More Related Content
Similar to เครื่องใช้ไฟฟ้า
Similar to เครื่องใช้ไฟฟ้า (20)
เครื่องใช้ไฟฟ้า
- 2. ด.ญ. ธัญชนก มาประสพ ม.3/2 เลขที่ 22
ด.ญ. นุชรี บุญเลิศ ม.3/2 เลขที่ 23
ด.ญ. ประกายวรรณ ขยันดี ม.3/2 เลขที่ 24
ด.ญ. พัทธ์ธีรา ทาทอง ม.3/2 เลขที่ 25
- 6. หลอดไฟฟ้า เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีใช้ในทุกบ้านที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็น
เครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า ไปเป็นพลังงานแสง หลอดไฟฟ้าที่ใช้ทั่วไป มี 3
ชนิด คือ1. หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา มีการเปลี่ยนรูป
พลังงานจากพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นพลังงานแสง
หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดามี 2 แบบ คือแบบเกลียวและแบบเขี้ยว มีส่วนประกอบ
ดังนี้
1 ไส้หลอด ทาด้วยโลหะที่มีจุดหลอดเหลวสูง ทนความร้อนได้มาก มีความทานสูง
เช่น ทังสเตน 1.2 หลอดแก้วทาจากแก้วที่ทนความร้อนได้ดี ไม่แตกง่าย สูบอากาศ
ออกจนหมดภายในบรรจุก๊าซไนโตรเจนและอาร์กอนเล็กน้อย ก๊าซชนิดนี้ทา
ปฏิกิริยายากช่วย
- 9. หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์
(Fluorescent Lamp)
หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp) ทาด้วยหลอดแก้วที่
สูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทไว้เล็กน้อย มีไส้ที่ปลายหลอดทั้งสองข้าง
หลอดเรืองแสงอาจทาเป็นหลอดตรง หรือครึ่งวงกลมก็ได้ ส่วนประกอบและการทา
งานของหลอดเรืองแสง มีดังนี้
1 ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและก๊าซอาร์กอน
เล็กน้อย ผิวด้านในของหลอดเรืองแสงฉาบด้วยสารเรืองแสงชนิดต่างๆแล้วแต่
ความต้องการให้เรืองแสงเป็นสีใด เช่น ถ้าต้องการให้เรืองแสงสีเขียว ต้องฉาบด้วย
สารซิงค์ซิลิเคต แสงสีขาวแกมฟ้ าฉาบด้วยมักเนเซียมทังสเตน แสงสีชมพูฉาบด้วย
แคดเนียมบอเรต เป็นต้น
- 12. ได้ 2.4 แบลลัสต์ เป็นขดลวดที่พันอยู่บนแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้ าไหลผ่านจะเกิด
การเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้ าทาให้เกิดแรงเคลื่อน ไฟฟ้ าเหนี่ยวนาขึ้น เมื่อแผ่นโลหะคู่
ในสตาร์ตเตอร์แยกตัวออกจากกันนั้นจะเกิดวงจรเปิดชั่วขณะ แรงเคลื่อนไฟฟ้ า
เหนี่ยวนาที่เกิดขึ้นในแบลลัสต์จึงทาให้เกิดความต่าง ศักย์ระหว่างไส้หลอดทั้งสอง
ข้างสูงขึ้นเพียงพอที่จะทาให้กระแสไฟฟ้ าไหลผ่าน ไอปรอทจากไส้หลอดข้างหนึ่งไป
ยังไส้หลอดอีกข้างหนึ่งได้ แรงเคลื่อนไฟฟ้ าเหนี่ยวนาทีเกิดจากแบลลัสต์นั้นจะทาให้
เกิดกระแสไฟฟ้ า เหนี่ยวนาไหลสวนทางกับกระแสไฟฟ้ าจากวงจรไฟฟ้ าในบ้าน ทาให้
กระแส ไฟฟ้ าที่จะเข้าสู่วงจรของหลอดเรืองแสงลดลง
- 13. หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์
เมื่อกระแสไฟฟ้ าผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟ้ าให้แก่ไอปรอท ซึ่งจะทาให้
อะตอม ของไอปรอทอยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น (exited state) เป็นผลให้อะตอมปรอท
คายพลังงานออกมาเพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอัลตราไวโอเลต
ซึ่งมองไม่เห็น เมื่อรังสีชนิดนี้ไปกระทบกับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ที่ผิวด้านในของ
หลอดฟลูออเรส เซนต์ สารเหล่านี้จะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีต่างๆตามชนิดของ
สารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนั้น เช่น ซิงค์ซิลิเคท (Zinc silicate) ให้แสงสีเขียว
ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc Berylliumsilicate) ให้แสงสีเหลืองนวล นอกจากนี้ยังอาจ
ผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้แสงสีผสมที่แตกต่างกันออกไปได้อีกด้วย
- 15. เครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็น
พลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้ าผ่านขดลวดตัวนาที่มี
ความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนานั้นจะร้อนจนสามารถนาความร้อนออกไปใช้
ประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้ ามากเมื่อเปรียบกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าประเภทอื่นๆ เมื่อใช้ในเวลาที่
เท่ากัน ฉะนั้นขณะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ด้วยความ
ระมัดระวัง ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว
กระทะไฟฟ้ า กาต้มน้า เครื่องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้ า ฯลฯ
- 16. เครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานกล มีการเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้ าเป็นพลังงานกล โดย
อาศัยหลักการเหนี่ยวนาแม่เหล็กไฟฟ้ า ด้วยอุปกรณ์ ที่เรียกว่ามอเตอร์ และ เครื่อง
ควบคุมความเร็ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในเครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานกล ตัวอย่าง
เครื่องใช้ไฟฟ้ าที่ให้พลังงานกล เช่น เครื่องปรับอากาศตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น พัดลม
เครื่องซักผ้า เครื่องปั่นน้าผลไม้ ฯลฯ
- 17. เครื่องใช้ไฟฟ้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็นพลังงานเสียง ได้แก่ เครื่องรับวิทยุเครื่อง
ขยายเสียง เครื่องบันทึกเสียง ฯลฯ 1.เครื่องรับวิทยุ เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยน
พลังงานไฟฟ้ าเป็นพลังงานเสียง โดยรับคลื่นวิทยุ จากสถานีส่งแล้วใช้อุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสียงที่มีอยู่ในรูปของ สัญญาณไฟฟ้ าให้แรงขึ้นเมื่อ
ผ่านสัญญาณไฟฟ้ านี้ไปยังลาโพงจะทาให้ลาโพงสั่น สะเทือนเปลี่ยนเป็นเสียงที่
สามารถรับฟังได้ ดังแผนผัง แผนผังการเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ าเป็นพลังงานเสียง
ของเครื่องรับวิทยุ
- 18. การบารุงรักษา และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าอย่างถูกวิธี
เครื่องใช้ไฟฟ้ า เป็นเครื่องใช้ภายในบ้านที่ต้องใช้ไฟฟ้ าจึงจะทางานได้ เช่น เครื่องทา
น้าอุ่นโทรทัศน์ พัดลม ซึ่งการบารุงรักษา และใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ าอย่างถูกวิธีและ
ประหยัดพลังงาน ควรปฏิบัติ ดังนี้
1. เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้ ำ การใช้อย่างประหยัดพลังงานและถูกวิธี
- ควรพิจารณาเลือกเครื่องทาน้าอุ่นให้เหมาะสมกับการใช้เป็นหลัก เช่น ต้องการใช้
น้าอุ่นเพื่ออาบน้าเท่านั้น ก็ควรจะติดตั้งชนิดทาน้าอุ่นได้จุดเดียว
- 19. - ควรเลือกใช้ฝักบัวชนิดประหยัดน้า (Water Efficient Showerhead) เพราะ
สามารถประหยัดน้าได้ถึงร้อยละ 25-75
- ควรเลือกใช้เครื่องทาน้าอุ่นที่มีถังน้าภายในตัวเครื่องและมีฉนวนหุ้ม เพราะ
สามารถลดการใช้พลังงานได้ร้อยละ 10-20
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทาน้าอุ่นไฟฟ้ าชนิดที่ไม่มีถังน้าภายใน เพราะจะทา
ให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงาน
- ปิดวาล์วน้าและสวิตช์ทันทีเมื่อเลิกใช้งาน
กำรดูแลรักษำ
ควรหมั่นตรวจสอบการทางานของเครื่องให้มีสภาพดีอยู่เสมอ ตลอดจน
ตรวจดูระบบท่อน้าและรอยต่อ อย่าให้มีการรั่วซึม และเมื่อเครื่องมีปัญหาควร
ตรวจสอบ ดังนี้
- ถ้าน้าที่ออกจากเครื่องน้าเย็น อันเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้ าป้ อนเข้าสู่ขด
ลวดความร้อนสาเหตุอาจเกิดจากฟิวส์ขาด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ไฟ
ผ่าน
- ถ้าไฟสัญญาณติดแต่ขดลวดความร้อนไม่ทางาน น้าไม่อุ่น สาเหตุอาจเกิด
จากขดลวด ความร้อนขาด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิเสีย
- ถ้าน้าจากเครื่องร้อน หรือเย็นเกินไป สาเหตุอาจเกิดจากอุปกรณ์ควบคุม
อุณหภูมิทางาน ผิดปกติ
- 21. - ปิดเมื่อไม่มีคนดู หรือตั้งเวลาปิดโทรทัศน์โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดไฟฟ้ า
- ไม่ควรเสียปลั๊กเครื่องเล่นวีดีโอ หรือเครื่องเล่นซีดีในขณะที่ยังไม่ต้องการใช้
เพราะเครื่องเล่นเหล่านี้จะทางานอยู่ตลอดเวลา จึงทาให้เสียค่าไฟฟ้ าโดยไม่จาเป็น
- พิจารณาเลือกดูรายการเอาไว้ล่วงหน้า ดูเฉพาะรายการที่เลือกตามช่วงเวลา
นั้นๆ
หากดูรายการเดียวกันควรเปิดโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียว
กำรดูแลรักษำ
การดูแลรักษาและใช้โทรทัศน์ให้ถูกวิธี นอกจากจะช่วยให้โทรทัศน์เกิดความคงทน
ภาพที่
ได้ชัดเจน และมีอายุการทางานยาวนานขึ้นแล้ว ผลพลอยได้อีกส่วนหนึ่งก็คือ
ประหยัดพลังงาน
- 22. - ควรเลือกใช้เสาอากาศภายนอกบ้านที่มีคุณภาพดี และติดตั้งถูกต้องตามหลัก
วิชาการ เช่น หันเสาไปทางที่ตั้งของสถานีในลักษณะให้ตั้งฉาก เป็นต้น
- ควรวางโทรทัศน์ไว้ในจุดที่มีการถ่ายเทอากาสได้ดี และตั้งห่างจากผนัง หรือมู่ลี่
อย่าง น้อยประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้
สะดวก
- ไม่ควรปรับจอภาพให้สว่างมากเกินไป เพราะจะทาให้หลอดภาพมีอายุสั้น และ
สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ าโดยไม่จาเป็น
- ใช้ผ้านุ่มเช็ดตัวตู้โทรทัศน์ ส่วนจอภาพควรใช้ผงซักฟอกอย่างอ่อน หรือน้ายาล้าง
จาน ผสมกับน้า ชุบทาบางๆ แล้วเช็ดด้วยผ้านุ่มให้แห้ง โดยอย่าลืมถอดปลั๊กออก
ก่อนทาความสะอาด
- อย่าถอดด้านหลังของเครื่องด้วยตนเอง เพราะอาจจะเกิดความเสียหายต่อ
โทรทัศน์ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์สีจะผลิตกระแสไฟฟ้ าแรงดันสูง (High Voltage)
ซึ่งเป็นอันตรายต่อการสัมผัส แม้ว่าจะปิดไฟแล้วก็ตาม
- 23. เครื่องดูดฝุ่ น
การใช้อย่างประหยัดพลังงานและถูกวิธี
- ควรเลือกขนาดของเครื่องตามความจาเป็นในการใช้งาน
- วัสดุที่เป็นพรมหรือผ้าซึ่งฝุ่นสามารถเกาะได้อย่างแน่นหนา ควรใช้เครื่องที่มีขนาด
กาลังไฟฟ้ ามาก (Heavy Duty) ส่วนบ้านเรือนที่เป็นพื้นไม้ พื้นปูน หรือหินอ่อนที่ง่าย
ต่อการ ทาความสะอาด เพราะฝุ่นละอองไม่เกาะติดแน่น ก็ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มี
กาลังไฟฟ้ าต่าซึ่งจะไม่ สิ้นเปลืองการใช้ไฟฟ้ า
- ควรหมั่นถอดตัวกรองหรือตะแกรงดักฝุ่นออกมาทาความสะอาด เพราะถ้าเกิด
การ อุดตัน นอกจากจะทาให้ลดประสิทธิภาพการดูดฝุ่น ดูดฝุ่นไม่เต็มที่ และเพิ่ม
เวลาการดูดฝุ่น
- 24. เป็นการเพิ่มปริมาณการใช้ไฟฟ้ าของมอเตอร์ที่ต้องทางานหนักและอาจไหม้ได้
- ควรใช้ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อเป็นการระบายความร้อนตัวมอเตอร์
- ไม่ควรใช้ดูดวัสดุที่มีส่วนประกอบของน้า ความชื้น และของเหลวต่างๆ รวมทั้ง
สิ่งของที่มีคม และของที่กาลังติดไฟ เช่น ใบมีดโกน บุหรี่ เป็นต้น เพราะอาจก่อให้เกิด
อันตราย ต่อส่วนประกอบต่างๆ
- ควรหมั่นถอดถุงผ้าหรือกล่องเก็บฝุ่นออกมาทิ้ง อย่าให้สะสมจนเต็มเพราะมอเตอร์
ต้องทางานหนักขึ้น อาจทาให้มอเตอร์ไหม้ได้ และยังทาให้การใช้ไฟฟ้ าสิ้นเปลืองขึ้น
- ใช้หัวดูดฝุ่นให้เหมาะกับลักษณะฝุ่นหรือสถานที่ เช่น หัวดูดชนิดปากปลายแหลมจะ
ใช้กับบริเวณที่เป็นซอกเล็กๆ หัวดูดที่เป็นแปรงใช้กับโคมไฟ เพดาน กรอบรูป เป็นต้น
ถ้าใช้ ผิดประเภทจะทาให้ประสิทธิภาพในการดูดลดลง สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ า
- ก่อนดูดฝุ่น ควรตรวจสอบข้อต่อของท่อดูดหรือชิ้นส่วนต่างๆ ให้แน่น มิฉะนั้นอาจ
เกิดการรั่วของอากาศ ประสิทธิภาพของเครื่องจะลดลง และมอเตอร์อาจทางานหนัก
และไหม้ได้
- 25. กำรดูแลรักษำ
- หมั่นทาความสะอาดส่วนต่างๆ ของเครื่องให้สะอาด และอย่าให้มีสิ่งสกปรก
เข้าไปทาให้อุดตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวกรองหรือตะแกรงกันเศษวัสดุมิให้เข้า
สู่มอเตอร์ ควรทาความสะอาดโดยใช้แปรงถูเบาๆ และล้างน้า จากนั้นนาไป
ตากแดดในที่ร่มให้แห้ง ไม่ควรใช้น้าอุ่นล้างน้าควรมีอุณหภูมิต่ากว่า 45 องศา
เซลเซียส
- หลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้ว ควรนาไปวางในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
เพื่อ
ให้มอเตอร์ระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว