Submit Search
Upload
Colon cancer3
•
0 likes
•
130 views
W
WitchapongPhutrakul1
Follow
Colon cancer treatment Thailand
Read less
Read more
Health & Medicine
Report
Share
Report
Share
1 of 127
Download now
Download to read offline
Recommended
Cpg obesity
Cpg obesity
Utai Sukviwatsirikul
Cpg obesity in children
Cpg obesity in children
Utai Sukviwatsirikul
รายงานผลการทบทวนการบริโภคเกลือและโซเดียม
รายงานผลการทบทวนการบริโภคเกลือและโซเดียม
Tuang Thidarat Apinya
คู่มือสำหรับเภสัชกรในการดำเนินงานเภสัชกรรมในหน่วยบริการปฐมภูมิ
คู่มือสำหรับเภสัชกรในการดำเนินงานเภสัชกรรมในหน่วยบริการปฐมภูมิ
Utai Sukviwatsirikul
องค์ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการสำหรับทุกช่วงวัย
องค์ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการสำหรับทุกช่วงวัย
Vorawut Wongumpornpinit
อยากสุขภาพดีต้องมี 3อ. สำหรับวัยสูงอายุ
อยากสุขภาพดีต้องมี 3อ. สำหรับวัยสูงอายุ
Vorawut Wongumpornpinit
Metabolic syndrome หนังสือคู่มืออ้วนลงพุง
Metabolic syndrome หนังสือคู่มืออ้วนลงพุง
Utai Sukviwatsirikul
การตรวจสุขภาพสตรีมีครรภ์
การตรวจสุขภาพสตรีมีครรภ์
Utai Sukviwatsirikul
Recommended
Cpg obesity
Cpg obesity
Utai Sukviwatsirikul
Cpg obesity in children
Cpg obesity in children
Utai Sukviwatsirikul
รายงานผลการทบทวนการบริโภคเกลือและโซเดียม
รายงานผลการทบทวนการบริโภคเกลือและโซเดียม
Tuang Thidarat Apinya
คู่มือสำหรับเภสัชกรในการดำเนินงานเภสัชกรรมในหน่วยบริการปฐมภูมิ
คู่มือสำหรับเภสัชกรในการดำเนินงานเภสัชกรรมในหน่วยบริการปฐมภูมิ
Utai Sukviwatsirikul
องค์ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการสำหรับทุกช่วงวัย
องค์ความรู้ด้านอาหารและโภชนาการสำหรับทุกช่วงวัย
Vorawut Wongumpornpinit
อยากสุขภาพดีต้องมี 3อ. สำหรับวัยสูงอายุ
อยากสุขภาพดีต้องมี 3อ. สำหรับวัยสูงอายุ
Vorawut Wongumpornpinit
Metabolic syndrome หนังสือคู่มืออ้วนลงพุง
Metabolic syndrome หนังสือคู่มืออ้วนลงพุง
Utai Sukviwatsirikul
การตรวจสุขภาพสตรีมีครรภ์
การตรวจสุขภาพสตรีมีครรภ์
Utai Sukviwatsirikul
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
Tuang Thidarat Apinya
The health behavior of obesity of student health
The health behavior of obesity of student health
Utai Sukviwatsirikul
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
Tuang Thidarat Apinya
Cpg เบาหวาน 2560
Cpg เบาหวาน 2560
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
Vorawut Wongumpornpinit
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
Tuang Thidarat Apinya
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
Utai Sukviwatsirikul
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
Utai Sukviwatsirikul
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
Utai Sukviwatsirikul
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
CAPD AngThong
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
Utai Sukviwatsirikul
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
Vorawut Wongumpornpinit
ความรู้การตรวจสุขภาพ
ความรู้การตรวจสุขภาพ
Utai Sukviwatsirikul
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
Utai Sukviwatsirikul
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
CAPD AngThong
Hepatocellular carcinoma
Hepatocellular carcinoma
Utai Sukviwatsirikul
Hep c guideline 2016
Hep c guideline 2016
Utai Sukviwatsirikul
More Related Content
What's hot
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
Tuang Thidarat Apinya
The health behavior of obesity of student health
The health behavior of obesity of student health
Utai Sukviwatsirikul
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
Tuang Thidarat Apinya
Cpg เบาหวาน 2560
Cpg เบาหวาน 2560
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
Vorawut Wongumpornpinit
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
Tuang Thidarat Apinya
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
Utai Sukviwatsirikul
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
Utai Sukviwatsirikul
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
Utai Sukviwatsirikul
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
CAPD AngThong
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
Utai Sukviwatsirikul
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
Vorawut Wongumpornpinit
ความรู้การตรวจสุขภาพ
ความรู้การตรวจสุขภาพ
Utai Sukviwatsirikul
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
Utai Sukviwatsirikul
What's hot
(19)
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
คู่มือการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ อสม ในการดำเนินงานเพื่อลดโรคไตเรื้อรัง
The health behavior of obesity of student health
The health behavior of obesity of student health
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
หลักสูตรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำหรับ พยาบาลผู้จัดการรายกรณี
Cpg เบาหวาน 2560
Cpg เบาหวาน 2560
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตด้วยการแพทย์ผสมผสาน
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
ขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูง
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
การดูแลรักษาโรคเบาหวานด้วยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2558
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
รายงานสถานการณ์ระบบสุขภาพปี 2557
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
คู่มือปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานลดโรคไตเรื้อรัง CKD
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ. 2557
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2557
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยการแพทย์ผสมผสาน
ความรู้การตรวจสุขภาพ
ความรู้การตรวจสุขภาพ
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
รายงานสุขภาพคนกรุงเทพ ปี 2558
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
แนวทางเวชปฎิบัติสำหรับโรคเบาหวาน จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.2555
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท...
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงของไทย ปี 2558
Similar to Colon cancer3
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
CAPD AngThong
Hepatocellular carcinoma
Hepatocellular carcinoma
Utai Sukviwatsirikul
Hep c guideline 2016
Hep c guideline 2016
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559
Utai Sukviwatsirikul
Thailand practice hep c guideline 2016
Thailand practice hep c guideline 2016
Utai Sukviwatsirikul
คู่มือการฝากครรภ์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข .pdf
คู่มือการฝากครรภ์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข .pdf
SakarinHabusaya1
แนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558
แนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558
Utai Sukviwatsirikul
CPG for hepatocellular carcinoma
CPG for hepatocellular carcinoma
Utai Sukviwatsirikul
Thailand guideline for hepatocellular carcinoma
Thailand guideline for hepatocellular carcinoma
Utai Sukviwatsirikul
Service plan 15 ธันวาคม 2558 _ นพ.สกานต์ บุนนาค
Service plan 15 ธันวาคม 2558 _ นพ.สกานต์ บุนนาค
Kamol Khositrangsikun
Benign Prostatic hyperplasia
Benign Prostatic hyperplasia
ijack114
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
Tuang Thidarat Apinya
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาโรคไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาโรคไต
Utai Sukviwatsirikul
httpswww.gastrothai.netsourcecontent-file178.Thailand20Guideline20for20Hepato...
httpswww.gastrothai.netsourcecontent-file178.Thailand20Guideline20for20Hepato...
PatthanitBunmongkonp
Guideline prostate cancer
Guideline prostate cancer
จรินทร เบญจานุวัตรา
คู่มือการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องสำหรับประชาชน 2557
คู่มือการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องสำหรับประชาชน 2557
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์
แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์
Utai Sukviwatsirikul
การตรวจโรคสตรีมีครรภ์
การตรวจโรคสตรีมีครรภ์
Utai Sukviwatsirikul
Cpg cervical cancer
Cpg cervical cancer
Utai Sukviwatsirikul
Similar to Colon cancer3
(20)
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
Ckd เขต 4 เมาายน 2559
Hepatocellular carcinoma
Hepatocellular carcinoma
Hep c guideline 2016
Hep c guideline 2016
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559
แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559
Thailand practice hep c guideline 2016
Thailand practice hep c guideline 2016
คู่มือการฝากครรภ์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข .pdf
คู่มือการฝากครรภ์ สำหรับบุคลากรสาธารณสุข .pdf
แนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558
แนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งตับในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2558
CPG for hepatocellular carcinoma
CPG for hepatocellular carcinoma
Thailand guideline for hepatocellular carcinoma
Thailand guideline for hepatocellular carcinoma
Service plan 15 ธันวาคม 2558 _ นพ.สกานต์ บุนนาค
Service plan 15 ธันวาคม 2558 _ นพ.สกานต์ บุนนาค
Benign Prostatic hyperplasia
Benign Prostatic hyperplasia
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาภาวะแทรกซ้อนทางไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาโรคไต
แนวทางการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาโรคไต
httpswww.gastrothai.netsourcecontent-file178.Thailand20Guideline20for20Hepato...
httpswww.gastrothai.netsourcecontent-file178.Thailand20Guideline20for20Hepato...
Guideline prostate cancer
Guideline prostate cancer
คู่มือการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องสำหรับประชาชน 2557
คู่มือการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องสำหรับประชาชน 2557
แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์
แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับหญิงมีครรภ์
การตรวจโรคสตรีมีครรภ์
การตรวจโรคสตรีมีครรภ์
Cpg cervical cancer
Cpg cervical cancer
Colon cancer3
1.
Pok PcGp.indd 1
7/5/2558 18:03:06
2.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 1 แนวทางการตรวจคัดกรอง
วินิจฉัยและรักษา โรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง บรรณาธิการ • วิษณุ ปานจันทร์ • เสาวคนธ์ ศุกรโยธิน • อาคม ชัยวีระวัฒนะ • วีรวุฒิ อิ่มส�ำราญ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
3.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษา โรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่
และไส้ตรง บรรณาธิการ วิษณุ ปานจันทร์ เสาวคนธ์ ศุกรโยธิน อาคม ชัยวีระวัฒนะ วีรวุฒิ อิ่มส�ำราญ พิมพ์ครั้งที่ 1 จ�ำนวนพิมพ์ 1,200 เล่ม จ�ำนวนหน้า 128 หน้า สถานที่ติดต่อ กลุ่มงานสนับสนุนวิชาการ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 268/1 ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ : 0-2202-6800 ต่อ 2237 โทรสาร : 0-2644-9097 สงวนลิขสิทธิ์ ISBN 978-616-11-2486-1 พิมพ์ที่ บริษัท โฆสิตการพิมพ์ จ�ำกัด 373 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทร. 0-2424-8715 โทรสาร. 0-2879-7082
4.
การจัดท�ำแนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง มี
จุดมุ่งหมายที่จะให้มีแนวทางเวชปฏิบัติในการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมส�ำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรงในประเทศไทย การจัดท�ำแนวทางฯ ฉบับนี้เป็นการทบทวนครั้งที่ 1 ซึ่งได้ทบทวนปรับปรุง ให้ทันสมัย เนื่องจากองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ และบริบทของประเทศไทยมีการพัฒนา ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติท�ำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานงานและวางแผน การด�ำเนินการจัดท�ำแนวทางฯ โดยได้เรียนเชิญประธานจากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย นายกมะเร็งวิทยาสมาคม แห่งประเทศไทย สมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย และสมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหาร แห่งประเทศไทย ร่วมเป็นคณะท�ำงาน รวมทั้งได้สรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อทบทวนแนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วย ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเป็นงานศิลปะ อย่างหนึ่ง ในการใช้แนวทางฯนี้อาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแลรักษาและสภาพของผู้ป่วยตลอดจนปัจจัย อื่นๆ ด้วยดังนั้นแนวทางเวชปฏิบัติฉบับนี้จึงไม่ควรใช้เป็นเอกสารอ้างอิงใดๆ ในทางกฎหมาย ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดท�ำหนังสือแนวทางฯ เล่มนี้ และคณะท�ำงานยินดีรับ ค�ำแนะน�ำ ค�ำวิจารณ์ต่างๆ ที่จะช่วยให้หนังสือได้รับการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข อันจะเป็นประโยชน์ใน การตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรงในประเทศไทยต่อไป คณะท�ำงาน กุมภาพันธ์ 2558
5.
สารบัญ หน้า • Flow chart
1 • ล�ำดับความเชื่อถือของหลักฐานและระดับค�ำแนะน�ำ 29 • มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และไส้ตรง (Colorectal cancer หรือ CRC) 30 1. การคัดกรองโรค (Screening) 37 2. แนวทางปฏิบัติในผู้ป่วยที่เกิดอาการเพื่อการวินิจฉัยโรค 40 และการประเมินระยะของโรค 3. การรักษาโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ (Colon cancer) 42 4. การรักษาโรคมะเร็งล�ำไส้ตรง (Rectal cancer) 44 5. การผ่าตัดโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และไส้ตรงที่มีภาวะแทรกซ้อน 47 6. การติดตาม และเฝ้าระวังผู้ป่วยหลังการรักษา 49 7. การรักษาโรคมะเร็งกลับเป็นซ�้ำ 50 • แนวทางปฏิบัติเมื่อตรวจพบว่าพบ CEA สูงขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด 51 Colorectal cancer ไปแล้ว • แนวทางการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยามะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และไส้ตรง 52 • ภาคผนวก 69 • รายนามคณะผู้จัดท�ำแนวทางการตรวจวินิจฉัยและรักษา 118 โรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง
6.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 1 Colorectal Cancer
Screening
7.
2 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง RISK ASSESSMENT กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งปกติ (Average risk) • Age ≥ 50 y • No history of adenoma • No history of inflammatory bowel disease • Negative family history กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งสู ง (High risk) • Personal history • Adenoma • Inflammatory bowel disease • A first degree relative with colorectal cancer or adenoma See Follow-up of Clinical Findings: Adenoma ( หน้ า 4 ) See Screening and Follow-up ( หน้ า 5 ) See Screening and Follow-up ( หน้ า 6 ) See Hereditary Syndromes ( หน้ า 7 ) • Polyposis syndromes • HNPCC HNPCC: Hereditary nonpolyposis colorectal cancer See Screening and Evaluation ( หน้ า 3 )
8.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 3 Double-contrast barium enema ทุ ก 5 ปี Average risk: • Age ≥ 50 y • No history of adenoma • No history of inflammatory bowel disease • Negative family History RISK ASSESSMENT SCREENING MODALITY AND SCHEDULE EVALUATION OF POSITIVE SCREENING FINDINGS Colonoscopy (preferred if available) or Flexible sigmoidoscopy ทุ ก 5 ปี FOBT ทุ ก ป ี (category1) และ flexible sigmoidoscopy ทุ ก 5 ปี or FOBT ทุ ก ปี หรื อ Digital Rectal Examination Negative/ No polyps Positive/Polyps Repeat Colonoscopy in 10 y Polypectomy See Follow-up of Clinical Findings: Adenoma (หน้ า 4) Repeat colonoscopy in 10 y Adenoma Hyperplastic Polyps Positive FOBT Positive Polypectomy Routine screening See Follow-up of Clinical Findings: Adenoma (หน้ า 4) See Follow-up of Clinical Findings: Adenoma (หน้ า 4) Hyperplastic Adenoma Colonoscopy หรื อ sigmoidoscopy SCREENING AND EVALUATION
9.
4 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง FOLLOW-UP OF CLINICAL FINDINGS: ADENOMA ผ ู ้ ป ่ ว ยที ่ ม ี Polyp ชนิ ด Adenoma after polypectomy Low-risk adenoma: • ≤ 2 polyps, < 1 cm, tubular Repeat colonoscopy within 3 y Repeat colonoscopy within 2-6 mo Repeat colonoscopy within 5 y Repeat colonoscopy within 5 y Normal Normal Repeat colonoscopy every 5-10 y Abnormal Advanced or multiple adenomas: • High-grade dysplasia (severe dysplasia or carcinoma in situ) • ≥ 1 cm • Villous (> 25% villous) • ≥ 3 polyp Incomplete or piecemeal polypectomy or polypectomy of large sessile polyps กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งสู ง (HIGH RISK)
10.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 5 8-10 y after onset of symptoms RISK ASSESSMENT INITIATION OF SCREENING SCREENING MODALITY AND SCHEDULE Inflammatory bowel disease • Ulcerative colitis • Crohn’s disease - พิ จ ารณาสุ ่ ม ตั ด ชิ ้ น เนื ้ อ 2-4 ชิ ้ น ทุ ก 10 ซ.ม. ตลอดความยาวของล� ำ ไส้ ใ หญ่ และตั ด เพิ ่ ม จากบริ เ วณที ่ น ่ า สงสั ย - เป็ น Pancolitis 10 ปี ท� ำ colonoscopy ทุ ก 3 ปี เป็ น Pancolitis 20 ปี ท� ำ colonoscopy ทุ ก 2 ปี เป็ น Pancolitis 30 ปี ท� ำ colonoscopy ทุ ก 1 ปี - ในรายที ่ เ ป็ น Primary sclerosing cholangitis, orthotropic liver transplantation ท� ำ Colonoscopy ทุ ก ปี กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งสู ง (HIGH RISK)
11.
6 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งสู ง (HIGH RISK) First-degree relative Colorectal cancer เมื ่ อ อายุ < 60 ปี Colonoscopy เมื ่ อ อายุ 40 ปี หรื อ เริ ่ ม ตั ้ ง แต่ อ ายุ ท ี ่ น ้ อ ยกว่ า คน ในครอบครั ว ที ่ เ ป็ น มะเร็ ง ล� ำ ไส้ เร็ ว ที ่ ส ุ ด 10 ปี ปกติ ต รวจซ� ้ ำ ทุ ก 3-5 ปี Colorectal cancer เมื ่ อ อายุ > 60 ปี Colonoscopy เมื ่ อ อายุ 40 ปี ปกติ ต รวจซ� ้ ำ ทุ ก 10 ปี RISK ASSESSMENT INITIATION OF SCREENING SCREENING MODALITY AND SCHEDULE
12.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 7 FAP HNPCC Colonoscopy ทุ ก 2 ปี เริ ่ ม ตั ้ ง แต่ อ ายุ 20-25 ปี หลั ง อายุ 40 ปี ท� ำ colonoscopy ทุ ก 1 ปี Positive genetic test หรื อ ไม่ ส ามารถตรวจ Genetic test ได้ Flexible sigmoidoscopy ทุ ก 1 ปี เริ ่ ม อายุ 10-12 ปี จนอายุ 40 ปี หลั ง จากนั ้ น ทุ ก 3-5 ปี ถ้ า พบ polyp พิ จ ารณา colectomy เป็ น บุ ต รของผู ้ ป ่ ว ย FAP Negative genetic test Flexible sigmoidoscopy ทุ ก 7-15 ปี จนอายุ 40 ปี หลั ง จากนั ้ น Colonoscopy ทุ ก 5 ปี HEREDITARY SYNDROMES กลุ ่ ม ความเสี ่ ย งสู ง (HIGH RISK)
13.
8 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง
14.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 9 Colon
Cancer
15.
10 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง Pedunculated polyp (adenoma [tubular, tubulovillous, or villous]) with invasive cancer Sessile polyp (adenoma [tubular, tubulovillous, or villous]) with invasive cancer • Pathology review • Colonoscopy • Marking of cancerous polyp site (at time of colonoscopy or within 2 wks) • Pathology review • Colonoscopy • Marking of cancerous polyp site (at time of colonoscopy or within 2 wks) Fragmented specimen or margin cannot be assessed or unfavorable histological features Colectomy with en bloc removal of regional lymph nodes Colectomy with en bloc removal of regional lymph nodes Observe or colectomy Single specimen, completely removed with favorable histological features and clear margins Fragmented specimen or margin cannot be assessed or unfavorable histological features See Pathologic Stage, Adjuvant Therapy, and Surveillance (หน้ า 12) See Pathologic Stage, Adjuvant Therapy, and Surveillance (หน้ า 12) Observe CLINICAL PRESENTATION FINDINGS SURGERY Colon Cancer Single specimen, completely remove with favorable histological features and clear margins
16.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 11 One-stage colectomy with en bloc removal of regional lymph nodes or Resection with diversion or Stent or Diversion • Pathology review • Colonoscopy • CBC, platelets, chemistry profile, CEA • Chest-x-ray pelvic CT • Liver ultrasonography หรื อ CT upper abdomen Colon cancer appropriate for resection (non metastatic) Suspected or proven metastatic adenocarcinoma from large bowel See Management of suspected or proven metastases (หน้ า 13) Resectable, nonobstructing Colectomy with en bloc removal of regional lymph nodes Colectomy with en bloc removal of regional lymph nodes See Pathologic Stage, Adjuvant Therapy, and Surveillance (หน้ า 12) See Chemotherapy for Advanced or Metastatic Disease Palliative Therapy Resectable, obstructing (unprepped) Locally unresectable or medically inoperable CLINICAL PRESENTATION FINDINGS SURGERY Colon Cancer
17.
12 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง PATHOLOGIC STAGE ADJUVANT THERAPY SURVEILLANCE Tis; T1, N0, M0; T2, N0, M0 T3, N0, M0 (no high risk features) See Recurrence and Workup (หน้ า 18) T3, N0, M0 at high risk for systemic recurrence* or T4, N0, M0; or T3 with localized perforation or close, indeterminate or positive margins Node positive disease, see หน้ า 13 *: Grade 3-4, lymphatic/vascular invasion, bowel obstruction, < 12 lymph node examined, perineural invasion **: Villous adenoma, polyp > 1 cm, or high-grade dysplasia. • History and physical every 3 mo for 2 y, then every 6 mo for a total of 5 y • CEA every 3-6 mo for 2 y, then every 6 mo for a total of 5 y • Chest/abdominal/pelvic CT may be considered annually x 5 y for patients at high risk for recurrence หรื อ Chest-x-ray และ ultrasound liver ทุ ก 1 ปี จนครบ 5 ปี • Colonoscopy in 1 y: > If advanced adenoma, repeat in 1 y > If no advanced adenoma**, repeat in 3 y, then every 5 y > If no preoperative colonoscopy due to obstructing lesion, colonoscopy in 3-6 mo. capecitabine or Clinical trial or Observation or 5-FU/leucovorin or tegafur+uracil/leucovorin None Colon Cancer
18.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 13 PATHOLOGIC STAGE ADJUVANT THERAPY SURVEILLANCE T1-3, N1-2, M0 or T4, N1-2, M0 See Recurrence and Workup (หน้ า 18) 5-FU/leucovorin/oxaliplatin or CapeOx (category1) or Capecitabine or 5-FU/leucovorin or tegafur+uracil/leucovorin (UFT/leucovorin) • History and physical every 3-6 mo for 2 y, then every 6 mo for a total of 5 y • CEA every 3-6 mo for 2 y, then every 6 mo for a total of 5 y for T2 or greater lesions • Chest/abdominal/pelvic CT annually x 3 y for patients at high risk for recurrence • Colonoscopy in 1 y: > If advanced adenoma, repeat in 1 y > If negative for polyps, repeat in 3 y, then every 5 y > If no preoperative colonoscopy due to obstructing lesion, colonoscopy in 3-6 mo. • Chest-x-ray และ ultrasound liver ทุ ก 1 ปี จนครบ 5 ปี Colon Cancer
19.
14 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง Any T, any N, M1 Synchronous Liver only and/or Lung only metastases Resectable organ metastases ดู แ นวทางการรั ก ษาหน้ า 15 Local ablation or Palliative chemotherapy or Palliative care ดู แ นวทางการรั ก ษาหน้ า 16 Palliative chemotherapy Palliative care Unresectable (potentially convertible or unconvertible) Synchronous Abdominal/peritoneal metastases Colon Cancer
20.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 15 Resectable synchronous liver and/or lung metastases only FOLFOX/CapeOx preferred Recurrence ( หน้ า 18) Consider observation or shortened course of chemotherapy Consider observation or shortened course of chemotherapy Colectomy, with synchronous or staged liver or lung resection or Neoadjuvant therapy (for2-3 months) FOLFOX, CapOx ± bevacizumab or FOLFIRI ± cetuximab (in KRAS WT gene only) followed by synchronous or staged colectomy and resection of metastatic disease or Colectomy, followed by chemotherapy (for 2-3 months) FOLFIRI, FOLFOX, CapOx ± bevacizumab or FOLFIRI ± cetuximab (in KRAS WT gene only) and staged resection of metastatic disease If patient stage IV, NED: • CEA every 3 mo x 2 y, then every 6 mo x 3-5 y • Chest/abdominal/pelvic CT scan every 3-6 mo x 2 y, then every 6-12 mo up to a total of 5 y • Colonoscopy in 1 y expect If no preoperative colonoscopy due to obstructing lesion, colonoscopy in 3-6 mo. > If advanced adenoma, repeat in 1 y > If no advanced adenoma*, repeat in 3 y, then every 5 y Colon Cancer TREATMENT ADJUVANT THERAPY (6 month perioperative treatment preferred) SURVEILLANCE *: Villous polyp, polyp > 1 cm, or high-grade dysplasia.
21.
16 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง Converted to resectable TREATMENT ADJUVANT THERAPY (6 mo preferred) SURVEILLANCE If patient stage IV, NED: • CEA every 3 mo x 2 y, then every 6 mo x 3-5 y • Chest/abdominal/pelvic CT scan every 3-6 mo x 2 y, then every 6-12 mo up to a total of 5 y • Colonoscopy in 1 y except If no preoperative colonoscopy due to obstructing lesion, colonoscopy in 3-6 mo. > If advanced adenoma, repeat in 1 y > If no advanced adenoma*, repeat in 3 y, then every 5 y • Systemic therapy (FOLFIRI or F OLFOX or CapeOX ± bevacizumab or FOLFIRI ± cetuximab (KRAS WT gene only) or FOLFOXIRI (category 2B) • Consider colon resection only If imminent risk of obstruction or significant bleeding Colon Cancer Unresectable synchronous liver and/ or lung metastases only Re-evaluate for conversion to resectable every 2 months Synchronized or staged resection of colon and metastatic cancer Active chemotherapy regimen for advanced disease (category 2B) or Consider observation or shortened course of chemotherapy, if patient received neoadjuvant therapy Remains Unsectable See Chemotherapy For Advanced or Metastatic Disease *: Villous polyp, polyp > 1 cm, or high-grade dysplasia.
22.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 17 Colon Cancer PRIMARY TREATMENT Synchronous abdominal/ peritoneal metastases Non-obstruction See Chemotherapy for Advanced or Metastatic Disease Colon resection or Diverting colostomy or Bypass of impending obstruction or Stenting Obstructed or imminent obstruction See Chemotherapy for Advanced or Metastatic Disease
23.
18 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง CEA elevation Negative findings • Consider PET-CT scan • Reevaluate chest/ abdominal/pelvic CT in 3 mo Negative findings Positive findings See treatment for Documented metachronous metastases หน้ า 20 See treatment for Documented metachronous metastases หน้ า 18 Positive findings Consider PET-CT scan Resectable See Primary treatment page 19 Unresectable Resectable Unresectable (potentially convertible or unconvertible) Documented metachronous metastases by CT, MRI and/or biopsy See chemotherapy for advanced or metastatic disease • Physical exam • Colonoscopy • Chest/abdominal/ pelvic CT • Bone scan Colon Cancer RECURRENCE WORKUP
24.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 19 No previous chemotherapy Resection Resection Resection Resection Observation (preferred for previous oxaliplatin-based therapy) or Active chemotherapy regimen No growth on neoadjuvant chemotherapy No growth on neoadjuvant chemotherapy Growth on neoadjuvant chemotherapy Growth on neoadjuvant chemotherapy Repeat neoadjuvant therapy or FOLFOX Repeat neoadjuvant therapy or FOLFOX or Observation Active chemotherapy regimen or Observation Active chemotherapy regimen or Observation Neoadjuvant chemotherapy (2-3 mo) Neoadjuvant chemotherapy (2-3 mo) or or FOLFOX/CapeOx preferred Previous chemotherapy Colon Cancer RESECTABLE METACHRONOUS METASTASES PRIMARY TREATMENT ADJUVANT TREATMENT
25.
20 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง • Previous adjuvant FOLFOX within past 12 months • Previous adjuvant FOLFOX >12 months • Previous 5-FU/LV or capecitabine Or tegafur+ uracil/leucovorin • No previous chemotherapy Active chemotherapy regimen FOLFIRI ± bevacizumab or Irinotecan ± bevacizumab or FOLFIRI ± (cetuximab) (KRAS WT gene only) or Irinotecan ± cetuximab (KRAS WT gene only) Converted to resectable Resection Active chemotherapy regimen or Observation Remains unresectable Active chemotherapy regimen Re-evaluate for conversion to Resectable every 2 mo if conversion to resectability is a reasonable goal Colon Cancer UNRESECTABLE METACHRONOUS METASTASES PRIMARY TREATMENT
26.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 21 Rectal
Cancer
27.
22 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง • Biopsy • Pathology review • Colonoscopy • Proctoscopy • Chest/abdominal/pelvic CT • CEA • Endorectal ultrasound or Endorectal or pelvic MRI • Enterostomal therapist as Indicated for preoperative Marking of site, teaching • Chest-x-ray Rectal cancer appropriate for resection T3, N0 or T any, N1-2 T4 and/or locally unresectable or medically inoperable T any, N any, M1 Resectable metastases T any, N any, M1 Unresectable Metastases or Medically inoperable T1-2, N0 CLINICAL PRESENTATION WORKUP CLINICAL STAGE See Primary Treatment (หน้ า 23) See Primary Treatment (หน้ า 24) See Primary Treatment (หน้ า 24) See Primary Treatment (หน้ า 25) See Primary Treatment (หน้ า 26) Rectal Cancer
28.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 23 cT1-2, N0 a The use of FOLFOX are extrapolations from the available data on colon cancer b High-risk features include positive margins, lymphovascular invasion, poorly differentiated tumors, or sm3 invasion pT1-2, N0, M0 pT1-2, N0, Mo pT3, N0, Mo pT1-3, N1-2 pT3, N0 M0 pT1-3, N1-2 Transabdominal resection Observe Surveillance (See หน้ า 27 ) Observe Observe 5-FU±leucovorin, then 5-FU±leucovorin/RT, then 5-FU±leucovorin 5-FU±leucovorin, then 5-FU±leucovorin/RT, then 5-FU±leucovorin 5-FU+leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ±Oxaliplatin, then 5-FU±leucovorin or Capecitabine/RT, then 5-FU±leucovorin or FOLFOX a or Capecitabine ±Oxaliplatin 5-FU±leucovorin or FOLFOX or Capecitabine, UFT/leucovorin ±Oxaliplatin, then 5-FU±leucovorin or Capecitabine/RT, then 5- FU±leucovorin or FOLFOX a or Capecitabine±Oxaliplatin pT1, NX; Margins negative or Transanal Excision (cT1,N0 only) CLINICAL STAGE PRIMARY TREATMENT ADJUVANT TREATMENT pT1, NX; High risk Features b or pT2,NX Trans- Abdominal resection Rectal Cancer
29.
24 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 5-FU ± leucovorin or FOLFOX a or Capecitabine or/leucovorin ±Oxaliplatin (if ypN1-2) 5-FU±leucovorin, then 5-FU±leucovorin /RT, then 5-FU±leucovorin cT3, N0 or cT any, N1-2 cT4 and/or locally unresectable pT1-2, N0, M0 Observe Surveillance (See หน้ า 27 ) pT3, N0, M0 pT1-3, N1-2, Preoperative neoadjuvant 5-FU±leucovorin or Capecitabine/RT Transabdominal resection 5-FU±leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ±Oxaliplatin, then 5- FU±leucovorin or Capecitabine /RT, then 5-FU±leucovorin or FOLFOX a or Capecitabine +Oxaliplatin 5-FU ±leucovorin or FOLFOX a or Capecitabine ±Oxaliplatin (if ypN1-2) Transabdominal resection Preoperative neoadjuvant 5-FU±leucovorin/RT Resection, If possible Any T or CLINICAL STAGE PRIMARY TREATMENT ADJUVANT TREATMENT a The use of FOLFOX are extrapolations from the available data on colon cancer Rectal Cancer
30.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 25 cT Any, N Any, M1 Resectable Synchronous metastases Preoperative chemotherapy (2-3 months) 5-FU/leucovorin or FOLFOX or FOLFIRI or CapeOX ± Bevacizumab or Cetuximab (KRAS wild type only) or Staged or synchronous resection of metastases and rectal lesion or Preoperative 5-FU±leucovorin/RT Stage or synchronous resection of metastases and rectal lesion Consider 5-FU±leucovorin or Capecitabine/RT pT1-2, N0, M1 pT3-4, Any N or Any T, N1-2 Staged or synchronous resection of metastases and rectal lesion 5-FU ± leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ± Oxaliplatin or FOLFIRI Consider 5-FU±leucovorin or Capecitabine /RT Stage or synchronous resection of metastases and rectal lesion 5-FU ± leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ± Oxaliplatin 5-FU±leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ± Oxaliplatin , then 5-FU±leucovorin/RT, then 5-FU±leucovorin or FOLFOX or Capecitabine ± Oxaliplatin a CLINICAL STAGE PRIMARY TREATMENT ADJUVANT TREATMENT (resected metastatic disease) (6 months perioperative treatment preferred) Surveillance (See หน้ า 27 ) Rectal Cancer
31.
26 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง CT Any, N Any, M1 Unresectable Synchronous metastases Or medically inoperable Symptomatic Asymptomatic See Chemotherapy for Advanced or Metastatic Disease 5-FU/RT or Capecitabine/RT (category 2B) or Resection of involved rectal segment or Laser recanalization or Diverting colostomy or Stenting or Combination chemotherapy Reassess response to determine resectability CLINICAL STAGE PRIMARY TREATMENT Rectal Cancer
32.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 27 • History and physical every 3-6 mo for 2 y, Then every 6 mo for a total of 5 y • CEA every 3-6 mo for 2 y, then every 6 mo For a total of 5 y for T2 or greater lesions • Chest/abdominal/pelvic CT annually x 3 y or Chest-x-ray + ultrasound every 1 y for a total of 5 y For patients at high risk for recurrence • Colonoscopy in 1 y: - If abnormal, repeat 1 y - If negative for polyps, repeat in 3 y, then Every 5 y - If no preoperative colonoscopy due to obstructing lesion, colonoscopy in 3-6 mo • PET scan is not routinely recommended Serial CEA elevation or documented recurrence See Workup and Treatment ( หน้ า 28 ) SURVEILLANCE Rectal Cancer
33.
28 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง Serial CEA elevation • Colonoscopy • Chest/abdominal/ Pelvic CT • Consider PET Scan • Bone Scan • Reevaluate chest/ Abdominal/pelvic CT In 3 mo • Consider PET scan See treatment for Documented metachronous metastases See treatment for Documented metachronous metastases Negative findings Negative findings Positive findings Positive findings RECURRENCE WORKUP TREATMENT Rectal Cancer
34.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 29 ล�ำดับความเชื่อถือของหลักฐานและระดับค�ำแนะน�ำ แนวทางเวชปฏิบัติ เป็นแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่คณะท�ำงานฯได้จัดท�ำขึ้นนี้
ยึดถือพื้นฐานจากการศึกษาวิจัย และความเห็นพ้องของคณะผู้เชี่ยวชาญ โดยชนิดของค�ำแนะน�ำประกอบด้วย 2 ส่วนประกอบที่ส�ำคัญ คือระดับคุณภาพของหลักฐาน (Strength of evidence) และระดับความเห็น หรือฉันทามติ (Consensus) ของคณะผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้ ชนิดของค�ำแนะน�ำ คุณภาพของหลักฐาน ระดับความเห็นหรือฉันทามติ ของคณะผู้เชี่ยวชาญ 1 สูง ทิศทางเดียวกัน 2A ต�่ำกว่า 1 ทิศทางเดียวกัน 2B ต�่ำกว่า 1, 2A ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน 3 ไม่มี มีความเห็นขัดแย้งมาก ชนิดค�ำแนะน�ำ 1: ค�ำแนะน�ำระดับนี้ ได้จากหลักฐานคุณภาพสูง (เช่นจาก randomized clinical trials หรือ Meta analysis) ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญมีฉันทามติในทิศทางเดียวกัน โดยผู้เชี่ยวชาญ ส่วนมากสนับสนุนค�ำแนะน�ำนี้ และอาจมีผู้เชี่ยวชาญบางท่านไม่ออกความเห็น ชนิดค�ำแนะน�ำ 2A: ค�ำแนะน�ำระดับนี้ ได้จากหลักฐานที่มีคุณภาพที่ต�่ำกว่าชนิดค�ำแนะน�ำ 1 (เช่น จากการศึกษา Phase II หรือการศึกษาชนิด Cohort ขนาดใหญ่ หรือประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญ หรือ Retrospective studies จากประสบการณ์การรักษาผู้ป่วยจ�ำนวนมากของผู้เชี่ยวชาญ) ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญ มีฉันทามติในทิศทางเดียวกัน ชนิดค�ำแนะน�ำ 2B: ค�ำแนะน�ำระดับนี้ได้จากหลักฐานที่มีคุณภาพต�่ำกว่า 1 หรือ 2A และ คณะผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ว่าค�ำแนะน�ำนี้ควรน�ำไปใช้ และค�ำแนะน�ำนี้หลักฐานไม่ สามารถสรุปได้ โดยแต่ละสถาบันอาจมีวิธีการรักษาแตกต่างกันได้ ถึงแม้ความเห็นของคณะผู้เชี่ยวชาญไม่ไปใน ทิศทางเดียวกัน แต่ไม่มีความเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างมาก ดังนั้นชนิดค�ำแนะน�ำ 2B ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม อาจสามารถเลือกวิธีปฏิบัติได้มากกว่า 1 วิธีขึ้นกับหลักฐานทางคลินิกที่มี ชนิดค�ำแนะน�ำ 3: ค�ำแนะน�ำระดับนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นขัดแย้งมาก ซึ่งค�ำแนะน�ำ ระดับ 3 นี้ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าหรือเท่ากับ 2 คน เห็นพ้องในค�ำแนะน�ำ ความขัดแย้งในความเห็น หรือ ค�ำแนะน�ำนี้อาจเกิดจากหลักฐานที่ได้นั้นยังไม่ได้มีการเปรียบเทียบโดย Randomized trial ดังนั้น ชนิด ค�ำแนะน�ำระดับ 3 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมควรพิจารณาข้อมูลในบทความ ซึ่งจะกล่าวถึงความคิดเห็นที่ แตกต่างกัน หมายเหตุ: แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาในเอกสารนี้อยู่ระดับที่1-2A นอกจากจะแสดงระดับไว้ในวงเล็บ
35.
30 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง
(Colorectal cancer หรือ CRC) มะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่ส�ำคัญของ ประชากรทั่วโลก ถ้าวินิจฉัยได้เร็วและได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก ผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ถึงร้อยละ 90 แต่ถ้าเป็นระยะท้ายซึ่งมีการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆ อัตราการรอดชีวิตเหลือเพียง ร้อยละ 10(1) ต�ำแหน่งมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ที่พบส่วนใหญ่ร้อยละ 65-70 อยู่ด้านซ้ายต�่ำกว่า splenic felxure โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ rectum และ sigmoid ที่เหลือร้อยละ 30-35 จะอยู่ด้านขวา(2) พยาธิสภาพมะเร็ง ล�ำไส้ใหญ่ร้อยละ 98 เป็น adenocarcinoma ซึ่งแบ่งเป็น well-differentiated, moderately และ poorly differentiated ซึ่ง poorly differentiated นั้น มีการพยากรณ์โรคไม่ดี พบได้ประมาณร้อยละ 20 และ ถ้ามีลักษณะของเซลล์เป็น mucinous หรือ colloid ร่วมด้วย จะมีการด�ำเนินโรคที่รุนแรงกว่า ซึ่งเซลล์ชนิด mucinous หรือ colloid พบได้ร้อยละ 15(3) มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. Sporadic CRC ไม่มีประวัติมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในครอบครัว พบร้อยละ 70-85 ของผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ทั้งหมด โดยมากพบในอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 80 เริ่มจากติ่งเนื้อในล�ำไส้ชนิด adenomatous polyps มาก่อน มีส่วนน้อยที่เป็น non-polypoidal (flat หรือ depressed) lesions และเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง ล�ำไส้ (de novo cancers)ซึ่งการเกิดมะเร็งในลักษณะนี้พบมากขึ้นในคนเอเชีย(4) 2. Familial CRC มีประวัติมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในครอบครัว ความผิดปกติอาจจะเกิดเนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน พบประมาณร้อยละ 20-25 ของผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ทั้งหมด 3. Hereditary CRC syndrome พบประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ทั้งหมด ซึ่งมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ได้แก่ Familial polyposis (FAP) • Familial adenomatous polyposis (FAP) ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal dominant ในล�ำไส้ใหญ่มี adenomatous polyps หลายร้อยหรือหลายพันตั้งแต่อายุน้อย อายุเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ 39 ปี • Other polyposis syndromes ได้แก่ Hamartomatous syndromes, Peutz-Jeghers syndrome และ Juvenile polyposis
36.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 31
Hereditary Nonpolyposis Colorectal Cancer (HNPCC) ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แบบ autosomal dominant พบบ่อยกว่า FAP อายุเฉลี่ยของการเกิดมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ 45 ปี และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่นเช่น endometrial cancer, ovarian cancer และ urinary tract cancers ระบาดวิทยาของโรคมะเร็งและมะเร็งลำ�ไส้ทั่วโลก โรคมะเร็ง จัดเป็น 1 ใน 10 ของสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก และมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่ในประเทศที่ก�ำลังพัฒนาองค์การอนามัยโลก (WHO)(5) รายงานว่าในปี พ.ศ. 2548 มี ผู้เสียชีวิตทั่วโลก 58 ล้านคน มีสาเหตุจากโรคมะเร็ง 7.6 ล้านคนคิดเป็นร้อยละ 13 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และ มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 3 ของมะเร็งทั้งหมด มะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และ มะเร็งเต้านม ตาม ล�ำดับ (ตารางที่ 1) ตารางที่ 1 มะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 5 อันดับแรกของประชากรโลก(6) อันดับที่ ชนิดมะเร็ง อัตราการเสียชีวิต 1 มะเร็งปอด 1.3 ล้านคนต่อปี 2 มะเร็งกระเพาะอาหาร 1 ล้านคนต่อปี 3 มะเร็งตับ 662,000 คนต่อปี 4 มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ 655,000 คนต่อปี 5 มะเร็งเต้านม 502,000 คนต่อปี ถ้าจ�ำแนกตามเพศพบว่า มะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต 5 อันดับแรกในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งล�ำไส้ใหญ่และมะเร็งหลอดอาหารตามล�ำดับ ส�ำหรับ ในเพศหญิงได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก ตามล�ำดับองค์การอนามัยโลกได้ประมาณการณ์ไว้ว่าในปี 2563 จะมีประชากรโลกเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง มากกว่า 11.4 ล้านคน และอยู่ในประเทศก�ำลังพัฒนามากกว่า 7 ล้านคน
37.
32 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง ในอดีตที่ผ่านมาพบว่ามะเร็งล�ำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศทางตะวันตกมากกว่า ประเทศในเอเชียและกลุ่มประเทศที่ก�ำลังพัฒนาอื่นๆ ในปัจจุบันพบว่าแนวโน้มของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในทวีป เอเชียมากขึ้น จากสถิติของ GLOBOCAN(7) พ.ศ. 2545 พบว่ามะเร็งล�ำไส้ใหญ่พบมากเป็นอันดับ 3 ของ มะเร็งทั้งหมดในเอเชีย และในปี
พ.ศ. 2547 The Asia Pacific Working Group on Colorectal Cancer ได้ศึกษาอุบัติการณ์ของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ใน 10 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวันและไทย พบว่าแนวโน้มของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในทวีปเอเชียมี แนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และจากข้อมูลของ the International Agency for Research on Cancer (IARC) พบว่าหลายประเทศในเอเชียมีอุบัติการณ์ของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ใกล้เคียงกับประเทศทางตะวันตก (รูปที่ 1) เช่น ประเทศในอเมริกาเหนือ และยุโรปตะวันตก มีอุบัติการณ์ของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในเพศชาย 44.4, และ 42.9 ต่อประชากร 100,000 คนตามล�ำดับเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ พบ 49.3, 35.1 และ 24.7 ต่อประชากร 100,000 คน ตามล�ำดับ(8) รูปที่ 1 อุบัติการณ์ของมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในเอเชียเปรียบเทียบกับในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ (1993–1997)3 Japan (Nagasaki City) Women Men Rectum Colon Age-standardised (per 100,000) 40 40 60 80 20 20 0 Japan (Miyagi Prefecture) Japan (Yamagata Prefecture) Japan (Osaka Prefecture) China (Hong Kong) China (Shanghai) China (Tinajin) Philippines (Manla) Singapore (Chinese) Singapore (Malay) Singapore (Indian) Thailand (Chiang Mai) India (Bombay) UK (South Thames Region) USA (SEER: White) Canada UK (Scotland) USA (SEER: Black)
38.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 33 ระบาดวิทยาของโรคมะเร็งและมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ในประเทศไทย จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งในประเทศไทย ใน
Cancer in Thailand Vol.VII 2007-2009 พบว่า โรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง พบเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย (รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด) มีอุบัติการณ์ คือ8.9 ต่อประชากรแสนคน และเป็นอันดับ 5 ในเพศหญิง(รองจากมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด) โดยมีอุบัติการณ์ 8.2 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขต กรุงเทพมหานครและในเขตเมืองใหญ่ ๆ อายุที่พบส่วนใหญ่มากกว่า 50 ปี อย่างไรก็ตามจากข้อมูลในหลายๆ โรงพยาบาลพบว่าแนวโน้มเริ่มเป็นในคนอายุน้อยลง(9-10) Molecular biology ของมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่(11-12) ใน sporadic CRC ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุผนังล�ำไส้ใหญ่จะกลายเป็นเซลล์ มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ได้นั้น ส่วนใหญ่ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงถึง 4 ขั้นตอนและมียีนที่เกี่ยวข้องหลายตัว เริ่มจาก การกลายพันธุ์ (mutation) ของยีน APC ที่อยู่บนแขนข้างยาวของโครโมโซมที่ 5 (5q) ท�ำให้เซลล์เยื่อบุผนัง ล�ำไส้ใหญ่แบ่งเซลล์มากกว่าปกติเกิดเป็นก้อนเนื้องอกแบบไม่ร้ายแรง (benign adenoma) ตามด้วยการ กลายพันธุ์ของยีน k - ras ซึ่งอยู่ที่แขนข้างสั้นของโครโมโซมที่ 12 (12p) และ ยีน DCC ซึ่งอยู่ที่แขนข้างยาว ของโครโมโซมที่ 18 (18q) ก้อนเนื้องอกจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นเนื้องอกที่มีผิวยื่นขรุขระของ villi ซึ่งเป็น ลักษณะที่ร้ายแรงขึ้นมาอีก (mild, moderate และ severe dysplasia) ร่วมกับการสูญเสียการท�ำงานของยีน p53 บนแขนข้างสั้นของโครโมโซมที่ 17 ซึ่งเป็นยีนควบคุมการเปลี่ยนสถานะ G1 /S transition ของวัฏจักร เซลล์ ก้อนเนื้องอกนั้นจึงกลายเป็นมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ การด�ำเนินโรคนี้จาก adenoma to carcinoma sequence ใช้เวลา 5-10 ปี Genetics of Colorectal Cancer ยีนเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอ พบอยู่ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดโดยมีหน้าที่ควบคุมการ เจริญเติบโต การท�ำงานเพื่อตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเพื่อท�ำหน้าที่เฉพาะ (differentiation) ของเซลล์สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ หากยีนเกิดการกลายพันธุ์ (mutation) หรืออาจจะเจริญคุกคามเซลล์ปกติข้างเคียง ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเซลล์รอบข้าง เซลล์ที่มีคุณลักษณะดังกล่าวคือ เซลล์มะเร็ง และยีนที่อยู่ก่อให้เกิด ภาวะดังกล่าวเรียกว่า ยีนก่อมะเร็ง(13) ส�ำหรับประเทศไทยพบว่ามีจ�ำนวนผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้เพิ่มขึ้นทุกปี(14) จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า ยีนที่ผิดปกติสามารถถ่ายทอดสู่สมาชิกภายในครอบครัวได้ สมาชิกในครอบครัวที่ได้รับการถ่ายทอดยีนดังกล่าว มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดมะเร็งล�ำไส้ ถ้าบุคคลในครอบครัวที่มีปัจจัยเสี่ยงมีโอกาสได้รับการตรวจสอบยีนที่ ผิดปกติก่อนการเกิดโรค ก็จะมีโอกาสทราบถึงความเสี่ยงของการเกิดโรคและเข้าสู่การเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ โดยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยลดอุบัติการณ์เสียชีวิตจากมะเร็งล�ำไส้ได้
39.
34 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่ามะเร็งล�ำไส้สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ sporadic, familial
และhereditary หรือ inherited(15-16) ส�ำหรับรายระเอียดประเภท inherited หรือแบบที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามลักษณะของความ ผิดปกติที่พบคือ กลุ่มที่มีติ่งเนื้อ (polyp) ได้แก่ Familial adenomatous polyposis coli (FAP), Attenuated familial adenomatous polyposis coli (AFAP) และ hamartomatous polyposis syndromes ส่วน อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่ไม่มีติ่งเนื้อ ได้แก่ Hereditary nonpolyposis colorectal cancer (HNPCC) มะเร็งลำ�ไส้ประเภท Inherited ที่พบบ่อยที่สุดคือ FAP และ HNPCC FAP เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมซึ่งถ่ายทอดแบบพันธุ์เด่น (autosomal dominant) อุบัติการณ์ในการเกิด FAP ประมาณ 74:100,000 คน(3) FAP สามารถแบ่งออกได้เป็น2 แบบ คือ classic FAP และ attenuated FAP (AFAP) ลักษณะของ classic FAP คือ มีติ่งเนื้อมากกว่า 100 ติ่ง ขึ้นไป(17) โดยพบติ่งเนื้อจ�ำนวนมากในช่วงอายุประมาณ 20 ปีและต่อมาติ่งเนื้อดังกล่าวพัฒนาไปเป็นมะเร็ง ล�ำไส้ในช่วงอายุประมาณ 35-40 ปี(18) ลักษณะอาการทางคลินิกอื่นๆ ที่สามารถพบได้ เช่น congenital hypertrophy of the retinal pigment epithelium (CHRPE) ซึ่งพบได้ร้อยละ 70-80 ในผู้ป่วย FAP(6) Desmoid tumors ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับสองที่ท�ำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต(19) มะเร็งต่อมไทรอยด์ พบเป็นร้อยละ 1-2(20) และ hepatoblastoma(9,10) เป็นต้น ส�ำหรับ attenuated FAP(AFAP) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ FAP ซึ่งมี ลักษณะความรุนแรงน้อยกว่า classic FAP คือ มีติ่งเนื้อน้อยกว่า 100 ติ่งและอายุที่เริ่มพบอาการแสดงของ โรคอยู่ในช่วงอายุประมาณ 35-45 ปีและมีการพัฒนาไปเป็นมะเร็งล�ำไส้ในช่วงอายุโดยเฉลี่ย 55 ปี โดยมัก ไม่พบอาการทางคลินิกอย่างอื่นร่วมด้วย(21,22) จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า FAP และ AFAP เกิดจากความผิดปกติของยีน Adenomatous polyposis coli (APC) ซึ่งอยู่บนโครโมโซม 5q21 ยีนAPC เป็นtumorsuppressorgene มีบทบาทส�ำคัญ ในการควบคุมระดับของโปรตีน β-Catenin ซึ่งท�ำหน้าที่ควบคุมการยึดติดกันของเซลล์ การเคลื่อนย้ายของ เซลล์ หากระดับของโปรตีนชนิดนี้สูงขึ้นจะส่งผลให้เกิดการคัดลอก (transcription) ดีเอ็นเอ สูงผิดปกติไป ด้วย ท�ำให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่จ�ำนวนมาก(23) การกลายพันธุ์ของยีน APC จะส่งผลกระทบต่อการควบคุม ระดับของ β-Catenin ผลที่ตามมาคือ ยีนที่ควบคุมการเพิ่มจ�ำนวนของเซลล์ (differentiation) คือ cyclin D1, c-myc(24) จะไม่สามารถท�ำหน้าที่ตามปกติได้ ท�ำให้การเพิ่มจ�ำนวนเซลล์มากผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์ มะเร็ง บทบาทที่ส�ำคัญอีกประการหนึ่งของยีน APC คือ การควบคุมวัฏจักรการสร้างเซลล์ (cell cycle) โดยยีน APC ยับยั้งการสร้างเซลล์ในระยะ G0 / G1 ไม่ให้เข้าสู่ระยะ S เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการรักษาเสถียรภาพของโครโมโซม
40.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 35 Genetics
of Colorectal Cancer ยีน APC มีความยาวทั้งหมด 8,538 base pairs และมี 15 exons ซึ่งจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกรด อะมิโนจ�ำนวน 2,843 ตัว มีน�้ำหนักโมเลกุลประมาณ 30,900 ดาลตัน(25) gene expression เกิดขึ้นในหลาย เซลล์ เช่น เยื่อบุผิวล�ำไส้(26) เป็นต้น จากรายงานที่ผ่านมาพบว่าความผิดปกติของยีน APC มีมากกว่า 800 ต�ำแหน่ง(27) ลักษณะความผิดปกติที่เกิดขึ้นสามารถน�ำไปสู่การเกิดโรค FAP คือ รหัสหยุดสร้างโปรตีน ซึ่งการ เกิดรหัสหยุดในการสร้างโปรตีนจะท�ำให้โปรตีนมีขนาดสั้นลงกว่าปกติ(28) และการท�ำหน้าที่ของโปรตีนก็จะเสีย ไปด้วย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงเบสบนดีเอ็นเอ (nonsense mutation) พบร้อยละ 30 การที่มีเบสเพิ่ม (insertion) หรือการขาดหายไป (deletion) ท�ำให้การอ่านรหัสพันธุกรรมผิดไป ทั้งหมดนับตั้งแต่ต�ำแหน่งที่มีเบสขาดไปหรือเพิ่มเข้า (frameshift mutation) พบร้อยละ 68 และการขาด หายไปทั้งยีน พบร้อยละ 2 ส�ำหรับมะเร็งล�ำไส้ที่เป็นแบบ attenuated FAP (AFAP) นอกจากการกลายพันธุ์ของยีน APC ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคแล้วยังมียีนอีกชนิดหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดติ่งเนื้อ คือ ยีน Human MutY Homology (MYH or MUTYH) เป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดติ่งเนื้อที่มีการถ่ายทอดแบบ autosomal recessive ยีน MYH อยู่บนโครโมโซมที่ 1(29) จากการศึกษาที่ผ่านมาพบความผิดปกติของยีน MYH ในผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้แบบที่มีติ่งเนื้อน้อยกว่า 100 ติ่ง ในขณะที่ไม่พบความผิดปกติของยีน APC เช่น ความผิดปกติของยีน MYH ที่ต�ำแหน่ง Y165C และ G382D ซึ่งเป็นต�ำแหน่งที่ท�ำให้เกิดมะเร็งล�ำไส้ พบร้อยละ 80 ในกลุ่มคนผิวขาว (Caucasians) จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าต�ำแหน่งความผิดปกติของยีนและการแสดงอาการทางคลินิกมีความ สัมพันธ์กัน โดยผู้ป่วยที่เป็น FAP ที่มีความผิดปกติของยีนเกิดในช่วงต้นของ exon 15 ตรง codon 1250- 1464 จะมีอาการทางคลินิกที่รุนแรง ส่วนผู้ป่วยที่มี CHRPE ร่วมด้วยจะพบความผิดปกติที่ exon 9-15(30) HNPCC เป็นมะเร็งล�ำไส้ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอีกชนิดหนึ่งที่พบมากและมีการถ่ายทอดแบบ พันธุ์เด่น (autosomal dominant) ลักษณะของโรคคือ มีอาการแสดงในช่วงอายุก่อน 50 ปี ต�ำแหน่งที่เกิด มะเร็งมักจะอยู่ที่ล�ำไส้ทางด้านขวา และอาจพบก้อนเนื้องอก (neoplasm) ที่อื่นร่วมด้วย เช่น ผนังมดลูก กระเพาะอาหาร ล�ำไส้เล็กและรังไข่ เป็นต้น(31) มีการก�ำหนดหลักเกณฑ์ส�ำหรับการวินิจฉัย HNPCC ใหม่นี้ ว่า Bethesda criteria(32) (ตารางที่ 1) สาเหตุส�ำคัญที่ท�ำให้เกิด HNPCC คือ เกิดจากความผิดปกติของการเกิด mismatch repair gene ซึ่งเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความถูกต้องของการจ�ำลองแบบของดีเอ็นเอ(DNAreplication) ปัจจุบันมี ยีนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 4 ยีน คือ MLH1, MSH2, PMS2 และ MSH 6(33) หากยีนดังกล่าวเกิด ความผิดปกติจะมีผลต่อการเพิ่มล�ำดับเบสของดีเอ็นเอในบริเวณที่ซ�้ำกัน 12-100 เท่า เรียกว่า Microsatellite Instability และอาจเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนกลุ่มนี้เพียงตัวเดียวหรือหลายตัวรวมกันก็ได้(34) แต่ยีนที่พบ ความผิดปกติบ่อยที่สุดที่ท�ำให้เกิด Microsatellite Instability คือ MLH1, MSH2(35)
41.
36 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง ผู้ที่มีความผิดปกติของ mismatch repair gene มีความเสี่ยงสูงที่จะพบมะเร็งล�ำไส้ พบว่า
ร้อยละ 85 ของผู้หญิงที่มีความผิดปกติของ mismatch repair gene จะมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเยื่อบุ มดลูก (Endometrial cancer) และมะเร็งที่อวัยวะอื่นๆ เช่น รังไข่ ตับ ถุงน�้ำดี ระบบสืบพันธุ์ ตับอ่อนและ ล�ำไส้เล็กมากกว่าคนทั่วไป เป็นต้น มะเร็งล�ำไส้ทั้งสองชนิดที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้และผู้ที่ได้รับยีนที่มี ความผิดปกติจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งล�ำไส้ ปัญหาส่วนใหญ่ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ที่ไม่ได้ผล คือ ผู้ป่วยมาพบแพทย์ในระยะที่มีอาการมากแล้วหรือระยะสุดท้าย ดังนั้น การทราบว่าคนที่มียีนผิดปกติจะมี ความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งล�ำไส้และการตรวจดูความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งล�ำไส้จึงมีประโยชน์ อย่างมากในการประเมินความเสี่ยงและการเฝ้าระวังผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง การตรวจหาความผิดปกติของยีนที่ท�ำให้เกิดมะเร็งล�ำไส้แต่ละชนิดเป็นปัญหาหลักที่ส�ำคัญของ ห้องปฏิบัติการเวชพันธุศาสตร์ เนื่องจากยีนที่เกี่ยวข้องมีขนาดใหญ่และมีความผิดปกติหลายต�ำแหน่ง จะแตกต่าง กันไปในแต่ละครอบครัว(36-37) ในประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาแบบแผนของการตรวจสอบความผิดปกติของ ยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งล�ำไส้อย่างแพร่หลายเนื่องจากการตรวจสอบให้ครอบคลุมทุกต�ำแหน่งของยีนที่ เกี่ยวข้องกับโรคเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ในปัจจุบันส่วนใหญ่จึงท�ำการตรวจสอบเฉพาะต�ำแหน่งที่พบการกลาย พันธุ์ได้บ่อย (Hot spots) ของยีนก่อมะเร็งชนิดนั้นๆ ก่อน หากไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงจะสืบค้นใน ต�ำแหน่งถัดไป ดังนั้นการวินิจฉัยก่อนเกิดโรค (Pre symptomatic diagnosis) จึงมีประโยชน์ต่อการให้ค�ำ ปรึกษาและเฝ้าระวังสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับยีนผิดปกตินี้และสามารถช่วยลดอัตราการตายและลดจ�ำนวน ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นมะเร็งล�ำไส้ได้ในอนาคต นอกจากนี้ชนิดของยีนที่กลายพันธุ์อาจบ่งบอกถึงพยากรณ์โรคในการ รักษาผู้ป่วยด้วย
42.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 37 1. การคัดกรองโรค
(Screening) การคัดกรองโรค เป็นวิธีการตรวจหาโรคก่อนที่จะมีอาการทางคลินิกหรือรอยโรคก่อนที่จะเป็น มะเร็ง (Precancerous) โดยแบ่งประชากรออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1. กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และไส้ตรง(High risk) 2. กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงปกติ ต่อการเกิดโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ และไส้ตรง (Average risk) 1. กลุ่มความเสี่ยงสูง (High risk) ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ 1. ผู้มีญาติล�ำดับแรกเป็นมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ 2. ผู้ที่มีประวัติ Polyp 3. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็น Familial adenomatous polyposis หรือ Hereditary non-polyposis colon cancer 4. ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคล�ำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory bowel disease) ค�ำแนะน�ำ การสืบค้นโรคในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงควรได้รับการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ (ภาคผนวก ก) 2. กลุ่มความเสี่ยงปกติ (Average risk) เป็นกลุ่มประชากรที่มีลักษณะต่อไปนี้ 1. ชายหรือหญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2. ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง 3. ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น ได้แก่ ประวัติโรคล�ำไส้อักเสบ ulcerative colitis, polyp หรือมะเร็ง ล�ำไส้ใหญ่ 4. ไม่มีอาการผิดปกติทางระบบล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง กลุ่มที่มีความเสี่ยงปกติต้องท�ำการตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ(Digital Rectal Examination, DRE) และมีข้อแนะน�ำการปฏิบัติเพื่อการสืบค้นโรคเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ (ภาคผนวก ก) 1. การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Fecal Occult Blood Test, FOBT) ปีละครั้ง 2. การตรวจด้วย Flexible Sigmoidoscopy ทุก 5 ปี 3. การตรวจ Double-contrast barium enema ทุก 5-10 ปี 4. การตรวจส่องกล้องล�ำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ทุก 10 ปี ทั้งนี้การเลือกวิธีการสืบค้นโรควิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถและข้อจ�ำกัดของแต่ละสถาน พยาบาล
43.
38 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง เมื่อการตรวจเพื่อสืบค้นโรคได้ผลออกมาเป็นผลบวกหรือผลลบก็จะมีค�ำแนะน�ำแนวทางปฏิบัติต่อ ไปตามแผนภาพที่
1, 2 และ 3 แผนภาพที่ 1 แนวทางปฏิบัติต่อจากการตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ (DRE) DRE Negative screening program Positive pathology Negative pathology Negative pathology Consult Expert Re-biopsy Treatment Biopsy Positive For Tumour แผนภาพที่ 2 แนวทางปฏิบัติต่อจากการตรวจหาเลือดในอุจจาระ Negative FOBT Positive Colonoscopy or DCBE Repeat yearly วิธีการตรวจหาเลือดในอุจจาระที่ถูกต้อง (ดูภาคผนวก ก) - งดอาหารที่มีเนื้อแดง วิตามินซี ผักผลไม้สีแดง และยาแก้ปวด NSAIDs ก่อนท�ำการ ตรวจอย่างน้อยสามวัน - เก็บอุจจาระตอนเช้าส่งตรวจทุกวัน 3 วันติดต่อกัน - ท�ำการตรวจด้วยวิธี Immunochemistry หรือ Guaiac-based nonrehydrated - เมื่อได้ผลบวก แม้เพียงครั้งเดียว ต้องได้รับการสืบค้นต่อ - เมื่อท�ำการส่องกล้องล�ำไส้ใหญ่หรือ Double contrast barium enema แล้วไม่จ�ำเป็น ต้องท�ำการตรวจเลือดในอุจจาระอีก
44.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 39 แผนภาพที่
3 แนวทางปฏิบัติต่อจากการตรวจ Double contrast barium enema DCBE Positive Colon Rectum Positive Treatment Rebiopsy or Consult Expert Negative Surgery Colonoscopic Biopsy or Polypectomy Proctoscopic or sigmoidoscopic biopsy Negative Continue Screening program 3. ผู้ที่มีความเสี่ยงน้อยแต่ต้องการการสืบค้นหาโรค ปัจจุบันผู้คนทราบถึงประโยชน์ของการสืบค้นหาโรคจากสื่อต่างๆ จึงอาจมาพบแพทย์ด้วยความ วิตกกังวลเกี่ยวกับมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และขอรับการตรวจหาโรค (Screening on demand) ในการสืบหาโรคในผู้ที่ มีความเสี่ยงน้อยแต่ต้องการการสืบค้นนั้น ยังมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเพราะแม้จะมีหลักฐานว่าสามารถลดอัตรา การตายได้จากการสืบค้นหาโรค แต่ก็ไม่เพียงพอว่าในคนทั่วไปจะได้ประโยชน์จากการสืบค้นหาโรคด้วย นอก เหนือไปจากการกระท�ำเพื่อการศึกษาวิจัย จึงยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าควรปฏิบัติอย่างไรในกรณีนี้ แต่ที่นิยม ปฏิบัติกัน คือ การตรวจหาเลือดในอุจจาระทุก 6-12 เดือน ถ้าได้ผลบวกจึงให้ท�ำการตรวจส่องกล้องล�ำไส้ใหญ่ หรือตรวจเลือดในอุจจาระร่วมกับการท�ำ Double contrast barium enema ทุก 3-5 ปี อย่างไรก็ดีพึง ตระหนักว่ากระบวนการเหล่านี้ยังไม่ได้มีแผนชัดเจนและไม่มีผู้รับผิดชอบด้านค่าใช้จ่ายนอกจากนั้นยังเป็นการ เพิ่มภาระงานแก่สถาบันที่รับผิดชอบการรักษาพยาบาลขึ้นอีกด้วย
45.
40 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 2.
แนวทางปฏิบัติในผู้ป่วยที่เกิดอาการ เพื่อการวินิจฉัยโรค และการประเมินระยะของโรค ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมะเร็งล�ำไส้ใหญ่จะไม่มีอาการในระยะแรก ๆ อาการที่พบมักขึ้นกับต�ำแหน่งของ มะเร็งเช่น มะเร็งล�ำไส้ใหญ่ด้านขวา จะมีอาการอ่อนเพลีย ซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง น�้ำหนักลด ปวดท้อง หรือคล�ำได้ก้อน ถ้ามะเร็งล�ำไส้ใหญ่ด้านซ้าย มาด้วยอาการ ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือดได้ ท้องผูกสลับท้องเสีย และถ้ามะเร็งอยู่ที่ล�ำไส้ตรง (rectum) อาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย, ถ่ายเป็นมูกเลือด, ซีดลง, ถ่ายไม่สุด, ถ่ายล�ำเล็กลง, ถ่ายเป็นเม็ดกระสุน จนถึงอุดตัน จนถ่ายไม่ออก หรือผู้ป่วยมีอาการของภาวะแทรกซ้อนเช่น เลือดออก ล�ำไส้อุดตัน ล�ำไส้ทะลุ มีน�้ำในช่องท้อง (ascites) ฯลฯ ตรวจร่างกายอาจไม่พบความผิดปกติ ความ ผิดปกติที่พบได้ ได้แก่ ซีด คล�ำได้ก้อนที่ท้อง ตับโต คล�ำต่อมน�้ำเหลืองที่ supraclavicular หรือที่สะดือ น�้ำในช่องท้อง ตรวจทางทวารหนัก หรือ digital rectal examination (DRE) ประมาณร้อยละ 5-10 สามารถตรวจพบมะเร็งที่ทวารหนักจากการตรวจ DRE การตรวจทางห้องปฏิบัติการ อาจพบมีภาวะซีด ตรวจอุจจาระพบ fecal occult blood test (FOBT) ให้ผลบวก (พบได้ร้อยละ 40-80) Liver function test อาจผิดปกติ ถ้ามีการแพร่กระจายมาที่ตับ การตรวจทางรังสีที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัย ได้แก่การท�ำ barium enema หรือ CT colonography ส่วนการ ตรวจที่แม่นย�ำเพื่อช่วยการวินิจฉัย และตรวจชิ้นเนื้อยืนยัน คือ การส่องกล้องล�ำไส้ใหญ่ (colonoscopy) ในผู้ป่วยที่มาตรวจด้วยอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่และไส้ตรง เช่น ถ่าย อุจจาระเป็นมูกปนเลือด อุจจาระล�ำเล็กลง ท้องผูกสลับท้องเสีย เลือดจางโดยหาสาเหตุไม่พบ ควรได้รับ การตรวจดังนี้ 1. ซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด 2. ท�ำการตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ (DRE) และ Proctoscopy 3. ท�ำการตรวจ Double contrast barium enema หรือท�ำ Colonoscopy 4. กรณีที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งเรคตัม ต้องตัดชิ้นเนื้อ เพื่อให้ได้ผลตรวจทางพยาธิวิทยามายืนยัน การวินิจฉัยโรคเสมอ 5. Endorectal ultrasonography (ถ้าสามารถท�ำได้)
46.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 41 การประเมินระยะของโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ จุดประสงค์เพื่อวางแผนในการรักษาและพยากรณ์โรค ระบบการประเมินระยะของโรคที่ใช้กันอยู่ มี
2 ระบบคือ Duke’s Classification และ TNM staging system ของ American joint committee on cancer (AJCC) (ภาคผนวก ฉ) การประเมินโรคทางคลินิกมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ ก่อนผ่าตัด (Pre-operative Clinical Evaluation) 1. Chest x-ray 2. CEA 3. Liver ultrasonography หรือ CT whole abdomen 4. Colonoscopy หรือ double contrast barium enema การประเมินโรคทางคลินิกมะเร็งลำ�ไส้ตรง ก่อนผ่าตัด (Pre-operative Clinical Evaluation) 1. Chest x-ray 2. CEA 3. Liver ultrasonography หรือ CT whole abdomen / CT pelvis / MRI whole abdomen 4. Colonoscopy หรือ Double contrast barium enema
47.
42 แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 3. การรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่
(Colon cancer) การรักษาโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ให้ได้ผลดี ต้องเป็นการรักษาร่วมแบบ สหสาขาวิชา ประกอบด้วย การผ่าตัด การให้ยาเคมีบ�ำบัด และการให้รังสีรักษา โดยให้พิจารณาตามความเหมาะสมและข้อบ่งชี้ในผู้ป่วย แต่ละรายไป การผ่าตัด (Surgery) การผ่าตัดถือเป็นการรักษาหลักของโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ ผู้ป่วยต้องได้รับการเตรียมความพร้อม ก่อนการผ่าตัดเช่นเดียวกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป โดยมีแนวทางปฏิบัติตามที่ก�ำหนดโดย ราชวิทยาลัย วิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับการเตรียมล�ำไส้ใหญ่ (Bowel preparation) และการให้ยาปฏิชีวนะ ดังนี้ 1. Mechanical Bowel Preparation ควรจะมีการเตรียมล�ำไส้ใหญ่ก่อนการผ่าตัดยกเว้นในกรณีที่มีข้อห้าม ทั้งนี้ขึ้นกับความเหมาะสม ส�ำหรับผู้ป่วยแต่ละราย 2. Prophylactic Antibiotics ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดด�ำครอบคลุมเชื้อแบคทีเรีย Gram negative และ Anaerobe เทคนิคในการผ่าตัดมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ในต�ำแหน่งต่างๆ (ภาคผนวก ค) การรักษาเสริมของโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ (Adjuvant Therapy for Colon Cancer) การรักษาเสริมหลังผ่าตัดขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ (ภาคผนวก ฉ) และสภาพของ ผู้ป่วย โดยมีข้อแนะน�ำดังนี้ 1. Stage I Colon cancer ( T1-2 No Mo) ไม่มีข้อบ่งชี้ในการให้ยาเคมีบ�ำบัดหรือรังสีรักษา 2. Stage II Colon cancer การให้ยาเคมีบ�ำบัดและรังสีรักษาไม่ได้เป็นการรักษามาตรฐานในโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ระยะที่ 2 ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง (High-risk stage II Colon cancer) ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 2.1 กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น (Stage II A Colon cancer with high risk factors for systemic recurrence) คือ T3 Colon cancer ที่มี ข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ Poorly differentiated หรือ Undifferentiated tumor Lymphatic หรือ Vascular invasion Tumor obstruction Resected lymph node less than 12 nodes อาจพิจารณาให้ Adjuvant chemotherapy ร่วมด้วย (ภาคผนวก ญ)
48.
แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่และไส้ตรง 43
2.2 กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดการกลับเป็นซ�้ำเฉพาะที่ (Stage II Colon cancer with high risk for local recurrence) ได้แก่ T4 lesion T3 with localized perforation closed margin อาจพิจารณาให้ Adjuvant chemotherapy ร่วมด้วย (ภาคผนวก ญ) 3. Stage III Colon cancer Stage III A T1-2 N1 M0 Stage III B T3-4 N1Mo Stage III C any T N2 M0 ควรพิจารณาให้ Adjuvant chemotherapy ทุกรายยกเว้นในกรณีที่มีข้อห้ามหรือสภาพร่างกาย ไม่เหมาะสม (ภาคผนวก ญ) ส่วนรังสีรักษานั้นอาจพิจารณาในราย T4 lesion (ภาคผนวก ซ) 4. Stage IV Colon cancer, any T any N M1 4.1 Resectable colon cancer 4.1.1 Resectable organ metastasis พิจารณาตัดมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ที่มีการแพร่ กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ เมื่อสามารถตัดมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ออกได้หมด 4.1.1.1 resectable liver metastasis หลังผ่าตัดควรพิจารณาให้ Adjuvant chemotherapy (ภาคผนวก ญ) การผ่าตัด Liver metastasis นั้น อาจผ่าตัดพร้อมกับการผ่าตัดโรคมะเร็งล�ำไส้ใหญ่ หรือผ่าตัดภายหลัง 4.1.1.2 resectable lung metastasis หลังผ่าตัดควรพิจารณาให้ Adjuvant chemotherapy (ภาคผนวก ญ) 4.1.1.3 resectable other metastasis ถ้ามีการกระจายไปหลายต�ำแหน่ง และ สามารถตัดออกได้หมด ควรท�ำผ่าตัด และพิจารณาให้ adjuvant chemotherapy 4.1.2 unresectable organ metastasis 4.1.2.1 unresectable liver metastasis การรักษาด้วย Radiofrequency ablation เป็นทางเลือกอันหนึ่งของการรักษา liver metastasis (ค�ำแนะน�ำระดับ 2B) 4.1.2.2 unresectable other organ metastasis พิจารณาให้ Palliative chemotherapy (ภาคผนวก ฏ) หรือ Palliative care 4.2 unresectable colon cancer พิจารณาให้ Palliative chemotherapy (ภาคผนวก ฏ) หรือ Palliative care
Download now