More Related Content
More from Kittipong Rungruengthanakit
More from Kittipong Rungruengthanakit (12)
I Love English by KR No.1 (21Oct08)
- 1. การใช้ภาษาอังกฤษนั้น ในความคิดของคนไทย
ดูจะเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะการใช้และ
การพัฒนาภาษาไทยกับภาษาอังกฤษได้ย้อนศรกัน
โดยสิ้นเชิง ทาให้เป็นปัจจัยด้านอุปสรรคจนหลายๆคน
ท้อไปตามๆกัน สังเกตไหมครับว่าเมื่อเราเกิดมา
เราพัฒนาภาษามาตามลาดับคือ ฟัง แล้วก็พูด
จากนั้น เราก็อ่าน ก ไก่ ข ไข่ ผสมอักษรแล้วก็เขียน
ท้ายสุด แต่เมื่อต้องเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียน
ความที่ไม่มีการใช้ในชีวิตประจาวัน เพียงแต่ว่าเป็น
“วิชา” ที่ต้องเรียน เราก็จะเรียนอ่านก่อน
แล้วก็เขียนตามมาติดๆ เรียนการผสมอักษร
C-A-T=CAT, B-A-T=BAT เชื่อไหมครับว่าบางคน
เรียนตั้งแต่ ป.1 จนถึง ม.6 ไม่เคยได้ฟังหรือ
พูดในห้องเรียนเลย ในปัจจุบัน โอกาสที่จะได้ฟัง
จะมีมากขึ้น การรับเคเบิลทีวี การฟังบรรยาย
โดยเฉพาะกีฬา การได้ดูหนัง (DVD) เสียง sound track
ก็มีส่วนทาให้มีโอกาสได้ฟังมากขึ้น
ในประเทศสิงค์โปร์ ความที่บนท้องถนนและการใช้ชีวิตประจาวันมีการสื่อสาร
ด้วยภาษาอังกฤษ ก็ทาให้เด็กๆ ได้ฟังและพูดก่อนเข้าโรงเรียน ข้อเสียที่เกิดขึ้นคือ ภาษาพูด
ที่สืบต่อๆ กันมานั้นมันเพี้ยน ใครที่เคยไปสิงคโปร์หรือได้สนทนากับคนสิงคโปร์คงรู้จัก
สาเนียง Sing-Lish กันดี แต่อย่างน้อยคนของเขาก็กล้าพูดกับฝรั่งนะ
นอกจากนี้ไวยากรณ์ของภาษาไทยและอังกฤษก็แตกต่างกัน ภาษาไทยเขียน
บ้านสีแดง โดยเอาคาขยายไว้ข้างหลังคานาม แต่ภาษาอังกฤษเขียนย้อนทางกัน คือ
Red house เอา adjective หรือคาขยายไว้ข้างหน้า ตรงนี้จะเห็นหลายครั้งที่คนไทยแปล
คาในภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษไปในแบบภาษาไทย เช่น ก๋วยเตี๋ยวไก่ เป็น Noodle
chicken ซึ่งความหมายจะเปลี่ยนไปเลย
เอาเป็นว่า ผมจะลองถ่ายทอดวิธีการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อนาไปใช้ในการทางาน
โดยมีฐานจากประสบการณ์การพัฒนาการใช้ภาษาอังกฤษของตัวผมเอง ต้องออกตัวไว้ก่อน
ว่าไม่ใช่เจ้าของภาษาและไม่ได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศมากมายอะไร แต่ก็น่าจะพอทาให้พวกเรา
ไม่กลัวการฝึกและลองใช้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น จริงไหมครับ
Number 1, 21 October 2008
ลองอ่านตามนี้ดูนะครับ
By Kittipong
i English