More Related Content
Similar to โครงงานคอมคู่ (20)
โครงงานคอมคู่
- 2. โครงงานเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี เนื่องจากโครงงานเรื่อง การกาจัดลูกน้าโดย
วิธีธรรมชาติ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและการดาเนินการสร้างโครงงานการกาจัดลูกน้าโดยวิธีธรรมชาติ เพื่อ
อธิบายในชั้นเรียนได้จัดทาเรื่องนี้เพราะว่าได้ศึกษาค้นคว้า และรวบรวมเนื้อหาจัดทาเป็นสื่อการเรียนการสอน
ขึ้นมา โดยทาเนื้อหาให้น่าสนใจมากขึ้น เพราะสมัยนี้เด็กไทยมักจะเคร่งเครียดในเทคโนโลยีมากขึ้น จนลืม
ตระหนักถึงวิธีง่ายๆที่ทาได้ด้วยตัวเองและทาได้จากธรรมชาติ อย่างไรก็ตามกลุ่มข้าพเจ้าก็ได้จัดทาโครงงานนี้
เพื่ออยากให้เด็กสนใจในวิถีแห่งธรรมชาติมากขึ้น จึงทาสื่อให้น่าสนใจ
คำนำ
- 3. ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) : การกาจัดลูกน้ายุงลายโดยวิธีธรรมชาติ
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) : Elimination aegypti by natural
ประเภทโครงงาน : พัฒนาสื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน : 1. นางสาว ปณิธิ ศรีสุวรรณนพกุล เลขที่ 3 ชั้น ม.6 ห้อง 8
2. นางสาว สิรินดา อินทนนท์ เลขที่ 6 ชั้น ม.6 ห้อง 8
ชื่อที่ปรึกษา : คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน : ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
เกี่ยวกับโครงงำน
- 4. เนื่องจาก วันหนึ่งพ่อและแม่ของผมได้ไปซื้อเมล็ดพันธ์ผักมา3ชนิด ได้แก่ สะเดา โหระพา และ กะเพรา เพื่อเอามา
ปลูกเมื่อเวลาผ่านไปผักทั้ง 3 ชนิดนั้นก็ได้โตขึ้น พ่อและแม่ของผมได้นาผักเหล่านั้นมาทาเป็นอาหารมากมาย
และนาผักเหล่านั้นไปขายอีกด้วย แต่ผักที่นาไปขายนั้นเยอะเกินไปจึงขายไม่หมดผมจึงคิดว่าจะนาผักเหล่านี้ไป
ทาอะไรดี ทันใดนั้นผมเห็นลูกน้า อยู่ตรงซอกหินผมจึงนาผักทั้ง 3 ชนิดมาทาเป็นยาไล่ลูกน้า
ที่มำและควำมสำคัญของโครงงำน
- 6. ยุง
เป็นแมลง ที่พบได้ทั่วโลกแต่พบมากในเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยปกติ ตัวเมียมักจะกินเลือด เป็นอาหาร ส่วนตัวผู้มักจะกินน้าหวาน
น้าหวานในดอกไม้ ยุงยังเป็นแมลงที่เป็นพาหะ แพร่เชื้อโรค อีกด้วย เช่น ไข้เลือดออก ยุงทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 3450 ชนิด แต่พบในประเทศไทย
ไทยประมาณ 412 ชนิด แต่ที่คุ้นเคยกันดีคือ ยุงก้นปล่อง (Anopheles) และยุงลาย (Aedes)และยุงมีวงจรชีวิตแบบสมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วย ไข่ ลูกน้า
ไข่ ลูกน้า ตัวโม่ง ตัวเต็มวัย
สะเดา
เป็นไม้ที่มีถิ่นกาเนิดในประเทศอินเดีย เจริญได้ดีในที่แล้ง ใช้ประโยชน์ได้มากมายทั้งเป็นอาหารและสร้างที่อยู่อาศัย ในใบและเมล็ดสะเดามีสาร
อาซาดิเรซติน(Azadirachtin) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารฆ่าแมลง ในเมล็ดมีน้ามันที่เรียกว่า margosa oil ใช้เป็นสีย้อมผ้าและยาฆ่าพยาธิในสัตว์เลี้ยง ขยายพันธุ์ด้วย
การเพาะเมล็ด แต่ต้องรีบนาไปเพาะทันทีหลังจากเมล็ดร่วง มิฉะนั้น จะสูญเสียความสามารถในการงอกไปอย่างรวดเร็วสะเดา มีสาร azadirachtin
โหระพา
เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.5 – 1 เมตร ลาต้นเป็นสี่เหลี่ยมมีกิ่งอ่อนสีม่วงแดง ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปไข่หรือรูปรีกว้าง 3 – 4 เซนติเมตร
ยาว 4 – 6 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ดอกสีขาวหรือชมพูอ่อน ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งยาว 7 – 12 เซนติเมตร ใบประดับสี
เขียวอมม่วงจะคงอยู่เมื่อเป็นผล กลีบดอกเชื่อมกัน ปลายแยกเป็น 2 ส่วน มีเกสรตัวผู้ 4 อัน มีผลขนาดเล็ก
โหระพา มีสาร eugenol geraniol และ linalool
กระเพราแดง
เป็นไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มต้นไม่ต่อยสูงมากนัก สูงประมาณ 30 – 60 ซม. นิยมนาใบกะเพรามาประกอบอาหารคือคือใช้
เป็นผักสวนครัว เช่น ผัดกะเพรา กะเพรามีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ กะเพราแดง กะเพราขาว และ กะเพราลูกผสมระหว่างกะเพราแดงและกะเพราขาว ข้อ
แตกต่างระหว่ากะเพราขาว และ กะเพราแดง นั้นคือ สีสันและลักษณะของใบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นส่วนสรรพคุณของกะเพรา ก็ยังมีเหมือนกัน
กระเพราแดง มีสารอะไรในการกาจัดลูกน้ายุงลาย มีสาร monoterpenes และ sesquiterpene
- 7. อุปกรณ์
สะเดา
โหระพา
กระเพราแดง
ครก
สาก
ผ้าขาวบาง
น้าต้มสุก
ถ้วย
วิธีทา ชนิดที่ 1
นาเมล็ดสะเดามาโคก จนละเอียด แล้วรองด้วยผ้าขาว แล้วใช้น้าต้มสุกกรองใส่ถ้วย เป็นน้าจากเมล็ด
สะเดา แล้วนาไปใส่ในน้าที่มีลูกน้ายุง
วิธีทา ชนิดที่ 2
นาใบโหระพามาโคก จนละเอียด แล้วรองด้วยผ้าขาว แล้วใช้น้าต้มสุกกรองใส่ถ้วย เป็นน้าจากใบโหระพา
แล้วนาไปใส่ในน้าที่มีลูกน้ายุง
วิธีทา ชนิดที่ 3
นาใบกระเพราแดงมาโคก จนละเอียด แล้วรองด้วยผ้าขาว แล้วใช้น้าต้มสุกกรองใส่ถ้วย เป็นน้าจากใบกระ
เพราแดง แล้วนาไปใส่ในน้าที่มีลูกน้ายุง