รายงาน
- 1. รายงานเรื่อง เครื่องใช้ไฟฟ้า จัดทำโดย ด.ช. จตุพงษ์ จิตมะโน เลขที่ 2 ม. 3/4 ด.ช. ชินวัฒน์ ใจบุญ เลขที่ 4 ม. 3/4 ด.ช. พีระพล พัดขำ เลขที่ 13 ม. 3/4 ด.ช. อานันต์ กันคำ เลขที่ 21 ม. 3/4 ด.ช. ฉัตรมงคล สังข์อนันต์ เลขที่ 22 ม. 3/4
- 2. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดตัวนำที่มีความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนำนั้นจะร้อนจนสามารถนำความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ามากเมื่อเปรียบกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ มื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน ฉะนั้นขณะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า กาต้มน้ำ เครื่องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้า ฯลฯ
- 3. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เตาไฟฟ้า วิธีใช้เตาไฟฟ้าให้ประหยัดพลังงานและปลอดภัย 1.ทำกับข้าวต้องมีแผนการประกอบอาหารแต่ละครั้ง ควรเตรียมเครื่องปรุงต่าง ๆ ให้พร้อมเสียก่อน แล้วจึงเปิดสวิตช์เตาไฟฟ้า ตั้งกระทะประกอบอาหารแต่ละอย่างติดต่อกันไปรวดเดียวจนเสร็จ2.ใช้ภาชนะก้นแบนภาชนะที่ใช้ควรเป็นชนิดก้นแบนพอดีกับเตา ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป และใช้ภาชนะที่มีเนื้อโลหะรับความร้อนได้ดี ซึ่งถูกออกแบบให้ใช้กับเตาไฟฟ้า3.อาหารแช่แข็ง ทำให้หายแข็งก่อนโดยการนำอาหารลงมาแช่ที่ชั้นล่างก่อนการ ประกอบอาหารเป็นเวลานานพอสมควร4.ในการประกอบอาหารใส่น้ำแต่พอควร5.ควรใช้เตาชนิดมองไม่เห็นขดลวด เพราะจะไม่มีความร้อนสูญเปล่าและปลอดภัยกว่า6.อย่าเปิดเตาบ่อย ๆ และขณะใช้งานควรวางบนพื้นที่ทนไฟหรือไม่ติดไฟ7.ก่อนประกอบอาหารเสร็จควรปิดสวิตช์เตาไฟฟ้าเพราะความร้อนที่สะสมอยู่มีเพียงพอ8.ควรระวังไม่ให้ความร้อนจากเตาไฟฟ้าสัมผัสสายไฟฟ้า เพราะจะทำให้เปลือกสาย (ฉนวน) เสียหายได้และไม่ควรตั้งวางใกล้วัสดุติดไฟ เช่น 9.เตาไฟฟ้าที่ใช้ปรุงอาหารจะให้ความร้อน ความร้อนที่เกิดจากเตาไฟฟ้าจะทำให้ฉนวนเสื่อมได้ง่าย จึงจำเป็นต้องมีสายดินทุกเครื่องและคอยตรวจสอบไฟรั่วด้วยไขควงลองไฟอยู่เสมอ10. ดูข้อความปฏิบัติในการใช้ไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
- 4. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เตารีดไฟฟ้า วิธีใช้เตารีดไฟฟ้าให้ประหยัดพลังงาน 1.ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ และควรเริ่มรีดผ้าบางๆ ก่อนในขณะที่เตารีดยังไม่ร้อน และก่อนรีดเสร็จประมาณ 2-3 นาทีให้ถอดปลั๊กออก2.เมื่อไม่ได้ใช้งานควรถอดปลั๊กออก และก่อนจะเก็บควรทิ้งให้เตารีดเย็นก่อน คำแนะนำด้านความปลอดภัยของเตารีด1.ควรระวังไม่ให้ความร้อนจากเตารีดสัมผัสสายไฟฟ้าเพราะจะทำให้เปลือกสาย(ฉนวน) เสียหายได้2.สายปลั๊กของเตารีด เปลือกสาย (ฉนวน) ต้องไม่เสื่อมสภาพหรือฉีกขาด3.ต้องคอยหมั่นตรวจสอบฉนวนยางที่หุ้มสายเข้าเตารีด หากพบว่าเปื่อยหรือฉีกขาดควรรีบเปลี่ยนใหม่โดยช่างผู้มีความรู้ เพราะหากไม่รีบเปลี่ยนสายไฟบริเวณนั้นอาจชำรุดและถูกไฟดูดได้4.ขณะใช้งาน เมื่อหยุดรีดต้องวางบนวัสดุที่ไม่ติดไฟง่าย5.เตารีดที่ใช้ควรมีสายดินและต่อลงดินผ่านทางเต้าเสียบ – เต้ารับที่มีสายดินด้วย และหมั่นตรวจสอบไฟรั่วด้วยไขควงลองไฟเสมอ6. ดูข้อควรปฏิบัติในการใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย
- 12. หลอดอินแคนเดสเซนต์ (incandescent) หลอดอินแคนเดสเซนต์ (incandescent)หลอดไส้หรือหลอดอินแคนเดสเซนต์ มีทั้งชนิดแก้วใส และแก้วฝ้า ไส้หลอดทำจากทังสเตน(Tungsten) เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไส้หลอดจะเกิดความร้อน และให้แสงสว่างหลอดอินแคนเดสเซนต์ให้แสงสีเหลืองส้ม อายุการใช้งานสั้นมาก และเปลืองไฟมาก เนื่องจากสูญเสียพลังงานไปกับความร้อนที่เกิดขึ้น ปัจจุบันแทบจะไม่มีใครใช้แล้วแต่ผู้จัดสรรโครงการที่อยู่อาศัย บางราย ยังคงใช้ให้ลูกค้าอยู่
- 13. หลอดฟลูออเรสเซนต์(Fluorescent T8) หลอดนีออนหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์มีลักษณะหลอดยาวเป็นรูปทรงกระบอก ให้แสงสว่างนวลตา ให้สีของแสงหลายแบบ เช่นสี warm white ให้แสงสีขาวอมเหลืองนวล ทำให้รู้สึกอบอุ่น สี cool white ให้แสงสีขาวอมฟ้า ให้ความรู้สึกเย็นสบายตา แต่จะทำให้สีของวัตถุเพี้ยนไป และสี day light ให้แสงใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ ทำให้มองเห็นสีของ วัตถุใกล้เคียงกับสีจริงหลอดฟลูออเรสเซนต์ต้อง ใช้งานร่วมกับบัลลาสต์(Ballast) และสตาร์ทเตอร์(Starter)หลอดฟลูออเรสเซนต์โดยแฉลี่ยแล้วมีอายุการใช้งาน นานกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์ ประมาณ 8 เท่า และใช้พลังงานเพียง 20% ของหลอดอินแคนเดสเซนต์ปัจจุบันมีหลอดฟลูออเรสเซนต์T5 ซึ่งประหยัดไฟฟ้าและให้แสงมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์T8 เดิม
- 14. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์(Compact Fluorescent) หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หลอดตะเกียบ หรือหลอดผอมเป็นหลอดที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้แทนหลอดอินแคนเดสเซนต์มีให้เลือกทั้งแบบ warm white, cool white และ day light เช่นเดียวกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์ 10 เท่า และใช้พลังงานเพียง 25% ของหลอดอินแคนเดสเซนต์หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์มีลักษณะการวางหลอด 2 แบบ คือการวางหลอดในแนวตั้ง และการวางหลอดในแนวนอน การวางหลอดในแนวตั้งปริมาณแสงจากหลอด จะลดลง 5-10 เปอร์เซนต์ เพราะอากาศร้อนจะถูกพัดขึ้นไปด้านบน แต่ถ้าวางหลอดในแนวนอนปริมาณแสงจะลดลงถึง 40 เปอร์เซนต์ ข้อเสียที่ควรระวังของหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์คือ เมื่อหลอดไฟแตก สารปรอทที่มีอยู่ในหลอดส่วนหนึ่งจะระเหยกลายเป็นไอ และส่วนที่เป็นผงก็จะฟุ้งกระจาย ซึ่งเราอาจจะสูดดมเข้าไปได้สารปรอท เป็นสารพิษที่จะทำลายไตและพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์และเด็กในวัยเจริญเติบโต