SlideShare a Scribd company logo
1 of 30
Download to read offline
อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
คานา
หนังสือเล่มนี้เกิดจากศรัทธาของนายสุธี แก้วตา ลูกชายของนางคํามั่น แก้วตา ซึ่งนาง
คํามั่น แก้วตา เป็นน้องสาวคนสุดท้องของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล ดังนั้น จึงถือว่านายสุธี แก้วตา
คือ หลานชายของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล ที่มีโอกาสใกล้ชิดกับหลวงปูุมาตั้งแต่ยังเด็กเล็ก ด้วย
ความศรัทธาเคารพรักในหลวงปูุบุญมี โชติปาโล เป็นเสมอมา จึงได้มีความประสงค์จะนําเสียงคํา
อ่านประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล จากระบบแฟูมข้อมูลชนิด MP3 ออกมาสู่ในรูปแบบของหนังสือ
ที่สะดวกต่อการอ่านของญาติโยมพุทธศาสนิกชนคนไทย ทั้งนี้ แฟูมประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล
ชนิด MP3 สามารถ Download โดยใช้ QR code ดังนี้
เมื่อทุกท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทําให้ทราบว่าทําไมหลวงปูุบุญมี โชติปาโล จึง
เกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับ “ช้างเผือก” และทําไมผู้คนถึงได้ยกย่องว่าหลวงปูุ คือ “พระดีศรีอุบลฯ”
คณะผู้จัดทําหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยบุญกุศลบารมีของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล และแรง
ศรัทธาของนายสุธี แก้วตา ในการจัดทําหนังสือในครั้งนี้ จะสามารถทําให้ผู้อ่านผู้มีจิตศรัทธาทุก
ท่านได้รับอานิสงส์ผลบุญหนุนนําให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ และ มากมีในบุญ “มีบุญ และ บุญมี” ตลอด
กาลและนาน เทอญ
คณะผู้จัดทํา
สารบัญ
หน้า
คํานํา
ประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล
คุณลักษณะแห่งช้างเผือก
บรรพชาและอุปสมบท
สมถะและเรียบง่าย
ปฏิบัติหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์
เมตตาเปลื้องทุกข์ อํานวยสุข
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เรื่องที่ ๒ คือเรื่องให้โชคให้ลาภ
แผ่เมตตาบารมีแม้แก่ภูตผีปีศาจ
สํารวมระวังกาย วาจา รักษาอากัปกิริยาของสมณะอย่างเคร่งครัด
เน้นเรื่องความปลอดภัยไร้เชื้อโรค
เด็ดขาดในการบริหาร
ชาญฉลาดในการนําสั่งสมบุญ
ให้ธรรมะเป็นทานตลอดชีวิต
คําสอนเน้นบุญคุณของพระแก้วสององค์
รู้อดีต รู้อนาคต
ประวัติหลวงปู่บุญมี โชติปาโล
• กําเนิด
หลวงปูุบุญมี โชติปาโล เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๒ ตรงกับวันมาฆบูชา
ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๓ ปีระกา เวลา ๑๒.๐๐ น. ที่บ้านตําแย ตําบลไร่น้อย อําเภอเมือง จังหวัด
อุบลราชธานี
• บิดา มารดา
โยมบิดาชื่อ กุ กุศลคุณ โยมมารดาชื่อ เลื่อน กุศลคุณ
• พี่น้อง
หลวงปูุมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑๐ คน คือ
๑. หลวงปูุบุญมี โชติปาโล
๒. นางสมบูรณ์ มูลมั่ง
๓. นายเผ่า กุศลคุณ
๔. นางสอน เนื่องเฉลิม
๕. นายเลิศ กุศลคุณ
๖. เด็กหญิงก้าน กุศลคุณ
๗. นายเผย กุศลคุณ
๘. นางอูบแก้ว ยอดคุณ
๙. นางคําหล้า ทัศนาลักษณ์
๑๐. นางคํามั่น แก้วตา
ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่คนเดียวเท่านั้น คือ นางคํามั่น แก้วตา
คุณลักษณะแห่งช้างเผือก
คําโบราณที่ว่าช้างเผือกเกิดในปุานั้น โบราณท่านกล่าวเจาะจงความหมาย ๒ ประการ
ความหมายประการที่ ๑ ท่านหมายถึงช้างเผือกโดยตรง ซึ่งเป็นช้างมงคลตระกูลหนึ่ง
ในบรรดาช้าง ๑๐ ตระกูล ตามตําราคชลักษณ์ อันปกติธรรมดาแห่งสีของช้างเผือกนั้นจะมีสีตัวเป็น
สีเผือกหรือสีกายแดงอ่อนอย่างปูนแห้ง ช้างเผือกเป็นช้างที่มีลักษณะองอาจผึ่งผาย ท่วงทีกิริยาท่า
เดินงามสง่าน่าเกรงขาม สมัยโบราณมีการกล่าวขานและเชื่อถือกันสืบมาว่า ถ้าพระมหากษัตริย์
พระองค์ใดได้ช้างเผือกหรือช้างมงคลหัตถีไว้ประดับพระบารมี แผ่นดินของพระมหากษัตริย์
พระองค์นั้นจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ไพร่ฟูาประชาชีก็อยู่ดีมีแต่สุขทุกถ้วนหน้า ข้อนี้เห็นได้จาก
กรณีของพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ ซึ่งมีช้างเผือกตัวประเสริฐชื่อปัจจัยนาเคนทร์ เป็นช้างมงคล
หัตถีคู่บุญบารมี ทวยประชาชีของพระองค์ล้วนมีแต่ความสงบสุข แผ่นดินทุกหย่อมหญ้าก็มีแต่
ความอุดมสมบูรณ์ ฟูาฝนชลธารก็ตกต้องตามฤดูกาล ปรากฏการณ์อันเป็นอุดมมงคลทั้งหมดนี้
ล้วนเกิดแต่บุญบารมีและกุศลสมภารของพระบรมโพธิสัตว์เวสสันดรและช้างเผือกปัจจัยนาเคนทร์
เป็นสําคัญ
ความหมายประการที่ ๒ ท่านกล่าวโดยปริยาย หมายถึง คนดีหรือคนผู้มีบุญ ซึ่งเป็นคนที่
ถือกําเนิดเกิดอยู่ในบ้านนอกคอกนา หรือเกิดอยู่บ้านปุาบ้านดอน หาได้เกิดในนครหลวงหรือเมือง
ใหญ่ไพศาลแต่ประการใดไม่ แต่คนดีหรือคนผู้มีบุญบารมีที่ว่านี้ ย่อมเกิดมาเพื่อเสียสละความสุข
ส่วนตน เพื่อบําเพ็ญประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ไพศาลแก่มวลมหาชนโดยแท้ หลวงปูุบุญมี จึงนับเป็น
ช้างเผือกหรือช้างมงคลหัตถีเชือกประเสริฐจากผืนปุาอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี ตาม
คํากล่าวของนักปราชญ์สมัยโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้เพราะหลวงปูุได้เกิดมาในโลกนี้เพื่อ
บําเพ็ญบุญบารมีสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม อํานวยประโยชนสุขแก่ปวงชนทุกหมู่เหล่าโดยไม่เลือกชั้น
วรรณะ ไม่เลือกว่ายากดีมีจน หลวงปูุมีจิตเมตตาปรารถนาดีแก่ทุกคนเสมอเหมือนกันหมดทุกถ้วน
หน้า นับตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาเพียงไม่กี่ปีหลวงปูุก็ส่อแววแห่งช้างเผือก คือแสดงออกซึ่ง
ลักษณะนิสัยแห่งบุคคลผู้มีบุญญาธิการตั้งแต่ในวัยเด็ก มีความกล้าหาญชาญฉลาด มีความสามารถ
ในการกระทํา คําพูด และความคิด กอปรด้วยไหวพริบปฏิภาณเป็นอัจฉริยะ มีอุปนิสัยจิตใจในการ
เป็นผู้นํา ดูแต่ในวัยเด็กเพียงเจ็ดแปดขวบยังแสดงออกถึงความเป็นผู้นําด้วยการปีนขึ้นไปนั่งอยู่บน
ต้นไม้เพื่อสังเกตดูทุกคนที่ทํางานในท้องไร่ท้องนา เช่น งานปักดําหรืองานเก็บเกี่ยวข้าว เป็นต้น ถ้า
เห็นใครสักคนไม่ตั้งหน้าตั้งตาทํางาน เด็กน้อยก็จะขว้างก้อนดินหรือก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่เตรียม
เอาไว้ไปยังคนผู้นั้น พร้อมกับร้องสั่งให้ตั้งหน้าตั้งตาทํางานอย่างจริงจัง เหล่านี้เป็นต้น
แรงแห่งเนกขัมมะบารมี อันบุญบารมีที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คนเราออกบวชได้นั้น
นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาท่านเรียกว่า “เนกขัมมะบารมี” คือบารมีที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้
ออกบวช เราท่านทั้งหลายที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ย่อมไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสามารถหยั่งรู้อย่างลึกซึ้ง
ว่าหลวงปูุได้บําเพ็ญเนกขัมมะบารมีมาตั้งแต่ในภพใดชาติไหนในภพในชาติที่เป็นอดีตล่วงมาแล้ว
เพราะเนกขัมมะบารมีอันหลวงปูุได้บําเพ็ญแล้วนั้น ได้เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คุณพ่อกุต้องนําลูกชาย
บุญมีไปถวายไว้กับหลวงลุงคือหลวงปูุสีทา ชยเสโน ที่วัดบูรพาราม อําเภอเมือง จังหวัด
อุบลราชธานี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ หลวงปูุจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ในวัดบูรพารามแห่งนี้ตั้งแต่ในวัยเด็ก
และได้อุทิศชีวิตในพุทธศาสนาจวบถึงวันและเวลาละสังขาร
บรรพชาและอุปสมบท
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะอายุย่างเข้าปีที่ ๑๔ หลวงปูุได้รับการบรรพชาเป็น
สามเณรที่วัดศรีทอง อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ลุถึงวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๓
ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา หลวงปูุได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุใน
พระพุทธศาสนา ณ วัดศรีทอง อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก
ชิตเสโน(เสน) เจ้าอาวาสวัดศรีทองในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระ
กรรมวาจาจารย์ และพระมหาสว่างเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาในทางมคธภาษาว่า “โชติ
ปาโล”
สมถะและเรียบง่าย
หลวงปูุเป็นพระมหาเถระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยม มีอากัปกิริยาที่
สํารวมระวังในทุกอิริยาบถ ใช้ชีวิตแบบสมถะเรียบง่ายตามวิสัยแห่งสมณะ คือมีปกติอยู่ง่าย กินง่าย
พักอาศัยอยู่แต่ในกุฏิแบบกระท่อมหลังเล็กๆ จนตลอดชีวิต และฉันมื้อเดียวตลอดชีวิต บรรดา
ลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธาทุกคนที่ไปมาหาสู่หลวงปูุอยู่เป็นประจําย่อมจะทราบดีว่าหลวง
ปูุไม่เคยใช้กุฏิหลังใหญ่โตใดๆ ไม่ว่าหลังไหนๆ ที่มีอยู่ภายในวัดจํานวนหลายหลังเป็นสถานที่อยู่
อาศัยจําพรรษาแม้แต่ครั้งเดียว เดินทางไปไหนมาไหนก็เดินทางแบบเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองหรือไม่
เจ้ายศเจ้าอย่างแต่ประการใด อันปกติธรรมดาแห่งอัชฌาสัยและลักษณะนิสัยของหลวงปูุนั้น คือมี
ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเกรงใจ และให้ความเคารพนพนอบไหว้พระเถระที่มีอาวุโสโดย
พรรษาทุกครั้งที่หลวงปูุได้พบเห็น และเวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ประสงค์ให้ใครๆ ต้องลําบาก
ยุ่งยากเพราะตนเอง โดยเฉพาะกิจนิมนต์ที่วัดต่างๆ อาราธนามานั้น ถ้าหลวงปูุไม่ติดศาสนกิจอื่นใด
หลวงปูุจะรับอาราธนาและเดินทางไปในกิจนิมนต์นั้นทุกครั้งไป จะฉลองศรัทธาของเจ้าภาพและผู้
เลื่อมใสด้วยความเรียบง่ายและด้วยเมตตาจิตเสมอมาไม่เคยละเว้น ยิ่งด้วยทานบารมีและเมตตา
บารมี ย้อนไปในกาลอดีตโดยย้อนกลับไปดูชีวิตในช่วงมัชฌิมวัยของหลวงปูุเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา
จะพบว่าคราวใดที่หลวงปูุไม่มีพระรูปอื่นที่พอจะใช้ได้ โดยใช้ให้ไปเทศน์ในงานบุญมหาชาติตามวัด
ต่างๆ ทั้งใกล้และไกล ที่จัดงานบุญประเพณีเทศน์มหาชาติประจําปีนั้น ในคราวเช่นนั้นหลวงปูุต้อง
รับภาระในการไปเทศน์มหาชาติด้วยตนเองอยู่เป็นประจํา และในการไปเทศน์ทุกครั้งหลวงปูุจะ
กระทําในสิ่งที่พระทุกรูปและทุกวัดไม่เคยกระทํากันในสมัยนั้นแม้แต่ในสมัยนี้ แต่หลวงปูุชอบ
กระทําและปฏิบัติอยู่เป็นประจําทุกครั้งนั่นคือ ๑) หลวงปูุจะถวายกัณฑ์เทศน์คืนให้แก่วัดที่ไปเทศน์
ทุกครั้ง และยังเผื่อแผ่แก่ญาติโยมผู้ศรัทธาคนอื่นๆ ให้ได้มีส่วนร่วมบริจาคจัตุปัจจัยบําเพ็ญบุญกับ
หลวงปูุอีกด้วย โดยไม่เคยรับกัณฑ์เทศน์กลับวัดแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดถึงในกาลต่อๆ มาที่หลวงปูุ
ได้รับอาราธนาไปในงานวัดต่างๆ หลวงปูุก็จะถวายจัตุปัจจัยที่ได้รับประเคนทั้งหมดกลับคืนให้แก่
วัดนั้นๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจํานวนน้อยหรือจํานวนมากแค่ไหนหลวงปูุก็ไม่เคยรับ ทั้งไม่เคยรับ
สิ่งของเครื่องไทยทานที่ได้รับประเคนจากเจ้าภาพกลับวัดของท่านแม้แต่ครั้งเดียว การกระทําเช่นนี้
เป็นการบําเพ็ญบารมีประการที่ ๑) ในบารมี ๑๐ ประการ นั่นคือ ทานบารมี ที่หลวงปูุได้ปฏิบัติ
บําเพ็ญอยู่เป็นประจํา กล่าวคือหลวงปูุมีแต่ให้กับให้ หลวงปูุจะมีความสุขเอิบอิ่มใจในการบําเพ็ญ
ทานบารมีตลอดอายุขัย แม้แต่ในสมัยจวนใกล้มรณะกาลอันจะเป็นวาระสุดท้ายแห่งชีวิตที่แขนทั้ง
สองข้างของหลวงปูุยกของทานแทบไม่ได้ ซ้ําแขนอีกข้างหนึ่งยังมีเข็มน้ําเกลือของคุณหมอปักอยู่ใน
เส้นเลือดใหญ่มีสายห้อยระโยงระยางเชื่อมต่อไปยังกระปุกน้ําเกลือที่ห้อยอยู่ที่เสาสําหรับแขวนขวด
น้ําเกลือ แล้ววันนั้นก็ฉันอะไรไม่ได้เอาเสียเลยอยู่นั่นเอง หลวงปูุยังมีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาหยิบของ
ทานออกแจกจ่ายแก่ลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาจนหมดเรี่ยวหมดแรง หลวงปูุถึงกับล้มหงายลงไป
ในทันทีที่เสร็จภารกิจแจกทาน จนลูกศิษย์รับไว้แทบไม่ทัน นั่นแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการที่
หลวงปูุเป็นผู้ที่ยิ่งด้วยทานบารมี มีอุปนิสัยจิตใจเบิกบานและยิ่งใหญ่เยี่ยงพระโพธิสัตว์ มีความหนัก
แน่นมั่นคงในการบําเพ็ญทานบารมีเพื่อโพธิญาณ ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวด้วยความอดทนและ
เสียสละอย่างสูง ๒) หลวงปูุจะไม่ชอบขึ้นไปพักพาอาศัยหรือใช้สอยเสนาสนะภายในวัดที่หลวงปูุ
เดินทางไปเทศน์ รวมทั้งไม่ขึ้นไปพักบนศาลาการเปรียญซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเทศน์มหาชาตินั้นด้วย
หลวงปูุจะขึ้นไปบนศาลาก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นไปเทศน์เท่านั้น หลวงปูุชอบพักใต้ร่มเงาของ
ต้นไม้แห่งใดแห่งหนึ่งภายในวัด ขั้นที่สุดแม้แต่เสื่อ สาด อาสนะ ที่มีผู้นํามาเพื่อจะปูถวาย หลวงปูุก็
ไม่ยอมให้เขาปูโดยบอกให้เขาเอากลับคืนไปทุกครั้งไป ทั้งนี้หลวงปูุได้ให้เหตุผลฟังเข้าใจง่ายๆ ว่า
เมื่อไม่ได้ช่วยท่านสร้างแล้วจะไปช่วยท่านใช้ได้อย่างไรกัน
ปฏิบัติหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์
ลักษณะเด่นแห่งทานบารมีอีกอย่างหนึ่งของหลวงปูุ ก็คือเด่นในด้านการให้เภสัชเป็นทาน
ได้แก่การให้ยาเป็นเภสัชทานแก่คนเจ็บคนปุวยด้วยจิตเมตตา โปรดทราบว่าหลวงปูุมีคุณลักษณะ
พิเศษของหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกผู้นี้เป็นแพทย์หลวงประจําราชสํานักของพระเจ้าพิมพิสาร
แห่งมหานครราชพฤกษ์ และเป็นแพทย์ใหญ่ประจําองค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัย
พุทธกาล เป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์อย่างเยี่ยมยอด หลวงปูุนั้นก็ได้เรียนรู้จนเชี่ยวชาญ
และมีความชํานาญในเวชศาสตร์หลายสาขา สามารถรักษาผู้ปุวยไข้ไม่สบายด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ได้เป็นอย่างดี กล่าวเฉพาะในบางกรณี เช่นกรณีของคนที่ประสบอุบัติเหตุอย่างสาหัสจนสลบไสล
ไม่ได้สติ เช่น คนตกจากที่สูง คนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนอาการสาหัสและคนที่ประสบ
อุบัติเหตุต่างๆ จนร่างกายเนื้อตัวเป็นแผลเหวอะหวะเลือดไหลท่วมตัวไปหมด เป็นต้น หลวงปูุจะ
ทําการบําบัดรักษาด้วยการเอาน้ํามันยาสมุนไพรทาตามบาดแผล ในกรณีที่มีกระดูกหักหลวงปูุก็ใช้
เปลือกไม้ไผ่ดามส่วนที่แตกหักนั้น ต้มยาสมุนไพรให้อาบด้วยให้กินด้วย ในกรณีที่ผู้ปุวยต้องอาบยา
ต้มสมุนไพรนั้น ขณะน้ํายาต้มสมุนไพรกําลังเดือดจัดหลวงปูุก็ให้ยกหม้อยาต้มลงเอาน้ําเย็นผสมนิด
หน่อย จากนั้นหลวงปูุจะใช้เทียนขี้ผึ้งแท้จุดไฟบริกรรมคาถาให้น้ําตาเทียนหยดลงไปในน้ํายาต้ม
สมุนไพร เสร็จแล้วให้คนเจ็บนอนคว่ําหน้า ให้คนปกติสี่คนจับแขนและขาของผู้ปุวยคนละข้าง ให้
คนที่ห้ากดตรงกลางลําตัวของผู้ปุวย หลวงปูุเอากระบวยกะลามะพร้าวตักน้ํายาขึ้นจากปี๊บ
เบื้องแรกหลวงปูุจะใช้ปากอมน้ํายาต้มนั้นพ่นไปตามร่างกายของคนเจ็บ พอน้ํายาต้มที่ยังค่อนข้าง
ร้อนจัดซึ่งหลวงปูุพ่นออกไปจากปาก ไปถูกมือเข้าเท่านั้นพวกที่จับแขนขาและกดลําตัวคนเจ็บอยู่
จะร้องเสียงหลงจนต้องสะบัดมือหนีกันทุกคน จากนั้นหลวงปูุก็เทน้ํายาต้มราดไปตามร่างกายของ
คนเจ็บ คราวนี้ทั้งพวกที่จับแขนขาคนเจ็บรวมทั้งคนเจ็บด้วยก็ดิ้นเร่าๆ เพราะน้ํายาต้มร้อนมาก
ร้อนจนเนื้อตัวมือไม้แดงเป็นสีเลือดไปหมด แต่น่าอัศจรรย์ใจตรงที่ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งมีแผลไหม้พุพอง
แม้แต่จุดเดียว ทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์การรักษาพยาบาลคนเจ็บด้วยน้ํายาต้มสมุนไพรที่
เดือดและร้อนจัดเช่นนี้ ต่างก็ตระหนักดีถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเวชมนต์คาถาและน้ํายาต้มสมุนไพร
ของหลวงปูุ คนปุวยหนักที่ได้รับการบําบัดรักษาทุกคนต่างรู้สึกผ่อนคลายหายจากอาการเจ็บปุวย
และในที่สุดล้วนหายกันไปทุกราย ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปุวยเหล่านั้น ขณะอยู่ในวัยเพียง
๖ ขวบเศษ ได้รับอุบัติเหตุอย่างรุนแรงถึงสลบ พ่อแม่นึกว่าตายแล้วด้วยซ้ําไป แต่เมื่อกลับฟื้นขึ้นมา
ได้จึงได้นําไปรับการบําบัดรักษาจากหลวงปูุโดยวิธีนี้เช่นเดียวกัน ชีวิตถึงได้อยู่รอดปลอดภัยมา
จนถึงปัจจุบันนี้
อีกกรณีหนึ่งเป็นกรณีของผู้ปุวยรายหนึ่งซึ่งถูกภรรยาใช้มีดอีโต้อันคมกริบฟันข้อเท้าจนเท้า
เกือบขาด ในขณะที่สามีกําลังนอนหลับใหลในยามค่ําคืน หมอจะตัดเท้าข้างนั้นทิ้งไปแต่คนเจ็บไม่
ยอมให้ตัด ญาติได้นําไปรับการรักษาจากหลวงปูุ หลวงปูุได้ใช้เฝือกไม้ไผ่มัดดามเท้าส่วนที่ถูกตัด
เกือบขาดนั้นให้ติดกันเอาไว้ ทําน้ํามันมนต์สมุนไพรให้คนเจ็บใช้ทาตรงบาดแผลที่ถูกตัดและให้อาบ
น้ํายาสมุนไพรที่ต้มจนเดือดร้อนระอุตามไปด้วย ตั้งแต่ได้เริ่มการรักษาไปเพียงไม่กี่เดือนอาการ
บาดเจ็บของคนปุวยรายนี้ก็หาย และสามารถเดินเหินได้ด้วยดีเป็นปกติเหมือนเดิมในเวลาต่อมา
ญาติพี่น้องลูกหลานของหลวงปูุอีกร่วม ๑๐ คน ที่ประสบอุบัติเหตุแตกต่างกันไปอย่างรุนแรงถึง
แขนขาหักทุกคนก็ได้รับการบําบัดรักษาจากหลวงปูุและหายเป็นปกติดีด้วยกันทั้งนั้น
หลวงปูุได้ทําหน้าที่เหมือนหมอชีวกโกมารภัจจ์ ทําการบําบัดรักษาอาการเจ็บปุวยของผู้คนที่เจ็บไข้
ไม่สบายด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นาๆ เป็นจํานวนมากมายในแต่ละปี ได้บําเพ็ญเภสัชทานบารมีคือ
การให้ยาเป็นทานอยู่เป็นเวลานานหลายสิบปีไม่มีท้อแท้เบื่อหน่าย โดยไม่เรียกรับค่ายาค่ารักษา
แม้แต่ครั้งเดียว แต่ได้ให้การบําบัดรักษาบรรดาผู้เจ็บไข้เจ็บปุวยด้วยจิตเมตตาอย่างแท้จริง
ในงานบุญมหาชาติซึ่งจัดเทศน์พระเวสสันดรชาดกเป็นประจําทุกปี ในแต่ละปีที่วัดบ้านนา
เมืองสมัยก่อนนั้น หลวงปูุจะใช้หม้อทองแดงใบใหญ่ต้มยาสมุนไพรร่วม ๑๐ หม้อ สําหรับแจกจ่าย
น้ํายาต้มเป็นเภสัชทานแก่ผู้คนจํานวนมากที่ไปนั่งฟังเทศน์มหาชาติตลอดทั้งวัน ซึ่งยาที่หลวงปูุ
แจกจ่ายให้แก่คนผู้ได้รับประทานกันนั้นเป็นประเภทยาอายุวัฒนะ รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกถ้วนหน้า ผู้เขียนสมัยอยู่ในวัยเด็กประถมปีที่ ๑ ๒ ๓ ๔ มีหน้าที่ยกถาดน้ํายา
ต้มถ้วยเล็กๆ เดินแจกผู้คนจนเหงื่อไหลไคลย้อยนั่นเทียว
ในยามปกติหลวงปูุจะพาลูกศิษย์ไปปุาหาเก็บสมุนไพรชนิดต่างๆ จากนั้นในกรณีที่เป็นยา
ต้ม ก็จะนํามาสมุนไพรทั้งต้นและรากมาตัดเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อที่จะใส่ในหม้อต้มได้ ให้พร้อมที่จะใช้
ต้มเป็นยารับประทานได้ สําหรับยาชนิดผงนั้น หลวงปูุก็จะให้เอาสมุนไพรมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสร็จ
แล้วให้เอาไปตากแดดจนแห้งสนิทแล้วให้บดเป็นยาผงบรรจุซอง บางขนานก็ทําเป็นยาลูกกลอน
โดยเอายาชนิดผงผสมน้ําผึ้งเดือนห้าแท้ทําเป็นยาลูกกลอน แล้วนํายาชนิดผงและชนิดลูกกลอน
บรรจุซองแจกจ่ายเป็นเภสัชทานแก่ปวงมหาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เจ็บไข้ไม่สบายแล้วบ่ายหน้ามา
หา หลวงปูุก็มีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาแจกหยูกยาให้รับประทานตามอาการแห่งโรค หลวงปูุได้ประกอบ
กุศลกิจและกุศลกรรมบําเพ็ญสาธารประโยชน์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้แก่มวลมหาชนตลอดช่วงเวลาแห่ง
มัชฌิมวัยโดยไม่มีเวลาว่างเว้น แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าหลวงปูุได้บําเพ็ญทานบารมีและเมตตา
บารมีอันยิ่งใหญ่ไพศาลอย่างประเมินค่าไม่ได้นั้นเทียว
เมตตาเปลื้องทุกข์ อานวยสุข
นอกจากการปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่คนเจ็บไข้ไม่สบายให้ได้หายจากอาการเจ็บปุวยด้วยการ
บําบัดรักษาและการให้ยาเป็นเภสัชทานแล้ว หลวงปูุยังมีเมตตาอํานวยความสุขและความสมหวังดัง
ใจประสงค์ ให้เกิดให้มีแก่ญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาโดยทั่วไปได้อีกลักษณะหนึ่งด้วย คํากล่าวของคน
พาลที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” นั้น ยังคงเป็นคํากล่าวที่ได้รับความเชื่อถืออยู่เป็นอันมาก และเป็น
เรื่องยากที่จะมองข้ามไปโดยไม่มีการหยุดคิดพินิจพิจารณา ผู้มีสติปัญญาจึงควรพินิจพิจารณาให้
ถ่องแท้ก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องอะไร สองเรื่องใหญ่ที่จะกล่าวต่อไปนี้นับเป็นเรื่องสําคัญอัน
เกี่ยวข้องกับบุญวาสนาบารมีส่วนตัวของหลวงปูุโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพราะไม่มีผู้ใดใครคนหนึ่งซึ่งจะมี
บุญมากล้น จนสามารถถ่ายเทหรือสืบทอดเอาคุณสมบัติและบุญวาสนาบารมีของหลวงปูุ ให้มาตก
อยู่เป็นคุณสมบัติส่วนตนของผู้ใดใครคนหนึ่งจนฉลาดสามารถเหมือนหลวงปูุนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
แน่นอน มี ๒ เรื่องที่อยู่ภายใต้คํากล่าวของคนโบราณที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
เรื่องที่ ๑ คือเรื่องพิธีกรรมทําน้ําพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บุคคลหรือแก่
สถานที่ที่ได้รับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์จากหลวงปูุ เรื่องนี้ทุกคนที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุคง
จะรู้และตระหนักดีว่าพิธีกรรมการทําน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุนั้น เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มีบุญ
ฤทธิ์อํานวยผลแก่บุคคลผู้ได้รับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์และแก่สถานที่ที่เจ้าภาพประสงค์ให้
เกิดความเป็นสิริมงคล ทุกคนที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุจึงขอรับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์จาก
หลวงปูุอยู่เป็นประจํา ที่กล่าวนี้ถือเป็นพิธีกรรมที่สําคัญยิ่ง พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้มีองค์ประกอบที่
สําคัญอยู่ ๔ ประการ คือ
ประการที่ ๑ คือ องค์ของหลวงปูุ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่สําคัญสุด เพราะหลวงปูุมี
คุณธรรมพิเศษและมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ที่คนทั่วไปรู้และเข้าใจว่าเป็นความขลังหรือความ
ศักดิ์สิทธิ์อันใครๆ ไม่สามารถเลียนแบบได้
ประการที่ ๒ คือ คาถาที่หลวงปูุใช้สวดในการประกอบพิธีทําน้ําพระพุทธมนต์ทุกครั้ง บาง
บทก็เป็นบทสวดมนต์ที่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์นั่นเอง แต่บางบทก็ไม่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์
เหล่านั้น
ประการที่ ๓ คือสิ่งของที่ใช้ประกอบในการทําน้ําพระพุทธมนต์ในสมัยก่อนนั้น สิ่งของที่
หลวงปูุให้จัดหาและเตรียมมาเพื่อประกอบในพิธีกรรมนี้จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของบุคคลผู้ที่มา
ขอรับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์เป็นสําคัญ แต่สิ่งของส่วนใหญ่ที่ให้จัดหามาในทุกวัตถุประสงค์
จะเหมือนกันเกือบทั้งหมด คือ (๑) ใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ โดยให้เอาขี้ผึ้งแท้มาทําเป็นเล่มเทียน ขณะทํา
ให้เป็นเล่มเทียนนั้นจะให้ถูกน้ําไม่ได้ ไส้เทียนนั้นให้ใช้ฝูาย ๗ เส้น น้อยหรือมากกว่านี้ไม่ได้ ความโต
ของลําเทียนให้มีขนาดโตเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของผู้ที่จะรับน้ํามนต์ และลําเทียนนั้นก็ให้มีความยาว
๑ คืบของผู้ที่จะรับน้ํามนต์ (๒) ใช้น้ําบริสุทธิ์ประมาณ ๓ ลิตร (๓) ใช้ผ้าขาวหนึ่งพับ (๔) ใช้ข้าวสาร
ประมาณ ๗ กิโลกรัม (๕) ใช้มะพร้าวอ่อน ๓ ลูก (๖) ใช้กล้วยน้ําว้า ๑ หวี (๗) ใช้สัตว์ต่างๆ ที่ใช้
เป็นอาหารรับประทานในชีวิตประจําวัน โดยให้จัดหามาเป็นส่วนประกอบในพิธี เพื่อที่จะให้ผู้
ประกอบพิธีนี้ได้นําไปปล่อยให้ชีวิตเป็นทาน สัตว์ต่างๆ ที่ว่านี้ เช่น ไก่ ๓ ตัว และสัตว์น้ําชนิดต่างๆ
เช่น ปลาที่ใช้เป็นอาหารทุกวัน เป็นต้น ถ้าทําบุญอายุวัฒนะมงคลแก่ตนเอง กําหนดให้จัดหาปลา
ให้ได้จํานวนเท่ากับอายุของผู้ทําบุญและให้มากกว่าอายุ ๑ ตัว ส่วนวัตถุประสงค์ของผู้จะรับน้ําพระ
พุทธมนต์ก็มีแตกต่างกันไป เช่น ผู้ทําบุญวันเกิด ผู้ทําบุญขึ้นบ้านใหม่ ผู้ทําบุญในโอกาสจะเดิน
ทางไกล ผู้ที่มีบุตรยากและอยากมีบุตร คือมีบุตรแล้วเลี้ยงไม่โตมีแต่ตายกับตาย หรือผู้ประสงค์
ทําบุญในโอกาสรับตําแหน่งหน้าที่การงานใหม่ เป็นต้น ส่วนสิ่งของที่ใช้ประกอบในการทําน้ําพระ
พุทธมนต์ในแต่วัตถุประสงค์นั้นก็จะมีเพิ่มขึ้นอีก เช่น คนอยากมีบุตรก็จะให้จัดหาผ้าซิ่นเพิ่มอีก ๑
ผืน เป็นต้น
ประการที่ ๔ คือในหนึ่งสัปดาห์หลวงปูุจะประกอบพิธีทําน้ําพระพุทธมนต์เฉพาะในวัน
พฤหัสบดีและในวันเสาร์เท่านั้น ไม่ทําในวันอื่นนอกจาก ๒ วันนี้ และในเวลาการประกอบพิธีก็มี
เพียง ๒ ช่วงเวลาเท่านั้น คือเวลาช่วงเก้าโมงเช้าและช่วงบ่ายสามโมง ช่วงละประมาณชั่วโมงเศษ
เท่านั้น ไม่ทําในเวลาอื่นนอกจากนี้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญไม่แพ้องค์ประกอบอื่นๆ
องค์ประกอบดังกล่าวนี้ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร และไม่มีใครเข้าใจเหตุและผลได้ดีเท่ากับหลวง
ปูุเอง
องค์ประกอบทั้ง ๔ ประการดังกล่าวนี้ ผู้ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดกับหลวงปูุจากปี พ.ศ.
๒๔๘๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๓ ย่อมตระหนักเป็นอย่างดีว่าพิธีกรรมทําน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุ ย่อม
เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มีบุญฤทธิ์ให้สําเร็จกิจอันพึงประสงค์แก่ผู้ศรัทธาเชื่อถือเช่นที่กล่าวแล้วนี้ทุก
ประการ
ท่านที่เคารพนับถือและศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุมาเป็นเวลานาน ย่อมจะซาบซึ้งใจในความ
ขลังและความศักดิ์สิทธิ์แห่งน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุเป็นอย่างดี ทุกคนที่ได้รับน้ํามนต์หลวงปูุ
แล้วต่างพูดตรงกันว่ารับน้ํามนต์จากหลวงปูุแล้วสบายใจและมีความสุขใจมาก บ้างก็ว่าได้รับ
ความสําเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจการงาน บ้างก็ว่าได้รับความสมหวังในสิ่งที่พึงประสงค์จํานงหมาย
หลายรายบอกว่ามีโชคดีร่ํารวยขึ้น บ้างก็ว่าได้ลาภลอย หรือมีความเจริญก้าวหน้าในตําแหน่งหน้าที่
การงานอย่างคาดไม่ถึง บางคนที่มีบุตรยากหรือมีบุตรแล้วเลี้ยงไม่โตมีแต่ตายกับตาย เมื่อหลวงปูุ
แผ่เมตตาทําน้ํามนต์ปะพรมให้และให้รับน้ํามนต์ไปไว้ดื่มที่บ้านเช่นนี้แล้วก็มีบุตรสมปรารถนา หรือ
มีบุตรแล้วก็เลี้ยงง่ายไม่ล้มหายตายจากไปเหมือนเมื่อก่อน แต่ในกรณีนี้หลวงปูุจะตรวจสอบด้วย
พลังจิตก่อนว่ารายใดมีบุตรได้หรือมีบุตรไม่ได้ หรือรายที่เลี้ยงบุตรยากนั้นนอกจากจะเมตตาทําน้ํา
พระพุทธมนต์ให้แล้ว หลวงปูุยังเมตตาสั่งสอนเน้นย้ําให้เป็นคนดีมีคุณธรรม สอนให้มีศีลมีสัตย์
ไม่ให้พูดจาคําหยาบคาย ไม่ให้ดุด่าบ่นว่าติฉินนินทาใครๆ เป็นต้น อีกด้วย
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เรื่องที่ ๒ คือเรื่องให้โชคให้ลาภ
กรณีนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งน่าอัศจรรย์ทั้งนี้เพราะหลวงปูุดํารงชีวิตอยู่ในแบบสมณะวิสัยที่
ประเสริฐ แนะนําสั่งสอนตักเตือนผู้คนแต่ในสิ่งดีงาม และสนทนาปราศรัยไปตามปกติธรรมดา แต่
กลับมีผู้โชคดีเอาคําสอนของหลวงปูุไปตีเป็นเลขรางวัลที่ ๑ บ้าง รางวัลเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัวบ้าง
และพากันถูกหวยรวยเบอร์อยู่เป็นประจํา อย่างนี้ก็ควรจะเรียกว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เพราะ
หลวงปูุไม่ได้บอกหวยบอกเบอร์อะไรเลย ความจริงตัวอย่างพระดังในทางใบ้หวยจนมีคนรวยเป็น
กอบเป็นกําก็มีให้เห็นตําหูตําตาอยู่ออกบ่อยในยุคสมัยนั้น แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะแบบไฟไหม้ฟาง
คือลุกโหมกระหน่ําฟูุฟุาอยู่เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ในที่สุดก็พลิกผันเป็นดับสนิทและปิดฉากลา
โลงกันไปทั้งหมดตามกฎธรรมดา พระที่บอกใบ้หวยจนดังเป็นพรุแตกก็อยู่ในลักษณะเดียวกันกับไฟ
ไหม้ฟาง หรือดังอยู่ไม่นานในที่สุดก็ดับไปเช่นเดียวกัน ไม่มีพระรูปไหนจะยืนยงคงกระพันอยู่ได้นาน
แม้แต่รูปเดียว ส่วนหลวงปูุกลับตรงกันข้ามกับพระดังที่ชอบใบ้หวย คือหลวงปูุจะไม่กระทําตน
เช่นนั้น ขณะเดียวกันหลวงปูุจะมีแต่เมตตาปรารถนาดีอยากให้ทุกคนที่เคารพเชื่อฟังประสบแต่
ความสําเร็จสมหวังในสิ่งอันพึงประสงค์ ให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขทุกประการ นั่นคือปณิธานอันบริสุทธิ์ที่
หลวงปูุมีต่อทุกคนที่พากันมาเคารพนับถือ และผู้ศรัทธาเหล่านั้นก็พากันร่ํารวยถูกหวยรวยทรัพย์
นับไม่ถ้วนทั้งนั้น ปรากฏการณ์เช่นนี้คงเป็นเพราะบุญบารมีอันแก่กล้าซึ่งเกิดจากกุศลกรรมที่หลวง
ปูุได้บําเพ็ญให้เป็นไปแล้วตั้งแต่ในอดีตชาติ และที่หลวงปูุได้บําเพ็ญให้เป็นไปอยู่ในปัจจุบันชาตินี้
เป็นแน่ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลดีกับพฤติกรรมและการกระทําของหลวงปูุอยู่เรื่อยๆ เสมอมา
เป็นเวลานาน นอกจากนั้นน่าจะเป็นเพราะว่าบุคคลที่ประสบความสําเร็จในชีวิตเหล่านั้นมีความ
ศรัทธาเลื่อมใสและเชื่อมั่นในหลวงปูุเป็นอย่างสูง จึงพลอยเป็นเหตุปัจจัยให้วาจาอันใดที่หลวงปูุ
กล่าวออกไปด้วยจิตเมตตาปรารถนาดี กลายเป็นวาจาอันศักดิ์สิทธิ์มีบุญฤทธิ์ประสิทธิ์ประสาทพร
ชัยให้สิ่งร้ายกลายเป็นดี ให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วเป็นสิ่งที่ดีเพิ่มพูนทวีคูณยิ่งๆ ขึ้นไป แก่คนทั้งหลายที่
เคารพศรัทธาเชื่อถือในองค์หลวงปูุอีกด้วย นับเป็นเวลากว่า ๖๐ ปี ที่หลวงปูุได้เป็นประหนึ่งร่มโพธิ์
ร่มไทร ให้แต่ความร่มเย็นเป็นสุขปลดเปลื้องทุกข์กําจัดภัยอํานวยประโยชนสุข ให้เกิดแต่สิ่งอันเป็น
สวัสดีมงคลแก่ปวงชนทุกหมู่เหล่าตลอดมา จึงปรากฏว่าศรัทธาเชื่อถือของผู้คนเป็นอันมากที่มีต่อ
หลวงปูุยังคงยืนหยัดอยู่ได้เรื่อยมาโดยไม่มีวันเสื่อมคลาย คนทั้งหลายจํานวนมากหน้าหลายตาจาก
ต่างถิ่น ต่างถิ่นฐานสถานะ ทั้งถิ่นใกล้และถิ่นไกล ทั้งสถานะสูงสถานะต่ํา ต่างหลั่งไหลเข้าไป
นมัสการกราบไหว้หลวงปูุอยู่เป็นประจําทุกวันทุกปีไม่มีว่างเว้น จึงแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด
แจ้งว่าหลวงปูุคือพระผู้เปี่ยมด้วยบุญฤทธิ์มีจิตเมตตาสามารถปลดเปลื้องทุกข์และอํานวยประโยชน
สุขให้แก่ผู้คนที่ศรัทธาเลื่อมใสได้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย หลวงปูุมีเมตตาต่อบุคคลทุกประเภททุกหมู่
เหล่าโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกตําแหน่งแห่งหนหรือหน้าที่การงาน ไม่เลือกยศศักดิ์อัครฐานว่า
สูงหรือต่ําเพียงไรแค่ไหน ไม่เลือกว่ายากดีมีจนทุกคนจะได้รับความเมตตาจากหลวงปูุอย่างเท่า
เทียมและเสมอเหมือนกันหมด ความสามารถในการปลดเปลื้องทุกข์และอํานวยประโยชน์สุขแก่
มวลมหาชนดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดและเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ใจของมวลศิษย์ถึงทาน
บารมีและเมตตาบารมีอันยิ่งใหญ่ไพศาลของหลวงปูุ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมอันประเสริฐและ
เมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่อย่างประเมินค่ามิได้โดยแท้
แผ่เมตตาบารมีแม้แก่ภูตผีปีศาจ
ใช่ว่าหลวงปูุจะมีเมตตาปรารถนาดีเฉพาะแต่กับเหล่ามนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ๒ จําพวกนี้
เท่านั้นก็หามิได้ หลวงปูุยังมีเมตตาจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่เหล่าภูตผีปีศาจ และแก่เหล่าเทพา
อารักษ์ทุกฝุาย ทั้งฝุายที่มุ่งร้ายและฝุายที่มุ่งดีอีกด้วย ขอยกตัวอย่างบางกรณีเฉพาะที่สําคัญเท่านั้น
เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ตระหนักและประจักษ์แจ้งแก่ใจถึงเมตตาบารมีของหลวงปูุดังต่อไปนี้
กรณีแรกเกิดขึ้นที่จวนข้าหลวงหรือบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน
สมัยนั้น กล่าวคือ บ้านพักผู้ว่าฯ หลังนี้ว่ากันว่าผีดุมาก จนไม่มีใครกล้าเข้าไปพักพาอาศัยอยู่ได้ ผู้ว่า
ท่านนี้ที่พอย้ายเข้าไปอยู่ก็ได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวด้วยตัวท่านเองเหมือนกัน
จนท่านไม่สามารถอยู่อาศัยอย่างปกติสุขได้ ต่อมาท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบถึงคุณธรรม
ความมีเมตตาสูงของหลวงปูุ ท่านจึงได้ไปกราบอาราธนาหลวงปูุให้ไปเจริญเมตตาที่บ้านพักทาง
ราชการของท่าน หลวงปูุได้รับอาราธนาและได้ไปพักที่บ้านพักของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้
เป็นเวลาสามวันสามคืน โดยได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
ให้แก่ภูตผีปีศาจที่อยู่อาศัยในบ้านพักหลังนี้ ในที่สุดปีศาจร้ายก็จากไปโดยไม่หวงแหนสถานที่นี้อีก
ต่อไป ทําให้ท่านผู้ว่าและครอบครัวได้กลับเข้าไปพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ด้วยความสงบสุข ปลอดภัย
ตลอดเวลาที่ท่านรับตําแหน่งเป็นผู้ว่าอยู่ที่จังหวัดนี้
เมื่อหลายสิบปีที่แล้วผู้เขียนได้มีโอกาสพบปะสนทนา และรับฟังเรื่องนี้จากปากของผู้ว่า
ท่านนี้ด้วยตนเอง โดยท่านผู้ว่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังที่วัดนรนาถสุนทริการาม เทเวศร์
กรุงเทพมหานคร ในโอกาสที่ท่านได้อาราธนาหลวงปูุไปแผ่เมตตาประกอบพิธียกเสาเอกเพื่อปลูก
บ้านหลังใหม่ที่กรุงเทพมหานคร ท่านผู้ว่าพร้อมคณะได้รับหลวงปูุไปที่วัดนรนาถสุนทริการาม เพื่อ
ขอให้หลวงปูุได้พักอยู่ที่วัดนรนาถสุนทริการามนี้ ก่อนอาราธนาหลวงปูุไปประกอบพิธียกเสาเอก
เพื่อปลูกบ้านใหม่ที่กรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น นั่นคือที่มาของเรื่องนี้
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่วัดบ้านนาเมืองของหลวงปูุเอง และเกิดขึ้นเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี
ก่อนเรื่องปีศาจร้ายที่เกิดขึ้น ณ บ้านพักของท่านผู้ว่า เรื่องที่ ๒ นี้เป็นเรื่องของหญิงสาวแม่ลูกอ่อน
คนหนึ่งที่มีลูกชายวัยประมาณ ๑๐ เดือน หญิงสาวคนนี้เจ็บปุวยด้วยโรคอะไรไม่มีใครทราบ แม้แต่
หมอที่โรงพยาบาลของรัฐก็ไม่รับรักษา เพราะหมอตรวจแล้วไม่พบสาเหตุว่าผู้หญิงคนนี้ปุวยเป็นโรค
อะไร ญาติจึงได้นําเธอไปรับการรักษาที่วัดหลวงปูุ คงเป็นเพราะญาติได้ทราบกิตติคุณอันวิเศษของ
หลวงปูุในเรื่องการรักษาพยาบาลคนเจ็บไข้ไม่สบายทั่วไป จึงได้ไปฝากฝังเธอพร้อมกับลูกชายของ
เธอเองซึ่งมีวัยเพียง ๑๐ เดือน ให้อยู่อาศัยภายในวัดเพื่อพึ่งบุญบารมีของหลวงปูุ วิธีการรักษานั้นก็
เหมือนกับบุคคลอื่นทั่วๆ ไป คือหลวงปูุให้รับประทานยาต้มสมุนไพร ซึ่งโดยปกติก็มีต้มอยู่เป็น
ประจําทุกวันไม่ได้ขาด และให้ทํางานดายหญ้าปัดกวาดลานวัดเช่นเดียวกับคนอื่นที่มาอยู่อาศัย
ภายในวัด งานปัดกวาดลานวัดก็ดี งานถอนหญ้าดายหญ้า เป็นต้นก็ดี เวลาที่หลวงปูุบอกให้ไป
ทํางานเหล่านี้ หลวงปูุจะพูดว่าให้พากันไปเอาบุญ หลวงปูุจะนําพาผู้คนทํางานบุญเหล่านี้ทั้งภาค
กลางวันและภาคเย็นจนย่ําค่ํา พอถึงเวลากลางคืนหลวงปูุก็จะสอนบทแผ่เมตตา สอนบทสวดมนต์
ภาวนาต่างๆ ให้แก่ทุกคน เริ่มแรกพระภิกษุทยอยกันเข้าเรียนก่อน สามเณรและลูกศิษย์ทั้งชาย
และหญิงเข้าเรียนเป็นลําดับถัดไป โดยแต่ละคนต้องเข้าไปนั่งต่อคิวเพื่อเรียนกันทีละคนจนถึงคน
สุดท้าย หลวงปูุได้สอนบทแผ่เมตตาบ้าง บททําวัตรสวดมนต์บ้าง วันละท่อนสั้นๆ ให้ผู้เรียนแต่ละ
คนว่าตามท่านไปจนจําได้คล่องจึงให้หยุดท่องจํา และให้ออกไปทบทวนตามลําพังอีก วันถัดไป
หลวงปูุก็สอนบทใหม่ต่อจากบทที่ให้ท่องเมื่อวันวาน ทุกคนจะเวียนกันเข้าออกที่ละคนเพื่อเรียนบท
สวดมนต์บทใหม่จากหลวงปูุ ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นประจําทุกวันในตอนค่ํามิได้ขาด
ในค่ําวันนั้นขณะที่หญิงสาวแม่ลูกอ่อนคนนี้ กําลังนั่งเรียนบทท่องจําบทใหม่ที่หลวงปูุสอนให้ว่าตาม
อยู่นั่นเอง เสียงท่องจําของเธอจะดังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เสียงของเธอดังจนกลายเป็นเสียงตะโกน และ
ร้องเอะอะโวยวายดังลั่นขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพูดอะไร พอเสียงของเธอเงียบหายไปเพียงครู่เดียว
เธอก็ล้มตึงลงไปในทันที หลังจากเธอนอนแน่นิ่งไปอึดใจเดียวเท่านั้น เธอก็มีเสียงพูดออกจากปาก
ของเธออย่างพรั่งพรูฟังดูไม่ใช่เสียงของเธอแม้แต่น้อย แต่เป็นเสียงของผู้หญิงแก่บ้าง เป็นเสียงของ
ผู้ชายแก่บ้าง เป็นเสียงห้าวๆ ของผู้ชายวัยฉกรรจ์บ้าง เสียงห้าวๆ นี้ ได้ประกาศชื่อเสียงเลียงนาม
ของตนเอง และบอกว่าเป็นเจ้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ทําหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ ๖
จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นก็มีเสียงพูดจาปราศรัยผิดแผกแตกต่างกันไปอีกร่วม ๑๐ เสียง มีทั้ง
เสียงของฝุายหญิงและเสียงของฝุายชาย ฟังดูรู้สึกหดหู่ใจวิเวกวังเวงน่าสะพรึงกลัวจนหลายคนขน
หัวลุกซู่กันเป็นแถว ช่วงแรกๆ เป็นเสียงผู้หญิงแก่ต่อว่าต่อขานญาติๆ ของหญิงสาว และกล่าวหา
สารพัดอย่าง เช่นกล่าวหาว่าหญิงสาวแม่ลูกอ่อนคนนี้ไม่ได้ความเป็นธรรมในการจัดสรรปันส่วน
ทรัพย์สินมรดก เป็นต้น เมื่อแต่ละเสียงได้พูดถึงเรื่องต่างๆ เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ต่อมาก็มี
เสียงผู้หญิงแก่กลับมาพูดอีก คราวนี้พูดชมความสะอาดสะอ้าน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและ
ความสงบร่มรื่นของวัด ถัดมาก็เป็นเสียงผู้ชายแก่พูดถึงลูกน้อยวัด ๑๐ เดือนของหญิงสาวว่า วันนี้อี
หนูมันไม่ยอมดูแลลูกของมันเลย มันปล่อยให้ลูกน้อยของมันคลานไปบนสะพานไม้ ๒ แผ่น ที่ทอด
ไปยังศาลากลางสระน้ําจนถึงกลางสะพาน ถ้าปูุไม่ดูแลให้เด็กน้อยก็ตกน้ําตายไปแล้ว เหตุการณ์ที่
เด็กน้อยคลานไปจนถึงกลางสะพานในช่วงเวลากลางวันนั้น แม่ของเด็กน้อยได้เล่าให้สามเณรน้อย
รูปหนึ่งฟังตั้งแต่ก่อนหัวค่ําแล้วว่า วันนี้พี่รู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวและปวดหัวมาก หูตาก็ฟุาฟาง
ไปหมด ลูกน้อยคลานไปจนถึงกลางสะพานก็ไม่มีปัญญาไปเอาเค้ากลับคืน วันนี้เณรน้อยไปไหนก็ไม่
รู้ จึงไม่ช่วยพี่ดูลูกน้อยของพี่เหมือนวันก่อน เณรน้อยเองก็นึกไม่ถึงว่าตอนกลางคืนจะต้องมาฟังคุณ
ปูุผู้มาเยือนยามค่ําคืน ได้พูดถึงเด็กน้อยที่คลานไปบนสะพานไม้แคบๆ เพียง ๒ แผ่น จนถึงกลาง
สะพานตรงกลางสระน้ําเข้าให้อีก เมื่อมองไม่เห็นรูปร่างของคุณปูุและไม่เห็นรูปร่างของผู้มาเยือน
ท่านอื่นๆ ได้ยินแต่เสียงพูดเช่นนี้ เณรน้อยก็พลอยเกิดอาการขนลุกชูชันไปทั่วทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้
เสียงของผู้มาเยือนยามค่ําคืนซึ่งไม่ปรากฏรูปร่างทั้งหลายเหล่านั้น ยังคงพูดกันอยู่อย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องเครื่องไทยทานมากมายที่มีผู้ถวายหลวงปูุและวางอยู่แถวนั้นให้พวก
เขาได้แลเห็น พวกเขาพูดวกไปวนมาจนคุณยายชีท่านหนึ่งซึ่งนั่งฟังอยู่และเห็นเหตุการณ์โดยตลอด
ได้กล่าวขึ้นว่า “ขณะนี้เป็นเวลาดึกแล้วกลับกันไปเสียทีเถอะ” เท่านั้นแหล่ะได้เรื่องเลย มีเสียง
ห้าวๆ เสียงหนึ่งดุยายชีขึ้นว่า “เดี๋ยวชีนี้โดนดี มึงมีดีอะไรวะ จึงพูดกับกูเช่นนี้ กูไม่กลัวมึงนะ แม้แต่
อาจารย์บุญมีกูก็ยังไม่กลัว เพราะท่านไม่มีวิชาอาคมอะไรจะมาขับไล่กู แต่กูเคารพนับถือยําเกรง
เมตตาธรรมของท่านเท่านั้น พวกกูอยู่อีกไม่นานก็จะกลับกันไปเอง”
จากเรื่องที่เล่ามานี้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด ถึงคําสอนที่หลวงปูุพร่ําสอนอยู่เสมอๆ
ว่า อย่าได้ไปร่ําเรียนวิชาอาคมขับไล่ไสส่งภูตฝีปีศาจ เพราะผีก็เหมือนคนเรานี่แหล่ะ คนเราทุกคน
ไม่ชอบให้ใครๆ มาขับไล่ไสส่ง พวกผีเขาก็ไม่ชอบให้ขับไล่ไสส่งเช่นเดียวกัน ถ้าไปขับไล่ไสส่งเขาจน
เขาพ่ายแพ้ไปในคราวนี้ คราวหน้าเขาไปหาเรียนวิชาอาคมมาสู้ใหม่ คนเราชอบพูดดีๆ พวกผีปีศาจ
เขาก็ชอบให้พูดดีๆ เหมือนกันนั่นแหล่ะ นั้นช่างเป็นคําสอนที่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
เสียจริงๆ
หลวงปูุไม่เคยสอนวิชาอาคมขับไล่ไสส่ง มีแต่สอนให้แผ่เมตตาตลอด หลวงปูุกล่าวว่าวิชา
อาคมในการขับไล่ไสส่งนั้น นอกจากจะไม่เป็นผลดีแก่ใครผู้ใดเลยแล้ว ซ้ํายังจะหวนกลับมา
กลายเป็นผลร้ายแก่ผู้เรียนในภายหลังได้อีกด้วย เรื่องที่หลวงปูุมีเมตตาจิตจนทําให้เหล่าภูตผีปีศาจ
เคารพนับถือนี้ มีความจริงในอดีตเป็นข้อพิสูจน์หลายครั้งหลายหนจนนับครั้งไม่ถ้วน เช่นในกรณีที่
ชาวไร่ชาวนาหลายคน ที่ทําการหักร้างถางพงในที่นาของตน เพื่อขยายพื้นที่ทําไร่ทํานาเพิ่มขึ้น ถ้า
สถานที่นั้นมีเทพาอารักษ์พิทักษ์รักษาหรือมีภูตผีปีศาจอาศัยอยู่ พวกเขาจะไม่ชอบที่ไปรุกราน
สถานที่ที่พวกเขาอยู่อาศัย ดังนั้นพวกเขาจึงทําให้เกิดเหตุอาเพศต่างๆ หลายอย่าง เช่น ทําวัวควาย
ของคนที่ไปบุกรุกให้มีอันเป็นไปถึงกับล้มทั้งยืน นอนดิ้นทุรนทุรายน้ําลายฟูมปาก หรือมิฉะนั้นก็ทํา
ให้ผู้คน คนใดคนหนึ่งในครอบครัวของผู้ที่ไปรุกรานเจ้าที่เขา มีอันต้องเป็นไปในทางร้ายต่างๆ นาๆ
โดยไม่ทราบสาเหตุจนได้ เป็นต้น ทําให้พวกเขาทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นการกระทําของเจ้าที่เจ้าทาง
อย่างไม่ต้องสงสัย และทําให้พวกเขาไม่กล้าที่จะทําอะไรในการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่นั้นต่อไปได้อีก
เพราะหวาดกลัวความเฮี้ยนของเจ้าที่เจ้าทาง ณ สถานที่นั้น
ในกรณีต่างๆ เช่น บ้านอยู่อาศัยมีเหตุเพศภัยเกิดขึ้นก็ดี สถานที่ที่ทํามาหากินมีเหตุ
ก่อให้เกิดความเดือดร้อนก็ดี ตามตัวอย่างดังกล่าวนี้ หลวงปูุเคยได้รับอาราธนาให้ไปแผ่เมตตา
สถานที่ที่มีปัญหาเหล่านั้นอยู่เป็นประจํา เช่น สถานที่ตรงหัวไร่ปลายนาที่ยังเป็นปุาละเมาะ
เจ้าของต้องการหักร้างถางพงขยายเป็นที่ทํานาเพิ่ม แต่เมื่อลงมือถากถางทีไรมีเหตุเพศภัยร้ายๆ
เกิดขึ้นทุกที เมื่อหลวงปูุได้รับนิมนต์ให้ไปยังสถานที่ดังกล่าวนั้น ได้ไปพักค้างแรมแผ่เมตตาเป็นเวลา
คืนสองคืนแล้ว จากนั้นหลวงปูุก็จะบอกว่าพื้นที่ตรงไหนสามารถทําการแผ้วถางได้ หรือพื้นที่
ตรงไหนแผ้วทางยังไม่ได้ หรือขยายเพิ่มได้ในขอบเขตเท่าใด อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเขาแผ้วถางตามที่
หลวงปูุชี้แนะ เขาก็สามารถแผ้วถางพื้นที่ที่ต้องการขยายเพิ่มได้ด้วยดีตามที่หลวงปูุชี้แนะให้ ไม่มี
เหตุเพศภัยหรืออันตรายอะไรๆ เกิดขึ้นอีก ทุกอย่างก็สงบเรียบร้อยปลอดภัยไม่มีปัญหา
ครั้งที่ผู้เขียนเป็นเด็กน้อยคอยรับใช้ ก็ได้เคยติดตามหลวงปูุไปด้วยทุกครั้ง ได้รู้ได้เห็นจนเป็นที่
ประจักษ์แก่ใจในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงกล่าวได้ว่าเมตตาธรรมของหลวงปูุมีพลังอันยิ่งใหญ่
ไพศาล สามารถบันดาลให้เกิดให้มีแต่สิ่งดีๆ ได้ทุกอย่าง ชั้นที่สุดแม้แต่พวกผีปีศาจที่ดุร้ายก็ยังเชื่อ
ฟังเคารพยําเกรงในเมตตาธรรมของหลวงปูุจนได้
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะได้กล่าวถึง คือเรื่องที่ดงปูุตาอันเป็นปุาไม้ใหญ่ แต่ละต้นใหญ่โตขนาด
สามคนโอบโน่นทีเดียว ดงปูุตานี้อยู่ที่บ้านก้านเหลืองนั่นเอง ชาวบ้านนับถือปูุตาตรงนี้ว่าศักดิ์สิทธิ์
สภาพปุาจึงยังคงอุดมสมบูรณ์ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องได้ เมื่อชาวบ้านพากันศรัทธาเชื่อถือในบุญ
บารมีของหลวงปูุแล้วเช่นนี้ จึงได้ถวายต้นไม้ที่ดงปูุตาให้หลวงปูุเพื่อเอาไปทําประโยชน์ได้ หลวงปูุ
ได้เข้าไปพักอาศัยอยู่ที่ดงปูุตานี้เป็นเวลานานหลายเดือน พิธีที่หลวงปูุนําชาวบ้านปฏิบัติกัน ก่อนที่
จะให้ทํา การตัดต้นไม้ใหญ่นั้น คือหลวงปูุจะจุดธูปเทียนอธิษฐานจิตแผ่เมตตาเสร็จ จะนํากล่าวว่า
“ข้าพเจ้าทุกคนจะปฏิบัติตนอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดปด ไม่พูดคําหยาบคาย ไม่
นินทาว่าร้ายใครๆ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอให้ภูตผีปีศาจเทพารักษ์ ผู้พิทักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้ ได้โปรด
รับทราบและอนุโมทนาสาธุการ กับการประพฤติดี ปฏิบัติชอบของปวงข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ด้วยเถิด”
ดังนี้เป็นต้น จากนั้นจึงให้ชาวบ้านลงมือตัดต้นไม้ได้ ตลอดเวลาที่หลวงปูุอยู่ที่นี่ มีแต่ความสงบสุข
เป็นปกติดีทุกประการ มีกรณีเดียวเท่านั้นที่ทุกคนต่างตื่นตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า นั่นคือกรณีที่
ต้นไม้ใหญ่กําลังเคลื่อนจากโคน พร้อมที่จะหักโค่นลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง และฝุายชาวบ้านผู้เลื่อย
โคนต้นไม้ เมื่อเห็นว่าต้นไม้ใหญ่พร้อมจะหักโค่นลงล้มลงไปแล้ว ต่างวิ่งหนีไปไกลกันทุกคนนั้น ส่วน
หลวงปูุยังคงยืนจับโคนต้นไม้นั้นอยู่ พอเห็นว่าต้นไม้จะล้มไปทางไหนหลวงปูุก็จะเดินอ้อมไปอีกทาง
หนึ่ง การกระทําของหลวงปูุดังกล่าวนี้ ทําให้ชาวบ้านส่งเสียงกรีดร้องกันระงมไปทั้งปุา เพราะทุก
คนเมื่อได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าหวาดเสียวอยู่ต่อหน้าเช่นนั้น ต่างส่งเสียงร้องระงมเซ็งแซ่ และ
ขอให้หลวงปูุหลบออกไปเสียจากที่ตรงนั้น แต่หลวงปูุกลับมีอาการปกติดีทุกประการ ไม่สะทก
สะท้านหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น ชาวบ้านจึงเชื่อกันสนิทใจว่าหลวงปูุมีของดีพูดกับภูตผีปีศาจได้ พูดกับ
เทพาอารักษ์ได้ เจ้าที่เจ้าทางทั้งฝุายร้ายและฝุายดีต่างเข้าใจและยอมรับในเมตตาบารมีของหลวงปูุ
จึงได้ช่วยกันปกปูองคุ้มครองหลวงปูุและลูกศิษย์ลูกหาทุกคน ให้ปราศจากอันตรายและเหตุร้าย
ต่างๆ ทุกประการ ขณะเดียวกันหลวงปูุก็ได้อบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม
ตลอดเวลาที่พํานักอยู่ที่ดงปูุตานี้
ฉะนั้น วัดของหลวงปูุในสมัยโน้นจึงเป็นสถานที่ที่มีผู้คนมากมายหลายประเภท หลากหลาย
อาชีพ พากันหนีร้อนไปพึ่งเย็น คือพึ่งบุญบารมีของหลวงปูุอยู่เป็นประจํา ผู้คนเหล่านั้นมีทั้งคนเจ็บ
คนปุวยด้วยโรคทางกายชนิดต่างๆ และมีคนเจ็บปุวยด้วยโรคทางจิตสารพัดประเภท มีทั้งคนที่
ชาวบ้านเรียกกันว่า “ผีปอบเข้าผีเจ้าสิง” คนกลัดกลุ้มลุ่มร้อนผิดหวังในชีวิต รวมทั้งคนที่มุ่งต่อ
ความสงบสุขทางจิต เป็นต้น หลวงปูุก็มีเมตตารับคนเหล่านั้นไว้ให้พักพาอาศัยอยู่ภายในวัด ตอน
กลางวันหลวงปูุจะพาพวกเขาเอาบุญ คือพาทํางานดายหญ้า งานปัดกวาดลานวัด งานขุดหลุม
สําหรับปลูกต้นไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มะม่วง มะพร้าว เป็นต้น ถึงตอนเย็นก็จะให้เรียนบททําวัตรไหว้
พระสวดมนต์และบทแผ่เมตตา จากนั้นหลวงปูุก็จะสอนธรรมะขั้นพื้นฐาน สอนการแผ่เมตตาและ
สอนการฝึกสมาธิภาวนา จนได้เวลาพอสมควรก็ให้พักผ่อนหลับนอนกันได้
สารวมระวังกาย วาจา รักษาอากัปกิริยาของสมณะอย่างเคร่งครัด
ในช่วงมัชฌิมวัย ขณะที่หลวงปูุยังคงทําหน้าที่อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรภายในวัดด้วย
ตนเองอยู่นั้น นอกจากจะประพฤติปฏิบัติให้ดูเป็นแบบอย่างในทางที่ดีงามแล้ว หลวงปูุยังมีเมตตา
สั่งสอนพระภิกษุสามเณรในยามค่ําหลังจากทําวัตรค่ําเสร็จ เป็นประจําทุกวันอีกด้วย ก่อนที่จะทํา
การสั่งสอนนั้น หลวงปูุจะเอาหนังสือพระวินัยอ่านให้พระเณรฟังก่อน จากนั้นก็จะสอนให้สํานึก
และให้ตระหนักในภาวะพระและภาวะสามเณร ว่าเป็นภาวะที่แตกต่างจากภาวะของฆราวาส
อย่างไร ถ้าผู้ใดยังรักยังชอบในกิริยาอาการและชีวิตแบบฆราวาสอยู่ หลวงปูุก็แนะให้เอาผ้าเหลือง
ออก และบอกให้กลับไปนุ่งห่มแบบฆราวาส คือให้สึกหาลาเพศไปเสีย หลวงปูุพร่ําสอนพระภิกษุ
สามเณรอยู่เสมอว่า การจับกลุ่มสุมหัวคุยกันสรวลเสเฮฮากันดังลั่น อันเป็นกิริยาอาการเยี่ยง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล

More Related Content

Featured

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by HubspotMarius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTExpeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsPixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfmarketingartwork
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsKurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summarySpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentLily Ray
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best PracticesVit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementMindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...RachelPearson36
 

Featured (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลวงปู่บุญมี โชติปาโล

  • 2. คานา หนังสือเล่มนี้เกิดจากศรัทธาของนายสุธี แก้วตา ลูกชายของนางคํามั่น แก้วตา ซึ่งนาง คํามั่น แก้วตา เป็นน้องสาวคนสุดท้องของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล ดังนั้น จึงถือว่านายสุธี แก้วตา คือ หลานชายของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล ที่มีโอกาสใกล้ชิดกับหลวงปูุมาตั้งแต่ยังเด็กเล็ก ด้วย ความศรัทธาเคารพรักในหลวงปูุบุญมี โชติปาโล เป็นเสมอมา จึงได้มีความประสงค์จะนําเสียงคํา อ่านประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล จากระบบแฟูมข้อมูลชนิด MP3 ออกมาสู่ในรูปแบบของหนังสือ ที่สะดวกต่อการอ่านของญาติโยมพุทธศาสนิกชนคนไทย ทั้งนี้ แฟูมประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล ชนิด MP3 สามารถ Download โดยใช้ QR code ดังนี้ เมื่อทุกท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทําให้ทราบว่าทําไมหลวงปูุบุญมี โชติปาโล จึง เกี่ยวข้องอะไรเกี่ยวกับ “ช้างเผือก” และทําไมผู้คนถึงได้ยกย่องว่าหลวงปูุ คือ “พระดีศรีอุบลฯ” คณะผู้จัดทําหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยบุญกุศลบารมีของหลวงปูุบุญมี โชติปาโล และแรง ศรัทธาของนายสุธี แก้วตา ในการจัดทําหนังสือในครั้งนี้ จะสามารถทําให้ผู้อ่านผู้มีจิตศรัทธาทุก ท่านได้รับอานิสงส์ผลบุญหนุนนําให้ได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ และ มากมีในบุญ “มีบุญ และ บุญมี” ตลอด กาลและนาน เทอญ คณะผู้จัดทํา
  • 3. สารบัญ หน้า คํานํา ประวัติหลวงปูุบุญมี โชติปาโล คุณลักษณะแห่งช้างเผือก บรรพชาและอุปสมบท สมถะและเรียบง่าย ปฏิบัติหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์ เมตตาเปลื้องทุกข์ อํานวยสุข “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เรื่องที่ ๒ คือเรื่องให้โชคให้ลาภ แผ่เมตตาบารมีแม้แก่ภูตผีปีศาจ สํารวมระวังกาย วาจา รักษาอากัปกิริยาของสมณะอย่างเคร่งครัด เน้นเรื่องความปลอดภัยไร้เชื้อโรค เด็ดขาดในการบริหาร ชาญฉลาดในการนําสั่งสมบุญ ให้ธรรมะเป็นทานตลอดชีวิต คําสอนเน้นบุญคุณของพระแก้วสององค์ รู้อดีต รู้อนาคต
  • 4. ประวัติหลวงปู่บุญมี โชติปาโล • กําเนิด หลวงปูุบุญมี โชติปาโล เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๒ ตรงกับวันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๓ ปีระกา เวลา ๑๒.๐๐ น. ที่บ้านตําแย ตําบลไร่น้อย อําเภอเมือง จังหวัด อุบลราชธานี • บิดา มารดา โยมบิดาชื่อ กุ กุศลคุณ โยมมารดาชื่อ เลื่อน กุศลคุณ • พี่น้อง หลวงปูุมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑๐ คน คือ ๑. หลวงปูุบุญมี โชติปาโล ๒. นางสมบูรณ์ มูลมั่ง ๓. นายเผ่า กุศลคุณ ๔. นางสอน เนื่องเฉลิม ๕. นายเลิศ กุศลคุณ ๖. เด็กหญิงก้าน กุศลคุณ ๗. นายเผย กุศลคุณ ๘. นางอูบแก้ว ยอดคุณ ๙. นางคําหล้า ทัศนาลักษณ์ ๑๐. นางคํามั่น แก้วตา ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่คนเดียวเท่านั้น คือ นางคํามั่น แก้วตา คุณลักษณะแห่งช้างเผือก คําโบราณที่ว่าช้างเผือกเกิดในปุานั้น โบราณท่านกล่าวเจาะจงความหมาย ๒ ประการ ความหมายประการที่ ๑ ท่านหมายถึงช้างเผือกโดยตรง ซึ่งเป็นช้างมงคลตระกูลหนึ่ง ในบรรดาช้าง ๑๐ ตระกูล ตามตําราคชลักษณ์ อันปกติธรรมดาแห่งสีของช้างเผือกนั้นจะมีสีตัวเป็น สีเผือกหรือสีกายแดงอ่อนอย่างปูนแห้ง ช้างเผือกเป็นช้างที่มีลักษณะองอาจผึ่งผาย ท่วงทีกิริยาท่า เดินงามสง่าน่าเกรงขาม สมัยโบราณมีการกล่าวขานและเชื่อถือกันสืบมาว่า ถ้าพระมหากษัตริย์ พระองค์ใดได้ช้างเผือกหรือช้างมงคลหัตถีไว้ประดับพระบารมี แผ่นดินของพระมหากษัตริย์ พระองค์นั้นจะมีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ไพร่ฟูาประชาชีก็อยู่ดีมีแต่สุขทุกถ้วนหน้า ข้อนี้เห็นได้จาก
  • 5. กรณีของพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ ซึ่งมีช้างเผือกตัวประเสริฐชื่อปัจจัยนาเคนทร์ เป็นช้างมงคล หัตถีคู่บุญบารมี ทวยประชาชีของพระองค์ล้วนมีแต่ความสงบสุข แผ่นดินทุกหย่อมหญ้าก็มีแต่ ความอุดมสมบูรณ์ ฟูาฝนชลธารก็ตกต้องตามฤดูกาล ปรากฏการณ์อันเป็นอุดมมงคลทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดแต่บุญบารมีและกุศลสมภารของพระบรมโพธิสัตว์เวสสันดรและช้างเผือกปัจจัยนาเคนทร์ เป็นสําคัญ ความหมายประการที่ ๒ ท่านกล่าวโดยปริยาย หมายถึง คนดีหรือคนผู้มีบุญ ซึ่งเป็นคนที่ ถือกําเนิดเกิดอยู่ในบ้านนอกคอกนา หรือเกิดอยู่บ้านปุาบ้านดอน หาได้เกิดในนครหลวงหรือเมือง ใหญ่ไพศาลแต่ประการใดไม่ แต่คนดีหรือคนผู้มีบุญบารมีที่ว่านี้ ย่อมเกิดมาเพื่อเสียสละความสุข ส่วนตน เพื่อบําเพ็ญประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ไพศาลแก่มวลมหาชนโดยแท้ หลวงปูุบุญมี จึงนับเป็น ช้างเผือกหรือช้างมงคลหัตถีเชือกประเสริฐจากผืนปุาอันอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี ตาม คํากล่าวของนักปราชญ์สมัยโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้เพราะหลวงปูุได้เกิดมาในโลกนี้เพื่อ บําเพ็ญบุญบารมีสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม อํานวยประโยชนสุขแก่ปวงชนทุกหมู่เหล่าโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ ไม่เลือกว่ายากดีมีจน หลวงปูุมีจิตเมตตาปรารถนาดีแก่ทุกคนเสมอเหมือนกันหมดทุกถ้วน หน้า นับตั้งแต่คลอดจากครรภ์มารดาเพียงไม่กี่ปีหลวงปูุก็ส่อแววแห่งช้างเผือก คือแสดงออกซึ่ง ลักษณะนิสัยแห่งบุคคลผู้มีบุญญาธิการตั้งแต่ในวัยเด็ก มีความกล้าหาญชาญฉลาด มีความสามารถ ในการกระทํา คําพูด และความคิด กอปรด้วยไหวพริบปฏิภาณเป็นอัจฉริยะ มีอุปนิสัยจิตใจในการ เป็นผู้นํา ดูแต่ในวัยเด็กเพียงเจ็ดแปดขวบยังแสดงออกถึงความเป็นผู้นําด้วยการปีนขึ้นไปนั่งอยู่บน ต้นไม้เพื่อสังเกตดูทุกคนที่ทํางานในท้องไร่ท้องนา เช่น งานปักดําหรืองานเก็บเกี่ยวข้าว เป็นต้น ถ้า เห็นใครสักคนไม่ตั้งหน้าตั้งตาทํางาน เด็กน้อยก็จะขว้างก้อนดินหรือก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่เตรียม เอาไว้ไปยังคนผู้นั้น พร้อมกับร้องสั่งให้ตั้งหน้าตั้งตาทํางานอย่างจริงจัง เหล่านี้เป็นต้น แรงแห่งเนกขัมมะบารมี อันบุญบารมีที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คนเราออกบวชได้นั้น นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาท่านเรียกว่า “เนกขัมมะบารมี” คือบารมีที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้ ออกบวช เราท่านทั้งหลายที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ย่อมไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสามารถหยั่งรู้อย่างลึกซึ้ง ว่าหลวงปูุได้บําเพ็ญเนกขัมมะบารมีมาตั้งแต่ในภพใดชาติไหนในภพในชาติที่เป็นอดีตล่วงมาแล้ว เพราะเนกขัมมะบารมีอันหลวงปูุได้บําเพ็ญแล้วนั้น ได้เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้คุณพ่อกุต้องนําลูกชาย บุญมีไปถวายไว้กับหลวงลุงคือหลวงปูุสีทา ชยเสโน ที่วัดบูรพาราม อําเภอเมือง จังหวัด อุบลราชธานี ตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ หลวงปูุจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ในวัดบูรพารามแห่งนี้ตั้งแต่ในวัยเด็ก และได้อุทิศชีวิตในพุทธศาสนาจวบถึงวันและเวลาละสังขาร
  • 6. บรรพชาและอุปสมบท ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ขณะอายุย่างเข้าปีที่ ๑๔ หลวงปูุได้รับการบรรพชาเป็น สามเณรที่วัดศรีทอง อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ลุถึงวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ํา เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา หลวงปูุได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุใน พระพุทธศาสนา ณ วัดศรีทอง อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก ชิตเสโน(เสน) เจ้าอาวาสวัดศรีทองในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์เพ็ง เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระมหาสว่างเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาในทางมคธภาษาว่า “โชติ ปาโล” สมถะและเรียบง่าย หลวงปูุเป็นพระมหาเถระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยม มีอากัปกิริยาที่ สํารวมระวังในทุกอิริยาบถ ใช้ชีวิตแบบสมถะเรียบง่ายตามวิสัยแห่งสมณะ คือมีปกติอยู่ง่าย กินง่าย พักอาศัยอยู่แต่ในกุฏิแบบกระท่อมหลังเล็กๆ จนตลอดชีวิต และฉันมื้อเดียวตลอดชีวิต บรรดา ลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธาทุกคนที่ไปมาหาสู่หลวงปูุอยู่เป็นประจําย่อมจะทราบดีว่าหลวง ปูุไม่เคยใช้กุฏิหลังใหญ่โตใดๆ ไม่ว่าหลังไหนๆ ที่มีอยู่ภายในวัดจํานวนหลายหลังเป็นสถานที่อยู่ อาศัยจําพรรษาแม้แต่ครั้งเดียว เดินทางไปไหนมาไหนก็เดินทางแบบเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองหรือไม่ เจ้ายศเจ้าอย่างแต่ประการใด อันปกติธรรมดาแห่งอัชฌาสัยและลักษณะนิสัยของหลวงปูุนั้น คือมี ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเกรงใจ และให้ความเคารพนพนอบไหว้พระเถระที่มีอาวุโสโดย พรรษาทุกครั้งที่หลวงปูุได้พบเห็น และเวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ประสงค์ให้ใครๆ ต้องลําบาก ยุ่งยากเพราะตนเอง โดยเฉพาะกิจนิมนต์ที่วัดต่างๆ อาราธนามานั้น ถ้าหลวงปูุไม่ติดศาสนกิจอื่นใด หลวงปูุจะรับอาราธนาและเดินทางไปในกิจนิมนต์นั้นทุกครั้งไป จะฉลองศรัทธาของเจ้าภาพและผู้ เลื่อมใสด้วยความเรียบง่ายและด้วยเมตตาจิตเสมอมาไม่เคยละเว้น ยิ่งด้วยทานบารมีและเมตตา บารมี ย้อนไปในกาลอดีตโดยย้อนกลับไปดูชีวิตในช่วงมัชฌิมวัยของหลวงปูุเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา จะพบว่าคราวใดที่หลวงปูุไม่มีพระรูปอื่นที่พอจะใช้ได้ โดยใช้ให้ไปเทศน์ในงานบุญมหาชาติตามวัด ต่างๆ ทั้งใกล้และไกล ที่จัดงานบุญประเพณีเทศน์มหาชาติประจําปีนั้น ในคราวเช่นนั้นหลวงปูุต้อง รับภาระในการไปเทศน์มหาชาติด้วยตนเองอยู่เป็นประจํา และในการไปเทศน์ทุกครั้งหลวงปูุจะ กระทําในสิ่งที่พระทุกรูปและทุกวัดไม่เคยกระทํากันในสมัยนั้นแม้แต่ในสมัยนี้ แต่หลวงปูุชอบ กระทําและปฏิบัติอยู่เป็นประจําทุกครั้งนั่นคือ ๑) หลวงปูุจะถวายกัณฑ์เทศน์คืนให้แก่วัดที่ไปเทศน์ ทุกครั้ง และยังเผื่อแผ่แก่ญาติโยมผู้ศรัทธาคนอื่นๆ ให้ได้มีส่วนร่วมบริจาคจัตุปัจจัยบําเพ็ญบุญกับ
  • 7. หลวงปูุอีกด้วย โดยไม่เคยรับกัณฑ์เทศน์กลับวัดแม้แต่ครั้งเดียว ตลอดถึงในกาลต่อๆ มาที่หลวงปูุ ได้รับอาราธนาไปในงานวัดต่างๆ หลวงปูุก็จะถวายจัตุปัจจัยที่ได้รับประเคนทั้งหมดกลับคืนให้แก่ วัดนั้นๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจํานวนน้อยหรือจํานวนมากแค่ไหนหลวงปูุก็ไม่เคยรับ ทั้งไม่เคยรับ สิ่งของเครื่องไทยทานที่ได้รับประเคนจากเจ้าภาพกลับวัดของท่านแม้แต่ครั้งเดียว การกระทําเช่นนี้ เป็นการบําเพ็ญบารมีประการที่ ๑) ในบารมี ๑๐ ประการ นั่นคือ ทานบารมี ที่หลวงปูุได้ปฏิบัติ บําเพ็ญอยู่เป็นประจํา กล่าวคือหลวงปูุมีแต่ให้กับให้ หลวงปูุจะมีความสุขเอิบอิ่มใจในการบําเพ็ญ ทานบารมีตลอดอายุขัย แม้แต่ในสมัยจวนใกล้มรณะกาลอันจะเป็นวาระสุดท้ายแห่งชีวิตที่แขนทั้ง สองข้างของหลวงปูุยกของทานแทบไม่ได้ ซ้ําแขนอีกข้างหนึ่งยังมีเข็มน้ําเกลือของคุณหมอปักอยู่ใน เส้นเลือดใหญ่มีสายห้อยระโยงระยางเชื่อมต่อไปยังกระปุกน้ําเกลือที่ห้อยอยู่ที่เสาสําหรับแขวนขวด น้ําเกลือ แล้ววันนั้นก็ฉันอะไรไม่ได้เอาเสียเลยอยู่นั่นเอง หลวงปูุยังมีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาหยิบของ ทานออกแจกจ่ายแก่ลูกหลานลูกศิษย์ลูกหาจนหมดเรี่ยวหมดแรง หลวงปูุถึงกับล้มหงายลงไป ในทันทีที่เสร็จภารกิจแจกทาน จนลูกศิษย์รับไว้แทบไม่ทัน นั่นแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงการที่ หลวงปูุเป็นผู้ที่ยิ่งด้วยทานบารมี มีอุปนิสัยจิตใจเบิกบานและยิ่งใหญ่เยี่ยงพระโพธิสัตว์ มีความหนัก แน่นมั่นคงในการบําเพ็ญทานบารมีเพื่อโพธิญาณ ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวด้วยความอดทนและ เสียสละอย่างสูง ๒) หลวงปูุจะไม่ชอบขึ้นไปพักพาอาศัยหรือใช้สอยเสนาสนะภายในวัดที่หลวงปูุ เดินทางไปเทศน์ รวมทั้งไม่ขึ้นไปพักบนศาลาการเปรียญซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเทศน์มหาชาตินั้นด้วย หลวงปูุจะขึ้นไปบนศาลาก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นไปเทศน์เท่านั้น หลวงปูุชอบพักใต้ร่มเงาของ ต้นไม้แห่งใดแห่งหนึ่งภายในวัด ขั้นที่สุดแม้แต่เสื่อ สาด อาสนะ ที่มีผู้นํามาเพื่อจะปูถวาย หลวงปูุก็ ไม่ยอมให้เขาปูโดยบอกให้เขาเอากลับคืนไปทุกครั้งไป ทั้งนี้หลวงปูุได้ให้เหตุผลฟังเข้าใจง่ายๆ ว่า เมื่อไม่ได้ช่วยท่านสร้างแล้วจะไปช่วยท่านใช้ได้อย่างไรกัน ปฏิบัติหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์ ลักษณะเด่นแห่งทานบารมีอีกอย่างหนึ่งของหลวงปูุ ก็คือเด่นในด้านการให้เภสัชเป็นทาน ได้แก่การให้ยาเป็นเภสัชทานแก่คนเจ็บคนปุวยด้วยจิตเมตตา โปรดทราบว่าหลวงปูุมีคุณลักษณะ พิเศษของหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกผู้นี้เป็นแพทย์หลวงประจําราชสํานักของพระเจ้าพิมพิสาร แห่งมหานครราชพฤกษ์ และเป็นแพทย์ใหญ่ประจําองค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัย พุทธกาล เป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านเภสัชศาสตร์อย่างเยี่ยมยอด หลวงปูุนั้นก็ได้เรียนรู้จนเชี่ยวชาญ และมีความชํานาญในเวชศาสตร์หลายสาขา สามารถรักษาผู้ปุวยไข้ไม่สบายด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้เป็นอย่างดี กล่าวเฉพาะในบางกรณี เช่นกรณีของคนที่ประสบอุบัติเหตุอย่างสาหัสจนสลบไสล
  • 8. ไม่ได้สติ เช่น คนตกจากที่สูง คนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนอาการสาหัสและคนที่ประสบ อุบัติเหตุต่างๆ จนร่างกายเนื้อตัวเป็นแผลเหวอะหวะเลือดไหลท่วมตัวไปหมด เป็นต้น หลวงปูุจะ ทําการบําบัดรักษาด้วยการเอาน้ํามันยาสมุนไพรทาตามบาดแผล ในกรณีที่มีกระดูกหักหลวงปูุก็ใช้ เปลือกไม้ไผ่ดามส่วนที่แตกหักนั้น ต้มยาสมุนไพรให้อาบด้วยให้กินด้วย ในกรณีที่ผู้ปุวยต้องอาบยา ต้มสมุนไพรนั้น ขณะน้ํายาต้มสมุนไพรกําลังเดือดจัดหลวงปูุก็ให้ยกหม้อยาต้มลงเอาน้ําเย็นผสมนิด หน่อย จากนั้นหลวงปูุจะใช้เทียนขี้ผึ้งแท้จุดไฟบริกรรมคาถาให้น้ําตาเทียนหยดลงไปในน้ํายาต้ม สมุนไพร เสร็จแล้วให้คนเจ็บนอนคว่ําหน้า ให้คนปกติสี่คนจับแขนและขาของผู้ปุวยคนละข้าง ให้ คนที่ห้ากดตรงกลางลําตัวของผู้ปุวย หลวงปูุเอากระบวยกะลามะพร้าวตักน้ํายาขึ้นจากปี๊บ เบื้องแรกหลวงปูุจะใช้ปากอมน้ํายาต้มนั้นพ่นไปตามร่างกายของคนเจ็บ พอน้ํายาต้มที่ยังค่อนข้าง ร้อนจัดซึ่งหลวงปูุพ่นออกไปจากปาก ไปถูกมือเข้าเท่านั้นพวกที่จับแขนขาและกดลําตัวคนเจ็บอยู่ จะร้องเสียงหลงจนต้องสะบัดมือหนีกันทุกคน จากนั้นหลวงปูุก็เทน้ํายาต้มราดไปตามร่างกายของ คนเจ็บ คราวนี้ทั้งพวกที่จับแขนขาคนเจ็บรวมทั้งคนเจ็บด้วยก็ดิ้นเร่าๆ เพราะน้ํายาต้มร้อนมาก ร้อนจนเนื้อตัวมือไม้แดงเป็นสีเลือดไปหมด แต่น่าอัศจรรย์ใจตรงที่ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งมีแผลไหม้พุพอง แม้แต่จุดเดียว ทุกคนที่เคยผ่านประสบการณ์การรักษาพยาบาลคนเจ็บด้วยน้ํายาต้มสมุนไพรที่ เดือดและร้อนจัดเช่นนี้ ต่างก็ตระหนักดีถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเวชมนต์คาถาและน้ํายาต้มสมุนไพร ของหลวงปูุ คนปุวยหนักที่ได้รับการบําบัดรักษาทุกคนต่างรู้สึกผ่อนคลายหายจากอาการเจ็บปุวย และในที่สุดล้วนหายกันไปทุกราย ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปุวยเหล่านั้น ขณะอยู่ในวัยเพียง ๖ ขวบเศษ ได้รับอุบัติเหตุอย่างรุนแรงถึงสลบ พ่อแม่นึกว่าตายแล้วด้วยซ้ําไป แต่เมื่อกลับฟื้นขึ้นมา ได้จึงได้นําไปรับการบําบัดรักษาจากหลวงปูุโดยวิธีนี้เช่นเดียวกัน ชีวิตถึงได้อยู่รอดปลอดภัยมา จนถึงปัจจุบันนี้ อีกกรณีหนึ่งเป็นกรณีของผู้ปุวยรายหนึ่งซึ่งถูกภรรยาใช้มีดอีโต้อันคมกริบฟันข้อเท้าจนเท้า เกือบขาด ในขณะที่สามีกําลังนอนหลับใหลในยามค่ําคืน หมอจะตัดเท้าข้างนั้นทิ้งไปแต่คนเจ็บไม่ ยอมให้ตัด ญาติได้นําไปรับการรักษาจากหลวงปูุ หลวงปูุได้ใช้เฝือกไม้ไผ่มัดดามเท้าส่วนที่ถูกตัด เกือบขาดนั้นให้ติดกันเอาไว้ ทําน้ํามันมนต์สมุนไพรให้คนเจ็บใช้ทาตรงบาดแผลที่ถูกตัดและให้อาบ น้ํายาสมุนไพรที่ต้มจนเดือดร้อนระอุตามไปด้วย ตั้งแต่ได้เริ่มการรักษาไปเพียงไม่กี่เดือนอาการ บาดเจ็บของคนปุวยรายนี้ก็หาย และสามารถเดินเหินได้ด้วยดีเป็นปกติเหมือนเดิมในเวลาต่อมา ญาติพี่น้องลูกหลานของหลวงปูุอีกร่วม ๑๐ คน ที่ประสบอุบัติเหตุแตกต่างกันไปอย่างรุนแรงถึง แขนขาหักทุกคนก็ได้รับการบําบัดรักษาจากหลวงปูุและหายเป็นปกติดีด้วยกันทั้งนั้น
  • 9. หลวงปูุได้ทําหน้าที่เหมือนหมอชีวกโกมารภัจจ์ ทําการบําบัดรักษาอาการเจ็บปุวยของผู้คนที่เจ็บไข้ ไม่สบายด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นาๆ เป็นจํานวนมากมายในแต่ละปี ได้บําเพ็ญเภสัชทานบารมีคือ การให้ยาเป็นทานอยู่เป็นเวลานานหลายสิบปีไม่มีท้อแท้เบื่อหน่าย โดยไม่เรียกรับค่ายาค่ารักษา แม้แต่ครั้งเดียว แต่ได้ให้การบําบัดรักษาบรรดาผู้เจ็บไข้เจ็บปุวยด้วยจิตเมตตาอย่างแท้จริง ในงานบุญมหาชาติซึ่งจัดเทศน์พระเวสสันดรชาดกเป็นประจําทุกปี ในแต่ละปีที่วัดบ้านนา เมืองสมัยก่อนนั้น หลวงปูุจะใช้หม้อทองแดงใบใหญ่ต้มยาสมุนไพรร่วม ๑๐ หม้อ สําหรับแจกจ่าย น้ํายาต้มเป็นเภสัชทานแก่ผู้คนจํานวนมากที่ไปนั่งฟังเทศน์มหาชาติตลอดทั้งวัน ซึ่งยาที่หลวงปูุ แจกจ่ายให้แก่คนผู้ได้รับประทานกันนั้นเป็นประเภทยาอายุวัฒนะ รับประทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกถ้วนหน้า ผู้เขียนสมัยอยู่ในวัยเด็กประถมปีที่ ๑ ๒ ๓ ๔ มีหน้าที่ยกถาดน้ํายา ต้มถ้วยเล็กๆ เดินแจกผู้คนจนเหงื่อไหลไคลย้อยนั่นเทียว ในยามปกติหลวงปูุจะพาลูกศิษย์ไปปุาหาเก็บสมุนไพรชนิดต่างๆ จากนั้นในกรณีที่เป็นยา ต้ม ก็จะนํามาสมุนไพรทั้งต้นและรากมาตัดเป็นท่อนสั้นๆ เพื่อที่จะใส่ในหม้อต้มได้ ให้พร้อมที่จะใช้ ต้มเป็นยารับประทานได้ สําหรับยาชนิดผงนั้น หลวงปูุก็จะให้เอาสมุนไพรมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสร็จ แล้วให้เอาไปตากแดดจนแห้งสนิทแล้วให้บดเป็นยาผงบรรจุซอง บางขนานก็ทําเป็นยาลูกกลอน โดยเอายาชนิดผงผสมน้ําผึ้งเดือนห้าแท้ทําเป็นยาลูกกลอน แล้วนํายาชนิดผงและชนิดลูกกลอน บรรจุซองแจกจ่ายเป็นเภสัชทานแก่ปวงมหาชนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่เจ็บไข้ไม่สบายแล้วบ่ายหน้ามา หา หลวงปูุก็มีจิตเปี่ยมด้วยเมตตาแจกหยูกยาให้รับประทานตามอาการแห่งโรค หลวงปูุได้ประกอบ กุศลกิจและกุศลกรรมบําเพ็ญสาธารประโยชน์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้แก่มวลมหาชนตลอดช่วงเวลาแห่ง มัชฌิมวัยโดยไม่มีเวลาว่างเว้น แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าหลวงปูุได้บําเพ็ญทานบารมีและเมตตา บารมีอันยิ่งใหญ่ไพศาลอย่างประเมินค่าไม่ได้นั้นเทียว เมตตาเปลื้องทุกข์ อานวยสุข นอกจากการปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่คนเจ็บไข้ไม่สบายให้ได้หายจากอาการเจ็บปุวยด้วยการ บําบัดรักษาและการให้ยาเป็นเภสัชทานแล้ว หลวงปูุยังมีเมตตาอํานวยความสุขและความสมหวังดัง ใจประสงค์ ให้เกิดให้มีแก่ญาติโยมลูกศิษย์ลูกหาโดยทั่วไปได้อีกลักษณะหนึ่งด้วย คํากล่าวของคน พาลที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” นั้น ยังคงเป็นคํากล่าวที่ได้รับความเชื่อถืออยู่เป็นอันมาก และเป็น เรื่องยากที่จะมองข้ามไปโดยไม่มีการหยุดคิดพินิจพิจารณา ผู้มีสติปัญญาจึงควรพินิจพิจารณาให้ ถ่องแท้ก่อนที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องอะไร สองเรื่องใหญ่ที่จะกล่าวต่อไปนี้นับเป็นเรื่องสําคัญอัน เกี่ยวข้องกับบุญวาสนาบารมีส่วนตัวของหลวงปูุโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพราะไม่มีผู้ใดใครคนหนึ่งซึ่งจะมี
  • 10. บุญมากล้น จนสามารถถ่ายเทหรือสืบทอดเอาคุณสมบัติและบุญวาสนาบารมีของหลวงปูุ ให้มาตก อยู่เป็นคุณสมบัติส่วนตนของผู้ใดใครคนหนึ่งจนฉลาดสามารถเหมือนหลวงปูุนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ แน่นอน มี ๒ เรื่องที่อยู่ภายใต้คํากล่าวของคนโบราณที่ว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เรื่องที่ ๑ คือเรื่องพิธีกรรมทําน้ําพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บุคคลหรือแก่ สถานที่ที่ได้รับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์จากหลวงปูุ เรื่องนี้ทุกคนที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุคง จะรู้และตระหนักดีว่าพิธีกรรมการทําน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุนั้น เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มีบุญ ฤทธิ์อํานวยผลแก่บุคคลผู้ได้รับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์และแก่สถานที่ที่เจ้าภาพประสงค์ให้ เกิดความเป็นสิริมงคล ทุกคนที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุจึงขอรับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์จาก หลวงปูุอยู่เป็นประจํา ที่กล่าวนี้ถือเป็นพิธีกรรมที่สําคัญยิ่ง พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้มีองค์ประกอบที่ สําคัญอยู่ ๔ ประการ คือ ประการที่ ๑ คือ องค์ของหลวงปูุ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่สําคัญสุด เพราะหลวงปูุมี คุณธรรมพิเศษและมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ที่คนทั่วไปรู้และเข้าใจว่าเป็นความขลังหรือความ ศักดิ์สิทธิ์อันใครๆ ไม่สามารถเลียนแบบได้ ประการที่ ๒ คือ คาถาที่หลวงปูุใช้สวดในการประกอบพิธีทําน้ําพระพุทธมนต์ทุกครั้ง บาง บทก็เป็นบทสวดมนต์ที่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์นั่นเอง แต่บางบทก็ไม่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์ เหล่านั้น ประการที่ ๓ คือสิ่งของที่ใช้ประกอบในการทําน้ําพระพุทธมนต์ในสมัยก่อนนั้น สิ่งของที่ หลวงปูุให้จัดหาและเตรียมมาเพื่อประกอบในพิธีกรรมนี้จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของบุคคลผู้ที่มา ขอรับการปะพรมน้ําพระพุทธมนต์เป็นสําคัญ แต่สิ่งของส่วนใหญ่ที่ให้จัดหามาในทุกวัตถุประสงค์ จะเหมือนกันเกือบทั้งหมด คือ (๑) ใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ โดยให้เอาขี้ผึ้งแท้มาทําเป็นเล่มเทียน ขณะทํา ให้เป็นเล่มเทียนนั้นจะให้ถูกน้ําไม่ได้ ไส้เทียนนั้นให้ใช้ฝูาย ๗ เส้น น้อยหรือมากกว่านี้ไม่ได้ ความโต ของลําเทียนให้มีขนาดโตเท่ากับนิ้วหัวแม่มือของผู้ที่จะรับน้ํามนต์ และลําเทียนนั้นก็ให้มีความยาว ๑ คืบของผู้ที่จะรับน้ํามนต์ (๒) ใช้น้ําบริสุทธิ์ประมาณ ๓ ลิตร (๓) ใช้ผ้าขาวหนึ่งพับ (๔) ใช้ข้าวสาร ประมาณ ๗ กิโลกรัม (๕) ใช้มะพร้าวอ่อน ๓ ลูก (๖) ใช้กล้วยน้ําว้า ๑ หวี (๗) ใช้สัตว์ต่างๆ ที่ใช้ เป็นอาหารรับประทานในชีวิตประจําวัน โดยให้จัดหามาเป็นส่วนประกอบในพิธี เพื่อที่จะให้ผู้ ประกอบพิธีนี้ได้นําไปปล่อยให้ชีวิตเป็นทาน สัตว์ต่างๆ ที่ว่านี้ เช่น ไก่ ๓ ตัว และสัตว์น้ําชนิดต่างๆ เช่น ปลาที่ใช้เป็นอาหารทุกวัน เป็นต้น ถ้าทําบุญอายุวัฒนะมงคลแก่ตนเอง กําหนดให้จัดหาปลา ให้ได้จํานวนเท่ากับอายุของผู้ทําบุญและให้มากกว่าอายุ ๑ ตัว ส่วนวัตถุประสงค์ของผู้จะรับน้ําพระ พุทธมนต์ก็มีแตกต่างกันไป เช่น ผู้ทําบุญวันเกิด ผู้ทําบุญขึ้นบ้านใหม่ ผู้ทําบุญในโอกาสจะเดิน
  • 11. ทางไกล ผู้ที่มีบุตรยากและอยากมีบุตร คือมีบุตรแล้วเลี้ยงไม่โตมีแต่ตายกับตาย หรือผู้ประสงค์ ทําบุญในโอกาสรับตําแหน่งหน้าที่การงานใหม่ เป็นต้น ส่วนสิ่งของที่ใช้ประกอบในการทําน้ําพระ พุทธมนต์ในแต่วัตถุประสงค์นั้นก็จะมีเพิ่มขึ้นอีก เช่น คนอยากมีบุตรก็จะให้จัดหาผ้าซิ่นเพิ่มอีก ๑ ผืน เป็นต้น ประการที่ ๔ คือในหนึ่งสัปดาห์หลวงปูุจะประกอบพิธีทําน้ําพระพุทธมนต์เฉพาะในวัน พฤหัสบดีและในวันเสาร์เท่านั้น ไม่ทําในวันอื่นนอกจาก ๒ วันนี้ และในเวลาการประกอบพิธีก็มี เพียง ๒ ช่วงเวลาเท่านั้น คือเวลาช่วงเก้าโมงเช้าและช่วงบ่ายสามโมง ช่วงละประมาณชั่วโมงเศษ เท่านั้น ไม่ทําในเวลาอื่นนอกจากนี้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สําคัญไม่แพ้องค์ประกอบอื่นๆ องค์ประกอบดังกล่าวนี้ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร และไม่มีใครเข้าใจเหตุและผลได้ดีเท่ากับหลวง ปูุเอง องค์ประกอบทั้ง ๔ ประการดังกล่าวนี้ ผู้ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดกับหลวงปูุจากปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๓ ย่อมตระหนักเป็นอย่างดีว่าพิธีกรรมทําน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุ ย่อม เป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มีบุญฤทธิ์ให้สําเร็จกิจอันพึงประสงค์แก่ผู้ศรัทธาเชื่อถือเช่นที่กล่าวแล้วนี้ทุก ประการ ท่านที่เคารพนับถือและศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปูุมาเป็นเวลานาน ย่อมจะซาบซึ้งใจในความ ขลังและความศักดิ์สิทธิ์แห่งน้ําพระพุทธมนต์ของหลวงปูุเป็นอย่างดี ทุกคนที่ได้รับน้ํามนต์หลวงปูุ แล้วต่างพูดตรงกันว่ารับน้ํามนต์จากหลวงปูุแล้วสบายใจและมีความสุขใจมาก บ้างก็ว่าได้รับ ความสําเร็จเป็นอย่างดีในธุรกิจการงาน บ้างก็ว่าได้รับความสมหวังในสิ่งที่พึงประสงค์จํานงหมาย หลายรายบอกว่ามีโชคดีร่ํารวยขึ้น บ้างก็ว่าได้ลาภลอย หรือมีความเจริญก้าวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ การงานอย่างคาดไม่ถึง บางคนที่มีบุตรยากหรือมีบุตรแล้วเลี้ยงไม่โตมีแต่ตายกับตาย เมื่อหลวงปูุ แผ่เมตตาทําน้ํามนต์ปะพรมให้และให้รับน้ํามนต์ไปไว้ดื่มที่บ้านเช่นนี้แล้วก็มีบุตรสมปรารถนา หรือ มีบุตรแล้วก็เลี้ยงง่ายไม่ล้มหายตายจากไปเหมือนเมื่อก่อน แต่ในกรณีนี้หลวงปูุจะตรวจสอบด้วย พลังจิตก่อนว่ารายใดมีบุตรได้หรือมีบุตรไม่ได้ หรือรายที่เลี้ยงบุตรยากนั้นนอกจากจะเมตตาทําน้ํา พระพุทธมนต์ให้แล้ว หลวงปูุยังเมตตาสั่งสอนเน้นย้ําให้เป็นคนดีมีคุณธรรม สอนให้มีศีลมีสัตย์ ไม่ให้พูดจาคําหยาบคาย ไม่ให้ดุด่าบ่นว่าติฉินนินทาใครๆ เป็นต้น อีกด้วย “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” เรื่องที่ ๒ คือเรื่องให้โชคให้ลาภ กรณีนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งน่าอัศจรรย์ทั้งนี้เพราะหลวงปูุดํารงชีวิตอยู่ในแบบสมณะวิสัยที่ ประเสริฐ แนะนําสั่งสอนตักเตือนผู้คนแต่ในสิ่งดีงาม และสนทนาปราศรัยไปตามปกติธรรมดา แต่
  • 12. กลับมีผู้โชคดีเอาคําสอนของหลวงปูุไปตีเป็นเลขรางวัลที่ ๑ บ้าง รางวัลเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัวบ้าง และพากันถูกหวยรวยเบอร์อยู่เป็นประจํา อย่างนี้ก็ควรจะเรียกว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เพราะ หลวงปูุไม่ได้บอกหวยบอกเบอร์อะไรเลย ความจริงตัวอย่างพระดังในทางใบ้หวยจนมีคนรวยเป็น กอบเป็นกําก็มีให้เห็นตําหูตําตาอยู่ออกบ่อยในยุคสมัยนั้น แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะแบบไฟไหม้ฟาง คือลุกโหมกระหน่ําฟูุฟุาอยู่เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ในที่สุดก็พลิกผันเป็นดับสนิทและปิดฉากลา โลงกันไปทั้งหมดตามกฎธรรมดา พระที่บอกใบ้หวยจนดังเป็นพรุแตกก็อยู่ในลักษณะเดียวกันกับไฟ ไหม้ฟาง หรือดังอยู่ไม่นานในที่สุดก็ดับไปเช่นเดียวกัน ไม่มีพระรูปไหนจะยืนยงคงกระพันอยู่ได้นาน แม้แต่รูปเดียว ส่วนหลวงปูุกลับตรงกันข้ามกับพระดังที่ชอบใบ้หวย คือหลวงปูุจะไม่กระทําตน เช่นนั้น ขณะเดียวกันหลวงปูุจะมีแต่เมตตาปรารถนาดีอยากให้ทุกคนที่เคารพเชื่อฟังประสบแต่ ความสําเร็จสมหวังในสิ่งอันพึงประสงค์ ให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขทุกประการ นั่นคือปณิธานอันบริสุทธิ์ที่ หลวงปูุมีต่อทุกคนที่พากันมาเคารพนับถือ และผู้ศรัทธาเหล่านั้นก็พากันร่ํารวยถูกหวยรวยทรัพย์ นับไม่ถ้วนทั้งนั้น ปรากฏการณ์เช่นนี้คงเป็นเพราะบุญบารมีอันแก่กล้าซึ่งเกิดจากกุศลกรรมที่หลวง ปูุได้บําเพ็ญให้เป็นไปแล้วตั้งแต่ในอดีตชาติ และที่หลวงปูุได้บําเพ็ญให้เป็นไปอยู่ในปัจจุบันชาตินี้ เป็นแน่ จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดผลดีกับพฤติกรรมและการกระทําของหลวงปูุอยู่เรื่อยๆ เสมอมา เป็นเวลานาน นอกจากนั้นน่าจะเป็นเพราะว่าบุคคลที่ประสบความสําเร็จในชีวิตเหล่านั้นมีความ ศรัทธาเลื่อมใสและเชื่อมั่นในหลวงปูุเป็นอย่างสูง จึงพลอยเป็นเหตุปัจจัยให้วาจาอันใดที่หลวงปูุ กล่าวออกไปด้วยจิตเมตตาปรารถนาดี กลายเป็นวาจาอันศักดิ์สิทธิ์มีบุญฤทธิ์ประสิทธิ์ประสาทพร ชัยให้สิ่งร้ายกลายเป็นดี ให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วเป็นสิ่งที่ดีเพิ่มพูนทวีคูณยิ่งๆ ขึ้นไป แก่คนทั้งหลายที่ เคารพศรัทธาเชื่อถือในองค์หลวงปูุอีกด้วย นับเป็นเวลากว่า ๖๐ ปี ที่หลวงปูุได้เป็นประหนึ่งร่มโพธิ์ ร่มไทร ให้แต่ความร่มเย็นเป็นสุขปลดเปลื้องทุกข์กําจัดภัยอํานวยประโยชนสุข ให้เกิดแต่สิ่งอันเป็น สวัสดีมงคลแก่ปวงชนทุกหมู่เหล่าตลอดมา จึงปรากฏว่าศรัทธาเชื่อถือของผู้คนเป็นอันมากที่มีต่อ หลวงปูุยังคงยืนหยัดอยู่ได้เรื่อยมาโดยไม่มีวันเสื่อมคลาย คนทั้งหลายจํานวนมากหน้าหลายตาจาก ต่างถิ่น ต่างถิ่นฐานสถานะ ทั้งถิ่นใกล้และถิ่นไกล ทั้งสถานะสูงสถานะต่ํา ต่างหลั่งไหลเข้าไป นมัสการกราบไหว้หลวงปูุอยู่เป็นประจําทุกวันทุกปีไม่มีว่างเว้น จึงแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด แจ้งว่าหลวงปูุคือพระผู้เปี่ยมด้วยบุญฤทธิ์มีจิตเมตตาสามารถปลดเปลื้องทุกข์และอํานวยประโยชน สุขให้แก่ผู้คนที่ศรัทธาเลื่อมใสได้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย หลวงปูุมีเมตตาต่อบุคคลทุกประเภททุกหมู่ เหล่าโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกตําแหน่งแห่งหนหรือหน้าที่การงาน ไม่เลือกยศศักดิ์อัครฐานว่า สูงหรือต่ําเพียงไรแค่ไหน ไม่เลือกว่ายากดีมีจนทุกคนจะได้รับความเมตตาจากหลวงปูุอย่างเท่า เทียมและเสมอเหมือนกันหมด ความสามารถในการปลดเปลื้องทุกข์และอํานวยประโยชน์สุขแก่
  • 13. มวลมหาชนดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดและเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ใจของมวลศิษย์ถึงทาน บารมีและเมตตาบารมีอันยิ่งใหญ่ไพศาลของหลวงปูุ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรมอันประเสริฐและ เมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่อย่างประเมินค่ามิได้โดยแท้ แผ่เมตตาบารมีแม้แก่ภูตผีปีศาจ ใช่ว่าหลวงปูุจะมีเมตตาปรารถนาดีเฉพาะแต่กับเหล่ามนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน ๒ จําพวกนี้ เท่านั้นก็หามิได้ หลวงปูุยังมีเมตตาจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแก่เหล่าภูตผีปีศาจ และแก่เหล่าเทพา อารักษ์ทุกฝุาย ทั้งฝุายที่มุ่งร้ายและฝุายที่มุ่งดีอีกด้วย ขอยกตัวอย่างบางกรณีเฉพาะที่สําคัญเท่านั้น เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ตระหนักและประจักษ์แจ้งแก่ใจถึงเมตตาบารมีของหลวงปูุดังต่อไปนี้ กรณีแรกเกิดขึ้นที่จวนข้าหลวงหรือบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน สมัยนั้น กล่าวคือ บ้านพักผู้ว่าฯ หลังนี้ว่ากันว่าผีดุมาก จนไม่มีใครกล้าเข้าไปพักพาอาศัยอยู่ได้ ผู้ว่า ท่านนี้ที่พอย้ายเข้าไปอยู่ก็ได้ประสบพบเห็นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวด้วยตัวท่านเองเหมือนกัน จนท่านไม่สามารถอยู่อาศัยอย่างปกติสุขได้ ต่อมาท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับทราบถึงคุณธรรม ความมีเมตตาสูงของหลวงปูุ ท่านจึงได้ไปกราบอาราธนาหลวงปูุให้ไปเจริญเมตตาที่บ้านพักทาง ราชการของท่าน หลวงปูุได้รับอาราธนาและได้ไปพักที่บ้านพักของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ เป็นเวลาสามวันสามคืน โดยได้ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่ภูตผีปีศาจที่อยู่อาศัยในบ้านพักหลังนี้ ในที่สุดปีศาจร้ายก็จากไปโดยไม่หวงแหนสถานที่นี้อีก ต่อไป ทําให้ท่านผู้ว่าและครอบครัวได้กลับเข้าไปพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ด้วยความสงบสุข ปลอดภัย ตลอดเวลาที่ท่านรับตําแหน่งเป็นผู้ว่าอยู่ที่จังหวัดนี้ เมื่อหลายสิบปีที่แล้วผู้เขียนได้มีโอกาสพบปะสนทนา และรับฟังเรื่องนี้จากปากของผู้ว่า ท่านนี้ด้วยตนเอง โดยท่านผู้ว่าได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังที่วัดนรนาถสุนทริการาม เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร ในโอกาสที่ท่านได้อาราธนาหลวงปูุไปแผ่เมตตาประกอบพิธียกเสาเอกเพื่อปลูก บ้านหลังใหม่ที่กรุงเทพมหานคร ท่านผู้ว่าพร้อมคณะได้รับหลวงปูุไปที่วัดนรนาถสุนทริการาม เพื่อ ขอให้หลวงปูุได้พักอยู่ที่วัดนรนาถสุนทริการามนี้ ก่อนอาราธนาหลวงปูุไปประกอบพิธียกเสาเอก เพื่อปลูกบ้านใหม่ที่กรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น นั่นคือที่มาของเรื่องนี้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่วัดบ้านนาเมืองของหลวงปูุเอง และเกิดขึ้นเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี ก่อนเรื่องปีศาจร้ายที่เกิดขึ้น ณ บ้านพักของท่านผู้ว่า เรื่องที่ ๒ นี้เป็นเรื่องของหญิงสาวแม่ลูกอ่อน คนหนึ่งที่มีลูกชายวัยประมาณ ๑๐ เดือน หญิงสาวคนนี้เจ็บปุวยด้วยโรคอะไรไม่มีใครทราบ แม้แต่ หมอที่โรงพยาบาลของรัฐก็ไม่รับรักษา เพราะหมอตรวจแล้วไม่พบสาเหตุว่าผู้หญิงคนนี้ปุวยเป็นโรค
  • 14. อะไร ญาติจึงได้นําเธอไปรับการรักษาที่วัดหลวงปูุ คงเป็นเพราะญาติได้ทราบกิตติคุณอันวิเศษของ หลวงปูุในเรื่องการรักษาพยาบาลคนเจ็บไข้ไม่สบายทั่วไป จึงได้ไปฝากฝังเธอพร้อมกับลูกชายของ เธอเองซึ่งมีวัยเพียง ๑๐ เดือน ให้อยู่อาศัยภายในวัดเพื่อพึ่งบุญบารมีของหลวงปูุ วิธีการรักษานั้นก็ เหมือนกับบุคคลอื่นทั่วๆ ไป คือหลวงปูุให้รับประทานยาต้มสมุนไพร ซึ่งโดยปกติก็มีต้มอยู่เป็น ประจําทุกวันไม่ได้ขาด และให้ทํางานดายหญ้าปัดกวาดลานวัดเช่นเดียวกับคนอื่นที่มาอยู่อาศัย ภายในวัด งานปัดกวาดลานวัดก็ดี งานถอนหญ้าดายหญ้า เป็นต้นก็ดี เวลาที่หลวงปูุบอกให้ไป ทํางานเหล่านี้ หลวงปูุจะพูดว่าให้พากันไปเอาบุญ หลวงปูุจะนําพาผู้คนทํางานบุญเหล่านี้ทั้งภาค กลางวันและภาคเย็นจนย่ําค่ํา พอถึงเวลากลางคืนหลวงปูุก็จะสอนบทแผ่เมตตา สอนบทสวดมนต์ ภาวนาต่างๆ ให้แก่ทุกคน เริ่มแรกพระภิกษุทยอยกันเข้าเรียนก่อน สามเณรและลูกศิษย์ทั้งชาย และหญิงเข้าเรียนเป็นลําดับถัดไป โดยแต่ละคนต้องเข้าไปนั่งต่อคิวเพื่อเรียนกันทีละคนจนถึงคน สุดท้าย หลวงปูุได้สอนบทแผ่เมตตาบ้าง บททําวัตรสวดมนต์บ้าง วันละท่อนสั้นๆ ให้ผู้เรียนแต่ละ คนว่าตามท่านไปจนจําได้คล่องจึงให้หยุดท่องจํา และให้ออกไปทบทวนตามลําพังอีก วันถัดไป หลวงปูุก็สอนบทใหม่ต่อจากบทที่ให้ท่องเมื่อวันวาน ทุกคนจะเวียนกันเข้าออกที่ละคนเพื่อเรียนบท สวดมนต์บทใหม่จากหลวงปูุ ทุกคนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นประจําทุกวันในตอนค่ํามิได้ขาด ในค่ําวันนั้นขณะที่หญิงสาวแม่ลูกอ่อนคนนี้ กําลังนั่งเรียนบทท่องจําบทใหม่ที่หลวงปูุสอนให้ว่าตาม อยู่นั่นเอง เสียงท่องจําของเธอจะดังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เสียงของเธอดังจนกลายเป็นเสียงตะโกน และ ร้องเอะอะโวยวายดังลั่นขึ้นจนฟังไม่ได้ศัพท์ว่าพูดอะไร พอเสียงของเธอเงียบหายไปเพียงครู่เดียว เธอก็ล้มตึงลงไปในทันที หลังจากเธอนอนแน่นิ่งไปอึดใจเดียวเท่านั้น เธอก็มีเสียงพูดออกจากปาก ของเธออย่างพรั่งพรูฟังดูไม่ใช่เสียงของเธอแม้แต่น้อย แต่เป็นเสียงของผู้หญิงแก่บ้าง เป็นเสียงของ ผู้ชายแก่บ้าง เป็นเสียงห้าวๆ ของผู้ชายวัยฉกรรจ์บ้าง เสียงห้าวๆ นี้ ได้ประกาศชื่อเสียงเลียงนาม ของตนเอง และบอกว่าเป็นเจ้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ทําหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ ๖ จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นก็มีเสียงพูดจาปราศรัยผิดแผกแตกต่างกันไปอีกร่วม ๑๐ เสียง มีทั้ง เสียงของฝุายหญิงและเสียงของฝุายชาย ฟังดูรู้สึกหดหู่ใจวิเวกวังเวงน่าสะพรึงกลัวจนหลายคนขน หัวลุกซู่กันเป็นแถว ช่วงแรกๆ เป็นเสียงผู้หญิงแก่ต่อว่าต่อขานญาติๆ ของหญิงสาว และกล่าวหา สารพัดอย่าง เช่นกล่าวหาว่าหญิงสาวแม่ลูกอ่อนคนนี้ไม่ได้ความเป็นธรรมในการจัดสรรปันส่วน ทรัพย์สินมรดก เป็นต้น เมื่อแต่ละเสียงได้พูดถึงเรื่องต่างๆ เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ต่อมาก็มี เสียงผู้หญิงแก่กลับมาพูดอีก คราวนี้พูดชมความสะอาดสะอ้าน ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและ ความสงบร่มรื่นของวัด ถัดมาก็เป็นเสียงผู้ชายแก่พูดถึงลูกน้อยวัด ๑๐ เดือนของหญิงสาวว่า วันนี้อี หนูมันไม่ยอมดูแลลูกของมันเลย มันปล่อยให้ลูกน้อยของมันคลานไปบนสะพานไม้ ๒ แผ่น ที่ทอด
  • 15. ไปยังศาลากลางสระน้ําจนถึงกลางสะพาน ถ้าปูุไม่ดูแลให้เด็กน้อยก็ตกน้ําตายไปแล้ว เหตุการณ์ที่ เด็กน้อยคลานไปจนถึงกลางสะพานในช่วงเวลากลางวันนั้น แม่ของเด็กน้อยได้เล่าให้สามเณรน้อย รูปหนึ่งฟังตั้งแต่ก่อนหัวค่ําแล้วว่า วันนี้พี่รู้สึกปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวและปวดหัวมาก หูตาก็ฟุาฟาง ไปหมด ลูกน้อยคลานไปจนถึงกลางสะพานก็ไม่มีปัญญาไปเอาเค้ากลับคืน วันนี้เณรน้อยไปไหนก็ไม่ รู้ จึงไม่ช่วยพี่ดูลูกน้อยของพี่เหมือนวันก่อน เณรน้อยเองก็นึกไม่ถึงว่าตอนกลางคืนจะต้องมาฟังคุณ ปูุผู้มาเยือนยามค่ําคืน ได้พูดถึงเด็กน้อยที่คลานไปบนสะพานไม้แคบๆ เพียง ๒ แผ่น จนถึงกลาง สะพานตรงกลางสระน้ําเข้าให้อีก เมื่อมองไม่เห็นรูปร่างของคุณปูุและไม่เห็นรูปร่างของผู้มาเยือน ท่านอื่นๆ ได้ยินแต่เสียงพูดเช่นนี้ เณรน้อยก็พลอยเกิดอาการขนลุกชูชันไปทั่วทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้ เสียงของผู้มาเยือนยามค่ําคืนซึ่งไม่ปรากฏรูปร่างทั้งหลายเหล่านั้น ยังคงพูดกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องเครื่องไทยทานมากมายที่มีผู้ถวายหลวงปูุและวางอยู่แถวนั้นให้พวก เขาได้แลเห็น พวกเขาพูดวกไปวนมาจนคุณยายชีท่านหนึ่งซึ่งนั่งฟังอยู่และเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ได้กล่าวขึ้นว่า “ขณะนี้เป็นเวลาดึกแล้วกลับกันไปเสียทีเถอะ” เท่านั้นแหล่ะได้เรื่องเลย มีเสียง ห้าวๆ เสียงหนึ่งดุยายชีขึ้นว่า “เดี๋ยวชีนี้โดนดี มึงมีดีอะไรวะ จึงพูดกับกูเช่นนี้ กูไม่กลัวมึงนะ แม้แต่ อาจารย์บุญมีกูก็ยังไม่กลัว เพราะท่านไม่มีวิชาอาคมอะไรจะมาขับไล่กู แต่กูเคารพนับถือยําเกรง เมตตาธรรมของท่านเท่านั้น พวกกูอยู่อีกไม่นานก็จะกลับกันไปเอง” จากเรื่องที่เล่ามานี้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ชัด ถึงคําสอนที่หลวงปูุพร่ําสอนอยู่เสมอๆ ว่า อย่าได้ไปร่ําเรียนวิชาอาคมขับไล่ไสส่งภูตฝีปีศาจ เพราะผีก็เหมือนคนเรานี่แหล่ะ คนเราทุกคน ไม่ชอบให้ใครๆ มาขับไล่ไสส่ง พวกผีเขาก็ไม่ชอบให้ขับไล่ไสส่งเช่นเดียวกัน ถ้าไปขับไล่ไสส่งเขาจน เขาพ่ายแพ้ไปในคราวนี้ คราวหน้าเขาไปหาเรียนวิชาอาคมมาสู้ใหม่ คนเราชอบพูดดีๆ พวกผีปีศาจ เขาก็ชอบให้พูดดีๆ เหมือนกันนั่นแหล่ะ นั้นช่างเป็นคําสอนที่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เสียจริงๆ หลวงปูุไม่เคยสอนวิชาอาคมขับไล่ไสส่ง มีแต่สอนให้แผ่เมตตาตลอด หลวงปูุกล่าวว่าวิชา อาคมในการขับไล่ไสส่งนั้น นอกจากจะไม่เป็นผลดีแก่ใครผู้ใดเลยแล้ว ซ้ํายังจะหวนกลับมา กลายเป็นผลร้ายแก่ผู้เรียนในภายหลังได้อีกด้วย เรื่องที่หลวงปูุมีเมตตาจิตจนทําให้เหล่าภูตผีปีศาจ เคารพนับถือนี้ มีความจริงในอดีตเป็นข้อพิสูจน์หลายครั้งหลายหนจนนับครั้งไม่ถ้วน เช่นในกรณีที่ ชาวไร่ชาวนาหลายคน ที่ทําการหักร้างถางพงในที่นาของตน เพื่อขยายพื้นที่ทําไร่ทํานาเพิ่มขึ้น ถ้า สถานที่นั้นมีเทพาอารักษ์พิทักษ์รักษาหรือมีภูตผีปีศาจอาศัยอยู่ พวกเขาจะไม่ชอบที่ไปรุกราน สถานที่ที่พวกเขาอยู่อาศัย ดังนั้นพวกเขาจึงทําให้เกิดเหตุอาเพศต่างๆ หลายอย่าง เช่น ทําวัวควาย ของคนที่ไปบุกรุกให้มีอันเป็นไปถึงกับล้มทั้งยืน นอนดิ้นทุรนทุรายน้ําลายฟูมปาก หรือมิฉะนั้นก็ทํา
  • 16. ให้ผู้คน คนใดคนหนึ่งในครอบครัวของผู้ที่ไปรุกรานเจ้าที่เขา มีอันต้องเป็นไปในทางร้ายต่างๆ นาๆ โดยไม่ทราบสาเหตุจนได้ เป็นต้น ทําให้พวกเขาทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นการกระทําของเจ้าที่เจ้าทาง อย่างไม่ต้องสงสัย และทําให้พวกเขาไม่กล้าที่จะทําอะไรในการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่นั้นต่อไปได้อีก เพราะหวาดกลัวความเฮี้ยนของเจ้าที่เจ้าทาง ณ สถานที่นั้น ในกรณีต่างๆ เช่น บ้านอยู่อาศัยมีเหตุเพศภัยเกิดขึ้นก็ดี สถานที่ที่ทํามาหากินมีเหตุ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนก็ดี ตามตัวอย่างดังกล่าวนี้ หลวงปูุเคยได้รับอาราธนาให้ไปแผ่เมตตา สถานที่ที่มีปัญหาเหล่านั้นอยู่เป็นประจํา เช่น สถานที่ตรงหัวไร่ปลายนาที่ยังเป็นปุาละเมาะ เจ้าของต้องการหักร้างถางพงขยายเป็นที่ทํานาเพิ่ม แต่เมื่อลงมือถากถางทีไรมีเหตุเพศภัยร้ายๆ เกิดขึ้นทุกที เมื่อหลวงปูุได้รับนิมนต์ให้ไปยังสถานที่ดังกล่าวนั้น ได้ไปพักค้างแรมแผ่เมตตาเป็นเวลา คืนสองคืนแล้ว จากนั้นหลวงปูุก็จะบอกว่าพื้นที่ตรงไหนสามารถทําการแผ้วถางได้ หรือพื้นที่ ตรงไหนแผ้วทางยังไม่ได้ หรือขยายเพิ่มได้ในขอบเขตเท่าใด อย่างนี้เป็นต้น เมื่อเขาแผ้วถางตามที่ หลวงปูุชี้แนะ เขาก็สามารถแผ้วถางพื้นที่ที่ต้องการขยายเพิ่มได้ด้วยดีตามที่หลวงปูุชี้แนะให้ ไม่มี เหตุเพศภัยหรืออันตรายอะไรๆ เกิดขึ้นอีก ทุกอย่างก็สงบเรียบร้อยปลอดภัยไม่มีปัญหา ครั้งที่ผู้เขียนเป็นเด็กน้อยคอยรับใช้ ก็ได้เคยติดตามหลวงปูุไปด้วยทุกครั้ง ได้รู้ได้เห็นจนเป็นที่ ประจักษ์แก่ใจในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงกล่าวได้ว่าเมตตาธรรมของหลวงปูุมีพลังอันยิ่งใหญ่ ไพศาล สามารถบันดาลให้เกิดให้มีแต่สิ่งดีๆ ได้ทุกอย่าง ชั้นที่สุดแม้แต่พวกผีปีศาจที่ดุร้ายก็ยังเชื่อ ฟังเคารพยําเกรงในเมตตาธรรมของหลวงปูุจนได้ อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะได้กล่าวถึง คือเรื่องที่ดงปูุตาอันเป็นปุาไม้ใหญ่ แต่ละต้นใหญ่โตขนาด สามคนโอบโน่นทีเดียว ดงปูุตานี้อยู่ที่บ้านก้านเหลืองนั่นเอง ชาวบ้านนับถือปูุตาตรงนี้ว่าศักดิ์สิทธิ์ สภาพปุาจึงยังคงอุดมสมบูรณ์ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องได้ เมื่อชาวบ้านพากันศรัทธาเชื่อถือในบุญ บารมีของหลวงปูุแล้วเช่นนี้ จึงได้ถวายต้นไม้ที่ดงปูุตาให้หลวงปูุเพื่อเอาไปทําประโยชน์ได้ หลวงปูุ ได้เข้าไปพักอาศัยอยู่ที่ดงปูุตานี้เป็นเวลานานหลายเดือน พิธีที่หลวงปูุนําชาวบ้านปฏิบัติกัน ก่อนที่ จะให้ทํา การตัดต้นไม้ใหญ่นั้น คือหลวงปูุจะจุดธูปเทียนอธิษฐานจิตแผ่เมตตาเสร็จ จะนํากล่าวว่า “ข้าพเจ้าทุกคนจะปฏิบัติตนอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดปด ไม่พูดคําหยาบคาย ไม่ นินทาว่าร้ายใครๆ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอให้ภูตผีปีศาจเทพารักษ์ ผู้พิทักษ์รักษาสถานที่แห่งนี้ ได้โปรด รับทราบและอนุโมทนาสาธุการ กับการประพฤติดี ปฏิบัติชอบของปวงข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ด้วยเถิด” ดังนี้เป็นต้น จากนั้นจึงให้ชาวบ้านลงมือตัดต้นไม้ได้ ตลอดเวลาที่หลวงปูุอยู่ที่นี่ มีแต่ความสงบสุข เป็นปกติดีทุกประการ มีกรณีเดียวเท่านั้นที่ทุกคนต่างตื่นตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า นั่นคือกรณีที่ ต้นไม้ใหญ่กําลังเคลื่อนจากโคน พร้อมที่จะหักโค่นลงสู่พื้นดินอย่างรุนแรง และฝุายชาวบ้านผู้เลื่อย
  • 17. โคนต้นไม้ เมื่อเห็นว่าต้นไม้ใหญ่พร้อมจะหักโค่นลงล้มลงไปแล้ว ต่างวิ่งหนีไปไกลกันทุกคนนั้น ส่วน หลวงปูุยังคงยืนจับโคนต้นไม้นั้นอยู่ พอเห็นว่าต้นไม้จะล้มไปทางไหนหลวงปูุก็จะเดินอ้อมไปอีกทาง หนึ่ง การกระทําของหลวงปูุดังกล่าวนี้ ทําให้ชาวบ้านส่งเสียงกรีดร้องกันระงมไปทั้งปุา เพราะทุก คนเมื่อได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าหวาดเสียวอยู่ต่อหน้าเช่นนั้น ต่างส่งเสียงร้องระงมเซ็งแซ่ และ ขอให้หลวงปูุหลบออกไปเสียจากที่ตรงนั้น แต่หลวงปูุกลับมีอาการปกติดีทุกประการ ไม่สะทก สะท้านหวั่นไหวใดๆ ทั้งสิ้น ชาวบ้านจึงเชื่อกันสนิทใจว่าหลวงปูุมีของดีพูดกับภูตผีปีศาจได้ พูดกับ เทพาอารักษ์ได้ เจ้าที่เจ้าทางทั้งฝุายร้ายและฝุายดีต่างเข้าใจและยอมรับในเมตตาบารมีของหลวงปูุ จึงได้ช่วยกันปกปูองคุ้มครองหลวงปูุและลูกศิษย์ลูกหาทุกคน ให้ปราศจากอันตรายและเหตุร้าย ต่างๆ ทุกประการ ขณะเดียวกันหลวงปูุก็ได้อบรมสั่งสอนชาวบ้านให้ตั้งตนอยู่ในศีลในธรรม ตลอดเวลาที่พํานักอยู่ที่ดงปูุตานี้ ฉะนั้น วัดของหลวงปูุในสมัยโน้นจึงเป็นสถานที่ที่มีผู้คนมากมายหลายประเภท หลากหลาย อาชีพ พากันหนีร้อนไปพึ่งเย็น คือพึ่งบุญบารมีของหลวงปูุอยู่เป็นประจํา ผู้คนเหล่านั้นมีทั้งคนเจ็บ คนปุวยด้วยโรคทางกายชนิดต่างๆ และมีคนเจ็บปุวยด้วยโรคทางจิตสารพัดประเภท มีทั้งคนที่ ชาวบ้านเรียกกันว่า “ผีปอบเข้าผีเจ้าสิง” คนกลัดกลุ้มลุ่มร้อนผิดหวังในชีวิต รวมทั้งคนที่มุ่งต่อ ความสงบสุขทางจิต เป็นต้น หลวงปูุก็มีเมตตารับคนเหล่านั้นไว้ให้พักพาอาศัยอยู่ภายในวัด ตอน กลางวันหลวงปูุจะพาพวกเขาเอาบุญ คือพาทํางานดายหญ้า งานปัดกวาดลานวัด งานขุดหลุม สําหรับปลูกต้นไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มะม่วง มะพร้าว เป็นต้น ถึงตอนเย็นก็จะให้เรียนบททําวัตรไหว้ พระสวดมนต์และบทแผ่เมตตา จากนั้นหลวงปูุก็จะสอนธรรมะขั้นพื้นฐาน สอนการแผ่เมตตาและ สอนการฝึกสมาธิภาวนา จนได้เวลาพอสมควรก็ให้พักผ่อนหลับนอนกันได้ สารวมระวังกาย วาจา รักษาอากัปกิริยาของสมณะอย่างเคร่งครัด ในช่วงมัชฌิมวัย ขณะที่หลวงปูุยังคงทําหน้าที่อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรภายในวัดด้วย ตนเองอยู่นั้น นอกจากจะประพฤติปฏิบัติให้ดูเป็นแบบอย่างในทางที่ดีงามแล้ว หลวงปูุยังมีเมตตา สั่งสอนพระภิกษุสามเณรในยามค่ําหลังจากทําวัตรค่ําเสร็จ เป็นประจําทุกวันอีกด้วย ก่อนที่จะทํา การสั่งสอนนั้น หลวงปูุจะเอาหนังสือพระวินัยอ่านให้พระเณรฟังก่อน จากนั้นก็จะสอนให้สํานึก และให้ตระหนักในภาวะพระและภาวะสามเณร ว่าเป็นภาวะที่แตกต่างจากภาวะของฆราวาส อย่างไร ถ้าผู้ใดยังรักยังชอบในกิริยาอาการและชีวิตแบบฆราวาสอยู่ หลวงปูุก็แนะให้เอาผ้าเหลือง ออก และบอกให้กลับไปนุ่งห่มแบบฆราวาส คือให้สึกหาลาเพศไปเสีย หลวงปูุพร่ําสอนพระภิกษุ สามเณรอยู่เสมอว่า การจับกลุ่มสุมหัวคุยกันสรวลเสเฮฮากันดังลั่น อันเป็นกิริยาอาการเยี่ยง