SlideShare a Scribd company logo
1 of 586
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘
ตอนที่ ๑
พระอภิธรรมปิฎก
เล่ม ๕
ยมกปกรณ์ ภาค ๑
ขอนอบน้อมแ ด่พระผู้มีพระภาคอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มูลยมก
อุทเทสวาร
[๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลมูลหรือ?
หรือว่าธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น
กุศล.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น
กุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น
มูลที่เรียกว่ากุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ากุศลมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลเป็นมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
กุศลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
กุศลมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมด เป็นกุศล?
[๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมดเป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี
อกุศลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
อกุศลมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
[๓] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากตมูล
หรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต ?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากต-
*มูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากตมูล ธรรม
เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอัพยากฤตเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากฤตเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต .
[๔] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นนาม
เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น
กุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น
มูลที่เรียกว่านามมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่านามมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
นามเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม ?
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกัน โดยเป็นนาม
มูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
นามมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม .
[๕] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีกุศลเป็นเหตุหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นนิทานหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นแดนเกิดพร้อมหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นแดนเกิดทั่วหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นสมุฏฐานหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นอาหารหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นอารมณ์หรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นปัจจัยหรือ ฯลฯ
มีกุศลเป็นสมุทัยหรือ ฯลฯ
"มูล เหตุ นิทาน สมภพ ปภพ สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์
ปัจจัย และสมุทัย".
อุทเทสวาร จบ.
นิทเทสวาร
กุศลธรรมนิทเทส
[๖] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศลมูลหรือ?
กุศลมูลมี ๓ เท่านั้น กุศลธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่กุศลมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดย
เป็นกุศลมูลหรือ?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
แต่ไม่ใช่กุศล กุศลเป็น
ธรรมที่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูล
อย่างเดียวกันด้วย เป็นมูลที่
อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือนอก
นั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็นมูลที่อาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศล
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
[๗] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นมูลที่เรียกว่า
กุศลมูลหรือ?
มูลที่เรียกว่ากุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นกุศลที่เหลือนอก
นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า
กุศลมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ากุศลมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น
มูลที่เรียกว่ามูลเดียวกัน
โดยเป็นกุศลมูลหรือ?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดย
เป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่กุศล
กุศลเป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศล
ด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด เป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดย
เป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศล
มูลหรือ?
มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูลที่
เรียกว่ามูลเดียวกันด้วย เป็น
มูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกัน
กับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น เป็นมูล
ที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่มูลที่เรียกว่าเป็น
มูลที่อาศัยกันและกันเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและ
กันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
[๘] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีกุศลเป็นมูลหรือ?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีกุศลเป็นมูล แต่ไม่ใช่
กุศล กุศลเป็นธรรมมีกุศล
เป็นมูลด้วย เป็นกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น
ธรรมมีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นกุศลมูลหรือ?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่กุศล
กุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศล
ด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นธรรมที่มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ ?
มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นธรรมมี
มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูล
ที่อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือ
นอกนั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว
กันโดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้ง
หมด เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
[๙] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีกุศลมูลเป็นมูล?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่
กุศล กุศลเป็นธรรมมี
กุศลมูลเป็นมูลด้วย เป็นกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
กุศลมูล เป็นมูลหรือ?
ถูกแล้ว.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นกุศล?
รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่
กุศล กุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็นมูล
ด้วย เป็นกุศลด้วย
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นธรรมมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล
หรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นธรรมมี
มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล
ด้วย เป็นธรรมมีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิด
ร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น
เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่
ธรรมที่มีมูลอาศัยกันและกัน
เป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นกุศล?
ถูกแล้ว.
อกุศลธรรมนิทเทส
[๑๐] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศลหรือ?
อกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอกุศลที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่
อกุศลมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว
กันโดยเป็นอกุศลหรือ?
อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย
เป้นอกุศลมูล อกุศลที่เป็น
สเหตุกะ เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นอกุศลมูล ไม่ใช่อกุศล
อกุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลด้วย เป็น
อกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูล
อย่างเดียวกันด้วยเป็นมูล
อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือ
นอกนั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว
กันโดยเป็นอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
[๑๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่า
อกุศลมูลหรือ?
มูลที่เรียกว่าอกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอกุศลที่เหลือ
นอกนั้น ไม่ใช่เป็นมูลที่
เรียกว่าอกุศลมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ?
อกุศลเป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล อกุศลที่เป็น
สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล
มูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่อกุศล
อกุศลมีธรรมเป็นมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล
ด้วย เป็นอกุศลด้วย,
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอันอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ ?
มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูลที่
เรียกว่ามูลอย่างเดียวกันด้วย
เป็นมูลที่เรียกว่ามูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น เป็น
ธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ธรรม
ที่มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
[๑๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอกุศลเป็น
มูลหรือ?
อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอกุศลเป็นมูล อกุศลที่เป็นสเหตุ
กะ มีอกุศลเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีอกุศลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล อกุศล
มีอกุศลเป็นมูลด้วย
เป็นอกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นอกุศลมูลหรือ?
อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
อกุศลที่เป็นสเหตุกะ
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล
มูล แต่ไม่ใช่อกุศล
อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูล
อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือ
นอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
[๑๓] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอกุศลมูล
เป็นมูลหรือ?
อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอกุศลมูลเป็นมูล อกุศลที่เป็นส
เหตุกะ มีอกุศลมูลเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีอกุศลมูลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล
อกุศลมีอกุศลมูลเป็นมูล
ด้วย เป็นอกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อกุศลมูลเป็นมูลหรือ?
อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล
มูลเป็นมูล อกุศลที่เป็น
สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล
มูลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล
อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลด้วย เป็น
อกุศลด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกัน เป็นมูลด้วย
มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศล
มูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียว
กันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกันเป็น
มูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอกุศล?
ถูกแล้ว.
อัพยากตธรรมนิทเทส
[๑๔] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากต-
*มูลหรือ?
อัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอัพยากฤตที่เหลือนอก
นั้น ไม่ใช่อัพยากตมูล?
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นอัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูล อัพยากฤตที่เป็น
สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันด้วย มี
มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่
เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
[๑๕] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอัพยากตมูล
เป็นมูลหรือ?
มูลที่เป็นอัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น อัพยากตธรรมที่เหลือนอก
นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า
อัพยากตมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากตมูล ธรรม
เหล่านั้นทั้งหมด เป็น
อัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็น
อัพยากตมูลเป็นมูล
อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล
ด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล ไม่ใช่มีมูลอาศัยกัน
และกันเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรม
เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
[๑๖] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอัพยากฤต
เป็นมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอัพยากฤตเป็นมูล อัพยาก
ฤตที่เป็นสเหตุกะ มีอัพยากฤต
เป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากฤตเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูล อัพยากฤตที่เป็น
สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันด้วย
มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่
เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
[๑๗] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีอัพยากตมูล
เป็นมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอัพยากตมูลเป็นมูล อัพยาก
ฤตที่เป็นสเหตุกะ มี
อัพยากตมูลเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ?
อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น
อัพยากตมูลเป็นมูล อัพยากฤต
ที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรม
เหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็น
มูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล
ด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
อัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัย
กันและกันเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก
ตมูลเป็นมูล ธรรม -
*เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต?
ถูกแล้ว.
นามธรรมนิทเทส
[๑๘] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนามเป็นมูล
หรือ?
นามมูลมี ๙ เท่านั้น นามที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่นามมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
นามเป็นมูลหรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น
มูล นามที่เป็นสเหตุกะ
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล
ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นนาม
เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูลด้วย เป็นนามด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็นมูลหรือ?
มูลเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี
มูลอย่างเดียวกันด้วย
มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับธรรมที่เป็น
นามเป็นมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล แต่ไม่ใช่มูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
[๑๙] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีนามมูลเป็นมูล
หรือ?
มูลที่เรียกว่านามมูลมี ๙ เท่านั้น ธรรมที่เป็นนามที่เหลือนอก
นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า
นามมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่านามมูล ธรรมเหล่า
นั้นทั้งหมด เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นนามเป็นมูลหรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม
นามมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลด้วย เป็นนาม
ด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นนามมูลหรือ ?
มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล
อย่างเดียวกันเป็นมูลด้วย
มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูล
ที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน
โดยเป็นนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูล
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
[๒๐] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีนามเป็นมูลหรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีนามเป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ มี
นามเป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีนามเป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นามมี
นามเป็นมูลด้วย เป็น
นามด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็น
นามเป็นมูลหรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น
มูล นามที่เป็นสเหตุกะ
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล
ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล แต่
ไม่ใช่นาม นามมีมูล
อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลด้วย เป็นนามด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลหรือ ?
มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล
อย่างเดียวกันด้วย มีมูล
อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่เหลือนอก
นั้น มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น-
*นามเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
[๒๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีนามมูลเป็นมูล
หรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีนามมูลเป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ
มีนามมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดที่มีนามมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม
มีนามมูลเป็นมูลด้วย
เป็นนามด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
มูลอย่างเดียวกันโดย
เป็นนามมูลเป็นมูลหรือ?
นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล .
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น
มูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม
มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลด้วย เป็นนามด้วย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ?
มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล
อย่างเดียวกันเป็นมูลด้วย
มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ
นามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่าง
เดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน
เป็นมูล.
หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล
เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
ทั้งหมด เป็นนาม ?
ถูกแล้ว.
[๒๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
มีกุศลเป็นเหตุ
มีกุศลเป็นนิทาน
มีกุศลเป็นแดนเกิดพร้อม
มีกุศลเป็นแดนเกิดทั่ว
มีกุศลเป็นสมุฏฐาน
มีกุศลเป็นอาหาร
มีกุศลเป็นอารมณ์
มีกุศลเป็นปัจจัย
มีกุศลเป็นสมุทัย.
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต .
ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี
นามเป็นเหตุ ฯลฯ
มีนามเป็นนิทาน
มีนามเป็นแดนเกิดพร้อม
มีนามเป็นแดนเกิดทั่ว
มีนามเป็นสมุฏฐาน
มีนามเป็นอาหาร
มีนามเป็นอารมณ์
มีนามเป็นปัจจัย
มีนามเป็นสมุทัย.
มูล เหตุ นิทาน สมภพ ปภพ สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย
และสมุทัย.
มูลยมก จบ.
-------------
ขันธยมก
ปัณณัตติวาร
[๒๓] ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์
วิญญาณขันธ์.
อุทเทสวาร
[๒๔] รูปคือรูปขันธ์หรือ รูปขันธ์คือรูปหรือ.
เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ เวทนาขันธ์คือเวทนาหรือ.
สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ สัญญาขันธ์คือสัญญาหรือ.
สังขารคือสังขารขันธ์หรือ สังขารขันธ์คือสังขารหรือ.
วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ วิญญาณขันธ์คือ
วิญญาณหรือ.
[๒๕] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่รูปขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่เวทนาขันธ์ไม่ใช่
เวทนาหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่สัญญาขันธ์ไม่ใช่
สัญญาหรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่สังขารขันธ์ไม่ใช่
สังขารหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่วิญญาณขันธ์
ไม่ใช่วิญญาณหรือ.
[๒๖] รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ.
รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ.
รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ.
รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ.
เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ.
เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ.
เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ.
เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ.
สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ.
สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ.
สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ.
สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ.
สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ.
สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ.
สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ.
สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ.
วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ.
วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ.
วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ.
วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ.
[๒๗] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญา
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขาร
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนา
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขาร
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์
หรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนา
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญา
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูป
ขันธ์หรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่
เวทนาขันธ์หรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่
สัญญาขันธ์หรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่
สังขารขันธ์หรือ.
[๒๘] รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ.
เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ.
สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ.
สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ.
วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ.
[๒๙] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ
หรือ.
[๓๐] รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ.
รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ.
รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ.
รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ.
เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ.
เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ.
เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ.
เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ.
สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ.
สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ.
สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ.
สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ.
สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ.
สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ.
สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ.
สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ.
วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ.
วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ.
วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ.
วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ.
[๓๑] ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ.
ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ.
ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ.
ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ
หรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ.
นิทเทสวาร
ปทโสธนวาร
[๓๒] รูป คือรูปขันธ์หรือ?
ปิยรูป สาตรูป เรียกว่า รูป แต่ไม่ใช่รูปขันธ์ รูปขันธ์เป็นรูป
ด้วย เป็นรูปขันธ์ด้วย.
รูปขันธ์ คือรูปหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๓] เวทนา คือเวทนาขันธ์?
ถูกแล้ว.
เวทนาขันธ์คือเวทนาหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๔] สัญญา คือสัญญาขันธ์หรือ?
ทิฏฐิสัญญาเป็นสัญญา แต่ไม่ใช่สัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์เป็น
สัญญาด้วย เป็น
สัญญาขันธ์ด้วย.
สัญญาขันธ์ คือสัญญาหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๕] สังขาร คือสังขารขันธ์หรือ?
ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น เป็นสังขาร
แต่ไม่ใช่สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ เป็นสังขารด้วย เป็นสังขารขันธ์ด้วย.
สังขารขันธ์ คือสังขารหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๖] วิญญาณ คือวิญญาณขันธ์หรือ?
ถูกแล้ว.
วิญญาณขันธ์ คือวิญญาณหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๗] ไม่ใช่รูป ไม่ใช่รูปขันธ์หรือ?
ถูกแล้ว.
ไม่ใช่รูปขันธ์ ไม่ใช่รูปหรือ?
ปิยรูป สาตรูป ไม่ใช่รูปขันธ์ แต่เรียกว่า รูป ยกเว้นรูปและรูป
ขันธ์เสียแล้ว สภาว-
*ธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่รูป และไม่ใช่รูปขันธ์.
[๓๘] ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ?
ถูกแล้ว.
ไม่ใช่เวทนาขันธ์ ไม่ใช่เวทนาหรือ?
ถูกแล้ว.
[๓๙] ไม่ใช่สัญญา ไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ?
ถูกแล้ว.
ไม่ใช่สัญญาขันธ์ ไม่ใช่สัญญาหรือ?
ทิฏฐิสัญญา ไม่ใช่สัญญาขันธ์ เป็นแต่สัญญา ยกเว้นสัญญา
และสัญญาขันธ์เสียแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่สัญญา และไม่ใช่สัญญาขันธ์.
[๔๐] ไม่ใช่สังขาร ไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ?
ถูกแล้ว.
ไม่ใช่สังขารขันธ์ ไม่ใช่สังขารหรือ?
ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่
สังขารขันธ์ เป็นแต่สังขาร
ยกเว้นสังขารและสังขารขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอก
นั้น ไม่ใช่สังขาร และไม่ใช่
สังขารขันธ์
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘

More Related Content

Viewers also liked

พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕Rose Banioki
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗Rose Banioki
 
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual world
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual worldRhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual world
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual worldHelen Farley
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘Rose Banioki
 
diseñamos el juego laberinto
diseñamos el juego laberintodiseñamos el juego laberinto
diseñamos el juego laberintoblanca9324
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐Rose Banioki
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑Rose Banioki
 
Video portfolio
Video portfolioVideo portfolio
Video portfolioahoylauren
 

Viewers also liked (16)

Vuelta
VueltaVuelta
Vuelta
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๒
 
5 Tax Breaks For Entrepreneurs
5 Tax Breaks For Entrepreneurs5 Tax Breaks For Entrepreneurs
5 Tax Breaks For Entrepreneurs
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๕
 
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่๑๗
 
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual world
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual worldRhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual world
Rhetoric and reality: critical perspectives on education in a 3D virtual world
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๒๘
 
diseñamos el juego laberinto
diseñamos el juego laberintodiseñamos el juego laberinto
diseñamos el juego laberinto
 
JC Economics
JC EconomicsJC Economics
JC Economics
 
Prova aberta
Prova abertaProva aberta
Prova aberta
 
introtoFBPages
introtoFBPagesintrotoFBPages
introtoFBPages
 
Letterof complaint
Letterof complaintLetterof complaint
Letterof complaint
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๒
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๐
 
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑
พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๔๑
 
Video portfolio
Video portfolioVideo portfolio
Video portfolio
 

More from Rose Banioki

Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุนSpm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุนRose Banioki
 
2013ar-Berkshire Hathaway
2013ar-Berkshire Hathaway2013ar-Berkshire Hathaway
2013ar-Berkshire HathawayRose Banioki
 
Techinque mutual-fund
Techinque mutual-fundTechinque mutual-fund
Techinque mutual-fundRose Banioki
 
หนังสือความทรงอภิญญา
หนังสือความทรงอภิญญาหนังสือความทรงอภิญญา
หนังสือความทรงอภิญญาRose Banioki
 
Nutritive values of foods
Nutritive values of foodsNutritive values of foods
Nutritive values of foodsRose Banioki
 
Ipad user guide ios7
Ipad user guide ios7Ipad user guide ios7
Ipad user guide ios7Rose Banioki
 
Iphone user guide th
Iphone user guide thIphone user guide th
Iphone user guide thRose Banioki
 
The differencebetweenbeachesinindia&greece
The differencebetweenbeachesinindia&greeceThe differencebetweenbeachesinindia&greece
The differencebetweenbeachesinindia&greeceRose Banioki
 
Toilets pierre daspe
Toilets pierre daspeToilets pierre daspe
Toilets pierre daspeRose Banioki
 
Pps hollywood dorado_bea
Pps hollywood dorado_beaPps hollywood dorado_bea
Pps hollywood dorado_beaRose Banioki
 
Photos carlosalbertobau
Photos carlosalbertobauPhotos carlosalbertobau
Photos carlosalbertobauRose Banioki
 

More from Rose Banioki (20)

Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุนSpm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
Spm ระบบความคิดพิชิตการลงทุน
 
2013ar-Berkshire Hathaway
2013ar-Berkshire Hathaway2013ar-Berkshire Hathaway
2013ar-Berkshire Hathaway
 
Instant tax
Instant taxInstant tax
Instant tax
 
Techinque mutual-fund
Techinque mutual-fundTechinque mutual-fund
Techinque mutual-fund
 
หนังสือความทรงอภิญญา
หนังสือความทรงอภิญญาหนังสือความทรงอภิญญา
หนังสือความทรงอภิญญา
 
Nutritive values of foods
Nutritive values of foodsNutritive values of foods
Nutritive values of foods
 
Thaifood table
Thaifood tableThaifood table
Thaifood table
 
Ipad user guide ios7
Ipad user guide ios7Ipad user guide ios7
Ipad user guide ios7
 
Iphone user guide th
Iphone user guide thIphone user guide th
Iphone user guide th
 
P4
P4P4
P4
 
P3
P3P3
P3
 
P1
P1P1
P1
 
To myfriends
To myfriendsTo myfriends
To myfriends
 
The differencebetweenbeachesinindia&greece
The differencebetweenbeachesinindia&greeceThe differencebetweenbeachesinindia&greece
The differencebetweenbeachesinindia&greece
 
Toilets pierre daspe
Toilets pierre daspeToilets pierre daspe
Toilets pierre daspe
 
Tibet
TibetTibet
Tibet
 
Pps hollywood dorado_bea
Pps hollywood dorado_beaPps hollywood dorado_bea
Pps hollywood dorado_bea
 
Photosdutempspass
PhotosdutempspassPhotosdutempspass
Photosdutempspass
 
Photo mix7
Photo mix7Photo mix7
Photo mix7
 
Photos carlosalbertobau
Photos carlosalbertobauPhotos carlosalbertobau
Photos carlosalbertobau
 

พระไตรปิฏกฉบับหลวงเล่มที่๓๘

  • 1. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๘ ตอนที่ ๑ พระอภิธรรมปิฎก เล่ม ๕ ยมกปกรณ์ ภาค ๑ ขอนอบน้อมแ ด่พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น มูลยมก อุทเทสวาร [๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศลมูลหรือ? หรือว่าธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็น กุศล. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น กุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น กุศล?
  • 2. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น มูลที่เรียกว่ากุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ากุศลมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น กุศลมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่าธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี กุศลเป็นมูลหรือ?
  • 3. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น กุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี กุศลมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น กุศลมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล?
  • 4. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้ง หมด เป็นกุศล? [๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูลหรือ?
  • 5. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมี อกุศลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
  • 6. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี อกุศลมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? [๓] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากตมูล
  • 7. หรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากต- *มูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากตมูล ธรรม เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูล เป็นมูลหรือ?
  • 8. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอัพยากฤตเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากฤตเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด
  • 9. เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต . [๔] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนามเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นนาม เป็นมูลหรือ?
  • 10. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น กุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น มูลที่เรียกว่านามมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่านามมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น
  • 11. ทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี นามเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ? ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกัน โดยเป็นนาม มูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี นามมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูลหรือ?
  • 12. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ? หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม . [๕] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีกุศลเป็นเหตุหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นนิทานหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นแดนเกิดพร้อมหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นแดนเกิดทั่วหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นสมุฏฐานหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นอาหารหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นอารมณ์หรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นปัจจัยหรือ ฯลฯ มีกุศลเป็นสมุทัยหรือ ฯลฯ "มูล เหตุ นิทาน สมภพ ปภพ สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย และสมุทัย". อุทเทสวาร จบ. นิทเทสวาร กุศลธรรมนิทเทส
  • 13. [๖] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศลมูลหรือ? กุศลมูลมี ๓ เท่านั้น กุศลธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่กุศลมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดย เป็นกุศลมูลหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่กุศล กุศลเป็น ธรรมที่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูล อย่างเดียวกันด้วย เป็นมูลที่ อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือนอก นั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่เป็นมูลที่อาศัยกันและกัน.
  • 14. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศล มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. [๗] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่า กุศลมูลหรือ? มูลที่เรียกว่ากุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นกุศลที่เหลือนอก นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า กุศลมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ากุศลมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น มูลที่เรียกว่ามูลเดียวกัน โดยเป็นกุศลมูลหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็น กุศลมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดย เป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่กุศล กุศลเป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศล ด้วย.
  • 15. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด เป็นมูลที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดย เป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศล มูลหรือ? มูลเหล่าใดเป็นกุศลมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูลที่ เรียกว่ามูลเดียวกันด้วย เป็น มูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกัน กับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น เป็นมูล ที่เรียกว่ามูลเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่มูลที่เรียกว่าเป็น มูลที่อาศัยกันและกันเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าเป็นมูลที่อาศัยกันและ กันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. [๘] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีกุศลเป็นมูลหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีกุศลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ กุศล กุศลเป็นธรรมมีกุศล เป็นมูลด้วย เป็นกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็น ธรรมมีมูลอย่างเดียวกัน
  • 16. โดยเป็นกุศลมูลหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ธรรมเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย เป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่กุศล กุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลด้วย เป็นกุศล ด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นธรรมที่มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูลหรือ ? มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นธรรมมี มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูล ที่อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือ นอกนั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว กันโดยเป็นกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลที่อาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้ง หมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. [๙] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีกุศลมูลเป็นมูล? ถูกแล้ว.
  • 17. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ กุศล กุศลเป็นธรรมมี กุศลมูลเป็นมูลด้วย เป็นกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น กุศลมูล เป็นมูลหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นกุศล? รูปที่มีกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย เป็นกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ กุศล กุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็นมูล ด้วย เป็นกุศลด้วย ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นธรรมมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล หรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นธรรมมี มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล ด้วย เป็นธรรมมีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิด ร่วมกันกับกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น
  • 18. เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ ธรรมที่มีมูลอาศัยกันและกัน เป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นกุศล? ถูกแล้ว. อกุศลธรรมนิทเทส [๑๐] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศลหรือ? อกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอกุศลที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่ อกุศลมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว กันโดยเป็นอกุศลหรือ? อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย เป้นอกุศลมูล อกุศลที่เป็น สเหตุกะ เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
  • 19. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดย เป็นอกุศลมูล ไม่ใช่อกุศล อกุศลเป็นธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลด้วย เป็น อกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูล อย่างเดียวกันด้วยเป็นมูล อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือ นอกนั้น เป็นธรรมมีมูลอย่างเดียว กันโดยเป็นอกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ถูกแล้ว. [๑๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นมูลที่เรียกว่า อกุศลมูลหรือ? มูลที่เรียกว่าอกุศลมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอกุศลที่เหลือ นอกนั้น ไม่ใช่เป็นมูลที่ เรียกว่าอกุศลมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอกุศลมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
  • 20. ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดย เป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ? อกุศลเป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล อกุศลที่เป็น สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล มูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่อกุศล อกุศลมีธรรมเป็นมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล ด้วย เป็นอกุศลด้วย, ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอันอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลหรือ ? มูลเหล่าใดเป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นเป็นมูลที่ เรียกว่ามูลอย่างเดียวกันด้วย เป็นมูลที่เรียกว่ามูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ อกุศลมูลที่เหลือนอกนั้น เป็น ธรรมมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่ธรรม ที่มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูล .
  • 21. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? ถูกแล้ว. [๑๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอกุศลเป็น มูลหรือ? อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอกุศลเป็นมูล อกุศลที่เป็นสเหตุ กะ มีอกุศลเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีอกุศลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล อกุศล มีอกุศลเป็นมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดย เป็นอกุศลมูลหรือ? อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล อกุศลที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล?
  • 22. รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล มูล แต่ไม่ใช่อกุศล อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลด้วย เป็นอกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูล อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศลมูลที่เหลือ นอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอกุศล? ถูกแล้ว. [๑๓] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอกุศลมูล เป็นมูลหรือ? อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอกุศลมูลเป็นมูล อกุศลที่เป็นส เหตุกะ มีอกุศลมูลเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอกุศลมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีอกุศลมูลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล อกุศลมีอกุศลมูลเป็นมูล
  • 23. ด้วย เป็นอกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อกุศลมูลเป็นมูลหรือ? อกุศลที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล มูลเป็นมูล อกุศลที่เป็น สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? รูปที่มีอกุศลเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศล มูลเป็นมูล ไม่ใช่อกุศล อกุศลมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูลด้วย เป็น อกุศลด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอกุศลมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกัน เป็นมูลด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอกุศล มูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียว กันโดยเป็นอกุศลมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกันเป็น มูล.
  • 24. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอกุศลมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอกุศล? ถูกแล้ว. อัพยากตธรรมนิทเทส [๑๔] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากต- *มูลหรือ? อัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น ธรรมที่เป็นอัพยากฤตที่เหลือนอก นั้น ไม่ใช่อัพยากตมูล? หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูล อัพยากฤตที่เป็น สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว.
  • 25. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันด้วย มี มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่ เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว. [๑๕] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? มูลที่เป็นอัพยากตมูลมี ๓ เท่านั้น อัพยากตธรรมที่เหลือนอก นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า อัพยากตมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่าอัพยากตมูล ธรรม เหล่านั้นทั้งหมด เป็น อัพยากฤต? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน
  • 26. โดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็น อัพยากตมูลเป็นมูล อัพยากฤตที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ ? มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล ด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ อัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล ไม่ใช่มีมูลอาศัยกัน และกันเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรม เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ถูกแล้ว. [๑๖] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอัพยากฤต
  • 27. เป็นมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอัพยากฤตเป็นมูล อัพยาก ฤตที่เป็นสเหตุกะ มีอัพยากฤต เป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากฤตเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูล อัพยากฤตที่เป็น สเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับอัพยากตมูลที่ เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน
  • 28. โดยเป็นอัพยากตมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว. [๑๗] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีอัพยากตมูล เป็นมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีอัพยากตมูลเป็นมูล อัพยาก ฤตที่เป็นสเหตุกะ มี อัพยากตมูลเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีอัพยากตมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูลหรือ? อัพยากฤตที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น อัพยากตมูลเป็นมูล อัพยากฤต ที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นอัพยากฤต ? ถูกแล้ว.
  • 29. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรม เหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยากตมูล เป็น มูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นอัพยากตมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันเป็นมูล ด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ อัพยากตมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นอัพยากตมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัย กันและกันเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นอัพยาก ตมูลเป็นมูล ธรรม - *เหล่านั้นทั้งหมด เป็นอัพยากฤต? ถูกแล้ว. นามธรรมนิทเทส [๑๘] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนามเป็นมูล หรือ? นามมูลมี ๙ เท่านั้น นามที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่นามมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น
  • 30. นามเป็นมูลหรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น มูล นามที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นนาม เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูลด้วย เป็นนามด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็นมูลหรือ? มูลเหล่าใดเป็นนามเป็นมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามี มูลอย่างเดียวกันด้วย มีมูลอาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับธรรมที่เป็น นามเป็นมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล แต่ไม่ใช่มูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. [๑๙] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีนามมูลเป็นมูล
  • 31. หรือ? มูลที่เรียกว่านามมูลมี ๙ เท่านั้น ธรรมที่เป็นนามที่เหลือนอก นั้น ไม่ใช่มูลที่เรียกว่า นามมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดเป็นมูลที่เรียกว่านามมูล ธรรมเหล่า นั้นทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดย เป็นนามเป็นมูลหรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นามมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลด้วย เป็นนาม ด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใด มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นนามมูลหรือ ?
  • 32. มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล อย่างเดียวกันเป็นมูลด้วย มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูล ที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่างเดียวกัน โดยเป็นนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกันเป็นมูล หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. [๒๐] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีนามเป็นมูลหรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีนามเป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ มี นามเป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีนามเป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นามมี นามเป็นมูลด้วย เป็น นามด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็น นามเป็นมูลหรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็น มูล นามที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล .
  • 33. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล แต่ ไม่ใช่นาม นามมีมูล อย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลด้วย เป็นนามด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลหรือ ? มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูลเกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล อย่างเดียวกันด้วย มีมูล อาศัยกันและกันด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับนามมูลที่เหลือนอก นั้น มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็น- *นามเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. [๒๑] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีนามมูลเป็นมูล หรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีนามมูลเป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ มีนามมูลเป็นมูล .
  • 34. หรือว่า ธรรมเหล่าใดที่มีนามมูลเป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐาน มีนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม มีนามมูลเป็นมูลด้วย เป็นนามด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดที่เป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี มูลอย่างเดียวกันโดย เป็นนามมูลเป็นมูลหรือ? นามที่เป็นอเหตุกะ ไม่ใช่มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล นามที่เป็นสเหตุกะ มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล . หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็น มูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? รูปที่มีนามเป็นสมุฏฐานมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล แต่ไม่ใช่นาม นาม มีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลด้วย เป็นนามด้วย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดมีมูลอย่างเดียวกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูลหรือ? มูลเหล่าใดที่เป็นนามมูล เกิดร่วมกัน มูลเหล่านั้นชื่อว่ามีมูล อย่างเดียวกันเป็นมูลด้วย มีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นมูลด้วย ธรรมที่เกิดร่วมกันกับ นามมูลที่เหลือนอกนั้น มีมูลอย่าง
  • 35. เดียวกันโดยเป็นนามมูลเป็นมูล แต่ไม่ใช่มีมูลอาศัยกันและกัน เป็นมูล. หรือว่า ธรรมเหล่าใดมีมูลอาศัยกันและกันโดยเป็นนามมูล เป็นมูล ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมด เป็นนาม ? ถูกแล้ว. [๒๒] ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นกุศล ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มีกุศลเป็นเหตุ มีกุศลเป็นนิทาน มีกุศลเป็นแดนเกิดพร้อม มีกุศลเป็นแดนเกิดทั่ว มีกุศลเป็นสมุฏฐาน มีกุศลเป็นอาหาร มีกุศลเป็นอารมณ์ มีกุศลเป็นปัจจัย มีกุศลเป็นสมุทัย. ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอกุศล . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นอัพยากฤต . ธรรมเหล่าหนึ่งเหล่าใดเป็นนาม ธรรมเหล่านั้นทั้งหมด มี นามเป็นเหตุ ฯลฯ มีนามเป็นนิทาน มีนามเป็นแดนเกิดพร้อม มีนามเป็นแดนเกิดทั่ว มีนามเป็นสมุฏฐาน
  • 36. มีนามเป็นอาหาร มีนามเป็นอารมณ์ มีนามเป็นปัจจัย มีนามเป็นสมุทัย. มูล เหตุ นิทาน สมภพ ปภพ สมุฏฐาน อาหาร อารมณ์ ปัจจัย และสมุทัย. มูลยมก จบ. ------------- ขันธยมก ปัณณัตติวาร [๒๓] ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์. อุทเทสวาร [๒๔] รูปคือรูปขันธ์หรือ รูปขันธ์คือรูปหรือ. เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ เวทนาขันธ์คือเวทนาหรือ. สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ สัญญาขันธ์คือสัญญาหรือ. สังขารคือสังขารขันธ์หรือ สังขารขันธ์คือสังขารหรือ. วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ วิญญาณขันธ์คือ วิญญาณหรือ. [๒๕] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่รูปขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่เวทนาขันธ์ไม่ใช่ เวทนาหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่สัญญาขันธ์ไม่ใช่ สัญญาหรือ.
  • 37. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่สังขารขันธ์ไม่ใช่ สังขารหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่วิญญาณขันธ์ ไม่ใช่วิญญาณหรือ. [๒๖] รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ. รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ. รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ. รูปคือรูปขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ. เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ. เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ. เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ. เวทนาคือเวทนาขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ. สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ. สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ. สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ. สัญญาคือสัญญาขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ. สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ. สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ. สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ. สังขารคือสังขารขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณขันธ์หรือ. วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปขันธ์หรือ. วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาขันธ์หรือ. วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาขันธ์หรือ. วิญญาณคือวิญญาณขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารขันธ์หรือ.
  • 38. [๒๗] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาขันธ์ หรือ. ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาขันธ์ หรือ. ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารขันธ์ หรือ. ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณขันธ์ หรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์ หรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญา ขันธ์หรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขาร ขันธ์หรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ ขันธ์หรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์ หรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนา ขันธ์หรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขาร ขันธ์หรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ ขันธ์หรือ.
  • 39. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปขันธ์ หรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนา ขันธ์หรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญา ขันธ์หรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ ขันธ์หรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูป ขันธ์หรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่ เวทนาขันธ์หรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่ สัญญาขันธ์หรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่วิญญาณขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่ สังขารขันธ์หรือ. [๒๘] รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ. เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ. สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ. สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ. วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ. [๒๙] ไม่ใช่รูปไม่ใช่รูปขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ.
  • 40. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ หรือ. [๓๐] รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ. รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ. รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ. รูปเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ. เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ. เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ. เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ. เวทนาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ. สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ. สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ. สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ. สัญญาเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ. สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ. สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ. สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ. สังขารเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือวิญญาณหรือ. วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือรูปหรือ. วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือเวทนาหรือ. วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสัญญาหรือ. วิญญาณเป็นขันธ์หรือ ขันธ์คือสังขารหรือ. [๓๑] ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ.
  • 41. ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ. ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ. ไม่ใช่รูปไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ. ไม่ใช่เวทนาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ. ไม่ใช่สัญญาไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณ หรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ. ไม่ใช่สังขารไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่วิญญาณหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่รูปหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่เวทนาหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สัญญาหรือ. ไม่ใช่วิญญาณไม่ใช่ขันธ์หรือ ไม่ใช่ขันธ์ไม่ใช่สังขารหรือ. นิทเทสวาร ปทโสธนวาร [๓๒] รูป คือรูปขันธ์หรือ?
  • 42. ปิยรูป สาตรูป เรียกว่า รูป แต่ไม่ใช่รูปขันธ์ รูปขันธ์เป็นรูป ด้วย เป็นรูปขันธ์ด้วย. รูปขันธ์ คือรูปหรือ? ถูกแล้ว. [๓๓] เวทนา คือเวทนาขันธ์? ถูกแล้ว. เวทนาขันธ์คือเวทนาหรือ? ถูกแล้ว. [๓๔] สัญญา คือสัญญาขันธ์หรือ? ทิฏฐิสัญญาเป็นสัญญา แต่ไม่ใช่สัญญาขันธ์ สัญญาขันธ์เป็น สัญญาด้วย เป็น สัญญาขันธ์ด้วย. สัญญาขันธ์ คือสัญญาหรือ? ถูกแล้ว. [๓๕] สังขาร คือสังขารขันธ์หรือ? ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น เป็นสังขาร แต่ไม่ใช่สังขารขันธ์ สังขารขันธ์ เป็นสังขารด้วย เป็นสังขารขันธ์ด้วย. สังขารขันธ์ คือสังขารหรือ? ถูกแล้ว. [๓๖] วิญญาณ คือวิญญาณขันธ์หรือ? ถูกแล้ว. วิญญาณขันธ์ คือวิญญาณหรือ? ถูกแล้ว.
  • 43. [๓๗] ไม่ใช่รูป ไม่ใช่รูปขันธ์หรือ? ถูกแล้ว. ไม่ใช่รูปขันธ์ ไม่ใช่รูปหรือ? ปิยรูป สาตรูป ไม่ใช่รูปขันธ์ แต่เรียกว่า รูป ยกเว้นรูปและรูป ขันธ์เสียแล้ว สภาว- *ธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่รูป และไม่ใช่รูปขันธ์. [๓๘] ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่เวทนาขันธ์หรือ? ถูกแล้ว. ไม่ใช่เวทนาขันธ์ ไม่ใช่เวทนาหรือ? ถูกแล้ว. [๓๙] ไม่ใช่สัญญา ไม่ใช่สัญญาขันธ์หรือ? ถูกแล้ว. ไม่ใช่สัญญาขันธ์ ไม่ใช่สัญญาหรือ? ทิฏฐิสัญญา ไม่ใช่สัญญาขันธ์ เป็นแต่สัญญา ยกเว้นสัญญา และสัญญาขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่สัญญา และไม่ใช่สัญญาขันธ์. [๔๐] ไม่ใช่สังขาร ไม่ใช่สังขารขันธ์หรือ? ถูกแล้ว. ไม่ใช่สังขารขันธ์ ไม่ใช่สังขารหรือ? ยกเว้นสังขารขันธ์เสียแล้ว สังขารที่เหลือนอกนั้น ไม่ใช่ สังขารขันธ์ เป็นแต่สังขาร ยกเว้นสังขารและสังขารขันธ์เสียแล้ว สภาวธรรมที่เหลือนอก นั้น ไม่ใช่สังขาร และไม่ใช่ สังขารขันธ์