More Related Content
Similar to กฎสอบสวนฯ พ.ศ.2550 update 20 06 - 54 ท่านธีรนันท์
Similar to กฎสอบสวนฯ พ.ศ.2550 update 20 06 - 54 ท่านธีรนันท์ (7)
More from นายจักราวุธ คำทวี
More from นายจักราวุธ คำทวี (20)
กฎสอบสวนฯ พ.ศ.2550 update 20 06 - 54 ท่านธีรนันท์
- 2. 2
กรอบคาบรรยาย
หลักการสาคัญ
หลักกฎหมายปกครอง
คุณสมบัติของผู้ดาเนินการทางวินัย (กรรมการสอบสวนที่ดี)
วัตถุประสงค์ของการสอบสวน
สาระสาคัญของกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2550
- บททั่วไป (ข้อ 1)
- หมวด 1 การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 2-6)
- 5. จุดอ่อนของคนไทย ๑๐ ประการ (วิกรม กรมดิษฐ์)
๑. คนไทยรู้จักหน้าที่ของตนเอง โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม
๒. การศึกษายังไม่ทันสมัย เก่งแต่ภาษาตัวเอง ขี้อาย ไม่มั่นใจตัวเอง
๓. มองอนาคตไม่เป็น ทางานไปวันๆ
๔.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทางานแบบผักชีโรยหน้า
5
- 10. ลักษณะของวินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ต่อ)
๒๓. ต้องสอบสวนตามกฎสอบสวน การสอบสวนที่ผิดพลาดต้องยกเลิกและทาใหม่
และต้องรับผิดทางละเมิดด้วย
๒๔. กรณีกระทาผิดวินัย ผู้บังคับบัญชาไม่ดาเนินการหรือละเลย ผบ. ผิดวินัยด้วย
๒๕. การถอนคาร้องทุกข์/ร้องเรียนไม่เป็นเหตุให้คณะกรรมการสอบสวนยุติการ
สอบสวน
๒๖. การดาเนินการทางวินัยและทางอาญาแยกจากกัน และแยกจากการดาเนินการของ
ปปช.
๒๗. วินัยเชิงลบขจัดคนชั่ว รักษาคนดี วินัยเชิงบวก สร้างความเจริญยั่งยืน
๒๘. วินัยเสมือนน้า น้านิ่งย่อมเน่า จึงต้องมีการทบทวนและพัฒนาวินัย
10
- 11. 11
1. เป็นกระบวนการเฉพาะในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา (ข้อ 1)
2. ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในฐานะประธานแห่งสิทธิ
3. ใช้ระบบไต่สวน ดาเนินการเพื่อให้ได้ความจริงและความยุติธรรม
4. ต้องดาเนินการโดยรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรม
5. เป็นกระบวนการกึ่งยุติธรรมภายในฝ่ายปกครอง
6. ยึดหลักกระจายอานาจ โดยมีองค์คณะในแต่ละระดับ ทาหน้าที่กลั่นกรอง
7. มีกระบวนการทบทวนแก้ไขการสอบสวนที่มิชอบและบกพร่อง/
การอุทธรณ์
8. มีกระบวนการในการตรวจสอบ กากับ ดูแล
9. ใช้หลักการของกฎหมายมหาชน
หลักการสาคัญ
- 12. 12
ระบบกล่าวหา
(Accusatorial System)
ระบบไต่สวน
(Inquisitorial System)
1. ศาลทาหน้าที่เป็นคนกลาง รับฟังข้อเท็จจริง
จากคู่กรณี แล้วชั่งน้าหนัก
2. เป็นหน้าที่โจทก์และจาเลยมีหน้าที่นาพยาน
หลักฐานมาแสดงต่อศาล
3. ศาลต้องดาเนินกระบวนพิจารณาต่อหน้าจาเลย
4. ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะข้อเท็จจริง
ไม่เพียงพอได้
5. เคร่งครัดในกระบวนพิจารณา
1. ศาลทาหน้าที่เป็นผู้แสวงหาข้อเท็จจริง
ให้มากที่สุด
2. บังคับให้ศาลต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเอง
จนสิ้นกระแสความ
3. ศาลพิจารณาลับหลังจาเลยได้
4. พิพากษาให้ยกคาฟ้อง เพราะมีข้อเท็จจริง
ไม่เพียงพอไม่ได้
5. การดาเนินการเรียบง่าย มีความยืดหยุ่น
ในกระบวนพิจารณา เพื่อประโยชน์
แห่งความยุติธรรม
เปรียบเทียบระบบกล่าวหาและระบบไต่สวน
- 13. 13
ระบบกล่าวหา
(Accusatorial System)
ระบบไต่สวน
(Inquisitorial System)
6. คู่กรณีมีฐานะเท่าเทียมกัน
7. แยกอานาจสอบสวน (ตารวจ) อานาจสั่งฟ้อง
(อัยการ) และอานาจพิจารณา (ศาล) ออกจากกัน
8. ผู้ฟ้องคดีต้องรักษาสิทธิของตนเอง
9. สถานะของผู้ถูกกล่าวหาเป็นประธาน
แห่งสิทธิ์หรือเป็น “ประธานในคดี”
10. จะต้องฟังข้อเท็จจริงโดยปราศจากข้อสงสัย
จึงจะลงโทษ/ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้
จาเลย
6. คู่กรณีมีฐานไม่เท่าเทียมกัน รัฐมีอานาจ
เหนือกว่า
7. รวบอานาจสอบสวนและอานาจพิจารณา
ไว้ที่ศาล
8. มีกระบวนการคุ้มครองสิทธิเพราะความไม่รู้
ของคู่กรณี
9. สถานะของผู้ถูกกล่าวหาเป็น “กรรมในคดี”
10. ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จาเลยไม่ได้
ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงจนเพียงพอ
เปรียบเทียบระบบกล่าวหาและระบบไต่สวน (ต่อ)
- 15. 15
หลักกฎหมายสมัยใหม่ (ต่อ)
5. หลักความเป็นกลาง
6. หลักฟังความอีกฝ่าย
7. หลักการบังคับบัญชา
8. หลักความเป็นอิสระขององค์กรที่รองรับการกระจายอานาจ
9. หลักความไม่มีผลย้อนหลังของนิติกรรมทางปกครอง
(หลักการกระทาทางปกครองต้องไม่มีผลย้อนหลัง)
10. หลักการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ
(หลักการบริการสาธารณะต้องมีความต่อเนื่อง)
- 17. 17
คุณสมบัติของผู้ดาเนินการทางวินัย (กรรมการสอบสวน) ที่ดี
1. มีความรู้อย่างกว้างขวาง
2. มีคุณธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความซื่อสัตย์สุจริต
3. มีเชาวน์ไหวพริบ
4. มีบุคลิกภาพที่ดี สุภาพ
5. มีความเพียร พยายาม/อดทน
6. รู้จักเชื่อมโยงเหตุการณ์
7. มีอุดมการณ์ ความกล้าหาญทางจริยธรรม
8. มีความสามารถในการสังเกต อ่านกิริยาท่าทางของผู้ถูกซักถาม
- 18. 18
วัตถุประสงค์ของการสอบสวน
1. เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสต่อสู้ ชี้แจง
2. รวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างเท่าที่จาเป็น
3. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
4. พิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิของผู้ถูกกล่าวหา
5. ให้ได้ความจริงและความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย (ข้อ 1)
การดาเนินการทางวินัยต้องมีการสอบสวน
1. ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน
2. ต้องมีการกล่าวหาและแจ้งข้อกล่าวหา
3. ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนาสืบแก้ข้อกล่าวหา
- 21. 21
หมวด 1 การแต่งตั้งกรรมการสอบสวน (ข้อ 2-ข้อ6)
ข้อ 2
การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยจะกระทาได้เมื่อ
1. เป็นกรณีมีมูล คือ มีพยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้ว
ว่ามีข้าราชการครูกระทาผิดวินัย
2. กรณีมีการกล่าวหาโดยปรากฏตัวผู้กล่าวหา / กรณีเป็นที่สงสัย
แต่ยังไม่มีพยานหลักฐาน และได้สืบสวนหรือพิจารณาในเบื้องต้น
และผู้บังคับบัญชาเห็นว่าเป็นกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า
กระทาผิดวินัย
- 23. 23
กรณีที่ต้องแต่งตั้งกรรมการสอบสวน (ต่อ)
3. มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทาหรือละเว้นกระทาการใด ๆ
ที่เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และได้มีการกล่าวหา
เป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชา/ผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน/
ผู้มีหน้าที่ตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบ
แม้ออกจากราชการไปแล้ว
4. การให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 110
5. การให้ออกจากราชการ กรณีหย่อนความสามารถในอันที่จะ
ปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการ หรือประพฤติตน
ไม่เหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 111
- 24. 24
กรณีที่อาจไม่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ได้ (ข้อยกเว้นตามมาตรา 98 วรรคเจ็ด
และกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยความผิดปรากฏชัดแจ้ง พ.ศ. 2549)
ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง
วินัยอย่างร้ายแรงวินัยไม่ร้ายแรง
- ต้องคาพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทาผิด
- รับ - สารภาพเป็นหนังสือ
- ได้รับโทษจาคุก
- ละทิ้งหน้าที่เกินกว่า 15 วันฯ
โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- รับสารภาพเป็นหนังสือ
- 25. 25
1. นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
2. ผู้มีอานาจสั่งบรรจุตามมาตรา 53
- รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
- หัวหน้าส่วนราชการ/อธิบดี (กรณีผู้ถูกกล่าวหามิได้สังกัดเขตพื้นที่การศึกษา)
- เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
- ผู้อานวยการสถานศึกษา
3. ผู้บังคับบัญชาของผู้มีอานาจตามมาตรา 53
4. ผู้บังคับบัญชาที่ได้รับรายงาน ใช้อานาจตามมาตรา 104 (1)
5. ก.ค.ศ. ใช้อานาจตามมาตรา 105
ผู้มีอานาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน
- 30. 30
1. ร้องเรียนโดยตรง
2. ร้องเรียนทางไปรษณีย์/Web
3. บัตรสนเท่ห์
4. ตรวจพบเอง
5. สื่อมวลชน
6. ส.ต.ง.หรือเจ้าหน้าที่อื่น
เช่น ตารวจ รายงาน
7. ผู้กระทาผิดรายงาน
8. ปปช. (สานวนฐานความผิด)
ผ.บ.สืบสวน
ข้อเท็จจริง
กรณี
มีมูล
ก่อนดาเนินการทางวินัย
ไม่ร้ายแรง
ตั้งคณะกรรมการ
สอบสวน
ร้ายแรง
การดาเนินการทางวินัย
- 32. 32
องค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 3)
1. ประธานกรรมการ
2. กรรมการอย่างน้อย 2 คน
3. กรรมการหนึ่งคนเป็นเลขานุการ
4. ผู้ช่วยเลขานุการ (กรณีจาเป็น)
คุณสมบัติของคณะกรรมการสอบสวน (กรณีตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง)
1. เป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน/ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
2. ประธานฯ ต้องดารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าผู้ถูกกล่าวหา กรณีผู้ถูกล่าวหา
เป็นข้าราชการครูฯ ที่มีทั้งตาแหน่งและวิทยฐานะ ประธานฯ ต้องดารงตาแหน่งและวิทยฐานะ
ไม่ต่ากว่าหรือเทียบได้ ไม่ต่ากว่าผู้ถูกกล่าวหา
3. ต้องมีกรรมการคนหนึ่งเป็นนิติกร/ผู้ได้รับปริญญาทางกฎหมาย/ผู้ผ่านการฝึกอบรมฯ
ผู้มีประสบการณ์ฯ
4. เป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม เช่น มีความซื่อสัตย์ สุจริต ความยุติธรรม
- 33. 33
องค์ประกอบของคาสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวน (ข้อ 4)
1. ชื่อ ตาแหน่ง หรือตาแหน่งและวิทยฐานะของ
ผู้ถูกกล่าวหา
2. เรื่องที่กล่าวหา
3. ชื่อ ตาแหน่ง หรือตาแหน่งและวิทยฐานะของผู้ได้รับ
แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการสอบสวน/ผู้ช่วยเลขานุการ
(ถ้ามี)
4. รายละเอียดตามที่กาหนดในแบบ สว.1
- 34. 34
การแจ้งคาสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 5)
ผู้ถูกกล่าวหา คณะกรรมการสอบสวน
- ส่งสาเนาคาสั่งภายใน 3 วัน
นับแต่มีคาสั่ง
- ส่งหลักฐานการรับทราบคาสั่ง
- เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับ
เรื่องที่กล่าวหา
- ประธานฯ ลงลายมือชื่อรับทราบ
- แจ้งผู้ถูกกล่าวหาภายใน 3 วัน
นับแต่มีคาสั่ง
- ให้ลงลายมือชื่อและวันที่รับทราบคาสั่ง
- มอบสาเนาคาสั่ง
- ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
- พ้น 15 วัน ถือว่ารับทราบ
- 35. 35
การเปลี่ยน เพิ่ม หรือลดจานวนกรรมการสอบสวน (ข้อ 6)
มีเหตุอันสมควรหรือ
จาเป็นต้องเปลี่ยน/เพิ่ม /
ลด จานวนกรรมการ
ผู้มีอานาจสั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวน
มีคาสั่ง -
เปลี่ยนตัวกรรมการฯ
-เพิ่มตัวกรรมการฯ
-ลดจานวนกรรมการฯ
- ต้องแสดงเหตุแห่งการสั่ง
- นาข้อ 5 เรื่องหน้าที่ผู้สั่งแต่งตั้งกรรมการฯ มาใช้โดยอนุโลม
- ไม่กระทบถึงการสอบสวนที่ดาเนินการไปแล้ว
- 37. 37
เหตุคัดค้านกรรมการสอบสวน/ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 8)
1. รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะกระทาการในเรื่องที่กล่าวหา
2. มีประโยชน์ได้เสียในเรื่องที่สอบสวน
3. มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหา
4. เป็นผู้กล่าวหา คู่หมั้น คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดาน
เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมบิดาหรือมารดา
เป็นลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น เป็นญาติ
เกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้นของผู้กล่าวหา
5. เป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ของผู้กล่าวหา
6. มีเหตุอื่นซึ่งน่าเชื่ออย่างยิ่งว่าจะทาให้การสอบสวน
เสียความเป็นธรรมหรือไม่เป็นกลาง
- 39. 39
การคัดค้านผู้สั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวน/(ข้อ 9)
ผู้คัดค้าน
(ผู้ถูกกล่าวหา)
- ทาเป็นหนังสือ
- แสดงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
- ยื่นภายใน 7 วัน
- ผู้บังคับบัญชาเหนือ ผู้สั่งแต่งตั้ง
กรรมการสอบสวนขึ้นไปหนึ่งชั้น
-พิจารณาคาคัดค้าน
-สั่งการภายใน 15 วัน
รับฟังได้
-สั่งให้พ้นจากผู้มีอานาจพิจารณาฯ
-ผบ.ชั้นเหนือขึ้นไป/ผู้ที่รับมอบหมาย
มีอานาจพิจารณาแทน
- สั่งยกคาคัดค้าน(เป็นที่สุด)
- แจ้งผู้ถูกคัดค้าน
- ส่งเรื่องให้ประธานฯ
-ผู้ถูกคัดค้านพ้นจากผู้มีอานาจพิจารณา
-ประธานฯ รายงานผู้สั่งแต่งตั้งฯ
-ผบ.ชั้นเหนือขึ้นไปมีอานาจพิจารณาแทน
รับฟังไม่ได้ ไม่สั่งการภายใน 15 วัน
- 45. 45
หมวด 3 อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 14-19)
ข้อ 14อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวน
1. สอบสวนตามกฎ ก.ค.ศ. นี้
2. แสวงหาความจริงในเรื่องที่กล่าวหา
3. เริ่มสอบสวนและดาเนินกระบวนการพิจารณาอย่างรวดเร็ว
และเป็นธรรม
4. ใช้ดุลพินิจอย่างอิสระ เป็นกลาง ปราศจากอคติอย่างใด ๆ
5. รวมรวมประวัติและความประพฤติของผู้ที่ถูกกล่าวหา
รวมทั้งข้อเท็จจริง
6. จัดทาบันทึกประจาวันที่มีการสอบสวนไว้ทุกครั้ง
- 46. 46
ข้อ 15
อานาจหน้าที่กรรมการสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐาน
เท่าที่จาเป็น โดยให้รวมถึง
1. แสวงหาพยานหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง
2. รับฟังพยานหลักฐาน/คาชี้แจง/ความเห็นของผู้ถูกกล่าวหา
พยานบุคคล พยานผู้เชี่ยวชาญ เว้นแต่การกล่าวอ้างที่ไม่จาเป็น
/ฟุ่มเฟือย/หรือเพื่อประวิงเวลา
3. ขอข้อเท็จจริง/ความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล พยาน
ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งที่เป็นคุณและประโยชน์แก่ผู้ถูกกล่าวหา
4. ขอให้ผู้ครอบครองเอกสารส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง
5. ออกไปตรวจสถานที่
- 48. 48
ข้อ 17
การประชุมคณะกรรมการสอบสวน
1. องค์ประชุม ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
เว้นแต่กรณีประชุมตามข้อ 24 เพื่อแจ้ง สว.3 และข้อ 38 ประชุม
มีมติพิจารณาโทษ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 3 คน
และไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง
2. ประธานกรรมการฯ ต้องร่วมประชุมด้วย
3. การนัดประชุม ต้องแจ้งกรรมการทุกคนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
3 วัน
4. ต้องมีรายงานการประชุมเป็นหนังสือ
- 51. 51
ข้อ 20 ระยะเวลาการสอบสวน
ลาดับที่ การดาเนินการ ภายในระยะเวลา (วัน)
1
2
3
4
5
6
7
ดาเนินการประชุมตามข้อ 16 แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา
รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหา
แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา
รวบรวมพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง
ประชุมพิจารณาลงมติ และทารายงานการสอบสวน
ดาเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ประธานฯ รายงานผู้สั่งแต่งตั้ง
ขอขยายระยะเวลา
ดาเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 240 วัน ประธานฯ รายงาน อ.ก.ค.ศ.
เขตพื้นที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ. เพื่อมีมติเร่งรัด
15
60
15
60
30
ขอขยายได้ไม่เกิน 60 วัน
ดาเนินการตามระยะเวลา
เร่งรัดที่องค์คณะกาหนด
หมวด 4 วิธีการสอบสวน (ข้อ 20-ข้อ 37)
วินัยอย่างร้ายแรง
- 53. 53
ข้อ 22
การรวบรวมพยานหลักฐานของกรรมการสอบสวน
1. เอกสาร/วัตถุที่ใช้อ้างเป็นพยานต้องบันทึกไว้ในสานวนว่า ได้มาอย่างไร
จากผู้ใด และเมื่อใด
2. พยานเอกสารให้ใช้ต้นฉบับ ถ้าไม่มีให้ใช้สาเนาที่เจ้าหน้าที่รับรอง
3. ต้นฉบับสูญหาย ถูกทาลายหรือหาไม่ได้ ใช้สาเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้
4. ในการอ้างพยานหลักฐาน ให้กรรมการอ่านหรือส่งต้นฉบับ หรือ
ส่งพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาตรวจดู
5. ถ้าผู้ถูกกล่าวหาต้องการสาเนา ให้คณะกรรมการฯ ส่งสาเนาให้ผู้ถูกกล่าวหา
ตามที่เห็นสมควร
6. ขอให้พยานผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นด้วยวาจาหรือทาเป็นหนังสือได้
- 54. 54
ข้อ 23
วิธีการสอบสวน
1. เมื่อดาเนินการตามข้อ 16 แล้ว ให้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา
(แบบ สว.2)
2. แจ้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหา ตามข้อ 18 วรรคหนึ่ง และข้อ 24
3. การแจ้ง สว.2 ทาเป็นสองฉบับ ฉบับที่มอบผู้ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อ
วัน เดือน ปีไว้ อีกฉบับเก็บไว้ในสานวน
4. ถามผู้ถูกกล่าวหาว่า กระทาการตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไร
5. กรณีผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพ ให้แจ้งว่าผิดวินัยกรณีใดและให้บันทึกคาสารภาพ
พร้อมทั้งเหตุผลและสาเหตุแห่งการกระทาไว้
6. กรณีรับสารภาพ กรรมการสอบสวนไม่สอบสวนต่อก็ได้ แต่ถ้าเห็นสมควรก็สอบสวนต่อได้
7. กรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่รับสารภาพ หรือรับสารภาพบางส่วน ให้สอบสวนต่อตามข้อ 24
8. กรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่มาหรือมาแต่ไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้ส่ง สว.2 ทางไปรษณีย์
- 55. 55
ข้อ 24
วิธีการสอบสวน (ต่อ)
9. ให้คณะกรรมการสอบสวนประชุมพิจารณาพยานหลักฐาน และถ้าเห็นว่า
ยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทาผิด ก็ให้ยุติเรื่อง
10. กรณีเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทาผิดกรณีใด มาตราใด ให้เรียกผู้ถูกกล่าวหา
มาแจ้งข้อกล่าวหาและพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา (แบบ สว.3)
11. การแจ้ง สว.3 ให้ทาเป็น 2 ฉบับ มอบให้ผู้ถูกกล่าวหา 1 ฉบับ โดยให้ลงลายมือชื่อ
รับทราบไว้ และเก็บไว้ในสานวน 1 ฉบับ
12. ถามผู้ถูกกล่าวหาว่า จะยื่นคาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือหรือไม่ หากต้องการ
ให้ยื่นภายใน 15 วัน
13. กรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่มา หรือมาแต่ไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา
ให้ส่ง สว.3 ทางไปรษณีย์
14. กรณีผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์ยื่นคาชี้แจงเป็นหนังสือ ให้เรียกผู้ถูกกล่าวหา
มาให้ถ้อยคาและนาสืบแก้ข้อกล่าวหาโดยเร็ว
- 56. 56
ข้อ 25
การสอบสวนเพิ่มเติม
1. ก่อนเสนอสานวนการสอบสวน ถ้าคณะกรรมการ
สอบสวนเห็นว่าจาเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ก็ให้ดาเนินการได้
2. ต้องสรุปพยานหลักฐานที่ได้เพิ่มเติมมาให้ผู้ถูกกล่าวหา
ทราบและต้องให้โอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคาหรือนาสืบ
แก้ข้อกล่าวหาเฉพาะพยานหลักฐานที่เพิ่มเติมนั้น
- 59. 59
ข้อ 28
การดาเนินการก่อนเริ่มสอบปากคาพยาน/ผู้เสียหาย
1. ก่อนเริ่มสอบปากคาพยาน คณะกรรมการสอบสวนต้องแจ้งพยานว่า
ตนมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา การให้ถ้อยคาเป็นเท็จ
อาจเป็นความผิดตามกฎหมาย
2. การสอบปากคาผู้เสียหาย/พยานซึ่งเป็นเด็ก ต้องสอบในสถานที่เหมาะสม
มีข้าราชการครูที่เป็นกลางและเชื่อถือได้ และมีบุคคลที่เด็กร้องขอหรือไว้วางใจ
เข้าร่วมสอบด้วย หากผู้เสียหาย/พยาน ตั้งข้อรังเกียจต้องเปลี่ยนตัว
3. กรณีผู้เสียหาย/พยาน เป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ หรือพิการทางกาย
หรือไม่เข้าใจภาษาไทย ต้องจัดล่ามที่เป็นกลางและเชื่อถือได้ให้
- 61. 61
ข้อ 30
การสอบปากคา ผู้ถูกกล่าวหา/พยาน
ในการสอบปากคาผู้ถูกกล่าวหาและพยานให้กรรมการสอบสวน
1. เรียกผู้ซึ่งจะถูกสอบปากคาเข้ามาคราวละ 1 คน
2. ห้ามบุคคลอื่นอยู่ในที่สอบสวน เว้นแต่ทนายความ/ที่ปรึกษา/บุคคลตามข้อ 28/
/บุคคลที่คณะกรรมการฯ อนุญาต
3. บันทึกถ้อยคาไว้ตามแบบ สว.4 (แบบบันทึกถ้อยคาผู้ถูกกล่าวหา)หรือ สว.5
(แบบบันทึกถ้อยคาพยาน)
4. ถ้าจะต้องแก้ไขให้ใช้วิธีขีดฆ่า และกรรมการลงลายมือชื่อกากับ
5. กรณีผู้ให้ถ้อยคา/ผู้ร่วมฟัง ไม่ยอมลงลายมือชื่อ ให้บันทึกเหตุนั้นไว้และ
ให้กรรมการทุกคนลงลายมือชื่อรับรอง
6. กรณีพยานมา/มาแต่ไม่ให้ถ้อยคา/เรียกพยานไม่ได้ในเวลาอันสมควร
จะไม่สอบพยานนั้นก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ในบันทึกประจาวัน (การตัดพยาน)
- 66. 66
ผู้บังคับบัญชาสั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวน
ตามมาตรา 111 กรณี
หย่อนความสามารถ
บกพร่องในหน้าที่ราชการ
ประพฤติตนไม่
เหมาะสมกับตาแหน่งหน้าที่
นาสานวนของ
คณะกรรมการ
สอบสวน
ตามมาตรา 111
มาใช้ได้
ผู้สั่งฯ เห็นว่า
กรณีมีมูลว่า
เป็นการกระทา
ผิดวินัยอย่าง
ร้ายแรง
ผู้สั่งฯ สั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการ
สอบสวนวินัย
อย่างร้ายแรง
ตามมาตรา 98
(ข้อ 35)
กรณีตั้งกรรมการสอบสวนตามมาตรา 111
แล้วพบว่ามีมูลความผิดวินัยร้ายแรง
- 68. 68
กรณีผู้ถูกกล่าวหา โอน / ย้าย ระหว่างถูกสอบสวน (ข้อ 37)
ผู้ถูกกล่าวหาไปอยู่นอกบังคับบัญชาของผู้สั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนสอบสวนต่อจนเสร็จ
ทารายงานการสอบสวนแล้วเสนอสานวนการสอบสวน
ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ
ผู้สั่งฯ ตรวจสอบความถูกต้อง
ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาคนใหม่
ผู้บังคับบัญชาใหม่ตรวจสอบความถูกต้อง
- 71. 71
การทารายงานการสอบสวน (ข้อ 39 วรรคหนึ่ง)
จัดทารายงานการสอบสวน (แบบ สว.6) เสนอผู้สั่งแต่งตั้งฯ
แนบความเห็นแย้งด้วย (ถ้ามี)
สาระสาคัญของรายงานการสอบสวน (ข้อ 39 วรรคสอง)
- สรุปข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสาคัญ และพยานหลักฐานมีอย่างใดบ้าง
- วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานสนับสนุน/พยานหลักฐานหักล้างข้อกล่าวหา
- ความเห็นของคณะกรรมการ
ไม่ผิด ยุติเรื่อง
ผิด กรณีใด, มาตราใด, โทษสถานใด
หย่อนความสามารถ ฯลฯ
- รวบรวมประวัติ/ความประพฤติของผู้กล่าวหา
- จัดทาสารบัญเอกสาร
- 73. 73
การพิจารณาสั่งการของผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน (ข้อ 40)
สานวน ผู้สั่งแต่งตั้ง
ตรวจสอบความถูกต้อง
ตามข้อ 43 - ข้อ 46
พิจารณา
-ไม่ได้กระทาผิด หรือ
- ไม่มีเหตุออกจากราชการ ตามมาตรา 112
ยุติเรื่อง
ผิดวินัยไม่ร้ายแรง
สั่งลงโทษ
เป็นกรณีตามมาตรา 111
ผิดวินัยร้ายแรงหรือ
มีมลทินมัวหมอง
ส่งเรื่องเข้า
ก.ค.ศ./
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯ
ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง
สั่งตั้งกรรมการสอบสวนตามมาตรา 111
- 78. 78
1. คณะกรรมการสอบสวนมาประชุม
ไม่ครบตามที่กฎหมายกาหนด (ในข้อ 17)
2. การสอบปากคาบุคคลดาเนินการไม่ถูกต้อง
ตามที่กาหนด (ในข้อ 11, 27, 28 วรรคสอง, 29
วรรคสอง, 30 วรรคหนึ่ง, 32)
3. คณะกรรมการสอบสวนไม่เรียก
ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาและ
สรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา
4. ไม่ส่งบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาและ
สรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา
ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้
ผู้ถูกกล่าวหา
5. ไม่มีหนังสือขอให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงหรือ
นัดมาให้ถ้อยคาหรือนาสืบแก้ข้อกล่าวหา
(ตามข้อ 24)
6. กรณีที่ปรากฏว่าการสอบสวนตอนใด
นอกจากที่ปรากฏในกฎ ก.ค.ศ.และ
เป็นสาระสาคัญอันอาจทาให้เสียความ
เป็นธรรม
ผู้มีอานาจ
ตามมาตรา 98
ผู้มีอานาจตาม
มาตรา 104(1)
ก.ค.ศ.
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่
การศึกษา อ.ก.ค.ศ .
ที่ ก.ค.ศ.ตั้ง
ตามแต่กรณี
มีคาสั่งให้
คณะกรรมการ
สอบสวน
ดาเนินการ
ตามกรณีดังกล่าวให้
ถูกต้องโดยเร็ว
เงื่อนไข
1. ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง
ให้ถ้อยคา นาสืบแก้ข้อกล่าวหาตามข้อ 24
2. กรณีผู้มีอานาจได้สั่งลงโทษผู้ถูก
กล่าวหา ไปตามบทมาตรา/กรณีความผิด
แตกต่างไปจากที่คณะกรรมการสอบสวน
แจ้งให้ ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และคณะ
กรรมการฯ/ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้หลงต่อสู้
โดยมิได้ทาให้เสียความเป็นธรรม ให้ถือว่า
การสอบสวนนั้นใช้ได้
3. ถ้าการสอบสวนขั้นตอนนั้นมิใช่
สาระสาคัญอันจะทาให้เสียความเป็น
ธรรม ผู้มีอานาจฯ จะสั่งแก้ไข/ดาเนินการ
ให้ถูกต้องหรือไม่ก็ได้
กรณีที่การสอบสวนเสียไปเฉพาะกรณี (ข้อ 44)
- 79. 79
กรณีกรรมการสอบสวนไม่แจ้ง สว.2 สว.3 (ข้อ 45)
1. หากคณะกรรมการสอบสวนไม่แจ้ง สว.2 สว.3 หรือ
มีหนังสือนัดหมายผู้ถูกกล่าวหา ให้ผู้มีอานาจตาม ม.98 ม.104 (1)
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง หรือ ก.ค.ศ.
แล้วแต่กรณี สั่งให้คณะกรรมการสอบสวนแก้ไขดาเนินการให้ถูกต้อง
โดยเร็ว
2. กรณีที่การสอบสวนแตกต่างจากข้อกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหา
ไม่หลงต่อสู้ ให้ถือว่าใช้ได้
- 80. 80
กรณีการสอบสวนตอนใดไม่ถูกต้อง (ข้อ 46)
1. กรณีที่การสอบสวนตอนใดไม่ถูกต้องตามกฎ ก.ค.ศ. นี้
ให้ผู้มีอานาจฯ สั่งให้คณะกรรมการสอบสวนแก้ไขหรือดาเนินการ
ให้ถูกต้องโดยเร็ว
2. กรณีการสอบสวนนั้นไม่ใช่สาระสาคัญ และไม่ทาให้
เสียความเที่ยงธรรม จะสั่งให้แก้ไขหรือไม่ก็ได้
- 81. 81
การนับระยะเวลา (ข้อ 47)
1. เวลาเริ่มต้นให้นับวันถัดจากวันแรกแห่งเวลานั้น
เป็นวันเริ่มนับระยะเวลา
2. กรณีขยายเวลาให้นับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิม
เป็นวันเริ่มระยะเวลาที่ขยายออกไป
3. กรณีระยะเวลาสิ้นสุดวันสุดท้ายตรงกับวันหยุดราชการ
ให้นับวันเปิดทาการใหม่เป็นวันสุดท้ายแห่งระยะเวลา
หมวด 8 การนับระยะเวลา
(ข้อ 47)
- 82. 82
บทเฉพาะกาล (ข้อ 48)
1. การดาเนินการก่อนกฎ ก.ค.ศ. นี้ใช้บังคับ
ให้ดาเนินการตามหลักเกณฑ์เดิมต่อไปจนแล้วเสร็จ
2. การพิจารณาสั่งการให้ดาเนินการ
ตามกฎ ก.ค.ศ. นี้
- 86. 86
บันทึกคารับสารภาพ
แจ้ง สว.3 โดยระบุข้อกล่าวหาว่าเป็นความผิดวินัย
กรณีใด ตามมาตราใด/หรือ หย่อน
ความสามารถ ตามมาตรา... และ
พยานหลักฐานเท่าที่มี และ การกระทาที่
สนับสนุนข้อกล่าวหา
คณะกรรมการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน
ของผู้ถูกกล่าวหา
คณะกรรมการสอบสวนประชุมพิจารณาว่ากระทา
ผิดวินัยหรือไม่/หย่อนความสามารถหรือไม่/มีมลทิน
มัวหมองหรือไม่
ข้อ 23 ว.4 ข้อ 23 ว.3
ข้อ 23 ว.4
ข้อ 20 (4)
ข้อ 38