SlideShare a Scribd company logo
1 of 25
Download to read offline
รายงาน
พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย
จัดทาโดย
นางสาวอภิญญา นาวิก รหัสนักศึกษา 6101170016
นางสาวสิรีธร ใจดี รหัสนักศึกษา 6101170054
นางสาวสุดารัตน์ มะโท รหัสนักศึกษา 6101170191
นางสาวสิริรัตน์ จาปา รหัสนักศึกษา 6101170238
นางสาวนวพร วงษ์แสน รหัสนักศึกษา 6101170276
นาเสนอ
อาจารย์ณัฏฐ์ปาลิดา ศรีคาหน้อย
รายวิชา รท.231 พฤติกรรมนักท่องเที่ยว
ภาคการศึกษาที่ 1 ประจาปีการศึกษา 2562
ก
คานา
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา พฤติกรรมนักท่องเที่ยว (รท.231) ซึ่งทางผู้จัดทาได้
จัดทาขึ้นเพื่อเป็นการนาความรู้ที่ได้ศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะนิสัย
ของประชากร และแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย
ผู้จัดทาต้องขอขอบคุณอาจารย์ ณัฏฐ์ปาลิดา ศรีคาหน้อย ผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกษา หวังว่า
รายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆท่าน หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทาขอรับไว้
ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง
คณะผู้จัดทา
ข
สารบัญ
เรื่อง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของประเทศอินเดีย 1
บทที่ 2 บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอินเดีย 8
บทที่ 3 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย 17
บรรณานุกรม 22
1
บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของประเทศอินเดีย
อินเดีย (หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย ) ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีป
อินเดีย มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดย
มีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดร้อยแปดสิบแปดภาษาโดยประมาณ ด้านเศรษฐกิจ อินเดียมีอานาจ
การซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก ทั้งนี้ อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทางตะวันตกเฉียง
เหนือติดกับปากีสถาน ทางตะวันออกติดพม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ติด
ศรีลังกา ล้อมรอบบังกลาเทศทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก นอกนั้นยังมีเขตแดนทางทะเลต่อเนื่อง
กับน่านน้าไทย พม่า และอินโดนีเซีย และด้วยพื้นที่ 3,287,590 ตารางกิโลเมตร อินเดียจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด
อันดับ 7 ของโลก
อินเดียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 29 รัฐ (States) (ซึ่งแบ่งย่อยลงเป็นเขต) และ 7 ดินแดนสหภาพ (Union
Territories)
ประชากรอินเดียมี1.252พันล้านคน โดยมีเชื้อชาติ อินโด-อารยัน ร้อยละ 72 ดราวิเดียน ร้อยละ 25 มองโกลอยด์
ร้อยละ 2 และอื่น ๆ ร้อยละ 1 อัตราการเพิ่มของประชากร ร้อยละ 1.8 พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) และอัตราการรู้
หนังสือ ร้อยละ 52.1
ภูมิประเทศ
ประเทศอินเดียเกิดขึ้นบนอนุทวีปอินเดีย (Indian subcontinent) ซึ่งตั้งอยู่บนบริเวณแผ่นเปลือกโลกอินเดีย
(Indian tectonic plate) ซึ่งในอดีตนั้นเคยเชื่อมอยู่กับแผ่นออสเตรเลีย
การรวมตัวทางภูมิศาสตร์ครั้งสาคัญของประเทศอินเดียนั้นเกิดขึ้นราว 75 ล้านปีก่อน เมื่ออนุทวีปอินเดียซึ่งเคย
เป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปแห่งตอนใต้ คือ มหาทวีปกอนด์วานา (Gondwana) ได้เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านที่บริเวณมหาสมุทรอินเดียซึ่งในขณะนั้นยังไม่เกิดขึ้น โดยกินเวลารวมทั้งหมด
ประมาณ 55 ล้านปี หลังจากนั้นอนุทวีปอินเดียนได้ชนเข้ากับแผ่นทวีปยูเรเชีย อันเป็นที่มาของการเกิด
เทือกเขาที่มีความสูงที่สุดในโลก คือ เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่บริเวณภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของ
อินเดีย ตอนใต้ของเทือกเขาซึ่งเคยเป็นท้องทะเลอันกว้างขวางได้ค่อยๆกลายมาเป็นผืนดินราบลุ่มแม่น้าอัน
กว้างใหญ่ ทาให้เกิดเป็นที่ราบลุ่มแม่น้าคงคาตอนเหนือของอินเดีย (Indo-Gangetic Plain) ทางภาคตะวันตก
นั้นติดกับทะเลทรายธาร์ ซึ่งถูกกั้นกลางด้วยทิวเขาอะราวัลลี
อนุทวีปอินเดียนั้นได้คงอยู่จนกลายมาเป็นคาบสมุทรอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งจัดเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดทาง
ธรณีวิทยา และยังเป็นบริเวณที่มีความคงที่ทางภูมิศาสตร์ที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดีย โดยกินพื้นที่กว้างขวางจรด
2
เทือกเขาสัทปุระ (Satpura)ทางตอนเหนือ และเทือกเขาวินธยะ (Vindhya) ในภาคกลางของอินเดีย โดยมี
ลักษณะคู่ขนานกันไปจรดชายฝั่งทะเลอาหรับในรัฐคุชราตทางทิศตะวันตก และที่ราบสูงโชตนาคปุระ (Chota
Nagpur Plateau) ที่เต็มไปด้วยแร่รัตนชาติในรัฐฌาร์ขัณฑ์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนทิศใต้นั้นประกอบด้วย
แผ่นดินคาบสมุทรบนที่ราบสูงเดคคาน (Deccan Plateau) ซึ่งถูกขนาบโดยเทือกเขาริมทะเลทั้งสองฝั่งที่
เรียกว่า เทือกเขากัทส์ทิศตะวันตก และตะวันออก(Western and Eastern Ghats) ในบริเวณนี้จะพบหินที่มี
อายุเก่าแก่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งมีอายุถึง 1 พันล้านปี
การใช้ภาษา
อินเดียมีประชากรกว่า 1,100 ล้านคน ประชากรเหล่านี้มีความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ และวัฒนธรรมมีภาษา
หลักใช้พูดถึง 16 ภาษา เช่น ภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาเบงกอล ภาษาอูรดู ฯลฯ และมีภาษาถิ่นมากกว่า 100
ภาษา ภาษาฮินดี ถือว่าเป็นภาษาประจาชาติ เพราะคนอินเดียกว่าร้อยละ 30 ใช้ภาษานี้ คนอินเดียที่อาศัยอยู่รัฐ
ทางตอนเหนือและรัฐทางตอนใต้นอกจากจะใช้ภาษาที่แตกต่างกันแล้ว การแต่งกาย การรับประทานอาหารก็
แตกต่างกันออกไปด้วย
ศาสนาในอินเดีย
เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นแหล่งกาเนิดพระศาสนาที่มีความสาคัญในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ
ศาสนาพราหมณ์ และ พระพุทธศาสนา ชาวอินเดียจึงถือว่าครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่มีความสาคัญที่สุด
ระบบครอบครัวของอินเดียเป็นระบบครอบครัวร่วม หรือครอบครัวขนาดใหญ่ สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วย
ปู่ ย่า พ่อ แม่ ลูก หลาน และ เหลน อยู่ร่วมกันภายในครอบครัวเดียว ผู้อาวุโสที่สุดของฝ่ายชายจะเป็นหัวหน้า
ครอบครัว แม้สังคมของอินเดียยังคงมีความนับถือเรื่องวรรณะอยู่ แต่ก็ปรากฏไม่มากเท่าอดีต การดาเนินชีวิตของ
ชาวอินเดียจะยึดถือศาสนาเป็นสิ่งสาคัญ กว่าร้อยละ 79.8 ของประชากรนับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 14.2 นับถือ
ศาสนาอิสลาม ร้อยละ 2.3 นับถือศาสนาคริสต์ ร้อยละ 0.7 นับถือ ศาสนาพุทธส่วนมากอยู่ลาดัก หิมาจัล สิกขิม
อัสสัม เบงกอลตะวันตก และโอริศา ร้อยละ 1.7 นับถือศาสนาซิกข์ในรัฐปัญจาบ และที่เหลือ ร้อยละ 0.4 ศาสนา
เชนในรัฐคุชรัต และอื่น ๆ อีก 0.9 รวมทั้งพวกนักบวชที่นับถือนิกายต่าง ๆ อีกมากมาย มีประมาณ 400 ศาสนา
ทั่วอินเดีย
3
เศรษฐกิจในอินเดีย
ขนาดเศรษฐกิจ
อินเดียเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก
สหรัฐอเมริกาและจีน แต่ด้วยจานวนประชากรมหาศาลกว่า 1.2 พันล้านคน ทาให้อินเดียยังถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม
เศรษฐกิจกาลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่า (Lower-middle-income economy) ตามการแบ่งกลุ่ม
ประเทศของธนาคารโลกในปีงบประมาณ 2557-58 โดยใช้รายได้มวลรวมประชาชาติ (Gross National Income
– GNI) ต่อหัวเป็นเกณฑ์ คือมี GNI ต่อหัวระหว่าง 1,046-4,125 ดอลลาร์สหรัฐ
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจอินเดีย
แม้ภาพของความยากจนยังมีให้เห็นมากในอินเดีย แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจอินเดียได้พัฒนาไป
อย่างมากนับตั้งแต่อินเดียเริ่มเปิดประเทศภายหลังสงครามเย็นและได้พยายามส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเพื่อ
กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีจุดเปลี่ยนที่สาคัญ คือ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจซึ่งส่งผลให้มีการลงทุนจาก
ต่างชาติในกิจการไฟฟ้า พลังงาน และอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้เปิดเสรีโทรคมนาคมและการสื่อสารในปี
2543 ทาให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอินเดียดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเศรษฐกิจอินเดียเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ในช่วงปี 2548-2553 โดย GDP เติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 8.5 โดยขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 10.3 ในปี 2553 ประกอบกับ
จานวนประชากรชนชั้นกลางที่มีกาลังซื้อสูงและมีจานวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทาให้อินเดียกลายเป็นตลาดใหม่ที่
ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากนานาชาติ
ในช่วงที่เริ่มมีกระแสความนิยมทางการค้าและการลงทุนหลั่งไหลสู่ภูมิภาคเอเชีย รัฐบาลอินเดียตั้งแต่ยุคพรรค
รัฐบาลคองเกรส (ปี 2547-2557) จนถึงชุดปัจจุบันได้พยายามเร่งการปฏิรูประบบโครงสร้างต่างๆ เพื่อรองรับ
การค้าการลงทุนและเพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพที่ยั่งยืน โดยให้ความสาคัญกับการลงทุนในด้านสาธารณูปโภค
การศึกษา ความมั่นคงทางสังคม การปรับโครงสร้างของภาครัฐ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การขยายฐานภาษี และ
การพัฒนาในส่วนภูมิภาคและภาคการเกษตร นอกจากนี้ การลงทุนทั้งในอุตสาหกรรม การค้า และบริการ เพิ่มขึ้น
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่อินเดียมีนโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทต่างประเทศเริ่ม
สนใจเข้ามาลงทุนในอินเดีย โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เนื่องจากอินเดียมีข้อได้เปรียบเรื่องจานวน
แรงงานที่มีอยู่มหาศาล มีแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานปีละประมาณ 12 ล้านคน ในจานวนนี้มีแรงงานที่มีความรู้
ด้านวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นจานวนมาก และมีความได้เปรียบทางด้านภาษาโดยเฉพาะ
ภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีค่าจ้างแรงงานที่ถูก ทาให้บริษัทต่างชาติสนใจมาตั้งฐานการผลิตที่อินเดียอย่างกว้างขวาง
รัฐบาลอินเดียยังได้ผ่อนปรนข้อบังคับหลายๆอย่าง เช่น เพิ่มมูลค่าผลกาไรที่สามารถส่งกลับประเทศได้ การ
ก่อสร้างขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2547 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงสาธารณูปโภครวมมูลค่าประมาณ
4
115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาถนนสายสาคัญทั่วประเทศ ปรับปรุงเส้นทางรถไฟ และระบบขนส่ง
มวลชน ขยายเครือข่ายโทรศัพท์ ไฟฟ้า ประปา ก่อสร้างท่าเรือและท่าอากาศยานเพิ่มเติม เพื่อจูงใจนักลงทุน
ต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในอินเดีย นอกจากนั้น รัฐบาลอินเดียยังได้พยายามออกมาตรการที่เอื้อให้ต่างชาติสามารถ
เข้ามาลงทุนโดยตรงได้ง่ายและสะดวกขึ้นเรื่อยๆ โดยได้ขยายเพดานให้ต่างชาติสามารถลงทุนโดยตรงได้ร้อยละ
100 ในหลายสาขา เช่น กิจการท่าอากาศยาน กิจการโทรคมนาคม การวางโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับปิโตรเลียม
การค้าพลังงาน การลงทุนในเหมืองเพชรและถ่านหิน การผลิตและจัดเก็บกาแฟ อีกทั้งยังเปิดให้ต่างชาติมาลงทุน
โดยตรงในกิจการค้าปลีกที่ขายสินค้าเพียงตราเดียว (single brand ) ได้ถึงร้อยละ 51 เป็นครั้งแรก เช่น Sony
Reebok Louis Vuitton เป็นต้น
สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สถานะทางเศรษฐกิจของอินเดียในปัจจุบัน (ปี 2557) ถือว่าอยู่ในช่วงปลายของการชะลอตัว หลังจากที่
อัตราการเติบโต GDP ที่เคยสูงสุดในปี 2553 ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 5-6 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อันเป็น
ผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นทั้งตลาดสินค้าและแหล่งเงินทุนที่
สาคัญของอินเดีย โดยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นอินเดียต้อยเผชิญกับอุปสรรคในการพัฒนาหลายประการ อาทิ
1) โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะ เป็นถนน ไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ 2) การขาดแคลนพลังงาน 3)
ความล่าช้าในการผ่อน คลายกฎระเบียบการค้าการลงทุน และ 4) อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อของอินเดียในปี 2553 สูงถึงร้อยละ 12 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในปี 2556 ได้ปรับตัวลดลง
อย่างต่อเนื่อง (อยู่ที่ร้อยละ 4.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2556) เนื่องจาก 1) ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง 2) ราคาสินค้า
โลกทั่วไปที่ลดลงโดยเฉพาะน้ามัน (น้ามันคิดเป็นร้อยละ 37 ของสินค้านาเข้าทั้งหมด) 3) สภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบ
เซา และ 4) การดาเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดียที่ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาเป็นระยะ
และมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบาย flexible inflation targeting เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
แนวโน้มเศรษฐกิจ
รัฐบาลอินเดียคาดการณ์ว่า การเติบโต GDP ในปี 2557-58 จะยังคงเติบโตอย่างช้าๆ อยู่ที่อัตราร้อยละ
5.4-5.9 และจะยังคงไม่หวือหวาในช่วงต่อไป เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1) นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจต้องใช้เวลา
อีกสักพักจึงจะเห็นผล 2) การเติบโตที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกของอินเดีย 3) ธนาคาร
กลางอินเดียยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้เนื่องจากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ
และ 4) ฤดูมรสุมที่ผิดปกติทาให้ผลิตผลการเกษตรอาจลดลง
5
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินเดีย
1.เมืองเดลี (Delhi)
เป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย และมีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีชื่อเต็มๆ ว่า
National Capital Territory of Delhi ตัวเมืองแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ เดลีเก่า เป็นเขตวัฒนธรรมในสมัย
โบราณ ซึ่งจะมีศาสนสถาน เช่น มัสยิด และสุเหร่า เป็นจานวนมาก อีกส่วนหนึ่งคือ เดลีใหม่ หรือ นิวเดลี ซึ่งเป็น
เมืองหลวงของอินเดียในปัจจุบัน เป็นส่วนที่อังกฤษสร้างขึ้น เป็นที่ตั้งรัฐสภา สถานที่ทาการของรัฐบาล ถือเป็น
ศูนย์กลางการปกครองของอินเดีย สาหรับนิวเดลีจะเป็นเมืองสมัยใหม่ที่ประกอบไปด้วยย่านการค้าทันสมัย
มากมาย
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเดลี
2.เมืองชัยปุระ (Jaipur)
ชัยปุระ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ นครสีชมพู เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในรัฐราชสถาน มีประชากรอาศัยอยู่มากเป็น
อันดับ 10 ในประเทศอินเดีย และเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยว อินเดีย ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
สาหรับชื่อของ นครสีชมพู (Pink City) เกิดขึ้นจากในปี ค.ศ.1876 มหาราชซาราม ซิงห์ ได้มีรับสั่งให้ประชาชน
ทาสีชมพูบนบ้านเรือนของตัวเอง เพื่อเป็นแสดงการต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ในขณะนั้น และ
ต่อมารัฐบาลอินเดียก็ได้มีการควบคุมให้บ้านเมืองในเมืองแห่งนี้ยังคงทาด้วยสีชมพู จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่มอง
ไปทางไหนก็ดูสวยหวาน
ประตูอินเดีย (India Gate) ตั้งอยู่ในเมืองนิวเดลี เป็นสิ่งก่อสร้าง
ลักษณะคล้ายกับประตูชัยที่ฝรั่งเศส สร้างจากหินทรายแดง มีความสูง
ถึง 42.3 เมตร ส่วนโค้งของซุ้มประตูกว้าง 9.1 เมตร และสูง 22.8 เมตร
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่พลีชีพในสงครามครั้งสาคัญของ
อินเดีย โดยตรงกลางประตูจะมีกระถางขนาดใหญ่ จุดไฟเอาไว้ไม่เคย
ดับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475
วัดดอกบัว (Lotus Temple) หรือ Bahai House of
Worship สถานที่สักการะของศาสนาบาไฮ เป็นวัดที่มี
บริเวณพื้นที่กว้างใหญ่ และมีอาคารสถาปัตยกรรมที่นา
สมัย โดยสร้างเป็นรูปดอกบัวบานดูยิ่งใหญ่สวยงาม
ล้อมรอบด้วยสระน้า ภายในวัดนี้สามารถจุคนได้ถึง
1,300 คน
6
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองชัยปุระ
3.เมืองอัครา (Agra)
เมืองอัคราในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียในสมัยราชวงศ์โมกุลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมน้ายมนา ทาง
ตอนเหนือของประเทศอินเดียและเมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปชมความ
สวยงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง นั่นก็คือ ทัชมาฮาล นั่นเอง
ฮาวา มาฮาล (HAWA MAHAL) พระราชวังในเมือง
ชัยปุระ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สร้างโดยถอด
แบบมาจากรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์ สร้างจาก
หินทรายแดงฉลุหิน หน้าอาคารมีหน้าบันสูง 5 ชั้น
ลักษณะคล้ายรังผึ้ง
วัดเบียร์ล่ามันเดียร์ (Birla Mandir) หรืออีกชื่อหนึ่ง
คือ วัดลักษมีนารายัน เป็นวัดฮินดูที่โดดเด่นด้วยอาคาร
หินอ่อนสีขาว เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่าง
อินเดียโบราณและยุคใหม่ มาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดการ
ชมความสวยงามของอาคารของวัดนะคะ โดยเฉพาะ
โดมใหญ่ สัญลักษณ์แห่งศาสนาฮินดู
ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หรือที่รู้จักกันดีกว่าเป็นอนุสรณ์
สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่สุดอมตะ ของพระเจ้าชาห์จาฮัน
ที่มีต่อพระนางมุมตัช ตัวอาคารสร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์
ประดับลวดลายด้วยการฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน
กลายเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกเลยก็ว่าได้
ส่วนด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัช มาฮาล
และพระเจ้าชาห์จาฮัน
7
4.เมืองพาราณสี (Varanasi)
เมืองพาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี ทางภาคเหนือของอินเดียเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองอันศักดิ์สิทธิ์และมี
ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 4,000 ปี อีกทั้งยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกอีกด้วย ที่
เมืองอันเก่าแก่แห่งนี้ประกอบไปด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งชาวพุทธ ฮินดู และเชนส์ และยังมีแม่น้าอันศักดิ์สิทธิ์
ของชาวอินเดียอย่าง แม่น้าคงคา ไหลผ่านอีกด้วย
แม่น้าคงคา (Ganges River) มาเมืองพาราณสีต้องได้มาชม
แม่น้าคงคาซึ่งเป็นแม่น้าสายสาคัญของประเทศอินเดีย ที่เที่ยว
อินเดียแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนอินเดียที่มี
ความเกี่ยวข้องกับแม่น้าคงคา เป็นเหมือนหัวใจหลักในการใช้
ชีวิตและเป็นสถานที่ที่ทาให้เราได้เข้าใจในวิถีชีวิตและ
วัฒนธรรมของคนอินเดียเป็นอย่างมากเลย
8
บทที่ 2 บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอินเดีย
‘อินเดีย’ ดาวรุ่งแห่งปี 2019
ความร้อนแรงของตลาดนักท่องเที่ยว ‘อินเดีย’ ยังคงดาเนินอย่างต่อเนื่อง หลังจากกระทรวงการ
ท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศสถิตินักท่องเที่ยวอินเดียตลอดปี 2561 ว่ามียอดมาเที่ยวไทยเกือบ 1.6 ล้านคน เติบโต
เกือบ 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทารายได้ท่องเที่ยวกว่า 7.15 หมื่นล้านบาท ขยายตัวมากถึง 30% เลยทีเดียว ยิ่ง
รัฐบาลไทยประกาศให้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival
(VoA) เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 20 ประเทศ ขยายเวลาจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา
ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนปีนี้ ส่งอานิสงส์ต่อเทรนด์ขาขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือน
พฤศจิกายนปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA
โดยในเดือนพฤศจิกายนดังกล่าว มียอดนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยมากขึ้นถึง 1.41 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ
20% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทารายได้ 6.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ขณะที่เดือนธันวาคมถัดมา
ยอดนักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ 1.67 แสนคน เพิ่มขึ้น 20% ทารายได้ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และล่าสุด
สถิติเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1.63 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สร้างรายได้ 7.25
พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 26% ต่างจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งระดับการเติบโตทั้งจานวนอยู่ที่ 4 – 5%
เท่านั้น ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ คือ ตลาดนักท่องเที่ยวจากแดนโรตีจะรักษาระดับความร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่อง
หรือไม่ หลังจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA สิ้นสุดในสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อเดินทางสู่เป้าหมายปี 2562
ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวอินเดียเยือนไทย 2 ล้านคน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับการท่องเที่ยวแห่ง
ประเทศไทย (ททท.) วางไว้ เติบโตกว่า 26% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
9
คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เล่าว่า จากแนวโน้มตลาดอินเดียเที่ยวไทยขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง จึง
ได้กาหนดเป้าหมายเชิงจานวนไว้ที่ปีละไม่ต่ากว่า 20% และคาดว่าจะทะลุ 5 ล้านคนได้ภายในปี 2567 เพื่อมาช่วย
สร้างสมดุลแก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยในภาพรวม ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ตลาด หวังสร้างความ
ยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
“ตลาดที่ไทยเราแข็งแรงอยู่แล้ว คือ กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน แต่กลุ่มที่ต้องเร่งส่งเสริมไปพร้อม ๆ กัน
คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ของอินเดีย เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่มีขนาดประชากรทั้งหมดมากกว่า
1,300 ล้านคนแล้ว ยังมีฐานประชากรวัยหนุ่มสาวมากที่สุดในโลกด้วย ต้องเร่งโปรโมทการตลาดให้นักท่องเที่ยว
กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดความสนใจและเชื่อมั่นในภาคท่องเที่ยวไทย” นอกจากนี้ ททท. ยังอยู่ระหว่างพิจารณาเปิด
สานักงานใหม่เพิ่มที่เมืองกัลกัตตาเป็นแห่งที่ 3 ในอินเดีย เพื่อเข้ามาช่วยเสริมการทาตลาดของอีก 2 สานักงานใน
เมืองมุมไบและนิวเดลี สาหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย พบว่าไปเมืองดูไบ ประเทศ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมาณ 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยไทยราว 1.6 ล้านคน และมาเลเซีย
1.2 ล้านคน รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ เพื่อดึงชาว
อินเดียไปท่องเที่ยวและใช้จ่าย หลังจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ผลิตภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศหรือจีดีพีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% โดยสิงคโปร์มีการเพิ่มเที่ยวบินและส่งเสริมการทาตลาดเรือสาราญ
มากขึ้น ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เดินหน้าตอกย้าตาแหน่งจุดหมายที่ชาวอินเดียไปเที่ยวมากที่สุด ด้วยการโป
รโมทนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มชอปปิ้ง และกลุ่มครอบครัว ทั้งยังให้สิทธิ
พิเศษและมีมาตรการส่งเสริมความสะดวกด้านการเดินทางอีกด้วย
แม้ทิศทางการแข่งขันชิงเค้กนักท่องเที่ยวอินเดียจะรุนแรง แต่ไทยก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่หลายข้อ ทั้งแหล่งท่องเที่ยว
ที่ได้รับความนิยม คุ้มค่า และหลากหลาย รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางยอดนิยมเข้า
ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเมืองรองของอินเดีย
10
ด้านข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้ระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพของนักท่องเที่ยวอินเดียว่า ภาพรวมการ
เติบโตของนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวด์) ไปต่างประเทศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 10% และในปี 2563 นี้ คาดการณ์
ว่าจะมีชาวอินเดียเดินทางไปทั่วโลกราว 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวจากปี 2560 ซึ่งมีฐานอยู่ที่ราว 23 ล้าน
คน นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มไต่อันดับขึ้นเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก
นักท่องเที่ยวจีนในปี 2573 อีกด้วย
คุณวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า อินเดียเป็นตลาดที่
น่าสนใจอย่างมาก ด้วยโครงสร้างประชากรที่นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่า 1,300 ล้านคนแล้ว ชนชั้นกลางยัง
ขยายตัว และสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจเติบโตดีเฉลี่ยปีละ 7% มีโอกาสเป็นแบบนี้ต่อเนื่อง
ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จากการเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าไทยมากขึ้น
“นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามามีบทบาทสาคัญ นั่นคือการช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดท่องเที่ยวไทย กระจาย
ความเสี่ยงจากตลาดจีนที่ปัจจุบันมาเที่ยวไทยกว่า 10.5 ล้านคนเมื่อปีที่ผ่านมา และจากการประเมินแนวโน้มการ
เติบโตของตลาดอินเดียเที่ยวไทย มองว่าน่าจะถึง 5 ล้านคนได้ในอีก 5 ปีนับจากนี้ ทั้งยังมีโอกาสเห็นจานวน 10
ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้าอีกด้วย”
11
ยอดอินเดียเที่ยวไทยมีโอกาสแซงหน้ากลุ่มจีนใน 5 ปี
สมาคมโรงแรมภาคใต้ เล็งโอกาสทองนักท่องเที่ยวอินเดียขยายตัวกาลังซื้อสูง ดันรายได้เพิ่ม 10-20%
นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีวาน่า โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และอุปนายกสมาคม
โรงแรมภาคใต้ เปิดเผยว่า จานวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตขยายตัวเพิ่มขึ้นติด 1 ใน 5
ของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักของแต่ละโรงแรม โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ กลุ่มไมซ์ และคู่รักคู่แต่งงานที่มี
พฤติกรรมการใช้จ่ายสูง ช่วยหนุนรายได้การจัดงานและเข้าพักกว่า 10-20%
นอกจากนั้น คาดว่าอีก 3 ปี จานวนนักท่องเที่ยวอินเดียจะเดินทางเข้าไทยเพิ่มกว่า 1 เท่าตัว เพราะคน
อินเดียต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และใน 5 ปี อาจเห็นจานวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยแซง
นักท่องเที่ยวจีน จากการส่งออกนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางไปต่างประเทศปีละเฉลี่ยกว่า 20 ล้านคน
สาหรับอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวอินเดียของโรงแรมในเครือดีวาน่าช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มกว่า 10% ซึ่ง
ส่วนใหญ่จะพัก 3-4 วัน โดยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ช่วยกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนักท่องเที่ยวจีน
รวมถึงยุโรป
12
สื่อฮ่องกงตีข่าวนทท.อินเดียในไทยจ่อพุ่งแซงจีน แต่ต้องทาใจพฤติกรรม‘ต่อรองราคา’
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าหากนับเพียงเดือน มิ.ย. 2562 เดือนเดียว พบ
ชาวอินเดียมาเที่ยวประเทศไทยถึง 180,000 คน ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า รวมถึงจานวนชาว
อินเดียที่มีกาลังซื้อสูงยังเพิ่มขึ้น โดย ททท. คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์นักท่องเที่ยวอินเดียจะคล้ายสิ่งที่เกิดขึ้นกับ
นักท่องเที่ยวจีน กล่าวคือ ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2571 น่าจะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยถึง 10
ล้านคน เช่นเดียวกับเมื่อปี 2561 ที่มีนักท่องเที่ยวจีน 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อนหรือปี 2551 ที่มี
นักท่องเที่ยวจีนมาไทย 8 แสนคน
ในมุมหนึ่ง ปรีชา จาปี กรรมการสมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotels Association) กล่าวว่า นักท่องเที่ยว
ชาวอินเดียคล้ายกับนักท่องเที่ยวจีนหลายอย่าง อาทิ ทั้ง 2 ประเทศสามารถเดินทางมายังประเทศไทยโดยใช้เวลา
3-4 ชั่วโมง เป็นประเทศที่มีจานวนประชากร และขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม มีชาวอินเดียถึง 600
ล้านคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้คืออนาคตของภาคการท่องเที่ยวไทย
ไม่เพียงแต่การไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆ เท่านั้น แต่คู่รักชาวอินเดียยังนิยมมาจัด
พิธีแต่งงานในประเทศไทยอีกด้วย โดยการจัดงานแต่งงานในโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่กรุงเทพฯ ,
เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รวมถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ใช้จ่ายตกอยู่ที่ 8-9 ล้านบาท
มีแขกร่วมงานราว 300-400 คน ฉลองกัน 3-4 วัน ซึ่งสาเหตุที่เลือกมาประเทศไทยเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้าง
ประหยัด
สานักข่าวจากฮ่องกง ยังได้สัมภาษณ์หนุ่ม-สาวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น พาร์ฟ
เจน (Parv Jain) หนุ่มวัย 18 ปี จากรัฐปัญจาบ เดินทางมากับกลุ่มเพื่อนรวม 7 คน บินตรงจากอินเดียไป จ.ภูเก็ต
13
ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.กระบี่ และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ เล่าว่า พวกตนอยู่เมืองไทย 8 วัน ใช้จ่ายเงินคนละ 15,000
บาท ขณะที่ ทูฮิน มิตรา (Tuhin Mitra) หนุ่มวัย 27 ปีจากเมืองกัลกัตตา กล่าวว่า ตนไปเที่ยวเมืองพัทยา และ
ชอบดื่มแอลกอฮอล์บนชายหาด ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถทาที่บ้านเกิดได้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง กิตติศัพท์เรื่องพฤติกรรมการ “ต่อรองราคา” ของชาวอินเดียเป็นที่รับรู้กันในหมู่พ่อค้า-
แม่ค้า อาทิ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยรายหนึ่ง ในย่านประตูน้า กรุงเทพฯ เล่าว่า ตั้งราคาเสื้อกันฝนไว้ที่ 4 ตัว 156 บาท
สุดท้ายต้องยอมลดเหลือ 4 ตัว 100 บาท เพราะอย่างน้อยการมีลูกค้าก็ยังดีกว่าไม่มี เช่นเดียวกับ ผิง (Ping) แม่ค้า
ขายของที่ระลึก ณ เมืองพัทยา ระบุว่า นักท่องเที่ยวอินเดียสนุกกับการช็อปปิ้งในประเทศไทยโดยไม่ต้องใช้เงิน
มาก ถึงกระนั้นชาวอินเดียก็นิยมเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาด ต่างจากชาวจีนที่มักซื้อสินค้าตามร้านค้าที่กรุ๊ปทัวร์พา
ไปเสียมากกว่า
รายงานจากสื่อฮ่องกง ปิดท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ชาวจีนยังมีสัดส่วนทางเศรษฐกิจของไทยมากกว่า
นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ อาทิ ในปี 2561 พวกเขาใช้จ่ายเงินในประเทศไทยมากถึง 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
24 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ปีนี้มีสิ่งที่ต้องกังวลคือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทาให้ราคาสินค้าและ
บริการแพงขึ้น ชาวจีนที่ใส่ใจเรื่องราคาอาจลดลงก็เป็นได้ และแม้ว่านักท่องเที่ยวจากอินเดียน่าจะมากขึ้นจาก
จานวนชนชั้นกลางชาวอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ ก้องศักดิ์ คู่พงศกร (Kongsak Khoopongsakorn) รองประธาน
สมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการยังคงต้องกระจายความเสี่ยงให้ดีระหว่างนักท่องเที่ยวสัญชาติต่างๆ
เพราะไม่อาจคาดหวังจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดเพียงกลุ่มเดียว
14
ทาไมนักท่องเที่ยวชาวอินเดียถึงมาเที่ยวเมืองไทยซึ่งพวกเขาอาจมีจานวนมากกว่านักท่องเที่ยวชาวจีน
กระทรวงการท่องเที่ยวของไทยระบุว่าจานวนนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เริ่มเพิ่มขึ้นด้วยจานวน
นักท่องเที่ยว 180,000 คนในเดือนมิถุนายน เที่ยวบินตรงเพิ่มเติมการสละสิทธิ์วีซ่าและที่สาคัญที่สุดคือความมั่งคั่ง
ที่เพิ่มขึ้นทาให้จานวนนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้นซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวว่าเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อ
เทียบเป็นรายปีในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 ขณะที่จานวนนักท่องเที่ยวจากจีน ลดลง 4% จากช่วงเวลา
เดียวกันแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 4.8 ล้านคน แต่เพียง 787,195 คนมาจากอินเดีย แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ของชนชั้นกลางทาให้เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวของไทย เพิ่มประมาณการของพวกเขาว่าจะมีนักท่องเที่ยวกี่คนที่มา
จากอินเดียด้วยประชากร 1.3 พันล้าน ขณะนี้คาดว่าจะมีอย่างน้อย 10 ล้านคนในปี 2571 ซึ่งเพิ่มขึ้นห้าเท่าจาก
การเข้าชมของปีที่แล้ว วิถีการเติบโตแบบนั้นจะเลียนแบบการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนจาก 800,000 คนใน
ปี 2551 เป็นมากกว่า 10 ล้านคนในปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่คนไทยช่วยกู้เรือทัวร์ที่อับปางลงเมื่อปีที่แล้วทาให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 ราย
15
ปรีชาจาปีสมาชิกคณะกรรมการสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียแตกต่างจากคนจีน
เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทัวร์เพราะพวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ “ มีชาวอินเดีย
1.6 ล้านคนที่มาเที่ยวประเทศไทยในปี 2561 และเราคาดว่าจะเป็น 1.8 ล้านคนในปีนี้” เขากล่าว
“ ตลาดอินเดียมีความคล้ายคลึงกันมากกับคนจีน ผู้เข้าชมจากทั้งสองประเทศสามารถบินได้ที่นี่ในเวลา 3-4 ชั่วโมง
พวกเขามีประชากรเท่ากันและมีการเติบโตของ GDP แต่มีชาวอินเดียอายุ 600 ล้านคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปีและ
เราคิดว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นอนาคตของ การท่องเที่ยวไทย”
- ในพัทยานักท่องเที่ยวชาวจีนสายพันธุ์ใหม่โผล่ออกมาพบกับ FITs
Parv Jain นักเรียนอายุ 18 ปีจากรัฐปัญจาบกล่าวว่าเขาและกลุ่มเพื่อนเจ็ดคนบินตรงไปยังภูเก็ตก่อนที่จะ
เดินทางไปยังเมืองตากอากาศใกล้เคียงในจังหวัดกระบี่ “ เราอยู่เมืองไทยแปดวันและแต่ละคนใช้เวลาประมาณ
15,000 บาท (US $ 486)”
Tuhin Mitra จาก Kolkata กล่าวว่าเขาเคยไปพัทยาและชอบที่จะดื่มแอลกอฮอล์บนชายหาดสิ่งที่ 27 ปี
ไม่สามารถกลับบ้านได้ นอกเหนือจากการเยี่ยมชมฮอตสปอตการท่องเที่ยวของประเทศไทยชาวอินเดียยังเลือก
ประเทศเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของพวกเขามากขึ้นโดยมีคู่รักชาวอินเดียกว่า 200 คู่ที่ผูกปมที่นั่นในแต่ละปี “
คู่รักและครอบครัวใช้จ่ายประมาณ 8 ถึง 9 ล้านบาท (US $ 260,000 - US $ 290,000) ต่อแพ็คเกจแต่งงานที่
โรงแรมระดับห้าดาวของประเทศไทยในกรุงเทพฯหัวหินและพัทยา” ปรีชาสมาคมโรงแรมไทยกล่าว “ อาจมีแขก
ประมาณ 300 ถึง 400 คนที่บินมาเป็นเวลาสามถึงสี่คืนของการเฉลิมฉลองและพวกเขาคิดว่าประเทศไทยเป็น
จุดหมายปลายทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากในการจัดงานแต่งงาน "
แผงลอยมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารในเขตประตูน้ากรุงเทพฯ
16
เมื่อไม่ได้สาดเงินสดบนวิวาห์ของพวกเขาอย่างไรก็ตามผู้เข้าชมชาวอินเดียได้รับชื่อเสียงว่าเป็นผู้ต่อรอง
ราคาที่ยาก ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดอินทราที่ประตูน้าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ค้าแผงลอยถูกขอร้องเพิ่มอีก 20 บาท (7
เซ็นต์สหรัฐ) หลังจากผู้ชายอินเดียกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้ใช้ราคาเสื้อกันฝนพลาสติกสี่ผืนจาก 156 บาท เหลือเพียง
100 .
“ ฉันต้องขายกระเป๋าครึ่งราคา” เจ้าของร้านคนอื่นซึ่งไม่ต้องการรับชื่อกล่าว “ แต่หากไม่มีชาวอินเดียก็
จะไม่มีใคร ” ผิงผู้ขายของที่ระลึกในพัทยากล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดีย“ ไม่จาเป็นต้องใช้จ่ายจานวนมากเพื่อ
สนุกกับการช็อปปิ้งในประเทศไทย”
นิสัยของคนอินเดีย คือ ชอบจ้องหน้าตลอด โดยเขาจะมองว่าคนไทยหรือคนต่างชาติที่ไปเที่ยวบ้านเขามี
วรรณะสูงกว่า ประเทศอินเดียมีประชากรมาก เพราะเขาไม่คุมกาเนิดตามความเชื่อของหลักศาสนา
ทาให้คนเหล่านั้นต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกายเพื่อความอยู่รอด ในเรื่องของระบบวรรณะ คนอินเดียจะสามารถจากัด
จานวนของการใช้ทรัพยากร เหมือนกับว่าใครอยู่วรรณะไหนก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งทาให้คนอินเดียสามารถควบคุม
พฤติกรรมของประชากรได้
17
บทที่ 3 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย
หลังจากที่ประเทศไทยมีมาตรการยกเลิกวีซ่า (Visa) หรือ Visa on arrival (VoA) เพื่อกระตุ้น
นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 20 ประเทศ ขยายเวลาจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ออกไปจนถึงวันที่
30 เมษายนปีนี้ ส่งอานิสงส์ต่อเทรนด์ขาขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA
โดยในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 มียอดนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยมากขึ้นถึง 1.41 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ
20% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทารายได้ 6.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ขณะที่เดือนธันวาคมถัดมา
ยอดนักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ 1.67 แสนคน เพิ่มขึ้น 20% ทารายได้ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และล่าสุด
สถิติเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1.63 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สร้างรายได้ 7.25
พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 26% ต่างจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งระดับการเติบโตทั้งจานวนอยู่ที่ 4 – 5%
เท่านั้น ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
แนวโน้มตลาดอินเดียเที่ยวไทยขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง จึงได้กาหนดเป้าหมายเชิงจานวนไว้ที่ปีละไม่ต่า
กว่า 20% และคาดว่าจะทะลุ 5 ล้านคนได้ภายในปี 2567 เพื่อมาช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เยือนไทยในภาพรวม ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ตลาด หวังสร้างความยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
สาหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย พบว่าไปเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอ
มิเรตส์ ประมาณ 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยไทยราว 1.6 ล้านคน และมาเลเซีย 1.2 ล้านคน
รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ เพื่อดึงชาวอินเดียไป
ท่องเที่ยวและใช้จ่าย หลังจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ผลิตภัณฑ์มวลรวม
ภายในประเทศหรือจีดีพีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7%
โดยสิงคโปร์มีการเพิ่มเที่ยวบินและส่งเสริมการทาตลาดเรือสาราญมากขึ้น ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เดินหน้าตอกย้าตาแหน่งจุดหมายที่ชาวอินเดียไปเที่ยวมากที่สุด ด้วยการโปรโมทนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ทั้ง
กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มชอปปิ้ง และกลุ่มครอบครัว ทั้งยังให้สิทธิพิเศษและมีมาตรการส่งเสริมความ
สะดวกด้านการเดินทางอีกด้วย
แม้ทิศทางการแข่งขันชิงเค้กนักท่องเที่ยวอินเดียจะรุนแรง แต่ไทยก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่หลายข้อ ทั้งแหล่ง
ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม คุ้มค่า และหลากหลาย รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางยอด
นิยมเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเมืองรองของอินเดีย
18
ศักยภาพของนักท่องเที่ยวอินเดียในภาพรวมการเติบโตของนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวด์) ไป
ต่างประเทศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 10% และในปี 2563 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีชาวอินเดียเดินทางไปทั่วโลกราว 50
ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวจากปี 2560 ซึ่งมีฐานอยู่ที่ราว 23 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มไต่อันดับขึ้นเป็น
ตลาดที่มีการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวจีนในปี 2573
อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยโครงสร้างประชากรที่นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่า 1,300 ล้าน
คนแล้ว ชนชั้นกลางยังขยายตัว และสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจเติบโตดีเฉลี่ยปีละ 7% มีโอกาส
เป็นแบบนี้ต่อเนื่องในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จากการเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าไทยมากขึ้น
นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามามีบทบาทสาคัญ นั่นคือการช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดท่องเที่ยวไทย กระจาย
ความเสี่ยงจากตลาดจีนที่ปัจจุบันมาเที่ยวไทยกว่า 10.5 ล้านคนเมื่อปีที่ผ่านมา และจากการประเมินแนวโน้มการ
เติบโตของตลาดอินเดียเที่ยวไทย มองว่าน่าจะถึง 5 ล้านคนได้ในอีก 5 ปีนับจากนี้ ทั้งยังมีโอกาสเห็นจานวน 10
ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้าอีกด้วย
จากสถิติในปี 2557 นักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในส่วนของที่พักอาศัย การชอปปิง
อาหารและเครื่องดื่ม และความบันเทิงเป็นส่วนมาก โดยมีสัดส่วนการใช้จ่ายร้อยละ 28.6 25.5 19.1 และ 11.3
ตามลาดับ และจากผลสารวจนักท่องเที่ยวของ ททท. ที่เน้นการศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่ม
ศักยภาพสูง[3] ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มทั่วไป 2 เท่า พบว่านักท่องเที่ยวกลุ่ม
ดังกล่าวชอบเลือกซื้อสินค้าระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว โดยสินค้าที่นิยมซื้อได้แก่ เสื้อผ้า (73.3%) รองมาคือ
อาหารและของฝาก และยังพบว่าปัจจัยสาคัญที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงชาวอินเดียใช้พิจารณาเป้าหมายการ
เดินทางได้แก่ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบให้เลือก อากาศดี โปรโมชันแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ดึงดูด และ
ความน่าสนใจของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ทั้งนี้ผู้ประกอบการในธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจึงควรมีการเตรียมความ
พร้อมเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวอินเดียในอนาคต
รูป สัดส่วนรายจ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียในปี 2017
19
จากสถิติที่ผ่านมาทั้งในอดีตและสถิติล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยค่อนข้างเป็นที่นิยมของ
นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยประเทศ
ไทยก็สนับสนุนนักท่องเที่ยวอินเดียโดยการอานวยความสะดวกมากมาย เช่น ฟรีวีซ่า หรือ Visa on arrival และ
การพยายามสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่ามาจัดงานแต่งงาน โดยจะใช้การโปรโมตจากนักแสดงบอลลีวูด
ของอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและคนรุ่นใหม่ของอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมาก
ยิ่งขึ้น
เหตุผลที่นักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวที่ประเทศไทย
1. ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศไทยถูกกว่าในประเทศอินเดีย เช่น รัฐเกลาล่าห์ ราชาสถาน อีนดามันฯลฯ
2. มีแหล่งท่องเที่ยวหลากลายทางทางธรรมชาติ โดยเฉพาะหาดทราย ทะเล แม่น้า
3. ไทยมีการ เที่ยวดาน้า ชมปะการัง
4. มีการให้สัมผัส การขี่หลังช้างชมธรรมชาติ
5. ไทยมีให้สัมผัสชีวิตเสือสัตว์ดุร้ายแต่เชื่องดุจแมว
6. เมืองหลวงมีแสงสีให้ชมกลางคืน
7. มีสิ่งเพื่อให้ช้อปปิ้งมากมายเช่นผ้าไหม เซรามิก เครื่องประดับ ฯลฯ
8. ไทยมีอาหารอร่อย และรสจัด ที่เลือกทานได้ทั้งมังสวิรัติและไม่มังสวิรัติ
9. ไทยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมาจากทั่วโลก อินเดียเลยมาดู (ชอบดู -ชอบจ้องอยู่แล้ว)
10. ไทยมีนวดแผนไทยที่คล้ายอินเดีย
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย
1. การใช้จ่าย ในการท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง นักท่องเที่ยวอินเดียศักยภาพสูงมีการใช้จ่ายมากกว่า
นักท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า โดยมีการใช้จ่ายรวม 98,752บาท ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปมีการใช้จ่าย 51,562
บาททั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่สาคัญ ได้แก่ ค่าที่พัก (29,066 บาท) ค่าช้อปปิ้ง (26,546 บาท) ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม
(18,642 บาท) ค่ากิจกรรมบันเทิง (12,425 บาท) และค่าเดินทางในพื้นที่ (12,072บาท) สาหรับการท่องเที่ยวใน
20
ประเทศไทยพบว่านักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 39,668 บาทต่อครั้งเท่านั้น(คานวณจากข้อมูลของ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)
2. ประเทศจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยม ไทยเป็น 1ใน 3 ประเทศที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงนิยมเดินทางมาเยือน
มากที่สุด โดย 5 ลาดับประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดีย ได้แก่ (1) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2)
สิงคโปร์ (3) ไทย (4) สหรัฐอเมริกา และ (5) มาเลเซีย
3. ช่องทางสื่อสารข้อมูล จากการบอกเล่ายังคงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทาง ขณะที่การสื่อสารผ่านช่องทาง
Social Media มีบทบาทมากที่สุดต่อการตัดสินใจเลือกจุดหมายท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดีย
รองลงมาได้แก่ ข้อมูลจากบริษัทตัวแทนนาเที่ยว นิตยสารท่องเที่ยว และคู่มือการเดินทาง
4. ประเภทที่พักยอดนิยม นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดียนิยมพักในโรงแรมระดับ 4 ดาวมากที่สุด โดยที่พัก
ประเภทที่ได้รับความนิยมในลาดับถัดไป ได้แก่ โรงแรมทั่วไป โรงแรม 5 ดาว และโรงแรมบูติก ตามลาดับและมี
ระยะเวลาพักเฉลี่ย 4-5 วัน
5. กิจกรรมระหว่างท่องเที่ยวยอดนิยม เมื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง
อินเดียให้ความสนใจมากที่สุดเรียงตามลาดับ ดังนี้ (1) ช้อปปิ้ง (2) กิจกรรมชายหาด/ชายทะเล (3) การท่องเที่ยว
เชิงนิเวศ (4) กิจกรรมบันเทิง และ (5) การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
6. สิ่งของที่ต้องซื้อ สินค้ายอดนิยม 5 ลาดับแรกสาหรับการช้อปปิ้งต่างประเทศ ได้แก่ (1) เสื้อผ้า (2) อาหาร
พื้นเมือง (3) สินค้าหัตถกรรม (4) เครื่องใช้ไฟฟ้า และ (5) เครื่องประดับหรืออัญมณี
7. สิ่งแรกที่นึกถึงประเทศไทย เมื่อกล่าวถึงประเทศไทยนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดียส่วนใหญ่จะนึกถึง (1)
ทะเลหรือกิจกรรมทางทะเล (2) สถานที่ท่องเที่ยวยามค่าคืน (3) สถานที่สวยงามเหมาะสาหรับการพักผ่อน (4)
อาหารไทยและผลไม้ไทย และ (5) แหล่งช้อปปิ้งหรือสินค้า
8. นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงสามารถแบ่งกลุ่มตามพื้นฐานด้านจิตวิทยาและไลฟ์สไตล์ได้ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- กลุ่ม Succeeder มีจานวนประมาณ 259,463 คนส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและ
การเงินโดยเฉพาะเมืองมุมไบบังกาลอร์และนิวเดลีเป็นกลุ่มคนวัยทางานอายุระหว่าง 25-44 ปีมีความเชื่อมั่นใน
ตนเองมีพื้นฐานการศึกษาดีและมีฐานะทางสังคมในระดับปานกลางถึงดีคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ทางานหนักและมี
ความกระตือรือร้น ต้องการรักษาและขยับสถานะทางสังคมของตนให้ดีขึ้น
- กลุ่มReformer มีจานวนเพียง 132,180 คนเท่านั้นกลุ่มนี้มีอายุเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มSucceederส่วนใหญ่อาศัยอยู่
ตามเมืองใหญ่เป็นกลุ่มคนที่เติบโตทางความคิดมีเศรษฐฐานะทางสังคมในระดับที่ดีถึงดีมากมีความมั่นใจในตัวเอง
21
แต่ก็เปิดโลกทัศน์แบบกว้างขวางกระหายการเรียนรู้ชื่นชอบการค้นหาสิ่งแปลกใหม่แสวงหามุมมองใหม่ให้กับ
ตนเองและสังคมรอบข้างมีรสนิยมในการดารงชีวิตแต่ยังคงต้องการโดดเด่นในสังคม
- กลุ่ม High-Value Mainstream มีจานวนประมาณ 264,359 คนมากกว่านักท่องเที่ยวศักยภาพสูงกลุ่มอื่นคน
กลุ่มนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูดีแต่งกายดีเพื่อแสดงถึงฐานะความมั่งคั่งซึ่งเป็นบรรทัดฐานของสังคมชนชั้นในอินเดียเป็น
กลุ่มคนที่มีความสุขและผูกพันกับคนหมู่มากคานึงถึงคนรอบข้างเป็นส่วนใหญ่โอนอ่อนผ่อนตามครอบครัวและคน
รอบตัวมีกิจวัตรประจาวันแบบเดิมๆรู้จักคุณค่าของเงินมักจะมีความกลัวในเรื่องใหม่ๆจึงมักใช้สินค้าและบริการที่
สังคมส่วนใหญ่ยอมรับแบรนด์ทั่วไปที่คนรู้จักดีคุ้มค่าสมราคา
22
บรรณานุกรม
จิรายุ โพธิราช.//2562.//สัดส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียในประเทศไทย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62,จาก
https://www.scbeic.com/th/detail/product/6094
ประชาชาติ.//2560.//คาดการณ์นักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาในประเทศไทย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://www.prachachat.net/uncategorized/news-17771
Kanittha.//2562.//อินเดีย ดาวรุ่งแห่งปี 2019.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://www.thaihotelbusiness.com/hot-issue/อินเดีย-ดาวรุ่ง-ปี-2019/
F**kyou.//2562.//10 เหตุผลที่ “คนอินเดีย” ชอบเที่ยวเมืองไทยมากที่สุด.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://board.postjung.com/937273
Admin.//2558.//เปิดกลยุทธ์...จับนักท่องเที่ยวอินเดียกระเป
๋ าหนักให้อยู่หมัด.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://positioningmag.com/60581
Wikipedia.//2652.//ประเทศอินเดีย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศอินเดีย
Admin.//2558.//ภาพรวมเศรษฐกิจอินเดีย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก
https://thaiindia.net/about-india/overview/item/1797-indian-economic-overview.html

More Related Content

What's hot

ระเบียบวิธีวิจัย
ระเบียบวิธีวิจัยระเบียบวิธีวิจัย
ระเบียบวิธีวิจัยKero On Sweet
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์Kannaree Jar
 
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)FURD_RSU
 
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ ใหม่
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ  ใหม่โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ  ใหม่
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ ใหม่I'Lay Saruta
 
การพัฒนาบุคลิกภาพ
การพัฒนาบุคลิกภาพการพัฒนาบุคลิกภาพ
การพัฒนาบุคลิกภาพMediaDonuts
 
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรีเศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรีPrincess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
 
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย  ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย Bom Anuchit
 
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญPongpob Srisaman
 
รวมบทความสารคดี
รวมบทความสารคดีรวมบทความสารคดี
รวมบทความสารคดีHahah Cake
 
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์Piyarerk Bunkoson
 
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญาปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญาpentanino
 
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒Jiraprapa Noinoo
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1Natthaphong Messi
 
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนงานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนSRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าจริงใจ รักจริง
 
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2niralai
 
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้ การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้ ดีโด้ ดีโด้
 

What's hot (20)

ระเบียบวิธีวิจัย
ระเบียบวิธีวิจัยระเบียบวิธีวิจัย
ระเบียบวิธีวิจัย
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)
การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดการผูกขาดของธรรมชาติ (Monopoly by Nature)
 
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ ใหม่
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ  ใหม่โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ  ใหม่
โครงการ พัฒนาคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะ ใหม่
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
Microsoft power point presentation ใหม่
Microsoft power point presentation ใหม่Microsoft power point presentation ใหม่
Microsoft power point presentation ใหม่
 
การพัฒนาบุคลิกภาพ
การพัฒนาบุคลิกภาพการพัฒนาบุคลิกภาพ
การพัฒนาบุคลิกภาพ
 
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรีเศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
เศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
 
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย  ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย
ศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative Religion) สังคมศึกษา ม.ปลาย
 
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
2.ส่วนคำนำ และสารบัญ
 
รวมบทความสารคดี
รวมบทความสารคดีรวมบทความสารคดี
รวมบทความสารคดี
 
รายงานกลุ่ม 1
รายงานกลุ่ม 1รายงานกลุ่ม 1
รายงานกลุ่ม 1
 
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
การใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์และการไม่ใช้คำว่า “ทรง” ในคำราชาศัพท์
 
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญาปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
 
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒วังสัฏ  ฉันท์ ๑๒
วังสัฏ ฉันท์ ๑๒
 
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1
คัมภีร์ฉันทศาสตร์ เลขที่ 28 ม.5 1
 
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีนงานนำเสนอ อารยธรรมจีน
งานนำเสนอ อารยธรรมจีน
 
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้าโครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
โครงงาน เรื่อง สมุนไพรครีมพอกหน้า
 
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
รวมบทกลอนสำหรับงานค่าย2
 
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้ การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้
การเปรียบเทียบความเข้มข้นของวิตามินซีในผลไม้
 

รายงานพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอินเดีย

  • 1. รายงาน พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย จัดทาโดย นางสาวอภิญญา นาวิก รหัสนักศึกษา 6101170016 นางสาวสิรีธร ใจดี รหัสนักศึกษา 6101170054 นางสาวสุดารัตน์ มะโท รหัสนักศึกษา 6101170191 นางสาวสิริรัตน์ จาปา รหัสนักศึกษา 6101170238 นางสาวนวพร วงษ์แสน รหัสนักศึกษา 6101170276 นาเสนอ อาจารย์ณัฏฐ์ปาลิดา ศรีคาหน้อย รายวิชา รท.231 พฤติกรรมนักท่องเที่ยว ภาคการศึกษาที่ 1 ประจาปีการศึกษา 2562
  • 2. ก คานา รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา พฤติกรรมนักท่องเที่ยว (รท.231) ซึ่งทางผู้จัดทาได้ จัดทาขึ้นเพื่อเป็นการนาความรู้ที่ได้ศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยการศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะนิสัย ของประชากร และแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจของประเทศอินเดีย ผู้จัดทาต้องขอขอบคุณอาจารย์ ณัฏฐ์ปาลิดา ศรีคาหน้อย ผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกษา หวังว่า รายงานฉบับนี้จะให้ความรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆท่าน หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทาขอรับไว้ ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง คณะผู้จัดทา
  • 3. ข สารบัญ เรื่อง หน้า คานา ก สารบัญ ข บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของประเทศอินเดีย 1 บทที่ 2 บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอินเดีย 8 บทที่ 3 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย 17 บรรณานุกรม 22
  • 4. 1 บทที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของประเทศอินเดีย อินเดีย (หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย ) ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอนุทวีป อินเดีย มีประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก และเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดย มีประชากรมากกว่าหนึ่งพันล้านคน มีภาษาพูดร้อยแปดสิบแปดภาษาโดยประมาณ ด้านเศรษฐกิจ อินเดียมีอานาจ การซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก ทั้งนี้ อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทางตะวันตกเฉียง เหนือติดกับปากีสถาน ทางตะวันออกติดพม่า ทางตะวันตกเฉียงใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ติด ศรีลังกา ล้อมรอบบังกลาเทศทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก นอกนั้นยังมีเขตแดนทางทะเลต่อเนื่อง กับน่านน้าไทย พม่า และอินโดนีเซีย และด้วยพื้นที่ 3,287,590 ตารางกิโลเมตร อินเดียจึงเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุด อันดับ 7 ของโลก อินเดียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 29 รัฐ (States) (ซึ่งแบ่งย่อยลงเป็นเขต) และ 7 ดินแดนสหภาพ (Union Territories) ประชากรอินเดียมี1.252พันล้านคน โดยมีเชื้อชาติ อินโด-อารยัน ร้อยละ 72 ดราวิเดียน ร้อยละ 25 มองโกลอยด์ ร้อยละ 2 และอื่น ๆ ร้อยละ 1 อัตราการเพิ่มของประชากร ร้อยละ 1.8 พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) และอัตราการรู้ หนังสือ ร้อยละ 52.1 ภูมิประเทศ ประเทศอินเดียเกิดขึ้นบนอนุทวีปอินเดีย (Indian subcontinent) ซึ่งตั้งอยู่บนบริเวณแผ่นเปลือกโลกอินเดีย (Indian tectonic plate) ซึ่งในอดีตนั้นเคยเชื่อมอยู่กับแผ่นออสเตรเลีย การรวมตัวทางภูมิศาสตร์ครั้งสาคัญของประเทศอินเดียนั้นเกิดขึ้นราว 75 ล้านปีก่อน เมื่ออนุทวีปอินเดียซึ่งเคย เป็นส่วนหนึ่งของมหาทวีปแห่งตอนใต้ คือ มหาทวีปกอนด์วานา (Gondwana) ได้เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านที่บริเวณมหาสมุทรอินเดียซึ่งในขณะนั้นยังไม่เกิดขึ้น โดยกินเวลารวมทั้งหมด ประมาณ 55 ล้านปี หลังจากนั้นอนุทวีปอินเดียนได้ชนเข้ากับแผ่นทวีปยูเรเชีย อันเป็นที่มาของการเกิด เทือกเขาที่มีความสูงที่สุดในโลก คือ เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งอยู่บริเวณภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของ อินเดีย ตอนใต้ของเทือกเขาซึ่งเคยเป็นท้องทะเลอันกว้างขวางได้ค่อยๆกลายมาเป็นผืนดินราบลุ่มแม่น้าอัน กว้างใหญ่ ทาให้เกิดเป็นที่ราบลุ่มแม่น้าคงคาตอนเหนือของอินเดีย (Indo-Gangetic Plain) ทางภาคตะวันตก นั้นติดกับทะเลทรายธาร์ ซึ่งถูกกั้นกลางด้วยทิวเขาอะราวัลลี อนุทวีปอินเดียนั้นได้คงอยู่จนกลายมาเป็นคาบสมุทรอินเดียในปัจจุบัน ซึ่งจัดเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดทาง ธรณีวิทยา และยังเป็นบริเวณที่มีความคงที่ทางภูมิศาสตร์ที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดีย โดยกินพื้นที่กว้างขวางจรด
  • 5. 2 เทือกเขาสัทปุระ (Satpura)ทางตอนเหนือ และเทือกเขาวินธยะ (Vindhya) ในภาคกลางของอินเดีย โดยมี ลักษณะคู่ขนานกันไปจรดชายฝั่งทะเลอาหรับในรัฐคุชราตทางทิศตะวันตก และที่ราบสูงโชตนาคปุระ (Chota Nagpur Plateau) ที่เต็มไปด้วยแร่รัตนชาติในรัฐฌาร์ขัณฑ์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนทิศใต้นั้นประกอบด้วย แผ่นดินคาบสมุทรบนที่ราบสูงเดคคาน (Deccan Plateau) ซึ่งถูกขนาบโดยเทือกเขาริมทะเลทั้งสองฝั่งที่ เรียกว่า เทือกเขากัทส์ทิศตะวันตก และตะวันออก(Western and Eastern Ghats) ในบริเวณนี้จะพบหินที่มี อายุเก่าแก่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งมีอายุถึง 1 พันล้านปี การใช้ภาษา อินเดียมีประชากรกว่า 1,100 ล้านคน ประชากรเหล่านี้มีความแตกต่างทางด้านชาติพันธุ์ และวัฒนธรรมมีภาษา หลักใช้พูดถึง 16 ภาษา เช่น ภาษาฮินดี ภาษาอังกฤษ ภาษาเบงกอล ภาษาอูรดู ฯลฯ และมีภาษาถิ่นมากกว่า 100 ภาษา ภาษาฮินดี ถือว่าเป็นภาษาประจาชาติ เพราะคนอินเดียกว่าร้อยละ 30 ใช้ภาษานี้ คนอินเดียที่อาศัยอยู่รัฐ ทางตอนเหนือและรัฐทางตอนใต้นอกจากจะใช้ภาษาที่แตกต่างกันแล้ว การแต่งกาย การรับประทานอาหารก็ แตกต่างกันออกไปด้วย ศาสนาในอินเดีย เนื่องจากประเทศอินเดียเป็นแหล่งกาเนิดพระศาสนาที่มีความสาคัญในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ศาสนาพราหมณ์ และ พระพุทธศาสนา ชาวอินเดียจึงถือว่าครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่มีความสาคัญที่สุด ระบบครอบครัวของอินเดียเป็นระบบครอบครัวร่วม หรือครอบครัวขนาดใหญ่ สมาชิกในครอบครัวประกอบด้วย ปู่ ย่า พ่อ แม่ ลูก หลาน และ เหลน อยู่ร่วมกันภายในครอบครัวเดียว ผู้อาวุโสที่สุดของฝ่ายชายจะเป็นหัวหน้า ครอบครัว แม้สังคมของอินเดียยังคงมีความนับถือเรื่องวรรณะอยู่ แต่ก็ปรากฏไม่มากเท่าอดีต การดาเนินชีวิตของ ชาวอินเดียจะยึดถือศาสนาเป็นสิ่งสาคัญ กว่าร้อยละ 79.8 ของประชากรนับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 14.2 นับถือ ศาสนาอิสลาม ร้อยละ 2.3 นับถือศาสนาคริสต์ ร้อยละ 0.7 นับถือ ศาสนาพุทธส่วนมากอยู่ลาดัก หิมาจัล สิกขิม อัสสัม เบงกอลตะวันตก และโอริศา ร้อยละ 1.7 นับถือศาสนาซิกข์ในรัฐปัญจาบ และที่เหลือ ร้อยละ 0.4 ศาสนา เชนในรัฐคุชรัต และอื่น ๆ อีก 0.9 รวมทั้งพวกนักบวชที่นับถือนิกายต่าง ๆ อีกมากมาย มีประมาณ 400 ศาสนา ทั่วอินเดีย
  • 6. 3 เศรษฐกิจในอินเดีย ขนาดเศรษฐกิจ อินเดียเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก สหรัฐอเมริกาและจีน แต่ด้วยจานวนประชากรมหาศาลกว่า 1.2 พันล้านคน ทาให้อินเดียยังถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม เศรษฐกิจกาลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่า (Lower-middle-income economy) ตามการแบ่งกลุ่ม ประเทศของธนาคารโลกในปีงบประมาณ 2557-58 โดยใช้รายได้มวลรวมประชาชาติ (Gross National Income – GNI) ต่อหัวเป็นเกณฑ์ คือมี GNI ต่อหัวระหว่าง 1,046-4,125 ดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจอินเดีย แม้ภาพของความยากจนยังมีให้เห็นมากในอินเดีย แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจอินเดียได้พัฒนาไป อย่างมากนับตั้งแต่อินเดียเริ่มเปิดประเทศภายหลังสงครามเย็นและได้พยายามส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเพื่อ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีจุดเปลี่ยนที่สาคัญ คือ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจซึ่งส่งผลให้มีการลงทุนจาก ต่างชาติในกิจการไฟฟ้า พลังงาน และอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังได้เปิดเสรีโทรคมนาคมและการสื่อสารในปี 2543 ทาให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของอินเดียดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเศรษฐกิจอินเดียเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในช่วงปี 2548-2553 โดย GDP เติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 8.5 โดยขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 10.3 ในปี 2553 ประกอบกับ จานวนประชากรชนชั้นกลางที่มีกาลังซื้อสูงและมีจานวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทาให้อินเดียกลายเป็นตลาดใหม่ที่ ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากนานาชาติ ในช่วงที่เริ่มมีกระแสความนิยมทางการค้าและการลงทุนหลั่งไหลสู่ภูมิภาคเอเชีย รัฐบาลอินเดียตั้งแต่ยุคพรรค รัฐบาลคองเกรส (ปี 2547-2557) จนถึงชุดปัจจุบันได้พยายามเร่งการปฏิรูประบบโครงสร้างต่างๆ เพื่อรองรับ การค้าการลงทุนและเพื่อก่อให้เกิดเสถียรภาพที่ยั่งยืน โดยให้ความสาคัญกับการลงทุนในด้านสาธารณูปโภค การศึกษา ความมั่นคงทางสังคม การปรับโครงสร้างของภาครัฐ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การขยายฐานภาษี และ การพัฒนาในส่วนภูมิภาคและภาคการเกษตร นอกจากนี้ การลงทุนทั้งในอุตสาหกรรม การค้า และบริการ เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่อินเดียมีนโยบายเปิดเสรีทางเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทต่างประเทศเริ่ม สนใจเข้ามาลงทุนในอินเดีย โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เนื่องจากอินเดียมีข้อได้เปรียบเรื่องจานวน แรงงานที่มีอยู่มหาศาล มีแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานปีละประมาณ 12 ล้านคน ในจานวนนี้มีแรงงานที่มีความรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นจานวนมาก และมีความได้เปรียบทางด้านภาษาโดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ รวมทั้งมีค่าจ้างแรงงานที่ถูก ทาให้บริษัทต่างชาติสนใจมาตั้งฐานการผลิตที่อินเดียอย่างกว้างขวาง รัฐบาลอินเดียยังได้ผ่อนปรนข้อบังคับหลายๆอย่าง เช่น เพิ่มมูลค่าผลกาไรที่สามารถส่งกลับประเทศได้ การ ก่อสร้างขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2547 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปรับปรุงสาธารณูปโภครวมมูลค่าประมาณ
  • 7. 4 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนาถนนสายสาคัญทั่วประเทศ ปรับปรุงเส้นทางรถไฟ และระบบขนส่ง มวลชน ขยายเครือข่ายโทรศัพท์ ไฟฟ้า ประปา ก่อสร้างท่าเรือและท่าอากาศยานเพิ่มเติม เพื่อจูงใจนักลงทุน ต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในอินเดีย นอกจากนั้น รัฐบาลอินเดียยังได้พยายามออกมาตรการที่เอื้อให้ต่างชาติสามารถ เข้ามาลงทุนโดยตรงได้ง่ายและสะดวกขึ้นเรื่อยๆ โดยได้ขยายเพดานให้ต่างชาติสามารถลงทุนโดยตรงได้ร้อยละ 100 ในหลายสาขา เช่น กิจการท่าอากาศยาน กิจการโทรคมนาคม การวางโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับปิโตรเลียม การค้าพลังงาน การลงทุนในเหมืองเพชรและถ่านหิน การผลิตและจัดเก็บกาแฟ อีกทั้งยังเปิดให้ต่างชาติมาลงทุน โดยตรงในกิจการค้าปลีกที่ขายสินค้าเพียงตราเดียว (single brand ) ได้ถึงร้อยละ 51 เป็นครั้งแรก เช่น Sony Reebok Louis Vuitton เป็นต้น สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สถานะทางเศรษฐกิจของอินเดียในปัจจุบัน (ปี 2557) ถือว่าอยู่ในช่วงปลายของการชะลอตัว หลังจากที่ อัตราการเติบโต GDP ที่เคยสูงสุดในปี 2553 ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับร้อยละ 5-6 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อันเป็น ผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นทั้งตลาดสินค้าและแหล่งเงินทุนที่ สาคัญของอินเดีย โดยในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวนั้นอินเดียต้อยเผชิญกับอุปสรรคในการพัฒนาหลายประการ อาทิ 1) โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะ เป็นถนน ไฟฟ้า และสาธารณูปโภคอื่นๆ 2) การขาดแคลนพลังงาน 3) ความล่าช้าในการผ่อน คลายกฎระเบียบการค้าการลงทุน และ 4) อัตราเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อของอินเดียในปี 2553 สูงถึงร้อยละ 12 อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อล่าสุดในปี 2556 ได้ปรับตัวลดลง อย่างต่อเนื่อง (อยู่ที่ร้อยละ 4.4 ในเดือนพฤศจิกายน 2556) เนื่องจาก 1) ราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง 2) ราคาสินค้า โลกทั่วไปที่ลดลงโดยเฉพาะน้ามัน (น้ามันคิดเป็นร้อยละ 37 ของสินค้านาเข้าทั้งหมด) 3) สภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบ เซา และ 4) การดาเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอินเดียที่ได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาเป็นระยะ และมีแนวโน้มที่จะใช้นโยบาย flexible inflation targeting เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มเศรษฐกิจ รัฐบาลอินเดียคาดการณ์ว่า การเติบโต GDP ในปี 2557-58 จะยังคงเติบโตอย่างช้าๆ อยู่ที่อัตราร้อยละ 5.4-5.9 และจะยังคงไม่หวือหวาในช่วงต่อไป เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1) นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจต้องใช้เวลา อีกสักพักจึงจะเห็นผล 2) การเติบโตที่ชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกของอินเดีย 3) ธนาคาร กลางอินเดียยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้เนื่องจากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และ 4) ฤดูมรสุมที่ผิดปกติทาให้ผลิตผลการเกษตรอาจลดลง
  • 8. 5 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินเดีย 1.เมืองเดลี (Delhi) เป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย และมีประชากรอาศัยอยู่มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีชื่อเต็มๆ ว่า National Capital Territory of Delhi ตัวเมืองแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ เดลีเก่า เป็นเขตวัฒนธรรมในสมัย โบราณ ซึ่งจะมีศาสนสถาน เช่น มัสยิด และสุเหร่า เป็นจานวนมาก อีกส่วนหนึ่งคือ เดลีใหม่ หรือ นิวเดลี ซึ่งเป็น เมืองหลวงของอินเดียในปัจจุบัน เป็นส่วนที่อังกฤษสร้างขึ้น เป็นที่ตั้งรัฐสภา สถานที่ทาการของรัฐบาล ถือเป็น ศูนย์กลางการปกครองของอินเดีย สาหรับนิวเดลีจะเป็นเมืองสมัยใหม่ที่ประกอบไปด้วยย่านการค้าทันสมัย มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเดลี 2.เมืองชัยปุระ (Jaipur) ชัยปุระ หรือที่รู้จักกันในชื่อของ นครสีชมพู เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในรัฐราชสถาน มีประชากรอาศัยอยู่มากเป็น อันดับ 10 ในประเทศอินเดีย และเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยว อินเดีย ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สาหรับชื่อของ นครสีชมพู (Pink City) เกิดขึ้นจากในปี ค.ศ.1876 มหาราชซาราม ซิงห์ ได้มีรับสั่งให้ประชาชน ทาสีชมพูบนบ้านเรือนของตัวเอง เพื่อเป็นแสดงการต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ในขณะนั้น และ ต่อมารัฐบาลอินเดียก็ได้มีการควบคุมให้บ้านเมืองในเมืองแห่งนี้ยังคงทาด้วยสีชมพู จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่มอง ไปทางไหนก็ดูสวยหวาน ประตูอินเดีย (India Gate) ตั้งอยู่ในเมืองนิวเดลี เป็นสิ่งก่อสร้าง ลักษณะคล้ายกับประตูชัยที่ฝรั่งเศส สร้างจากหินทรายแดง มีความสูง ถึง 42.3 เมตร ส่วนโค้งของซุ้มประตูกว้าง 9.1 เมตร และสูง 22.8 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่พลีชีพในสงครามครั้งสาคัญของ อินเดีย โดยตรงกลางประตูจะมีกระถางขนาดใหญ่ จุดไฟเอาไว้ไม่เคย ดับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 วัดดอกบัว (Lotus Temple) หรือ Bahai House of Worship สถานที่สักการะของศาสนาบาไฮ เป็นวัดที่มี บริเวณพื้นที่กว้างใหญ่ และมีอาคารสถาปัตยกรรมที่นา สมัย โดยสร้างเป็นรูปดอกบัวบานดูยิ่งใหญ่สวยงาม ล้อมรอบด้วยสระน้า ภายในวัดนี้สามารถจุคนได้ถึง 1,300 คน
  • 9. 6 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองชัยปุระ 3.เมืองอัครา (Agra) เมืองอัคราในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอินเดียในสมัยราชวงศ์โมกุลเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมน้ายมนา ทาง ตอนเหนือของประเทศอินเดียและเมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไปชมความ สวยงามด้วยตาตัวเองสักครั้ง นั่นก็คือ ทัชมาฮาล นั่นเอง ฮาวา มาฮาล (HAWA MAHAL) พระราชวังในเมือง ชัยปุระ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สร้างโดยถอด แบบมาจากรูปทรงของมงกุฎพระนารายณ์ สร้างจาก หินทรายแดงฉลุหิน หน้าอาคารมีหน้าบันสูง 5 ชั้น ลักษณะคล้ายรังผึ้ง วัดเบียร์ล่ามันเดียร์ (Birla Mandir) หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ วัดลักษมีนารายัน เป็นวัดฮินดูที่โดดเด่นด้วยอาคาร หินอ่อนสีขาว เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่าง อินเดียโบราณและยุคใหม่ มาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดการ ชมความสวยงามของอาคารของวัดนะคะ โดยเฉพาะ โดมใหญ่ สัญลักษณ์แห่งศาสนาฮินดู ทัชมาฮาล (Taj Mahal) หรือที่รู้จักกันดีกว่าเป็นอนุสรณ์ สถานแห่งความรักอันยิ่งใหญ่สุดอมตะ ของพระเจ้าชาห์จาฮัน ที่มีต่อพระนางมุมตัช ตัวอาคารสร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ ประดับลวดลายด้วยการฝังหินสีต่างๆ ลงไปในเนื้อหิน กลายเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนด้านในเป็นที่ฝังพระศพของพระนางมุมตัช มาฮาล และพระเจ้าชาห์จาฮัน
  • 10. 7 4.เมืองพาราณสี (Varanasi) เมืองพาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี ทางภาคเหนือของอินเดียเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองอันศักดิ์สิทธิ์และมี ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 4,000 ปี อีกทั้งยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกอีกด้วย ที่ เมืองอันเก่าแก่แห่งนี้ประกอบไปด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งชาวพุทธ ฮินดู และเชนส์ และยังมีแม่น้าอันศักดิ์สิทธิ์ ของชาวอินเดียอย่าง แม่น้าคงคา ไหลผ่านอีกด้วย แม่น้าคงคา (Ganges River) มาเมืองพาราณสีต้องได้มาชม แม่น้าคงคาซึ่งเป็นแม่น้าสายสาคัญของประเทศอินเดีย ที่เที่ยว อินเดียแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนอินเดียที่มี ความเกี่ยวข้องกับแม่น้าคงคา เป็นเหมือนหัวใจหลักในการใช้ ชีวิตและเป็นสถานที่ที่ทาให้เราได้เข้าใจในวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมของคนอินเดียเป็นอย่างมากเลย
  • 11. 8 บทที่ 2 บทความเกี่ยวกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวอินเดีย ‘อินเดีย’ ดาวรุ่งแห่งปี 2019 ความร้อนแรงของตลาดนักท่องเที่ยว ‘อินเดีย’ ยังคงดาเนินอย่างต่อเนื่อง หลังจากกระทรวงการ ท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศสถิตินักท่องเที่ยวอินเดียตลอดปี 2561 ว่ามียอดมาเที่ยวไทยเกือบ 1.6 ล้านคน เติบโต เกือบ 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทารายได้ท่องเที่ยวกว่า 7.15 หมื่นล้านบาท ขยายตัวมากถึง 30% เลยทีเดียว ยิ่ง รัฐบาลไทยประกาศให้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ Visa on Arrival (VoA) เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 20 ประเทศ ขยายเวลาจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนปีนี้ ส่งอานิสงส์ต่อเทรนด์ขาขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายนปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA โดยในเดือนพฤศจิกายนดังกล่าว มียอดนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยมากขึ้นถึง 1.41 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทารายได้ 6.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ขณะที่เดือนธันวาคมถัดมา ยอดนักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ 1.67 แสนคน เพิ่มขึ้น 20% ทารายได้ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และล่าสุด สถิติเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1.63 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สร้างรายได้ 7.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 26% ต่างจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งระดับการเติบโตทั้งจานวนอยู่ที่ 4 – 5% เท่านั้น ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สิ่งที่ต้องติดตามต่อ คือ ตลาดนักท่องเที่ยวจากแดนโรตีจะรักษาระดับความร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่อง หรือไม่ หลังจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA สิ้นสุดในสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพื่อเดินทางสู่เป้าหมายปี 2562 ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวอินเดียเยือนไทย 2 ล้านคน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) วางไว้ เติบโตกว่า 26% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • 12. 9 คุณยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เล่าว่า จากแนวโน้มตลาดอินเดียเที่ยวไทยขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง จึง ได้กาหนดเป้าหมายเชิงจานวนไว้ที่ปีละไม่ต่ากว่า 20% และคาดว่าจะทะลุ 5 ล้านคนได้ภายในปี 2567 เพื่อมาช่วย สร้างสมดุลแก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทยในภาพรวม ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ตลาด หวังสร้างความ ยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย “ตลาดที่ไทยเราแข็งแรงอยู่แล้ว คือ กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน แต่กลุ่มที่ต้องเร่งส่งเสริมไปพร้อม ๆ กัน คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ของอินเดีย เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่มีขนาดประชากรทั้งหมดมากกว่า 1,300 ล้านคนแล้ว ยังมีฐานประชากรวัยหนุ่มสาวมากที่สุดในโลกด้วย ต้องเร่งโปรโมทการตลาดให้นักท่องเที่ยว กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดความสนใจและเชื่อมั่นในภาคท่องเที่ยวไทย” นอกจากนี้ ททท. ยังอยู่ระหว่างพิจารณาเปิด สานักงานใหม่เพิ่มที่เมืองกัลกัตตาเป็นแห่งที่ 3 ในอินเดีย เพื่อเข้ามาช่วยเสริมการทาตลาดของอีก 2 สานักงานใน เมืองมุมไบและนิวเดลี สาหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย พบว่าไปเมืองดูไบ ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประมาณ 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยไทยราว 1.6 ล้านคน และมาเลเซีย 1.2 ล้านคน รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ เพื่อดึงชาว อินเดียไปท่องเที่ยวและใช้จ่าย หลังจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศหรือจีดีพีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% โดยสิงคโปร์มีการเพิ่มเที่ยวบินและส่งเสริมการทาตลาดเรือสาราญ มากขึ้น ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เดินหน้าตอกย้าตาแหน่งจุดหมายที่ชาวอินเดียไปเที่ยวมากที่สุด ด้วยการโป รโมทนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มชอปปิ้ง และกลุ่มครอบครัว ทั้งยังให้สิทธิ พิเศษและมีมาตรการส่งเสริมความสะดวกด้านการเดินทางอีกด้วย แม้ทิศทางการแข่งขันชิงเค้กนักท่องเที่ยวอินเดียจะรุนแรง แต่ไทยก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่หลายข้อ ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยม คุ้มค่า และหลากหลาย รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางยอดนิยมเข้า ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเมืองรองของอินเดีย
  • 13. 10 ด้านข้อมูลที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้ระบุเพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพของนักท่องเที่ยวอินเดียว่า ภาพรวมการ เติบโตของนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวด์) ไปต่างประเทศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 10% และในปี 2563 นี้ คาดการณ์ ว่าจะมีชาวอินเดียเดินทางไปทั่วโลกราว 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวจากปี 2560 ซึ่งมีฐานอยู่ที่ราว 23 ล้าน คน นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มไต่อันดับขึ้นเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก นักท่องเที่ยวจีนในปี 2573 อีกด้วย คุณวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า อินเดียเป็นตลาดที่ น่าสนใจอย่างมาก ด้วยโครงสร้างประชากรที่นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่า 1,300 ล้านคนแล้ว ชนชั้นกลางยัง ขยายตัว และสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจเติบโตดีเฉลี่ยปีละ 7% มีโอกาสเป็นแบบนี้ต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จากการเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าไทยมากขึ้น “นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามามีบทบาทสาคัญ นั่นคือการช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดท่องเที่ยวไทย กระจาย ความเสี่ยงจากตลาดจีนที่ปัจจุบันมาเที่ยวไทยกว่า 10.5 ล้านคนเมื่อปีที่ผ่านมา และจากการประเมินแนวโน้มการ เติบโตของตลาดอินเดียเที่ยวไทย มองว่าน่าจะถึง 5 ล้านคนได้ในอีก 5 ปีนับจากนี้ ทั้งยังมีโอกาสเห็นจานวน 10 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้าอีกด้วย”
  • 14. 11 ยอดอินเดียเที่ยวไทยมีโอกาสแซงหน้ากลุ่มจีนใน 5 ปี สมาคมโรงแรมภาคใต้ เล็งโอกาสทองนักท่องเที่ยวอินเดียขยายตัวกาลังซื้อสูง ดันรายได้เพิ่ม 10-20% นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีวาน่า โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท และอุปนายกสมาคม โรงแรมภาคใต้ เปิดเผยว่า จานวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตขยายตัวเพิ่มขึ้นติด 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักของแต่ละโรงแรม โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ กลุ่มไมซ์ และคู่รักคู่แต่งงานที่มี พฤติกรรมการใช้จ่ายสูง ช่วยหนุนรายได้การจัดงานและเข้าพักกว่า 10-20% นอกจากนั้น คาดว่าอีก 3 ปี จานวนนักท่องเที่ยวอินเดียจะเดินทางเข้าไทยเพิ่มกว่า 1 เท่าตัว เพราะคน อินเดียต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และใน 5 ปี อาจเห็นจานวนนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยแซง นักท่องเที่ยวจีน จากการส่งออกนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางไปต่างประเทศปีละเฉลี่ยกว่า 20 ล้านคน สาหรับอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวอินเดียของโรงแรมในเครือดีวาน่าช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มกว่า 10% ซึ่ง ส่วนใหญ่จะพัก 3-4 วัน โดยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ช่วยกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงยุโรป
  • 15. 12 สื่อฮ่องกงตีข่าวนทท.อินเดียในไทยจ่อพุ่งแซงจีน แต่ต้องทาใจพฤติกรรม‘ต่อรองราคา’ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าหากนับเพียงเดือน มิ.ย. 2562 เดือนเดียว พบ ชาวอินเดียมาเที่ยวประเทศไทยถึง 180,000 คน ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า รวมถึงจานวนชาว อินเดียที่มีกาลังซื้อสูงยังเพิ่มขึ้น โดย ททท. คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์นักท่องเที่ยวอินเดียจะคล้ายสิ่งที่เกิดขึ้นกับ นักท่องเที่ยวจีน กล่าวคือ ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 2571 น่าจะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยถึง 10 ล้านคน เช่นเดียวกับเมื่อปี 2561 ที่มีนักท่องเที่ยวจีน 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อนหรือปี 2551 ที่มี นักท่องเที่ยวจีนมาไทย 8 แสนคน ในมุมหนึ่ง ปรีชา จาปี กรรมการสมาคมโรงแรมไทย (Thai Hotels Association) กล่าวว่า นักท่องเที่ยว ชาวอินเดียคล้ายกับนักท่องเที่ยวจีนหลายอย่าง อาทิ ทั้ง 2 ประเทศสามารถเดินทางมายังประเทศไทยโดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง เป็นประเทศที่มีจานวนประชากร และขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม มีชาวอินเดียถึง 600 ล้านคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งคนกลุ่มนี้คืออนาคตของภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่เพียงแต่การไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงต่างๆ เท่านั้น แต่คู่รักชาวอินเดียยังนิยมมาจัด พิธีแต่งงานในประเทศไทยอีกด้วย โดยการจัดงานแต่งงานในโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่กรุงเทพฯ , เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รวมถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ใช้จ่ายตกอยู่ที่ 8-9 ล้านบาท มีแขกร่วมงานราว 300-400 คน ฉลองกัน 3-4 วัน ซึ่งสาเหตุที่เลือกมาประเทศไทยเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้าง ประหยัด สานักข่าวจากฮ่องกง ยังได้สัมภาษณ์หนุ่ม-สาวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น พาร์ฟ เจน (Parv Jain) หนุ่มวัย 18 ปี จากรัฐปัญจาบ เดินทางมากับกลุ่มเพื่อนรวม 7 คน บินตรงจากอินเดียไป จ.ภูเก็ต
  • 16. 13 ก่อนเดินทางต่อไปยัง จ.กระบี่ และปิดท้ายที่กรุงเทพฯ เล่าว่า พวกตนอยู่เมืองไทย 8 วัน ใช้จ่ายเงินคนละ 15,000 บาท ขณะที่ ทูฮิน มิตรา (Tuhin Mitra) หนุ่มวัย 27 ปีจากเมืองกัลกัตตา กล่าวว่า ตนไปเที่ยวเมืองพัทยา และ ชอบดื่มแอลกอฮอล์บนชายหาด ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถทาที่บ้านเกิดได้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง กิตติศัพท์เรื่องพฤติกรรมการ “ต่อรองราคา” ของชาวอินเดียเป็นที่รับรู้กันในหมู่พ่อค้า- แม่ค้า อาทิ ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยรายหนึ่ง ในย่านประตูน้า กรุงเทพฯ เล่าว่า ตั้งราคาเสื้อกันฝนไว้ที่ 4 ตัว 156 บาท สุดท้ายต้องยอมลดเหลือ 4 ตัว 100 บาท เพราะอย่างน้อยการมีลูกค้าก็ยังดีกว่าไม่มี เช่นเดียวกับ ผิง (Ping) แม่ค้า ขายของที่ระลึก ณ เมืองพัทยา ระบุว่า นักท่องเที่ยวอินเดียสนุกกับการช็อปปิ้งในประเทศไทยโดยไม่ต้องใช้เงิน มาก ถึงกระนั้นชาวอินเดียก็นิยมเดินเลือกซื้อสินค้าในตลาด ต่างจากชาวจีนที่มักซื้อสินค้าตามร้านค้าที่กรุ๊ปทัวร์พา ไปเสียมากกว่า รายงานจากสื่อฮ่องกง ปิดท้ายว่า อย่างไรก็ตาม ชาวจีนยังมีสัดส่วนทางเศรษฐกิจของไทยมากกว่า นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ อาทิ ในปี 2561 พวกเขาใช้จ่ายเงินในประเทศไทยมากถึง 1.2 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24 ของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แต่ปีนี้มีสิ่งที่ต้องกังวลคือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นทาให้ราคาสินค้าและ บริการแพงขึ้น ชาวจีนที่ใส่ใจเรื่องราคาอาจลดลงก็เป็นได้ และแม้ว่านักท่องเที่ยวจากอินเดียน่าจะมากขึ้นจาก จานวนชนชั้นกลางชาวอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ ก้องศักดิ์ คู่พงศกร (Kongsak Khoopongsakorn) รองประธาน สมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการยังคงต้องกระจายความเสี่ยงให้ดีระหว่างนักท่องเที่ยวสัญชาติต่างๆ เพราะไม่อาจคาดหวังจากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดเพียงกลุ่มเดียว
  • 17. 14 ทาไมนักท่องเที่ยวชาวอินเดียถึงมาเที่ยวเมืองไทยซึ่งพวกเขาอาจมีจานวนมากกว่านักท่องเที่ยวชาวจีน กระทรวงการท่องเที่ยวของไทยระบุว่าจานวนนักท่องเที่ยวจากอินเดีย เริ่มเพิ่มขึ้นด้วยจานวน นักท่องเที่ยว 180,000 คนในเดือนมิถุนายน เที่ยวบินตรงเพิ่มเติมการสละสิทธิ์วีซ่าและที่สาคัญที่สุดคือความมั่งคั่ง ที่เพิ่มขึ้นทาให้จานวนนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่มขึ้นซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวว่าเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อ เทียบเป็นรายปีในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 ขณะที่จานวนนักท่องเที่ยวจากจีน ลดลง 4% จากช่วงเวลา เดียวกันแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 4.8 ล้านคน แต่เพียง 787,195 คนมาจากอินเดีย แต่การขยายตัวอย่างรวดเร็ว ของชนชั้นกลางทาให้เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวของไทย เพิ่มประมาณการของพวกเขาว่าจะมีนักท่องเที่ยวกี่คนที่มา จากอินเดียด้วยประชากร 1.3 พันล้าน ขณะนี้คาดว่าจะมีอย่างน้อย 10 ล้านคนในปี 2571 ซึ่งเพิ่มขึ้นห้าเท่าจาก การเข้าชมของปีที่แล้ว วิถีการเติบโตแบบนั้นจะเลียนแบบการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนจาก 800,000 คนใน ปี 2551 เป็นมากกว่า 10 ล้านคนในปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่คนไทยช่วยกู้เรือทัวร์ที่อับปางลงเมื่อปีที่แล้วทาให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต 47 ราย
  • 18. 15 ปรีชาจาปีสมาชิกคณะกรรมการสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียแตกต่างจากคนจีน เนื่องจากพวกเขาไม่ค่อยมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทัวร์เพราะพวกเขาสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ “ มีชาวอินเดีย 1.6 ล้านคนที่มาเที่ยวประเทศไทยในปี 2561 และเราคาดว่าจะเป็น 1.8 ล้านคนในปีนี้” เขากล่าว “ ตลาดอินเดียมีความคล้ายคลึงกันมากกับคนจีน ผู้เข้าชมจากทั้งสองประเทศสามารถบินได้ที่นี่ในเวลา 3-4 ชั่วโมง พวกเขามีประชากรเท่ากันและมีการเติบโตของ GDP แต่มีชาวอินเดียอายุ 600 ล้านคนที่อายุน้อยกว่า 25 ปีและ เราคิดว่าคนกลุ่มนี้จะเป็นอนาคตของ การท่องเที่ยวไทย” - ในพัทยานักท่องเที่ยวชาวจีนสายพันธุ์ใหม่โผล่ออกมาพบกับ FITs Parv Jain นักเรียนอายุ 18 ปีจากรัฐปัญจาบกล่าวว่าเขาและกลุ่มเพื่อนเจ็ดคนบินตรงไปยังภูเก็ตก่อนที่จะ เดินทางไปยังเมืองตากอากาศใกล้เคียงในจังหวัดกระบี่ “ เราอยู่เมืองไทยแปดวันและแต่ละคนใช้เวลาประมาณ 15,000 บาท (US $ 486)” Tuhin Mitra จาก Kolkata กล่าวว่าเขาเคยไปพัทยาและชอบที่จะดื่มแอลกอฮอล์บนชายหาดสิ่งที่ 27 ปี ไม่สามารถกลับบ้านได้ นอกเหนือจากการเยี่ยมชมฮอตสปอตการท่องเที่ยวของประเทศไทยชาวอินเดียยังเลือก ประเทศเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของพวกเขามากขึ้นโดยมีคู่รักชาวอินเดียกว่า 200 คู่ที่ผูกปมที่นั่นในแต่ละปี “ คู่รักและครอบครัวใช้จ่ายประมาณ 8 ถึง 9 ล้านบาท (US $ 260,000 - US $ 290,000) ต่อแพ็คเกจแต่งงานที่ โรงแรมระดับห้าดาวของประเทศไทยในกรุงเทพฯหัวหินและพัทยา” ปรีชาสมาคมโรงแรมไทยกล่าว “ อาจมีแขก ประมาณ 300 ถึง 400 คนที่บินมาเป็นเวลาสามถึงสี่คืนของการเฉลิมฉลองและพวกเขาคิดว่าประเทศไทยเป็น จุดหมายปลายทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากในการจัดงานแต่งงาน " แผงลอยมีแนวโน้มที่จะซื้ออาหารในเขตประตูน้ากรุงเทพฯ
  • 19. 16 เมื่อไม่ได้สาดเงินสดบนวิวาห์ของพวกเขาอย่างไรก็ตามผู้เข้าชมชาวอินเดียได้รับชื่อเสียงว่าเป็นผู้ต่อรอง ราคาที่ยาก ยกตัวอย่างเช่น ในตลาดอินทราที่ประตูน้าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ค้าแผงลอยถูกขอร้องเพิ่มอีก 20 บาท (7 เซ็นต์สหรัฐ) หลังจากผู้ชายอินเดียกลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้ใช้ราคาเสื้อกันฝนพลาสติกสี่ผืนจาก 156 บาท เหลือเพียง 100 . “ ฉันต้องขายกระเป๋าครึ่งราคา” เจ้าของร้านคนอื่นซึ่งไม่ต้องการรับชื่อกล่าว “ แต่หากไม่มีชาวอินเดียก็ จะไม่มีใคร ” ผิงผู้ขายของที่ระลึกในพัทยากล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดีย“ ไม่จาเป็นต้องใช้จ่ายจานวนมากเพื่อ สนุกกับการช็อปปิ้งในประเทศไทย” นิสัยของคนอินเดีย คือ ชอบจ้องหน้าตลอด โดยเขาจะมองว่าคนไทยหรือคนต่างชาติที่ไปเที่ยวบ้านเขามี วรรณะสูงกว่า ประเทศอินเดียมีประชากรมาก เพราะเขาไม่คุมกาเนิดตามความเชื่อของหลักศาสนา ทาให้คนเหล่านั้นต้องดิ้นรน ตะเกียกตะกายเพื่อความอยู่รอด ในเรื่องของระบบวรรณะ คนอินเดียจะสามารถจากัด จานวนของการใช้ทรัพยากร เหมือนกับว่าใครอยู่วรรณะไหนก็ต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งทาให้คนอินเดียสามารถควบคุม พฤติกรรมของประชากรได้
  • 20. 17 บทที่ 3 พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย หลังจากที่ประเทศไทยมีมาตรการยกเลิกวีซ่า (Visa) หรือ Visa on arrival (VoA) เพื่อกระตุ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 20 ประเทศ ขยายเวลาจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนปีนี้ ส่งอานิสงส์ต่อเทรนด์ขาขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างชัดเจน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเดือนที่เริ่มใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA โดยในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 มียอดนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทยมากขึ้นถึง 1.41 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทารายได้ 6.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ขณะที่เดือนธันวาคมถัดมา ยอดนักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ 1.67 แสนคน เพิ่มขึ้น 20% ทารายได้ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และล่าสุด สถิติเมื่อเดือนมกราคมปี 2562 มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย 1.63 แสนคน เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สร้างรายได้ 7.25 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 26% ต่างจากเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งระดับการเติบโตทั้งจานวนอยู่ที่ 4 – 5% เท่านั้น ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แนวโน้มตลาดอินเดียเที่ยวไทยขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง จึงได้กาหนดเป้าหมายเชิงจานวนไว้ที่ปีละไม่ต่า กว่า 20% และคาดว่าจะทะลุ 5 ล้านคนได้ภายในปี 2567 เพื่อมาช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เยือนไทยในภาพรวม ไม่ให้กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ตลาด หวังสร้างความยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สาหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอินเดีย พบว่าไปเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอ มิเรตส์ ประมาณ 2 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยไทยราว 1.6 ล้านคน และมาเลเซีย 1.2 ล้านคน รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ เพื่อดึงชาวอินเดียไป ท่องเที่ยวและใช้จ่าย หลังจากอินเดียเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศหรือจีดีพีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% โดยสิงคโปร์มีการเพิ่มเที่ยวบินและส่งเสริมการทาตลาดเรือสาราญมากขึ้น ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินหน้าตอกย้าตาแหน่งจุดหมายที่ชาวอินเดียไปเที่ยวมากที่สุด ด้วยการโปรโมทนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ทั้ง กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มชอปปิ้ง และกลุ่มครอบครัว ทั้งยังให้สิทธิพิเศษและมีมาตรการส่งเสริมความ สะดวกด้านการเดินทางอีกด้วย แม้ทิศทางการแข่งขันชิงเค้กนักท่องเที่ยวอินเดียจะรุนแรง แต่ไทยก็ยังมีปัจจัยหนุนอยู่หลายข้อ ทั้งแหล่ง ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม คุ้มค่า และหลากหลาย รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางยอด นิยมเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเมืองรองของอินเดีย
  • 21. 18 ศักยภาพของนักท่องเที่ยวอินเดียในภาพรวมการเติบโตของนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวด์) ไป ต่างประเทศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 10% และในปี 2563 นี้ คาดการณ์ว่าจะมีชาวอินเดียเดินทางไปทั่วโลกราว 50 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัวจากปี 2560 ซึ่งมีฐานอยู่ที่ราว 23 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มไต่อันดับขึ้นเป็น ตลาดที่มีการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวจีนในปี 2573 อินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมาก ด้วยโครงสร้างประชากรที่นอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่า 1,300 ล้าน คนแล้ว ชนชั้นกลางยังขยายตัว และสนใจท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจเติบโตดีเฉลี่ยปีละ 7% มีโอกาส เป็นแบบนี้ต่อเนื่องในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จากการเพิ่มเที่ยวบินตรงเข้าไทยมากขึ้น นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามามีบทบาทสาคัญ นั่นคือการช่วยสร้างสมดุลแก่ตลาดท่องเที่ยวไทย กระจาย ความเสี่ยงจากตลาดจีนที่ปัจจุบันมาเที่ยวไทยกว่า 10.5 ล้านคนเมื่อปีที่ผ่านมา และจากการประเมินแนวโน้มการ เติบโตของตลาดอินเดียเที่ยวไทย มองว่าน่าจะถึง 5 ล้านคนได้ในอีก 5 ปีนับจากนี้ ทั้งยังมีโอกาสเห็นจานวน 10 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้าอีกด้วย จากสถิติในปี 2557 นักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในส่วนของที่พักอาศัย การชอปปิง อาหารและเครื่องดื่ม และความบันเทิงเป็นส่วนมาก โดยมีสัดส่วนการใช้จ่ายร้อยละ 28.6 25.5 19.1 และ 11.3 ตามลาดับ และจากผลสารวจนักท่องเที่ยวของ ททท. ที่เน้นการศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่ม ศักยภาพสูง[3] ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มทั่วไป 2 เท่า พบว่านักท่องเที่ยวกลุ่ม ดังกล่าวชอบเลือกซื้อสินค้าระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว โดยสินค้าที่นิยมซื้อได้แก่ เสื้อผ้า (73.3%) รองมาคือ อาหารและของฝาก และยังพบว่าปัจจัยสาคัญที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงชาวอินเดียใช้พิจารณาเป้าหมายการ เดินทางได้แก่ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบให้เลือก อากาศดี โปรโมชันแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ดึงดูด และ ความน่าสนใจของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ทั้งนี้ผู้ประกอบการในธุรกิจด้านการท่องเที่ยวจึงควรมีการเตรียมความ พร้อมเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวอินเดียในอนาคต รูป สัดส่วนรายจ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียในปี 2017
  • 22. 19 จากสถิติที่ผ่านมาทั้งในอดีตและสถิติล่าสุด แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยค่อนข้างเป็นที่นิยมของ นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยประเทศ ไทยก็สนับสนุนนักท่องเที่ยวอินเดียโดยการอานวยความสะดวกมากมาย เช่น ฟรีวีซ่า หรือ Visa on arrival และ การพยายามสร้างให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่ามาจัดงานแต่งงาน โดยจะใช้การโปรโมตจากนักแสดงบอลลีวูด ของอินเดีย เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและคนรุ่นใหม่ของอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมาก ยิ่งขึ้น เหตุผลที่นักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวที่ประเทศไทย 1. ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศไทยถูกกว่าในประเทศอินเดีย เช่น รัฐเกลาล่าห์ ราชาสถาน อีนดามันฯลฯ 2. มีแหล่งท่องเที่ยวหลากลายทางทางธรรมชาติ โดยเฉพาะหาดทราย ทะเล แม่น้า 3. ไทยมีการ เที่ยวดาน้า ชมปะการัง 4. มีการให้สัมผัส การขี่หลังช้างชมธรรมชาติ 5. ไทยมีให้สัมผัสชีวิตเสือสัตว์ดุร้ายแต่เชื่องดุจแมว 6. เมืองหลวงมีแสงสีให้ชมกลางคืน 7. มีสิ่งเพื่อให้ช้อปปิ้งมากมายเช่นผ้าไหม เซรามิก เครื่องประดับ ฯลฯ 8. ไทยมีอาหารอร่อย และรสจัด ที่เลือกทานได้ทั้งมังสวิรัติและไม่มังสวิรัติ 9. ไทยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมาจากทั่วโลก อินเดียเลยมาดู (ชอบดู -ชอบจ้องอยู่แล้ว) 10. ไทยมีนวดแผนไทยที่คล้ายอินเดีย พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอินเดีย 1. การใช้จ่าย ในการท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง นักท่องเที่ยวอินเดียศักยภาพสูงมีการใช้จ่ายมากกว่า นักท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า โดยมีการใช้จ่ายรวม 98,752บาท ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วไปมีการใช้จ่าย 51,562 บาททั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่สาคัญ ได้แก่ ค่าที่พัก (29,066 บาท) ค่าช้อปปิ้ง (26,546 บาท) ค่าอาหาร/เครื่องดื่ม (18,642 บาท) ค่ากิจกรรมบันเทิง (12,425 บาท) และค่าเดินทางในพื้นที่ (12,072บาท) สาหรับการท่องเที่ยวใน
  • 23. 20 ประเทศไทยพบว่านักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 39,668 บาทต่อครั้งเท่านั้น(คานวณจากข้อมูลของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) 2. ประเทศจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยม ไทยเป็น 1ใน 3 ประเทศที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงนิยมเดินทางมาเยือน มากที่สุด โดย 5 ลาดับประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดีย ได้แก่ (1) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2) สิงคโปร์ (3) ไทย (4) สหรัฐอเมริกา และ (5) มาเลเซีย 3. ช่องทางสื่อสารข้อมูล จากการบอกเล่ายังคงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทาง ขณะที่การสื่อสารผ่านช่องทาง Social Media มีบทบาทมากที่สุดต่อการตัดสินใจเลือกจุดหมายท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดีย รองลงมาได้แก่ ข้อมูลจากบริษัทตัวแทนนาเที่ยว นิตยสารท่องเที่ยว และคู่มือการเดินทาง 4. ประเภทที่พักยอดนิยม นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดียนิยมพักในโรงแรมระดับ 4 ดาวมากที่สุด โดยที่พัก ประเภทที่ได้รับความนิยมในลาดับถัดไป ได้แก่ โรงแรมทั่วไป โรงแรม 5 ดาว และโรงแรมบูติก ตามลาดับและมี ระยะเวลาพักเฉลี่ย 4-5 วัน 5. กิจกรรมระหว่างท่องเที่ยวยอดนิยม เมื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง อินเดียให้ความสนใจมากที่สุดเรียงตามลาดับ ดังนี้ (1) ช้อปปิ้ง (2) กิจกรรมชายหาด/ชายทะเล (3) การท่องเที่ยว เชิงนิเวศ (4) กิจกรรมบันเทิง และ (5) การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ 6. สิ่งของที่ต้องซื้อ สินค้ายอดนิยม 5 ลาดับแรกสาหรับการช้อปปิ้งต่างประเทศ ได้แก่ (1) เสื้อผ้า (2) อาหาร พื้นเมือง (3) สินค้าหัตถกรรม (4) เครื่องใช้ไฟฟ้า และ (5) เครื่องประดับหรืออัญมณี 7. สิ่งแรกที่นึกถึงประเทศไทย เมื่อกล่าวถึงประเทศไทยนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงอินเดียส่วนใหญ่จะนึกถึง (1) ทะเลหรือกิจกรรมทางทะเล (2) สถานที่ท่องเที่ยวยามค่าคืน (3) สถานที่สวยงามเหมาะสาหรับการพักผ่อน (4) อาหารไทยและผลไม้ไทย และ (5) แหล่งช้อปปิ้งหรือสินค้า 8. นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงสามารถแบ่งกลุ่มตามพื้นฐานด้านจิตวิทยาและไลฟ์สไตล์ได้ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ - กลุ่ม Succeeder มีจานวนประมาณ 259,463 คนส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในเมืองใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและ การเงินโดยเฉพาะเมืองมุมไบบังกาลอร์และนิวเดลีเป็นกลุ่มคนวัยทางานอายุระหว่าง 25-44 ปีมีความเชื่อมั่นใน ตนเองมีพื้นฐานการศึกษาดีและมีฐานะทางสังคมในระดับปานกลางถึงดีคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ทางานหนักและมี ความกระตือรือร้น ต้องการรักษาและขยับสถานะทางสังคมของตนให้ดีขึ้น - กลุ่มReformer มีจานวนเพียง 132,180 คนเท่านั้นกลุ่มนี้มีอายุเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มSucceederส่วนใหญ่อาศัยอยู่ ตามเมืองใหญ่เป็นกลุ่มคนที่เติบโตทางความคิดมีเศรษฐฐานะทางสังคมในระดับที่ดีถึงดีมากมีความมั่นใจในตัวเอง
  • 24. 21 แต่ก็เปิดโลกทัศน์แบบกว้างขวางกระหายการเรียนรู้ชื่นชอบการค้นหาสิ่งแปลกใหม่แสวงหามุมมองใหม่ให้กับ ตนเองและสังคมรอบข้างมีรสนิยมในการดารงชีวิตแต่ยังคงต้องการโดดเด่นในสังคม - กลุ่ม High-Value Mainstream มีจานวนประมาณ 264,359 คนมากกว่านักท่องเที่ยวศักยภาพสูงกลุ่มอื่นคน กลุ่มนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูดีแต่งกายดีเพื่อแสดงถึงฐานะความมั่งคั่งซึ่งเป็นบรรทัดฐานของสังคมชนชั้นในอินเดียเป็น กลุ่มคนที่มีความสุขและผูกพันกับคนหมู่มากคานึงถึงคนรอบข้างเป็นส่วนใหญ่โอนอ่อนผ่อนตามครอบครัวและคน รอบตัวมีกิจวัตรประจาวันแบบเดิมๆรู้จักคุณค่าของเงินมักจะมีความกลัวในเรื่องใหม่ๆจึงมักใช้สินค้าและบริการที่ สังคมส่วนใหญ่ยอมรับแบรนด์ทั่วไปที่คนรู้จักดีคุ้มค่าสมราคา
  • 25. 22 บรรณานุกรม จิรายุ โพธิราช.//2562.//สัดส่วนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียในประเทศไทย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62,จาก https://www.scbeic.com/th/detail/product/6094 ประชาชาติ.//2560.//คาดการณ์นักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาในประเทศไทย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://www.prachachat.net/uncategorized/news-17771 Kanittha.//2562.//อินเดีย ดาวรุ่งแห่งปี 2019.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://www.thaihotelbusiness.com/hot-issue/อินเดีย-ดาวรุ่ง-ปี-2019/ F**kyou.//2562.//10 เหตุผลที่ “คนอินเดีย” ชอบเที่ยวเมืองไทยมากที่สุด.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://board.postjung.com/937273 Admin.//2558.//เปิดกลยุทธ์...จับนักท่องเที่ยวอินเดียกระเป ๋ าหนักให้อยู่หมัด.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://positioningmag.com/60581 Wikipedia.//2652.//ประเทศอินเดีย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศอินเดีย Admin.//2558.//ภาพรวมเศรษฐกิจอินเดีย.//สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 62 จาก https://thaiindia.net/about-india/overview/item/1797-indian-economic-overview.html