ความกลัว
- 1. 1
ความกลัว ١٤/٨/٥٤
อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์สามารถจำาแนกได้ ๓ ลักษณะ ได้แก่
ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเนื่องจากถูก ขัดขวางความต้องการ
ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย/ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง
ความพึงพอใจ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อได้รับการตอบสนอง
อารมณ์ อื่น ๆ เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์เดียว หรือมากกว่าของอารมณ์ทั้งสาม ตัวอย่างเช่น
รังเกียจ เดือดดาล เคียดแค้น เป็นรูปแบบของอารมณ์โกรธ
ความวิตกกังวล การอิจฉา และความรู้สึกผิดจะอยูบนพื้นฐานของความกลัว
่
ความรักและความสุขจะมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกพึงพอใจ
ความโศกเศร้าเป็นเสมือนการรวมกันของอารมณ์กลัวและอารมณ์โกรธ
ความกลัวในทางจิตวิทยา
ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นอันตราย /ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง เช่น
เด็กเล็ก ๆ กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งแปลกประหลาด กลัวความมืด กลัวคำาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลำาพัง
เด็กโต นอกจากกลัวเหมือนเด็กเล็ก ยังกลัวคำาเยาะเย้ย กลัวไม่เท่าเทียมเพื่อน กลัวเพื่อนไม่คบ ฯลฯ
วัยรุ่น/ผู้ใหญ่ มีความกลัวในทางสังคมมากขึ้น กลัวผิดหวัง กลัวในบทบาททางเพศ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
กลัวดูไม่ดี กลัวความล้มเหลว กลัวตกงาน วิตกกังวล ห่วงใย อิจฉา ฯลฯ
ผู้สูงอายุ กลัวความเจ็บป่วย กลัวโดดเดี่ยว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวไม่มีเงินเลี้ยงตัว ฯลฯ
ทางจิตวิทยาถือว่าความกลัวเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้หลีกเลี่ยงจากอันตราย แต่ความกลัวที่มีมากจน
เกินไป หรือกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว หรือกลัวโดยไม่มีเหตุผลล้วนทำาให้เสียสุขภาพจิต ควรได้รบการแก้ไข
ั
ด้วยการทำาจิตบำาบัด
แต่มซักกีคนที่ได้รับการบำาบัด?
ี ่
เรารู้ตวทุกครั้งไหมว่าเรามีความกลัว? เมื่อกลัวรู้ไหมว่ากลัวอะไรและกลัวทำาไม?
ั
เราจะไม่กลัวได้ไหม และจะเลิกกลัวได้อย่างไร?
บ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข โดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเรามี
ความกลัว หรือความวิตกกังวลแฝงอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำาให้เราไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกจาก
ความรู้สึกเช่นนั้นได้
และมีบางครั้งเราเกิดความกลัวแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นคืออะไร ต้องการเวลาและผู้ช่วยในการหาคำาตอบ
และแก้ไข ซึงระหว่างนั้นเราก็ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อไป
่
หลายครั้งทีเรารูตัวว่ากลัวอะไร แต่เลิกกลัวไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆนา ๆ
่ ้
ความกลัวมาจากไหน
ความกลัว(spirit of fear)เริ่มครอบงำามนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ได้ทำาบาปครั้งแรก และจากมันไม่เคย
ปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวอีกเลย นี่เป็นเหตุผลสำาคัญที่เราเลิกกลัวไม่ได้ เพราะมันฝังลึกอยู่ใน
จิตวิญญาณของเรา บวกกับ มันยังเข้าหาเราได้ทางจิตใจในชีวิตประจำาวันเหมือนที่มันหลอกเอวาด้วย
- 2. 2
ปฐมกาล 3:10 ชายคนนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า
พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย”
เหตุใดซาตานจึงเลือกโยบเป็นเหยื่อในการท้าทายพระเจ้า
โยบ 3:25 เพราะสิ่งทีข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า
่
เพราะก่อนที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดแก่โยบ โยบได้เกิดความกลัวขึ้นในใจก่อน เขาถวายเครื่องเผาบูชาเป็น
ประจำาเพราะกลัวว่าบุตรของเขาได้กระทำาบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจ เขาได้เปิดโอกาสให้แก่มารก่อน
(โยบ 1:١ - 5)
แม้อัครสาวกผู้อยู่ใกล้ชิดพระเยซูก็ไม่เว้น ดูความกลัวของเปโตรในมัดธาย 14 : 28-32
ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์
เดินบนนำ้าไปหาพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนนำ้าไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขา
เห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำาลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” ในทันใดนั้นพระเยซู
ทรงเอื้อมพระหัตถ์ จับเขาไว้แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำาไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” เมื่อพระองค์
กับเปโตร ขึนเรือแล้ว ลมก็เงียบลง
้
วิธีเอาชนะความกลัว
١. ดูกรณีของเปโตร จะพบว่าเมื่อตาของเขามองที่พระเยซู ความเชื่อทำาให้เขาเดินบนนำ้าได้ แต่เมื่อมอง
ไปที่คลื่นลม ความกลัวได้ทำาลายความเชื่อของเขาไป ทำาให้เขาจมลง เมื่อเขาร้องเรียกพระเยซู นั่น
แสดงออกถึงความเชื่อ พระเยซูจึงดึงมือเขาขึ้นมา
จากกรณีของเปโตรเราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เมื่อความเชื่อมากขึ้น
ความกลัวจะลดลง แต่พอความกลัวมากขึ้นความเชื่อก็จะลดลงเช่นกัน เราจึงควรจะพัฒนาความเชื่อให้มาก
ขึ้นทั้งขนาดของความเชื่อ ความแข็งแรงไม่สั่นคลอนง่าย และความต่อเนื่องในการพัฒนาความเชื่อ เพราะ..
ความเชื่อและความกลัวไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !!!!
ฮีบรู ١١:1 ....เป็นความเชื่อโดยสมบูรณ์ว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่เบื้องหลังชีวิตเราในทุกด้าน แม้เราจะไม่มี
อะไรเป็นข้อพิสูจน์
แต่ความกลัวเป็นความไม่เชื่อ หรือเชื่อน้อย ความกลัวจึงสามารถเข้าครอบงำาอารมณ์และจิตใจเราได้ ดังนั้น
การจะเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวล จึงต้องอาศัยความเชื่อ ซึงตรงข้ามกับความไม่เชื่อ(ความกลัว)
่
เราต้องทำาความเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองได้ แต่ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า
(เอเฟซัส ٢:8 – 9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน
ทั้งหลายกระทำาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำาก็หามิได้ เพื่อมิให้คน
หนึ่งคนใดอวดได้)
แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาเราเผชิญหน้ากับความกลัว เราเคยทำาอย่างไร?
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าไปชั่วขณะ เราจะใช้กำาลังของเราเอง หรือไม่ก็หาผู้ช่วยที่เป็นผู้อ่อนกำาลัง
ด้วยกัน เมื่อไม่ไหวแล้วเราจึงค่อยขอให้พระเจ้าช่วย การช่วยตนเองไม่งอมืองอเท้าเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรง
พอพระทัย แต่พระเจ้าจะทรงพอพระทัยมากกว่าเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์ทรงเสริมกำาลังและสติ
ปัญญาพร้อม ๆ กับการที่เราได้ลงมือแก้ปัญหาไปด้วย
- 3. 3
٢. ทำาความเข้าใจพระวจนะ ٣ ข้อนี้ แล้วบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร
2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว(spirit of fear)ให้กับเรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอร
ปด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้กับเรา (his spirit fills us with power, love, and self-control.)
เราได้เรียนรู้ว่า ความกลัวไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าประทานให้เป็นจิตที่มีพลังอำานาจ จิตที่มีความ
รัก และความสามารถในการบังคับตนเอง
กาลาเทีย ٥ : 22-٢٣ ฝ่ายผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความ
อดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน
ผลลัพธ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นในตัวเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานเหล่านี้เมื่อได้มาแล้ว แต่เราไม่ใช้
เก็บเอาไว้เฉย ๆ ก็อาจลืมไปว่ามีอยู่ไม่ได้เอามาใช้ หรือเมื่อคิดจะนำามาใช้ก็อาจใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่คล่อง
เพราะเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน
(พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่มารู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ พอหาเจอใช้ไม่ได้ถ่านหมด ใส่ถ่านใหม่ก็ยังใช้ไม้ได้เพราะใช้
ไม่เป็นไม่เคยลองใช้ ٥٥٥٥٥٥...หัวเราะ เป็นแบบเดียวกันไหม?)
1 ยอห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัว
เข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์
เราได้เรียนรู้ว่า เรายังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้เอามาใช้ โดยเฉพาะ
ความรัก เพราะที่ไหนมีความรัก ทีนั้นไม่มีความกลัว เมื่อเอาความเชื่อผนวกกับความรัก แล้วความกลัวจะ
่
เหลือเหรอ
(ตอนลูกเราเล็ก ๆ แล้วเขาร้องไห้จ้าเพราะความกลัว เมื่อเราอุ้มเขากอดเขาแน่นด้วยความรัก บอกว่า โอ๋....
แม่รักลูก เขาเงียบทันที ขา พระเจ้าก็คอยทำาอย่างนั้นกับเรา แต่เราโตแล้ว เลยทำาแบบผู้ใหญ่น่ะ มีสอน
บ้างปลอบบ้าง ขูบ้างและที่เรากลัวที่สุด ก็คือ ออออ... การตีสอนการ แต่ก็เพราะความรัก)
่
٣. การเรียนรู้จากพระวจนะ 3 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นเคล็ดลับสำาคัญในการรอดพ้นจากความกลัว
เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร
โรม 10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำาไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำา
ไปสู่ความรอด
ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล
พระธรรมข้อแรก บอกไว้ชัดเจนว่าอย่าให้โอกาสแก่มาร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามารนั้นคอยวนเวียนจ้องหา
โอกาสที่จะ “กัดกิน” เราอยู่ เมื่อเราเปิดโอกาสแม้แต่น้อยนิดให้ความกลัวเข้าครอบงำา ขนาดของความกลัว
ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และหยุดยั้งไม่อยู่ เป็นวงจรอุบาทว์
แล้วการกระทำาอะไรล่ะที่เปิดโอกาสให้ความกลัว เรารู้อยู่แล้วว่าความกลัวเป็นศัตรูของความเชื่อ อะไรที่เรา
ควรทำากับความเชื่อเราก็ทำาแบบตรงกันข้ามซะกับความกลัว แค่นั้นเอง 5555…..
โรม ١٠:10 บอกเราว่าเราต้องเชื่อด้วยใจและยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปาก และยากอบ ٢:١٧ บอกว่า
เราต้องประพฤติตามความเชื่อจึงจะเกิดผล
- 4. 4
ดังนั้นสำาหรับความกลัว เราก็ต้องไม่ปล่อยใจให้หวาดกลัว ไม่ยอมรับด้วยปาก และไม่ประพฤติในทางที่
แสดงออกเป็นรูปธรรมว่าเรากลัว เช่น บางคนคอยพูดยำ้าเตือนกับตัวเอง เล่าให้คนอื่นฟัง และแสดงออก/
กระทำา ทีแสดงว่า ฉันกลัวว่า.........ฉันกังวลว่า....... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย......... ว่าแล้วไม่มีผิด.......
่
ตัวอย่าง เป็นห่วงลูกกลับบ้านดึก ในความคิดอาจจะกลัวอุบัติเหตุ และเหตุร้าย ๆต่าง ๆ การกระทำาก็อาจจะ
บ่นให้อนอื่นฟัง หรือคอยฟังข่าวว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน คอยชะเง้อมองประตูบ้าน คอยฟังเสียงโทรศัพท์ โทร
เช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน (อันเป็นต้นเหตุให้เขารำาคาญและอาจพาลไม่รับโทรศัพท์ ยิงทำาให้เราเป็นประสาท
่
มากกว่าเดิม) ติดต่อไม่ได้ก็โทรไปถามเพื่อนลูกทำาให้เขาโกลาหลไปกับเราด้วย ฯลฯ ไม่เป็นอันทำาอะไร
เพราะใจไม่สงบสุข
ก็แล้วควรทำาอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวสรุปให้ตอนจบ ใจเย็น ๆ จ ^_^
สรุปวิธีเอาชนะความกลัว
1. คนเราไม่สามารถเชื่อและกลัวในเวลาเดียวกันได้ จงฝึกฝนความเชื่อให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะความกลัว
٢. ใช้ความรักของพระเจ้าเอาชนะความกลัว (٢ รุม ١ จ้า จะเหลือเหรอ)
٣. ไม่เปิดโอกาสแก่มาร เมื่อความกลัวเข้ามาในชีวิต อย่ารับด้วยปาก อย่าเชื่อด้วยใจ และไม่ประพฤติตาม
เพราะความเชื่อทำางานอย่างไร ความกลัวก็ทำางานเช่นเดียวกัน เมื่อทำาตรงกันข้าม ความกลัวก็จะไร้ผล
٥٥٥٥٥.... อย่าเพิ่งดีใจไป ความกลัว(มาร) มันไม่ยอมแพ้เราง่าย ๆหรอก เพราะมนุษย์เรานั้นมันไม่มีใคร
สมบูรณ์แบบ รู้แต่ก็มักจะไม่ทำา/หรือไม่ก็ทำาไม่ได้ มารจึงยังหัวเราะเยาะเราได้อยู่
แต่พระเจ้าก็ทรงทราบจุดอ่อนของเราดี
จึงมีพระวจนะที่ให้พลังกับเราในการต่อสู้กับความกลัว ให้เห็นอยู่ตลอด ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ ด้วยคำา
ว่า “อย่ากลัวเลย” (God reminds us to “Fear not.”) และยังครอบคลุมความกลัวทุกชนิด
ตัวอย่าง
อิสยาห์ 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำาลัง
เจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา
มัดธาย ١٠:28 – 31 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำานาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้
ทรงฤทธ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบ ٢ ตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้า
พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรง
นับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่า นกกระจาบหลายตัว
สดุดี ٥6:11 ในพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำาอะไรแก่ข้าพเจ้าได้(เพราะ
รู้จักพระเจ้าอย่างดี รู้ว่าพระเจ้าแสนดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะวางใจในพระเจ้าไม่ จริงป่าว ว ว )
สดุดี ٥:11 แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่
ั
เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์ จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์
ความกลัวที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงอีก 1 อย่างคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า
ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับคนที่ไม่เชื่อ
- 5. 5
หมายถึง กลัวการตัดสินโทษบาปและความตายนิรันดร์ ซึงจะแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์
่
ลูกา 12 :4 – 5 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลัง
ไม่มีอะไรที่จะทำาได้อีก แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใดจงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตน แล้วก็ยังมี
ฤทธิ์อำานาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอก ท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ
ฮีบรู 10 : 30 - 31 เพราะเรารูจักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า “ การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง และได้
้
ตรัสอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาชนชาติของพระองค์ การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า
ผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว
ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับผู้เชื่อ
ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความเคารพยำาเกรงที่ทำาให้เกิดผลดีในการดำาเนินชีวิตตามนำ้าพระทัยพระเจ้า
สดุดี 111:10 ความยำาเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ทปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี
ี่
การสรรเสริญพระเจ้าดำารงอยู่เป็นนิตย์
สุภาษิต 14:26 - 27 ความยำาเกรงพระเจ้าทำาให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง ความ
ยำาเกรงพระเจ้าเป็นนำ้าพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกเลี่ยงจากบ่วงของความมรณาได้
สุภาษิต 19:23 ความยำาเกรงพระเจ้านำาไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มี
อันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา
สุภาษิต ١:7 ความยำาเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำาสั่งสอน (สติ
ปัญญามาจากการที่รจักพระเจ้าจริง ๆ ว่าพระองค์บริสุทธิ์ ยุตธรรม และถูกต้อง)
ู้ ิ
เฉลยธรรมบัญญัติ ١٠ :12 ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำา
อย่างไร คือให้ยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำาเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์
ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย
เฉลยธรรมบัญญัติ ٢: ١٠0 - 21 ท่านทั้งหลายจงยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติ
พระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์ จงปฏิญาณด้วยออกพระนามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของ
ท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำาการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได่
เห็นนี้
ความเกรงกลัวพระเจ้าจึงเป็นรากฐานของการเดินในทางของพระองค์ รับใช้พระองค์ และรักพระเจ้า
อีกประการหนึ่งเราไม่มีเหตุผลในการหวาดกลัวพระเจ้า เพราะพระสัญญาที่ว่าไม่มีอะไรแยกเราจากความรัก
ของพระองค์ได้
โรม 8 : 38 – 39 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่ง
ใด ๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำาให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ใน
พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
- 6. 6
การตีสอน
ฮีบรู 12 : 6 – 11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอย
เมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้
ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น
ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัตต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตร
ิ
ของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียว
ิ
กับคนอื่น ๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ
อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะ
อยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำาเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียง
ชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อ
ให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อ
มาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำาราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั่นเอง
ความเกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับผูเชื่อจึงไม่ได้มีเพียงความรัก เคารพยำาเกรง และเชื่อฟังเท่านั้น แต่
้
รวมถึงการรูจักพระเจ้าอย่างแท้จริง เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเกลียดความบาปแค่ไหน และเกรงกลัวการลงโทษ
้
บาปจากพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้ในชีวิตของผู้เชื่อ ความเกรงกลัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราดำาเนินชีวิต และ
ปฏิบัติตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอยู่เสมอ
การทดลอง
พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอของเรา และต้องการให้เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชื่อ และพระคัมภีร์ก็บอก
ชัดเจนว่าความเชื่อจะไม่เติบโตและเข้มแข็งถ้าปราศจากการทดลอง
ความเชื่อเป็นคุณสมบัติสำาคัญของคริสเตียน (Fiath is the cornerstone of Christianity)
เราเชื่อ(believe)ในการดำารงอยูของพระองค์ โดยความศรัทธา (fiath) = fiath เป็นเครื่องมือที่ทำาให้
่
เรา beleive
ยากอบ ٤-١:٢ ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำาบากต่าง ๆ ก็จงถือว่า
เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำาให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน
ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย
คนจำานวนมาก (รวมเราด้วย ฮิ ฮิ...) ไม่ให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ยกไว้เป็นสิ่งสำาคัญในชีวิต ไม่
สนใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผูซึ่งรักเขาอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากความเชื่อเป็นของประทานจาก
้
พระเจ้า พระองค์จึงประทานโอกาสในการทดลองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ และพัฒนาความเชื่อให้เข้มแข็งและ
มั่นคงขึ้น
ปัญหาและความทุกข์ยาก เป็นเครื่องมือสำาคัญที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็ง
เราจะพบว่ามีตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายคน ทีเมื่อต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว หรือความยากลำาบาก
่
แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังและยอมให้พระคำาเติมเต็มความคิด ผลที่สุดแล้วจะพบว่าการทดลองแต่ละครั้งเป็น
เหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่ความเชื่อที่เข้มแข็งและมั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า
- 7. 7
“พระเจ้าได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าในอดีต พระองค์จะทรงนำาพาข้าพเจ้าให้ผ่านความทุกข์ยากในวันนี้ และจะยังคง
ยกชูข้าพเจ้าต่อไปในอนาคต”
“ He sustained me in the past, He’ll carry me through today and He’ll uphold me in the future.”
พระเจ้าได้ทำางานในชีวิตของดาวิดเช่นเดียวกัน เมื่อดาวิดอาสาต่อสู้กับโกไลแอธ
1 ซามูเอล 17:37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจาก
ขยุมเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จง
้
ไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตย์อยู่กับเจ้า
ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าช่วยกู้เขาจากอันตรายในอดีต เขาเคยมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำานาจและการช่วยกู้ของ
พระเจ้า จึงพัฒนาความเชื่อที่สามารถขจัดความกลัว (fearless fiath) ขึ้น
สดุดี 27 :1-14 เป็นเครื่องมือที่ดาวิดใช้ต่อสู้กับความกลัว เมื่อเกิดความกลัวจงอธิษฐานอย่างดาวิด
โรม ١0:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระ
คริสต์
การได้ยน การอ่าน การศึกษาพระวจนะเป็นรากฐานในการพัฒนาความเชื่อ พระเจ้าต้องการให้เรา
ิ
รู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้ และวางชีวิตไว้กบพระองค์
ั
การอธิษฐาน ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้แข็งแรง และขจัดความกลัว/ความวิตกกังวลออกไป
สรุป
เราสามารถเอาชนะความกลัวด้วยความเชื่อและความรัก
ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาพระวจนะ และการอธิษฐาน อย่างจริงจัง จนมี
ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า และเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นในตัว
เราอย่างแท้จริง