SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
1


ความกลัว ١٤/٨/٥٤

อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์สามารถจำาแนกได้ ๓ ลักษณะ ได้แก่
ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเนื่องจากถูก ขัดขวางความต้องการ
ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย/ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง
ความพึงพอใจ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อได้รับการตอบสนอง

อารมณ์ อื่น ๆ เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์เดียว หรือมากกว่าของอารมณ์ทั้งสาม ตัวอย่างเช่น
รังเกียจ เดือดดาล เคียดแค้น เป็นรูปแบบของอารมณ์โกรธ
ความวิตกกังวล การอิจฉา และความรู้สึกผิดจะอยูบนพื้นฐานของความกลัว
                                              ่
ความรักและความสุขจะมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกพึงพอใจ
ความโศกเศร้าเป็นเสมือนการรวมกันของอารมณ์กลัวและอารมณ์โกรธ

ความกลัวในทางจิตวิทยา

ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นอันตราย /ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง เช่น
เด็กเล็ก ๆ กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งแปลกประหลาด กลัวความมืด กลัวคำาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลำาพัง
เด็กโต นอกจากกลัวเหมือนเด็กเล็ก ยังกลัวคำาเยาะเย้ย กลัวไม่เท่าเทียมเพื่อน กลัวเพื่อนไม่คบ ฯลฯ
วัยรุ่น/ผู้ใหญ่ มีความกลัวในทางสังคมมากขึ้น กลัวผิดหวัง กลัวในบทบาททางเพศ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
กลัวดูไม่ดี กลัวความล้มเหลว กลัวตกงาน วิตกกังวล ห่วงใย อิจฉา ฯลฯ
ผู้สูงอายุ กลัวความเจ็บป่วย กลัวโดดเดี่ยว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวไม่มีเงินเลี้ยงตัว ฯลฯ
ทางจิตวิทยาถือว่าความกลัวเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้หลีกเลี่ยงจากอันตราย แต่ความกลัวที่มีมากจน
เกินไป หรือกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว หรือกลัวโดยไม่มีเหตุผลล้วนทำาให้เสียสุขภาพจิต ควรได้รบการแก้ไข
                                                                                        ั
ด้วยการทำาจิตบำาบัด

แต่มซักกีคนที่ได้รับการบำาบัด?
    ี    ่

เรารู้ตวทุกครั้งไหมว่าเรามีความกลัว? เมื่อกลัวรู้ไหมว่ากลัวอะไรและกลัวทำาไม?
       ั

เราจะไม่กลัวได้ไหม และจะเลิกกลัวได้อย่างไร?

บ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข โดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเรามี
ความกลัว หรือความวิตกกังวลแฝงอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำาให้เราไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกจาก
ความรู้สึกเช่นนั้นได้

และมีบางครั้งเราเกิดความกลัวแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นคืออะไร ต้องการเวลาและผู้ช่วยในการหาคำาตอบ
และแก้ไข ซึงระหว่างนั้นเราก็ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อไป
            ่

หลายครั้งทีเรารูตัวว่ากลัวอะไร แต่เลิกกลัวไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆนา ๆ
           ่    ้
ความกลัวมาจากไหน

ความกลัว(spirit of fear)เริ่มครอบงำามนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ได้ทำาบาปครั้งแรก และจากมันไม่เคย
ปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวอีกเลย นี่เป็นเหตุผลสำาคัญที่เราเลิกกลัวไม่ได้ เพราะมันฝังลึกอยู่ใน
จิตวิญญาณของเรา บวกกับ มันยังเข้าหาเราได้ทางจิตใจในชีวิตประจำาวันเหมือนที่มันหลอกเอวาด้วย
2


ปฐมกาล 3:10 ชายคนนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า
พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย”

เหตุใดซาตานจึงเลือกโยบเป็นเหยื่อในการท้าทายพระเจ้า

โยบ 3:25 เพราะสิ่งทีข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า
                    ่

เพราะก่อนที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดแก่โยบ โยบได้เกิดความกลัวขึ้นในใจก่อน เขาถวายเครื่องเผาบูชาเป็น
ประจำาเพราะกลัวว่าบุตรของเขาได้กระทำาบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจ เขาได้เปิดโอกาสให้แก่มารก่อน
(โยบ 1:١ - 5)

แม้อัครสาวกผู้อยู่ใกล้ชิดพระเยซูก็ไม่เว้น ดูความกลัวของเปโตรในมัดธาย 14 : 28-32

ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์
เดินบนนำ้าไปหาพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนนำ้าไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขา
เห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำาลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” ในทันใดนั้นพระเยซู
ทรงเอื้อมพระหัตถ์ จับเขาไว้แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำาไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” เมื่อพระองค์
กับเปโตร ขึนเรือแล้ว ลมก็เงียบลง
           ้

วิธีเอาชนะความกลัว

١. ดูกรณีของเปโตร จะพบว่าเมื่อตาของเขามองที่พระเยซู ความเชื่อทำาให้เขาเดินบนนำ้าได้ แต่เมื่อมอง
ไปที่คลื่นลม ความกลัวได้ทำาลายความเชื่อของเขาไป ทำาให้เขาจมลง เมื่อเขาร้องเรียกพระเยซู นั่น
แสดงออกถึงความเชื่อ พระเยซูจึงดึงมือเขาขึ้นมา

จากกรณีของเปโตรเราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เมื่อความเชื่อมากขึ้น
ความกลัวจะลดลง แต่พอความกลัวมากขึ้นความเชื่อก็จะลดลงเช่นกัน เราจึงควรจะพัฒนาความเชื่อให้มาก
ขึ้นทั้งขนาดของความเชื่อ ความแข็งแรงไม่สั่นคลอนง่าย และความต่อเนื่องในการพัฒนาความเชื่อ เพราะ..

ความเชื่อและความกลัวไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !!!!

ฮีบรู ١١:1 ....เป็นความเชื่อโดยสมบูรณ์ว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่เบื้องหลังชีวิตเราในทุกด้าน แม้เราจะไม่มี
อะไรเป็นข้อพิสูจน์

แต่ความกลัวเป็นความไม่เชื่อ หรือเชื่อน้อย ความกลัวจึงสามารถเข้าครอบงำาอารมณ์และจิตใจเราได้ ดังนั้น
การจะเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวล จึงต้องอาศัยความเชื่อ ซึงตรงข้ามกับความไม่เชื่อ(ความกลัว)
                                                                ่

เราต้องทำาความเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองได้ แต่ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า
(เอเฟซัส ٢:8 – 9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน
ทั้งหลายกระทำาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำาก็หามิได้ เพื่อมิให้คน
หนึ่งคนใดอวดได้)

แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาเราเผชิญหน้ากับความกลัว เราเคยทำาอย่างไร?
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าไปชั่วขณะ เราจะใช้กำาลังของเราเอง หรือไม่ก็หาผู้ช่วยที่เป็นผู้อ่อนกำาลัง
ด้วยกัน เมื่อไม่ไหวแล้วเราจึงค่อยขอให้พระเจ้าช่วย การช่วยตนเองไม่งอมืองอเท้าเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรง
พอพระทัย แต่พระเจ้าจะทรงพอพระทัยมากกว่าเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์ทรงเสริมกำาลังและสติ
ปัญญาพร้อม ๆ กับการที่เราได้ลงมือแก้ปัญหาไปด้วย
3


٢. ทำาความเข้าใจพระวจนะ ٣ ข้อนี้ แล้วบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร

2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว(spirit of fear)ให้กับเรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอร
ปด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้กับเรา (his spirit fills us with power, love, and self-control.)

เราได้เรียนรู้ว่า ความกลัวไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าประทานให้เป็นจิตที่มีพลังอำานาจ จิตที่มีความ
รัก และความสามารถในการบังคับตนเอง

กาลาเทีย ٥ : 22-٢٣ ฝ่ายผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความ
อดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน

ผลลัพธ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นในตัวเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานเหล่านี้เมื่อได้มาแล้ว แต่เราไม่ใช้
เก็บเอาไว้เฉย ๆ ก็อาจลืมไปว่ามีอยู่ไม่ได้เอามาใช้ หรือเมื่อคิดจะนำามาใช้ก็อาจใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่คล่อง
เพราะเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน

(พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่มารู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ พอหาเจอใช้ไม่ได้ถ่านหมด ใส่ถ่านใหม่ก็ยังใช้ไม้ได้เพราะใช้
ไม่เป็นไม่เคยลองใช้ ٥٥٥٥٥٥...หัวเราะ เป็นแบบเดียวกันไหม?)

1 ยอห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัว
เข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์

เราได้เรียนรู้ว่า เรายังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้เอามาใช้ โดยเฉพาะ
ความรัก เพราะที่ไหนมีความรัก ทีนั้นไม่มีความกลัว เมื่อเอาความเชื่อผนวกกับความรัก แล้วความกลัวจะ
                                     ่
เหลือเหรอ

(ตอนลูกเราเล็ก ๆ แล้วเขาร้องไห้จ้าเพราะความกลัว เมื่อเราอุ้มเขากอดเขาแน่นด้วยความรัก บอกว่า โอ๋....
แม่รักลูก เขาเงียบทันที ขา พระเจ้าก็คอยทำาอย่างนั้นกับเรา แต่เราโตแล้ว เลยทำาแบบผู้ใหญ่น่ะ มีสอน
บ้างปลอบบ้าง ขูบ้างและที่เรากลัวที่สุด ก็คือ ออออ... การตีสอนการ แต่ก็เพราะความรัก)
                 ่

٣. การเรียนรู้จากพระวจนะ 3 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นเคล็ดลับสำาคัญในการรอดพ้นจากความกลัว
เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร

โรม 10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำาไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำา
ไปสู่ความรอด

ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล

พระธรรมข้อแรก บอกไว้ชัดเจนว่าอย่าให้โอกาสแก่มาร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามารนั้นคอยวนเวียนจ้องหา
โอกาสที่จะ “กัดกิน” เราอยู่ เมื่อเราเปิดโอกาสแม้แต่น้อยนิดให้ความกลัวเข้าครอบงำา ขนาดของความกลัว
ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และหยุดยั้งไม่อยู่ เป็นวงจรอุบาทว์

แล้วการกระทำาอะไรล่ะที่เปิดโอกาสให้ความกลัว เรารู้อยู่แล้วว่าความกลัวเป็นศัตรูของความเชื่อ อะไรที่เรา
ควรทำากับความเชื่อเราก็ทำาแบบตรงกันข้ามซะกับความกลัว แค่นั้นเอง 5555…..

โรม ١٠:10 บอกเราว่าเราต้องเชื่อด้วยใจและยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปาก และยากอบ ٢:١٧ บอกว่า
เราต้องประพฤติตามความเชื่อจึงจะเกิดผล
4


ดังนั้นสำาหรับความกลัว เราก็ต้องไม่ปล่อยใจให้หวาดกลัว ไม่ยอมรับด้วยปาก และไม่ประพฤติในทางที่
แสดงออกเป็นรูปธรรมว่าเรากลัว เช่น บางคนคอยพูดยำ้าเตือนกับตัวเอง เล่าให้คนอื่นฟัง และแสดงออก/
กระทำา ทีแสดงว่า ฉันกลัวว่า.........ฉันกังวลว่า....... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย......... ว่าแล้วไม่มีผิด.......
          ่
ตัวอย่าง เป็นห่วงลูกกลับบ้านดึก ในความคิดอาจจะกลัวอุบัติเหตุ และเหตุร้าย ๆต่าง ๆ การกระทำาก็อาจจะ
บ่นให้อนอื่นฟัง หรือคอยฟังข่าวว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน คอยชะเง้อมองประตูบ้าน คอยฟังเสียงโทรศัพท์ โทร
เช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน (อันเป็นต้นเหตุให้เขารำาคาญและอาจพาลไม่รับโทรศัพท์ ยิงทำาให้เราเป็นประสาท
                                                                                 ่
มากกว่าเดิม) ติดต่อไม่ได้ก็โทรไปถามเพื่อนลูกทำาให้เขาโกลาหลไปกับเราด้วย ฯลฯ ไม่เป็นอันทำาอะไร
เพราะใจไม่สงบสุข

ก็แล้วควรทำาอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวสรุปให้ตอนจบ ใจเย็น ๆ จ ^_^

สรุปวิธีเอาชนะความกลัว

1. คนเราไม่สามารถเชื่อและกลัวในเวลาเดียวกันได้ จงฝึกฝนความเชื่อให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะความกลัว

٢. ใช้ความรักของพระเจ้าเอาชนะความกลัว (٢ รุม ١ จ้า จะเหลือเหรอ)

٣. ไม่เปิดโอกาสแก่มาร เมื่อความกลัวเข้ามาในชีวิต อย่ารับด้วยปาก อย่าเชื่อด้วยใจ และไม่ประพฤติตาม
เพราะความเชื่อทำางานอย่างไร ความกลัวก็ทำางานเช่นเดียวกัน เมื่อทำาตรงกันข้าม ความกลัวก็จะไร้ผล

٥٥٥٥٥.... อย่าเพิ่งดีใจไป ความกลัว(มาร) มันไม่ยอมแพ้เราง่าย ๆหรอก เพราะมนุษย์เรานั้นมันไม่มีใคร
สมบูรณ์แบบ รู้แต่ก็มักจะไม่ทำา/หรือไม่ก็ทำาไม่ได้ มารจึงยังหัวเราะเยาะเราได้อยู่

แต่พระเจ้าก็ทรงทราบจุดอ่อนของเราดี

จึงมีพระวจนะที่ให้พลังกับเราในการต่อสู้กับความกลัว ให้เห็นอยู่ตลอด ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ ด้วยคำา
ว่า “อย่ากลัวเลย” (God reminds us to “Fear not.”) และยังครอบคลุมความกลัวทุกชนิด

ตัวอย่าง

อิสยาห์ 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำาลัง
เจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา

มัดธาย ١٠:28 – 31 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำานาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้
ทรงฤทธ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบ ٢ ตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้า
พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรง
นับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่า นกกระจาบหลายตัว

สดุดี ٥6:11 ในพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำาอะไรแก่ข้าพเจ้าได้(เพราะ
รู้จักพระเจ้าอย่างดี รู้ว่าพระเจ้าแสนดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะวางใจในพระเจ้าไม่ จริงป่าว ว ว )

สดุดี ٥:11 แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่
                                 ั
เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์ จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์

ความกลัวที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงอีก 1 อย่างคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า

ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับคนที่ไม่เชื่อ
5


หมายถึง กลัวการตัดสินโทษบาปและความตายนิรันดร์ ซึงจะแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์
                                                ่

ลูกา 12 :4 – 5 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลัง
ไม่มีอะไรที่จะทำาได้อีก แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใดจงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตน แล้วก็ยังมี
ฤทธิ์อำานาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอก ท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ

ฮีบรู 10 : 30 - 31 เพราะเรารูจักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า “ การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง และได้
                               ้
ตรัสอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาชนชาติของพระองค์ การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า
ผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว

ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับผู้เชื่อ

ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความเคารพยำาเกรงที่ทำาให้เกิดผลดีในการดำาเนินชีวิตตามนำ้าพระทัยพระเจ้า

สดุดี 111:10 ความยำาเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ทปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี
                                                                   ี่
การสรรเสริญพระเจ้าดำารงอยู่เป็นนิตย์

สุภาษิต 14:26 - 27 ความยำาเกรงพระเจ้าทำาให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง ความ
ยำาเกรงพระเจ้าเป็นนำ้าพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกเลี่ยงจากบ่วงของความมรณาได้

สุภาษิต 19:23 ความยำาเกรงพระเจ้านำาไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มี
อันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา

สุภาษิต ١:7 ความยำาเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำาสั่งสอน (สติ
ปัญญามาจากการที่รจักพระเจ้าจริง ๆ ว่าพระองค์บริสุทธิ์ ยุตธรรม และถูกต้อง)
                 ู้                                      ิ

เฉลยธรรมบัญญัติ ١٠ :12 ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำา
อย่างไร คือให้ยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำาเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์
ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย

เฉลยธรรมบัญญัติ ٢: ١٠0 - 21 ท่านทั้งหลายจงยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติ
พระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์ จงปฏิญาณด้วยออกพระนามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของ
ท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำาการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได่
เห็นนี้

ความเกรงกลัวพระเจ้าจึงเป็นรากฐานของการเดินในทางของพระองค์ รับใช้พระองค์ และรักพระเจ้า

อีกประการหนึ่งเราไม่มีเหตุผลในการหวาดกลัวพระเจ้า เพราะพระสัญญาที่ว่าไม่มีอะไรแยกเราจากความรัก
ของพระองค์ได้

โรม 8 : 38 – 39 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่ง
ใด ๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำาให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ใน
พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
6


การตีสอน

 ฮีบรู 12 : 6 – 11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอย
เมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้
ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น
ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัตต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตร
                                                                    ิ
ของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียว
                                       ิ
กับคนอื่น ๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ

อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะ
อยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำาเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียง
ชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อ
ให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อ
มาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำาราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั่นเอง

        ความเกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับผูเชื่อจึงไม่ได้มีเพียงความรัก เคารพยำาเกรง และเชื่อฟังเท่านั้น แต่
                                      ้
รวมถึงการรูจักพระเจ้าอย่างแท้จริง เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเกลียดความบาปแค่ไหน และเกรงกลัวการลงโทษ
           ้
บาปจากพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้ในชีวิตของผู้เชื่อ ความเกรงกลัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราดำาเนินชีวิต และ
ปฏิบัติตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอยู่เสมอ

การทดลอง

       พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอของเรา และต้องการให้เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชื่อ และพระคัมภีร์ก็บอก
ชัดเจนว่าความเชื่อจะไม่เติบโตและเข้มแข็งถ้าปราศจากการทดลอง

ความเชื่อเป็นคุณสมบัติสำาคัญของคริสเตียน (Fiath is the cornerstone of Christianity)

เราเชื่อ(believe)ในการดำารงอยูของพระองค์ โดยความศรัทธา (fiath) = fiath เป็นเครื่องมือที่ทำาให้
                              ่
เรา beleive

ยากอบ ٤-١:٢ ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำาบากต่าง ๆ ก็จงถือว่า
เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำาให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน
ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย

         คนจำานวนมาก (รวมเราด้วย ฮิ ฮิ...) ไม่ให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ยกไว้เป็นสิ่งสำาคัญในชีวิต ไม่
สนใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผูซึ่งรักเขาอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากความเชื่อเป็นของประทานจาก
                               ้
พระเจ้า พระองค์จึงประทานโอกาสในการทดลองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ และพัฒนาความเชื่อให้เข้มแข็งและ
มั่นคงขึ้น

        ปัญหาและความทุกข์ยาก เป็นเครื่องมือสำาคัญที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็ง
เราจะพบว่ามีตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายคน ทีเมื่อต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว หรือความยากลำาบาก
                                                    ่
แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังและยอมให้พระคำาเติมเต็มความคิด ผลที่สุดแล้วจะพบว่าการทดลองแต่ละครั้งเป็น
เหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่ความเชื่อที่เข้มแข็งและมั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า
7


“พระเจ้าได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าในอดีต พระองค์จะทรงนำาพาข้าพเจ้าให้ผ่านความทุกข์ยากในวันนี้ และจะยังคง
ยกชูข้าพเจ้าต่อไปในอนาคต”

“ He sustained me in the past, He’ll carry me through today and He’ll uphold me in the future.”

พระเจ้าได้ทำางานในชีวิตของดาวิดเช่นเดียวกัน เมื่อดาวิดอาสาต่อสู้กับโกไลแอธ

1 ซามูเอล 17:37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจาก
ขยุมเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จง
   ้
ไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตย์อยู่กับเจ้า

ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าช่วยกู้เขาจากอันตรายในอดีต เขาเคยมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำานาจและการช่วยกู้ของ
พระเจ้า จึงพัฒนาความเชื่อที่สามารถขจัดความกลัว (fearless fiath) ขึ้น

สดุดี 27 :1-14 เป็นเครื่องมือที่ดาวิดใช้ต่อสู้กับความกลัว เมื่อเกิดความกลัวจงอธิษฐานอย่างดาวิด

โรม ١0:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระ
คริสต์

การได้ยน การอ่าน การศึกษาพระวจนะเป็นรากฐานในการพัฒนาความเชื่อ พระเจ้าต้องการให้เรา
         ิ
รู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้ และวางชีวิตไว้กบพระองค์
                                         ั

การอธิษฐาน ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้แข็งแรง และขจัดความกลัว/ความวิตกกังวลออกไป

สรุป

เราสามารถเอาชนะความกลัวด้วยความเชื่อและความรัก

ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาพระวจนะ และการอธิษฐาน อย่างจริงจัง จนมี
ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า และเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นในตัว
เราอย่างแท้จริง
8

More Related Content

Viewers also liked

ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์suraidabungasayu
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราRoiyan111
 
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)Nattayaporn Dokbua
 
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตorawan chaiyakhan
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraearlychildhood024057
 
ตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อsukanya5729
 

Viewers also liked (8)

ความก้าวร้าว_จิตวิทยา
ความก้าวร้าว_จิตวิทยาความก้าวร้าว_จิตวิทยา
ความก้าวร้าว_จิตวิทยา
 
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
 
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
 
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
 
ความคล้าย
ความคล้ายความคล้าย
ความคล้าย
 
ตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อตัวอย่างบทคัดย่อ
ตัวอย่างบทคัดย่อ
 

ความกลัว

  • 1. 1 ความกลัว ١٤/٨/٥٤ อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์สามารถจำาแนกได้ ๓ ลักษณะ ได้แก่ ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเนื่องจากถูก ขัดขวางความต้องการ ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย/ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ความพึงพอใจ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อได้รับการตอบสนอง อารมณ์ อื่น ๆ เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์เดียว หรือมากกว่าของอารมณ์ทั้งสาม ตัวอย่างเช่น รังเกียจ เดือดดาล เคียดแค้น เป็นรูปแบบของอารมณ์โกรธ ความวิตกกังวล การอิจฉา และความรู้สึกผิดจะอยูบนพื้นฐานของความกลัว ่ ความรักและความสุขจะมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกพึงพอใจ ความโศกเศร้าเป็นเสมือนการรวมกันของอารมณ์กลัวและอารมณ์โกรธ ความกลัวในทางจิตวิทยา ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นอันตราย /ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง เช่น เด็กเล็ก ๆ กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งแปลกประหลาด กลัวความมืด กลัวคำาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลำาพัง เด็กโต นอกจากกลัวเหมือนเด็กเล็ก ยังกลัวคำาเยาะเย้ย กลัวไม่เท่าเทียมเพื่อน กลัวเพื่อนไม่คบ ฯลฯ วัยรุ่น/ผู้ใหญ่ มีความกลัวในทางสังคมมากขึ้น กลัวผิดหวัง กลัวในบทบาททางเพศ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ กลัวดูไม่ดี กลัวความล้มเหลว กลัวตกงาน วิตกกังวล ห่วงใย อิจฉา ฯลฯ ผู้สูงอายุ กลัวความเจ็บป่วย กลัวโดดเดี่ยว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวไม่มีเงินเลี้ยงตัว ฯลฯ ทางจิตวิทยาถือว่าความกลัวเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้หลีกเลี่ยงจากอันตราย แต่ความกลัวที่มีมากจน เกินไป หรือกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว หรือกลัวโดยไม่มีเหตุผลล้วนทำาให้เสียสุขภาพจิต ควรได้รบการแก้ไข ั ด้วยการทำาจิตบำาบัด แต่มซักกีคนที่ได้รับการบำาบัด? ี ่ เรารู้ตวทุกครั้งไหมว่าเรามีความกลัว? เมื่อกลัวรู้ไหมว่ากลัวอะไรและกลัวทำาไม? ั เราจะไม่กลัวได้ไหม และจะเลิกกลัวได้อย่างไร? บ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข โดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเรามี ความกลัว หรือความวิตกกังวลแฝงอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำาให้เราไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกจาก ความรู้สึกเช่นนั้นได้ และมีบางครั้งเราเกิดความกลัวแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นคืออะไร ต้องการเวลาและผู้ช่วยในการหาคำาตอบ และแก้ไข ซึงระหว่างนั้นเราก็ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อไป ่ หลายครั้งทีเรารูตัวว่ากลัวอะไร แต่เลิกกลัวไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆนา ๆ ่ ้ ความกลัวมาจากไหน ความกลัว(spirit of fear)เริ่มครอบงำามนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ได้ทำาบาปครั้งแรก และจากมันไม่เคย ปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวอีกเลย นี่เป็นเหตุผลสำาคัญที่เราเลิกกลัวไม่ได้ เพราะมันฝังลึกอยู่ใน จิตวิญญาณของเรา บวกกับ มันยังเข้าหาเราได้ทางจิตใจในชีวิตประจำาวันเหมือนที่มันหลอกเอวาด้วย
  • 2. 2 ปฐมกาล 3:10 ชายคนนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย” เหตุใดซาตานจึงเลือกโยบเป็นเหยื่อในการท้าทายพระเจ้า โยบ 3:25 เพราะสิ่งทีข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า ่ เพราะก่อนที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดแก่โยบ โยบได้เกิดความกลัวขึ้นในใจก่อน เขาถวายเครื่องเผาบูชาเป็น ประจำาเพราะกลัวว่าบุตรของเขาได้กระทำาบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจ เขาได้เปิดโอกาสให้แก่มารก่อน (โยบ 1:١ - 5) แม้อัครสาวกผู้อยู่ใกล้ชิดพระเยซูก็ไม่เว้น ดูความกลัวของเปโตรในมัดธาย 14 : 28-32 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์ เดินบนนำ้าไปหาพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนนำ้าไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขา เห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำาลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” ในทันใดนั้นพระเยซู ทรงเอื้อมพระหัตถ์ จับเขาไว้แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำาไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” เมื่อพระองค์ กับเปโตร ขึนเรือแล้ว ลมก็เงียบลง ้ วิธีเอาชนะความกลัว ١. ดูกรณีของเปโตร จะพบว่าเมื่อตาของเขามองที่พระเยซู ความเชื่อทำาให้เขาเดินบนนำ้าได้ แต่เมื่อมอง ไปที่คลื่นลม ความกลัวได้ทำาลายความเชื่อของเขาไป ทำาให้เขาจมลง เมื่อเขาร้องเรียกพระเยซู นั่น แสดงออกถึงความเชื่อ พระเยซูจึงดึงมือเขาขึ้นมา จากกรณีของเปโตรเราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เมื่อความเชื่อมากขึ้น ความกลัวจะลดลง แต่พอความกลัวมากขึ้นความเชื่อก็จะลดลงเช่นกัน เราจึงควรจะพัฒนาความเชื่อให้มาก ขึ้นทั้งขนาดของความเชื่อ ความแข็งแรงไม่สั่นคลอนง่าย และความต่อเนื่องในการพัฒนาความเชื่อ เพราะ.. ความเชื่อและความกลัวไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !!!! ฮีบรู ١١:1 ....เป็นความเชื่อโดยสมบูรณ์ว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่เบื้องหลังชีวิตเราในทุกด้าน แม้เราจะไม่มี อะไรเป็นข้อพิสูจน์ แต่ความกลัวเป็นความไม่เชื่อ หรือเชื่อน้อย ความกลัวจึงสามารถเข้าครอบงำาอารมณ์และจิตใจเราได้ ดังนั้น การจะเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวล จึงต้องอาศัยความเชื่อ ซึงตรงข้ามกับความไม่เชื่อ(ความกลัว) ่ เราต้องทำาความเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองได้ แต่ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า (เอเฟซัส ٢:8 – 9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำาก็หามิได้ เพื่อมิให้คน หนึ่งคนใดอวดได้) แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาเราเผชิญหน้ากับความกลัว เราเคยทำาอย่างไร? ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าไปชั่วขณะ เราจะใช้กำาลังของเราเอง หรือไม่ก็หาผู้ช่วยที่เป็นผู้อ่อนกำาลัง ด้วยกัน เมื่อไม่ไหวแล้วเราจึงค่อยขอให้พระเจ้าช่วย การช่วยตนเองไม่งอมืองอเท้าเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรง พอพระทัย แต่พระเจ้าจะทรงพอพระทัยมากกว่าเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์ทรงเสริมกำาลังและสติ ปัญญาพร้อม ๆ กับการที่เราได้ลงมือแก้ปัญหาไปด้วย
  • 3. 3 ٢. ทำาความเข้าใจพระวจนะ ٣ ข้อนี้ แล้วบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร 2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว(spirit of fear)ให้กับเรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอร ปด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้กับเรา (his spirit fills us with power, love, and self-control.) เราได้เรียนรู้ว่า ความกลัวไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าประทานให้เป็นจิตที่มีพลังอำานาจ จิตที่มีความ รัก และความสามารถในการบังคับตนเอง กาลาเทีย ٥ : 22-٢٣ ฝ่ายผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความ อดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน ผลลัพธ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นในตัวเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานเหล่านี้เมื่อได้มาแล้ว แต่เราไม่ใช้ เก็บเอาไว้เฉย ๆ ก็อาจลืมไปว่ามีอยู่ไม่ได้เอามาใช้ หรือเมื่อคิดจะนำามาใช้ก็อาจใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่คล่อง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน (พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่มารู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ พอหาเจอใช้ไม่ได้ถ่านหมด ใส่ถ่านใหม่ก็ยังใช้ไม้ได้เพราะใช้ ไม่เป็นไม่เคยลองใช้ ٥٥٥٥٥٥...หัวเราะ เป็นแบบเดียวกันไหม?) 1 ยอห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัว เข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์ เราได้เรียนรู้ว่า เรายังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้เอามาใช้ โดยเฉพาะ ความรัก เพราะที่ไหนมีความรัก ทีนั้นไม่มีความกลัว เมื่อเอาความเชื่อผนวกกับความรัก แล้วความกลัวจะ ่ เหลือเหรอ (ตอนลูกเราเล็ก ๆ แล้วเขาร้องไห้จ้าเพราะความกลัว เมื่อเราอุ้มเขากอดเขาแน่นด้วยความรัก บอกว่า โอ๋.... แม่รักลูก เขาเงียบทันที ขา พระเจ้าก็คอยทำาอย่างนั้นกับเรา แต่เราโตแล้ว เลยทำาแบบผู้ใหญ่น่ะ มีสอน บ้างปลอบบ้าง ขูบ้างและที่เรากลัวที่สุด ก็คือ ออออ... การตีสอนการ แต่ก็เพราะความรัก) ่ ٣. การเรียนรู้จากพระวจนะ 3 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นเคล็ดลับสำาคัญในการรอดพ้นจากความกลัว เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร โรม 10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำาไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำา ไปสู่ความรอด ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล พระธรรมข้อแรก บอกไว้ชัดเจนว่าอย่าให้โอกาสแก่มาร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามารนั้นคอยวนเวียนจ้องหา โอกาสที่จะ “กัดกิน” เราอยู่ เมื่อเราเปิดโอกาสแม้แต่น้อยนิดให้ความกลัวเข้าครอบงำา ขนาดของความกลัว ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และหยุดยั้งไม่อยู่ เป็นวงจรอุบาทว์ แล้วการกระทำาอะไรล่ะที่เปิดโอกาสให้ความกลัว เรารู้อยู่แล้วว่าความกลัวเป็นศัตรูของความเชื่อ อะไรที่เรา ควรทำากับความเชื่อเราก็ทำาแบบตรงกันข้ามซะกับความกลัว แค่นั้นเอง 5555….. โรม ١٠:10 บอกเราว่าเราต้องเชื่อด้วยใจและยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปาก และยากอบ ٢:١٧ บอกว่า เราต้องประพฤติตามความเชื่อจึงจะเกิดผล
  • 4. 4 ดังนั้นสำาหรับความกลัว เราก็ต้องไม่ปล่อยใจให้หวาดกลัว ไม่ยอมรับด้วยปาก และไม่ประพฤติในทางที่ แสดงออกเป็นรูปธรรมว่าเรากลัว เช่น บางคนคอยพูดยำ้าเตือนกับตัวเอง เล่าให้คนอื่นฟัง และแสดงออก/ กระทำา ทีแสดงว่า ฉันกลัวว่า.........ฉันกังวลว่า....... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย......... ว่าแล้วไม่มีผิด....... ่ ตัวอย่าง เป็นห่วงลูกกลับบ้านดึก ในความคิดอาจจะกลัวอุบัติเหตุ และเหตุร้าย ๆต่าง ๆ การกระทำาก็อาจจะ บ่นให้อนอื่นฟัง หรือคอยฟังข่าวว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน คอยชะเง้อมองประตูบ้าน คอยฟังเสียงโทรศัพท์ โทร เช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน (อันเป็นต้นเหตุให้เขารำาคาญและอาจพาลไม่รับโทรศัพท์ ยิงทำาให้เราเป็นประสาท ่ มากกว่าเดิม) ติดต่อไม่ได้ก็โทรไปถามเพื่อนลูกทำาให้เขาโกลาหลไปกับเราด้วย ฯลฯ ไม่เป็นอันทำาอะไร เพราะใจไม่สงบสุข ก็แล้วควรทำาอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวสรุปให้ตอนจบ ใจเย็น ๆ จ ^_^ สรุปวิธีเอาชนะความกลัว 1. คนเราไม่สามารถเชื่อและกลัวในเวลาเดียวกันได้ จงฝึกฝนความเชื่อให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะความกลัว ٢. ใช้ความรักของพระเจ้าเอาชนะความกลัว (٢ รุม ١ จ้า จะเหลือเหรอ) ٣. ไม่เปิดโอกาสแก่มาร เมื่อความกลัวเข้ามาในชีวิต อย่ารับด้วยปาก อย่าเชื่อด้วยใจ และไม่ประพฤติตาม เพราะความเชื่อทำางานอย่างไร ความกลัวก็ทำางานเช่นเดียวกัน เมื่อทำาตรงกันข้าม ความกลัวก็จะไร้ผล ٥٥٥٥٥.... อย่าเพิ่งดีใจไป ความกลัว(มาร) มันไม่ยอมแพ้เราง่าย ๆหรอก เพราะมนุษย์เรานั้นมันไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ รู้แต่ก็มักจะไม่ทำา/หรือไม่ก็ทำาไม่ได้ มารจึงยังหัวเราะเยาะเราได้อยู่ แต่พระเจ้าก็ทรงทราบจุดอ่อนของเราดี จึงมีพระวจนะที่ให้พลังกับเราในการต่อสู้กับความกลัว ให้เห็นอยู่ตลอด ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ ด้วยคำา ว่า “อย่ากลัวเลย” (God reminds us to “Fear not.”) และยังครอบคลุมความกลัวทุกชนิด ตัวอย่าง อิสยาห์ 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำาลัง เจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา มัดธาย ١٠:28 – 31 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำานาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ ทรงฤทธ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบ ٢ ตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้า พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรง นับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่า นกกระจาบหลายตัว สดุดี ٥6:11 ในพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำาอะไรแก่ข้าพเจ้าได้(เพราะ รู้จักพระเจ้าอย่างดี รู้ว่าพระเจ้าแสนดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะวางใจในพระเจ้าไม่ จริงป่าว ว ว ) สดุดี ٥:11 แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่ ั เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์ จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์ ความกลัวที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงอีก 1 อย่างคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับคนที่ไม่เชื่อ
  • 5. 5 หมายถึง กลัวการตัดสินโทษบาปและความตายนิรันดร์ ซึงจะแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์ ่ ลูกา 12 :4 – 5 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลัง ไม่มีอะไรที่จะทำาได้อีก แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใดจงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตน แล้วก็ยังมี ฤทธิ์อำานาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอก ท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ ฮีบรู 10 : 30 - 31 เพราะเรารูจักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า “ การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง และได้ ้ ตรัสอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาชนชาติของพระองค์ การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับผู้เชื่อ ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความเคารพยำาเกรงที่ทำาให้เกิดผลดีในการดำาเนินชีวิตตามนำ้าพระทัยพระเจ้า สดุดี 111:10 ความยำาเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ทปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี ี่ การสรรเสริญพระเจ้าดำารงอยู่เป็นนิตย์ สุภาษิต 14:26 - 27 ความยำาเกรงพระเจ้าทำาให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง ความ ยำาเกรงพระเจ้าเป็นนำ้าพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกเลี่ยงจากบ่วงของความมรณาได้ สุภาษิต 19:23 ความยำาเกรงพระเจ้านำาไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มี อันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา สุภาษิต ١:7 ความยำาเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำาสั่งสอน (สติ ปัญญามาจากการที่รจักพระเจ้าจริง ๆ ว่าพระองค์บริสุทธิ์ ยุตธรรม และถูกต้อง) ู้ ิ เฉลยธรรมบัญญัติ ١٠ :12 ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำา อย่างไร คือให้ยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำาเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย เฉลยธรรมบัญญัติ ٢: ١٠0 - 21 ท่านทั้งหลายจงยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติ พระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์ จงปฏิญาณด้วยออกพระนามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของ ท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำาการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได่ เห็นนี้ ความเกรงกลัวพระเจ้าจึงเป็นรากฐานของการเดินในทางของพระองค์ รับใช้พระองค์ และรักพระเจ้า อีกประการหนึ่งเราไม่มีเหตุผลในการหวาดกลัวพระเจ้า เพราะพระสัญญาที่ว่าไม่มีอะไรแยกเราจากความรัก ของพระองค์ได้ โรม 8 : 38 – 39 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่ง ใด ๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำาให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ใน พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
  • 6. 6 การตีสอน ฮีบรู 12 : 6 – 11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอย เมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัตต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตร ิ ของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียว ิ กับคนอื่น ๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะ อยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำาเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียง ชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อ ให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อ มาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำาราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั่นเอง ความเกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับผูเชื่อจึงไม่ได้มีเพียงความรัก เคารพยำาเกรง และเชื่อฟังเท่านั้น แต่ ้ รวมถึงการรูจักพระเจ้าอย่างแท้จริง เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเกลียดความบาปแค่ไหน และเกรงกลัวการลงโทษ ้ บาปจากพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้ในชีวิตของผู้เชื่อ ความเกรงกลัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราดำาเนินชีวิต และ ปฏิบัติตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอยู่เสมอ การทดลอง พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอของเรา และต้องการให้เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชื่อ และพระคัมภีร์ก็บอก ชัดเจนว่าความเชื่อจะไม่เติบโตและเข้มแข็งถ้าปราศจากการทดลอง ความเชื่อเป็นคุณสมบัติสำาคัญของคริสเตียน (Fiath is the cornerstone of Christianity) เราเชื่อ(believe)ในการดำารงอยูของพระองค์ โดยความศรัทธา (fiath) = fiath เป็นเครื่องมือที่ทำาให้ ่ เรา beleive ยากอบ ٤-١:٢ ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำาบากต่าง ๆ ก็จงถือว่า เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำาให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย คนจำานวนมาก (รวมเราด้วย ฮิ ฮิ...) ไม่ให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ยกไว้เป็นสิ่งสำาคัญในชีวิต ไม่ สนใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผูซึ่งรักเขาอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากความเชื่อเป็นของประทานจาก ้ พระเจ้า พระองค์จึงประทานโอกาสในการทดลองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ และพัฒนาความเชื่อให้เข้มแข็งและ มั่นคงขึ้น ปัญหาและความทุกข์ยาก เป็นเครื่องมือสำาคัญที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็ง เราจะพบว่ามีตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายคน ทีเมื่อต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว หรือความยากลำาบาก ่ แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังและยอมให้พระคำาเติมเต็มความคิด ผลที่สุดแล้วจะพบว่าการทดลองแต่ละครั้งเป็น เหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่ความเชื่อที่เข้มแข็งและมั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า
  • 7. 7 “พระเจ้าได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าในอดีต พระองค์จะทรงนำาพาข้าพเจ้าให้ผ่านความทุกข์ยากในวันนี้ และจะยังคง ยกชูข้าพเจ้าต่อไปในอนาคต” “ He sustained me in the past, He’ll carry me through today and He’ll uphold me in the future.” พระเจ้าได้ทำางานในชีวิตของดาวิดเช่นเดียวกัน เมื่อดาวิดอาสาต่อสู้กับโกไลแอธ 1 ซามูเอล 17:37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจาก ขยุมเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จง ้ ไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตย์อยู่กับเจ้า ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าช่วยกู้เขาจากอันตรายในอดีต เขาเคยมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำานาจและการช่วยกู้ของ พระเจ้า จึงพัฒนาความเชื่อที่สามารถขจัดความกลัว (fearless fiath) ขึ้น สดุดี 27 :1-14 เป็นเครื่องมือที่ดาวิดใช้ต่อสู้กับความกลัว เมื่อเกิดความกลัวจงอธิษฐานอย่างดาวิด โรม ١0:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระ คริสต์ การได้ยน การอ่าน การศึกษาพระวจนะเป็นรากฐานในการพัฒนาความเชื่อ พระเจ้าต้องการให้เรา ิ รู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้ และวางชีวิตไว้กบพระองค์ ั การอธิษฐาน ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้แข็งแรง และขจัดความกลัว/ความวิตกกังวลออกไป สรุป เราสามารถเอาชนะความกลัวด้วยความเชื่อและความรัก ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาพระวจนะ และการอธิษฐาน อย่างจริงจัง จนมี ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า และเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นในตัว เราอย่างแท้จริง
  • 8. 8