนิสาอ: 51)
พวกเขากลาวอธิบายวา “หมายถึงอบูบักรฺและอุมัรฺ” (ฟุรูอฺ อัล-
กาฟย เลม 4 หนา 416)
ประการที่สาม: หลักความเชื่อที่พวกเขามีตอบรรดา
เศาะหาบะฮฺและภริยาของทานเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ
อะลัยฮิวะสัลลัม
แนวทางของกลุมรอฟเฎาะฮฺวางอยูบนพื้นฐานของการ
ดาทอสาปแชง และกลาวหาวาบรรดาเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยัล
ลอฮุอันฮุม ลวนเปนผูปฏิเสธศรัทธา โดยพวกเขาเชื่อวา
เศาะหาบะฮฺทั้งหมดไดกลายเปนผูปฏิเสธศรัทธา ยกเวนสาม
ทานเทานั้น ดังที่ อัล-กุลัยนีย ระบุไวในหนังสือ อัล-กาฟย ที่
พวกเขาใหการยอมรับ โดยเขากลาววา “หลังจากที่ทานนบี
ศ็ฮลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากไป ผูคนทั้งหมดตางก็สิ้น
สภาพความเปนมุสลิม (ริดดะฮฺ) ยกเวนบุคคลสามคน คือ อัล-
มิกดาด บิน อัล-อัสวัด, อบูซัรฺ อัล-ฆิฟารีย และสัลมาน อัล-
ฟาริสีย” (อัล-กาฟย เลม 12 หนา 312-322)
11
และในหนังสือ มะฟาตีหฺ อัล-ญินาน ( ‫ﻣﻔ‬‫ﺎﺗﻴ‬‫اﺠﻟﻨﺎن‬ )
ของ อับบาส อัล-กุมมีย ไดระบุถึงดุอาอบทหนึ่งที่มีรายงานมา
จากอุละมาอชีอะฮฺที่มีชื่อเสียง ซึ่งเปนคําวิงวอนขอใหอัลลอฮฺ
ทรงสาปแชงทานอบูบักรฺ, อุมัรฺ และบุตรสาวของทานทั้งสองคือ
ทานหญิงอาอิชะฮฺ และทานหญิงหัฟเศาะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม
โดยถือเปนบทอัซการฺที่ควรกลาวทุกเชาเย็น ซึ่งมีบทขอขึ้นตนวา
»َ‫ﺻ‬ َّ�
ّ
َِ‫ﻋ‬
ُ
�ّ‫ﻤ‬ٍ‫ﺪ‬َ‫و‬َ‫ﻋ‬ِ‫آل‬
َ ُ
�ََّ‫و‬ ،‫ﺪ‬
ْ
‫اﻟ‬َ‫ﻌ‬ْ‫ﻦ‬َ‫ﺻ‬
ُ
‫ﻗ‬ َ�
َ
‫ﻨ‬َ‫و‬ ‫ﺮ�ﺶ‬ِ‫ﺟ‬
ْ
‫ﺒ‬
َ
‫ت‬
ْ
‫ﻴ‬
ُ
‫وﻃﺎﻏ‬ ‫ﻬﺎ‬
َ
‫ﻮﺗ‬‫ﻴﻬﺎ‬
َ‫و‬ِ�
ْ
‫ﻓ‬
َ
‫ﻜ‬َ‫و‬ ‫ﻴﻬﺎ‬ْ‫اﺑ‬
َ
‫ن‬َ‫ﺘ‬
َ
�‫ال‬ ‫ﻴﻬﺎ‬
َ
‫ﺧ‬ ‫ﻳﻦ‬
َ
‫ﺎﻟ‬
َ
‫أ‬ ‫ﻔﺎ‬
ْ
‫م‬َ‫ﺮ‬َ‫ك‬َ‫و‬
َ
�‫أﻧ‬َ‫و‬ ‫ﺮا‬
ْ
‫ﺣ‬َ‫ﻴ‬
َ
‫ﻚ‬...‫إﻟﺦ‬«
ความวา “โออัลลอฮฺ ขอพระองคทรงเศาะลาวาตตอมุหัมมัด
และวงศวานของมุหัมมัด และขอพระองคทรงสาปแชงเจว็ดทั้ง
สองรูปแหงกุร็อยชฺ (หมายถึงทานอบูบักรฺและทานอุมัร - ผูแปล) ผู
เปนรูปเคารพสักการะ เปนชัยฏอนมารราย และความมดเท็จ
บิดเบือนของชาวกุร็อยชฺ พวกเขาทั้งสองฝาฝนคําบัญชาของ
พระองค และไดปฏิเสธวะฮียของพระองค และขอพระองคทรง
สาปแชงบุตรสาวของเขาทั้งสองดวย...จนจบบท” (หนา 114)
นอกจากนี้ พวกเขายังเรียกทานอบูบักรฺ และทานอุมัร
วา “ฟรเอานและฮามาน” (หนังสือกุรเราะตุลอุยูน โดยอัล-กาชานีย
12
หนา 432-433) บางครั้งก็เรียกวา “ผูบูชาเจว็ดทั้งสอง” (ตัฟสีรอัล-
อัยยาชีย เลม 2 หนา 116 และบิหารุลอันวาร หนา 27-58) หรือ “อัล-
ลาต และอัล-อุซซา” (อิกมาลุดดีน โดย อิบนุ บาบะวัยฮฺ อัล-กุมมีย
หนา 246 และ มุก็อดิมะฮฺ อัล-บุรฮาน โดย อบุล หะสัน อัล-อามิลีย หนา
294)
ผูรูของชีอะฮฺบางคนถึงกับระบุวา อัล-มะฮฺดีย ที่พวกเขา
รอคอยจะดลบันดาลใหอบูบักรฺและอุมัรฟนคืนชีพ จากนั้นก็จะ
ตรึงทั้งสองไวกับลําตนอินทผลัม แลวทําการสังหารทั้งสองหนึ่ง
พันครั้งตอวัน! (อัล-อีกอซฺ มิน อัล-ฮัจฺอะฮฺ โดย อัล-หุร อัล-อามิลีย
หนา 287) และขาพเจายังเคยไดยินผูรูของพวกเขากลาวในเทป
เสียงหนึ่งวา “อบูบักรฺ, อุมัรฺ, อุษมาน บรรดาผูรวมใหสัตยาบัน
อัล-อะเกาบะฮฺครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง และเกาจากสิบคน
(หมายถึงสิบทานที่ทานนบีรับรองวาจะไดสวรรค – ผูแปล) ลวนเปน
ชาวนรกทั้งสิ้น”
อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัล-อันดะลุสีย กลาววา
ّ
َ‫ن‬َ‫الﺮ‬َ‫و‬
َ
‫اﻓﺾ‬ّ َ
‫ﺷ‬َ‫ﻣ‬َ‫وﻃﺊ‬ ‫ﻦ‬
َ
‫ﻟﻰﺼ‬ِ‫ﻣ‬
ُ
‫ﻛ‬ ‫ﻦ‬‫ـ‬
ّ
ِ
ْ
�‫إ‬ٍ‫ﺲ‬
َ
‫ﻧ‬‫ـ‬ٍ‫ﺎﻃﻖ‬َ‫ﺟ‬ ‫أو‬‫ــ‬
ّ
‫ﺎن‬
َ
‫ﻗ‬
َ
‫ﺪ‬ُ‫ﺣ‬‫ــ‬‫ا اﻨﻟ‬‫ـ‬َّ
َ
‫وﺧ‬‫ـ‬َ‫أﺻﺤﺎﺑ‬ ‫ﻧﻮا‬ّ‫ﻮ‬‫ﻪ‬‫ورﻣ‬‫ـ‬
ُ
‫ﻮﻫ‬‫ـ‬
ُ
‫ﺑﺎﻟﻈ‬ ‫ﻢ‬‫ﻠ‬‫ـ‬ُ‫واﻟﻌ‬ ‫ﻢ‬‫ــ‬‫ﺪوان‬
َ‫ﺣ‬ّ‫ﺒ‬‫ـ‬
َ
‫ﻗ‬ ‫ﻮا‬‫ـ‬َ�‫ﺮا‬َ‫ﺘ‬‫ـ‬َ‫وﺳ‬ ‫ﻪ‬ّ‫ﺒ‬‫ـ‬
ْ
‫ﺻﺤ‬ ‫ﻮا‬‫ـ‬‫ﺒ‬َ‫ـ‬
ُ
‫ﻪ‬َ‫ﺟ‬‫ـ‬ِ‫ﺪﻻن‬‫ﻋﻨ‬‫ـ‬
َ
‫ﺪ‬ِ‫ﷲ‬‫ا‬ُ‫ﻣ‬َ‫ﻨﺘ‬‫ـ‬
َ
‫ﻘﻀ‬‫ـ‬‫ﺎن‬
13
รอฟเฎาะฮฺนั้นชั่วชาเปนที่สุด เกินมนุษยและญินทั้งหลาย
หมิ่นนบีใสไคลเศาะหาบะฮฺ ทั้งใหรายอยางไมเปนธรรม
แสรงรักวงศวานแตดาทอสหาย มันชางขัดแยงกันเสียเหลือเกิน
อีกทานหนึ่งกลาววา
‫ﻚ‬
ْ
‫ﻨ‬
َ
� ‫ودع‬ِ‫ﺮَّﻓْﺾ واﺒﻟﺪع اﻟَّﻲﺘ‬‫ِ ال‬‫ﻳﻘ‬‫ـ‬‫داﻋﻴ‬ ‫ﻮدك‬‫ـ‬‫ﻬ‬‫ــ‬َّ‫اﻨﻟ‬ َ‫ِﻰﻟ‬‫ــ‬‫واﻟﻌ‬ ‫ﺎر‬‫ـ‬‫ﺎر‬
َ‫ﺤ‬ ْ‫ﺻ‬
َ
‫أ‬ ‫ﺧﻠﻒ‬ ‫ﺮﺳ‬‫ـ‬‫ﻢ‬ُ‫ﻬ‬
ّ
َ�ِ‫ الﺮَّﺳُﻮل ﻓَﺈ‬
ُ�‫ـ‬‫ﻮم‬‫الﺴﺎري‬ ‫ي‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﺘ‬
ْ
‫ﻬ‬
َ
� ‫ﺿﻮﺋﻬﺎ‬ ِ‫ﻲﻓ‬ ‫ﺪى‬
‫وﻋﺞ‬
ْ
‫ﻓ‬ّ
َ‫َﻦ ﻃَﺮِ�ﻖ الﺮ‬‫ـ‬‫مﺆﺳﺲ‬ َ‫ﻮ‬ُ‫ﻬ‬
َ
� ‫ﺾ‬‫ﺗ‬ ‫ﺮ‬
ْ
‫�ﻔ‬
ْ
‫اﻟ‬ ‫ﻋ‬‫ـ‬‫ﺄﺳيﺴ‬‫ﻫ‬ ‫ﺟﺮف‬ ‫ﻰﻠﻋ‬‫ــ‬‫ﺎر‬
‫ﻫﻤ‬‫ــ‬‫ﺧﻄﺘ‬ ‫ﺎ‬‫ــ‬ّ
َ‫ن إِﻣ‬‫ــ‬‫وﺳﻌﺎدة‬ ‫ﻫﺪى‬ ‫ﺎ‬َ‫و‬ّ
َ‫ِﻣ‬‫ــ‬‫ﺷﻘ‬ ‫ﺎ‬‫ـــ‬َ‫ﻣ‬ ‫ﺎء‬‫ـ‬َ‫ﺿ‬ َ‫ﻊ‬‫ـ‬
َ
‫ﻟ‬
َ
‫ﻼ‬‫ـ‬‫ﻛ‬ ‫ﺔ‬‫ــ‬‫ﻔﺎر‬
َ
‫ﻓ‬‫ــ‬‫ﻓ‬ ‫ي‬
َ
‫ﺄ‬‫ـ‬�‫ﺮ‬‫ـ‬‫ﻘﻴ‬‫ـ‬‫ﻨ‬‫ـــ‬َ‫ﺣ‬
َ
‫أ‬ ‫ﺎ‬‫ـ‬‫ﺑ‬ ‫ﻖ‬‫ـ‬‫ﺄﻣ‬‫ــ‬‫ﻨﻪ‬َ‫ﺳ‬ ‫ﺪى‬
ْ
‫أﻫ‬َ‫و‬َ ْ
‫�ﻢ اﺒﻟ‬� ‫ﻴﻼ ﻋِﻨْﺪَﻣَﺎ‬ِ‫ــ‬‫ي‬ِ‫ﺎر‬
‫ﻣ‬
َ
‫أ‬‫ـ‬
ْ
‫ﺻ‬
َ
‫أ‬ ّ‫ﺳﺐ‬ ‫ﻦ‬‫ــ‬َ‫ﺤ‬‫ــ‬
َ
‫ﺧ‬َ‫و‬ ‫ﻮل‬ُ‫ﺳ‬َّ‫ب الﺮ‬‫ﺎ‬
َ
‫ﻟ‬
َ
‫ﻒ‬‫ﻜﺘﺎب‬
ْ
‫اﻟ‬‫ﻳﻌﺒﺄ‬ ‫لﻢ‬َ‫و‬َ‫ﺒ‬
ْ
‫ﺧ‬
َ ْ
‫اﻷ‬ ‫ﺖ‬ِ‫ﺎﺑ‬
َ
‫ﺜ‬ِ‫ﺑ‬‫ــ‬‫ﺎر‬
ْ
‫ﺎل‬ِ‫ﺑ‬ ‫ي‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﺘ‬
ْ
‫ﻘ‬ُ‫ﻤ‬
ْ
‫ال‬ ‫أم‬‫ﺎ‬َ‫ﺤ‬ َّ‫ �ﺴْﻠﻚ ﻣَﻨْﻬَﺞ الﺼ‬ْ‫ﻲﺣ‬َ‫ﺑ‬‫ـ‬‫ﺔ‬َ‫ﻣ‬‫ـ‬
ْ
‫اﻟ‬ ‫ﺣﺐ‬ َ‫ﻊ‬‫ـ‬
َ
‫ﻘ‬‫ــ‬َ‫اﺑ‬َ‫ﺮ‬‫ـ‬َ‫ﻬ‬ ْ‫ﻃ‬
َ ْ
‫اﻷ‬ ‫ﺔ‬‫ـ‬‫ﺎر‬
จงหลีกหางแนวรอฟเฎาะฮฺและ บิดอะฮฺที่จะนําทานสูไฟนรก
แลวจงตามบรรดาเศาะหาบะฮฺ พวกทานคือดวงดาวสองนําทาง
จงปฏิเสธแนวทางรอฟเฎาะฮฺ ซึ่งวางอยูบนความปฏิเสธศรัทธา
มีสองตัวเลือกเทานั้นคือทางนํา และความหลงผิดบิดเบือน
กลุมใดหรือที่จะรอดปลอดภัย ในวันที่อัลลอฮฺทรงตัดสิน
พวกที่สาปแชงเศาะหาบะฮฺ ทั้งยังฝาฝนอัลกุรอานและหะดีษ
หรือผูที่ยึดตามแนวทางวะฮีย รักเศาะหาบะฮฺและวงศวานนบี
14
ประการที่สี่: จุดยืนของพวกเขาตออะฮฺลุสสุนนะฮฺ
กลุมชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺมีความเชื่อวาทรัพยสินและชีวิต
ของอะฮฺลุสสุนนะฮฺเปนที่อนุมัติสําหรับพวกเขา ในหนังสือ อัล-
อันวารฺ อัน-นุอฺมานิยะฮฺ (‫ﻷﻧﻮار اﻨﻟﻌﻤﺎﻧﻴﺔ‬) ระบุวา อะฮฺลุสสุน
นะฮฺ คือผูปฏิเสธศรัทธาที่เปนนะญิสสกปรก และชั่วรายนา
รังเกียจยิ่งกวาพวกยะฮูดียหรือนัศรอนีย ดวยความเห็นตรงกัน
อยางเปนเอกฉันทของอุละมาอชีอะฮฺอิมามิยะฮฺ (อัล-อันวารฺ อัน-
นุอฺมานิยะฮฺ ของ อัล-ญะซาอิรีย เลม 2 หนา 206-207)
ในหนังสือเลมเดียวกันนี้ ยังระบุอีกวา “นาศิบีย” ซึ่งเปน
คําที่พวกเขาใชเรียกชาวสุนนียนั้นอนุญาตใหฆาได โดยพวกเขา
แนะนําเชิญชวนใหฆาชาวสุนนีย ไมวาจะดวยการทําใหจมน้ํา
พังกําแพงใหถลมทับ หรือจะดวยวิธีการอื่นใดที่เปนการลับ เพื่อ
จะไดไมมีผูใดเปนพยานได โดยพวกเขาเห็นวาทรัพยสินและ
เกียรติศักดิ์ศรีของชาวสุนนียนั้น เปนที่อนุญาตใหละเมิดได
(ริญาล อัล-กิชชีย หนา 529, ตะฮฺซีบ อัล-อะหกาม เลม 1 หนา 384 และ
วะสาอิล อัช-ชีอะฮฺ เลม 6 หนา 340)
15
และประการสุดทาย: บรรดาผูรูชีอะฮฺเหลานั้นเชื่อวาพวก
เขากับพวกเรา อะฮฺลุสสุนนะฮฺ มีพระเจาองคเดียวกัน มี
นบีคนเดียวกัน หรือมีผูนําคนเดียวกันหรือไม?
ผูรูของพวกเขาที่ชื่อ นิอฺมะตุลลอฮฺ อัล-ญะซาอิรีย ไดไข
ขอสงสัยนี้ไวในหนังสือ อัล-อันวารฺ อัน-นุอฺมานิยะฮฺ โดย
กลาววา “ในความเปนจริงแลวพวกเรากับพวกเขา (อะฮฺลุสสุน
นะฮฺ) มิไดมีพระเจาองคเดียวกัน และมิไดมีนบี หรือผูนําคน
เดียวกันแตอยางใด ทั้งนี้ เพราะพวกเขากลาววา พระเจาของ
พวกเขาคือผูที่มีมุหัมมัดเปนนบี และมีอบูบักรฺเปนเคาะลีฟะฮฺ
ตอจากทาน ในขณะที่พวกเราไมศรัทธาตอพระเจาหรือนบีที่มี
ลักษณะเชนนี้ เพราะพวกเรามั่นใจวาพระเจาที่มีอบูบักรฺเปน
เคาะลีฟะฮฺถัดจากนบี ยอมไมใชพระเจาของพวกเรา และนบีคน
นั้นก็ไมใชนบีของพวกเรา” (เลม 2 หนา 278-279)
،�‫ﺤﻟﻤﺪ ﷲ رب اﻟﻌﺎﻤﻟ‬
�‫وﺻﺤﺒﻪ أﻤﺟﻌ‬ ‫ وﺳﻠﻢ ﻰﻠﻋ ﻧبﻴﻨﺎ �ﻤﺪ، وﻰﻠﻋ آﻪﻟ‬.

More Related Content

What's hot

Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadailTh faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadailLoveofpeople
 
Th tuwaijriy asshamail
Th tuwaijriy asshamailTh tuwaijriy asshamail
Th tuwaijriy asshamailLoveofpeople
 
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyamTh twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyamLoveofpeople
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมานsunnahstudent
 
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมานละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมานsunnahstudent
 
กุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺกุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺsunnahstudent
 
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineen
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineenTh sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineen
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineenLoveofpeople
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษMuttakeen Che-leah
 
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)Om Muktar
 
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)Om Muktar
 
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisabanTh asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisabanLoveofpeople
 

What's hot (13)

Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadailTh faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
 
Th tuwaijriy asshamail
Th tuwaijriy asshamailTh tuwaijriy asshamail
Th tuwaijriy asshamail
 
Th asman ramadhan
Th asman ramadhanTh asman ramadhan
Th asman ramadhan
 
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyamTh twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
 
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมานละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
 
กุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺกุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺ
 
Th tuwajiriy al_faraidh
Th tuwajiriy al_faraidhTh tuwajiriy al_faraidh
Th tuwajiriy al_faraidh
 
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineen
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineenTh sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineen
Th sithi sohabah_lae_ummahat_al-mumineen
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษ
 
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)
การ "ยกมือ" ขอดุอาอ์หลังละหมาด (สุนนะฮ์)
 
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)
วิธีการลงสุญูดในละหมาด (ภาษาไทย)
 
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisabanTh asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
Th asman siyam_eimanan_wa_ihtisaban
 

Viewers also liked

อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนาอิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนาislam house
 
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01Ken Hero
 
Presentation on child labor
Presentation on child laborPresentation on child labor
Presentation on child laborJay Mavadiya
 
Tiến trình đại hội chi bộ 2013 2015
Tiến trình đại hội chi bộ 2013   2015Tiến trình đại hội chi bộ 2013   2015
Tiến trình đại hội chi bộ 2013 2015Ken Hero
 
Painting Contractor
Painting ContractorPainting Contractor
Painting Contractorayansamhere
 
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAM
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAMBAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAM
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAMKen Hero
 
Evolution of marketing data infographic
Evolution of marketing data infographicEvolution of marketing data infographic
Evolution of marketing data infographicKyle Oswalt
 
Warply Mobile Banking solutions
Warply Mobile Banking solutionsWarply Mobile Banking solutions
Warply Mobile Banking solutionsWarply
 
Chatbots - A new era in digital banking
Chatbots - A new era in digital bankingChatbots - A new era in digital banking
Chatbots - A new era in digital bankingWarply
 
Biografia de Massena
Biografia de MassenaBiografia de Massena
Biografia de Massenaguest4171fb
 
Arquitetura da Informação em Projetos Culturais
Arquitetura da Informação em Projetos CulturaisArquitetura da Informação em Projetos Culturais
Arquitetura da Informação em Projetos CulturaisSalomão Terra
 
Sentipensar la matematica del prado 21
Sentipensar la matematica del prado 21Sentipensar la matematica del prado 21
Sentipensar la matematica del prado 21matedivliss
 
Um grande homem ok
Um grande homem okUm grande homem ok
Um grande homem okAmadeu Wolff
 
Geografia Brasileira nos EUA!
Geografia Brasileira nos EUA!Geografia Brasileira nos EUA!
Geografia Brasileira nos EUA!Move to Junk
 

Viewers also liked (20)

อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนาอิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
อิสลามกับหัวใจของศาสนาและความเข้าใจระหว่างศาสนา
 
About a game
About a gameAbout a game
About a game
 
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01
Baitapdinhkhoanketoannganhang 131225210343-phpapp01
 
Presentation on child labor
Presentation on child laborPresentation on child labor
Presentation on child labor
 
Apuntes para la transición: rituales
Apuntes para la transición: ritualesApuntes para la transición: rituales
Apuntes para la transición: rituales
 
Tiến trình đại hội chi bộ 2013 2015
Tiến trình đại hội chi bộ 2013   2015Tiến trình đại hội chi bộ 2013   2015
Tiến trình đại hội chi bộ 2013 2015
 
Painting Contractor
Painting ContractorPainting Contractor
Painting Contractor
 
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAM
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAMBAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAM
BAO CAO THUC TAP SACOMBANK HA NAM
 
Evolution of marketing data infographic
Evolution of marketing data infographicEvolution of marketing data infographic
Evolution of marketing data infographic
 
Warply Mobile Banking solutions
Warply Mobile Banking solutionsWarply Mobile Banking solutions
Warply Mobile Banking solutions
 
Chatbots - A new era in digital banking
Chatbots - A new era in digital bankingChatbots - A new era in digital banking
Chatbots - A new era in digital banking
 
Biografia de Massena
Biografia de MassenaBiografia de Massena
Biografia de Massena
 
Refuerzo 15
Refuerzo 15Refuerzo 15
Refuerzo 15
 
Refuerzo 8
Refuerzo 8Refuerzo 8
Refuerzo 8
 
Cookbook #4 : Integrated Marketing for FMCG
Cookbook #4 : Integrated Marketing for FMCGCookbook #4 : Integrated Marketing for FMCG
Cookbook #4 : Integrated Marketing for FMCG
 
Arquitetura da Informação em Projetos Culturais
Arquitetura da Informação em Projetos CulturaisArquitetura da Informação em Projetos Culturais
Arquitetura da Informação em Projetos Culturais
 
Sentipensar la matematica del prado 21
Sentipensar la matematica del prado 21Sentipensar la matematica del prado 21
Sentipensar la matematica del prado 21
 
Um grande homem ok
Um grande homem okUm grande homem ok
Um grande homem ok
 
Amigas bêbadas
Amigas bêbadasAmigas bêbadas
Amigas bêbadas
 
Geografia Brasileira nos EUA!
Geografia Brasileira nos EUA!Geografia Brasileira nos EUA!
Geografia Brasileira nos EUA!
 

Similar to อันตรายของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ

Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtod
Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtodTh addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtod
Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtodLoveofpeople
 
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชKumobarick Achiroki
 
Th sufum ramadhan_siyam_alquran
Th sufum ramadhan_siyam_alquranTh sufum ramadhan_siyam_alquran
Th sufum ramadhan_siyam_alquranLoveofpeople
 
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์รางวัลสำหรับชาวสวรรค์
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์روائع التلاوات
 

Similar to อันตรายของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ (12)

Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtod
Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtodTh addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtod
Th addorar 2-025 ruseuk_plodphai_chak_kan longtod
 
Th solat safar
Th solat safarTh solat safar
Th solat safar
 
Th solat safar
Th solat safarTh solat safar
Th solat safar
 
Th ijabah dawah
Th ijabah dawahTh ijabah dawah
Th ijabah dawah
 
Th ijabah dawah
Th ijabah dawahTh ijabah dawah
Th ijabah dawah
 
Th jam fi_safar
Th jam fi_safarTh jam fi_safar
Th jam fi_safar
 
Th jam fi safar
Th jam fi safarTh jam fi safar
Th jam fi safar
 
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
 
Th sufum ramadhan_siyam_alquran
Th sufum ramadhan_siyam_alquranTh sufum ramadhan_siyam_alquran
Th sufum ramadhan_siyam_alquran
 
Th adab istizan
Th adab istizanTh adab istizan
Th adab istizan
 
Th adab istizan
Th adab istizanTh adab istizan
Th adab istizan
 
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์รางวัลสำหรับชาวสวรรค์
รางวัลสำหรับชาวสวรรค์
 

More from islam house

Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’an
Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’anJesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’an
Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’anislam house
 
Es dialogo entre un musulman y un cristiano
Es dialogo entre un musulman y un cristianoEs dialogo entre un musulman y un cristiano
Es dialogo entre un musulman y un cristianoislam house
 
El Noble Corán, y su traducción a la lengua Española
El Noble Corán, y su traducción a la lengua EspañolaEl Noble Corán, y su traducción a la lengua Española
El Noble Corán, y su traducción a la lengua Españolaislam house
 
ความจริงที่ยิ่งใหญ่
ความจริงที่ยิ่งใหญ่ความจริงที่ยิ่งใหญ่
ความจริงที่ยิ่งใหญ่islam house
 
แต่งงานง่าย ซินายาก
แต่งงานง่าย ซินายากแต่งงานง่าย ซินายาก
แต่งงานง่าย ซินายากislam house
 
อัลกุรอานแปลไทย
อัลกุรอานแปลไทยอัลกุรอานแปลไทย
อัลกุรอานแปลไทยislam house
 

More from islam house (6)

Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’an
Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’anJesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’an
Jesus (`Isa) (Friede sei mit ihm) im Qur’an
 
Es dialogo entre un musulman y un cristiano
Es dialogo entre un musulman y un cristianoEs dialogo entre un musulman y un cristiano
Es dialogo entre un musulman y un cristiano
 
El Noble Corán, y su traducción a la lengua Española
El Noble Corán, y su traducción a la lengua EspañolaEl Noble Corán, y su traducción a la lengua Española
El Noble Corán, y su traducción a la lengua Española
 
ความจริงที่ยิ่งใหญ่
ความจริงที่ยิ่งใหญ่ความจริงที่ยิ่งใหญ่
ความจริงที่ยิ่งใหญ่
 
แต่งงานง่าย ซินายาก
แต่งงานง่าย ซินายากแต่งงานง่าย ซินายาก
แต่งงานง่าย ซินายาก
 
อัลกุรอานแปลไทย
อัลกุรอานแปลไทยอัลกุรอานแปลไทย
อัลกุรอานแปลไทย
 

อันตรายของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ

  • 1. อันตรายของชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ [ ไทย – Thai – ‫ﺗﺎﻳﻼﻧﺪي‬ ] ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย แปลโดย : อัสรัน นิยมเดชา ตรวจทานโดย : ซุฟอัม อุษมาน ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ 2013 - 1434
  • 2. ‫الﺮاﻓﻀﺔ‬ ‫ﺧﻄﺮ‬ »‫ﺎلﻠﻐﺔ اﺘﻟ‬‫ﺎﻳﻼﻧﺪﻳ‬‫ﺔ‬« ‫د‬.‫الﺸﻘﺎوي‬ �‫ﻋﺒﺪا‬ ‫ﺑﻦ‬ �‫أﻣ‬ ‫ﺮﻤﺟﺔ‬:‫ﻧﻴﻮﻣﺪ�ﺸﺎ‬ ‫ﺮﺼان‬ ‫مﺮاﺟﻌﺔ‬:‫ﻋﺜﻤﺎن‬ ‫ﺎﻲﻓ‬ ‫ﻤﻟﺼﺪر‬:‫اﻤﻟﻠﻘﺎة‬ ‫اﻤﻟﻨﺘﻘﺎة ﻣﻦ الﻠﻜﻤﺎت‬ ‫اﺪﻟرر‬ 2013 - 1434
  • 3. 3 ดวยพระนามของอัลลอฮฺ ผูทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ อันตรายของชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ มวลการสรรเสริญเปนสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจําเริญ และศานติจงประสบแดทานเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณวาไม มีพระเจาอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองคเดียว ไมมีภาคีใดๆ สําหรับพระองค และฉันขอปฏิญาณวามุหัมมัดเปนบาว ของอัลลอฮฺและเปนศาสนทูตของพระองค อัลลอฮฺตะอาลาตรัสวา ﴿َ‫ِن‬‫ع‬ ُ ‫ل‬َ‫ِين‬ ّ َ� ْ ‫وا‬ُ‫ر‬ َ ‫ف‬ َ �ۢ‫ن‬ِ‫م‬ٓ ِ�َ‫ب‬ َ ‫ِيل‬‫ء‬ٰ َٓ�ۡ‫س‬ِٰ َ َ �ِ‫ان‬ َ‫ِس‬‫ل‬ َ ‫ۥد‬ُ‫او‬ َ ‫د‬َ�‫ِي‬‫ع‬َ‫و‬ِ‫ن‬ۡ‫ٱب‬َۚ‫م‬َ�ۡ‫ر‬َ‫م‬ َ ‫ِك‬‫ل‬َٰ � ‫ا‬َ‫م‬ِ‫ب‬ ْ ‫وا‬ َ‫ص‬ َ ‫ع‬ ْ ‫وا‬ ُ ‫ن‬ َ �َّ َ ‫ون‬ُ‫د‬َ‫ت‬ۡ‫ع‬َ�٧ ْ ‫وا‬ ُ ‫ن‬ َ � َ � َ ‫ن‬ۡ‫و‬ َ ‫اه‬َ‫ن‬ َ ‫ت‬َ‫ي‬‫ن‬ َ ‫ع‬ٖ‫ر‬ َ ‫نك‬ُّۚ ُ‫وه‬ ُ ‫ل‬َ‫ع‬ َ �َ‫س‬ ۡ ‫ئ‬ِ َ �‫ا‬َ‫م‬ ْ ‫وا‬ ُ ‫ن‬ َ � َ ‫ون‬ ُ ‫ل‬َ‫ع‬ ۡ ‫ف‬َ�٧﴾]‫ﻤﻟﺎﺋ‬‫ﺪة‬:٧٨-٧٩[ ความวา "บรรดาผูที่ปฏิเสธศรัทธาในหมูวงศวานอิสรออีลนั้นไดถูก สาปโดยถอยคําของดาวูดและอีซาบุตรของมัรยัม นั่นก็เนื่องจาก การที่พวกเขาฝาฝน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน ปรากฏวาพวก เขาตางไมหามปรามกันในสิ่งไมชอบที่พวกเขาไดกระทํามันขึ้น ชางเลวรายจริงๆ สิ่งที่พวกเขากระทํา” (อัล-มาอิดะฮฺ: 78-79)
  • 4. 4 อบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เลาวา ทานนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กลาววา » ْ ‫ﻊ‬ِ‫ﻄ‬َ‫ﺘ‬ ْ‫ﺴ‬َ� ْ‫ﻢ‬ َ ‫ل‬ ْ ‫ن‬ِ‫ﺈ‬ َ ‫ﻓ‬ ،ِ‫ﻪ‬ِ‫ﻧ‬‫ﺎ‬ َ‫ﺴ‬ِ‫ﻠ‬ِ‫ﺒ‬ َ ‫ﻓ‬ ْ ‫ﻊ‬ِ‫ﻄ‬َ‫ﺘ‬ ْ‫ﺴ‬َ� ْ‫ﻢ‬ َ ‫ل‬ ْ ‫ن‬ِ‫ﺈ‬ َ ‫ﻓ‬ ،ِ‫ه‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﻴ‬ِ� ُ‫ه‬ْ ِّ�َ‫ ﻓَﻠْﻴُﻐ‬‫ا‬ً‫ﻢْ ﻣُﻨْﻜَﺮ‬ُ�ْ‫ﻣِﻨ‬ ‫َﻦْ رَأَى‬ ِ‫ﺎن‬َ‫ﻳﻤ‬ِ ْ ‫اﻹ‬ ُ ‫ﻒ‬َ‫ﻌ‬ ْ ‫ﺿ‬ َ ‫أ‬ َ ‫ﻚ‬ِ‫ل‬ َ ‫ذ‬َ‫و‬ ،ِ‫ﻪ‬ِ‫ﺒ‬ ْ ‫ﻠ‬ َ ‫ﻘ‬ِ‫ﺒ‬ َ ‫ﻓ‬«]‫روا‬‫ﺑﺮﻗﻢ‬ ‫مﺴﻠﻢ‬ ‫ه‬٤٩[ ความวา “ผูใดในหมูทานเห็นสิ่งที่ไมถูกตองก็จงเปลี่ยนแปลงสิ่ง นั้นดวยมือของเขา ถาหากเขาไมมีความสามารถก็จง เปลี่ยนแปลงดวยลิ้นของเขา แตถาหากเขาไมมีความสามารถก็ จงเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นดวยหัวใจของเขา และนั่นคือขั้นต่ําที่สุด ของระดับความศรัทธา” (บันทึกโดยมุสลิม: 49) ทั้งนี้ ความชั่วรายที่เปนอันตรายตอหลักศรัทธาและคํา สอนของศาสนามากที่สุดประการหนึ่ง คือฟตนะฮฺความหลงผิด ที่เกิดจากกลุม “ชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺ” ซึ่งเผยแพรหลักความเชื่อ ของพวกเขาไปทั่วทุกหนแหง โดยที่พวกเขาแสดงออกใหผูคน เขาใจวาความเท็จความบิดเบือนของพวกเขานี่แหละคือ หลักการอิสลามที่ถูกตอง! ที่แยไปกวานั้นคือมีผูคนบางกลุมซึ่งรูเทาไมถึงการณ ออกมาเรียกรองเชิญชวนไปสูการปรองดองสมานฉันทระหวาง
  • 5. 5 ชาวสุนนียและชาวชีอะฮฺ โดยอางวาความแตกตางระหวางเรา กับเขานั้นเปนเพียงในสวนของเรื่องปลีกยอย ทั้งที่ในความเปน จริงแลวเปนความแตกตางในประเด็นที่ถือเปนแกนสําคัญของ หลักยึดมั่นศรัทธา เพราะแนวคิดของกลุมรอฟเฎาะฮฺนั้นเต็มไป ดวยสิ่งที่เปนการตั้งภาคีและปฏิเสธศรัทธา ซึ่งเขาขายที่จะ สงผลใหสิ้นสภาพความเปนมุสลิมเสียดวยซ้ํา และเปนที่นาเศรา ใจวายังมีชาวสุนนียทั่วไปอีกจํานวนมากที่ไมทราบเรื่องเหลานี้ เพราะอุละมาอชีอะฮฺมิไดเผยแพรตําราสําคัญๆ ที่ระบุถึงหลัก ความเชื่อของพวกเขาใหคนทั่วไปไดศึกษาหาอานได (หนังสือ บุฏ ลาน อะกออิด อัชชีอะฮฺ โดย มุหัมมัด อัต-ตูนิสีย หนา 5-6) ณ ที่นี้ ขาพเจาจึงขอชี้แจงหลักอะกีดะฮฺที่บิดเบือนหลง ผิดบางประการของพวกเขาในภาพรวม โดยอางอิงขอมูลจาก ตํารับตําราและหนังสือที่พวกเขาเชื่อถือและใหการยอมรับ ประการแรก: แนวคิดและความเชื่อที่พวกเขามีตออิมาม จํานวนสิบสองทาน อัล-กุลัยนีย ไดระบุใน อุศูล อัล-กาฟย (‫ﻮل الﺎﻜﻲﻓ‬) ซึ่ง เปนตําราที่มีความถูกตองมากที่สุดในมุมมองของพวกเขา
  • 6. 6 เปรียบไดกับ เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรีย ของชาวสุนนีย วา “บรรดาอิ มามทั้งหลายนั้น หากวาพวกทานประสงคที่จะรูสิ่งใดพวกทานก็ สามารถที่จะรูได และพวกทานยังรูดวยวาตัวเองจะตายเมื่อไร ทั้งนี้ พวกทานจะตายก็ตอเมื่อพวกทานสมัครใจที่จะตาย เทานั้น” (เลม 1 หนา 258-260) ในขณะที่ ฮาชิม อัล-บะหฺรอนีย ไดมอบคุณลักษณะ ของความเปนพระเจาแกบรรดาอิมามเหลานั้น โดยเขากลาวใน หนังสือชื่อ ยะนาบีอฺ อัล-มะอาญิซ วะ อุศูล อัด-ดะลาอิล (‫وأﺻﻮل اﺪﻟﻻﺋﻞ‬ ‫ﺎﺑﻴﻊ اﻤﻟﻌﺎﺟﺰ‬) วา “พวกทานเหลานั้นมีความรอบรู ในสิ่งที่อยูบนทองฟา และสิ่งที่อยูบนพื้นดิน พวกทานรอบรูในสิ่ง ที่เคยเกิดขึ้น และสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น รูสิ่งที่เกิดขึ้นและดําเนินไป ไมวาจะเปนเวลากลางคืนหรือกลางวันอยางทันทวงที นอกจากนี้พวกทานเหลานั้นยังมีความรูเหมือนกับความรูของ บรรดานบี และมีมากกวาเสียอีก” (บทที่สี่ หนา 35-42) สวนอับดุล หุสัยนฺ อัล-อะมีนีย อัน-นะญะฟย (นักวิชาการรวมสมัยของพวก เขา) ไดกลาวในหนังสือ อัล-เฆาะดีร (‫اﻟﻐﺪﻳﺮ‬) วา “บรรดาอิมาม คือลูกหลานของอัลลอฮฺ และเปนทายาทผูสืบสันดานของ ทานอะลี” (เลม 1 หนา 214-216)
  • 7. 7 นอกจากนี้ขาพเจายังไดยินนักวิชาการของพวกเขาบาง คนกลาวในเทปเสียงตอนหนึ่งวา “อัล-มะฮฺดียไดลงไปในชั้นใต ดินตั้งแตทานมีอายุไดหาขวบ โดยที่ทานยังคงรับรูถึงทุกสิ่งที่ เกิดขึ้นทั่วอณูจักรวาล!” ประการที่สอง: ความเชื่อที่พวกเขามีตออัลกุรอาน กลุมรอฟเฎาะฮฺเชื่อวาอัลกุรอานที่มีอยูทุกวันนี้ ไมใช อัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาแกทานนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม แตเปนอัลกุรอานที่ถูกบิดเบือนแกไขดวยการ เพิ่มเติมหรือตัดทอนแลว โดยอุละมาอของพวกเขาสวนใหญ ยืนยันความคิดนี้ ดังที่ อัน-นูรีย อัฏ-ฏ็อบเราะสีย ไดระบุไวใน หนังสือ ฟศลฺ อัล-คิฏอบ ฟ อิษบาต ตะหฺรีฟ กิตาบ ร็อบบิล อัรบาบ (‫اﻷر�ﺎب‬ ‫رب‬ ‫ﻛﺘﺎب‬ ‫ﺤﺗﺮ�ﻒ‬ ‫ اﺨﻟﻄﺎب ﻲﻓ إﺛﺒﺎت‬) ในขณะที่ อัล-กุลัยนีย ไดกลาวในหนังสือ อุศูล อัล- กาฟย วา “อัลกุรอานที่ญิบรออีลนําลงมายังมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นมีจํานวนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันอา ยะฮฺ” (เลม 2 หนา 134-242) นั่นก็หมายความวาอัลกุรอานที่ รอฟเฎาะฮฺกลาวอางนั้น มีความยาวมากกวาอัลกุรอานที่เรามี
  • 8. 8 อยู เพราะอัลกุรอานที่มีอยู มีเพียงหกพันกวาอายะฮฺเทานั้น ซึ่ง เปนอัลกุรอานที่อัลลอฮฺทรงสัญญาวาจะปกปกษรักษา โดย พระองคตรัสวา ﴿‫ا‬ ّ َ‫ن‬ُِ‫ن‬ ۡ َ �‫ا‬َ ۡ �َّ‫َز‬َ‫ر‬ ۡ ‫ِك‬ ّ �‫ٱ‬‫ا‬ ّ َ‫ن‬‫ۥ‬ُ َ � َ ‫ون‬ ُ ‫ِظ‬‫ف‬ٰ َ� َ ‫ل‬٩﴾]‫ﺤﻟﺠﺮ‬:٩[ ความวา “แทจริงเราไดใหขอตักเตือน (อัลกุรอาน) ลงมา และ แทจริงเราเปนผูรักษามันอยางแนนอน” (อัล-หิจญรฺ: 9) ทั้งนี้ แมจะมีอัลกุรอานบางสวนที่พวกเขายอมรับ แตถึง กระนั้นพวกเขาก็ทําการอรรถาธิบายความหมายไปในทางที่ สอดคลองกับความตองการของพวกเขา ดังเชนอายะฮฺตอไปนี้ ﴿ ّ َ‫ن‬َِ ّ َ� َ �ُ‫ِر‬‫ف‬ ۡ ‫غ‬َ�‫ن‬ َ ‫أ‬َ‫ك‬َ ۡ �ُ�‫ِۦ‬‫ه‬ِ‫ب‬ُ‫ِر‬‫ف‬ ۡ ‫غ‬َ�َ‫و‬‫ا‬َ‫م‬ َ ‫ون‬ ُ ‫د‬ َ ‫ِك‬‫ل‬ٰ َ �‫ن‬َ‫ِم‬‫ل‬ُۚ‫ء‬ ٓ ‫ا‬ َ ‫ش‬َ�﴾]‫اﻟنﺴﺎء‬:١١٦[ ความวา “แทจริงอัลลอฮฺจะไมทรงอภัยโทษใหแกการที่สิ่งหนึ่ง จะถูกใหเปนภาคีกับพระองค แตพระองคจะทรงอภัยโทษใหซึ่ง สิ่งอื่นจากนั้น สําหรับผูที่พระองคทรงประสงค” (อันนิสาอ: 116) ซึ่ง อัศ-ศอฟย ไดกลาวอธิบายในตัฟสีรของเขาวา พระดํารัสของ พระองคที่วา “แทจริงอัลลอฮฺจะไมทรงอภัยโทษใหแกการที่สิ่ง หนึ่งจะถูกใหเปนภาคีกับพระองค” นั้น หมายถึง พระองคจะไม ทรงอภัยใหแกผูที่ปฏิเสธ ‘วิลายะฮฺ’ (อํานาจการปกครองและความ
  • 9. 9 เปนผูนํา – ผูแปล)ของทานอะลี สวนคําตรัสของพระองคที่วา “แต พระองคจะทรงอภัยโทษใหซึ่งสิ่งอื่นจากนั้น สําหรับผูที่พระองค ทรงประสงค” นั้นหมายถึง สําหรับผูที่ยอมรับในวิลายะฮฺของ ทานอะลี (เลม 1 หนา 156-163) และอีกตัวอยางหนึ่งของการตีความอัลกุรอานตาม อารมณความตองการของพวกเขาคือ ในอายะฮฺที่วา ﴿ۡ‫د‬ َ ‫ق‬ َ ‫ل‬َ‫و‬َ ِ�‫و‬ ُ ‫أ‬ َ ‫ك‬ۡ َ �ِ‫إ‬ َ ��َ‫ِين‬ ّ َ�‫ِن‬‫م‬ َ ‫ِك‬‫ل‬ۡ‫ب‬ َ �ۡ‫ن‬ِ� َ ‫ل‬َ‫ت‬ ۡ �َ ۡ � َ ‫أ‬َّ‫ن‬َ‫بَط‬ۡ‫ح‬ َ َ َ ‫ك‬ ُ ‫ل‬َ‫م‬ َ � َّ‫كُو�َن‬ َ َ�ََ‫ِن‬‫م‬َ‫�ن‬ِ ِ�ٰ َ � ۡ ‫ٱل‬٦﴾]‫الﺰمﺮ‬:٦٥[ ความวา “และไดมีวะฮียมายังเจา (มุหัมมัด) และมายังบรรดา นบีกอนหนาเจา หากเจาตั้งภาคี แนนอนการงานของเจาก็จะไร ผล และแนนอนเจาจะอยูในหมูผูขาดทุน” (อัซ-ซุมัรฺ: 65) อัศ-ศอฟย กลาวอธิบายวา “หากเจาใชใหผูใดมีอํานาจการ ปกครองและเปนผูนําเคียงคูกับอะลี แนนอนการงานของเจาก็ จะไรผล และแนนอนเจาจะอยูในหมูผูขาดทุน” (ตัฟสีรฺ อัศ-ศอฟย เลม 1 หนา 156-361 และ นูร อัษ-ษะเกาะลัยน เลม 1 หนา 151-488) สวนโองการที่วา ﴿ َ ‫ون‬ُ‫ِن‬‫م‬ ۡ ‫ؤ‬ُ‫ي‬ِ‫ت‬ۡ‫ب‬ِ ۡ �‫ٱ‬ِ‫ب‬ِ‫وت‬ ُ ‫غ‬ٰ َّ�‫َٱل‬﴾]‫اﻟنﺴﺎء‬:٥١[
  • 10. 10 ความวา “โดยที่พวกเขาศรัทธาตออัล-ญิบตฺ (เจว็ดและทุกสิ่งที่ถูก เคารพสักการะ) และอัฏ-ฏอฆูต (ชัยฏอน)” (อันนิสาอ: 51) พวกเขากลาวอธิบายวา “หมายถึงอบูบักรฺและอุมัรฺ” (ฟุรูอฺ อัล- กาฟย เลม 4 หนา 416) ประการที่สาม: หลักความเชื่อที่พวกเขามีตอบรรดา เศาะหาบะฮฺและภริยาของทานเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม แนวทางของกลุมรอฟเฎาะฮฺวางอยูบนพื้นฐานของการ ดาทอสาปแชง และกลาวหาวาบรรดาเศาะหาบะฮฺ เราะฎิยัล ลอฮุอันฮุม ลวนเปนผูปฏิเสธศรัทธา โดยพวกเขาเชื่อวา เศาะหาบะฮฺทั้งหมดไดกลายเปนผูปฏิเสธศรัทธา ยกเวนสาม ทานเทานั้น ดังที่ อัล-กุลัยนีย ระบุไวในหนังสือ อัล-กาฟย ที่ พวกเขาใหการยอมรับ โดยเขากลาววา “หลังจากที่ทานนบี ศ็ฮลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากไป ผูคนทั้งหมดตางก็สิ้น สภาพความเปนมุสลิม (ริดดะฮฺ) ยกเวนบุคคลสามคน คือ อัล- มิกดาด บิน อัล-อัสวัด, อบูซัรฺ อัล-ฆิฟารีย และสัลมาน อัล- ฟาริสีย” (อัล-กาฟย เลม 12 หนา 312-322)
  • 11. 11 และในหนังสือ มะฟาตีหฺ อัล-ญินาน ( ‫ﻣﻔ‬‫ﺎﺗﻴ‬‫اﺠﻟﻨﺎن‬ ) ของ อับบาส อัล-กุมมีย ไดระบุถึงดุอาอบทหนึ่งที่มีรายงานมา จากอุละมาอชีอะฮฺที่มีชื่อเสียง ซึ่งเปนคําวิงวอนขอใหอัลลอฮฺ ทรงสาปแชงทานอบูบักรฺ, อุมัรฺ และบุตรสาวของทานทั้งสองคือ ทานหญิงอาอิชะฮฺ และทานหญิงหัฟเศาะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม โดยถือเปนบทอัซการฺที่ควรกลาวทุกเชาเย็น ซึ่งมีบทขอขึ้นตนวา »َ‫ﺻ‬ َّ� ّ َِ‫ﻋ‬ ُ �ّ‫ﻤ‬ٍ‫ﺪ‬َ‫و‬َ‫ﻋ‬ِ‫آل‬ َ ُ �ََّ‫و‬ ،‫ﺪ‬ ْ ‫اﻟ‬َ‫ﻌ‬ْ‫ﻦ‬َ‫ﺻ‬ ُ ‫ﻗ‬ َ� َ ‫ﻨ‬َ‫و‬ ‫ﺮ�ﺶ‬ِ‫ﺟ‬ ْ ‫ﺒ‬ َ ‫ت‬ ْ ‫ﻴ‬ ُ ‫وﻃﺎﻏ‬ ‫ﻬﺎ‬ َ ‫ﻮﺗ‬‫ﻴﻬﺎ‬ َ‫و‬ِ� ْ ‫ﻓ‬ َ ‫ﻜ‬َ‫و‬ ‫ﻴﻬﺎ‬ْ‫اﺑ‬ َ ‫ن‬َ‫ﺘ‬ َ �‫ال‬ ‫ﻴﻬﺎ‬ َ ‫ﺧ‬ ‫ﻳﻦ‬ َ ‫ﺎﻟ‬ َ ‫أ‬ ‫ﻔﺎ‬ ْ ‫م‬َ‫ﺮ‬َ‫ك‬َ‫و‬ َ �‫أﻧ‬َ‫و‬ ‫ﺮا‬ ْ ‫ﺣ‬َ‫ﻴ‬ َ ‫ﻚ‬...‫إﻟﺦ‬« ความวา “โออัลลอฮฺ ขอพระองคทรงเศาะลาวาตตอมุหัมมัด และวงศวานของมุหัมมัด และขอพระองคทรงสาปแชงเจว็ดทั้ง สองรูปแหงกุร็อยชฺ (หมายถึงทานอบูบักรฺและทานอุมัร - ผูแปล) ผู เปนรูปเคารพสักการะ เปนชัยฏอนมารราย และความมดเท็จ บิดเบือนของชาวกุร็อยชฺ พวกเขาทั้งสองฝาฝนคําบัญชาของ พระองค และไดปฏิเสธวะฮียของพระองค และขอพระองคทรง สาปแชงบุตรสาวของเขาทั้งสองดวย...จนจบบท” (หนา 114) นอกจากนี้ พวกเขายังเรียกทานอบูบักรฺ และทานอุมัร วา “ฟรเอานและฮามาน” (หนังสือกุรเราะตุลอุยูน โดยอัล-กาชานีย
  • 12. 12 หนา 432-433) บางครั้งก็เรียกวา “ผูบูชาเจว็ดทั้งสอง” (ตัฟสีรอัล- อัยยาชีย เลม 2 หนา 116 และบิหารุลอันวาร หนา 27-58) หรือ “อัล- ลาต และอัล-อุซซา” (อิกมาลุดดีน โดย อิบนุ บาบะวัยฮฺ อัล-กุมมีย หนา 246 และ มุก็อดิมะฮฺ อัล-บุรฮาน โดย อบุล หะสัน อัล-อามิลีย หนา 294) ผูรูของชีอะฮฺบางคนถึงกับระบุวา อัล-มะฮฺดีย ที่พวกเขา รอคอยจะดลบันดาลใหอบูบักรฺและอุมัรฟนคืนชีพ จากนั้นก็จะ ตรึงทั้งสองไวกับลําตนอินทผลัม แลวทําการสังหารทั้งสองหนึ่ง พันครั้งตอวัน! (อัล-อีกอซฺ มิน อัล-ฮัจฺอะฮฺ โดย อัล-หุร อัล-อามิลีย หนา 287) และขาพเจายังเคยไดยินผูรูของพวกเขากลาวในเทป เสียงหนึ่งวา “อบูบักรฺ, อุมัรฺ, อุษมาน บรรดาผูรวมใหสัตยาบัน อัล-อะเกาบะฮฺครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง และเกาจากสิบคน (หมายถึงสิบทานที่ทานนบีรับรองวาจะไดสวรรค – ผูแปล) ลวนเปน ชาวนรกทั้งสิ้น” อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัล-อันดะลุสีย กลาววา ّ َ‫ن‬َ‫الﺮ‬َ‫و‬ َ ‫اﻓﺾ‬ّ َ ‫ﺷ‬َ‫ﻣ‬َ‫وﻃﺊ‬ ‫ﻦ‬ َ ‫ﻟﻰﺼ‬ِ‫ﻣ‬ ُ ‫ﻛ‬ ‫ﻦ‬‫ـ‬ ّ ِ ْ �‫إ‬ٍ‫ﺲ‬ َ ‫ﻧ‬‫ـ‬ٍ‫ﺎﻃﻖ‬َ‫ﺟ‬ ‫أو‬‫ــ‬ ّ ‫ﺎن‬ َ ‫ﻗ‬ َ ‫ﺪ‬ُ‫ﺣ‬‫ــ‬‫ا اﻨﻟ‬‫ـ‬َّ َ ‫وﺧ‬‫ـ‬َ‫أﺻﺤﺎﺑ‬ ‫ﻧﻮا‬ّ‫ﻮ‬‫ﻪ‬‫ورﻣ‬‫ـ‬ ُ ‫ﻮﻫ‬‫ـ‬ ُ ‫ﺑﺎﻟﻈ‬ ‫ﻢ‬‫ﻠ‬‫ـ‬ُ‫واﻟﻌ‬ ‫ﻢ‬‫ــ‬‫ﺪوان‬ َ‫ﺣ‬ّ‫ﺒ‬‫ـ‬ َ ‫ﻗ‬ ‫ﻮا‬‫ـ‬َ�‫ﺮا‬َ‫ﺘ‬‫ـ‬َ‫وﺳ‬ ‫ﻪ‬ّ‫ﺒ‬‫ـ‬ ْ ‫ﺻﺤ‬ ‫ﻮا‬‫ـ‬‫ﺒ‬َ‫ـ‬ ُ ‫ﻪ‬َ‫ﺟ‬‫ـ‬ِ‫ﺪﻻن‬‫ﻋﻨ‬‫ـ‬ َ ‫ﺪ‬ِ‫ﷲ‬‫ا‬ُ‫ﻣ‬َ‫ﻨﺘ‬‫ـ‬ َ ‫ﻘﻀ‬‫ـ‬‫ﺎن‬
  • 13. 13 รอฟเฎาะฮฺนั้นชั่วชาเปนที่สุด เกินมนุษยและญินทั้งหลาย หมิ่นนบีใสไคลเศาะหาบะฮฺ ทั้งใหรายอยางไมเปนธรรม แสรงรักวงศวานแตดาทอสหาย มันชางขัดแยงกันเสียเหลือเกิน อีกทานหนึ่งกลาววา ‫ﻚ‬ ْ ‫ﻨ‬ َ � ‫ودع‬ِ‫ﺮَّﻓْﺾ واﺒﻟﺪع اﻟَّﻲﺘ‬‫ِ ال‬‫ﻳﻘ‬‫ـ‬‫داﻋﻴ‬ ‫ﻮدك‬‫ـ‬‫ﻬ‬‫ــ‬َّ‫اﻨﻟ‬ َ‫ِﻰﻟ‬‫ــ‬‫واﻟﻌ‬ ‫ﺎر‬‫ـ‬‫ﺎر‬ َ‫ﺤ‬ ْ‫ﺻ‬ َ ‫أ‬ ‫ﺧﻠﻒ‬ ‫ﺮﺳ‬‫ـ‬‫ﻢ‬ُ‫ﻬ‬ ّ َ�ِ‫ الﺮَّﺳُﻮل ﻓَﺈ‬ ُ�‫ـ‬‫ﻮم‬‫الﺴﺎري‬ ‫ي‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﺘ‬ ْ ‫ﻬ‬ َ � ‫ﺿﻮﺋﻬﺎ‬ ِ‫ﻲﻓ‬ ‫ﺪى‬ ‫وﻋﺞ‬ ْ ‫ﻓ‬ّ َ‫َﻦ ﻃَﺮِ�ﻖ الﺮ‬‫ـ‬‫مﺆﺳﺲ‬ َ‫ﻮ‬ُ‫ﻬ‬ َ � ‫ﺾ‬‫ﺗ‬ ‫ﺮ‬ ْ ‫�ﻔ‬ ْ ‫اﻟ‬ ‫ﻋ‬‫ـ‬‫ﺄﺳيﺴ‬‫ﻫ‬ ‫ﺟﺮف‬ ‫ﻰﻠﻋ‬‫ــ‬‫ﺎر‬ ‫ﻫﻤ‬‫ــ‬‫ﺧﻄﺘ‬ ‫ﺎ‬‫ــ‬ّ َ‫ن إِﻣ‬‫ــ‬‫وﺳﻌﺎدة‬ ‫ﻫﺪى‬ ‫ﺎ‬َ‫و‬ّ َ‫ِﻣ‬‫ــ‬‫ﺷﻘ‬ ‫ﺎ‬‫ـــ‬َ‫ﻣ‬ ‫ﺎء‬‫ـ‬َ‫ﺿ‬ َ‫ﻊ‬‫ـ‬ َ ‫ﻟ‬ َ ‫ﻼ‬‫ـ‬‫ﻛ‬ ‫ﺔ‬‫ــ‬‫ﻔﺎر‬ َ ‫ﻓ‬‫ــ‬‫ﻓ‬ ‫ي‬ َ ‫ﺄ‬‫ـ‬�‫ﺮ‬‫ـ‬‫ﻘﻴ‬‫ـ‬‫ﻨ‬‫ـــ‬َ‫ﺣ‬ َ ‫أ‬ ‫ﺎ‬‫ـ‬‫ﺑ‬ ‫ﻖ‬‫ـ‬‫ﺄﻣ‬‫ــ‬‫ﻨﻪ‬َ‫ﺳ‬ ‫ﺪى‬ ْ ‫أﻫ‬َ‫و‬َ ْ ‫�ﻢ اﺒﻟ‬� ‫ﻴﻼ ﻋِﻨْﺪَﻣَﺎ‬ِ‫ــ‬‫ي‬ِ‫ﺎر‬ ‫ﻣ‬ َ ‫أ‬‫ـ‬ ْ ‫ﺻ‬ َ ‫أ‬ ّ‫ﺳﺐ‬ ‫ﻦ‬‫ــ‬َ‫ﺤ‬‫ــ‬ َ ‫ﺧ‬َ‫و‬ ‫ﻮل‬ُ‫ﺳ‬َّ‫ب الﺮ‬‫ﺎ‬ َ ‫ﻟ‬ َ ‫ﻒ‬‫ﻜﺘﺎب‬ ْ ‫اﻟ‬‫ﻳﻌﺒﺄ‬ ‫لﻢ‬َ‫و‬َ‫ﺒ‬ ْ ‫ﺧ‬ َ ْ ‫اﻷ‬ ‫ﺖ‬ِ‫ﺎﺑ‬ َ ‫ﺜ‬ِ‫ﺑ‬‫ــ‬‫ﺎر‬ ْ ‫ﺎل‬ِ‫ﺑ‬ ‫ي‬ِ‫ﺪ‬َ‫ﺘ‬ ْ ‫ﻘ‬ُ‫ﻤ‬ ْ ‫ال‬ ‫أم‬‫ﺎ‬َ‫ﺤ‬ َّ‫ �ﺴْﻠﻚ ﻣَﻨْﻬَﺞ الﺼ‬ْ‫ﻲﺣ‬َ‫ﺑ‬‫ـ‬‫ﺔ‬َ‫ﻣ‬‫ـ‬ ْ ‫اﻟ‬ ‫ﺣﺐ‬ َ‫ﻊ‬‫ـ‬ َ ‫ﻘ‬‫ــ‬َ‫اﺑ‬َ‫ﺮ‬‫ـ‬َ‫ﻬ‬ ْ‫ﻃ‬ َ ْ ‫اﻷ‬ ‫ﺔ‬‫ـ‬‫ﺎر‬ จงหลีกหางแนวรอฟเฎาะฮฺและ บิดอะฮฺที่จะนําทานสูไฟนรก แลวจงตามบรรดาเศาะหาบะฮฺ พวกทานคือดวงดาวสองนําทาง จงปฏิเสธแนวทางรอฟเฎาะฮฺ ซึ่งวางอยูบนความปฏิเสธศรัทธา มีสองตัวเลือกเทานั้นคือทางนํา และความหลงผิดบิดเบือน กลุมใดหรือที่จะรอดปลอดภัย ในวันที่อัลลอฮฺทรงตัดสิน พวกที่สาปแชงเศาะหาบะฮฺ ทั้งยังฝาฝนอัลกุรอานและหะดีษ หรือผูที่ยึดตามแนวทางวะฮีย รักเศาะหาบะฮฺและวงศวานนบี
  • 14. 14 ประการที่สี่: จุดยืนของพวกเขาตออะฮฺลุสสุนนะฮฺ กลุมชีอะฮฺรอฟเฎาะฮฺมีความเชื่อวาทรัพยสินและชีวิต ของอะฮฺลุสสุนนะฮฺเปนที่อนุมัติสําหรับพวกเขา ในหนังสือ อัล- อันวารฺ อัน-นุอฺมานิยะฮฺ (‫ﻷﻧﻮار اﻨﻟﻌﻤﺎﻧﻴﺔ‬) ระบุวา อะฮฺลุสสุน นะฮฺ คือผูปฏิเสธศรัทธาที่เปนนะญิสสกปรก และชั่วรายนา รังเกียจยิ่งกวาพวกยะฮูดียหรือนัศรอนีย ดวยความเห็นตรงกัน อยางเปนเอกฉันทของอุละมาอชีอะฮฺอิมามิยะฮฺ (อัล-อันวารฺ อัน- นุอฺมานิยะฮฺ ของ อัล-ญะซาอิรีย เลม 2 หนา 206-207) ในหนังสือเลมเดียวกันนี้ ยังระบุอีกวา “นาศิบีย” ซึ่งเปน คําที่พวกเขาใชเรียกชาวสุนนียนั้นอนุญาตใหฆาได โดยพวกเขา แนะนําเชิญชวนใหฆาชาวสุนนีย ไมวาจะดวยการทําใหจมน้ํา พังกําแพงใหถลมทับ หรือจะดวยวิธีการอื่นใดที่เปนการลับ เพื่อ จะไดไมมีผูใดเปนพยานได โดยพวกเขาเห็นวาทรัพยสินและ เกียรติศักดิ์ศรีของชาวสุนนียนั้น เปนที่อนุญาตใหละเมิดได (ริญาล อัล-กิชชีย หนา 529, ตะฮฺซีบ อัล-อะหกาม เลม 1 หนา 384 และ วะสาอิล อัช-ชีอะฮฺ เลม 6 หนา 340)
  • 15. 15 และประการสุดทาย: บรรดาผูรูชีอะฮฺเหลานั้นเชื่อวาพวก เขากับพวกเรา อะฮฺลุสสุนนะฮฺ มีพระเจาองคเดียวกัน มี นบีคนเดียวกัน หรือมีผูนําคนเดียวกันหรือไม? ผูรูของพวกเขาที่ชื่อ นิอฺมะตุลลอฮฺ อัล-ญะซาอิรีย ไดไข ขอสงสัยนี้ไวในหนังสือ อัล-อันวารฺ อัน-นุอฺมานิยะฮฺ โดย กลาววา “ในความเปนจริงแลวพวกเรากับพวกเขา (อะฮฺลุสสุน นะฮฺ) มิไดมีพระเจาองคเดียวกัน และมิไดมีนบี หรือผูนําคน เดียวกันแตอยางใด ทั้งนี้ เพราะพวกเขากลาววา พระเจาของ พวกเขาคือผูที่มีมุหัมมัดเปนนบี และมีอบูบักรฺเปนเคาะลีฟะฮฺ ตอจากทาน ในขณะที่พวกเราไมศรัทธาตอพระเจาหรือนบีที่มี ลักษณะเชนนี้ เพราะพวกเรามั่นใจวาพระเจาที่มีอบูบักรฺเปน เคาะลีฟะฮฺถัดจากนบี ยอมไมใชพระเจาของพวกเรา และนบีคน นั้นก็ไมใชนบีของพวกเรา” (เลม 2 หนา 278-279) ،�‫ﺤﻟﻤﺪ ﷲ رب اﻟﻌﺎﻤﻟ‬ �‫وﺻﺤﺒﻪ أﻤﺟﻌ‬ ‫ وﺳﻠﻢ ﻰﻠﻋ ﻧبﻴﻨﺎ �ﻤﺪ، وﻰﻠﻋ آﻪﻟ‬.